คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Toilet Ghost... (NC15 เบาะ ๆ บาง ๆ พอแล้ว)
สำนวนอาจจะเพี้ยนไปบ้างนะคะ เพราะดองไว้จนลืมอารมณ์ตอนโน้นหมดแล้ว
ส่วนเนื้อเรื่องไม่มีอะไรมากค่ะ แค่เขียนสนองนี๊ดส์เฉย ๆ ไม่มีไคลแม๊กซ์ ไม่มีประเด็น ค่ะ อ่านไปขำ ๆ
เครนะ ^^
...............................................................................................................................................................................
Toilet Ghost.....
ผมยืนอยู่หน้ากระจก สายตามองตรงไปยังภาพสะท้อนของประตูสีครีมหลายบานที่เรียงรายอยู่เบื้องหลัง
ความกระสับกระส่ายที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยก่อนหน้านี้ กลับออกอาการมากจนผิดปกติเมื่อไล่สายตาไปพบกับประตูบานในสุดซึ่งปิดอยู่
ห้องที่กว้างกว่าห้องอื่น ๆ เล็กน้อยอยู่ลึกเข้าไปด้านในติดกับกำแพงหินอ่อนสีดำสนิท
ห้องซึ่งผมไม่เคยเข้าใช้ เพราะค่อนข้างมืดแม้จะเปิดไฟแล้วก็ตาม ผมค่อย ๆ เอี้ยวตัวไปมองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
เม้มริมฝีปากแน่นอย่างตัดใจ ก่อนจะหันหลังก้าวเข้าไปหามันอย่างช้า ๆ พร้อม ๆ กับบทสนทนาที่ยังคงค้างคาอยู่ในสมองมาตั้งแต่เมื่อวาน
"เฮ้ย! ก้อง แกชอบไปใช้ห้องน้ำชั้นล่างของตึกตอนเช้า ๆ ใช่มั๊ยวะ"
พี่วิทย์รุ่นพี่ในแผนกซึ่งทำงานอยู่ที่นี่มาหลายปีทักขึ้นขณะที่เรากำลังตั้งวงก๊งเหล้ากันอยู่ในตอนเย็น
" ครับพี่.....พอดีผมต้องออกจากบ้านแต่เช้าหนีรถติดน่ะพี่ เลยต้องมาอาศัยห้องน้ำที่นี่แทน"
ผมตอบกลับไปยิ้ม ๆ
" แล้วเอ็งไม่กลัวหรือวะ"
พี่ก้องซึ่งตอนนี้คงจะกึ่ม ๆ ได้ที่ แสดงสีหน้าสงสัยแบบเห็นแล้ว ...กวนอวัยวะเบื้องต่ำมาก ๆ
" กลัวไรอ่ะ... ถึงมันจะเงียบไปหน่อยแต่ก็นั่งสบายดีนะ มีน้ำฉีด มีทิชชู่ฟรี เหอะ...ดีจะตาย"
จะให้กลัวไรฟระ นั่งนานแค่ไหนก็ได้สบายดี กรูชอบ ผมคิดในใจอย่างงง ๆ......
จะให้กลัวอี้ตัวเองเหรอไงเนี่ย
" ไอ่วิทย์มันหมายถึง เอ็งไม่กลัวผีเหรอไง "
พี่พงษ์แหลมหน้าเข้ามาไขข้อข้องใจของผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่นั่นกลับทำให้ผมหลุดหัวเราะคิก
.....ขำว่ะ......กลัวผี
" เหอะ เหอะ 5555 อะไรนะพี่.... ผีเนี่ยนะ วู้...หลอกเด็กเหอะพี่ "
ผมหัวเราะพร้อมกระดกแก้วโฮกเดียวเกลี้ยงฉาด
" ไอ่สาดดด.... กรูพูดจริง ๆ นะเว้ย เอ็งเพิ่งมาอยู่ไม่นาน ไม่รู้ละซิว่า... ห้องน้ำชั้นล่างของตึกเนี่ย มันมีประวัติ
เคยมีคนฆ่าตัวตายมาแล้วนะเอ็ง" ผมยังนั่งอมยิ้มฟังแกเล่าต่อ แต่ใจยังไม่เชื่อน้ำมนต์แกสักเท่าไหร่
"ไอ่คนนั้นน่ะนะ มันเป็นเกย์กรีดข้อมือตัวเอง เพราะอกหักรักคุด..... หูย กรูยังจำได้วันนั้นยังมาช่วยเขาแบกศพเลย
ผ่านมา 2 ปี.... โคตรเฮี้ยนเลยเอ็งเอ๊ย" พี่พงษ์เล่าอย่างออกรสออกชาติทำหน้าราวกับระลึกความหลังอันเจ็บปวด
สีหน้าอย่างกับตาเฒ่ากำลังเล่าถึงลูกสาวที่หนีตามผู้ชายยังไงยังงั้น
เมื่อเห็นเพื่อนพงษ์เข้าสู่ห้วงคำนึงส่วนตัวไปเสียแล้ว พี่วิทย์จึงรับลูกไซโคผมต่อ
" ก็ตอนนี้เอ็งเห็นใครมาเข้าห้องน้ำ ตอนเช้า ๆ เหมือนเอ็งบ้างไหมเล่า.... ไม่ค่อยจะมีใช้ไหมล่ะ ก็เพราะมันเฮี้ยนไง
เจอกันเกือบทุกราย.... ผู้ชายน่ะของโปรดมันเลย " พี่วิทย์กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง แม้หน้าแกจะแดงก่ำ
แต่มือที่กำแก้วยังมั่นคงเหนียวแน่น จนผมอดที่จะหวั่นไหวคิดตามเรื่องราวที่แกเล่าไม่ได้
นั่นซินะ ช่วงเช้าอันแสนสงบในห้องน้ำของผมไม่ค่อยมีใครมารบกวนจริง ๆ ด้วย แต่ผมก็คิดว่านั่นเป็นเรื่องธรรมดา
ของช่วงเวลาเช้าตรู่ ซึ่งพนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่ยังไม่มีใครเดินทางมาถึง คงมีแต่ไอ้บ้าอย่างผมเท่านั้นแหละ
ที่แหกขี้ตามาแต่เช้าเพื่อหนีสภาพรถติดเป็นพื้นแพเต็มถนน
แต่จะด้วยความเคยชิน หรือความถูกใจในความสงบเงียบก็แล้วแต่ ผมก็ไม่เคยนึกไปถึงเรื่องลี้ลับมาก่อนเลย
คิ้วของผมเริ่มขมวดเครียดอย่างใช้ความคิด ก่อนที่จะเอ่ยถามออกไป
" แล้ว...มันห้องไหนเหรอพี่ "
**********************
ครับ ตอนนี้ผมกำลังก้าวเข้าไปใกล้ห้องน้ำเจ้าปัญหานั้น ใกล้เข้าไปทุกที... ทุกที โดยบังคับช่วงขาแข็งแกร่งของตัวเอง
ดึงจังหวะการก้าวให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้... แต่สุดท้ายผมก็มาหยุดยืนอยู่หน้าบานประตูสีครีมห้องริมในสุดนั้นจนได้
เสียงกดน้ำดังขึ้น ส่งผลให้ผมชะงักมือที่กำลังจะผลักเปิดประตู แถมยังส่งให้ผมถอยมาหนึ่งก้าวเพื่อตั้งหลัก
เสียงกดน้ำอีกครั้งอย่างกับจงใจกลั่นแกล้งหัวใจดวงน้อย ๆ ของผม ยอมรับเลยครับว่าตอนนี้ใจผมเต้นตึกตัก แรงจนผมรู้สึกได้
มือเย็นเฉียบเอื้อมไปแตะบานประตูนั้นแผ่ว ๆ พลางคิดถึงในบางเช้าที่ผมจะเห็นห้องนี้มีคนใช้บริการ ยังรู้สึกดี ๆ ว่าอย่างน้อย
ก็มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกัน แม้ผมจะไม่เคยเห็นหน้าเขาเลย เพราะเขาจะเข้าทีหลังผม และจะออกจากห้องน้ำทีหลังผมเสมอ
และวันนี้ก็เช่นกัน หลังจากที่ผมเข้าไปทำธุระในห้องน้ำตามปกติทุกวัน เสียงรองเท้าหนังย่ำกระทบพื้นเป็นจังหวะก็ดังขึ้น
" แต๊ก... แต๊ก... แต๊ก... แอ๊ดดด....ด....ด...ด..ดด ปึง"
เสียงปิดประตูตามหลังดังขึ้นพร้อมเหงื่อเม็ดน้อย หยดร่วงผ่านผิวแก้มอันสากกร้านของผม
ผมเงยหน้าขึ้นจ้องบานประตูแล้วตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวในวินาทีนั้น (หรือเปล่า)
................. วันนี้ขอพิสูจน์หน่อยเถอะว๊า..ว่าคนหรือผี เผื่อว่ากรูจะได้เตะรุ่นพี่ก็งานนี้ละวะ................
