คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : chapter 7 : and there goes my worth.
หน้าจอที่ยังสว่างอยู่ภายในห้องอันมืดมิดคือเรื่องปกติ...
จะไม่ปกติก็ตรงข้อมูลใหม่ที่ได้รับมาในค่ำคืนนี้นี่แหละ— โดยปกติแล้ว
มันจะเป็นข้อมูลยิบย่อยที่ได้มา
ทว่าครั้งนี้กลับเป็นอะไรที่ทำให้ไม่อยากจะหลับเสียอย่างนั้น
ใจหนึ่งที่ยโสนึกไม่อยากขอบคุณชิโระ
ส่วนอีกใจกลับคิดว่าเป็นเรื่องดีที่เขาให้ข้อมูลคร่าวๆมาก่อน
เธอจะได้ย้ำเตือนตนเองบ้าง
ราวกับว่าโลกตั้งใจเหวี่ยงเรื่องที่มีอิทธิพลต่อตนเองเข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกัน
และสึมุกิ เลย์โกะที่ไร้ซึ่งเกราะอันแน่นหนาก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง...
“น่าสมเพชอีกแล้ว”
คำกล่าวเดิมๆนั้นถูกเอ่ยซ้ำไปซ้ำมาเสียจนคล้ายกับถูกสลักไว้อ่านเองบนฝ่ามือเสียแล้ว— ถึงจะไม่ได้ต้องการเงินตอบแทนจากการลอบสังหารอาจารย์โคโระ
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการสังเกตเห็นทักษะของตนเองที่น้อยกว่าหลายต่อหลายคนนั้นทำให้ไม่สบอารมณ์
ยิ่งปัจจุบันดันมีนักฆ่าซึ่งเป็นหุ่นป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติเข้ามาอีก
เหมือนกับว่าเห็นคุณค่าเล็กๆน้อยๆของตนเองค่อยๆสลายไปอีกรอบเลยแฮะ— สุดท้ายก็กลายเป็นองค์ประกอบที่จะมีหรือไม่มีก็ได้อยู่ดี
‘ถ้าทำได้ไม่ดีก็ไม่ควรจะทำหรอกนะ รู้อยู่แก่ใจใช่ไหมล่ะ?’
เรื่องในอดีตกลายเป็นสิ่งที่ยอมแพ้ไปเสียแล้ว
และเรื่องปัจจุบันก็คงจะจบลงคล้ายๆกัน...
ความแตกต่างเดียวที่มีก็คงเป็นแค่ความพยายามที่ไม่มากเท่า
และบทบาทที่ไม่ว่าอย่างไรก็น้อยกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด
ความจริงก็ไม่ได้คิดจะพยายามมากขนาดนั้นเสียด้วยซ้ำ
แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้
พิลึก...
ดวงตาสีอเมทิตส์เหลือบหน้าจอสมาร์ทโฟนของตนเองที่ยังคงเปิดค้างไว้
ของที่สั่งกำลังจะมาถึงในไม่ช้า
มันคงจะกลายเป็นของไร้ค่าที่สิ้นเปลืองทรัพยากร
เหมือนกับดาบคาตานะและกู่เจิงที่ไม่ถูกหยิบขึ้นมาอีกต่อไปแล้ว— ต้องขอบคุณจิตใจที่ไม่มั่นคงและแรงผลักเล็กๆน้อยๆที่ได้จากข้อมูลใหม่เกี่ยวกับนักฆ่าอีกคนที่รัฐบาลจะส่งมา
‘เหมือนเกิดมาเพื่อสิ่งนี้เลยนะ
คาโอรุน่ะ’
น่ารำคาญเหลือเกิน— ตัวเธอที่มีความเห็นไม่มั่นคงและไขว้เขวได้ด้วยอิทธิพลของคนอื่นน่ะ
ได้แต่หวังว่าพอเริ่มต้นใหม่
ก็จะเชื่อมั่นในตนเองมากกว่านี้...
แต่อย่างไรเสีย
ตัวตนเก่าจะกลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่ไม่ถูกแตะร่วมกับของพวกนั้นอยู่ดี
“บ้าเอ้ย”
แม้ว่าเวลาจะค่อยๆล่วงเลยไป
แต่ตากลับสว่างเสียจนมีความรู้สึกว่าเธอคงจะหลับตาไม่ลงไปถึงเช้าแน่— ดีหน่อยที่ป้องกันการฝันร้ายถึงเรื่องราวเก่าๆได้
ทว่าความอ่อนเพลียก็ทำให้มันเป็นเรื่องน่าหนักใจประมาณหนึ่ง
“ทีนี้... ทำไงดีล่ะ?”
จะให้นั่งอ่านอีเมลเดิมซ้ำไปซ้ำมาหรือไถไทม์ไลน์ในโซเชียลมีเดียไปเรื่อยๆก็คงจะไม่เป็นประโยชน์อะไรมาก
อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ความฟุ้งซ่านครอบงำจิตใจได้อีกรอบ...
ถ้าอย่างนั้นก็อ่านหนังสือ?
เป็นข้อเสนอประหลาดๆให้หยิบยื่นให้กับตนเอง
และการที่เธอตัดสินใจรับมันมาก็พิลึกเช่นเดียวกัน
________
บางทีเลย์โกะก็คิดว่าตนเองมาโรงเรียนในสภาพดูดีแบบนับครั้งได้— ในหัวเธอ ณ ตอนนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นและวิธีการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ปะปนกันเต็มไปหมด
ใบหน้าต้องพึ่งพาเครื่องสำอางในการปกปิดรอยหมองคล้ำให้ดูเหมือนตอนปกติ การตอบสนองของร่างกายช้าลงกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
และสิ่งที่ทำให้ดูแย่ลงไปกว่าเดิมก็...
“ไหงทำหน้าแบบนั้นกันล่ะ?”
“ไม่เคยคิดว่าป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติจะมีอวาตาร์เป็นสาวน้อยน่ารักที่ทำให้โอคาจิมะนึกว่าเป็นคนจริงๆน่ะสิ”
เรื่องนั้นก็อย่างหนึ่ง— ชิโระไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของ ‘เธอคนนั้น’ เลยแม้แต่น้อย อาจจะเพราะมันไม่สำคัญ
แต่สุดท้ายมันก็ทำให้ตกใจประมาณหนึ่งอยู่ดี
ไม่ได้อยากจะมองโลกในแง่ร้ายมากนัก
ทว่าหากตนเองที่อ่อนเพลียเหลือเกินจะเห็นภาพซ้อนทับของอวาตาร์หญิงกับคนคนหนึ่งก็คงไม่แปลกใจนัก...
จะว่าบุคลิกคล้ายกันก็ไม่เชิง— แต่หากเทียบกับนักฆ่าอีกหนึ่งคนก็เรียกได้ว่ามีส่วนที่เหมือนกันมากกว่า
และรายนั้นก็สื่อสารกันรู้เรื่องกว่าด้วย
“เห...
ฉันนึกว่าเธอจะรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกเสียอีก”
“ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังก็แล้วกัน” เธอแค่นหัวเราะ
ก่อนจะเบนความสนใจไปยังอาจารย์โคโระที่อยู่หน้าห้องแทน
สภาพที่อ่อนล้าทำให้จับใจความในสิ่งที่เขาสอนไม่ค่อยได้— เลย์โกะทำใจรับคำตักเตือนของอาจารย์ประจำชั้นที่มีแววว่าจะถูกเอ่ยขึ้นมาในอนาคตเรียบร้อย
มันต้องเป็น
‘อย่าเพิ่งหลับสิครับคุณสึมุกิ!’ แน่นอน
อ่า...
แบบนี้แสดงว่าต้องดื่มกาแฟแล้วไหมนะ?
ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำนองนั้นจะมีคาเฟอีนในระดับที่ร่างกายเธอรับได้หรือเปล่า ขืนใจสั่นหรืออาเจียนขึ้นมาก็คงเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าจดจำอย่างแน่นอน
ภาพลักษณ์ที่มีอยู่ก็ใช่ว่าจะดีนัก
...หรือว่าต้องหาอะไรที่ทำให้ง่วงนอนไวๆแทน?
ถึงจะไม่รู้ว่าได้ผลไหม
แต่ก็คงมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าการเอาคาเฟอีนเข้าร่างกายที่นอนน้อยจนน่าเป็นห่วงแหละนะ
แล้วทำไมชีวิตเธอถึงได้น่าสมเพชถึงขนาดที่ทุกอย่างสามารถกลายเป็นเรื่องตลกร้ายไปได้กัน?
ตุบ..
ความเจ็บปวดบริเวณหน้าผากหลังจากโดนโต๊ะเข้าอย่างจังนั้นไม่ได้ทำให้หลุดเสียงโอดโอยออกมา— เสียงการเตรียมพร้อมของป้อมปืนข้างๆก็เช่นกัน
เลย์โกะเงียบสนิท
คิดเรื่องตลกร้ายที่ไร้สาระพวกนั้นต่อไปก็ดีแล้ว...
ใบหน้าเย้ยหยันที่ถูกบดบังด้วยท่อนแขนบ่งบอกถึงความรู้สึก
ณ ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี— ความเจียมตนระดับหนึ่งถูกแสดงออกชัดเจน เมื่อผู้ที่นึกถึงนั้นไม่ใช่คนที่สามารถปั่นหัวเล็กๆน้อยๆให้เป็นความบันเทิงชั่วคราวแก่ตนเองได้
“ว่าแล้ว”
“อย่างเท่!”
ปัง!
เสียงสาดกระสุนมากมายนั้นดังขึ้นในเวลาไม่นาน— มันหนวกหูและวุ่นวายเสียจนทำให้เกิดเสียงตื่นตระหนกตามมา
“ช็อตกัน 4 กระบอก ปืนกล 2
กระบอก เป็นการโจมตีที่แน่นหนา แต่เป็นเรื่องที่นักเรียนของที่นี่ทำกันเป็นปกติครับ”
แต่กระนั้นทักษะของอาจารย์โคโระก็คงทำให้เขารอดพ้นจากการโจมตีส่วนใหญ่ได้อยู่ดี— น้ำเสียงที่กล่าวระบุอุปกรณ์ของป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติอย่างสบายอารมณ์นั้นบ่งบอกความคิดตนเองอย่างชัดเจน
“การยิงในระหว่างคาบเรียนเป็นเรื่องต้องห้ามนะครับ”
“จะระวังค่ะ”
และนั่นคือเสียงสุดท้าย
ก่อนที่จะมือจะเอื้อมไปหยิบหูฟังออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างของตนเอง
“ต่อไปจะเข้าสู่การเตรียมการโจมตีค่ะ”
จะเอาอะไรไปสู้กับป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติก่อนล่ะ?
มากสุดก็แค่ฝึกการใช้อาวุธและการต่อสู้ให้เป็นทักษะติดตัวเท่านั้นแหละ...
และต่อให้ทำได้
มันก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องน่าชื่นชมสักเท่าไหร่ในสายตาตนเองอยู่ดี
เธอฝืนทำแบบนั้นไม่ลง— พอๆกับการทำตัวราวกับว่าไม่ได้ได้ยินเสียงกระสุนที่ยิงโดนหนวดของอาจารย์โคโระในเวลาต่อมา
“ปลายหนวดซ้ายถูกทำลาย
ยืนยันประสิทธิภาพปืนเสริม”
ในเวลาเพียงเล็กน้อย
ภาพซ้อนทับกับอดีตก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด
‘คนเราควรทำงานให้เหมือนกับเครื่องจักรนะ— คงประสิทธิภาพเสมอต้นเสมอปลาย
เป็นอันดับหนึ่งชั่วนิรันดร์ เป็นที่ต้องการของคนตลอดกาล’
ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน
พยายามข่มอารมณ์ของตนเองไว้ให้ได้มากที่สุด
ไม่น่าเสียบหูฟังช้าเลย
คราวนี้เธอไม่สามารถข่มตาหลับได้ไปพักหนึ่ง...
และเด็กสาวก็คิดโทษตนเองที่น่าสมเพชสำหรับผลกระทบนั่น
________
เป็นวันวันหนึ่งที่แทบนับครั้งการเอ่ยปากพูดได้
และเลย์โกะมั่นใจว่าเธอไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้น
หากแต่ทุกประเด็นที่เคยกล่าวออกมาในแต่ละวันมันเลือนลางเหลือเกินในห้วงความคิด
“ฉันทนไม่ไหวกับเรื่องนี้แล้วนะ!”
และอีกอย่าง— คาบเรียนก็ถูกขัดโดยการโจมตีมาตลอดทั้งเช้าอีกด้วย
ตอนบ่ายก็คงเป็นเช่นเดียวกัน
จะให้พูดเรื่องที่เรียนมาหรือประเด็นใกล้เคียงก็คงไม่ได้หรอก
เพราะฉะนั้นก็เงียบๆไปนี่แหละ
“ใช่ไหมล่ะ? น่ารำคาญชะมัดยาด
ไหนจะเรื่องที่ต้องมาเก็บกวาดให้อีก!”
“ต้องทำอะไรสักอย่างกับมันแล้วล่ะมั้ง”
ดวงตาสีอเมทิตส์คู่นั้นสบกับกลุ่มของเทราซากะหลังอาคารเรียน— การบังเอิญได้ยินบทสนทนาของพวกเขาระหว่างช่วงพักกลางวันพอดิบพอดีทำให้สองขาหยุดลงอัตโนมัติ
เธอเริ่มร่างข้อสันนิษฐานในใจ...
“เออดิ”
พวกเขาคงกำลังจะวางแผนจัดการอะไรสักอย่างกับป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติที่สร้างความลำบากให้แก่ชีวิตประจำวันของตนเอง— ทุกวันนี้ใช่ว่าจะสบายขนาดนั้น
การมีอุปสรรคเพิ่มมาอีกก็คงรับได้หรอก
เธอเองก็รู้สึกคล้ายๆกัน...
แต่ก็ไม่แน่ใจว่านั่นเป็นอคติขนาดย่อมที่ก่อตัวขึ้นหรือเปล่า
เลย์โกะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
มือที่ถือกล่องข้าวอยู่นั้นสั่น— มันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าควรจะเมินเฉยบทสนทนาหลังจากนี้ไป
และมุ่งหน้าไปยังจุดหมายของตนเองต่อ
กะว่าจะเปลี่ยนบรรยากาศในตอนแรก
ทว่าความร่มรื่นกลับจุดชนวนให้ฟุ้งซ่านยิ่งกว่าเดิม
ไปๆมาๆ
การที่ได้เห็นคนอื่นอยู่ในระยะสายตามันทำให้รู้สึกควบคุมตนเองได้มากกว่า— โป๊กเกอร์เฟซเธอมักจะพังลง ยามอยู่เพียงคนเดียวเงียบๆ
ความคิดริษยาของคนเราก่อตัวได้ง่ายกว่าที่คิด...
ยิ่งเมื่อมันข้องเกี่ยวกับสิ่งที่ชวนให้สมองตีความว่า
‘ไม่ปลอดภัย’
แลดูน่าสมเพช
การเชยชมคนที่เก่งกว่าตนด้วยความเคารพนับถืออาจจะเป็นเรื่องยาก
พอๆกับการปฏิบัติต่อเขาราวกับว่าไม่ได้มีเส้นกั้นระหว่างกันอยู่— หรือไม่ก็เป็นตัวเธอที่กำลังเหมารวมทุกอย่างไปอยู่หมวดหมู่เดียวกับประสบการณ์ในอดีต
สองเท้าชะงักงัน
ขณะที่ตระหนักสิ่งหนึ่งได้
เสียงแค่นหัวเราะเบาๆเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปาก
ก่อนที่มันจะดังขึ้นทีละน้อย
‘อยากจะกระชากฉันลงมาจากจุดที่ยืนอยู่สินะ’
ร่างบางของเด็กสาวที่อ่อนเพลียคนนั้นเซไปมา— เรี่ยวแรงที่พยุงตัวให้ยืนปกติขณะหัวเราะแทบไม่มี
ตุบ...
