คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : chapter 1 : new class, but not-so-new faces.
เธอไม่เคยใส่ยูนิฟอร์มของโรงเรียนอย่างถูกระเบียบเสียที...
และต่อให้ถูกย้ายห้อง สึมุกิ
เลย์โกะก็ไม่ได้มีความคิดที่จะปรับปรุงพฤติกรรมนี้ของตนเอง
ก็นะ— เธอชอบเบลเซอร์ครอปที่แต่งกระดุมข้างๆมากกว่าของโรงเรียนนี่
เธอฉีดดรายแชมพูอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนจะรวบเส้นผมขึ้นเป็นทรงหางม้าสูง จัดพวกเสื้อผ้าให้เรียบร้อยขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย
แล้วจึงหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่(ที่ผิดระเบียบเช่นกัน)เดินลงไปยังชั้นล่างของบ้าน
บรรยากาศเงียบ ไม่มีเสียง...
เธอพอจะเดาได้อยู่ว่าอีกคนที่อยู่ในบ้านได้ออกไปก่อนเธอแล้ว
เมื่อดวงตาสีอเมทิตส์สบกับข้าวกล่องและกระดาษโน้ตที่แปะอยู่บนโต๊ะ
‘ ข้าวกล่องสำหรับวันนี้นะคะ ขอโทษที่ไม่สามารถอยู่ทักทายกันตอนเช้าได้นะคะ พอดีว่าดิฉันมีธุระที่ต้องไปทำ
อย่างไรก็ตาม ขอให้คุณหนูโชคดีกับการเรียนในวันนี้นะคะ
— ซาซากิ จิฮิโระ ’
เมื่ออ่านโน้ตนั่นเสร็จก็หยิบข้าวกล่องเก็บใส่ในกระเป๋าเป้
ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปโดยไม่ลืมที่จะล็อคประตูบ้าน
และกดรีโมทปิดรั้วอัตโนมัติให้เรียบร้อย
เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ
ซาซากิ จิฮิโระคือชื่อของคนที่ทำงานให้กับพ่อของเธอ
และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ดูแลเธอด้วย— ก็เป็นคนที่น่ารักดี สำหรับลุคสาวนิ่งที่ดูเผินๆอาจจะน่ากลัวไปหน่อยน่ะนะ
เป็นคนที่ดูเหมือนแคร์เธอ
แต่สุดท้ายก็คงจะแคร์เพราะเป็นหน้าที่นั่นแหละ
มันไม่ใช่ความผิดอะไรถ้าหากอีกฝ่ายจะคิดแบบนั้นหรอก
แต่มันก็ชอบเผลอคิดว่ารายนั้นอาจจะแคร์เธอจริงๆเสมอ
เธอก็คิดเองไปเรื่อย...
ปิดกั้นตนเองขนาดนี้แล้วคนอื่นเขาคงจะแยแสหรอก
“โอ๊ะ! ไปเช้าจังเลยนะ”
ดวงตาสีอเมทิตส์ชำเลืองมองตามต้นเสียงดังกล่าว
มนุษย์เพื่อนบ้านผมแดงนั้นกำลังส่งรอยยิ้มยียวนให้เธอ มือข้างหนึ่งโบกทักทาย
ส่วนอีกข้างกำลังถือนมสตรอว์เบอร์รี่อยู่ อีกฝ่ายอยู่ในสภาพชุดลำลอง นั่นทำให้เธอรู้ว่าเพื่อนบ้านบวกสถานะเพื่อนสมัยเด็กและเพื่อนร่วมห้องคนนี้ยังไม่มีความคิดที่จะรีบเตรียมตัวไปเรียน
“เช็คสถานที่น่ะ แถมถ้าไปเร็วก็จะเจอคนน้อยด้วย”
“ไม่ใช่ว่ารีบไปเพราะกลัวว่าถ้าไปช้ากว่านี้จะต้องเข้าห้องสายหรอกเหรอ? คนที่วันๆไม่ออกมาจากบ้านถ้าไม่จำเป็นแบบเธอคงมีความอึดน้อยกว่าคนอื่นๆอยู่แล้วนี่”
“สะเหล่อน่าคารุมะ” กล่าวกระแทกเสียงเล็กน้อย
เลย์โกะจิ๊ปาก
“จี้จุดล่ะสิ”
เธอกลอกตาใส่อาคาบาเนะ คารุมะ
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม สกิลความน่าหมั่นไส้ของเขาก็ไม่เคยลดลงเลย
มันน่าปารองเท้าใส่หน้ากวนส้นของเขาจริงๆเลย...
“แต่ว่านะ ช่างเรื่องนั้นก่อน— ที่ห้องเรียนเธอนั่งข้างฉัน
หลังห้องฝั่งริมหน้าต่าง หวังว่าเราจะเข้ากันได้ดีในปีการศึกษานี้นะ”
เธอไหวไหล่
“ตราบใดที่นายมีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับอาจารย์คนนั้นแล้วน่ะนะ” เมื่อกล่าวจบก็โบกมือลาอีกฝ่ายทันที
________
ขาแทบลาก—
นั่นคือความรู้สึกของคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายมานานแสนนาน
แต่กลับต้องมาเดินขึ้นเนินเขาเพื่อไปยังห้องเรียนไม้เก่าๆของตนเอง
สึมุกิ เลย์โกะสบถในใจ ตอนแรกก็คิดๆอยู่หรอกว่าต้องเผื่อเวลาเดินขึ้นมาด้วย
เลยออกจากบ้านมาก่อน แต่เธอไม่คิดว่ามันจะลำบากและกินเวลาไปขนาดนี้
แต่ว่าเถอะ ทุกคนที่เดินขึ้นเนินนี่ก็ต้องเหนื่อยเหมือนกันนั่นแหละ— คารุมะก็เล่นพูดแซะเธอเกินความเป็นจริงไปหน่อย
เขานั่นแหละที่อึดกว่าชาวบ้าน มีเรื่องชกต่อยเป็นประจำจนทักษะการต่อสู้มากกว่านักเรียนทั่วไป
ส่วนเธอน่ะมีความอดทนในระดับมาตรฐานทั่วไปต่างหาก
เธอนั่งลงที่บริเวณหน้าอาคาร
เพื่อพักหายใจให้ทั่วท้องก่อน ยอมตายดีกว่าถ้าต้องเดินเข้าห้องเรียนไปในสภาพหอบแฮ่กๆแบบนั้นแน่นอน
first impression กับเพื่อนร่วมห้องที่จะต้องอยู่ด้วยกันเป็นปีมันสำคัญเป็นอย่างมากเลยนะ
เธอพักคางลงบนกระเป๋าเป้ที่เธอเปลี่ยนจากการสะพายมาวางบนตัก
สายตาสอดส่องสำรวจบริเวณรอบๆอาคารเรียนเผื่อเจออะไรที่สนใจ
มีบริเวณกระบะทรายเล็กๆที่ใครสักคนสร้างปราสาทขนาดย่อมไว้ตรงนั้น
อาจจะเป็นฝีมือนักเรียนคนหนึ่ง
ไม่ก็เจ้าสัตว์ประหลาดที่ตอนนี้ดำรงตำแหน่งอาจารย์ประจำชั้นอยู่
แต่ถ้าเป็นอย่างหลังนี่คงประหลาดน่าดู...
