คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Always ....!~
ALWAYS...
ผิดหรือที่จะผูกมัดตัวเองด้วยคำว่ารัก
ผิดไหมที่เลือกจะคุมขังตัวเองด้วยคุก ที่เรียกว่า การรอคอย
หากนั่นคือสิ่งที่หัวใจต้องการ....
แล้วผิดตรงไหน ถ้าเราจะเลือกมัน
*****************************************
เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนผมถูกเพื่อนๆ เรียกว่า “ไอ้คุณนาย”
เพราะคนรักของผมเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการใหญ่ กับบริษัทใหญ่โตที่เจ้าตัวทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานมากว่า 5 ปี ในงานเลี้ยงฉลองที่จัดขึ้นง่ายๆ หน้าบ้านชั้นเดียวหลังน้อยน่ารักของพวกเราเต็มไปด้วยไอ้พวกขี้เมากินฟรีที่พร้อมจะถวายตัวมาถึงทันทีที่เปิดขวดสุราแล้วจุดธูปเรียก
เสียงเฮฮาจนน่ารำคาญในเวลาปกติ แต่ ณ เวลานั้นความสุขมันมีมากกว่าจนไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อย แม้กระทั่งเมื่อใครคนหนึ่งในกลุ่มแซวเสียงอ้อแอ้ว่า ที่คนรักของผมได้เลื่อนขั้นเร็วราวกดลิฟต์ขึ้นไปนั้นเพราะไปฝากตัวเป็นลูกเขยท่านประธานบริษัทมาหรือเปล่า ผมแสดงความขอบคุณโดยการยัดปากมันด้วยตูดไก่ย่างเจ้าอร่อย ซึ่งถ้าเป็นเวลาปกติสิ่งที่ผมจะถวายให้มันคงจะเป็นผ้าใบเน่า ๆ ของผมแน่นอน
และถ้าเป็นเวลาปกติผมคงจะสังเกตเห็นอาการสะดุดของเขา
ซึ่งถ้าเป็นเวลาปกติ...
ผม...คงจะรู้ตัวเร็วกว่านี้
.
.
“ ข้าว เราเลิกกันเถอะ”
****************************************
“ ไอ้ข้าว... เมิงอย่ายอมนะเว้ย ไอ้ภัทรมันทำชั่วๆ อย่างนี้ได้ไงวะ” เสียงกระชากโหวกเหวกไม่เกรงใจเกือกเพื่อนบ้านนี่ ไม่บอก...ก็น่าจะรู้ว่าไม่ใช่ตัวผมแน่ๆ
ไอ้เพื่อนยอด ไอ้ปากพระร่วงครับ คนนี้แหละที่มันทักเรื่องลูกเขยประธานบริษัท เมื่อคืนหลังจากพวกเพื่อนๆ รู้ข่าวการเลิกราระหว่างผมกับภัทร ไอ้ยอดก็ดิ่งมาที่บ้านผมตั้งแต่พระอาทิตย์ยังโผล่มาไม่พ้นขอบฟ้าดี อยากบอกมันเหลือเกินว่า เพื่อนครับกุรู้ว่าเมิงห่วงแต่ช่วยเผื่อเวลาหลับนอนให้กุหน่อยได้ไหมครับ ช่วยรับรู้นิดนึงว่าเพื่อนเมิงเป็นนักเขียนที่ต้องนอนดึก และตื่นสายนะครับ
คิดอย่างเซ็ง ๆ แล้วก็ได้แต่เปิดประตูอัญเชิญมันเข้าบ้าน ผมเดินหัวหูยุ่งเหยิงเข้าไปหยิบน้ำในครัวให้มัน จริงๆก็ไม่เคยต้องบริการแบบนี้หรอกนะครับเพราะพวกเพื่อน ๆ ของผมมันบริการตัวเองกันได้ พวกมันเวียนกันมาสิงบ้านผมจนเหมือนบ้านของพวกมันไปแล้ว