เลย์โกะเอนพิงผนังอาคาร
สบถออกมาในใจให้กับสภาพอันน่าเวทนาที่เป็นอยู่
“ก็เนอะ...”
ดวงตาสีอเมทิตส์คู่นั้นหลุบลงมองมื้อกลางวันซึ่งยังไม่ได้ถูกแตะของตนเอง จ้องมันเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนจะถอนหายใจ แล้วเดินต่อไปยังห้องเรียนในท้ายที่สุด
ในจุดๆนี้ สิ่งที่ควรจะให้ความสนใจเป็นพิเศษคือการที่ทุกการโจมตีแต่ละครั้งนั้นกระทบต่อการเรียนและสร้างความลำบากให้กับนักเรียนที่เป็นเวรประจำวัน
เรื่องอื่นนั้นไม่เกี่ยว...
ต่อให้เทราซากะวางแผนหยุดป้อมปืนนั่นอย่างไร
ก็ไม่ใช่เพราะว่าตนเองกำลังจะถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ดีกว่า— เขาอาจจะไม่ได้คิดไปถึงประเด็นนั้นเสียด้วยซ้ำ
เธอเองก็ควรแยกแยะ
ก่อนที่ทุกอย่างมันจะเละไปกว่านี้
ย้ำเตือนตนเองอีกครั้ง
ว่าต่อให้อยากได้ความสุขระยะสั้นมากเพียงใด
ก็ไม่ควรจะลืมเป้าหมายตั้งแต่แรกของตนเอง
มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาลูบแผลเย็บใต้หน้าม้าตนเอง
ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปนวดขมับตนเองเบาๆ
บางที...
การที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็คงจะเป็นผลดีเรื่องสายสัมพันธ์ ณ ปัจจุบัน
“ให้ตายเถอะ—”
ครืน!
และสุดท้ายก็หลุดออกจากห้วงความคิดด้วยเสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นในระยะประชิด
เลย์โกะสะดุ้ง
แทบจะเผลอปล่อยกล่องข้าวตกพื้นไป หากไม่ได้รวบรวมสติไว้ทัน
“อ้าว” นากามุระอุทาน
“อยู่นี่นี่เองเลย์โกะจัง”
“ฮะ—”
“เรานัดกินข้าวกันไว้ไง ลืมแล้วเหรอ?”
คิ้วเรียวเลิกขึ้น
ก่อนจะขมวดเข้าหากันด้วยความสับสน
...
ก็ใช่ว่าปกติจะใช้ช่วงเวลาพักกลางวันอยู่ตัวคนเดียวหรอก...
มีโผล่ไปนั่นนี่บ้าง
ล่องลอยไปมาตามประสาของคนที่ไม่ได้เกี่ยงเรื่องคนที่กินข้าวด้วย— อีกนิดเธอว่าเธอคงกลายเป็นบุคคลสาธารณะในแวดวงกลุ่มช่วงพักกลางวัน
อย่างไรก็ตาม
การที่นักเรียนหญิงทุกคนมาร่วมมื้อกลางวันด้วยกันก็เป็นเรื่องหายาก
และเลย์โกะก็ชักจะไม่แน่ใจว่าตนเองไปตกลงกับนากามุระตอนไหน
“เราควรมีแบบนี้บ่อยๆน้า— รอบหน้าชวนอาจารย์บิทช์ด้วยดีกว่า”
หูข้างที่เสียบหูฟังอยู่นั้นพยายามจดจ่อกับเสียงอาหารจากสมาร์ทโฟนที่ได้ยิน
ขณะคีบชิ้นหมูทงคัตสึเข้าปาก
มันเป็นวิธีเพิ่มความอยากอาหารที่สันนิษฐานไว้ว่าคงได้ผลมากกว่าเดิม
กระนั้นก็ยังพิสูจน์ไม่ได้จนกว่าจะหมดกล่อง
“ติดใจตั้งแต่การคุยเรื่องสาวๆตอนทัศนศึกษาสินะ...” คาตาโอกะกล่าว
“แหมๆ ก็เรายังคุยกันไม่ถึงไหนเลยนี่”
เลย์โกะชำเลืองมองพวกหล่อนเล็กน้อย
ความอยากรู้อยากเห็นกำลังส่งผลให้ทำ
2 อย่างในคราเดียวกัน— ฟังเงียบๆเหมือนกับทุกครั้งครา
หากแต่ว่าในครั้งนี้นั้น สิทธิ์ที่จะเข้าร่วมบทสนทนามันดันชัดเจนกว่าทุกครั้ง
ความรู้สึกแปลกๆที่ก่อตัวขึ้นอีกครา
คงเพราะเพิ่งจะทบทวนตนเองว่า ‘ที่ไม่ว่าอย่างไรก็สู้ไปอยู่ในจุดเดียวกันไม่ได้’ ล่ะมั้ง ตอนนั้นก็แทบจะไม่เห็นใครอยู่ข้างกายเลยนี่
อ่า— ไม่รู้สิ
เด็กสาวรีบจัดการมื้อกลางวันส่วนที่เหลือของตนเอง
แล้วจึงเอ่ยตอบคนอื่นๆเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจออกจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“นั่นน่ะสินะ—”
“ไม่ต้องเลยเลย์โกะจัง
คำตอบเรื่องสเปคนี่พวกฉันยังไม่ได้จากเธอเลยนะ” คายาโนะแย้ง
เธอแค่นหัวเราะ ก่อนจะถอดหูฟังข้างนั้นออกก่อนจะถอดหูฟังข้างนั้นออก
“นั่นไม่นับสักหน่อย”
อยู่ดีๆก็โยงมาแบบมั่วๆไม่ใช่หรือไง?
แล้วใครที่ไหนมันจะไปตอบคำถามที่ไม่เคยคิดแบบนั้นได้ก่อนล่ะ?
คำตอบของประเด็นความรักก็ยังคงเป็นไปตามที่เคยพูดกับนากามุระไว้ และความรู้สึกว้าวุ่นใจเหล่านั้นคงทำให้เธอกระวนกระวายมากกว่าอารมณ์
แต่ถ้านับตามประเภทโดยทั่วไปที่อยากเข้าหา
(ในเชิงผลประโยชน์) ก็คงเป็น ‘คนที่คุยรู้เรื่อง’ ล่ะมั้ง...
กว้างขวางสิ้นดี
แถมยังดูเป็นคนละเรื่องกันด้วย
เพราะฉะนั้นก็คงไม่พูดออกไป...
ประสบการณ์ความรักของเธอก็น้อยพอๆกับเรื่องมิตรภาพ— ทางที่ดีก็ควรเป็นเช่นนั้นไปจนจบปีการศึกษา
แล้วค่อยเริ่มคิดอีกทีตอนเริ่มทุกอย่างใหม่
“คนที่ถูกถามจริงๆมันยูกิโกจจิต่างหาก”
“แต่พวกฉันก็อยากรู้เรื่องสเปคเธอนะ” นากามุระโต้กลับ
“ใช่ๆ” และคายาโนะก็เอ่ยสมทบต่อ
เลย์โกะหรี่ตามองพวกหล่อนด้วยความเคลือบแคลงใจ
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปม
อยากรู้ขนาดนั้นเชียว?
เธอชักจะไม่มั่นใจว่าเป็นเพราะประเด็นมันค่อนข้างน่าสนใจหรือพวกหล่อนแค่อยากได้ยินจากปากเธอที่ไม่ค่อยพูดเรื่องพวกนี้กันแน่...
