คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทเพลงคิมหันต์
เอ่อ -- --" เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เคยแต่งมานานละหละ
แต่ขอเอามาลงในนี้อีกละกันนะคะ
แล้วจะได้ลบอันเก่าทิ้งไป....รวม ๆ กันไว้จะได้ไม่กระจัดกระจาย
ป๋อหลอ. เนื้อหา สถานที่ ชื่อ และอื่น ๆ ตั้งเองโดยไม่ได้อิงถึงความหมายและภาษาที่แท้จริง เนื่องจากเราไม่มีความรู้ด้านภาษาจีนเลย ดังนั้นถ้ามีผู้ใดอ่านแล้วขัดตาไปบ้าง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ อันนี้เป็นเรื่องแรก ๆ ที่แต่ง ก็ยังขัด ๆ อยู่มากโข..... ถือว่าเอามาขัดตาทัพละกัน เพราะยังไม่มีเวลาแต่งอันใหม่เลย คือเราทำงานแล้วอ่ะค่ะ เลยแป่ว....มะมีเวลาเลย เซ็ง
================================
บทเพลงคิมหันต์
เก๋งจีนหลังใหญ่ถูกปลูกสร้างอย่างกลมกลืนกับสวนหิน และบึงน้อย ดอกบัวสีสวย
ชูช่อขจายกลิ่นหอมเย็นแก่ทุกผู้ที่นั่งสังสรรค์กันภายในเก๋งจีนหลังนั้น
หากแต่ชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่า ใบหน้าคมคายผู้หนึ่งกลับหาได้ซาบซึ้งไปกับบรรยากาศเหล่านั้นไม่
คุณชายรองแห่งสกุลจ้าว รองหัวหน้าหมู่ตึกมังกรคราม จ้าวอี้เซิน
ได้รับการไหว้วานจาก หัวหน้าหมู่ตึก ผู้เป็นพี่ชายให้นำของขวัญมาคารวะแด่ หยางกงชิง คหบดีผู้ร่ำรวยและโด่งดังแห่งแดนเสฉวน ........จ้าวอี้เซิน ย่อมกระทำตามคำสั่ง แม้นเจ้าตัวจะไม่ใคร่เต็มใจนัก
ก็ทำไมเขาจะไม่รู้ ว่าการมาเยี่ยมเยียนทุกครั้งนั้นแฝงความหมายใด
สิ่งที่พี่ชายของเขา เจ้าหนานเซิน และผู้เฒ่าแซ่หยาง ต่างวาดหวังไว้ จะเป็นอะไรไปได้เล่า ...ถ้าไม่ใช่
" ข้าฝากคำขอบคุณไปถึงหัวหน้าจ้าวด้วยนะ เรียนท่านด้วยว่าข้าและฮูหยินจะหาโอกาสไปเยี่ยมคารวะให้ได้ "
" ขอรับ ....ท่านพี่ยังบอกด้วยว่า ครั้งหน้าจะมาด้วยตนเองแน่ ๆ ขอท่านหยางโปรดอภัยถึงการเสียมารยาทในครั้งนี้ด้วย"
" มิต้องเกรงใจไป ...ท่านรองมาเยือนด้วยตนเองเช่นนี้ก็นับเป็นเกียรติยิ่งแล้ว ข้าเป็นเพียงพ่อค้า แค่เพียงได้ผูกไมตรีกับหมู่ตึกมังกรคราม เช่นนี้ก็นับเป็นวาสนา"
" ..........."