ไม่สิ— มันประหลาดตั้งแต่เอาสัตว์ประหลาดที่ไม่มีใครฆ่าได้มาให้นักเรียนห้องบ๊วยของโรงเรียนหัวกะทิแห่งหนึ่งจัดการแล้ว...
เธอเปิดซิปกระเป๋าเป้
ก่อนจะหยิบกระติกน้ำออกมาดื่มคลายกระหาย
ขอบคุณที่กระติกน้ำนี่เก็บความเย็นได้ น้ำเย็นๆมันทำให้เธอรู้สึกสดชื่นจริงๆ
เธอแค่กะจะดื่มน้ำดับกระหายเฉยๆ— ไม่ได้คิดเสียด้วยซ้ำว่าในตอนนั้นจะเจอคนรู้จักโผล่มา
“ทำไมไม่เข้าไปข้างใน?
มานั่งทำไมข้างนอกล่ะ?”
“อึก!”
เธอแทบจะสำลักน้ำ... แต่สุดท้ายก็กลืนลงคอได้
เลย์โกะสบถออกมาในใจ
คนในกระทรวงที่เก่งๆมีตั้งเยอะ ไหงบุคลากรที่ถูกส่งมาดันเป็นคนรู้จักไปเสียได้นะ
“ขอโทษที เป็นอะไรหรือเปล่า?”
อีกฝ่ายเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอก็วิ่งเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
ซึ่งเลย์โกะนั้นก็โต้ตอบโดยเร็ว
เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นห่วงเธอเกินเหตุไปหน่อย
“แค่เกือบค่ะ ไม่เป็นไรๆ” กล่าวพลางปัดมือ
ที่ดูเลิ่กลั่กนี่เพราะเห็นเธอตกใจจนเกือบสำลักน้ำอย่างแน่นอน...
“แน่ใจนะ?” เธอพยักหน้าตอบอีกฝ่าย
ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืน มือปัดฝุ่นที่ติดกระโปรงของตนเองเล็กน้อย
“อ้อ อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณคาราสึมะ” เธอกล่าว เมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมที่จะทักทายอีกฝ่ายไป
“อรุณสวัสดิ์คุณสึมุกิ...
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” คาราสึมะ ทาดาโอมิทักทายกลับ
“นั่นน่ะสิคะ— เอาจริงๆก็ไม่คิดว่าคนที่ทางกระทรวงส่งมาจะเป็นคุณ
เมื่อกี้ก็เลยตกใจนิดหน่อย”
เธอมองหน้าคาราสึมะ
พอจะเดาๆได้ว่าอีกฝ่ายก็คงไม่คาดคิดว่าจะต้องมาเจอเธอเช่นกัน... เผื่อๆอาจจะยังประหลาดใจไม่หายด้วย
หากเขาสืบประวัติเธอมาแล้ว
เคยโจรกรรมข้อมูลมาเมื่อไม่กี่ปีก่อน
แถมล่าสุดก็เพิ่งจะก่อเหตุในอาคารเรียนหลักไปจนถูกสั่งย้ายห้อง
ว้าว... เหมือนได้ทำลายภาพจำเด็กตัวเล็กๆที่ติดน้าคนหนึ่งไปเลยแฮะ
“อย่างไรก็ตาม— ปีนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” เธอโค้งตัว
แล้วจึงสะพายกระเป๋าเดินเข้าอาคารไปทันที
บุคลากรจากกระทรวงคงจะไม่เพียงพอสำหรับการลอบสังหารครั้งนี้...
ดีไม่ดีก็คงจะมีนักฆ่าที่ถูกจ้างมาเช่นกัน
แต่ประเด็นก็คือจะมาในฐานะของอาจารย์อีกคนหรือว่าซุ่มรอโจมตีอยู่นี่สิ
ใดๆก็ตาม
ตอนนี้เธอรู้สึกหายใจไม่ค่อยจะทั่วท้องสักเท่าไหร่เลย
คนในวงการนี้ที่รู้จักก็มีอยู่พอสมควรด้วยนี่สิ
เธอได้แต่หวังว่าจะไม่โป๊ะแตกก่อนจบการศึกษา...
ครืน!