แต่อย่างหลังนี่ดูแปลกเกินไป
“เดี๋ยวเถอะพวกเธอ—”
“ช่างเถอะเมงุจจิ ฉันบอกก็ได้” กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางเก็บกล่องข้าวตนเองให้เรียบร้อย
มือประสานกันบนโต๊ะในเวลาต่อมา
“ของแบบนั้นน่ะ...”
ปรายตามองปฏิกิริยาของคนอื่นๆด้วยสีหน้าเรียบนิ่งครั้งหนึ่ง
เลย์โกะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
แล้วจึงเอ่ยออกมา
“ไม่มีหรอก”
. . .
“ยัยนี่!”
เธอกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่— แทบจะเซตกเก้าอี้ไป ในตอนที่เห็นปฏิกิริยาของนากามุระและคายาโนะที่เว่อร์วังกว่าของคนอื่นหลายเท่า
ไม่คิดว่าจะผลมันจะออกมาน่าภูมิใจขนาดนี้
“ถ้าไม่มีตั้งแต่แรก
แล้วจะทำให้ลุ้นทำไมกันเล่า!?”
“เนอะ—”
“ไม่ต้องมา ‘เนอะ’ เลยยัยบ้า!”
เธอยังคุมสติไม่ให้ไหลลงไปกับพื้นได้
อีกทั้งมือยังเกาะด้วยแรงที่มากที่สุด ณ ตอนนี้
โอกาสที่ความซุ่มซ่ามแบบไม่ดูเวล่ำเวลาจะสร้างเรื่องให้ตนเองนั้นน้อยเสียยิ่งกว่าอะไร...
จนกระทั่งนากามุระกระโจนเข้ามาหา
“เดี๋ย—”
แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าก็สลายไป
ตุบ!
“คุณสึมุกิ คุณนากามุระ!”
น้ำหนักที่มากเกินไป
ณ จุดจุดหนึ่งทำให้เกาอี้เสียสมดุลในท้ายที่สุด
เลย์โกะไม่ทันได้อุทานออกมาเสียด้วยซ้ำ— ร่างกายดันกระแทกกับพื้นไปก่อนที่จะเอ่ยประโยคจบ และในตอนที่จะพูดอีกครั้งก็โดนจั๊กจี้เข้าที่เอวพอดิบพอดี
ให้ตายเถอะ
เธอหัวเราะเสียงดังลั่น
กอบโกยอากาศเข้าปอดไม่ทันเสียจนส่งเสียงประหลาดออกมา
ทุกความคิดเมื่อก่อนหน้าหยุดนิ่งและถูกแทนที่วิธีการรวบรวมสติในการหยุดนากามุระมากมาย
ทว่ามันยากตรงที่เธอไม่ได้เป็นคนคุมสถานการณ์นี้ไว้นี่สิ...
“ยอมรับบทลงโทษไปเสียดีๆ”
หมับ!
และเมื่อตระหนักได้เช่นนั้น
จังหวะที่นากามุระหยุดจั๊กจี้เพียงชั่วครู่หนึ่งก็มาถึงพอดิบพอดี— ถือเป็นโชคของเธอ
“โอเค...” เลย์โกะหอบหายใจ
“พอได้แล้วริโอจจิ”
คนเขาคงรู้กันหมดห้องแล้วว่าเธอมีจุดอ่อนตรงเอว
“ก็ได้ๆ” อีกฝ่ายกลั้วหัวเราะ ก่อนจะลุกขึ้นและยื่นมือให้เธอ
ดวงตาสีอเมทิตส์เหลือบมองใบหน้าของเพื่อนร่วมห้อง
คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความฉงน
ทว่าก็รับความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆจากหล่อนไว้โดยดี...
ถ้าให้พูดตามตรง
เธอก็ไม่ได้อารมณ์เสีย— การหัวเราะเมื่อครู่อาจจะเป็นวิธีระบายอารมณ์หรือวิธีคลายเครียดที่ได้ผลอย่างประหลาดล่ะมั้ง
เลย์โกะแทบจะไม่ได้สนเรื่องที่มีใครสักคนในห้องพูดออกมาว่า
‘มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?’ เลยด้วยซ้ำ— เพียงแต่ลุกขึ้น ปัดยูนิฟอร์มตนเองเล็กน้อย และจัดวางเก้าอี้ตามเดิม
ทว่าก็หลุดหัวเราะแห้งออกมา
หลังจากที่เห็นสีหน้าของเพื่อนร่วมห้องหญิงคนอื่นๆ
บางคนก็ดูเฮฮา
บางคนก็ดูเป็นห่วง บางคนก็ดูเหนื่อยหน่ายใจ...
“ไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่ไหม?” คุราฮาชิเอ่ยถาม
“อืม...
คิดว่าไม่นะ” เธอตอบพลางนั่งลง
แล้วมือก็เลื่อนไปกดปิดคลิปยังคงเล่นต่อจนใกล้จะจบในสมาร์ทโฟนตนเอง
“ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะระวังอยู่ดีนะ คุณนากามุระก็ด้วย”
“โทษทีๆ อารมณ์มันพาไปน่ะ”
เธอมองหน้าจอที่ใกล้จะดับทีละนิด
ปลายนิ้วค้างอยู่เหนือเครื่องมือสื่อสารนั่นเพียงเล็กน้อย
จู่ๆก็รู้สึกลังเลขึ้นมาว่าควรจะหยิบมันขึ้นหรือปล่อยไว้เฉยๆ
เดิมทีก็ใช่ว่าเธอจะเป็นคนเริ่มบทสนทนาใดๆอยู่แล้ว การจะนั่งเลื่อนดูนั่นนี่บนไทม์ไลน์ระหว่างฟังคนอื่นคุยก็ไม่ได้ดูผิดแปลก
บางทีเธออาจจะหัวเราะมากเกินไป...
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน
เนื่องด้วยความสับสนที่มี
“ประเด็นนี้มันอันตรายกว่าที่คิดแฮะ”
ทว่าการที่ได้ยินฟุวะ ยูสึกิเอ่ยดังนั้นออกมาก็ทำให้ดึงตนเองออกมาจากห้วงความคิด
แล้วอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครกล่าวอะไรต่อในการเริ่มบทสนทนาหัวข้อใหม่ทันที
“จะว่าไป
ฉันไปได้ยินมาว่า...”
ช่างมัน
ไหนๆก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้วนี่— แถมมันก็น่าจะช่วยคลายเครียดได้มากกว่าเดิมด้วย
สมาร์ทโฟนถูกเก็บเข้ากระเป๋ากระโปรงไประหว่างนั้น
ทว่าในขณะเดียวกันก็เหล่มองอาวุธจากนอร์เวย์ที่อยู่มุมห้องเป็นครั้งคราวไปโดยไม่รู้ตัว
________
วันต่อมานั้นสงบลงกว่าเดิมเยอะ— ป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติถูกเทราซากะพันเทปรอบตัว
จำนวนการพยายามลอบสังหารจากมันเลยเป็นศูนย์ไปแบบช่วยไม่ได้
ไม่มีเสียงรบกวนใดๆระหว่างคาบเรียน
ทว่าความสบายใจของเธอก็ยังไม่เต็มร้อย...