" เอ้านี่ เสี่ยวจู เจ้าไปดูคุณหนูซิ รองหัวหน้าจ้าวมาตั้งนานแล้วยังไม่รีบมาคารวะอีก .....แย่จริง ๆ ลูกคนนี้ "
" มิเป็นไรขอรับท่านหยาง ความจริงผู้น้อยเองก็ต้องรีบไปจัดการเรื่องสินค้าที่จะส่งขึ้นท่าเรือวันนี้ เห็นทีคงต้องขอตัวก่อนเช่นกัน" ชายหนุ่มรีบชิงกล่าวขึ้นมาอย่างร้อนรน หากทว่ากลับซ่อนสีหน้ากระอักกระอ่วนไว้มิดชิด
"อ้าว งั้นหรือ น่าเสียดาย ๆ " ชายชราพึมพำเบา ๆ พลางจิบน้ำชาอ้อยอิ่ง
จ้าวอี้เซิน เพียงสนทนาต่ออีกไม่กี่คำ ก็ขอตัวกลับ ซึ่งความจริงแล้วเขาไม่ได้มีธุระงานอันใดทั้งสิ้น หากแต่เพียงยังไม่ต้องการพาตัวเองลงหลุมดัก ที่พี่ชายขุดไว้เร็วนัก .......หลุมพลาง และพันธนาการที่ดิ้นไม่หลุด
" ---การแต่งงาน--- "
................................................
เมื่อเรือนร่างสูงสง่าสะดุดตาผู้คนเดินจนพ้นรัศมีประตูใหญ่
รองหัวหน้าหมู่ตึกมังกรคราม จึงค่อยเปลี่ยนเส้นทางจากถนนใหญ่
หลบเข้าตรอกเล็กๆ ...ด้านขวายังคงเป็นแนวกำแพงยาวของบ้านสกุลหยาง
อันที่จริงการหลบหน้าหาใช่มีสาเหตุจากความบกพร่องของคุณหนูหยางแต่ประการใดไม่
เพียงแต่จ้าวอี้เซิน ฝักใฝ่ในมรรคาวิชาบู๊ หาได้ใส่ใจเรื่องราวฉันท์บุรุษสตรีมาก่อน
แม้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นกุลสตรีที่ดีพร้อม อีกทั้งรูปโฉมงดงามจนเป็นที่เลื่องลือ
หากทว่าท่าร่ายรำกระบี่อันดุดันผาดโผน หรือปรัชญาที่ซุ่มซ่อนอยู่ในเคล็ดวิชาฝ่ามือยังคงมีเสน่ห์ชวนลุ่มหลงยิ่งกว่าในสายตาของเขา
เป็นเสียเยี่ยงนี้ จ้าวหนานเซิน จึงได้แต่หาทางจับคู่ให้น้องชายเป็นที่วุ่นวาย
ฝีเท้าที่ก้าวย่างอย่างหนักแน่นมั่นคงพลันชะงักหยุด เมื่อแว่วยินเสียงขลุ่ยแผ่วพริ้วดังมาจากอีกฟากหนึ่งของกำแพง
ท่วงทำนองแสนอ่อนหวานดุจดรุณีน้อยเริงร่าในท้องทุ่งกว้างใหญ่ ทั้งสดใสและเป็นอิสระ บัดเดี๋ยวกลับกระชั้นเร่งร้อนราวน้ำป่าไหลหลาก ทั้งโกรธเกรี้ยว ดุดัน ราวกับจะบีบคั้นบางสิ่งให้แหลกสลาย หากท้ายที่สุดกลับกลายเป็นเสียงที่แฝงความเศร้าสร้อย สูญเสีย คล้ายเห็นภาพสรรพสัตว์น้อยใหญ่ รวมถึงต้นไม้ใบหญ้ากำลังร่ำไห้ คร่ำครวญ
แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าที่สะกดให้จ้าวอี้เซิน เดินไปยังประตูเล็กเบื้องหน้าดั่งต้องมนต์
คือ สัมผัสของพลังที่แผ่พุ่งมาพร้อมกับกระแสเสียงนั้น ร่างสูงมั่นใจว่าผู้เป็นเจ้าของเสียงขลุ่ยอันตราตรึงนี้ หาใช่ชนชั้นธรรมดาไม่
...........................................................
