ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My DarLinG. [เธอที่รัก] (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : My DarLinG : ChaPteR 1

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 48






    My  DarLinG.

    [เธอที่รัก]  โดย  [เงาใต้น้ำ]

    ChaPteR  1





    ยามค่ำคืนที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟมากมาย  ราวกับดวงดาวที่เกลื่อนฟ้า  หากต่างสถานที่สิ่งที่พบเจอย่อมแตกต่างกัน  และนี่ก็เป็นความต่างระหว่างเมืองหลวง  กับท้องทุ่งนาตามชนบท



    เสียงรถเบรคดังสนั่นไปทั่วลานจอดรถ  ในอาณาเขตคอนโดหรูกลางเมือง  ทำให้คนทั่วบริเวณหันมามองรถ BMW  สีน้ำเงินมันวาวด้วยความสนใจแต่เพียงชั่วครู่  ในเมื่อก็เป็นสิ่งที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปอยู่แล้ว



    เด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาก้าวลงจากรถหรูของตนเองด้วยท่าทางโซซัดโซโซ  เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโดสองคนจึงทำท่าจะเข้าไปพยุงเขา  ด้วยความมีไมตรีจิต  แต่คนที่ดูเหมือนจะอยู่ในสภาวะปกติก็โบกไม้โบกมือบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรเสียก่อน



    ก้าวเดินไม่มั่นคงอาจจะเกิดจากภาวะความเหน็ดเหนื่อยภายใน  ทำให้หญิงสาวหลายคนที่รู้จักกันดีเลือกที่จะไม่เอ่ยคำทักทายผู้ที่เพิ่งกลับมาถึงที่พัก  และเด็กหนุ่มร่างสูงก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับใครเช่นกัน



    กว่าจะพ้นจากประตูด้านหน้ามาได้  เขาต้องเสียเวลากับคีย์การ์ดในมือถึงสามรอบ  นั่นทำให้อารมณ์ที่ไม่ค่อยปกติยิ่งทวีความหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก  ความไม่พอใจทั้งหมดที่มีจึงไปลงเอากับการกดปุ่มเลือกชั้นลิฟท์  ที่เขาเลือกกดมันเสียทุกชั้น…



    ก่อนหน้านั้นอารมณ์ก็เสียจะแย่อยู่แล้ว  แต่เมื่อทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด  เด็กหนุ่มก็อารมณ์เสียยิ่งกว่าเดิม  เมื่อพบว่าลิฟท์ที่ตัวเองขึ้นมา  หยุดในทุก ๆ ชั้น  แล้วก็โมโหตัวเองเข้าไปอีกที่เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะตัวเขาขาดสติ



    ร่างสูงทรุดลงนั่งบนพื้นอย่างเซ็ง ๆ มือที่ประกอบไปด้วยนิ้วเรียวสวยเสยผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าตนเองออกอย่างหงุดหงิด  นึกไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาเกิดอารมณ์ไม่ปกติด้วยความเศร้าซึม  



    ใครจะไปคิดว่าคนที่มีพร้อมทุกอย่าง  จะต้องมีวันนี้เหมือนกับคนทั่ว ๆ ไปกัน…ในเมื่อเขาคือ  ภาติยะ  กอบกู้เกียรติ  บิดาเป็นถึงนักธุรกิจส่งออก  มีบริษัทฯ ใหญ่โต  อำนาจบารมีล้นเหลือ  ความร่ำรวยก็ไม่ต้องพูดถึงเรียกได้ว่าล้นฟ้ากันทีเดียว



    ภาติยะ  จัดว่าเป็นคนสมบูรณ์แบบ  เรียกได้ว่ารูปหล่อ  ฉลาด  พ่อรวย  ครอบครัวอบอุ่น  ทุกอย่างที่เป็นตัวเขา  ไม่มีสิ่งใดเลย…ที่จะเรียกได้ว่าดี  ปานกลาง  พอใช้  หรือต้องแก้ไข  แต่ทุกอย่าง…ยอดเยี่ยมเหนือคำบรรยาย