และนั่นคงจะเป็นสัญชาตญาณที่รู้สึกได้ถึงเหตุการณ์ในอนาคต
“อรุณสวัสดิ์ค่ะทุกคน”
เลย์โกะแทบจะคุมสีหน้าตนเองไว้ไม่อยู่
ตรงหน้าเธอคือป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติที่บัดนี้ได้มีรูปอวาตาร์เต็มตัวอย่างชัดเจนบนจอแล้ว— ‘หล่อน’
กำลังแย้มยิ้มหวานให้เธอและเพื่อนร่วมห้องที่มาโรงเรียนเช้า
“วันนี้อากาศดีมากเลยนะคะ”
ไม่นะ
“จอภาพผลึกเหลวแบบเต็มตัว
เพื่อดึงเอาความรู้สึกที่ใกล้ชิดออกมา กับซอฟต์แวร์โมเดลลิ่งร่างกายและเครื่องแบบ”
เธอหันไปทางอาจารย์โคโระที่เดินเข้ามา
ไม่มีคำพูดใดๆสามารถอธิบายความรู้สึก
ณ ปัจจุบันได้เต็มร้อย มือนั้นกำสมาร์ทโฟนแน่นยิ่งกว่าเคย และอยู่ๆก็รู้สึกว่าตนเองหายใจได้ไม่เต็มอิ่มเท่าเดิม
“ทำเองทั้งหมด หมดไป 6 แสน 6 หันเยน” เขากล่าวต่อ
นั่นไม่ได้ทำให้เลย์โกะรู้สึกดีแต่อย่างใดเลย...
อาจารย์ประจำชั้นเธอลงทุนปรับเปลี่ยนป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติให้ไม่ต่างอะไรกับนักเรียนในห้องคนหนึ่ง
ถึงจะยังยืนยันไม่ได้ว่าประสิทธิภาพของการลอบสังหารจะมากเท่าเดิมหรือไม่
แต่ใจก็เผลอคิดในแง่ลบไปเรียบร้อย
กรณีนี้มันต่างกับเรื่องที่เจอเมื่อตอนทัศนศึกษาพอประมาณ— อย่างน้อยก็ตรงที่เธอไม่พร้อมจะรับรู้กับคนที่เก่งกว่าแล้วหนึ่ง
“ดีใจมากเลยที่ได้ใช้เวลาร่วมกับทุกคนในวันที่สดชื่นเช่นนี้ค่ะ”
ยิ่งถ้าดูเป็นประเภทคงจะเป็นที่ชื่นชอบของหลายๆคนได้อย่างง่ายดายแล้วด้วย...
“สีหน้าจัดเต็มกับทักษะการสนทนาที่สดใส
ซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่กับหน่วยความจำเสริมไว้ควบคุมเรื่องนั้น— เช่นเดียวกัน 1 ล้าน 1 แสน 3 พันเยน”
‘ถ้าต้องการก็พยายามต่อไปสิ’
มันน่าสบอารมณ์ที่เป็นเช่นนี้— น่าสบอารมณ์ที่แทบจะพยายามหาจุดเชื่อมต่อระหว่างเรื่องราวในอดีตกับปัจจุบันแบบต่อเนื่อง
วิถีคนขี้แพ้ชัดๆ
ปลายกระโปรงถูกมืออีกข้างกำแน่นจนยับยูยี่
“ยอดคงเหลือในกระเป๋าเงินของอาจารย์...
5 เยน!”
ให้ตาย— เธออยากจะหัวเราะสมเพชตนเองเสียดังลั่น
สุดท้ายก็เละเทะอยู่ดี
ต่อให้พยายามจัดการอารมณ์ของตนเองแล้ว...
แม้แต่เรื่องเล็กน้อยขนาดนี้ก็ยังไม่คุ้มค่าที่จะลงทุนทำอะไรสักนิดเลยเหรอ?
หรือเธอกำลังถูกลงโทษเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้กัน?
“ถ้าอย่างนั้น...”
เลย์โกะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปชั่วคราว
ขณะที่สองขาก้าวเดินเข้าไปใกล้ฟืนกลอัจฉริยะรูปแบบใหม่
ริมฝีปากแย้มรอยยิ้มหวาน
“เธอพอจะให้ข้อมูลและประสิทธิภาพของตนเองในเวอร์ชั่นที่ผ่านการดัดแปลงแล้วได้หรือเปล่า?”
แต่สุดท้ายข้อมูลก็คือข้อมูล— ไม่ว่าจะอยากรับรู้มากน้อยเพียงใด
การที่ไม่ทราบก็ถือว่าเป็นข้อเสียเปรียบต่อผลประโยชน์ในอนาคตอยู่ดี
พอเรียบเรียงแบบนั้นแล้ว
ก็รู้สึกดีกว่าเดิมขึ้นมาเล็กน้อย
เลย์โกะหัวเราะเล็กน้อย
ก่อนจะกดเข้าแอพพลิเคชั่นอัดเสียง
ชักจะเหนื่อยกับเรื่องพวกนี้แล้วนะ...
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนน่ะนะ”
ทว่าเดี๋ยวมันก็คงจะจบด้วยการที่เธอกลับไปทำเช่นเดิมเพื่อป้องกันไม่ให้อารมณ์ของตนเองมีอิทธิพลต่อการงานอื่นอีกล่ะมั้ง
มันก็วนๆอยู่เช่นนี้ตลอดนี่...
ทุกๆเรื่องน่ะ
อย่างไรก็หนีความต้องการต่อความสุขทุกรูปแบบไม่ได้
“เอ่อ— คุณสึมุกิไม่คิดจะถามอาจารย์ตรงๆเหรอครับ?”
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง
“ก็... อาจารย์กำลังไว้อาลัยเงินที่เสียไปอยู่นี่คะ”
...
ข้อมูลคงเป็นสิ่งเดียวที่จะได้รับในสถานการณ์ทั้งหมดนี้
และเพราะแบบนั้นถึงได้โดดเรียนตั้งแต่คาบแรก— ปล่อยให้ตำแหน่งหนึ่งในห้องเรียนว่างไปชั่วคราว
“อาจารย์โคโระเพิ่มนั่นนี่ไปตั้งหลายอย่างเลยแฮะ”
เสียงอันสดใสของป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติที่อัดไว้นั้นถูกฟังเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้— ที่แน่ๆคือเธอแลดูจะไม่มีอารมณ์พิมพ์มันลงในไฟล์เอกสารเสียที
แล็ปท็อปก็อยู่ในกระเป๋าที่โต๊ะเรียนด้วย...
ตุบ!
เด็กสาวทิ้งตัวลงนอนราบไปกับพื้นที่ไม่เรียบนักเต็มแรง
กล่าวสบถในเวลาต่อมาให้กับอาการปวดหลังที่มาจากเรื่องเมื่อวานซืน— รอยฟกช้ำปรากฏขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน
และคงใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะหาย
ป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติมีทักษะการปั้นพลาสติกชนิดพิเศษในตัวได้อย่างอิสระ...
อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงข้อมูลจากหลากหลายแห่งได้ด้วย
นอกจากทักษะการลอบสังหารแล้ว
ก็ยังจะโดนเรื่องที่คิดว่าเป็นเพียงข้อได้เปรียบเดียวของตนเองอีกสินะ
ถึงจะไม่ได้เหมือนกันเต็มร้อย
แต่ความคล้ายก็สูงเสียจนประโยชน์ที่เธอสามารถทำได้ดูเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย
ทีนี้คงเปรียบเทียบได้ว่าคล้ายกับกรณีในอดีตสุดๆแล้วแหละ
เลย์โกะตะแคงตัว
แทบไม่สนความสะอาดของยูนิฟอร์ม ณ ปัจจุบัน
ไม่อยากจะนึกว่าเมื่อถึงคราวของโฮริเบะ
อิโตนะ เธอจะเจอมรสุมอารมณ์ของตนเองในรูปแบบไหน
ณ
ตอนนี้ก็ได้แต่พยายามกล่อมตนเองซ้ำๆว่า ‘ทุกอย่างจะดีขึ้นเองในท้ายที่สุด’ และ ‘หลังจากนั้น มันจะไม่สำคัญอีกต่อไป’ แม้จะรู้อยู่แก่ใจถึงความต้องการของการอยากให้เรื่องทั้งหมดจบลงในเร็ววันมากกว่าการเฝ้ารอไปเรื่อยๆ
ให้ตายเถอะ
เธอเบื่อเรื่องซ้ำซากเช่นนี้เหลือเกิน...