กว่าที่จ้าวอี้เซิน จะสะกดใจให้เชื่อสายตาตนเองได้ ก็ต้องใช้เวลาอยู่ชั่วอึดใจ
ภาพเบื้องหน้าหาใช่สิ่งที่เขาคาดคิดไว้แต่แรก สองเท้าที่ก้าวย่างมาจนถึงประตูไม้บานเล็กหวังว่าผู้ที่อยู่หลังประตูนี้อาจจะเป็นจอมยุทธที่น่าเกรงขามท่านใด ผู้ซึ่งเปี่ยมล้นด้วยพลังปราณอันกล้าแข็ง หากการณ์กลับกลายเป็นว่า ผู้ที่จรดริมฝีปากบรรเลงเพลงขลุ่ยที่ล้ำลึกด้วยท่วงทำนองหวานซ่าน พร้อมทั้งแผ่พุ่งสภาวะพลังคลอบคลุมรัศมี 10 เชียะ ที่ทำให้เขาตื่นเต้นถึงเพียงนี้ กลายเป็นเจ้าของใบหน้าอ่อนใสราวอิสตรี....
........ใช่ราวอิสตรี แต่หาใช่อิสตรีไม่
ร่างระหงโปร่งบางในชุดผ้าป่านยาวสีซีด หากอยู่บนร่างกายของบุคคลอื่น คงเป็นอาภรณ์ที่ดูซ่อมซ่อมิใช่น้อย หากแต่เมื่ออยู่บนร่างตรงหน้านี้กลับขับให้เจ้าของร่างนั้น ดูเรียบง่าย สง่างาม และสูงค่า ในคราเดียวกัน
รองหัวหน้าหมู่ตึกมังกรครามยืนตะลึงลานอยู่ชั่วครู่ ด้วยมิคาดว่า......................
" มุสิกขลาดเขลาตัวใดหลบซ่อนอยู่หลังประตูนั่น ยังมิรีบไสหัวออกมาให้แก่เรา" เสียงหวานทุ่มดังลอดริมฝีปากบางเฉียบ ไม่ตวาดดังให้เสียกิริยา หากแต่หนักแน่นและกังวานไกลอย่างที่เปล่งจากผู้มีวรยุทธสูงล้ำ
" ฮึ ฮึ หากข้าเป็นมุสิก คงรอดพ้นจากโทษทัณฑ์เป็นแน่แท้.... เพราะท่านคงไม่หาความกับมุสิกตัวเล็ก ๆ ที่หลงเสียงขลุ่ยจนสติเลอะเลือน เดินเปะปะมาถึงนี่กระมัง"
ร่างสูงกล่าวหลังจากเดินผ่านประตูไม้เข้ามา รอยยิ้มเป็นมิตร อีกทั้งท่วงท่าอันปลอดโปร่งของผู้มาใหม่ ทำให้เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มบางเบา เพียงเท่านั้นฝีเท้าจ้าวอี้เซินพลันชะงักงัน
งาม....... หาใช่งามอย่างเพริศแพร้วดุจหงส์เหิน หาใช่งามอย่างเย้ายวนดั่งบุปผา
หากแต่งาม..... คล้ายต้นหลิวยามต้องลมกระมัง แม้เห็นว่าโอนอ่อนพลิ้วไหวแต่ก็ไม่อาจปฎิเสธได้ว่าเข้มแข็ง ความงามที่จ้าวอี้เซินยังไม่เคยพบพานในสตรีใดมาก่อน
"ท่านผู้มาเยือน... มิทราบว่าใบหน้าข้ามีอันใดประหลาด" เสียงหวานถามพลางลุกจากม้าหินหันมาทางอาคันตุกะหนุ่มเต็มตัว
" เอ่อ... มิใช่ ขออภัยที่เสียมารยาท ไม่ทราบท่านนี้คือ"
"ข้าพเจ้าเองที่เสียมารยาท มิได้แนะนำตัว และยังหาได้คารวะท่านผู้อาวุโสกว่าก่อน...ขออภัย ขออภัย"
