ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องสั้น ตามใจฉัน [yaoi_boy's love]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทเพลงคิมหันต์

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.พ. 50


    เอ่อ -- --"  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เคยแต่งมานานละหละ
    แต่ขอเอามาลงในนี้อีกละกันนะคะ
    แล้วจะได้ลบอันเก่าทิ้งไป....รวม ๆ กันไว้จะได้ไม่กระจัดกระจาย

    ป๋อหลอ.   เนื้อหา สถานที่ ชื่อ  และอื่น ๆ ตั้งเองโดยไม่ได้อิงถึงความหมายและภาษาที่แท้จริง  เนื่องจากเราไม่มีความรู้ด้านภาษาจีนเลย  ดังนั้นถ้ามีผู้ใดอ่านแล้วขัดตาไปบ้าง  ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ   อันนี้เป็นเรื่องแรก ๆ ที่แต่ง  ก็ยังขัด ๆ อยู่มากโข.....  ถือว่าเอามาขัดตาทัพละกัน  เพราะยังไม่มีเวลาแต่งอันใหม่เลย  คือเราทำงานแล้วอ่ะค่ะ  เลยแป่ว....มะมีเวลาเลย  เซ็ง

    ================================
    บทเพลงคิมหันต์
     

    เก๋งจีนหลังใหญ่ถูกปลูกสร้างอย่างกลมกลืนกับสวนหิน  และบึงน้อย ดอกบัวสีสวย
    ชูช่อขจายกลิ่นหอมเย็นแก่ทุกผู้ที่นั่งสังสรรค์กันภายในเก๋งจีนหลังนั้น

    หากแต่ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่า ใบหน้าคมคายผู้หนึ่งกลับหาได้ซาบซึ้งไปกับบรรยากาศเหล่านั้นไม่   

    คุณชายรองแห่งสกุลจ้าว    รองหัวหน้าหมู่ตึกมังกรคราม   จ้าวอี้เซิน 
    ได้รับการไหว้วานจาก หัวหน้าหมู่ตึก ผู้เป็นพี่ชายให้นำของขวัญมาคารวะแด่   หยางกงชิง  คหบดีผู้ร่ำรวยและโด่งดังแห่งแดนเสฉวน  ........จ้าวอี้เซิน ย่อมกระทำตามคำสั่ง  แม้นเจ้าตัวจะไม่ใคร่เต็มใจนัก

    ก็ทำไมเขาจะไม่รู้  ว่าการมาเยี่ยมเยียนทุกครั้งนั้นแฝงความหมายใด
    สิ่งที่พี่ชายของเขา เจ้าหนานเซิน  และผู้เฒ่าแซ่หยาง ต่างวาดหวังไว้ จะเป็นอะไรไปได้เล่า ...ถ้าไม่ใช่

    " ข้าฝากคำขอบคุณไปถึงหัวหน้าจ้าวด้วยนะ  เรียนท่านด้วยว่าข้าและฮูหยินจะหาโอกาสไปเยี่ยมคารวะให้ได้ "

    " ขอรับ  ....ท่านพี่ยังบอกด้วยว่า ครั้งหน้าจะมาด้วยตนเองแน่ ๆ ขอท่านหยางโปรดอภัยถึงการเสียมารยาทในครั้งนี้ด้วย"

    " มิต้องเกรงใจไป    ...ท่านรองมาเยือนด้วยตนเองเช่นนี้ก็นับเป็นเกียรติยิ่งแล้ว  ข้าเป็นเพียงพ่อค้า  แค่เพียงได้ผูกไมตรีกับหมู่ตึกมังกรคราม เช่นนี้ก็นับเป็นวาสนา"

    " ..........."