สึมุกิ
เลย์โกะตกใจเล็กน้อยที่บานประตูไม่ได้หนักอย่างที่คิด เธอดันเล่นใช้แรงเยอะกว่าปกติไป
เลยทำให้เกิดเสียงที่เรียกความสนใจจากคนในห้องให้หันมามองผู้มาเยือนใหม่เสียได้
เธอยังคงสีหน้าเดิมไว้
แม้ว่าในใจจะกำลังแตกตื่นเล็กน้อยเพราะไม่คาดคิดว่าประตูมันจะเปิดง่ายเสียขนาดนั้น
“อรุณสวัสดิ์” กล่าวทักทายด้วยเสียงนิ่งๆเสมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
ดวงตาสีอเมทิตส์สอดส่องมองไปรอบๆห้อง ก่อนที่จะเลื่อนปิดประตูตามเดิม
เธอได้ข้อมูลคร่าวๆของทุกคนมาแล้วเมื่อหลายวันก่อน
แน่นอนว่ามันก็ไม่ใช่ข้อมูลที่สำคัญอะไรนัก
แต่การรู้ชื่อและข้อมูลบางส่วนของเพื่อนร่วมห้องก็ไม่เสียหายอะไร
“คุณสึมุกิ อรุณสวัสดิ์”
“ทรงผมใหม่ดูดีนะชิโอตะ” เธอยิ้มๆให้อีกฝ่าย
ยอมรับว่าแอบรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆเขาเปลี่ยนจากการมัดทรงหางม้าต่ำมาเป็นทรงที่คล้ายจะเป็นการมัดผมแกละ
แต่พอเลื่อนสายตาไปมองคายาโนะ
คาเอเดะที่นั่งข้างๆเขา เธอก็พอจะเดาได้ว่ารายนั้นคงเป็นคนคิดทรงนี้ให้
ก็นะ— เล่นมัดเป็นแนวเดียวกันเสียขนาดนั้นนี่
“นางิสะ คนคนนี้คือ...”
เธอรู้จักนางิสะผ่านคารุมะ— ใช่
รู้จักผ่านทั้งๆที่ปกติก็ไม่ค่อยจะได้คุยกับเพื่อนบ้านคนนั้นสักเท่าไหร่นั่นแหละ...
พวกเขาทั้งสองคนอยู่ห้องเดียวกัน และเธอก็เคยพูดคุยกับผู้ชายหน้าหวานคนนี้มาบ้างแล้ว
ถึงจะไม่มากนัก แต่ก็เรียกว่ารู้จักกันได้อยู่
“คุณสึมุกิ เลย์โกะ—
เป็นนักเรียนที่โดนพักการเรียนเหมือนกับคารุมะคุงน่ะ”
อืม...
ก็ยังเป็นการแนะนำตัวที่ดีกว่าการยกเรื่องระเบิดเมนทอสนั่นมาแหละนะ
“โดนพักการเรียนเหมือนกันงั้นเหรอ?”
ถึงตอนนี้เธอจะเดินมายังที่นั่งของตนเองแล้วก็ตาม
แต่ถึงกระนั้นก็ยังได้ยินเสียงพูดคุยของนางิสะและคายาโนะอยู่
ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก ก็ตอนแรกห้องมันค่อนข้างจะเงียบ
หากมีใครคุยกันก็คงจะได้ยินกันหมดนั่นแหละ
“ระเบิดเมนทอสนั่นสินะ...”
เธอมองไปทางต้นเสียง แล้วจึงพบว่าคนที่พึมพำออกมาเบาๆนั้นคือคาตาโอกะ
เมงุ หนึ่งในนักเรียนที่ถูกย้ายมายังห้อง E เพราะเกรดตก
ซึ่งความจริงแล้วเธอก็รู้มาว่าสาเหตุที่ทำให้เกรดตกก็เพราะถูกเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งปั่นหัวให้ช่วยติวให้ทุกครั้งจนไม่มีเวลาไปทบทวนเนื้อหาเอง...
แต่นั่นก็ไม่ใช่ความลับสุดพิเศษอะไรหรอก— เป็นแค่ข้อมูลเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับเพื่อนร่วมห้องที่เธอได้มาก็เท่านั้น
“ดูเหมือนว่าเรื่องจะดังมาถึงอาคารนี้จริงๆด้วยแฮะ”
“มันไม่ใช่เรื่องที่จะเห็นได้ทุกๆวัน
คนจะลือกันก็ไม่แปลกหรอกนะ”
เธอหัวเราะ... ราวกับไม่แยแสเรื่องปัญหาที่ตนเองก่อมากนัก
“นั่นน่ะสิ...” กล่าวเบาๆราวกับเป็นการพึมพำกับตนเอง
ก่อนจะวางกระเป๋าและข้าวของบางส่วนไว้บนโต๊ะ
เปิดซิปหยิบไวไฟพ็อกเก็ตและสมาร์ทโฟนออกมา แล้วจึงเดินออกจากห้องเรียนไป
เธอไม่เคยมาที่อาคารเรียนนี่...
ไม่เคยขึ้นบนเนินตรงนี้เสียด้วยซ้ำ
เพราะแบบนั้นถึงอยากจะสำรวจบริเวณรอบข้างก่อนออก
และมันคงจะดีกว่านี้...
หากพื้นที่บริเวณนี้มันเรียบและสะดวกต่อการเดิน
แน่นอนว่าเธอได้แต่ฝัน— นี่มันบนเนินนะ
คงจะมีพื้นที่เรียบๆเยอะให้เดินเล่นสะดวกหรอก
เลย์โกะคงจะสบายใจกว่านี้ หากเธอไม่ใช่คนที่ซุ่มซ่ามจนขนาดตนเองยังรำคาญ
ไอ้แผลเย็บหัวแตกนั่นก็ได้มาเพราะว่าตกบันได...
ตอนนั้นเธอกำลังอ่านสิ่งที่ทางกระทรวงกลาโหมส่งมาให้เกี่ยวกับภาคเรียนนี้อยู่
และด้วยความตกใจเรื่องที่ต้องมาลอบสังหารสัตว์ประหลาดความเร็ว 20 มัค
ก็เลยเผลอเสียการทรงตัวจนตกลงมาแบบนั้น
อนาถไม่ไหว
ไหนล่ะมาดที่สะสมมา?
