เทอเรซ เดอแชด -สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก ผมอาจไม่ใช่คนเด่นอะไรแต่ผมก็มีดีพอตัวนะครับ แต่ในบรรดาคนเป็นล้านทำไมผมเป็นคนเดียวที่ต้องทําหน้าที่นี้เนี่ย ทั้งหมดเป็นเพราะ......แท้ๆ โอ๊ย อย่าตีผมสิเบลฟ
เบลเฟกอล(เบลฟ) -เรื่องของข้า เจ้ามนุษย์อย่าโอหังมากนัก อย่าให้ข้าต้องย้ำซ้ำ2นะ โอ้ ขออภัยที่แนะนำตัวช้าผมคือเบลเฟกอล1ใน9ราชาปีศาจผู้รับใช้ท่านลูซิเฟอร์ ฝากตัวด้วยนะครับ
คริสตีน่า อควาเดอเวีย -สวัสดีค่ะฉันคริส ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกา และเป็นเพื่อนคนเดียวของเทอเรซ ช่วยดูแลเขาด้วยนะคะ
อัสโมเดียส -เบลเฟกอล ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำอะไรเกินตัวอีกนะ อย่าให้ข้าต้องไปตามเก็บผลงานของเจ้าอีกล่ะ น้องชาย
อามอน-...
ซิริอัส -...
กาเบรียล -...
เฟรย่า-เทอเรซ อย่าคิดนะว่าครั้งนี้ฉันจะปล่อยให้นายทำงานพังพินาศสันตะโรอีก ล้างคอรอบทลงโทษจาก(ว่าที่)ประธานสภานักเรียนคนนี้ได้เลย
ปฐมบท -15ปีก่อน
"ได้โปรดเถอะลีน คุณก็รู้ว่าผมขาดคุณไปไม่ได้"ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้น ที่นี่เป็นคฤหาสน์ในย่านชนบทแห่งหนึ่ง ถ้าดูจากภายนอกจะเห็นได้ชัดเจนว่าตัวคฤหาสน์นั้นมีความสวยงามและยิ่งใหญ่อลังการเพียงใด แต่กลับน่าประหลาดใจที่ผู้ครอบครองที่นี่ กลับเป็นเพียงหญิงสามัญธรรมดาๆคนหนึ่งซึ่งไม่ได้มีฐานะดีอะไร เธอคนนั้นกำลังถกเถียงอย่างเข้มข้นกับชายอีกคนหนึ่งบริเวณธรณีประตูหน้าคฤหาสน์
"ไม่ค่ะ ลูซ คุณก็รู้ว่าฉันไม่สามารถไปยังที่แห่งนั้นได้ หากฉันไปมันจะเกิดข้อครหาขึ้นกับท่านนะคะ"ลีนยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อยๆปัดมือของเขาออก"ไว้คุณหาทางออกที่ดีกว่านี้ได้ค่อยมาบอกฉันนะคะ ไม่ต้องห่วงหรอกลูซ ฉันสัญญาไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีฉันก็จะรอคุณอยู่เสมอนะคะ"
"แต่...ลีน....ผม..."