    ในเมื่อเป็นแบบนั้น  แล้วมันเหตุผลแบบไหนกันที่เขาต้องมีวันนี้  วันที่ถูกคนรักที่คบกันมานานเกือบ  7  ปีทิ้งไป  ด้วยเหตุผลง่าย ๆ  ‘คุณดีเกินไป…ภาต’  ตัวเขาเองย่อมจะนึกไม่ถึงแน่ ๆ ว่าการที่เขาดีเกินไปมันผิดตรงไหน  การเอาใจเก่ง  ตามใจคนรักทุกอย่าง…สารพัดความดีที่ทำ  มันเกินไปอย่างนั้นหรือ



    “เฮ้อ…ดีเกินไป  แล้วผิดตรงไหนวะ”  ภาติยะบ่นกับตัวเองอย่างเหนื่อยหน่ายใจ  เกิดมาก็เพิ่งจะเคยพบความผิดหวังนี่แหละ  แถมยังเพราะว่าตัวเองดีเกินไปอีกต่างหาก  นั่นทำให้เขาคิดเหมือนกัน…ว่าจะทำตัวเลว ๆ เลยดีไหม



    ประตูลิฟท์เปิดออกในชั้นที่ภาติยะพักอยู่  เขาจึงลุกขึ้นเดินออกจากลิฟท์มาด้วยท่วงท่าที่มั่นคงกว่าในตอนแรก  เด็กหนุ่มถอนหายใจไปอีกหลายครั้ง  ก่อนจะหยิบคีย์การ์ดมาเปิดประตูห้องเข้าไปช้า ๆ  เหมือนกำลังลุ้นกับอะไรสักอย่าง



    สายตากวาดไปรอบ ๆ ห้องด้านนอก  เมื่อไม่เห็นใครหรือสิ่งใด  ก็ถอนใจหายราวกับโล่งอกนักหนา  มือหนึ่งยกขึ้นเสยผม  แล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด  เมื่อคิดว่าอาจจะต้องเจอกับสิ่งที่คาดไม่ถึงในวินาทีถัดไป



    “ภาต…กลับมาแล้วเหรอ”  เสียงนุ่มนวลเอ่ยถาม  ก่อนที่เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวจะปรากฏตัวออกมายืนตรงหน้า  พร้อมกับรอยยิ้มหวาน



    ภาติยะตะลึงกับภาพตรงหน้า  เมื่อเห็นเพื่อนสนิทอยู่ในชุดนอนของผู้หญิง  จะว่าไปขนาดรูปร่างของเพื่อนเขาก็ออกจะอรชรอ้อนแอ้นอย่างกับผู้หญิงอยู่แล้ว  ยิ่งมาแต่งตัวแบบนี้ก็ยังกับอีกฝ่ายใส่เสื้อเชิ๊ตของเขาอยู่ตัวเดียว…มากกว่าจะเป็นชุดนอนลายการ์ตูนปกติ



    ดวงหน้าหวานใสมีรอยยิ้มพราย  เจ้าตัวหมุนไปรอบ ๆ เมื่อเห็นเพื่อนสนิทจับจ้องตัวเองไม่วางตา  ก่อนภาติยะจะเดินเข้าไปกอดคอเขาเอาไว้  แล้วลากหลุน ๆ ไปที่โซฟากลางห้องด้วยความรวดเร็ว



    “มันชุดอะไรน่ะ…น่านฟ้า”  ภาติยะเอ่ยถามเมื่อพยายามจับเพื่อนตัวเองลงนั่งบนตัก  แล้วทำให้อยู่นิ่ง ๆ ได้สำเร็จ



    คนที่ถูกจับตัวไว้แน่นทำหน้าอย่างกับปลาทอง  บ่งบอกถึงอาการงอนได้อย่างน่ารักน่าชัง  เชิดหน้าหนีไม่สนใจคำถาม  จนภาติยะต้องคิดหาแผนการทำให้อีกฝ่ายหายงอนจนหัวปั่น