“นี่มันบ้าชะมัด...” บริเวณที่ขยับสบายที่สุดคงเป็นแถวๆอาหารเรียน
ส่วนนอกเหนือจากตรงนั้นก็... อืม
________
เธอไม่แปลกใจ... ไม่แปลกใจเลยจริงๆที่เปิดประตูมาเจอคนรู้จักภายในห้องเรียนในสภาพที่กำลังออดอ้อนตัวประหลาดรูปร่างคล้ายปลาหมึกนั่นอยู่
ไอ้ที่น่าแปลกใจกว่ามันสิ่งมีชีวิตที่ปากบอกว่าเป็นอาจารย์ประจำชั้นของเธอเสียด้วยซ้ำ...
ใครจะไปคิดว่าสัตว์ประหลาดความเร็ว 20 มัคจะหน้าตาคล้ายปลาหมึกสีเหลืองตัวใหญ่กันล่ะ? ไม่ใช่เธอแล้วหนึ่ง
แล้วก็นะ— ใบหน้านั่นน่ะ
ตอนแรกเป็นสีชมพูราวกับว่ากำลังเคลิบเคลิ้มอยู่
ที่รู้ว่าเป็นสีเหลืองเพราะมันแปรเปลี่ยนเมื่อเจ้าตัวเห็นเธอเปิดประตูเข้าห้องมา
“อ้อ— คุณสึมุกิ เลย์โกะสินะครับ...
ผมอาจารย์โคโระ อาจารย์ประจำชั้นของคุณ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“แต่ว่าครั้งหน้าต้องทำเวลาให้ดีกว่านี้นะครับ! นี่มันเลยเวลาคาบโฮมรูมไปตั้ง 10 นาทีแล้วนะ!”
“อ่า ค่ะ ยินดีที่ได้...” เธอมองสิ่งมีชีวิตตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดหนวด(จะเรียกเท้าก็คงไม่ได้) ดวงตาสีอเมทิตส์หรี่ลงเล็กน้อย
ถ้อยคำที่เอ่ยออกมานั้นค่อยๆแผ่วเบาลง... เสียจนเธอหยุดเอ่ย
ทั้งๆที่ยังไม่จบประโยคดี
รายนั้นเหมือนจะเหล่มองอีรีน่า เจลาวิชครู่หนึ่ง
ต่อให้ดวงตาของสัตว์ประหลาดนี่จะเล็กมากแค่ไหนก็ตาม
แต่เธอพอจะเดาทางว่าสายตาที่มองอาจารย์สาวคนนั้นมันเป็นแบบไหน
แค่ Body Language
เมื่อครู่ก็พอจะเดาได้แล้วว่ามีหนึ่งในจุดอ่อนเป็นอะไร...
“—ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
เนื้อความที่ตั้งใจจะเอ่ยออกไปนั้นแปรเปลี่ยน
ในชณะเดียวกันก็ช้อนตาขึ้นมองใบหน้ากลมๆของอาจารย์ประจำชั้นนิ่งๆ
แววตาที่สะท้อนผ่านดวงตาคู่สวยนั้นคล้ายจะบ่งบอกกลายๆว่า
‘ไม่ยินดีที่จะได้รู้จักอีกต่อไปแล้ว’
และการกระทำนั่นก็ส่งผลให้สีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปทันที
รับรู้ได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยือกที่ค่อยๆก่อตัวหน้าชั้นเรียน...
“คุณสึมุกิดูรังเกียจชัดๆเลยนะนั่น...”
อาจารย์โคโระสะดุ้ง
“อ-เอ๊ะ!?”
แล้วเธอก็เดินไปยังที่นั่งของตนเองโดยไม่สนท่าทีของอาจารย์โคโระที่ดูกระวนกระวายกับการถูกนักเรียนที่ประจำชั้นอยู่นั้นรังเกียจ เพราะเธอพอจะคาดการณ์ได้ว่าหากถูกคนข้างกายออดอ้อนอีกครั้งหนึ่ง
เจ้าตัวก็คงจะกลับไปทำสีหน้าเคลิบเคลิ้ม แล้วลืมความกังวลใจในตอนแรกไปเอง
เธอหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้
วางไวไฟพ็อกเก็ตและสมาร์ทโฟนไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบแฟ้มใส่เอกสารจากในกระเป๋าขึ้นมาเปิดดู
“ให้ตายสิ... แผ่วๆลงหน่อยก็ได้มั้ง?
อาจารย์โคโระหน้าแห้งเลยนะนั่น”
เลย์โกะขมวดคิ้ว
“อะไร?
เมากลิ่นยาทาเล็บที่อาจารย์ทาให้จนลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองเคยเอามีดปักปลาหมึกแล้ววางมันไว้หน้าห้องน่ะ?”
อาคาบาเนะ คารุมะหัวเราะร่า
“เรื่องที่รู้หลายเรื่องก็ไม่เคยแผ่วเหมือนกันแฮะ”
เลย์โกะไหวไหล่
แล้วจึงหันกลับไปให้ความสนใจกับสามคนที่ยืนอยู่หน้าห้องแทน
“จะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน...”
การที่จู่ๆทางรัฐบาลส่งอาจารย์สาวที่เป็นคนต่างชาติมาช่วยสอนนักเรียนในเวลาแบบนี้มันน่าสงสัยอยู่แล้ว
เรื่องรสนิยมหรือที่มองว่าสัตว์ประหลาดที่มีหน้าตาละม้ายปลาหมึกสีเหลืองมีสเน่ห์มันไม่ใช่อะไรที่ดูเฟคนักหรอก
มันเป็นไปได้คนเราอาจจะมีความชอบที่ไม่เหมือนกับคนส่วนใหญ่
เธอคงคิดเช่นนั้น...
หากตนเองเป็นคนที่มองทุกอย่างเพียงแค่โดยผิวเผิน
และไม่ได้รู้จักกับอาจารย์คนใหม่เป็นการส่วนตัว
เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ที่เผลอสบตากับเจ้าของดวงตาสีฟ้าอ่อนอันงดงามคู่นั้น— ก่อนที่รายนั้นจะทำเนียนหลบสายตา
แล้วกลับไปให้ความสนใจกับอาจารย์โคโระต่อ
เลย์โกะเดาะลิ้น
โถ— เจ๊นะเจ๊...