"ฉันจะดูแลแกให้เองค่ะ ไว้พบกันใหม่นะคะที่รัก"เธอกอดเขาคนนั้นเสียแน่น ก่อนจะผละมือออกแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน ตอนนี้เขารู้สึกแย่มากที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจโน้มน้าวใจของเธอได้ ทั้งๆที่เธอจะปลอดภัยกว่ามากหากไปกับเขา แต่เธอก็ยังขออยู่ที่นี่เพื่อกันข้อครหาแก่ตัวเขาอีก นี่มันปัญหาวนชัดๆ
"โธ่ ลีน ผมไม่อยากให้คุณต้องลำบากใจเลย"เขาบ่น แต่ถึงอย่างไร แต่ไหนแต่ไรมาความใจดีของลีนก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขานิยมชมชอบในตัวเธอเสมอ เขาจึงทำอะไรไปไม่ได้มากกว่าสบถด่าตัวเอง ที่ไม่สามารถเปลี่ยนใจเธอได้
"ไม่เป็นไร! เวลายังมี ไม่มีใครที่จะรู้เรื่องนี้ได้หรอก"เขาให้สัญญากับตัวเอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่นี่ต้องปลอดภัยและเขานี่แหละที่จะปกป้องที่นี่ด้วยชีวิต คิดได้ดังนั้นเขาจึงค่อยๆก้าวเท้าออกจากคฤหาสน์ ด้วยความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยแม้ไม่ถึงกับเจ็บปวด
แต่แล้ว...ในขณะที่เขากำลังเดินออกมาจากหน้าคฤหาสน์ก็มีสุรเสียงดังลงมาจากฟากฟ้า
'สหายเก่าเอ๋ย เจ้าทำอะไรลงไป'
เขาชะงักก่อนมองขึ้นไปบนฟ้า สีเลือดเหือดหายไปจากใบหน้าทันที เพราะนี่เป็นเพียงบุคคลเดียวที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะรู้เรื่องนี้ และถึงรู้ก็คงไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง แต่ตอนนี้...
"เจ้า...เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร"เขาตอกกลับ พลางรีบประเมินกำลังตัวเองเผื่อในกรณีที่ต้องต่อสู้และปกป้องคฤหาสน์ไปพร้อมๆกัน
'เราคือผู้รู้แจ้งทุกสิ่ง เจ้าไม่อาจปิดบังสิ่งใดไปจากเราได้ ทั้งที่เราอุตส่าห์หวังว่าเจ้าจะตระหนักถึงสิ่งที่ได้ทำลงไปก่อนจะสาย เราจึงมิได้ปรากฎตัวเช่นครานี้...แต่อนิจจา บัดนี้เราไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อการกระทำของเจ้าได้อีก เจ้าจักต้องได้รับการลงทัณฑ์!!!'
สิ้นเสียงนั้นก็มีฟ้าผ่ากัมปนาทลงมาที่คฤหาสน์หลังนั้น แม้แต่พลังของเขา ก็ยังช้าเกินกว่าจะหยุดมันได้
"ม่ายยยยยยยยย"เขากรีดร้องอย่างสิ้นหวัง เขาพยายามเรียกพลังความมืดจากห้วงลึกของแก่นพลังเพื่อสร้างโล่ป้องกัน แต่เขาก็ทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านั้น โล่ที่ถูกเรียกมา กลับเบาแรงเสียจนน่าใจหาย ทานทนพลังงานเหนือธรรมชาติได้เพียงครู่ ก็แตกสลายไปอย่างไม่ใยดี ในมุมมองของเขา เขาสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณสีขาวที่หลุดลอยไปยังที่ห่างไกล...สถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยเรียกมันได้อย่างเต็มปากว่า"บ้าน" แล้วภาพต่างๆในสายตาของเขาก็ดำมืดลง เหมือนโรงหนังที่ปิดฉากการแสดง...
หลังจากฟ้าสงบ เขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์ก่อนจะพบร่างของลีนผู้เป็นที่รักสงบแน่นิ่งบนพื้น แม้ยามตาย สำหรับเขาเธอก็ยังคงงดงามไม่สร่างแม้แต่น้อย "เจ้า!!"เขาตะโกนเย้ยฟ้า ร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวัง ชูกำปั้นขึ้นเขย่าเย้ยหยันด้วยความรังเกียจ "ข้าจะล้างแค้นต่อความอัปยศนี้ ข้าจะต้องนำนางกลับมา!"เขากู่ร้องด้วยความเกลียดชังอย่างหาที่สุดไม่ได้ แต่ไร้ซึ่งผลใดๆ เพราะมัวสนใจท้องฟ้านั่น ทำให้เขาลืมกลับไปมองด้านหลัง ทุกสิ่งดูเงียบสงัดเพมือนป่าช้า จนมีผู้ปรากฏตัวออกมาจากเงามืดกล่าวทำลายความเงียบ
"ท่านทำไม่ได้หรอก"เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง เขาหันกลับไปมองก่อนเผชิญหน้ากับหนึ่งในคนที่เขาไว้ใจที่สุดในไตรภพ "อาม่อน?"เขารำพึง ชายคนนั้นพยักหน้าก่อนตอบ "นายท่าน วิญญาณมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่เปราะบาง หากสูญเสียไปแล้วครั้งหนึ่งก็ไม่มีวันเอากลับมาได้อีก ไม่ว่าวิธีใดก็ตาม ท่านลืมกฎธรรมชาติไปแล้วหรือ?"