...........................................................................
หลังจากที่ถอยมาหนึ่งก้าวเพื่อทำใจได้แล้ว ผมรวบรวมกำลังใจเฮือกสุดท้ายขยับมือจะดันประตู จู่ ๆ ไปในห้องน้ำก็ดับวูบ....
อิ๊บอ๋ายแหลว ทำไมต้องมาดับตอนนี้ด้วยว๊า ขณะที่ผมกำลังละล้าละลังอย่างร้อนรนอยู่นั้น ประตูก็ถูกเปิดออกจากภายใน
..........อย่างแรง
" เหวออออ.......เว้ออออ " เสียงผมเองครับ แหะ..แหะ... โธ่... จู่ ๆ เป้าหมายก็ทะลึ่งพรวดออกมาแบบนี้
ใครจะไม่ตกใจละครับ ส่วนผมตอนนี้นะเหรอ.... ไถลถอยไปซุกตัวอยู่กับอ้างล้างมือด้านหลังจนตัวกลมดิก
ทันใดนั้น.......ไฟในห้องน้ำก็กลับมาสว่างพรึ่บ....
.............................
..............................'เงียบ'........... ทำไมเงียบอ่ะ
ความวังเวงเข้าโอบล้อมครอบคลุมบรรยากาศจนผมไม่กล้ากระดิกตัว นานเท่าอึดใจก่อนที่ผมจะค่อย ๆ หรี่ตาขึ้นมอง
คาถาบูชาคุณพระคุณเจ้าถูกสวดอย่างเงียบ ๆ แบบไม่ขยับปาก กลัวเหลือเกินครับว่าผมจะต้องกลายเป็นพระเอกหนังผีเกาหลี
ต้องได้สวัสดีกับไอ้เจ้าตัวหน้าขาว ตาลึกโหล โบ๋ดำ เหอ...เหอ.... ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
ผมคงต้องได้บวชโดยไม่ต้องรบกวนหลวงพ่อปลงผมให้แน่ ๆ
********************************************************
ครับ....เป็นไปตามคาด
ในนาทีถัดมาเมื่อดวงตารับภาพตรงหน้าได้ชัดเจน กระผมมีอันต้องแข็งค้างในท่าค่อมตัวเกาะอ่างทั้งอย่างนั้น
ดวงตาที่หรี่เล็กเพื่อแอบมองมีอันต้องเบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนก
พุธโธ ธัมโม สังโฆ คุณพระคุณเจ้า เจ้าทุ่งเจ้าท่าเจ้าป่าเจ้าเขา.... ได้โปรด ๆ
ได้โปรด.....อย่าเพิ่งสำแดงอิทธิฤทธิ์ช่วยผมปัดเป่าวิญญาณร้ายในตอนนี้เลยนะคร๊าบ........ ผมยินดีเงยหน้ารับกรรม
ฐานที่ลบหลู่ความเชื่อของรุ่นพี่ทั้งสองคนนั้นด้วยความสำนึกในความผิดครับผม หากสิ่งศักสิทธิ์เมตตา ช่วยส่งวิญญาณผม
ให้ไปสู่สุคติภพ ไปในที่ช๊อบ ที่ชอบ หลังจากที่ผมถูกผีเฮี้ยนตรงหน้า
ล้วง...ควัก... หัวใจของผมไป หรือหากถ้ามันจะ....
ดูด..... กัด.... เลีย.... ........เลือดของผม
ก็ช่วยเก็บกวาดอย่าให้มันไหลเลอะเทอะศพไม่สวยก็พอครับ
"เอ่อ...." เสียงทุ้มหวานหวิว เล็ดลอดริมฝีปากแดงที่ระเรื่อเหมือนเพิ่งปาดมาด้วยน้ำยาอุทัยชนิดหลอดพกพา
ดวงตากลมใสภายใต้แพขนตายาวเบิกกว้างแสดงความตื่นตระหนกไม่แพ้ผม ท่าทางผีตัวนี้จะขี้ตื่นนะเนี่ย.... ดูซิ
ทำท่าอย่างกะเจอผีซะเอง.... เออ... เอ๊ะ!? แล้วทำไมผี... ต้องทำท่าตกใจใส่กรูด้วยฟระ
จากตะลึงค้างตอนนี้ก็เข้าโหมด...งงงัน กันละครับ
" เอ่อ....ขอโทษนะครับ " อ๊ะ...คร๊าบผม เสียงหวานจังคร๊าบบบบบ
" คือผมตกใจไปหน่อย ที่จู่ ๆ ไฟก็ดับน่ะครับ " ริมฝีปากแดงเรื่อกำลังฉีกยิ้มเก้อ ๆ ให้ผมด้วยท่าทีขัดเขิน....ฮุ ผีเขิน
" เอ่อ.... ผมทำให้พี่ตกใจมากเหรอครับ" ก็ใช่น่ะเซ่..... ตกใจมากเลย ผีไรวะน่ารักอิ๊บอ๋าย ร่างตรงหน้าผงกหัวขอโทษขอโพยผมปะหลก ๆ
จนสักพักผมจึงสำเหนียกได้ ว่าตัวเองกำลังค้างคาอยู่ในท่าที่ไม่สง่าราศีเอาซะเลย โหเสียฟอร์ม... วัยรุ่นเซ็ง
เมื่อสำนึกได้ดังนั้นชายชาติอาชาไนยอย่างไอ้ก้อง จึงทะลึ่งพรวดยืดตัวจนเต็มความสูง ให้รู้กันไปว่าถึงผมจะกลัวผี
แต่ก็มีดีที่รูปล่ำ เอ๊ย!?....รูปร่าง ละกันหละ สูงเท่ห์....กินขาดครับ
..