กลัวกันเหรอคะ?
________
“ทำหน้าแบบนี้คือมีอะไรจะถาม?”
อีรีน่าหรี่ตามองเลย์โกะ
“ไหงแกมาโผล่ที่ห้องบ๊วยได้ยะ?”
สาวเจ้าเบนสายตาออกจากเพื่อนร่วมห้องที่กำลังเล่นเกมลอบสังหารอยู่...
ความจริงเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือกิจกรรมยามว่างที่แฝงการฝึกทักษะหรือเป็นการฝึกส่วนหนึ่งของวิชาพลศึกษาเฉยๆ— แต่มันก็คงเป็นอะไรทำนองนั้นนั่นแหละ
ที่แน่ๆคือเธอเล่นไม่เป็น
ถึงได้ไม่เข้าไปแจมด้วยไง...
ดวงตาสีอเมทิตส์มองคนข้างกายด้วยแววตานิ่งๆ
ไม่ได้ดูตกใจกับคำถามนั้น เธอเองก็คาดคิดว่าจะต้องเจอคนถามแบบนี้อยู่แล้ว
ดีกรีเธอดีจะตาย... บ้านมีฐานะ หน้าตาจัดว่าใช้ได้ เซ้นส์การแต่งตัวก็ไม่เลว
อีกทั้งยังหัวดีอีก
“ก่อเรื่องมาน่ะสิ”
“หา?”
“ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอวดขนาดนั้นหรอก” โดยเฉพาะเมื่อสิ่งที่คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำดังกล่าวนั้นไม่เป็นจริง
เธอแค่นหัวเราะ ก่อนจะเอนพิงผนังอาคารอย่างสบายอารมณ์
อาจารย์โคโระบอกว่าให้เธอลองดูคนอื่นๆไปก่อน
เนื่องจากว่ามาวันแรก เพื่อที่ว่าครั้งหน้าจะได้เข้าไปมีส่วนร่วมได้โดยไม่มึนงงกับกิจกรรมดังกล่าว
ซึ่งเธอก็ดูแล้ว— ตอนนี้เลยออกมาชิทแชทกับอาจารย์ภาษาต่างประเทศกับครูฝึกของห้อง
3-E สักหน่อย
โดยอ้างว่าขอมาเข้าห้องน้ำ... ที่ความจริงแล้วอยู่นอกอาคารเรียน
แต่อาจารย์โคโระไม่มายด์ เขาไม่ทักท้วงอะไร
เพราะฉะนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก
“คุณสึมุกิ... เรื่องที่ขอมาน่ะ”
เธอหันไปมองคาราสึมะ
“อ้อ เรื่องนั้นไม่ต้องรีบก็ได้นะคะคุณคาราสึมะ
ฉันไม่เร่งหรอก ค่อยๆเป็นค่อยๆไปก็พอ” ว่าพลางปัดมือเล็กน้อยเพื่อบ่งบอกว่า ‘ไม่ได้ซีเรียสเรื่องความเร็วของของที่สั่งไว้ขนาดนั้น’
คาราสึมะพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ
“อืม ส่วนค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้อง ถือเสียว่าเป็นส่วนหนึ่งของงบในการจัดการเจ้านั่น”
อ้าว—
“อ่า... แต่ว่าฉันโอนไปแล้วนะคะ”
เขาหันขวับมามองเธอทันที
“แต่เดี๋ยวให้คุณคาราสึมะโอนกลับมาก็ได้ค่ะ” เด็กสาวไหวไหล่
“ฉันไม่รู้บัญชีของการกระทรวง
ก็เลยโอนไปทางบัญชีของคุณแทนน่ะค่ะ”
คำถามตอนนี้คือ— เลย์โกะรู้เลขบัญชีของเขาได้อย่างไร?
ซึ่งเธอที่ดูออกว่าเขากำลังสงสัยก็ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มหวาน...
อีรีน่าแค่นหัวเราะเบาๆ
“ให้ตายสิ...
แกนี่มันน่ารำคาญจริงๆเลย” รู้หลายอย่างเสียจนน่าระแวงและอยากจะจัดการไปในคราวเดียวกันเลย
รอยยิ้มบนใบหน้าเด็กสาวนั้นหุบลง เธอเหล่มองนักฆ่าสาวที่บัดนี้กำลังหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาเตรียมจุดสูบ แอบจิ๊ปากเล็กน้อย เนื่องจากตัวเธอไม่ถูกกับควันบุหรี่เป็นอย่างมาก
ส่วนเรื่องถูกด่านี่ไม่ค่อยจะกระทบสักเท่าไหร่นัก
เธอโดนบ่อยจนชิน
“จะผ่านไปกี่ปีก็ทำตัวให้หมั่นไส้เสมอเลย...
แต่ดูไปดูมาก็เหมือนว่าจะไม่โตขึ้นเลยนี่ ตั้งแต่ทางด้านจิตใจไปจนถึงด้านกายภาพ”
“โถๆๆ แว้งกัดคนไปทั่วเลยนะ... ลืมมิตรภาพอันน้อยนิดที่เท่าขี้ตาแมลงวันของพวกเราไปแล้วเหรอคะ?”
และแน่นอนว่าส่วนใหญ่ก็โดนสวนกลับไปทั้งนั้น
เลย์โกะแค่นหัวเราะ
“นามสกุลอ่านว่าเจลาวิช แต่เจ๊นี่โคตรบิทช์เลยนะคะ”
ว่าเสร็จก็ไม่รีรอให้รายนั้นคิดคำด่าโต้ตอบได้
รีบสาวเท้าเดินออกไป โดยไม่ลืมที่จะชูนิ้วกลางขึ้นฟ้าเป็นการบอกลา
ใช่ พวกเธอรู้จักกัน
แต่ใครบอกว่าญาติดีกันตลอดเวลาล่ะ?
อืม...