    “ก็เห็นว่าน่ารักดีนี่…ก็เลยถาม”  นั่นล่ะพออีกคนได้ยินเข้า  ก็หันมายิ้มหวานทันใด  จนภาติยะเหนื่อยใจความบ้ายอของเพื่อนรัก



    “ชุดนอนของพี่น้ำฝนล่ะ  มันติดมาในกระเป๋าเมื่อคราวไปค้างกับพี่เค้าครั้งก่อนไง  แล้วทีนี้เมื่อตอนเย็นอะ  เราดูทีวีเห็นนางเอกเค้าใส่แบบนี้แหละ  น่าร้ากน่ารัก  พอส่องกระจกดูแล้วก็เออ…หน้าตาเราก็น่าจะใส่ขึ้นไง  เลยเอามาลองดู  นึกแล้วว่าต้องดูดี”  น่านฟ้ามีคำอธิบายให้เป็นฉาก ๆ  จนภาติยะมองเห็นภาพชัด



    “เออ…ก็ดูดีน่ะนะ”  ภาติยะชักจะเริ่มเห็นดีด้วย  “มันก็ดูเซ็กซี่ดี  เหมาะกับนายแล้วล่ะ  แต่ขานายสวยดีนี่  เนียนเชียว…”



    น่านฟ้ามองมืออีกคนที่ไล้ไปตามขาตัวเองเบา ๆ  อย่างแปลกใจ  เขาเอนตัวซบเข้าแผ่นอกกว้างด้วยความสงสัย  ทั้งที่ยังคงปล่อยให้ภาติยะลูบเรียวขาตนเองได้ตามใจชอบ



    “เป็นอะไร…ไหนว่าวันนี้นัดกับมาศไง  กลับเร็วจัง…หรือว่าถูกทิ้ง”  คนพูดดูเหมือนจะไม่ค่อยแน่ใจเช่นกันกับสิ่งที่ถามออกไป  เพราะตัวเขาเองก็ไม่คิดว่าคนอย่างภาติยะจะถูกทิ้งได้



    ภาติยะหัวเราะเบา ๆ  “เก่งแฮะ…ทายถูกได้ไง”  เจ้าตัวไม่พูดเปล่าก้มลงจูบหน้าผากมนเบา ๆ เป็นการชมเชยอีกอย่าง



    น่าแปลกที่น่านฟ้าเพียงแค่ยิ้มรับ  ดูเหมือนพวกเขาจะชินกับการปฏิบัติต่อกันแบบนี้ไปเสียแล้ว  จำได้ว่าน่าจะเป็นตั้งแต่คบกันใหม่ ๆ เลยด้วยซ้ำ  หรือจะเป็นเพราะสาเหตุนี้กันนะที่ทำให้ภาติยะถูกนพมาศ  ซึ่งเป็นคนรักหักอกเอา



    “ไปอาบน้ำได้แล้วล่ะ  เดี๋ยวจะไปนอนแล้ว…”  น่านฟ้าเอ่ยบอกแล้วขยับลุกขึ้น  แต่ก็โดนมือใหญ่คว้าข้อมือไว้ก่อน  



    เจ้าตัวก้มลงหอมแก้มภาติยะเบา ๆ เป็นเหมือนการปลดสลักที่ล็อคตัวเองไว้  เมื่ออีกฝ่ายยอมปล่อยแต่โดยดี  แล้วทั้งคู่ก็แยกกันไปคนละห้อง…แต่สุดท้ายก็ต้องมาพบกันที่ห้องนอนอยู่ดี



    ++++++++++++++++++++++++



    ภาติยะนอนแช่ตัวในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่อย่างสบายใจ  ดูเหมือนน่านฟ้าจะทำให้เขาอารมณ์ดีได้เสมอ  คิดแล้วก็หัวเราะเบา ๆ เมื่อนึกถึงอีกฝ่ายที่ชอบทำตัวแปลก ๆ  แต่นั่นก็ถือเป็นข้อดีของน่านฟ้าเช่นกัน