จวบจนอัตราความเสี่ยงจากอาการหน้าแหกแบบหมอปฏิเสธไม่รับแอดมิดผ่านพ้นไป ผมจึงค่อยได้มีโอกาสทำความรู้จักกับน้องผี น้องเขาชื่อพีครับ พีระกานต์ โปรแกรมเมอร์หนุ่มหน้าสวยที่ดูจะอ่อนวัยกว่าผมเล็กน้อย บริษัทน้องเขาอยู่ชั้น 12 ของตึก สาเหตุที่ชอบมาเข้าห้องน้ำข้างล่างก็เหตุผลเดียวกับผมนั่นล่ะครับ แหม.. พรหมลิขิตบันดาลชักพา รสนิยมเราสองช่าง... ตรงกัน
“ บางทีถึงออฟฟิศจะเปิดแล้วผมก็ชอบมาใช้ที่นี่อยู่ดี ไม่ต้องรำคาญคนเคาะประตูเร่งน่ะครับพี่ “ น้องพี....ของผม บอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ส่องกระจกพลางล้างมือไปพลาง ไอ้ผมก็มองเพลินดูหน้าใส ๆ นั้นเอียงซ้ายเอียงขวาหามุมหล่อ ก่อนที่เจ้าตัวจะคว้าหวีซี่อันเล็ก ๆ มาปาดซ้ายป่ายขวาจัดทรงผมซอยทันสมัยให้เข้ารูป..... แน่ะ.....สำอางค์ใช่ย่อย
“ เมื่อกี้ตอนไฟดับ นึกว่าเจอดีเข้าซะแล้ว “ จู่ๆ น้องพีก็กล่าวประโยคลอย ๆ ให้ตีความเอาเอง ซึ่งไอ้กระผมก็เป็นคนมองโลกในแง่ดีเสียด้วย เลยถามกลับไปด้วยจริตใสซื่อ “ หมายถึงเจอผีนะเหรอน้อง...” แหะ... ผมคนจริงใจน่ะครับ
“ อูยยย พี่เบา ๆ หน่อย เดี๋ยวเขาจะเคือง” น้องพีหันมาทำคอย่นพร้อมเอ่ยขอความกรุณาเสียงเบา ในขณะที่ดวงตาคู่สวยปะหลับปะเหลือกไปซ้ายที ขวาที ราวกับทหารญี่ปุ่นระแวดระวังการสอดแนมของหน่วยข่าวกรองฝ่ายสัมพันธมิตร ให้ตายเถอะไอ้ตัวจริงของผมก็ร้อยตำรวจตรีก้องกังวาน ศิษย์เสรีไทย เสียด้วย... คุณพระคุ้มครองอย่าให้ผมและน้องพีต้องกลายเป็นโศกนาฎกรรมรักกลางสนามรบเลย กระผมไม่อยากย้อนรอยอังศุมารินหรอกนะครับ ฮือออ!!? เอ่อ..... ขอโทษครับ!! เพ้อเจ้อไปหน่อย(ไม่หน่อยแล้วไอ่ก้อง)...ว๊าย อายจัง แหะ
.
“ ใคร ๆ ก็ว่าเฮี้ยนนะครับ แต่ผมยังไม่เคยเจอเองจัง ๆ สักทีนะแบบว่ามาเข้าทีไรก็ไหว้แปดทิศดักไว้ก่อนทุกที
คุณเขาจะได้ไม่หงุดหงิด” แม้จะส่งยิ้มจืดเจื่อน หากแต่ก็ยังน่าเอ็นดูด้วยเพราะเป็นริมฝีปากชมพู ๆ ของคนตรงหน้า ก่อนทีริมฝีปากนั้นจะเจื้อยแจ้วต่อ แบบนันสต๊อปประหนึ่งเป็นผู้จัดรายการวิทยุสาระแนแต่เช้า และแม้ออกจะขัดกันอยู่กับอาการเกรงอกเกรงใจผู้เป็นหัวข้อสนทนาที่เจ้าตัวแสดงให้เห็นเมื่อแรก แต่นาทีนี้ความเคลิ้มในความขาววิ๊ง..ง มันได้บดบังวิสัยทัศน์ของผมไปเสียสิ้น
ผมยืนพิงเคาเตอร์อ่างล้างมือพลางควักบุหรี่จุดสูบ กับน้องพีซึ่งบัดนี้กระโดดขึ้นไปนั่งห้อยขาอยู่บนเคาเตอร์หินอ่อนสีดำห่างกันแค่
เรื่องราวในอดีตของผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตถูกถ่ายทอดผ่านกลีบปากบางสวยอย่างละเอียดยิบ มีผมคอยพยักหน้าหงึกหงักรับ ทำตาโตเป็นบางคราว หลุดเสียงอือ อาเป็นบางครั้ง(ไม่ได้ครางน่า...อย่าคิดลึก) เกือบจะเผลออุทานแล้วยกสองมือทาบอกท่าเดียวกับคุณยายที่บ้านเสียแล้ว ดีนะว่าตั้งสติทันซะก่อน....ฮู้ววว ไอ่ก้องเว้ยอยู่ต่อหน้าน้องพีนะเมิง หลุดละเสียฟอร์มสุดหล่อตายห่..อหิวา....