เหมือนว่าจะได้ยินเสียงชิชะไม่พอใจหลุดออกมาจากปากหล่อนด้วย
________
สึมุกิ เลย์โกะกำลังคิดว่าสกิลการตั้งชื่อและการด่าคนอาจจะถ่ายทอดกันผ่านละแวกบ้าน
คารุมะถึงได้เริ่มเรียกอีรีน่าว่า ‘เจ๊บิทช์’
และเป็นแกนนำในการเรียกชื่อเล่นนี้แทนการเรียกนามสกุลหรือการเรียกรายนั้นว่า ‘คุณพี่’
แม่คุณเธอได้นักฆ่าบางคนมาช่วยในการลอบสังหารครั้งนี้โดยที่ไม่ต้องใช้จ่ายอะไรพวกเขา— นั่นคงเป็นหนึ่งในสิทธิพิเศษของคนแบบเธอแหละนะ
ใช้เล่ห์เหลี่ยมและเสน่ห์เพื่อความสะดวกสบาย
เลย์โกะไม่ได้มีปัญหาอะไรกับวิธีการทำงานของอีรีน่า
แต่ก็เผลอหลุดขำออกมาเบาๆ เมื่อเห็นใบหน้าของนักฆ่ามืออาชีพสามคนนั้น
ไม่ใช่อะไรหรอก เรื่องฝีมือพวกเขาน่ะเธอรู้ว่าดีอยู่พอควร...
เพียงแต่ว่าเธอคิดว่าตนเองสามารถหาคนที่เก่งกว่านั้นได้ก็เท่านั้น
“เธอดูชิลดีนะ”
“พูดเป็นเล่น ฉันกำลังเครียดสุดๆไปเลยนะ
ดูไม่ออกเหรอ?”
“แหม... งั้นหรอกเหรอ?
ก็ว่าทำไมหน้าเธอแอบซีด ไปนอนพักที่ห้องพยาบาลดีไหม?”
ดูมันกวนกลับ...
“ตายจริง ขอบพระคุณท่านอาคาบาเนะ
คารุมะเป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ แต่ดิฉันเกรงว่ามันคงจะไม่จำเป็น” เธอแอ๊บทำหน้าปลื้มปริ่ม
ก่อนที่จะเปลี่ยนสีหน้ามาเป็นว่าไม่สบอารมณ์ในเวลาอันสั้น
ในคาบเรียนนี้อีรีน่าให้เรียนด้วยตนเอง— แหงล่ะ
เจ้าหล่อนสอนใครเป็นที่ไหนกัน?
อีกทั้งยังรำคาญฉายาที่เหล่านักเรียนเรียกจนสั่งให้พวกเธอกัดริมฝีปากล่างออกเสียงตัว
‘วี’
แล้วค้างท่านั้นไว้เพื่อที่จะให้เงียบตลอดคาบเรียนอีก
แน่นอนว่าสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะหลังห้องนั้นไม่ได้เชื่อฟังแต่อย่างใด
“สองคนด้านหลังนั่นเงียบๆหน่อย มันรบกวนนะยะ!”
เลย์โกะตวัดสายตากลับไปยังหน้าห้องเรียน
เธอจ้องมองใบหน้าของอีรีน่าอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะขยับปากเอ่ยแต่ละคำที่ต้องการจะบอกอีกฝ่ายอย่างช้าๆ
เพื่อที่จะให้เนื้อความซึ่งต้องการจะสื่อส่งไปถึงอีกฝ่าย
‘Fxck...
...off’
ไม่ได้มีเรื่องบาดหมางเป็นการส่วนตัวหรอก...
เธอแค่รำคาญท่าทีของอีรีน่าในวันนี้เท่านั้น บวกกับที่เมื่อครู่ถูกเรียกไปคุยในห้องพักครูหลังจากที่หล่อนคุยกับนางิสะเสร็จ
แล้วโดนบ่นใส่เพราะไม่ได้มีข้อมูลเรื่องอาจารย์โคโระมากพอที่จะเป็นประโยชน์ด้วย
ก็คนมันเพิ่งมาเรียนวันแรกไหมล่ะ?
“ยัยเด็กเxร!”
ความสัมพันธ์ของพวกเธอสองคนก็เป็นอย่างนี้แหละ...
แต่ก็ไม่ได้เกลียดกันหรอก— มากสุดก็แค่หมั่นไส้กับรำคาญเท่านั้น
ด่ามาก็ด่ากลับสิคะ เรื่องอะไรจะอยู่นิ่งๆเล่า?
________
“ใช่ๆ เล็งแบบนั้นแหละ”
เธอเหนี่ยวไกปืน
ปัง!
กระสุนพิเศษที่สามารถฆ่าอาจารย์ประจำชั้นได้นั้นถูกยิงไปยังเป้า
ทว่าน่าเสียดาย— ที่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้โดนจุดกึ่งกลางดั่งที่ต้องการสักเท่าไหร่นัก
ดันยิงโดนข้างๆแทน...
เลย์โกะเบะปาก
อีกแค่นิดเดียวแท้ๆ...
แต่ก็นะ ไม่โดนก็คือไม่โดน
“เอาน่าๆ ก็เก่งสำหรับครั้งแรกแล้วนะ” นากามุระ ริโอะตบบ่าเธอเบาๆ
ก่อนจะควงแขน แล้วลากคนตัวเล็กกว่าให้ไปอยู่ที่ปลายแถว เพื่อจะได้ไม่กินเวลาฝึกซ้อมของคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
นากามุระคือหนึ่งในคนที่เธอรู้จักมาก่อนจะถูกย้ายมาห้อง
3-E
เจอกันเพราะความบังเอิญสองรอบ...
มันเป็นความบังเอิญที่เธอจะเมินเฉยไปก็ได้— แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงเลือกที่จะโยนไฟแช็กไปให้เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันที่ลืมอุปกรณ์สำคัญสำหรับแผนการเอาคืนของตนเองในวันนี้
ไม่รู้ทำไมถึงได้อาสาจ่ายเงินแทนเมื่อเห็นว่าพบว่าคนที่ต่อแถวอยู่ข้างหน้าในร้ายสะดวกซื้อนั้นคำนวณเงินที่จะต้องใช้ผิด
ไม่รู้ทำไมถึงได้แลกเบอร์ติดต่อกันได้
ทั้งๆที่ความจริงแล้วเธอไม่จำเป็นจะต้องเอาเงินคืน ก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว
แค่ไม่กี่เยนเองด้วย
นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวตนเอง...