แต่คราวนี้คงต้องบริการมันหน่อย.... ดูหน้าตาเหมือนหมากลัวน้ำของมันแล้วกลัวเหลือเกินว่าห้องครัวบ้านผมจะพบหายนะเสียก่อน เห็นหน้ามันแล้วก็ชักสงสัยว่าใครกันแน่ที่ถูกทิ้ง ผมหรือว่ามัน
“ กินน้ำให้ใจเย็น ๆ ก่อน แล้วก็ช่วยเงียบ ๆ เสียงด้วย กุฟังแล้วมึน”
“นี่เมิงยังจะทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่อีกหรือ ห๊ะ!! ไอ้ข้าว” มันหันขวับมาทำตาโปน ขึ้นเสียงใส่ผมอีก ไอ้นี่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง บอกว่าให้เสียงเบาๆหน่อย
“ แล้วจะให้กุทำยังไง ลุกขึ้นร้องกรี๊ด กอดแข้งกอดขา แล้วพูดว่าอย่าทิ้งข้าวนะที่รัก... อย่างนั้นหรือวะ ภัทรมันจะได้สะบัดแข้งเข้าปลายคางกุน่ะสิ”
ผมพูดเสียงเรียบราวกับไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรนัก สองขาเรียวเดินไปมาระหว่างครัว กับห้องนั่งเล่น ก่อนจะลงนั่งบนโซฟานุ่มสีครีมอีกครั้งพร้อมถ้วยกาแฟหอมกรุ่น ผมจิบกาแฟขมเรียกความกระปรี้กระเปร่าให้ตัวเอง พลางฟังเสียงบ่นที่หรี่เดซิเบลลงพอสมควรของไอ้ยอด หลับตาแล้วพยายามฟังให้เป็นเสียงนกกระจิบกระจอกก็พอให้เพลิน ๆ ดีเหมือนกัน อย่างน้อยในช่วงเวลาแบบนี้ผมก็ไม่ต้องอยู่คนเดียว....
“ ไอ้ข้าว ถึงเมิงจะเป็นคนดียังไงมันก็ต้องมีขอบเขตกันบ้าง ไอ้เหี้ ยภัทรทำอย่างนี้มันเข้าขั้นเลวแล้วนะโว้ย กุเห็นอยู่กับเมิงมาตั้งเกือบสิบปีก็ทำแต่เรื่องเสียใจให้เมิงทั้งนั้น ตั้งแต่สมัยเรียนละ กี่ครั้งแล้ววะที่พวกกุต้องเสียค่าเปิดเหล้าปลอบใจเมิงอ่ะ”
ผมหรี่ตามองมัน เท่าที่จำได้เลี้ยงปลอบทีไรก็เป็นพวกมันนี่แหละที่เมาอ้วกแตกอ้วกแตนทุกที แล้วผมก็ต้องลากต้องแบกกลับ ต้องล้างต้องเช็ดให้พวกมันจนลืมเศร้าเรื่องตัวเองไปทุกครั้ง ก็ถือว่าประสบผลสำเร็จล่ะเพราะผมหายเศร้าได้จริง แม้จะเกิดจากผลข้างเคียงก็เถอะ
“ ก็แค่... เสียใจอีกครั้ง ก็เท่านั้นนี่หว่า...”
“.......”
“ สำหรับเรื่องของภัทร มันก็เป็นแค่อีกครั้ง กุก็แค่รอว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมาเท่านั้น”
“แต่คราวนี้มันไม่เหมือนก่อนๆ นะ พวกแกไม่ใช่เด็กเมื่อวานซืนอีกแล้ว แล้วคราวนี้ไอ้ภัทรมันกำลังไปแต่งงานนะโว้ย เมิงคิดว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ที่มันจะยอมทิ้งผู้หญิงที่เป็นทั้งเมีย เป็นถังข้าวสาร และอนาคตก็อาจจะเป็นแม่ของลูก ต้องใช้เวลากี่ปีกว่ามันจะกลับมาหาเมิง”
“.......”
