ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    monster – assassination classroom fanfic

    ลำดับตอนที่ #8 : chapter 6 : the perks of being common.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.57K
      25
      16 ต.ค. 64

      

    chapter 6

              ทุกอย่างเงียบลงอีกครั้งหนึ่ง...


              มีแต่เธอ เขา และการสบตาที่บัดนี้กลับชวนให้รู้สึกจั๊กจี้ไปเสียแล้ว


              เธอไม่ค่อยชินชากับการตกเป็นจุดสนใจสักเท่าไหร่นัก โดยปกติก็มักจะมีแค่ช่วงเวลาสั้นๆที่คนในห้องหันมามองเธอ และแน่นอนว่ามันหาใช่ในตอนที่ไม่ได้ต้องการทำตัวเด่นแต่อย่างใด การที่ตกเป็นเป้าสายตาโดยไม่ได้วางแผนไว้ เป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วน


              ถึงความจริงแล้ว ในตอนนี้ เขาจะไม่ได้มองเธอตลอดเวลาก็ตาม...


              ก็มีสบตาบ้าง มองมุมอื่นบ้าง แล้วก็กลับมาสบตากันเป็นแพทเทิร์นเดียวกันของคนสองคนที่แทบจะไม่มีเรื่องพูดคุยด้วยกัน


             ช้อนในมือนั้นคนช็อกโกแลตร้อนไปเรื่อยๆ


              มันเพิ่งถูกเสิร์ฟได้ไม่นาน และเธอเองไม่ได้มีลิ้นที่ทนทานถึงขนาดที่สามารถทำตามใจต้องการได้


              หากให้เธอลองแสดงความเห็นเกี่ยวกับเขาดู เลย์โกะก็จะบอกว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นคนแปลกๆหน่อย แต่ถึงกระนั้นก็ดูไม่น่าใช่คนไม่ดี อย่างน้อยก็คิดแบบนั้น


              ไม่รู้สิ...


             ในสถานการณ์นี้ เธอรู้อะไรบ้างเหอะ?


              นี่


              อีกฝ่ายเลิกคิ้ว


              ถามได้ไหมว่าอายุเท่าไหร่?


              และเพราะแบบนั้น ถึงได้พยายามไขข้อสงสัยตนเองก่อน เริ่มจากเรื่องเล็กๆน้อยๆ แล้วสาวไปยังประเด็นที่หลักที่เธอใคร่รู้


              ก็เท่าเธอ


              เธอ งั้นเหรอ?


              เขาไม่ค่อยหยาบคาย...


    ถึงจะพูดห้วนไปหน่อยก็ตามเถอะ


              อ่า... ตามที่คิดไว้เป๊ะ


              เมื่อปลายนิ้วแตะที่ข้างแก้วช็อกโกแลตร้อนอีกครั้งหนึ่ง ก็พบว่ามันเย็นลงพอสมควร จึงได้ยกขึ้นดื่มทันที


              และไม่...


              เธอคิดผิด


             เลยกลายเป็นว่าต้องแอบความอับอายของตนเองไว้ด้วยกระดาษทิชชู่สองแผ่นที่หยิบมาเช็ดปาก เพราะว่ามันคงจะเป็นการใช้ทรัพยากรของร้านอย่างสิ้นเปลือง หากเธอดึงมาเสียหมด เพียงเพราะว่าต้องการปิดใบหน้าของตนเอง


              คิ้วเรียวนั้นขมวดเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์ ดวงตาสีอเมทิตส์เบนมองไปยังมุมอื่นของร้าน ขณะภาวนาให้ลิ้นไม่พองไปเสียก่อน


              พยายามอย่างมากในการไม่รับรู้ถึงสายตาที่อาจจะแสดงถึงความเวทนา ไม่ก็สมเพชของอีกฝ่าย


              เป็นอีกครั้งที่เธออยากจะตะโกนเรียกคนที่ชื่อ ชิโระ นั่น ให้เลิกโอ้เอ้ในห้องน้ำของร้านเสียที