“โห น่ากลัวว่ะ แล้วตอนนั้นพีไม่กลัวเลยเหรอ” ผมถามไป....... งั้น ๆ แหละครับ ก็น้องพีสุดน่ารักอุตสาห์เล่าให้ฟังแบบเจาะลึกทุกรายละเอียดด้วยรู้จักกับคนที่อุตริมาฆ่าตัวตายในห้องน้ำเนื่องจากเจ้าคนนั้นเป็นเพื่อนที่อยู่บริษัทเดียวกันแต่อยู่คนละแผนก อีกทั้งโปรแกรมเมอร์หนุ่มก็ช่างใส่อารมณ์ในการเล่าได้อย่างออกรสเช่นนี้ ผมเลยสนใจขึ้นมาหน่อย ๆ
“กลัวซิพี่ก้อง แต่ทำไงได้เพื่อนทั้งคนนะครับ.. แล้วตอนนั้นน่ะก็ไม่ทันจะคิดอะไรมากนัก ต้องทำงานแข่งกับเวลาเพราะเจ้าทัตมันน้ำลายฟูมปากแล้ว”....หน้าสวยมีแววเศร้าซึม เอ่ยถึง “ทัต” เพื่อนรักผู้คิดสั้น
“ไอ่บ้า.. จะแด๊กยาฆ่าตัวตายทั้งทียังสะเอือกมาเลือกทำเลเป็นห้องน้ำ สิ้นคิดทั้งวิธีการและสถานที่เลย ชั่วเอ๊ย” เสียงงึมงำบ่นด่า ทว่ากลับฟังราวกับผู้พูดเหนื่อยล้าเสียใจ ทำให้ผมอดที่จะมองหน้าที่ก้มต่ำนั่นด้วยความพิจารณาไม่ได้
“เห็นเขาว่ากันว่า ฆ่าตัวตายเพราะอกหัก” ผมเลิกคิ้วเชิงถามว่า..ใช่ไหม หน้าใส ๆ ที่ตอนนี้ดูซึมไปถนัดใจพยักหน้าบาง ๆ ก่อนจะหลุบต่ำลงอีกครั้ง “เอ่อ....แล้วที่พีเล่ามา ตอนนั้นพีอยู่กับทัตด้วยใช่ป่ะ” หัวทุยนั้นผงกเบา ๆ โดยไม่เงยหน้า
เอาแล้วซิ....เริ่มตงิด ๆ ซะแล้วกรู ”ทัตนี่มัน..เอ่อ...เป็นเกย์ใช่หรือเปล่า” เงียบครับ.... อาการนิ่งขึงไปอึดใจเหมือนกับคนถูกถามลังเลที่จะตอบ แต่แล้วผมก็เห็นน้องพีผงกหัวนิดนึง... นิดเดียวจริง ๆ ครับ รวดเร็วและแผ่วเบาเสียจนอาจจะสังเกตไม่เห็นเลยถ้าเส้นผมสลวยบนหัวทุย ๆ นั้นไม่กระดิกปลายน้อย ๆ เป็นเชิงฟ้องขึ้นมาเสียก่อน
“งั้น... ถ้าพี่ขอเดาว่าคนที่ทำให้ทัตเขาอกหักจนคิดสั้น... พีหรือเปล่า” ก็บอกแล้วไงครับว่าผมจริงใจ ใสซื่อ...ปากหมานั้นหรือคือของแถมน่ะฮะ
พีระกานต์เงยหน้าขึ้น เผยสีหน้าอย่างคนเจ็บร้าวทำให้ผมอยากกระโดดเตะปากตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิต ดวงหน้าขาวใสดูเผือดสี หากปลายจมูกโด่งกลับแดงเรื่อ ดวงตาคู่สวยมีหยาดน้ำคลอ สายตามองเหม่อเหมือนจะทะลุผ่านกำแพงกีดขวางสู่ห้วงเวลาแห่งความทรงจำ
“ผมบอกทัต เรื่องของเรามันจำเป็นต้องจบ มัน....มันไม่ควรเกินเลยไปกว่านี้” น้ำเสียงอ่อนล้า สั่นพร่าบ่งบอกถึงความระทมที่บ่มเก็บไว้ลึกล้ำ “ทัตยังเด็กนะพี่ก้อง เขายังมีอนาคตที่ดีกว่า ยังต้องเจอคนอีกเยอะ ผมไม่อยากให้เขามาจมอยู่กับผม” เปลือกตาบางปิดลง ร่างโปร่งสะท้านไหวกับแรงสะอื้นไร้เสียง
ผมมองน้องพีด้วยความหลากใจ ดูเถอะเมื่อครู่ผมยังได้เห็นรอยยิ้มน่ารัก ได้ฟังเสียงหวาน ๆ ผ่านริมฝีปากช่างเจรจา กิริยาและวาจาที่เผยถึงนิสัยขี่เล่นแต่สุภาพของชายหนุ่ม การแสดงออกแบบสบาย ๆ กลับถูกแทนที่ด้วย ภาพของชายผู้สิ้นหวัง ชายผู้แบกรับตราบาปของความสำนึกผิดไว้บนสองบ่าบอบบาง พีระกานต์กำลังจมอยู่ในปลักแห่งความเจ็บปวดโดยมีผมใช้ฝ่าเท้ายันเขาตกลงไปเอง...
บุหรี่ถูกปล่อยร่วงลงพื้น พร้อมกับร่างโปร่งถูกรั้งมาซบไหล่กรุ่นกริ่นแป้งตรางูของผม ผมกอดน้องพีเต็มอ้อมแขนโดยอัตโนมัติ ไม่ได้คิดอะไรไม่ดีนะครับ ไม่ได้แต๊ะอั๋งเลยนะ....จริง ๆ มันเป็นไปตามสัญชาติญาณสุภาพบุรุษต่างหากละครับ น่า...เชื่อผมซิ
“พี่ไม่รู้ว่าระหว่างนายสองคนมันเป็นมายังไงนะ แต่พี่คิดว่าไม่ว่าจะเป็นทัต หรือเป็นพี ต่างก็ให้ความสำคัญซึ่งกันและกันเป็นคนที่มีความหมายต่อกันอย่างที่สุด...จริงไหม” ฝ่ามือใหญ่ลูบศีรษะปกคลุมด้วยเส้นผมสลวยลื่นอย่างเอื้ออาทร ไม่ต่างจากพ่อกำลังปลอบลูกชายตัวน้อย แต่อ่า.....หอมจังฟร๊ะ
“ดังนั้นเรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้ว มันย้อนมาแก้ไขอะไรไม่ได้” อืมมมม หอมมม....
“แล้วพี่คิดว่าทัตก็คงไม่อยากจะทำให้พีต้องกลับมานั่งร้องไห้ทุกครั้งที่คิดถึงเขาหรอกนะ” ซืดดดด เง้ยยยย หอมจังค๊าบน้องพี
รู้สึกถึงแรงขยุ้มจนตัวเสื้อดึงรั้ง เมื่อร่างในอ้อมแขนเพิ่มแรงกอดกระชับอย่างต้องการที่พึ่ง ใบหน้าที่ยังคงซุกซบขยับเล็กน้อยตามแรงสะอื้นซึ่งเริ่มมีเสียงหลุดรอดให้ได้ยินบ้างแล้ว สัมผัสเปียกชื้นบนบ่ากว้างบวกอาการกายสั่นสะท้านรุนแรงกระตุ้นให้ผมผมต้องรัดร่างนั้นแนบชิดยิ่งกว่าเดิม... แต่ไม่ได้คิดอะไรไม่ดีนะครับ บริสุทธิ์ใจจริง จริ๊ง
........................................
.......................
..........