    " เอ้านี่  เสี่ยวจู เจ้าไปดูคุณหนูซิ   รองหัวหน้าจ้าวมาตั้งนานแล้วยังไม่รีบมาคารวะอีก .....แย่จริง ๆ ลูกคนนี้ "

    " มิเป็นไรขอรับท่านหยาง   ความจริงผู้น้อยเองก็ต้องรีบไปจัดการเรื่องสินค้าที่จะส่งขึ้นท่าเรือวันนี้   เห็นทีคงต้องขอตัวก่อนเช่นกัน" ชายหนุ่มรีบชิงกล่าวขึ้นมาอย่างร้อนรน  หากทว่ากลับซ่อนสีหน้ากระอักกระอ่วนไว้มิดชิด

    "อ้าว งั้นหรือ  น่าเสียดาย ๆ "  ชายชราพึมพำเบา ๆ พลางจิบน้ำชาอ้อยอิ่ง

    จ้าวอี้เซิน เพียงสนทนาต่ออีกไม่กี่คำ  ก็ขอตัวกลับ   ซึ่งความจริงแล้วเขาไม่ได้มีธุระงานอันใดทั้งสิ้น  หากแต่เพียงยังไม่ต้องการพาตัวเองลงหลุมดัก ที่พี่ชายขุดไว้เร็วนัก  .......หลุมพลาง   และพันธนาการที่ดิ้นไม่หลุด

    " ---การแต่งงาน--- "


    ................................................

    เมื่อเรือนร่างสูงสง่าสะดุดตาผู้คนเดินจนพ้นรัศมีประตูใหญ่
    รองหัวหน้าหมู่ตึกมังกรคราม จึงค่อยเปลี่ยนเส้นทางจากถนนใหญ่
    หลบเข้าตรอกเล็กๆ  ...ด้านขวายังคงเป็นแนวกำแพงยาวของบ้านสกุลหยาง

    อันที่จริงการหลบหน้าหาใช่มีสาเหตุจากความบกพร่องของคุณหนูหยางแต่ประการใดไม่
    เพียงแต่จ้าวอี้เซิน ฝักใฝ่ในมรรคาวิชาบู๊  หาได้ใส่ใจเรื่องราวฉันท์บุรุษสตรีมาก่อน
    แม้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นกุลสตรีที่ดีพร้อม  อีกทั้งรูปโฉมงดงามจนเป็นที่เลื่องลือ

    หากทว่าท่าร่ายรำกระบี่อันดุดันผาดโผน  หรือปรัชญาที่ซุ่มซ่อนอยู่ในเคล็ดวิชาฝ่ามือยังคงมีเสน่ห์ชวนลุ่มหลงยิ่งกว่าในสายตาของเขา

    เป็นเสียเยี่ยงนี้  จ้าวหนานเซิน  จึงได้แต่หาทางจับคู่ให้น้องชายเป็นที่วุ่นวาย

    ฝีเท้าที่ก้าวย่างอย่างหนักแน่นมั่นคงพลันชะงักหยุด  เมื่อแว่วยินเสียงขลุ่ยแผ่วพริ้วดังมาจากอีกฟากหนึ่งของกำแพง
    ท่วงทำนองแสนอ่อนหวานดุจดรุณีน้อยเริงร่าในท้องทุ่งกว้างใหญ่  ทั้งสดใสและเป็นอิสระ  บัดเดี๋ยวกลับกระชั้นเร่งร้อนราวน้ำป่าไหลหลาก  ทั้งโกรธเกรี้ยว ดุดัน  ราวกับจะบีบคั้นบางสิ่งให้แหลกสลาย   หากท้ายที่สุดกลับกลายเป็นเสียงที่แฝงความเศร้าสร้อย สูญเสีย  คล้ายเห็นภาพสรรพสัตว์น้อยใหญ่ รวมถึงต้นไม้ใบหญ้ากำลังร่ำไห้ คร่ำครวญ

    แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าที่สะกดให้จ้าวอี้เซิน เดินไปยังประตูเล็กเบื้องหน้าดั่งต้องมนต์
    คือ สัมผัสของพลังที่แผ่พุ่งมาพร้อมกับกระแสเสียงนั้น  ร่างสูงมั่นใจว่าผู้เป็นเจ้าของเสียงขลุ่ยอันตราตรึงนี้  หาใช่ชนชั้นธรรมดาไม่

    ...........................................................