    เด็กหนุ่มรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของเขาค่อนข้างหัวช้า  ถึงอีกฝ่ายจะเรียนเก่ง  และมีมนุษย์สัมพันธ์เป็นเลิศ  แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะเป็นเพราะความผิดปกติของน่านฟ้าก็ได้  ที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้



    น่านฟ้าค่อนข้างจะเป็นคนสนุกสนาน  สดใสและมีรอยยิ้มหวานติดอยู่บนหน้าเสมอ  แม้ในยามที่ต้องทุกข์ใจจนหาทางออกไม่ได้  ต่อหน้าคนอื่นก็ยังจะดูเป็นปกติ  แต่ภาติยะเองก็รู้ดีว่าเพื่อนของเขาไม่ได้เป็นแบบที่คนอื่นเห็น…น่านฟ้ามีความเป็นมาลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น



    เพื่อนสนิทเขาเป็นเด็กที่เรียกได้ว่ามีปัญหา  ภาติยะพบกับน่านฟ้าเมื่อตอนที่เขาเรียนอยู่มัธยมต้น  พวกเขาเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน  ในเวลานั้นอีกฝ่ายดูซึมเศร้า  ไม่มีสังคม  และไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตัวเองมีเสน่ห์ต่อผู้ที่พบเห็นมากแค่ไหน



    วันหนึ่งภาติยะช่วยน่านฟ้าเอาไว้ได้  จากเหตุการณ์ที่สะเทือนใจอีกฝ่ายอย่างที่สุด  เมื่อเกือบโดนรุมโทรมจากรุ่นพี่ในโรงเรียนถึงหกคน  เหตุการณ์ไม่ได้ถึงขั้นหวุดหวิด  แค่เพียงถูกฉุดกระชากลากถู  แต่ก็ทำให้น่านฟ้าตกใจจนช็อคหมดสติไปหลายวัน



    หลังจากเหตุการณ์คราวนั้น  ภาติยะก็เป็นเพียงคนเดียวที่น่านฟ้าให้ความไว้วางใจมากที่สุด  จนมารดาของเขาต้องขอร้องให้ภาติยะช่วยดูแลลูกชายของตน  เธอและพี่สาวของน่านฟ้าดีใจมากเมื่อภาติยะรับปาก  เพราะหากยังอยู่ที่บ้านต่อไปน่านฟ้าก็จะต้องถูกบิดาแท้ ๆ ทารุณกรรมอยู่ดี…เพราะความเกลียดชังที่ลูกชายคนเดียวหัวช้า  จนเหมือนเด็กปัญญาอ่อน



    ภาติยะขอให้บิดาของตนรับน่านฟ้ามาอยู่ที่บ้านด้วย  ซึ่งทุกคนในบ้านเขาก็ไม่มีใครว่าอะไร  อาจเป็นเพราะความน่ารักของน่านฟ้าด้วยก็ได้ที่ทำให้ทุกอย่างราบรื่นไปหมด  ตั้งแต่วันนั้นมาเขาและน่านฟ้าก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา  ไม่เคยห่างกันไปไหน  จนใครต่อใครชอบล้อเลียนว่า…เป็นคู่แต่งงานใหม่



    ภาติยะหัวเราะเมื่อนึกถึงคำพูดนั้น  จะว่าไปแล้วเมื่อสองวันก่อน  เดชานนท์เพื่อสนิทในกลุ่มก็เพิ่งล้อพวกเขาด้วยคำนี้เช่นกัน  จนเขานึกสงสัยว่า  เป็นคู่แต่งงานกันมาตั้ง  8  ปีแล้ว  จนถึงวันนี้ยังไม่เก่าอีกหรือ…



    เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำเมื่อรู้สึกว่าตัวเองแช่น้ำนานเกินไปแล้ว  เขาหยิบผ้าเช็ดตัวมาซับน้ำออกจากตัวอย่างเหม่อลอย  นึกไปถึงคนด้านนอกว่าจะหลับไปแล้วหรือยัง  แล้วก็พอจะเดาได้ว่าคงจะหลับสนิทไปแล้ว…ก็น่านฟ้าน่ะหลับง่ายจะตาย