ปากบอกจะปิดกั้นคนอื่น แต่ใจก็ใช่ว่าจะทำตามที่พูดไว้
นากามุระเป็นเด็กฉลาด เคยเป็นเด็กอัจฉริยะที่หลายคนชื่นชม
ทว่าพอนานๆเข้าก็อยากจะใช้ชีวิตไร้สาระและทำเรื่องบ้าๆเหมือนกับคนอื่นเขาบ้าง แล้วพอลองอะไรพวกนั้น
ก็กลายเป็นว่าไม่ให้ความสำคัญกับการเรียนเรื่อยๆจนเกรดตก
เธอเข้าใจดี ในฐานะของคนที่เคยถูกชื่นชม
แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าดรอปลงไปจนผลงานทั้งหมดกลายไปเป็นอดีต
มันคงเป็นความรู้สึกเห็นใจ... คิดว่านะ
“เย็นนี้ว่างไหม? ไปกินแมคกัน”
เธอเลิกคิ้ว
“ไหงจู่ๆก็ชวนขึ้นมาล่ะ?”
“อัปเดทชีวิตไง
ไม่ได้เจอกันมาตั้งพักหนึ่งนี่... อีกอย่างนะ
เธอต้องแชร์ประสบการณ์ระเบิดอาคารหลักด้วยน้ำอัดลมกับฉันด้วย คงไม่คิดจะอุบไว้คนเดียวหรอกนะ”
เธอหัวเราะเบาๆ
อ่า... แบบนั้นก็อาจจะได้ถามเรื่องอาจารย์โคโระและเรื่องอื่นๆที่เธอตามไม่ทันเพราะติดพักการเรียนด้วย
และเธอก็ไม่รู้ว่าจิฮิโระจะกลับดึกหรือเปล่า
อาหารสำเร็จรูปตามร้านสะดวกซื้อมันไม่ถูกปากสักเท่าไหร่ด้วย
“ก็ว่างอยู่... ไปได้แหละ”
“โอเค ดีล!
อีกอย่างหนึ่งคือเธอรู้สึกเหงา
เป็น Loser ตัวจริงเสียงจริงเลย...
ปิดกั้นคน ตัดเยื่อใยกับคนอื่น ใช้ชีวิตแบบที่ไม่สนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ ทว่าก็ใจแข็งไม่พอ
เธอกลัวการสูญเสีย...
แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่คนที่จะอยู่ตัวคนเดียวได้
เลย์โกะรู้ตัวว่าตนเองมีอารมณ์และความรู้สึกที่ค่อนข้างจะเปราะบางภายใต้กำแพงหนานั่น
และให้ตายเหอะ... เธออยากจะรีเซตทุกอย่างในชีวิตตนเองชะมัดยาด
เปลี่ยนชื่อตนเองเป็น ‘ซาโต้ ยูอิ’ หรืออะไรทำนองนั้น
แล้วย้ายไปอยู่ต่างประเทศ
เปลี่ยนตัวตนทั้งหมด แล้วทิ้งสึมุกิ
เลย์โกะไว้ในอดีต...
“เลิกเรียนก็ไปด้วยกันเลยนะ”
แต่ก็คงเป็นหลังจากที่ฆ่าอาจารย์โคโระนั่นแหละนะ...
“อ่าๆ”
เธอหยุดความคิดของตนเองไว้ก่อน แล้วพยักหน้าตอบนากามุระไป
“เฮ้ยๆ ไม่จริงน่า”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้ความสนใจของหลายๆคนเบนไปยังมิมูระ
โคกิ ผู้ซึ่งกำลังสังเกตเห็นอาจารย์ทั้งสองคนโดยบังเอิญ
“สองคนนั้นเข้าไปในห้องเก็บของแล้ว”
“น่าผิดหวังชะมัดเลย... อาจารย์โคโระติดกับยัยนั่นเข้าเต็มเปาเลย”
สึงายะ โซสึเกะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ
เลย์โกะขมวดคิ้ว
“...ทำไมมันดูเหมือนง่ายเกินไปกันนะ?”
ให้ตายสิ— แค่นี้จะฆ่าสัตว์ประหลาดความเร็ว 20 มัคนั่นได้จริงเหรอ?
หรือเธอประเมินอาจารย์ประจำชั้นสูงไปกัน?
ไม่รู้สินะ... เธอน่ะไม่เก็ทตั้งแต่เรื่องที่หลงผู้หญิงมากสเน่ห์จนยอมทำนั่นทำนี่ให้ตั้งแต่แรกแล้ว
“อาจารย์คาราสึมะคะ
พวกเราไม่ชอบขี้หน้าของผู้หญิงคนนั้นน่ะ”
เลย์โกะพอจะเข้าใจได้ อีรีน่า เจลาวิชไม่ใช่ประเภทที่คนส่วนใหญ่จะชอบนัก
ตอนแรกที่พบกัน เธอก็ไม่ชอบกิริยาและวาจาของรายนั้นอยู่พอสมควร— และถ้าให้พูดตามตรง
ตอนนี้ก็ยังไม่ชอบอยู่
แต่เธอก็ไม่ได้ดีไปกว่าหล่อนหรอก นิสัยเสียก็มีพอๆกันนี่แหละ
เป็นหนึ่งในน้อยสิ่งที่เธอกับอีรีน่ามีเหมือนกัน
“โทษทีนะ แต่ยัยนั่นคือมืออาชีพที่ทางรัฐบาลสั่งให้มาจัดการ”
คาราสึมะตอบด้วยเสียงนิ่ง
“แถมยังจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยภายในหนึ่งวัน...