    กว่าที่จ้าวอี้เซิน  จะสะกดใจให้เชื่อสายตาตนเองได้  ก็ต้องใช้เวลาอยู่ชั่วอึดใจ

    ภาพเบื้องหน้าหาใช่สิ่งที่เขาคาดคิดไว้แต่แรก   สองเท้าที่ก้าวย่างมาจนถึงประตูไม้บานเล็กหวังว่าผู้ที่อยู่หลังประตูนี้อาจจะเป็นจอมยุทธที่น่าเกรงขามท่านใด  ผู้ซึ่งเปี่ยมล้นด้วยพลังปราณอันกล้าแข็ง  หากการณ์กลับกลายเป็นว่า  ผู้ที่จรดริมฝีปากบรรเลงเพลงขลุ่ยที่ล้ำลึกด้วยท่วงทำนองหวานซ่าน พร้อมทั้งแผ่พุ่งสภาวะพลังคลอบคลุมรัศมี 10 เชียะ ที่ทำให้เขาตื่นเต้นถึงเพียงนี้   กลายเป็นเจ้าของใบหน้าอ่อนใสราวอิสตรี....

    ........ใช่ราวอิสตรี  แต่หาใช่อิสตรีไม่

    ร่างระหงโปร่งบางในชุดผ้าป่านยาวสีซีด   หากอยู่บนร่างกายของบุคคลอื่น  คงเป็นอาภรณ์ที่ดูซ่อมซ่อมิใช่น้อย  หากแต่เมื่ออยู่บนร่างตรงหน้านี้กลับขับให้เจ้าของร่างนั้น ดูเรียบง่าย  สง่างาม  และสูงค่า ในคราเดียวกัน

    รองหัวหน้าหมู่ตึกมังกรครามยืนตะลึงลานอยู่ชั่วครู่  ด้วยมิคาดว่า......................

    " มุสิกขลาดเขลาตัวใดหลบซ่อนอยู่หลังประตูนั่น  ยังมิรีบไสหัวออกมาให้แก่เรา"   เสียงหวานทุ่มดังลอดริมฝีปากบางเฉียบ  ไม่ตวาดดังให้เสียกิริยา  หากแต่หนักแน่นและกังวานไกลอย่างที่เปล่งจากผู้มีวรยุทธสูงล้ำ

    " ฮึ ฮึ หากข้าเป็นมุสิก  คงรอดพ้นจากโทษทัณฑ์เป็นแน่แท้.... เพราะท่านคงไม่หาความกับมุสิกตัวเล็ก ๆ ที่หลงเสียงขลุ่ยจนสติเลอะเลือน เดินเปะปะมาถึงนี่กระมัง" 

     ร่างสูงกล่าวหลังจากเดินผ่านประตูไม้เข้ามา  รอยยิ้มเป็นมิตร อีกทั้งท่วงท่าอันปลอดโปร่งของผู้มาใหม่ ทำให้เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มบางเบา  เพียงเท่านั้นฝีเท้าจ้าวอี้เซินพลันชะงักงัน  

    งาม.......  หาใช่งามอย่างเพริศแพร้วดุจหงส์เหิน   หาใช่งามอย่างเย้ายวนดั่งบุปผา  

    หากแต่งาม..... คล้ายต้นหลิวยามต้องลมกระมัง   แม้เห็นว่าโอนอ่อนพลิ้วไหวแต่ก็ไม่อาจปฎิเสธได้ว่าเข้มแข็ง    ความงามที่จ้าวอี้เซินยังไม่เคยพบพานในสตรีใดมาก่อน

    "ท่านผู้มาเยือน... มิทราบว่าใบหน้าข้ามีอันใดประหลาด"   เสียงหวานถามพลางลุกจากม้าหินหันมาทางอาคันตุกะหนุ่มเต็มตัว

    " เอ่อ... มิใช่  ขออภัยที่เสียมารยาท  ไม่ทราบท่านนี้คือ"

    "ข้าพเจ้าเองที่เสียมารยาท มิได้แนะนำตัว  และยังหาได้คารวะท่านผู้อาวุโสกว่าก่อน...ขออภัย  ขออภัย"

    ร่างโปร่งยกยิ้มเพียงมุมปาก  หากแต่นัยน์ตากลับคล้ายกำลังหัวร่อ  สองมือยกประสานไว้ระดับอกเพื่อแสดงการคารวะผู้ที่ตนว่า  'อาวุโส'  กว่า