หากมีใครเข้าห้องน้ำใต้ตึกอาคารในตอนนี้เชื่อได้ว่า เพียงล่วงผ่านประตูด้านหน้าเข้ามาเขาคงจะได้กลับออกไปพร้อมกับฉากประทับใจไม่แพ้รักแห่งสยามของน้องโต้งกับน้องมิวเลยทีเดียว
เสียดายที่ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่นาที จวบจนร่างโปร่งสงบลงก็ยังคงไม่มีมนุษย์หน้าไหนเข้ามาทำลายโลกของสองเรา น้องพีกับผม.. พีระกานต์ค่อย ๆ ยันตัวออกห่าง ใบหน้าหวานดูกระดากอายเมื่อสบตาคมเจือแววอ่อนโยน มือซึ่งเมื่อครู่ขยุ่มตัวเสื้อเสียยับย่นคลายออกเหลือเพียงแตะค้างไว้กับแผ่นอก
น้องพีของผมพึมพำขอโทษ และขอบคุณเบา ๆ พลางขยับเนื้อตัวอย่างอึดอัด
ก็จะไม่อึดอัดได้ยังไงละครับในเมื่อน้องเขายังนั่งอยู่บนเคาเตอร์อ่างล้างมือ ในขณะที่ผมยืนแทรกกลางสองขาของเขา
ขณะกอดปลอบประโลม และเมื่อครู่อ้อมกอดสุดท้ายอันแสนอบอุ่นและแข็งแกร่งเป็นเพราะผมได้เบียดตัวเองติดเคาเตอร์
หินอ่อนเย็นเฉียบเรียบร้อยแล้ว และนั่นมันหมายถึงผมได้เบียดตัวเองเข้ากับเรือนกายหอมกรุ่นของคนตรงหน้าด้วยเช่นกัน
นัยน์ตาแดงก่ำช้อนมองมองคล้ายมีคำถาม แต่ผมไม่ได้สนใจจะตอบคำถามนั้นหรอกครับเพราะตอนนี้เซลล์สมองทั้งหมดของผมกำลังทุ่มเทกับการเก็บภาพวงหน้าขาวเปื้อนน้ำตา ประดับด้วยดวงตากลมสวยแดงช้ำ จมูกโด่ง กับปากแดงก่ำจากการขบกลั้นเสียงสะอื้น น้องพีช่างดูน่าทะนุถนอม บอบบาง อา..... อยากเป็นคนคอยดูแลคนๆนี้จังเลย นิ้วมือเผลอแตะกลีบปากแดงเมื่อคิดกลัวว่าพีระกานต์จะเจ็บไหมหนอ อยากจูบซับน้ำตาให้คนตรงนี้นี้จังเว้ย..... รู้ตัวอีกที กระผมก็แนบริมฝีปากกับแก้มใสนั้นเสียแล้วซิ.
...เหอ เหอ ผมไม่ได้คิดอะไรไม่ดีเลยจริง ๆ น๊า..... เชื่อผมเถอะครับ บริสุทธิ์ใจ....เอ่อ...อย่างน้อยก็จนกระทั่งเมื่อกี้นี้ล่ะนะครับ แหะ แหะ
ผีน้อยเจ้าเสน่ห์ของผมยังหลับตาพริ้ม หัวคิ้วขมวดเล็กน้อยเมื่อตอนที่ผมผละออก เสียงลมหายใจยังเจือรอยสะอื้นแต่สิ่งที่รบเร้าจนผมต้องจุมพิตปลอบโยนอีกครั้ง คือเรียวปากซึ่งสั่นระริก ผมเลยต้องหยุดอาการนั้นด้วยการแตะริมฝีปากอุ่นชื้นด้วยปลายลิ้นของผม ละเลียดเล็มก่อนจะประกบปากปิดทับอย่างแนบแน่นหวังจะช่วงชิงลมหายใจเจือรอยเศร้าหมองนั้น พร้อมส่งผ่านความรู้สึกบางอย่างให้เจ้าของร่างโปร่งบางซึ่งกระชากหัวใจผมตั้งแต่แรกเห็นได้รับรู้
อ่ะฮ้า....ผมว่า ผมทำสำเร็จประมาณนึงนะ ก็ตอนนี้เรียวแขนขาวเนียนซึ่งโผล่พ้นแขนสั้นของเชิ๊ตผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเข้มขับความวิ๊งของผิว ได้ย้ายตำแหน่งของมันมาโอบรัดอยู่รอบคอสุดหล่ออย่างกระผมแล้วน่ะซิครับ เอาละเว้ยยย....หมอดูทายไว้จะได้ลาภสัตว์สองเท้าจากสถานที่ปลดเปลื้องทุกข์ กรูก็นึกว่าจะไปเจอกันที่วัด.... เหอ เหอ
เราสองต่างตอบสนองจูบนั้นเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัด ดูดดุนรุนแรงบ้าคลั่ง ทุกครั้งที่ฝ่ายใดจะผละออก อีกฝ่ายต้องไขว่คว้ากลับมากระชับกอดแลกลิ้นและริมฝีปากอย่างโหยหา แน่นอนครับว่าตอนนี้เราสองคนบดเบียดเนื้อตัวแทบจะแหลกหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว จากนี้ไปอะไรจะเกิดขึ้นคงเดากันได้นะครับ......
.....................................................................................................
อ่า.....ว่าไงนะ จะให้ผมบรรยายเหรอครับ เขินจัง....อุก อืมมม ฮ่า
แต่จะ..บรรยาย... ก็..ก็ อ๊ะ...อะ โอ้วว ซ..ได้...อาซ์.. นะครับ
แต่ไม่แน่ใจนะว่าผมจะสามารถบรรยายได้จบ อื้ออ ...ครบถ้วนดีหรือเปล่า.. อะ อ่า อา ฮ๊า
มือขวาของกระผมกดแนบแผ่นหลังบางเข้าแนบชิด ในขณะที่แขนขวากระชับเอวบางกดแน่นกระชับเข้ากับกึ่งกลางกายของผมที่เริ่มทักทายเพื่อนใหม่ผ่านเนื้อผ้าและแนวซิป น้องพีก็ไม่น้อยหน้าครับ ต้นขาแข็งแกร่งนั้นหนีบสะโพกผมแน่นช่วงขายาวไขว้รัดสะโพกราวกับความสนิทชิดเชื้อที่สัมผัสอยู่ตอนนี้มันยังไม่เพียงพอ
“อื่อ พี่ก้อง ฮะ..อา พี่ก้องครับ” เสียงครางหวาน เมื่อผมละจูบย้ายตำแหน่งมามอบสัมผัสแก้มเนียน ไล่ละแนวสันกรามสวย กลิ่นแก้มหอมกรุ่นคลอเคลียอยู่ที่ปลายจมูก ทำให้ผมมันเขี้ยวและอดไม่ได้ที่จะคบลำคอขาวนั้นเบา ๆ
“อ๊ะ...” คงตกกะใจละซี่น้องพี แหม...แต่มือน้องนี่กดหัวพี่แน่นเลยน๊า
“พี่ก้องครับ อื๊อ...ผม” น้องพีพูดอะไรไม่เป็นประโยคแล้วครับ มีเพียงการแสดงออกที่บ่งบอกว่าหวานใจหมาด ๆ ของผมคนนี้ต้องการอะไร ร่างเร้าร้อนที่พยายามขยับเข้าชิดและเสียดสีกลางกายให้มากที่สุดเท่าที่ท่วงท่าจะอำนวย ผมเลยละมือข้างหนึ่งเพื่อปลดกระดุมเสื้อของพีระกานต์อย่างร้อนรน แล้วก้มลงหยอกเย้ายอดตุ่มไตสีเชอรี่ที่ล่อตาอยู่ก่อน
“อ๊า... ตรงนั้น อ๊า” แผ่นอกแอ่นรับสัมผัสโดยอัตโนมัติ
“ตรงไหนเหรอครับพี” เสียงพร่าด้วยแรงอารมณ์จนน่าตกใจเหมือนไม่ใช่เสียงผมเอง อา....