สมกับเป็นนักฆ่ามือหนึ่งจริงๆ”
ดวงตาสีอเมทิตส์ปรายมองเพื่อนร่วมห้องที่บัดนี้กำลังให้ความสนใจกับห้องเก็บของที่อาจารย์ทั้งสองเข้าไป
ก่อนที่ตัวเธอจะหันกลับไปมายังทิศทางเดิม
แล้วเล็งกระบอกปืนของตนเองไปยังเป้าตรงกลาง
ไหนๆตอนนี้ก็ไม่มีใครโฟกัสกับเรื่องฝึกยิงอยู่แล้วนี่นะ...
อีกอย่างหนึ่ง เดี๋ยวก็รู้ผลเองว่าอีรีน่าจะทำสำเร็จหรือเปล่า
‘นี่ เป็นเด็กหนีออกจากบ้านหรือไง แกน่ะ?’
‘...’
‘...ก็ไม่รู้ว่าเจออะไรมาบ้างหรอกนะ
แต่แกจะเล่าให้ฉันฟังก็ได้’
‘...’
‘อะไร? อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิยะ คิดว่าฉันจะปากโป้งหรือไง?’
‘...’
‘ต่อให้คิดจะบอกใครไป
ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับตัวฉันอยู่ดี... แล้วฉันจะทำไปทำไมกัน?’
อ่า... ถึงวันนี้จะตีกันไม่รู้กี่รอบแล้วก็ตามทีเถอะ
เธอเหนี่ยวไกปืน
แต่จะอวยพรให้โชคดีกับการลอบสังหารก็แล้วกัน
ปัง!
แถมงานก็ใช่ย่อยเลย บ่นทุกวัน บ่นจนไม่มีแรงจะบ่นต่อแล้วแม่5555555555
แถมตอนนึงก็ปาไปหมื่นแปดอักขระอัพอีก--
แล้วก็นะคะ ที่ยิงไปตอนท้ายคือไม่โดนเป้าเหมือนเดิมค่ะ เครสคนนี้เดินสายแกงลูกสาว--
อย่างที่บางคนอาจจะเห็นในตอนนี้ เครสลงลึกเรื่องคสพของริโอะกับเลย์โกะมากกว่าครั้งก่อนๆ
เหตุเพราะรู้สึกว่าอยากจะโฟกัสในตรงนี้มากขึ้นค่ะ รีไรท์ครั้งนี้ก็คืออยากจะลงลึกคสพ.ของเลย์โกะกับอีกหลายๆคนตั้งแต่ต้นเลย
นอกเหนือจากพระเอกของเราแล้วก็ยังมีอีกหลายคนที่ถือว่ามีความเกี่ยวข้องสำคัญ(พอสมควร)กับเลย์โกะ(ที่ไม่ใช่พ่อแม่)
ซึ่งเครสจะบอกตรงนี้เลยค่ะ เพราะยังไงก็ไม่ใช่ความลับอยู่แล้ว ความลับที่ว่าคือเกี่ยวยังไงมากกว่า--
ก็มี คารุมะ, ริโอะ, อาซาโนะ, คายาโนะ, ริทสึ, คาราสึมะ, อีรีน่า และ OC ของเครสอีกสองคนค่ะ
ที่ว่ามาก็คือหลักๆนะคะ ความจริงคือมียิบย่อยอีกพอสมควรค่ะ แต่จะให้พิมพ์หมดก็คงไม่ได้ มันเยอะเกิน555555555
อธิบายคสพอีรีน่า-เลย์โกะคร่าวๆนะคะ: ง่ายๆคือคล้ายพี่น้องที่ไม่ได้เกลียดกันแต่แค่หมั่นไส้กันน่ะค่ะ แบบว่ากัดกันตลอด
แต่ถ้าถามเกลียดมั๊ย ก็คือไม่เกลียด แค่บางทีตีกัน อะไรทำนองนี้
ซึ่งในตอนหน้าๆก็จะลงรายละเอียดในส่วนของคสพตรงนี้มากขึ้นแน่นอนค่ะ
อนิเมะ/มังงะของเรื่องนี้ก็มีความเซอร์เรียลอยู่พอสมควรในบางเรื่อง ฟิคนี้ก็ประมาณเดียวกันนะคะ
คือความเซอร์เรียลมันอยู่ตรงเส้นสายเลย์โกะค่ะ สืบเรื่องเร็วมาก ส่งข่าวเร็วมาก
คืออยากจะบอกว่าตรงนี้ขอละไว้เป็นความเซอร์เรียลเล็กๆของเรื่องนะคะ เพื่ออรรถรสอะไรพวกนี้
ในชีวิตจริงไม่เคยสัมผัสปสกแบบนี้ เลยเขียนออกมาได้ไม่ดีนัก
สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่าลูกสาวนิสัยเสียค่ะ แบบว่าเสียจริงๆนั่นแหละ ยอมรับก่อนเลย555555555
มองว่าเลย์โกะเป็นตัวเอกประเภท anti-hero ค่ะ มีความเทาอยู่พอสมควร
ส่วนนิสัยก็อย่างที่เห็น แต่เดี๋ยวก็จะได้เห็นด้านดีๆของน้องเหมือนกัน มันปนๆกันไปนะคะ
มี character development แน่นอนค่ะ เครสคงไม่ปล่อยให้นิสัยเสียไปจนจบเรื่องหรอก
แล้วก็นะคะ- นึกไปนึกมาคือลูกๆในฟิคทั้งสามเรื่องที่เปิดมาคือนิสัยเสียทั้งนั้นเลยค่ะ แบบว่าน่าตีทุกคน
ส่วนพวกเด็กดีคือยังอยู่ในไฟล์ดราฟของคอม ไม่รู้เปิดปีไหน ตอนนี้เลยเรียกได้ว่าเดบิวต์ไปสาม นิสัยเสียไปสามค่ะ555555
(ปล. สาเหตุที่เป็นซาโต้ ยูอิเพราะเครสสุ่มนามสกุลกับชื่อที่ค่อนข้างจะ common ของคนญี่ปุ่นเค้าน่ะค่ะ ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง--)
ความคิดเห็น