    " ข้าพเจ้าแซ่หยาง   มีนามว่า  หยางซิง   หากคาดไม่ผิด  ท่านคงเป็นท่านรอง แห่งหมู่ตึกมังกรคราม  จ้าวอี้เซิน กระมัง"

    "เป็นข้าเอง... ข้าได้ยินเสียงขลุ่ยของท่าน ...เรียนตามตรงว่าให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มยิ่งนัก  ขอเรียนถามนามอาจารย์ท่านได้หรือไม่  " 

    ร่างสูงมองเด็กหนุ่มที่เดินไปยังบ่อปลาเล็กพลางสังเกตขลุ่ยในมือ  เพียงชั่วแวบที่ได้เห็นลวดลายมังกรที่โผนทะยานบนเนื้อหยกขาว   ก็ให้แน่ใจว่า นั่นคือ ขลุ่ยหยกไป๋เล่อ  ของบุรุษพิศดาร ไป๋อ้าวซวง   หากแต่จะเป็นไปได้อย่างไรเมื่อ  ท่านอาวุโสไป๋ เร้นกายปลีกหนีจากยุทธภพนานกว่ายี่สิบปีแล้ว    เรื่องจะรับศิษย์ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้แต่ไหนแต่ไรมา  ไป๋อ้าวซวงยึดมั่นไปมาโดดเดี่ยว  มิเคยยึดติดกับผู้ใดมาก่อน

    แต่.....ขึ้นชื่อว่าบุรุษพิศดาร  ย่อมเป็นบุรุษพิศดาร  ความคิดอ่านเป็นประการใดสุดที่ผู้อื่นจะคาดเดาได้

    "ขออภัยที่มิอาจบอก ....แม้ท่านอาจารย์หาใช่ชนชั้นไร้นาม  หากแต่ท่านผู้นั้นต้องการพำนักอยู่อย่างสงบ  ไม่ต้องการให้มีการรบกวนจากภายนอก  จึงได้กำชับว่าอย่าได้เอ่ยอ้างนามท่านกับผู้ใด"

    หยางซิง ตอบคำโดยที่สายตายังจับจ้องปลาหลากสีสันที่วนว่ายอยู่ในบ่อ  จ้าวอี้เซิน  ลอบมองเสี้ยวหน้าหวานคมของเด็กหนุ่ม  โดยไม่ได้เอ่ยคำใดอีก  ชั่วขณะนั้น  ร่างโปร่งจึงยกขลุ่ยหยกล้ำค่าจรดริมฝีปากอีกครั้ง   เสียงเพลงดังหวีดหวิวสะท้อนไปทั่วทุกอณูแห่งความรู้สึก   คล้ายเป็นสายหมอกบางเบาลอยเอื่อยเข้าโอบล้อมจิตใจของผู้ฟังจนมิสามารถดิ้นหลุดจากพันธนาการนี้ไปได้

    จ้าวอี้เซิน ยืนหลับตาปล่อยให้สำนึกล่องลอยไปตามอารมณ์แห่งเสียงดนตรีที่บัดนี้กำลังสะกดให้เขาเคลิบเคลิ้มงงงันราวเป็นบทเพลงกล่อมนอนที่แสนอบอุ่นจากมารดา   ชายหนุ่มผู้เคยสำรวมสติมั่นในทุกชั่วยาม  และไม่เคยอนาทรต่อสิ่งยวนใจใด ๆ เช่นรองหัวหน้าหมู่ตึกมังกรครามผู้นี้   ไม่ได้รู้เลยว่าได้ถูกเสียงขลุ่ยของหนุ่มน้อยแปลกหน้าผู้หนึ่งผูกมัดวิญญาณของตนให้สยบอยู่แทบเท้าเจ้าของท่วงทำนองหวานซ่านไปเสียแล้ว

    ........................................................................................

    ........................................................

    ...............................