“อี้อ พี่ก้องแกล้ง
อ๊ะ” คำตัดพ้อ..ขาดห้วงเมื่อผมเริ่มลงลิ้นละเลงปุ่มนูนอีกข้างรุนแรง ส่วนอีกข้างก็มีนิ้วขยันกำลังช่วยขยี้อย่างเมามันไม่แพ้กัน แล้วไม่นานก็เหมือนมีอะไรมาขยุกขยิกอยู่ที่ขอบกางเกงของผม....นั่นแน๊ เดาถูกล่ะเซ่
ครับมือขาวเนียนสองข้างของน้องพี พยายามแกะแพ็คเกจจิ้งเพื่อผลโฉมแท้ ๆ ของเจ้าก้องจูเนียร์ ถึงจะติดๆ ขัด ๆ แต่ในที่สุด้วยความร่วมมือของเราทั้งคู่ ไอ้หนูลูกพ่อก็ออกมาเชิดหน้าท้าโลกอย่างภาคภูมิ มือผู้มีพระคุณยังคงประคับประคองลูกชายผมอย่างถนุถนอม แล้วค่อย ๆ บีบเน้น อื่อ...อ.... เสียวน้ำตาเล็ดแล้วที่รัก
“พี่ก้องครับ พี่ก้อง...” ใบหน้าหวานเว้าวอนอ่อนหวาน พลางขยับมือรูดรั้งหนักหน่วง อื่อม..ม. ตอนนี้ร่างกายเรามีช่องไฟไว้เว้นวรรคหายใจ เมื่อผมต้องยันมือทั้งสองข้างกับเคาเตอร์หินอ่อน พยายามสะกดความสุขสมที่ไต่ระดับอย่างรวดเร็ว ส่วนน้องพีแม้จะบริการเจ้าก้องจูเนียร์อยู่ แต่กลับหอบหายใจกระชั้นราวกับถูกปรนเปรอเสียเอง ใบหน้าหวานอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งทรงเสน่ห์เพิ่มพูน เมื่อมันแดงซ่านจากฤทธิ์พิศวาส และแล้วนิ้วมือเรียวสวยของเจ้าตัวก็แบ่งหน้าที่กันเสียที เมื่อมือขวากอบกำวัตถุอุ่นร้อนพลางวนย้ำส่วนปลายสุดเพื่อละเลงน้ำเหลวใสเล่น ขณะมือซ้ายส่งนิ้วเรียวไม่ผิดลำเทียนเข้าปากตัวเอง
“อื่อ อื่อ..” ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง ก่อนที่จะแปรผันเป็นความตื่นเต้น กลีบปากชมพูสวยกำลังดูดนิ้วตัวเองเอาเป็นเอาตาย น้ำใสวาวล้นจากขอบปาก หากมันกลับดู...เร้าอารมณ์ ผมจะไม่ไหวแล้วครับ..แต่
“พี่ก้องครับ พีขอ...อึก ขอได้ไหมครับ” เฮ้ย!... ขอไรวะ น้องพีอย่ามาขอซี้ซั้วนา
“ข..ขอ อะไรครับ” ถามไปก็ยังหวั่น ๆ กับคำตอบ แต่แล้วก็โล่งครับเมื่อน้องรักกระชับของในมือของเขาแน่น
“ มันเป็นของพีแล้วครับผม” หึ หึ ว๊ายอายจัง
ยังไม่ทันได้เขินร่างโปร่งก็กระโดดตุ๊บลงมายืนแล้วผลักผมให้เป็นฝ่ายยืนพิงหลังกับเคาเตอร์แทน จากนั้นจึงรูดกายลงเพื่อจัดการกับสิ่งที่ “ขอ” โอ้วว..ว...ว สวรรค์รำไร อ่ะฮ้า พีครับ...ที่รัก ดาร์ลิงค์ ได้พี่แล้วอย่าทิ้งนะคร๊าบบ อ๊าซ์..ซ์..ซ์
พีระกานต์จัดการกับเจ้าก้องจูเนียร์ด้วยความหนักหน่วงรุนแรงทั้งขบเม้ม ดูดดุนและไล้เลียราวกับไม่เคยพบเคยเห็น ผมสังเกตว่ามือโปรแกรมเมอร์หน้าสวย หายวูบเขาไปในขอบกางเกงที่เจ้าตัวปลดซิปลงเรียบร้อย อึดใจต่อมาสิ่งเดียวกันต่างเพียงขนาดและสีสันก็เผยตัวให้ผมได้ประทับใจอีกครั้ง อ่า.....น่ากิน เง้ออ
ปากก็เร่ง มือก็รูด ไม่ได้แล้ว...ถ้าปล่อยให้ดำเนินต่อไปผมต้องเสียชาติเกิดเป็นชายรุกน่ะซิ ตัดใจสอดแขนรั้งตัวคนสวยใจดีขึ้นมาอยู่ระดับเดียวกันอีกครั้ง แล้วเอ่ยประโยคอ้อนวอน
“พีระกานต์ครับ....พี่จะไม่ไหวแล้ว พี่ก้องขอ...............ขอเป็นหนึ่งเดียวกับพี ..นะครับ” นะ นะ เค้าไม่ไหวแล้วนะตัวเอง
เราสบตากันนิ่งหากนานชะมัดในความรู้สึก คำตอบคือ....รอยยิ้มบาง กับใบหน้าเขินอายและสายตาหลุบต่ำแค่นี้ ก็เกินพอ..
กางเกงสแล็คถูกรูดลงพร้อมทั้งชั้นในพ้นตัวอย่างง่ายดายทั้งของเขาและของผม หลังจากขจัดรองเท้าถุงเท้าที่กีดขวางไปล่วงหน้า ตอนนี้เราเสมอกันด้วยเสื้อเชิ้ตตัวเดียว กับร่างกายผุดผาดที่ได้เห็นเต็มตาเป็นครั้งแรก ร่างกายที่แดงเรื่อด้วยเลือดสูบฉีดแผ่นอกบางกระเพื่อมขึ้นลงเพราะหอบหายใจ ทนต่อไปไม่ไหวแล้วโว้ยย
อ่า......ตัดฉากไปที่ต้นพลูด่างข้างอ่างล้างมือครับ...แหะ
เสียงอือ อา อ๊าวว โอ้วว อ๊าซ์..ซ...ซ ดีครับดี แรงอีก...อ๊า พี่ก้องลึก ๆ... แรงอีก โอ้วว พี่ก้องครับ ผม..ผม อ๊าาาา เสียงครวญครางดังวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะบนพื้นสะอาดๆ, บนเคาเตอร์ล้างมือ, ห้องน้ำริมสุด สุดแล้วแต่ว่ากระผมจะนึกได้นั่นหละ
รู้ตัวอีกทีก็....3 รอบน่ะซิครับผม
เสียงหอบหายใจของเราดังก้องในห้องน้ำรวม ฟังดูลามกแต่ก็เร้าใจอย่างปะหลาดตอนนี้ผมลืมตาไม่ขึ้นแล้วครับ 3 รอบเนี่ยมันเหนื่อยนะครับผม ถึงแม้จะแข็งแรงฟิตปั๋งขนาดไหน แต่กิจกรรมที่เพิ่งผ่านพ้นมันก็สุดยอดเกินกว่าที่ผมเคยได้พบมาเกือบทั้งชีวิต ตอนนี้ก็เลยได้แต่กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงกำแพง หลับตากกกอดร่างชื่นเหงื่อซึ่งทอดระทวยอยู่ในวงแขนไว้ด้วยกิริยาหวงแหน ฮือ ฮือ ยายครับ ...หลานยายพบเนื้อคู่แล้วครับ
ผมว่า...ผมลืมอะไรไปสักอย่างนะ เอ!...แต่อะไรกันล่ะ...เอาเถอะ คิดไม่ออกหรอกตอนนี้ผมเบลอไปหมดแล้ว ขอหลับเอาแรงสักงีบ แล้วค่อยตื่นมายืดอกรับผิดชอบ คุยเรื่องสินสอดทองหมั้นเตรียมสู่ขอน้องพีดีกว่า ....หวังว่าพ่อตา แม่ยายคงไม่ใจร้ายกับเขยมือใหม่อย่างผมนะครับ
..........................................................................................................