              เลย์โกะนับเสียงเข็มนาฬิกาในร้านไปเรื่อยๆ รอคอยจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการยกคำถามขึ้นมาใหม่


              เพราะหากเวลามันไม่นานพอ เจ้าตัวก็อาจจะยกประเด็นที่เธอลวกลิ้นตนเองเมื่อครู่ขึ้นมาได้


    ไม่ว่านิสัยของอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร เธอก็ต้องระวังไว้ก่อนขืนเจอแบบคารุมะนี่มีหวังปวดหัวไปเป็นชั่วโมงอย่างแน่นอน


    แต่ก็จะไม่ปฏิเสธหรอก ว่าการวางแผนแม้กระทั่งในเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้จะทำให้รู้สึกรำคาญเอง


    ว่าแต่... นายรู้จักชื่อฉันแล้ว... ใช่ไหมล่ะ?


    แล้วก็ชำเลืองมองเขา เผื่อว่าเจ้าตัวจะตอบกลับมาแค่ด้วยการพยักหน้าเพียงอย่างเดียว


    ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาดันเป็นคำตอบสั้นๆเสีย


    อืม


    ซึ่งเธอก็ไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไรนัก...


    อ่า... แต่ฉันยังไม่รู้จักชื่อนายเลย


    จ้องเขาที่ใช้เวลาประมาณหนึ่งในการเข้าใจว่านั่นเป็นการถามไถ่ถึงชื่อแบบอ้อมค้อม มุมปากเธอยกขึ้น ในยามที่เห็นสีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย


    ดูทรงแล้ว ก็เป็นคนที่คุยรู้เรื่องอยู่


    อิ—”


    ขอโทษที่ให้รอนานนะ


    แต่ก็ตามเวรกรรมและโชคชะตาของเธอในทุกๆครั้งคราที่ทุกอย่างเริ่มจะดีขึ้น ก็มีคลื่นลูกใหญ่ซัดเข้ามาโดนหน้าเต็มๆ


    และคลื่นลูกนี้... มีแนวโน้มสูงว่าจะมีชื่อเรียกว่า ชิโระ


    ชายร่างโปร่งภายใต้ชุดผลุมที่ปกปิดแทบจะทุกส่วนของร่างกาย เจ้าเสียงค่อนข้างทุ้มนั่น ที่แม้ว่าจะฟังดูสุภาพอ่อนโยน แต่กลับให้ความรู้สึกน่าระแวงไปในคราวเดียวกัน


    เขานั่งลงข้างเคียงกับคนที่มาด้วยกันกับตนเอง เอ่ยกล่าวทักทายตามมารยาท ก่อนจะประสานมือวางลงบนโต๊ะเบื้องหน้า


    ผมเป็นผู้ปกครองของเด็กคนนี้ และก็เป็นคนที่ส่งเมลให้คุณหนู... เรียกผมว่าชิโระก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักครับ


    เธอปรับบุคลิกของตนเองเวลาของการพูดคุยไปเรื่อยก็จบลงเสียแล้ว


    บางสิ่งบางอย่างกำลังบอกเธอว่าสถานการณ์ปัจจุบันนั้นไม่ปลอดภัย


    และเธอต้องวางตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์มากที่สุด... ถึงจะดี


    ค่ะ... ยินดีที่ได้รู้จัก


    ส่วนเด็กคนนี้คือโฮริเบะ อิโตนะ เพื่อนร่วมห้องของคุณหนูในอนาคตที่หากเป็นไปได้ ผมก็อยากจะให้คุณหนูพิจารณาในเรื่องการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเขาสักหน่อยนะครับ


    ดวงตาสีอเมทิตส์หรี่ลง ก่อนที่สาวเจ้าจะแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ


    ฉันเป็นอันตราย... สินะคะ เธอกล่าวย้อนถึงเนื้อความในเมลแรก


    และนั่นทำให้ชิโระหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ


    ครับ


    แล้วมันเป็นข้อเสนอหรือสัญญาอะไรล่ะคะ? ที่เกริ่นไว้ในตอนนั้นน่ะ


    เป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่นั่นคือข้อมูลที่เธอต้องการที่สุด ณ ตอนนี้


    เพราะนี่อาจจะเป็นการเสี่ยงครั้งสุดท้าย ในชีวิตนี้...