“เฮ้ นอนตรงนั้นมันสกปรกนะยะ”
พรวด!
เผลอยันตัวขึ้นมานั่งเหมือนเดิมทันทีที่สบตากับอีรีน่าด้วยท่าทีตกใจ
ดวงตาเบิกกว้าง
ทว่าก็ปรับสีหน้าให้กลับไปเป็นเช่นเดิมได้ในเวลาไม่ช้า
สมาร์ทโฟนในมือถูกใช้งานอีกครา— คราวนี้เธอกดหยุดเล่นเสียงที่อัดไว้
แล้วเข้าไปดูเมลเก่าของตนเองเสียแทน
พยายามเปลี่ยนกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ด้วยความเป็นธรรมชาติมากที่สุด
แม้ว่าในใจจะแย้งตลอดว่า ‘คงมีแต่เด็กอนุบาลใสซื่อที่เชื่อ’ ก็ตาม
“จะโดดทั้งทีก็ช่วยเลือกที่ที่มันเหมาะสมหน่อยสิ” หล่อนว่า ขณะปรายตามองบริเวณประจำของเธอ
“พูดอย่างกับว่าแถวนี้มันมีที่ที่เหมาะจริงๆ”
เลย์โกะมั่นใจว่าได้ยินเสียงพึมพำในเชิงเออออกับถ้อยคำของเธออย่างแผ่วเบา
แต่ก็ไม่คิดจะทักหรอก— ปล่อยเบลอไปเหมือนกับเรื่องอื่นๆนั่นแหละ
“งั้นก็อย่านอนลงไปแบบนั้นสิ”
เธอไหวไหล่ตอบกลับไป
สายตายังคงจับจ้องไปยังเนื้อความที่ถูกส่งมาเมื่อ 2 วันก่อน— ไล่อ่านข้อมูลพื้นฐานของป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติที่ชิโระรวบรวมมาให้
ก่อนจะหยุดลงที่หน้าสุดท้ายของไฟล์
เหมือนเธอจะไม่ทันได้อ่านส่วนนี้แบบละเอียด...
ข้อมูลส่วนหนึ่งของอิโตนะที่ชิโระใส่มาให้เธอน่ะ
“คาบต่อไปเป็นของฉันนะ”
“อืม”
“รู้ใช่ไหมว่าจะโดดทั้งวันไม่ได้น่ะ?”
ดวงตาสีอเมทิตส์เบนกลับไปมองใบหน้าของนักฆ่าสาวตรงๆ
แววตาที่เสมือนกับว่าเป็นห่วงและเหนื่อยหน่ายใจในคราวเดียวกันนั้นทำให้รู้สึกสมเพชตนเองยิ่งกว่าเดิม
เลย์โกะเอ่ยสบถในใจ
“ค่อยเข้า 2 คาบสุดท้ายก่อนเลิกเรียน”
“โอ๊ย! ให้มันได้อย่างนี้สิ!”
เออ
จริงๆก็ไม่ได้อยากนักอยากหนาหรอก
แล้วจึงพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
อย่างน้อยก็คิดว่าควรจะจัดการความรู้สึกตนเองให้เข้าที่กว่านี้สักหน่อย— ถึงจะไม่ได้มีจุดมุ่งหมายว่าจะต้องเป็นที่รักหรืออะไรทำนองนั้นก็ตามเถอะ
แต่สุดท้ายแล้ว
มันก็ไม่ใช่ความผิดของป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติที่ถูกสร้างขึ้นและดัดแปลงให้มีประสิทธิภาพสูงแบบนั้นนี่
การแยกแยะอดีตและเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันไม่ใช่เรื่องถนัดของเธอเลย—
ยิ่งเกิดขึ้นติดต่อกันมากกว่าหนึ่งครั้งก็ยิ่งแล้วใหญ่
ครืน...
บรรยากาศเงียบลงอีกครั้งหนึ่ง
ในยามที่อีรีน่าเลือกจะไม่พูดอะไรต่อ
และเสียงสมาร์ทโฟนที่สั่นอยู่นั้นไม่สามารถเรียกร้องความสนใจทั้งหมดของเลย์โกะได้— เธอเพียงแต่ชำเลืองมองมันครู่หนึ่ง
ก่อนจะปัดแจ้งเตือนออก แล้วเปลี่ยนจ้องต้นหญ้าเล็กๆบนพื้นดินแทน
เหยียบครั้งเดียวก็อาจจะตายได้เลยล่ะมั้ง...
ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะย้ายที่ไปไหม
หากเลือกได้น่ะ
แล้วถ้ายังคิดอยู่ที่เดิม...
จะทนความหวาดกลัวของการโดนเหยียบได้สักกี่น้ำกัน?
เจ้าของสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักจิ๊ปากเป็นการระบายอารมณ์
พรวด!
แล้วจึงยันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“หือ?”
เด็กสาวเพียงแต่ปัดกระโปรงที่เลอะเล็กน้อยให้สะอาดกว่าเดิม
แล้วจึงใส่โทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า— ละมือออกจากมันในท้ายที่สุด
อีรีน่า เจลาวิชไม่ได้คำตอบของข้อสงสัยที่แสดงออกผ่านสีหน้าตนเอง
ภาพที่สะท้อนผ่านดวงตาสีฟ้าอ่อนอันงดงามของนักฆ่าสาวชาวเซอร์เบียคือรอยยิ้มแค่นๆและการกลอกตาคราหนึ่งเท่านั้น...
เลย์โกะไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะตีความภาษากายเธอแบบไหน
กระนั้นก็รู้สึกว่าไม่ควรจะใส่ใจประเด็นดังกล่าวมากสักเท่าไหร่
“เจ๊เองก็อย่าโดดสอนนะ” เธอกล่าวออกไปโดยไม่สนบริบท
แล้วจึงเดินกลับไปยังอาคารเรียน
“อ-อ้าว...”
สองเท้าก้าวเดินอย่างสม่ำเสมอ— เธอย่ำเป็นจังหวะราวกับกำลังแสดงออกถึงอารมณ์ปรีดีจริงๆ
แม้ว่าสีหน้าจะไม่ได้แสดงออกเช่นเดียวกัน
หากมองในแง่ดี
อย่างน้อยวันนี้ก็ไม่ได้เจอการตอกย้ำเรื่องความย้อนแย้งจากอีรีน่า
อย่างสุดท้ายที่เธอต้องการคือคำพูดซ้ำเติมในสิ่งที่ตระหนักได้เองแล้ว...
แต่มันคงจะดีกว่านี้
ถ้าได้ทบทวนตนเองเงียบๆ— โป๊กเกอร์เฟซมักจะทำงานในทุกช่วงที่อยู่ใกล้คนเสมอ
บางทีก็ได้ผล
บางทีก็ไม่ได้ผล... ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจในช่วงเวลานั้น
และครั้งนี้ก็คงจะค่อนไปทางฝั่งอย่างหลังมากกว่า
ตึก!
“กึ—”
สองขาชะงักงัน
ทุกความคิดถูกสลัดออกไปทันทีทันใด
รอยยิ้มเหยเกปรากฏขึ้นบนใบหน้าในคราวที่รู้สึกตัวว่ายังคงลงน้ำหนักที่เท้ามากกว่าปกติ
ทั้งๆที่ตนเองเข้ามาในตัวอาคารแล้ว
เผลอหันซ้ายหันขวาด้วยความกระวนกระวายเล็กน้อย— เธอยังไม่ต้องการความสนใจในตอนที่อยู่ในสภาพนี้...
แถมเมื่อครู่ก็เผลอส่งเสียงแปลกๆออกมาด้วย
“...”
และเมื่อไม่ได้ยินเสียงอะไรโต้ตอบกลับมา
ความกังวลก็สลายไปประมาณหนึ่ง
จะติ๊ต่างไปว่าเสียงมันไม่ได้ดังขนาดนั้นก็แล้วกัน...