อืม...ม... แสงไฟสว่างจ้าแยงตา พร้อมกับใบหน้าคนหลายหน้าชะโงกมองเหนือตัวผม.... มองไรฟร๊ะ ไม่เคยเห็นคนหรือไงแต่เมื่อตั้งสติลำดับเหตุการณ์... ตายห่..เอ่อ...อหิวา
ผมกับที่รักนอนโป๊กันอยู่ไม่ใช่เหรอวะ เฮ้ย....เมื่อกี้ลืมคิด ตูจ้ำจี้กันในห้องน้ำอาคารสำนักงานนี่หว่า ตายห่...ง่า อหิวาแล้วกรู สะดุ้งลุกพรึบก่อนจะรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง จนต้องค่อย ๆ หงายลงนอนใหม่ โอย...ทำไมมันหนักหัวงี้ว้า น้องพีของกรูล่ะ น้องพีครับ ผมสอดส่ายสายตาหาภรรยาหมาด ๆ อย่างร้อนใจแต่กิริยากลับอ่อนระโหยขัดกันกับความร้อนรุ่มในใจมากนัก
“ไอ่ก้อง เฮ้ย...เป็นไงบ้าง” เสียงคุ้น ๆ อ่อ...พี่วิทย์ ผมกระจ่างใจเมื่อหันมาเห็นสายตาเป็นห่วงเป็นใยของแก
“อะไรพี่... โอย.. ใครเป็นไร ผมป่าวไม่รู้” ตอบไปผิด ๆ ถูก ๆ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าไม่มีน้องพีอยู่ข้างกาย สงสัยจะอายหนีไปแล้ว เอ...แล้วทำไมไม่ปลุกผมวะ เจอคราวหน้าต้องลงโทษสัก 2-3 รอบ ฮึ้ยยย
“ก็เอ็งนะซิ”..ว่าพลางพยุงผมให้ลุกนั่ง เออ...เพิ่งมองเห็นตัวเอง กรูแต่งตัวเรียบร้อยแล้วนิหว่าอย่างน้อยน้องพีก็คงไม่อยากให้ผมขายขี้หน้ามากนัก ทำหน้าที่ภรรยาใช้ได้...
“หายเข้ามาขี้ กรูนึกว่าเมิงโดนใครเอาขี้ยัดปากตายไปแล้ว” ป่าวโดนเอาขี้ยัดปาก แต่เอา...ยัดปากคนอื่นอ่ะพี่
“พอเข้ามาตาม แมร่งนอนเกร็งกลิ้งอยู่บนพื้น ตาเหลือกตาปริ้นอยู่คนเดียว กรูเกือบจะเอาแปลงขัดส้วมยัดปากเมิงกันกัดลิ้นตัวเองซะแล้ว ดีนะว่าเมิงสงบเสียก่อน” เออ...นั่นดิ ไม่งั้นผมคงตายห่ เพราะปากแหกนี่แหละ แต่เอ๊ะ..!! นอนกลิ้งอยู่บนพื้นคนเดียวเหรอ
“แล้ว... เอ่อ พี่วิทย์เห็นใครอีกป่ะ” ผมถามขึ้นหลังจากนั่งได้เอง เหลือเพียงอาการมึน ๆ ที่ศีรษะเท่านั้น
“ใครวะ.. กรูไม่เห็นใคร เจอผีละซิเมิง .....ไม๊ล่ะกรูว่าแล้ว” พี่วิทย์ตบเข่าฉาด ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทำหน้าเอาเรื่อง...เมิงกล้าเอาเรื่องเขาเหรอไอ่พี่วิทย์
“ไม่ใช่....ผมหมายถึงน้องอีกคน ขาว ๆ หน้าใส ๆ น่ะ” ผมหงุดหงิด คิดถึงเมีย
“ผีไอ่ทัตของพี่น่ะ ผมยังไม่เจอมันหรอก...แต่ถ้าเจอก็ดี จะได้ขอมันซะเลย” ขอน้องพีเป็นกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียวครับ
“เมิงพูดอะไรของเมิง” พี่วิทย์หน้าฉงน จ้องผมแปลก ๆ
“ อ่อ ขอหวยน่ะ...ขอหวย ไม่มีอะไร” แหะ แหะ
“ไม่ใช่ กรูหมายถึงผีไอ่ทัตอะไรน่ะ เมิงไปเอามาจากไหน” ไอ่พี่คนดีมันมองผมเหมือนถาม....ไอ่ฟาย พูดเรื่องไรเมิง
“เอ้า ก็ผีเกย์ ที่พี่บอกว่ามันกินยาตายเพราะอกหักไง... พอดีผมเจอพีเพื่อนเขาด้วยน่ะ” ผมเริ่มงงเหมือนกันแล้วครับ
“ไอ่ก้อง....” พี่วิทย์เรียกผมเสียงเจื่อน ก่อนจะทำท่าล๊อกแล๊ก ซึ่งคนอื่น ๆ ที่เข้ามาดูผมอีก 2-3 คน ก็เริ่มมีอาการเดียวกัน
“พี่ว่า พี่พาเอ็งไปคุยข้างนอกกันก่อนดีกว่านะก้องนะ ....เชื่อพี่เหอะ ไป ๆ “ พี่วิทย์รีบพยุงผมขึ้นยืน แล้วประคองผมซึ่งยังรู้สึกขาอ่อนจากการออกกำลังในร่ม ออกไปจากห้องน้ำสวรรค์สวาทนั้นอย่างรวดเร็ว
แล้วในอีก 15 นาทีต่อมาในที่ทำงานของพวกเรา พี่พงษ์ซึ่งเพิ่งทราบเรื่องก็เข้ามาดูแลพร้อมเฉลยความข้องใจของผมแทนพี่วิทย์ซึ่งกำลังนั่งปลุกพระบนหิ้งเหนือเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์อย่างเอาเป็นเอาตาย
“ก้อง....ผีไอ่ทัตที่ก้องว่าน่ะนะ เมิงไม่มีทางเจอมันได้หรอก” พี่พงษ์มองผมด้วยสายตาปราณี... หรือสมเพชวะ
“ไมอ่ะพี่!?”