    เข้าเรื่องได้รวดเร็วดีนะครับ


    ก็เผื่อแผ่เวลาส่วนหนึ่งให้คุณจัดการทำธุระส่วนตัวไปแล้วนี่คะ


    และเธอก็พร้อมที่จะทำมัน


    เพราะเวลาเหลือไม่มาก และเธอที่กระเสือกกระสนอยากจะถูกเห็นคุณค่าอย่างน่าสมเพชก็อยากจะใช้ทุกวิธีที่ตนเองในการทำตัวมีประโยชน์แก่ห้องเรียน


    หรือไม่ก็เป็นต่อมที่อยากมีส่วนร่วมในการรู้เรื่องไปหมดของเธอ... ที่ทำให้ตัดสินใจแบบนั้นไป


    มันมีอยู่สองความเป็นไปได้ ที่ล้วนแต่ทำให้เลย์โกะอยากจะหัวเราะใส่เงาของตนเองที่เห็นบนช็อกโกแลตร้อนในมือ


    ก็อย่างที่บอก เธอไม่รู้อะไรกับเขาเลย แม้แต่เรื่องของความรู้สึกตนเอง


    แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมคนที่อ่อนแอกว่าฉันถึงได้เป็นอันตรายขนาดนั้นด้วย?


    ริมฝีปากนั้นกำลังจะอ้าตอบ ทว่าก็ชะงักก่อนที่จะได้เปล่งอะไรออกมา


    ช่างน่าขบขันเสียเหลือเกิน


    มันเป็นเรื่องตลก... ที่เธอเห็นด้วยกับเขามากกว่า 50%


    เพราะสิ่งที่ทำให้อันตรายมันไม่ใช่ตัวบุคคลล่ะมั้งนะ


    หากไม่มีเส้นสาย เธอก็เป็นเพียงส่วนประกอบบนโลกใบนี้ที่ไม่มีอะไรน่าจดจำ


    ไร้ค่าบ้างก็เรียกว่าแบบนั้น


    มันก็เป็นอย่างที่อิโตนะคุงคิดนั่นแหละ... ฉันไม่ได้แข็งแกร่งหรอก


    ใดๆก็ตาม เธอชักจะเริ่มรำคาญฝีปากของ โฮริเบะ อิโตนะ คนนี้เสียแล้วสิ

     

    ...

     

    การถูกประเคนข้อมูลให้ ไม่ต้องลำบากไปหาเองจนเสียเวลาทำอย่างอื่นฟังดูเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจดี


    หากไม่ติดว่ามันมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นข้อมูลจำกัดน่ะนะ


    มันมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ไม่ต้องเป็นคนที่ฉลาดระดับโลกก็น่าจะพอเดาได้


    แต่ถึงกระนั้น ก็เอ่ยตกลงกับสัญญาปากเปล่านั่นอยู่ดี...


    บอกแล้ว ว่าเธอพร้อมจะเสี่ยง


    มันไม่มีอะไรให้สูญเสียไปแล้วล่ะมั้ง ในตอนนี้น่ะ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรที่จำเป็นจะต้องห่วง


    เธอเป็นเพียงแค่นักเรียนมัธยมต้นคนหนึ่งที่มีประวัติเคยรับจ้างทำอาชญากรรมข้อมูลหนึ่งคดีและประวัติการสืบค้นข้อมูลผู้อื่นโดยไม่ได้รับการอนุญาตที่นับไม่ถ้วน...