ร่างโปร่งยกยิ้มเพียงมุมปาก หากแต่นัยน์ตากลับคล้ายกำลังหัวร่อ สองมือยกประสานไว้ระดับอกเพื่อแสดงการคารวะผู้ที่ตนว่า 'อาวุโส' กว่า
" ข้าพเจ้าแซ่หยาง มีนามว่า หยางซิง หากคาดไม่ผิด ท่านคงเป็นท่านรอง แห่งหมู่ตึกมังกรคราม จ้าวอี้เซิน กระมัง"
"เป็นข้าเอง... ข้าได้ยินเสียงขลุ่ยของท่าน ...เรียนตามตรงว่าให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มยิ่งนัก ขอเรียนถามนามอาจารย์ท่านได้หรือไม่ "
ร่างสูงมองเด็กหนุ่มที่เดินไปยังบ่อปลาเล็กพลางสังเกตขลุ่ยในมือ เพียงชั่วแวบที่ได้เห็นลวดลายมังกรที่โผนทะยานบนเนื้อหยกขาว ก็ให้แน่ใจว่า นั่นคือ ขลุ่ยหยกไป๋เล่อ ของบุรุษพิศดาร ไป๋อ้าวซวง หากแต่จะเป็นไปได้อย่างไรเมื่อ ท่านอาวุโสไป๋ เร้นกายปลีกหนีจากยุทธภพนานกว่ายี่สิบปีแล้ว เรื่องจะรับศิษย์ยิ่งไม่น่าเป็นไปได้แต่ไหนแต่ไรมา ไป๋อ้าวซวงยึดมั่นไปมาโดดเดี่ยว มิเคยยึดติดกับผู้ใดมาก่อน
แต่.....ขึ้นชื่อว่าบุรุษพิศดาร ย่อมเป็นบุรุษพิศดาร ความคิดอ่านเป็นประการใดสุดที่ผู้อื่นจะคาดเดาได้
"ขออภัยที่มิอาจบอก ....แม้ท่านอาจารย์หาใช่ชนชั้นไร้นาม หากแต่ท่านผู้นั้นต้องการพำนักอยู่อย่างสงบ ไม่ต้องการให้มีการรบกวนจากภายนอก จึงได้กำชับว่าอย่าได้เอ่ยอ้างนามท่านกับผู้ใด"
หยางซิง ตอบคำโดยที่สายตายังจับจ้องปลาหลากสีสันที่วนว่ายอยู่ในบ่อ จ้าวอี้เซิน ลอบมองเสี้ยวหน้าหวานคมของเด็กหนุ่ม โดยไม่ได้เอ่ยคำใดอีก ชั่วขณะนั้น ร่างโปร่งจึงยกขลุ่ยหยกล้ำค่าจรดริมฝีปากอีกครั้ง เสียงเพลงดังหวีดหวิวสะท้อนไปทั่วทุกอณูแห่งความรู้สึก คล้ายเป็นสายหมอกบางเบาลอยเอื่อยเข้าโอบล้อมจิตใจของผู้ฟังจนมิสามารถดิ้นหลุดจากพันธนาการนี้ไปได้
จ้าวอี้เซิน ยืนหลับตาปล่อยให้สำนึกล่องลอยไปตามอารมณ์แห่งเสียงดนตรีที่บัดนี้กำลังสะกดให้เขาเคลิบเคลิ้มงงงันราวเป็นบทเพลงกล่อมนอนที่แสนอบอุ่นจากมารดา ชายหนุ่มผู้เคยสำรวมสติมั่นในทุกชั่วยาม และไม่เคยอนาทรต่อสิ่งยวนใจใด ๆ เช่นรองหัวหน้าหมู่ตึกมังกรครามผู้นี้ ไม่ได้รู้เลยว่าได้ถูกเสียงขลุ่ยของหนุ่มน้อยแปลกหน้าผู้หนึ่งผูกมัดวิญญาณของตนให้สยบอยู่แทบเท้าเจ้าของท่วงทำนองหวานซ่านไปเสียแล้ว
........................................................................................
........................................................
...............................