    สายลมพัดพาใบไม้ปลิดปลิว  ร่วงกระทบใบหน้าคมคร้าม  ดวงตาคมดุจตาเหยี่ยวเบิกขึ้นราวได้สติ 

    หยางซิง  ยืนอยู่ตรงหน้าเขา  เด็กหนุ่มยิ้มกว้างน่ารัก แววตามีประกายล้อเลียน   ด้านข้างมีสาวใช้นางหนึ่งยืนนอบน้อมอยู่  .....อะไรกัน   ......เขาเผลอหลับไปหรือเนี่ย

    "ท่านรองคงจะอ่อนเพลียมาก...  ข้าพเจ้าคงรบกวนเวลาพักผ่อนของท่านรองเสียแล้ว"

    "เอ่อ..มิได้   โอ.... ข้าช่างน่าอายนัก  ขอคุณชายหยางอย่าได้เห็นเป็นขันไป"  ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หากสีหน้ายังกระดากอยู่บ้าง   หยางซิงลอบสังเกตผิวหน้าขึ้นสีของอีกฝ่ายพลันลอบหัวร่อเบา ๆ ก่อนจะยกสองมือประสานกันคารวะ

    " อย่างไรเสียวันนี้ หยางซิง คงต้องขอตัวก่อน   หากมีโอกาสคงได้สนทนาแลกเปลี่ยนความรู้เชิงยุทธกับท่านรองบ้าง  ไม่ทราบท่านเห็นเป็นอย่างไร"

    " ย่อมยินดียิ่ง    ข้าเองก็รบกวนมานานแล้วเช่นกัน  หวังว่าคราครั้งหน้า  ..เรา..  จะได้สนทนากันมากกว่านี้"

    จ้าวอี้เซิน  เดินออกจากประตูไม้บานเล็ก  โดยมีเด็กหนุ่มและสาวใช้เดินมาส่ง  เมื่อประตูปิดชายหนุ่มยังได้ยินเสียงสาวใช้กล่าวกับร่างโปร่งในห้วงคำนึงว่า 

    " คุณชายสาม   นายท่านสั่งว่าหลังจากคัดตำรายาที่ห้องสมุดเสร็จแล้ว  ให้คุณชายเตรียมตัวเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงที่หอชุนอี้ ค่ำนี้ด้วยนะเจ้าคะ"

    " ได้สิ.... เรียนท่านว่าข้าจะรีบจัดการให้เรียบร้อยทันเย็นนี้เลย"

    "เจ้าค่ะ  คุณชาย"

    จ้าวอี้เซินหยุดยืนฟังเสียงสนทนา  ที่ค่อย ๆ ห่างออกไปอย่างตั้งใจ

    คุณชายสามงั้นหรือ.....  เขารู้ว่าท่านหยางมีลูกชาย  แต่มีแค่ 2 คนเท่านั้น อีกคนเป็นลูกสาว  ก็คุณหนูหยางคู่หมายของเขาอย่างไรเล่า   ....แล้วคุณชาย 3  โผล่มาจากที่ใดกัน  ทั้งยังขลุ่ยหยกขาวไป๋เล่อที่ครอบครองนั่นอีก

    นี่เขาจะถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติที่ต้องตรวจสอบล่ะนะ  ....ในฐานะรองหัวหน้าสำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่งแห่งเมืองเฉิงตู  ที่มีชื่อเสียงสะท้านแดนเสฉวน 

    หากจะต้องมาสืบข่าวคราวความไม่ชอบมาพากล  ย่อมเป็นเรื่องสมควรแล้ว  เป็นความตั้งมั่นอยู่บนความไม่ประมาทอย่างไรเล่า   อย่างไรเสียพี่ใหญ่ก็ต้องเห็นด้วย  .....เอ  หรือจะบอกว่ามาเยี่ยมเยียนว่าที่คู่หมั้นให้ท่านพี่ดีใจเล่นดีล่ะ

    แต่ก็ไม่ว่าจะเหตุผลใด   เขาก็ต้องมาเยี่ยมสกุลหยางให้บ่อยขึ้นให้ได้  .....ในเมื่อเป้าหมายที่น่าสนใจปรากฎขึ้นตรงหน้าแล้ว   จะปล่อยให้หลุดมือไปเห็นทีจะไม่ใช่จ้าวอี้เซินเสียล่ะ

    " คุณชายสาม  หยางซิง   เราต้องได้พบกันอีกแน่"

    ร่างสูงเดินจากไป  หากในใจยังคงคำนึงถึง บุรุษน้อยผู้หนึ่ง อย่างอิ่มเอม

    ...........................................................................

    ( Fin )

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×