“ 1ปี... 3ปี... 10ปี หรือตลอดชีวิตวะข้าว”
ผมเงยหน้ามองไอ้ยอดเต็มตา ลึกๆแล้วผมเจ็บปวดกับคำพูดของมันนะ และแม้แววตาของผมจะสั่นไหวแต่สีหน้าของผมยังคงเรียบเฉยอยู่ดี... ผมคิดว่าอย่างนั้น
ผมไล่ไอ้ยอดกลับบ้านไปแล้ว มันดันทุรังจะอยู่ต่อให้ได้จนผมต้องต่อโทรศัพท์หาแม่มันให้เรียกตัวมันกลับด่วน เสียงเรียกแม่จ๋า ๆ หนูอย่างนั้นหนูอย่างนี้ของมันทำให้ผมอดระบายยิ้มไม่ได้ ก็คิดดูเถอะ ผู้ชายอายุใกล้สามสิบตัวดำๆ ตาโปนๆ หน้าเงือกๆ เรียกแทนตัวเองว่าหนูเนี่ย... มันอดไม่ไหวจริงๆครับ
สุดท้ายมันก็จำใจจากจร ก่อนไปยังกล่าวคำอาฆาตไว้ด้วยว่าคืนนี้จะยกพลมาบุกบ้านผมพร้อมอาวุธครบมือ ทั้ง สุรา โซดา น้ำแข็ง... ไอ้เปรตมาอาศัยบ้านกุเมาเหมือนเดิม
**********************************************
ผมกลับขึ้นไปบนห้องเอนหลังบนเตียงใหญ่ ซึ่งตอนนี้ออกจะใหญ่เกินความจำเป็นสำหรับคนเพียงคนเดียวเสียแล้ว ตอนนี้เพิ่ง 8 โมงเช้าหากจะนอนต่อก็ทำได้ แต่รู้สึกว่าความง่วงมันจะวิ่งตามตูดไอ้ยอดกลับไปด้วยผมจึงได้แต่นอนลืมตามองฝ้าเพดานเปล่า ๆ อยู่อย่างนั้น
‘ ภัทรเสียใจนะที่เราต้องเป็นแบบนี้ แต่ข้าวเข้าใจใช่ไหม ภัทรเป็นผู้ชายต้องมีครอบครัวของตัวเองมีลูก มีหลานให้พ่อกับแม่ ’
‘………’
‘ ภัทรอยากสร้างอนาคตที่มั่นคงสำหรับเรานะ ข้าวยังเป็นคนสำคัญของภัทรเสมอ... แต่ข้าวเข้าใจใช่ไหมว่าท้ายที่สุดความสัมพันธ์ของเรามันไม่สามารถไปได้ไกลกว่านี้’
‘ ใคร... คนนั้นของภัทรเป็นใคร ข้าวรู้จักไหม ’
‘...คุณปู ’
ชื่อเล่นของลูกสาวคนเล็กของประธานบริษัทหลุดจากปากของร่างสูง คุณปูเป็นหญิงสาวน่ารักร่างเล็กเพรียวผิวขาวใสอย่างคนจีน เพิ่งเรียนจบมาได้ปีกว่าก็เข้ามาทำงานในตำแหน่งเลขาของบิดา จำได้ว่าเจ้าหล่อนเคยมาที่บ้านครั้งหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อนตอนที่ภัทรย้อนกลับมาเอาเอกสารสำคัญที่ลืมไว้ ตอนนั้นคุณปูเธอติดรถมาด้วย... หรือจะ... ตั้งแต่ช่วงนั้นกันนะ
‘ตั้งแต่เมื่อไหร่....’
ภัทรเงียบไปนาน แต่คนถามก็ใจเย็นมากพอที่จะรอฟังคำตอบ รอจนกระทั่ง...
‘ ปีนึง..’
ผมหลับตาลงข่มความรู้สึก แนวฟันขบริมฝีปากด้านในของตัวเองแน่น
หวัง.. ว่าอีกคนจะไม่เห็นว่าปากตนกำลังสั่น
หวัง.. ว่าจะไม่เห็นหยาดน้ำที่คลอหน่วยตา
ช่วงเวลา 1 ปีของภัทรกับเธอคนนั้น มันซ้อนทับกับเวลาของผมและภัทรด้วยเช่นกัน
1 ปีแห่งการเริ่มต้นของภัทรกับคุณปูมีค่าเท่ากับปีสุดท้ายก่อนการลาจากของภัทรกับข้าว
และสุดท้ายไม่ว่าจะเพียรพยายามเพียงใด น้ำตาหยดหนึ่งก็ร่วงผ่านผิวแก้มขาวเนียนเกินชายของข้าวอยู่ดี วงหน้าอ่อนใสที่ทำเอาใครต่อใครเดาอายุผิดเสมอก้มลงเพื่อซ่อนน้ำตาหยดนั้น ปลายเสียงสั่นเครือเอ่ยถามคำถามเดิม ๆ ที่เฝ้าถามมาตลอดหลายปีที่คบหา
‘ ภัทรรักข้าวบ้างไหม’
‘………’
‘ เกือบสิบปีที่เรารู้จักกัน ข้าวทำให้ภัทรรักข้าวได้บ้างสักนิดไหม’
‘ .....ข้าวเป็นคนสำคัญของภัทร ’ เสียงทุ้มยืนยืนคำพูดเดิมๆ
‘ สำคัญหรือเปล่าข้าวไม่อยากรู้ ข้าวอยากรู้แค่ว่า ภัทรรักข้าวบ้างไหม...’