    เสียงประตูห้องน้ำที่เปิดออก  ไม่สามารถทำให้คนที่นอนหลับตาพริ้มบนเตียงรู้สึกตัวได้ดังคาด  ภาติยะมองน่านฟ้าที่หลับสนิทด้วยความเอ็นดูมากกว่าอื่นใด  ชุดนอนเลื่อนอวดต้นขาเนียนอย่างหมิ่นเหม่ทำให้เด็กหนุ่มต้องส่ายหน้าระอาใจกับความคิดแผลง ๆ ที่ไม่ได้จงใจนั้น  เพราะถึงแม้จะดูน่ารัก  แต่ก็เซ็กซี่เกินไป…



    ภาติยะนั่งลงข้าง ๆ น่านฟ้าที่นอนตะแคงขดตัวจากความเย็นของเครื่องปรับอากาศ  เขาแต่งตัวไปด้วยอย่างลวก ๆ  เพราะให้ความสนใจกับคนที่กำลังหลับมากกว่า  ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปมองเพื่อนตัวเองอย่างใกล้ชิด  ก่อนจะโยนผ้าเช็ดตัวทิ้งไปเมื่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย



    “อือ…ภาต  อาบน้ำช้าจัง”  น่านฟ้าที่ลืมตาตื่นขยี้ตาอย่างงัวเงีย  ปากก็บ่นเพื่อนอย่างแสนงอน



    ภาติยะเพียงแค่ยิ้มกับความน่ารักนั้น  เมื่อรู้ดีว่าน่านฟ้านั้นเจ้าแง่แสนงอนเพียงใด  เอาเป็นว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนยังต้องยอมแพ้นั่นแหละ…



    “โทษที…ก็ไม่คิดว่านายจะง่วงขนาดนี้นี่”  ดวงตาที่โตอยู่แล้วยิ่งโตขึ้นอีกเมื่อได้ฟัง  ทำให้คนที่จ้องมองต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง



    หน้าหวานเบ้อย่างไม่ชอบใจกับเสียงหัวเราะที่ดูเหมือนจะเยาะเขา  “ง่วงที่ไหนกัน…”  พูดจบก็ซบหน้าลงกับหมอนอย่างงอน ๆ ไปอีกรอบ



    ภาติยะต้องอดกลั้นความขบขันของตัวเองไว้  ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาง้ออีกฝ่ายด้วยความเคยชิน  “น่า…อย่างอนสิ  นอนดีกว่านะ”



    วงแขนคว้าน่านฟ้าเข้ามากอดเอาไว้จนแนบสนิท  ใบหน้าเกยอยู่กับไหล่บางเหมือนที่เคยทำ  แล้วหลับตาลงช้า ๆ ด้วยความสบายใจ  แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นมาอีกเมื่อน่านฟ้าขยับยุกยิกไปมาอยู่ในอ้อมกอดของตน  อีกฝ่ายตะแคงตัวเข้าหาอ้อมอกอบอุ่นของภาติยะ  เงยหน้ามองคนที่กอดตัวเองเอาไว้ตาแป๋วเหมือนกระรอก



    “ว่าไง...”  เสียงอ่อนโยนเอ่ยถาม  ทั้งที่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายไม่ยอมนอน



    นิ้วชี้เรียวสวยชี้ไปที่หน้าผากตัวเองด้วยสีหน้าบูดบึ้ง  เมื่อแน่ใจว่าถูกแกล้งอยู่แน่ ๆ  ภาติยะหัวเราะเสียงดัง  ก่อนจะยอมก้มลงจูบหน้าผากนวลเหมือนเช่นทุกวัน...น่านฟ้ายิ้มแล้วหลับตาลงแต่โดยดี  ไม่นานนักเสียงหายใจของทั้งสองก็ราบเรียบ...บ่งบอกถึงการหลับสนิทได้เป็นอย่างดี



    ChaPteR  1  --  EnD



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×