              อาจจะฟังดูร้ายแรง แต่ในโลกของนักฆ่านั้นก็หาได้ดูมีพิษมีภัยมากเท่ากับผู้มีอำนาจในสังคมคนอื่น


             นี่อาจจะเป็นข้อดีของการเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีแม้แต่หน้าตาในวงศ์ตระกูลก็เป็นได้


             ขอบคุณที่สละเวลามานะครับคุณหนู


              ยินดีค่ะ... ขอบคุณเช่นกันที่คุณพูดจารู้เรื่อง


              โอเคมันอาจจะโดนบุพการีที่ทำตัวเข้าใจยากเมื่อวันก่อนนิดหน่อย แต่นั่นหาใช่จุดประสงค์ของเธอ


             ก็แค่พูดไปเรื่อย ไม่ได้มีเจตนาจะเสียดสี


              ต้องการให้ไปส่งที่เดิมไหมครับ?


              อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร... แค่เลี้ยงน้ำก็พอแล้ว เธอปฏิเสธ


              อีกอย่างหนึ่งคือฉันหาทางเองได้ค่ะ จีพีเอสก็มี คนรู้จักในเมืองก็มี


             ช่วงท้ายนั้นโกหก


              เธอไม่รู้จักใครในเมืองนี้หรือหากมีคนรู้จักมาเกียวโตพร้อมกัน ก็คงไม่รู้หรอก


              แต่เรื่องอะไรจะให้ถูกพาไปพามาเป็นภาระกันเล่า? เธอไม่ได้พิศวาสหรืออยากลองท้าทายฝีปากของคนรับ-ส่งจำเป็นเสียหน่อย


              จะรอด?


             ยิ่งตอนนี้เจออีกรอบก็ยิ่งไม่อยาก


              รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเหรอ? ถึงคิดว่าไม่รอดน่ะ


              เธอยังกะเวลาในการดื่มช็อกโกแลตร้อนไม่ถูกเลย


              ช่วยช่วยลืมมันไปเถอะนะอิโตนะคุง เธอกัดฟัน


              อยากจะมุดดินหนีเป็นบ้า...


             คุยรู้เรื่องจริงๆนั่นแหละรู้เรื่องว่าปากเสีย


              ก็มันเรื่องจริง


              แล้วจะย้ำเพื่ออะไร? เป็นห่วง?


              ...เปล่า


              เธอยิ้ม


             ดีค่ะ


             แล้วจึงหันไปบอกลาชิโระตามมารยาท


              “’งั้นก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพทั้งคู่นะคะ


              ชิโระกล่าวขอบคุณเธอ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินออกจากร้านก่อนเลย์โกะที่กะจะตามออกไปทีหลังนั้นจึงนิ่งอยู่ที่เดิม


              เธอเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์


              และในตอนนั้นเองที่เห็นปากของอิโตนะขยับ ราวกับว่าเขาต้องการจะเอ่ยบางอย่างกับเธอ โดยที่ไม่ให้ผู้ปกครองของตนเองรับรู้


              คิ้วเรียวนั้นเลิกขึ้นทันที


              เธออ่านปากเขาออก


             และนั่นหาใช่ข้อความลับหรืออะไรที่จำเป็นจะต้องพูดแบบไม่มีเสียงแต่อย่างใดเลย


             เด็กสาวพยักหน้าตอบรับไปแบบงวยงง เธอรู้สึกหงุดหงิดที่ตนเองไม่เข้าใจ และความรู้สึกดังกล่าวก็เพิ่มพูนไปอีก เมื่อตนลืมไปว่าพวกเขาได้ออกนอกสายตาไปนานแล้ว เหลือแค่ตัวเธอที่ยืนโง่ๆขวางประตูร้านอยู่


             เจอกัน


             ถ้อยคำห้วนสั้นจากคนแปลกๆที่มีวาจาเราะร้าย... และมีนามสกุลที่คุ้นหูอยู่พอสมควร


              หากให้บอกตามตรง เธอก็ไม่อาจมั่นใจว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ดังกล่าว