‘………’
‘ ข้างในนี้ เคยมีข้าวอยู่จริงสักครั้งไหมภัทร’
มือเรียววางทาบลงที่อกด้านซ้ายของฝ่ายตรงข้าม ฝ่ามือใหญ่กอบกุมมือข้างนั้นขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากแผ่วเบาก่อนดึงร่างสมส่วนเข้าสู่อ้อมแขน เมื่อร่างกายได้รับการโอบกอดความรู้สึกมากมายที่รั้งไว้ก็ทลายลง เสียงสะอื้นไห้สะท้อนอาการใจสลายของผู้ชายคนหนึ่ง เสียงร้องที่ไม่ได้ดังมากมาย ไม่ได้ฟูมฟายเหมือนคนไร้สติ แต่เสียงเครือสะท้านกับอาการกลั้นสะอื้นไว้นั้น กัดกร่อนจิตใจของคนใจร้ายได้มากโข
ไม่มีคำพูดใดระหว่างกันอีก มีเพียงอ้อมแขนที่รัดแน่นขึ้นแทนคำขอโทษ ภัทรยังไม่ได้รักคุณปูแต่เขาคิดว่าเขาสามารถรักเธอได้ อนาคตอันรุ่งโรจน์กำลังรออยู่ข้างหน้าทำให้เขาตัดสินใจเช่นนี้ แม้จะรู้สึกผิดต่อคนที่รักเขาแต่ภัทรก็เลือกแล้ว ข้าวยังเป็นคนสำคัญของเขา...เป็นความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาความผูกพันที่ถักทอจะยังประทับอยู่ในความทรงจำของเขาเสมอ
แต่เขาไม่อาจเอ่ยปาก
เพราะเขาไม่อยากโกหก
เขาไม่อาจผูกมัดข้าวไว้ด้วยคำว่า “รัก” ที่ไม่มีจริง
ข้าวได้แต่ยืนมองแผ่นหลังกว้างที่ห่างออกไปเรื่อยๆ พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบโต ไม่มีคำเหนี่ยวรั้ง ไม่ถามว่าจะไปอยู่ที่ไหน จะกลับมาเมื่อไหร่ จะได้เจอกันอีกหรือไม่ ข้าวไม่เคยถาม ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หนที่ภัทรห่างหายหน้าหรือไปมีคนอื่น เคยแม้กระทั่งผลักไสข้าวตรงๆ แต่ทุกครั้งทั้งคู่ก็จะต้องได้กลับมาผูกพันกันอยู่ร่ำไป และครั้งนี้ข้าวก็หวังจะให้เป็นเช่นนั้น... แม้รู้ว่าเป็นความหวังที่เจือจางเต็มที
สำหรับข้าวเรื่องของภัทรนั้นมีทางเลือกเพียง2อย่าง
หนึ่งคือตัดใจให้เร็วที่สุด แล้วใช้ชีวิตต่อไปให้มีความสุขที่สุด
หรือสอง …..
เฝ้ารอวันที่จะอยู่ร่วมกันอีกครั้ง รอเงียบๆ ไม่ว่าการรอนั้นจะเนิ่นนานแค่ไหน
รอ และรอ ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้
******************************************
“ไอ้ข๊าวว กุว่าเมิงฆ่าตัดตอนไอ้ภัทรปายเลยดีป่ะว๊า...เอาป่ะวะกรูช่วยยยย” นั่นครับเสียงไอ้ฟายยอด มันยังไม่เลิก เมาจนลิ้นไก่พันกันเป็นเลขแปดแล้วยังทำซ่า
“ไม่เป็นไรว่ะ ขอบใจกุยังมีความสุขดี ยังไม่สนใจชีวิตบั้นปลายในตะรางว่ะ”
ผมนั่งแกว่งแก้วเหล้าในมือเล่น ก็อย่างที่เคยบอกพวกมันเลี้ยงปลอบใจผมทีไรคนเมาน่ะไอ้เพื่อนเวร4-5 ตัวนี้แหละ ส่วนผมต้องมีสติเสมอเพื่อคอยลากทึ้งพวกมันให้เข้าที่เข้าทาง
“ แล้วแกไม่เป็นไรแน่นะข้าว ต่อหน้าพวกฉันแกไม่ต้องทำเข้มแข็งก็ได้นะ” ที่พูดเป็นภาษาคนนี่คือคุณปุ้มครับ พูดนิ่ง ๆ เรียบ ๆ แต่ตีนหนักสุด เหมือนจะนิ่งๆนี่แหละเคยกระทืบภัทรจนคลานมาแล้วเมื่อสมัยเรียนตอนที่ภัทรไปติดผู้หญิงแล้วทิ้งผมให้นอนป่วยอยู่คนเดียวเป็นอาทิตย์ แล้วผมก็กลัวใจเหลือเกินว่าคราวนี้จะเป็นอย่างนั้นอีก เลยต้องทำตัวเองให้อยู่ในสภาพดูดีหน่อย
เพื่อนจะได้ไม่เป็นห่วงมาก...