“ก็ไอ่ทัตน่ะ มันกินยาตายเพราะทะเลากับแฟนในห้องน้ำนั้นก็จริง... แต่มันไม่ตาย!!?”
“ เฮ้ย...จริงอ่ะ” ตกใจครับ อันนี้ตกใจจริง ๆ แล้ว
“จริง....เพราะตอนนั้น แฟนมันกับกรูนี่แหละเป็นคนพามันไปโรงพยาบาล แต่อาการมันหนักมากเหมือนกันเพราะมันมีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว ถึงจะล้างท้องทัน แต่ก็คาบลูกคาบดอกนอนอยู่ ไอซียู เป็นอาทิตย์ ...แต่มัน ไม่ตายว่ะ”
ตอนนี้ไม่มีคำถาม หรือคำอุทานใดออกจากปากผม ....ครับ ผมกำลังกังวลอะไรสักอย่าง ที่ผมก็ยังไม่แน่ใจ
“แล้วถ้าเอ็งจะพอจำได้ พี่เคยเล่าว่าผีเฮี้ยนที่ตายในห้องน้ำน่ะ....มันกรีดข้อมือฆ่าตัวตายนะเว้ย” อ่า....ใช่แล้ว นั่นซิผมจำได้แล้ว แล้ว ๆ ทำไมน้องพี..... แล้วน้องพี
“เท่าที่พอจะรู้...... แฟนมันที่ชื่อพีระกานต์ เสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากไอ่ทัตอะไรนั่นเข้าไอซียูได้ 2 หรือ 3 วันนี่แหละมั๊ง ก็มีคนไปเจอแฟนมันอีกทีตอนเช้า พีระกานต์กรีดข้อมือฆ่าตัวตายที่ห้องน้ำห้องท้ายสุด ตอนที่พบตัวเขาเย็นชืดแล้วเลือดงี้เจิ่งนองเต็มไปหมด” อะ....อะไร ใครนะ ใครกรีดข้อมือ ใคร...ใครตาย
“ เหลือแค่จดหมายสั้น ๆ เขียนแสดงความในใจ กรูอ่านแล้วแทบน้ำตาร่วง” พี่พงษ์นั่งนึกถึงเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง ราวกับพยายามที่จะรำลึกถึงข้อความไม่กี่บรรทัดที่บั่นทอนหัวใจผู้ชายอย่างเขาได้ ตอนนี้กระผมสุดหล่อก้องกังวานใบ้สนิทครับ
‘ผมมีเรื่องอยากบอกคุณ เราควรจบกันแค่นี้ เลิกจมปลักกับคนอย่างผมเถอะ
คุณยังมีอนาคตสดใสนะครับ คู่หมั้นของคุณ เธอเป็นผู้หญิงที่ดีเธอจะทำให้คุณลืมผมได้เอง
ผมหวังว่าอย่างน้อย ผมจะได้มองเห็นคุณไกล ๆ ได้รับรู้ว่าคุณมีความสุขทุกวันก็ดีใจแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าวันนี้ มันจะสายเกินไปหรือเปล่า คุณทำอะไรโง่ๆ อย่างนั้นลงไปทำไมนะ
ถ้าโลกนี้ไม่มีคุณ แล้วผมจะทนรับความสูญเสียนี่ได้อย่างไรกัน
ผมจะทนมองเห็นคุณจากไปในที่ที่ผมเอื้อมไม่ถึงได้ยังไง
ผมทนไม่ได้ พีทนไม่ได้หรอกนะทัต
ทัต...พีรักทัตนะ’
“ตายไปโดยไม่รู้ว่า ไอ่ทัตมันรอด...ไอ่นั้น พอรู้เรื่องก็ลาออกหนีไปเลียแผลใจที่เมืองนอกเห็นว่า คงไม่กลับเมืองไทยอีกแล้ว” ข้อมูลแน่นเปรี๊ยะ ซึ่งภายหลังผมจึงได้ทราบว่าพี่แกไปจีบประชาสัมพันธ์ตึกไว้ เลยได้รู้ข่าวแบบเจาะลึกจากเจ้าหล่อน
“สรุปคือ ไอ่เกย์รักคุดที่พวกกรูเล่าให้เมิงฟังน่ะ ชื่อ พีระกานต์ เข้าใจ๋” เออ...เข้าใจ แต่ยังไม่อยากยอมรับ ชิบหาไม่เจอ...นี่กรูฟันผีเสียแล้วเหรอวะเนี่ย 3 รอบเลยนะเมิง ฮือ ฮืออ ยายครับผมขอโต๊ดด
“ตกลง นี่เมิงเจอผีไอ่พีหลอกเอาละซินะ.....เฮ้อ....ซวยชิบ เออ...แล้วมันหลอกเมิงไงวะ” พี่พงษ์หลุดจากโหมดรำลึกชาติหันมากระตือรือร้นถามผม เรียกให้พี่วิทย์ที่วนคาถาชินบัญชรครบ3จบ ให้หันมาสนใจด้วย
“เอ่อ..” เอาไงดีวะ “ก็....แค่เจอ...อื่อ แค่เจอก็คุยกันเฉย ๆ แล้วก็วูบไป...เออ ๆ ใช่ วูบไป..ก็ แค่นั้น” ผมอึกอักตอบ เง้อเชื่อผมเต๊อะ พรีสสส
“เมิงแน่จายยยยยย” คู่ดูโอประสานเสียงถามพลางจิกสายตาคาดคั้นโดยเฉพาะพี่วิทย์น่าขอยืมแก้มดำ ๆ ของแกเป็นที่ฝากรองเท้าชะมัด
“แน่ใจดิ่ วู้...ไรเนี่ย ไม่คุยละ ๆ ไปทำงานดีกว่า” ลุกหนีจากสถานการณ์น่าอึดอัดจนได้... โถ แล้วจะให้ผมไปบอกใครได้เล่าว่าโดนผีหลอกฟัน แถมไม่ใช่แค่รอบเดียวเสียด้วย แง๊ ๆ ๆ ๆ
ฮือ ฮือ เอ..... แล้วถ้าพรุ่งนี้ผมจะไปเข้าห้องน้ำตอนเช้าอีกครั้ง ผมจะเจอวิญญาณหนุ่มน้อยร้อนสวาทดวงนั้นอีกไหมเนี่ย กระผมนายก้องกังวาน หยุดไตร่ตรอง.....ก่อนจะค่อย ๆ นั่งลงกับโซฟานุ่มในห้องทำงานส่วนตัว
พรุ่งนี้ผมคงต้องไปพิสูจน์อีกสักครั้งน่าจะดีนะ ...หรือคุณ ๆ ว่าไง
[End.]
ความคิดเห็น