สายลมพัดพาใบไม้ปลิดปลิว ร่วงกระทบใบหน้าคมคร้าม ดวงตาคมดุจตาเหยี่ยวเบิกขึ้นราวได้สติ
หยางซิง ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เด็กหนุ่มยิ้มกว้างน่ารัก แววตามีประกายล้อเลียน ด้านข้างมีสาวใช้นางหนึ่งยืนนอบน้อมอยู่ .....อะไรกัน ......เขาเผลอหลับไปหรือเนี่ย
"ท่านรองคงจะอ่อนเพลียมาก... ข้าพเจ้าคงรบกวนเวลาพักผ่อนของท่านรองเสียแล้ว"
"เอ่อ..มิได้ โอ.... ข้าช่างน่าอายนัก ขอคุณชายหยางอย่าได้เห็นเป็นขันไป" ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หากสีหน้ายังกระดากอยู่บ้าง หยางซิงลอบสังเกตผิวหน้าขึ้นสีของอีกฝ่ายพลันลอบหัวร่อเบา ๆ ก่อนจะยกสองมือประสานกันคารวะ
" อย่างไรเสียวันนี้ หยางซิง คงต้องขอตัวก่อน หากมีโอกาสคงได้สนทนาแลกเปลี่ยนความรู้เชิงยุทธกับท่านรองบ้าง ไม่ทราบท่านเห็นเป็นอย่างไร"
" ย่อมยินดียิ่ง ข้าเองก็รบกวนมานานแล้วเช่นกัน หวังว่าคราครั้งหน้า ..เรา.. จะได้สนทนากันมากกว่านี้"
จ้าวอี้เซิน เดินออกจากประตูไม้บานเล็ก โดยมีเด็กหนุ่มและสาวใช้เดินมาส่ง เมื่อประตูปิดชายหนุ่มยังได้ยินเสียงสาวใช้กล่าวกับร่างโปร่งในห้วงคำนึงว่า
" คุณชายสาม นายท่านสั่งว่าหลังจากคัดตำรายาที่ห้องสมุดเสร็จแล้ว ให้คุณชายเตรียมตัวเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงที่หอชุนอี้ ค่ำนี้ด้วยนะเจ้าคะ"
" ได้สิ.... เรียนท่านว่าข้าจะรีบจัดการให้เรียบร้อยทันเย็นนี้เลย"
"เจ้าค่ะ คุณชาย"
จ้าวอี้เซินหยุดยืนฟังเสียงสนทนา ที่ค่อย ๆ ห่างออกไปอย่างตั้งใจ
คุณชายสามงั้นหรือ..... เขารู้ว่าท่านหยางมีลูกชาย แต่มีแค่ 2 คนเท่านั้น อีกคนเป็นลูกสาว ก็คุณหนูหยางคู่หมายของเขาอย่างไรเล่า ....แล้วคุณชาย 3 โผล่มาจากที่ใดกัน ทั้งยังขลุ่ยหยกขาวไป๋เล่อที่ครอบครองนั่นอีก
นี่เขาจะถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติที่ต้องตรวจสอบล่ะนะ ....ในฐานะรองหัวหน้าสำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่งแห่งเมืองเฉิงตู ที่มีชื่อเสียงสะท้านแดนเสฉวน
หากจะต้องมาสืบข่าวคราวความไม่ชอบมาพากล ย่อมเป็นเรื่องสมควรแล้ว เป็นความตั้งมั่นอยู่บนความไม่ประมาทอย่างไรเล่า อย่างไรเสียพี่ใหญ่ก็ต้องเห็นด้วย .....เอ หรือจะบอกว่ามาเยี่ยมเยียนว่าที่คู่หมั้นให้ท่านพี่ดีใจเล่นดีล่ะ
แต่ก็ไม่ว่าจะเหตุผลใด เขาก็ต้องมาเยี่ยมสกุลหยางให้บ่อยขึ้นให้ได้ .....ในเมื่อเป้าหมายที่น่าสนใจปรากฎขึ้นตรงหน้าแล้ว จะปล่อยให้หลุดมือไปเห็นทีจะไม่ใช่จ้าวอี้เซินเสียล่ะ
" คุณชายสาม หยางซิง เราต้องได้พบกันอีกแน่"
ร่างสูงเดินจากไป หากในใจยังคงคำนึงถึง บุรุษน้อยผู้หนึ่ง อย่างอิ่มเอม
...........................................................................
( Fin )
ความคิดเห็น