“เอาล่ะ”
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ก่อนจะเดินต่อไปยังห้องเรียนด้วยฝีเท้าที่เบากว่าปกติ
ก็แค่ต้องเข้าไปด้วยสีหน้าที่ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้...
คุยกับคนอื่นด้วยน้ำเสียงทั่วไป แล้วก็ตั้งใจเรียนในคาบที่กำลังจะมาถึง
แค่นั้นเอง
เธอเลื่อนเปิดบานประตูอย่างระมัดระวัง— ไม่ใช้แรงมากเกินไปจนก่อให้เกิดเสียงดังเหมือนกับคราวก่อนๆ
ครืน...
มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาทัดปอยผม
สองขาก้าวไปยังตำแหน่งโต๊ะนักเรียนของตนเอง แย้มยิ้มบางๆให้กับอวาตาร์ของป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติที่ยังคงสีหน้าสดใสไว้อยู่
“ไง หลับสบายไหม?” คารุมะเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มยียวน
“สบายสุดๆ เหมือนได้จำศึลเลยล่ะนะ”
และเสียงหวานๆก็เป็นสิ่งที่เขาได้รับกลับไป
“ยินดีด้วยก็แล้วกัน—
ส่วนนั่นก็ ‘ริทสึ’ ” เขาบุ้ยหน้าไปยังสิ่งที่เธอเพิ่งจะยิ้มทักทายไป
“ค่ะ! ริทสึค่ะ!”
ช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็เกิดอะไรหลายๆอย่สงขึ้นได้สินะ...
อย่างไรก็ตาม
คนคิดชื่อนี่ก็ค่อนข้างสิ้นคิดอยู่เหมือนกัน— ดีหน่อยที่เจ้าหล่อนไม่ได้ดูชิงชังนามดังกล่าวนั้น
แลดูชอบเสียด้วย
อาจารย์โคโระโปรแกรมความสดใสได้ออกมาดีจริงๆแหละนะ...
คงเป็นสีสันที่ดีสำหรับห้อง
3-E
“อ๋อ...”
เลย์โกะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ของตนเอง
หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาวางราบกับโต๊ะ ก่อนหันไปทักทายเพื่อนร่วมห้องใหม่อีกครั้งหนึ่งด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่าเคย
“งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักแบบเป็นทางการจริงๆนะริจจี้”
“ริจจี้... เหรอคะ?”
“ใช่ๆ เป็นชื่อเล่นไง” เธอกลั้วหัวเราะ
‘คาโอจจิงั้นเหรอ?’
“ฉันชอบมันนะคะ
ขอบคุณสำหรับชื่อเล่นค่ะ!”
‘น่ารักดีนะ— เรียกฉันแบบนั้นถาวรเลย โอเคไหม?’
________
“อรุณสวัสดิ์ค่ะทุกคน”
ความจริงเธอก็ไม่ได้แปลกใจสักเท่าไหร่กับการหายตัวไปของ
‘ริจจี้’ ในวันต่อมา— จะติดก็ตรงที่ช่วงสองสามวันนี้ดันรู้สึกหายใจไปทั่วท้องในทุกครั้งคราหันไปมองทางฝั่งซ้ายของตนเองตลอด
กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว...
ไม่รู้เลยว่าควรจะรู้สึกอย่างไร
“สัญญาที่ห้ามทำร้ายนักเรียน...
มีการฝากมาบอกว่า ‘จากนี้ไป การดัดแปลงก็ถือว่าเป็นการทำร้ายด้วย’ ” คาราสึมะเอ่ยขึ้น
สีหน้าเขายังคงเรียบนิ่งเหมือนทุกครั้งครา
กระนั้นมันก็ยังจะพอเดาอารมณ์ของเขา
ณ ปัจจุบันได้แหละนะ...
มือนั้นเท้าคางบนโต๊ะ
ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมคนนั้นและอาจารย์ประจำชั้นของตนเอง
“พวกเธอก็ด้วย ดูเหมือนว่าถ้ามัดหรือทำเจ้าหล่อนพัง
จะเรียกเก็บค่าเสียหาย”
เทราซากะจิ๊ปากตามหลังคำชี้แจงนั่น
ปรายตามองบรรยากาศรอบห้องที่ไม่ได้ดูดีนัก— ทุกคนคงต้องทำใจยอมรับการลอบสังหารทุกชั่วโมงเรียนที่ทั้งรบกวนและลำบากต่อการเก็บกวาด
อีกทั้งก็เหมือนจะเสียเพื่อนร่วมห้องที่เพิ่งจะได้รู้จักกันจริงๆไปแค่
1 วันอีกด้วย
ส่วนตัวเธอก็อุตส่าห์คิดเผื่อไว้ว่าจะพยายามลดความอคติ
และอาจจะขอยืมศักยภาพของริทสึในการช่วยหาข้อมูลแล้วแท้ๆ...
ก็คือดันเสียเวลาคืนหนึ่งไปกับการนั่งคิดทบทวนเรื่องที่ลึกๆในใจนั้นรู้ว่าคงเกิดขึ้นได้น้อยสินะ
“เป็นความต้องการของเจ้าของ
มีแต่ต้องทำตามเท่านั้น”
บ้าชะมัด
“ทางเจ้าของมาสร้างเรื่องยุ่งยากให้อีกแล้วสินะ”
อาจารย์โคโระเอ่ยพลางใช้หนวดลูบหน้าตนเอง
“แต่อยากให้ความสำคัญต่อความรู้สึกของนักเรียนมากกว่าพ่อแม่นะครับ”
ความจริงแล้ว เธอเองก็ไม่ได้คุยกับริทสึมากหรอก— โดดเรียนตั้งหลายคาบ อีกทั้งช่วงพักกลางวันก็เข้ามาแค่ครู่เดียว
ช่วงเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงคงไม่สามารถยัดบทสนทนาล้านแปดเข้าไปได้ ยิ่งเมื่อเธอไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรแล้วด้วย
แต่จากที่สังเกตมา...
ก็ใช่ว่าจะเป็นอะไรที่เลวร้าย
แถมด้วยความถูกโปรแกรมมา
จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันอยู่เหนือมาตรฐานปกติ— เลย์โกะคงไม่เขม่นใส่ AI ที่ไม่รู้ลึกถึงบาดแผลของตัวเธอและค่อนข้างซื่อในด้านของความคิดกับค่าเรื่องละเอียดอ่อนของมนุษย์หรอก
ก็จัดการความรู้สึกตนเองมาแล้วนี่...
ดวงตาสีอเมทิตส์คู่นั้นเหล่มองป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติครู่หนึ่ง— หรี่ลงเมื่อกำลังพิจารณาสีหน้าของอวาตาร์เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน
“ไม่ทราบว่ามีข้อสงสัยอะไรหรือเปล่าคะ?” หล่อนเอ่ย
“เปล่า”
แล้วเธอก็เบนความสนใจไปยังสิ่งอื่นแทน...
“รับทราบค่ะ”
เด็กสาวประจำตำแหน่งโต๊ะหลังห้องนั้นฟุบลงอีกครา ลอบไถสมาร์ทโฟนหาคนที่สามารถติดต่อได้เบื้องหลังท่อนแขนที่บดบังใบหน้าตนเอง
มันมีทางต่อรองกับทางฝ่ายคนสร้างหรือเปล่านะ?
...
คาบเรียนแรกมาถึงอย่างรวดเร็ว
และทุกคนก็ดูจะเตรียมพร้อมรับมือการลอบสังหารของป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติกันหมด...