...ถูกของเจ้า เขาคิด นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ค่ามากที่สุด เพราะแม้แต่หญิงผู้เป็นที่รักเขาก็ไม่อาจปกป้องเอาไว้ได้ ดวงวิญญาณที่เขาตามหาอย่างยากลำบากมาหลายล้านปี มาตอนนี้มันกลับถูกช่วงชิงต่อหน้าต่อตาเขาไปอีกครั้ง...
แล้วอย่างนี้ สมญานามจักรพรรดิแห่งเงามืดของเขามันจะไปมีความหมายอะไร?
เขาค่อยๆสงบสติอารมณ์ตนเอง สลัดความเศร้าสร้อยอย่างยากลำบาก ก่อนมองไปรอบๆซากแห่งความวิบัติดวงตาของเขาแทบจะมืดบอดไปด้วยความสิ้นหวัง ได้แต่มองพลางโหยหวนถึงความทรงจำเก่าๆ นั่นคือเครื่องเรือนที่ข้ามอบให้นางเป็นของขวัญวันเกิด สร้อยคอไหม้หลอมละลายที่นางเคยสวม น้ำตาเอ่อนองมาโดยไม่ตั้งใจ เขาพยายามหันหน้าหลบอาม่อน การแสดงความอ่อนแอต่อหน้าลูกน้อง ไม่ใช่สิ่งที่พึงกระทำ แล้วตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับสิ่งแปลกปลอมบางอย่างเข้า
ดวงตาของเขาเบิกโพลง เขารีบสาวเท้าก้าวผ่านเศษซากคฤหาสน์แล้วไปหยุดอยู่ตรงหน้าของทารก ใช่!เป็นทารกชายคนหนึ่ง เขาก้มหน้ามองด้วยความอัศจรรย์ใจ ที่แม้ฟ้าผ่าทำลายทุกสิ่งแต่เด็กคนนี้ยังรอดมาได้... ปาฎิหารย์ใดกันที่ช่วยรักษากายหยาบของมนุษย์จากพลังแห่งผู้สร้าง?...
แล้วพอสังเกตดีๆเขาถึงได้เข้าใจ ความเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา เมื่อเขาได้ตระหนักถึงบางสิ่ง เมื่อกี้ลีนพูดว่าอย่างไรนะ? "จะดูแลแกให้เองเหรอ" นั่นย่อมหมายความว่าเซอไพรส์ที่ลีนเคยสัญญาแก่เขาว่าจะบอกเมื่อถึงเวลาอันควรคือสิ่งนี้ เขาทราบทันทีว่านี่คือเจตนารมณ์ของเธอที่มอบให้แก่เขา ของขวัญต่างหน้าที่มีค่ากว่าโลกทั้งใบใต้พิภพ!!!
แต่ถึงอย่างไร เด็กคนนี้ก็ยังไม่สมบูรณ์ และด้วยพลังของเขาในตอนนี้ มันคงยังไม่พอที่จะปลุกเด็กคนนี้จากผลกระทบของเหตุการณ์ที่เขาได้รับเมื่อสักครู่ เขามองไปยังทารกพลางกัดฟันกรอด ถึงกระนั้นแล้ว...