“ กุโอเค ภูมิคุ้มกันกุเยอะนะ ไม่เท่าไหร่หรอกแค่นี้” ผมยิ้มให้มันเพื่อยืนยันอีกนิด ไอ้คุณปุ้มมองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะหันไปยันไอ้ยอดให้ห่าง ๆ หน่อย ไอ้นั่นเมาแล้วชอบนัวเนีย
“ แล้วนี่ถ้าเมฆมันไม่โทรชวนพวกเมิงไปแ_กเหล่า พวกกุก็คงไม่รู้ใช่ไหมว่าเมิงมีเรื่อง.... ยังเห็นพวกกุเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า... ฮึ้ยยย ยิ่งพูดยิ่งเคือง... ไอ้สนชงอีกแก้วดิ”
ท่านชายพจน์บ่นจนหน้าเบี้ยว แล้วหันไปสั่งให้น้องสนเพื่อนรุ่นน้องหน้าใสของกลุ่มเราชงเหล้าให้... อ้อ น้องสนนี่เด็กชายพจน์เขาครับ ฉะนั้นเขาสั่งได้คนเดียวคนอื่นห้าม พวกเราก็นั่งบ่น ๆ ดื่ม ๆ กันอยู่อย่างนั้นจนค่อนคืน ก็เข้าอีหรอบเดิมครับ ไอ้ยอด ไอ้คุณปุ้ม ไอ้ชายพจน์ น้องสน แต่ละคนนอนหงายตายเป็นซาก จะเหลือตอนนี้ก็แค่ผม กับไอ้เมฆ ...เพื่อนคนแรกในกลุ่มที่รู้เรื่องผมกับภัทร
“ข้าว...”
“หืม...”
“ครั้งนี้แกจะเลือกทางไหน” มันถามโดยไม่มองหน้าตอนนี้เราทั้งคู่นอนที่เปลสนามหน้าระเบียง นอนมองดาวกันครับโรแมนติคสุด ๆ ล่ะ
“..........”
“ ถึงเวลาหรือยัง ที่แกจะเลือกทางใหม่เสียที”
ผมก็ไม่ได้หันไปมองหน้ามัน... ให้ความเงียบเป็นคำตอบ
ได้ยินเสียงถอนหายใจของมันเบาๆ ผมว่ามันรู้คำตอบสุดท้ายของผมแล้วแน่นอน
ครับ สำหรับผมเรื่องของภัทรนั้นมีทางเลือกเพียง2อย่าง
หนึ่งคือตัดใจให้เร็วที่สุด แล้วใช้ชีวิตต่อไปให้มีความสุขที่สุด
หรือสอง …..
เฝ้ารอวันที่จะอยู่ร่วมกันอีกครั้ง รอเงียบๆ ไม่ว่าการรอนั้นจะเนิ่นนานแค่ไหน
รอ และรอ ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้
และทางเลือกสุดท้ายที่ผมเลือกใช้มาตลอดสิบปี และจะใช้มันต่อไปทั้งชีวิต..
เป็นทางเดิม และเป็นทางเดียว คือ...การรอ
แม้ว่าสุดท้ายอาจจะเหลือเพียงป้ายหินที่ได้เคียงข้างกัน ....ผมก็ยินดี
ผมยิ้มกับท้องฟ้าประดับดาว
ผมไม่ได้เศร้าแล้ว เพราะผมมีเพื่อนดีๆ อยู่เคียงข้าง
ผมจะยังคงใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติสุข เพื่อรอวันที่ผมและเขาจะได้อยู่ด้วยกัน...อีกสักครั้ง
Fin.
ความคิดเห็น