เลย์โกะหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบเปล่าๆ
หวังว่ามันจะช่วยกันเสียงรบกวนไปได้ ไม่มากก็น้อย— ระหว่างนั้นก็ทำไม้ทำมือขออนุญาตอาจารย์โคโระที่ต้องโอนอ่อนให้ชั่วคราว
เธอยิ้มขอบคุณเขา
ทว่าในใจไม่ได้รู้สึกปรีดีสักเท่าไหร่กับการที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้
เด็กสาวชำเลืองมองทางด้านฝั่งซ้านของตนเองอีกคราหนึ่ง
ภาพของหน้าจอสีดำสนิทซึ่งเริ่มแปรเปลี่ยนไปนั้นทำให้มือกดหูฟังให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
เธอไม่อยากจะได้ยินเสียงรบกวนยาวนานหลายนาทีเป็นคราที่สอง
แต่มันก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้
ตึง...
ตึง!
ปัง!
—อย่างน้อยก็เคยคิดเช่นนั้น
ดวงตาสีอเมทิตส์คู่นั้นเบิกกว้าง
กลีบดอกไม้ที่ปลิวว่อนไปทั่วห้องทำให้เผลอขมวดคิ้วในเวลาต่อมา
สายตาความสนใจจากเบื้องหน้าตนเองเบนไปยังป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติที่ได้แทนที่อาวุธทั้งหมดของตนเองด้วยช่อดอกไม้นานาชนิด— ความสับสนก่อตัวขึ้น
...อะไร?
“ทำดอกไม้ให้ตามสัญญาแล้วค่ะ”
เสียงราบเรียบของหล่อนเอ่ย
“อาจารย์โคโระทำการดัดแปลงตัวร่างของฉันไปทั้งหมด
985 แห่ง แล้วส่วนใหญ่ก็ถูกตัดสินโดยมาสเตอร์ว่าไม่จำเป็นต่อการลอบสังหาร— ทำการลบ
ถอดถอน และได้ทำการเปลี่ยนให้เป็นค่าเริ่มต้นค่ะ”
เลย์โกะรู้ว่าการที่พวกเขาจะเปลี่ยนการโปรแกรมของริทสึอีกรอบโดยฉับพลันนั้นไม่สมเหตุสมผลยิ่งกว่าสิ่งใด
และการที่อาจารย์โคโระผู้ซึ่งจำยอมกับกฎเกณฑ์ใหม่จะทำการดัดแปลงอีกครั้งหนึ่งก็แทบจะเป็นไปไม่ได้
ต่อให้มีศักยภาพและความเร็วมากเพียงพอก็ตาม
มันมีอยู่เพียงข้อสันนิษฐานเดียวที่เธอสามารถคิดได้ในตอนนี้...
“แต่จากสถานการณ์ในห้อง
E ที่ได้เรียนรู้ สำหรับตัวฉันเอง
ได้ตัดสินใจว่าความสามารถในการร่วมมือคือสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ในการลอบสังหาร”
ให้ตายเถอะ—
“ก่อนหน้าที่จะถูกกำจัดไป
ก็เลยซ่อนซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องไว้ที่มุมหน่วยความจำค่ะ”
ริมฝีปากเผลอแย้มยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ยอดเยี่ยมมากครับ!”
อาจารย์โคโระเอ่ยชม
“หรือก็คือคุณริทสึ—”
หน้าจอของป้อมปืนประมวลผลอัตโนมัติปรากฏขึ้นเป็นภาพของอวาตาร์ที่คุ้นเคยอีกครั้งหนึ่ง
“ค่ะ!
ฉันขัดขืนมาสเตอร์ด้วยความตั้งใจของตนเอง”
อ่า...
อะไรที่น่าประทับใจแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ด้วยแฮะ
เธอหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
ความรู้สึกชอบใจปรากฏชัดอยู่บนใบหน้า ขณะปลายนิ้วถูกลีบดอกไม้ซึ่งอยู่บนโต๊ะเล่นๆ
“อาจารย์โคโระ
การกระทำแบบนี้เรียกว่าช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อใช่ไหมคะ?
ริทสึเป็นเด็กไม่ดีหรือเปล่า?”
“ไม่หรอกครับ เป็นผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ที่สมกับเป็นนักเรียน ม.3 เลยครับ!”
สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี... สินะ
“แต่ว่านะริจจี้
ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นเด็กไม่ดีล่ะก็ แถวท้ายสุดของห้องก็ยินดีต้อนรับเสมอ—”
“นี่แกจะล่อลวง AI เหรอวะสึมุกิ!?”
“เงียบน่าเทราซากะ ฉันกำลังร่างข้อเสนอปากเปล่าอยู่”
และดูเหมือนว่ามันจะแตกต่างกับเรื่องราวในอดีตเสียด้วย
“อีกอย่างนะ 2 ใน 3 ของพวกเราก็เป็นแค่ ‘เจ้ากล้ามยักษ์ขี้โมโหที่คงโดนคนหลอกใช้ง่าย’
กับ ‘ยัยคนติดโทรศัพท์ผู้ครอบครองลิสต์คนที่ตนเองใช้งานได้’ เอง” คารุมะเอ่ยเสริม
“และฉันจะใช้ใครสักคนในจำนวนนั้นมาซัดนายสักวันนี่แหละ”
“น่ากลัวจัง”
เธอกลอกตาใส่เขาไปคราหนึ่ง
แล้วจึงหันกลับมาทางริทสึ— แย้มยิ้มอีกครั้ง
“อย่างไรก็ตามเถอะ
ฉันว่าถ้าเราสองคนร่วมงานกัน ก็น่าจะได้พวกข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการลอบสังหารเยอะอยู่”
“นั่นสินะคะ”
“ใช่ไหมล่—”
“อาจารย์โคโระก็เคยบอกว่าคุณเลย์โกะค่อนข้างเลื่องชื่อเรื่องการหาพวกข้อมูลหลักฐานผ่านเส้นสายน่ะค่ะ”
เธอชะงัก กะพริบตาปริบๆขณะมองริทสึด้วยความงวยงงอยู่ครู่หนึ่ง
เขาโปรแกรมให้ริทสึเรียกชื่อต้นเธอเหรอ?
“อืม—
ความจริงก็ใช้ตอนอยู่ห้องนี้ไม่กี่ครั้งนะ”
“แต่ก็ยังน่าประทับใจอยู่ดีค่ะ”
“อ่า... ขอบคุณ”
เอาเสียเกือบทำตัวไม่ถูกเลย
เลย์โกะหัวเราะเบาๆ
กลบเกลื่อนความรู้สึกอันไม่ชินชาซึ่งก่อตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
จะว่าอบอุ่นก็ไม่เชิง— ที่ชมเธอก็ไม่ใช่มนุษย์สักหน่อยนี่ มันอาจจะเป็นฝีมือของอาจารย์โคโระก็เป็นได้
ในเมื่อเขาเป็นคนโปรแกรมหล่อน
แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ...
มันจะถือว่าดีหรือไม่ดีกันล่ะ?
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง
ก่อนจะเอ่ยสรุปข้อตกลงระหว่างกันและกัน
“งั้นดีลนะ?”
“ค่ะ!” ริทสึตอบรับ
“อ่าฮะ..."
แล้วสมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นถูกหยิบขึ้นมา เลย์โกะกดปิดทุกไฟล์รายชื่อที่เปิดค้างไว้เมื่อก่อนหน้า
แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีเมลหนึ่งจากชิโระที่ยังไม่ได้เช็ค
เพียงแต่ปัดแจ้งเตือนป๊อปอัพออกไป— หัวข้อนั้นไม่ได้ถูกระบุ เธอจึงไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากมายในตอนนั้น
เลย์โกะกดเข้าไปอ่านมัน
‘เป็นไง?’
เนื้อความทั้งหมดมีเพียงถ้อยคำห้วนสั้นไร้ซึ่งบริบทที่ทำให้รู้สึกเคลือบแคลงใจในคราแรกที่อ่าน
และ
‘โล่งใจอย่างน่าประหลาด’ ก็คือคำตอบ... ที่ซึ่งคนรู้นั้นมีเพียงตัวเธอคนเดียว
เรื่องอะไรจะตอบกลับไปกันเล่า?
ความคิดเห็น