"อาม่อน ข้าจะไปทำพิธีศพให้นาง แต่ข้ามีงานอยากให้เจ้าทำ"
"น้อมรับบัญชาขอรับ"
"พาเด็กคนนี้ไป สร้างประวัติปลอมและอื่นๆที่จะทำให้ไม่มีใครสงสัยเขาในฐานะของมนุษย์ ส่วนผู้เลี้ยงดูนั้นแล้วแต่เจ้าจะจัดการ" เมื่อเขาพูดจบ อาม่อนก็โค้งคำนับลง แต่ศรีษะของเขากลับเงยขึ้นอย่างรวดเร็วแทบจะทันที อาม่อนมองไปยังผู้เป็นนายด้วยแววตาเคลือบแคลงเล็กน้อย "ขอรับท่าน แต่ขอเรียนถามได้หรือไม่ว่า...ทำไมท่านต้องทำให้เด็กมนุษย์คนนี้มากขนาดนี้?"
เขาขบริมฝีปาก แต่อาม่อนนั้นเป็นหนึ่งในคนที่เขาไว้ใจที่สุด ไม่ว่างานใดอาม่อนก็ไม่เคยทำให้เขาต้องผิดหวัง เมื่อคิดว่าทบทวนดีแล้วเขาจึงตอบกลับไป "เพราะเด็กคนนั้นคือผู้แบกรับเจตนารมณ์ของเรา"เขาตัดสินใจบอกเพียงเท่านี้ ก่อนจะลูบหัวทารกน้อยคนนั้น ทารกน้อยที่ไม่รู้ประสีประสาอะไรก็ยิ้ม ก่อนหัวเราะแบบเด็กๆด้วยความชอบใจ อาม่อนมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความสงบนิ่ง หากแต่ในใจของเขานั้นร้อนรุ่มดั่งไฟลน ด้วยความที่รู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นและทราบในผลที่จะตามมา แต่ถึงอย่างไร! เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าเรื่องในอนาคตก็ปล่อยให้อนาคตจัดการไป ตัวเขาในตอนนี้ต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาให้ดีที่สุด เขาจึงเลือกที่จะไม่กล่าวอะไรออกไป เพียงแต่โก้งโค้งหลบหลีกโทสะและจาบัลย์ของผู้เป็นนาย
"จงจำไว้ อาม่อน นี่คือจุดเริ่มต้นของบางสิ่งที่อันตราย เราไม่สามารถย้อนผลของสิ่งที่ทำไปแล้วได้หรอกนะ!" เขาถลึงตาจ้องมองท้องฟ้าอย่างหาเรื่อง ประโยคหลังเขากล่าวอย่างจงใจ โดยหวังว่าสหายเก่าของเขาคนนี้จะจดจำไว้ ว่าสิ่งหลังจากนี้ทั้งหมด มันเกิดขึ้นเพียงเพราะเขามากระตุ้นโทสะ"ราชาแห่งปีศาจ" เขาดื่มด่ำจินตนาการภาพวาระสุดท้ายของสหายเก่าด้วยความลำพองตน แต่ความลำพองนั้นก็กลบหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อภาพไร้ชีวิตของลีนแทรกผ่านเข้ามาในมโนภาพของเขา ราวกับเกลียวคลื่นที่ซัดผ่านปราสาททราย เขากุมใบหน้าอย่างเศร้าสร้อย อาม่อนมองหน้าผู้เป็นนายอย่างเรียบเฉย ก่อนจะกล่าวทำลายความเงียบ
"ขอรับนายท่าน เรื่องสุดท้ายข้าขอทราบนามของนายน้อยเถิดขอรับ"
"นั่นสินะ"นาทีนี้ลูซยังคงเศร้าโศกเสียใจอยู่ แต่เพื่อรักษาภาพพจน์ต่อหน้าลูกน้องและรักษาความหวังที่ลีน มอบให้ เขาจึงลุกขึ้นปาดน้ำตาแห่งความเสียใจทิ้ง มองไปยังทารก รวบรวมกำลังใจก่อนจะตอบอาม่อนกลับไป
"งั้นก็เอาเป็น...เทอเรซ เดอแชดละกัน เจ้าจงดูให้แน่ใจล่ะว่าเขาจะเติบโตไปได้ด้วยดี"
ความคิดเห็น