              เลย์โกะได้แต่เพียงหยิบสมาร์ทโฟนของตนเองออกมา เปิดเครื่องมันอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงกดเข้าแอพพลิเคชั่นแผนที่เพื่อดูตำแหน่งของตนเองคร่าวๆ ว่าห่างจากสถานที่ก่อนมามากเพียงใด


              เมื่อพอจะจดจำเส้นทางได้ก็เปลี่ยนไปกดโทรศัพท์หาคนคนเดิมที่ติดต่อหาบ่อยๆในช่วงนี้


              ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเตรียมรับมือกับอารมณ์ของอีกฝ่ายที่คงพร้อมปะทุเต็มที่ในอีกไม่นาน


              ในทันทีที่ปลายสายกดรับ เธอก็ขยับฝีเท้าของตนเอง


              [ช่วยบอกทีว่ามันไม่ใช่—]


              โมชิโมชิ


    [...]


    อย่าว่ากันนะมาโคโตะคุง แต่ฉันมีงานมาเสิร์ฟ... อีกแล้ว


    และเธอก็คิดถูกการดึงสมาร์ทโฟนออกจากใบหูอย่างทันท่วงทีนั้นช่วยได้เยอะเลย


    ทั้งเรื่องการที่เธอเพิ่มงานให้กับเขาอีกแล้ว ทั้งการที่งานดังกล่าวดูน่าสงสัย (เพราะเขาไม่รู้เรื่องการลอบสังหาร) ทั้งการที่เธอยังไม่เลิกสืบค้นข้อมูลส่วนตัวคนอื่นเสียที


    แต่มีสิ่งหนึ่งเกี่ยวกับบทสนทนาดังกล่าวที่ทำให้ความสงสัยของเลย์โกะเพิ่มขึ้นกว่าเดิม


    เสียงของมาโคโตะชะงักงัน ในตอนที่เธอเอ่ยชื่อของ โฮริเบะ อิโตนะ ออกมา


    มันมีบางอย่างที่เธอไม่รู้


    แต่มันก็คงเป็นแบบนั้นได้ไม่นานหรอก


    หากชิโระไม่คาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น... เขาก็คงใสซื่อเกินกว่าที่เธอประเมินไว้

     

    ________

     

    มีอีกหนึ่งสิ่งที่เธอไม่รู้...


    เรื่องที่เพื่อนร่วมกลุ่มทัศนศึกษาถูกจับตัวไป


    เมื่ออาจารย์โคโระกับคนอื่นๆเล่าให้ฟังก็ทำตัวสรรหาถ้อยคำมาตอบไม่ถูกเลย ความรู้สึกหลากความรู้สึกถาโถมเข้ามาในคราวเดียวกัน และหากพวกคันซากิไม่เอ่ยว่า ไม่เป็นไร ออกมา มันก็คงจะทำให้เธอรู้สึกแย่ไปกว่าเดิมอย่างแน่นอน


    อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ก็เชื่อว่าเธอหนีไปเที่ยวจริงๆ


    ส่วนใหญ่...


    ที่ไม่ใช่สามคนซึ่งรู้จักมาก่อนพอสมควร


    แต่คาราสึมะไม่ได้พูดอะไร อีรีน่าแค่ทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจ ส่วนคารุมะก็เพียงแต่ตบบ่าเธอเบาๆ


    เธอไม่ใช่คนชอบเที่ยวและการหนีเที่ยวอาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เลือกทำในการมาทัศนศึกษาเพื่อลอบสังหารครั้งนี้


    ความจริงแล้ว ก็อาจจะมีบางคนที่มองออกว่ามันไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ เพียงแต่เธอไม่ได้รู้จักมากพอที่จะเดาสีหน้าและการกระทำของพวกเขาได้


    อีกอย่างหนึ่งคือไม่มีใครคิดจะมาเค้นความจริงจากปากเธอ และเลย์โกะก็รู้สึกกึ่งดีกึ่งแย่กับข้อเท็จจริงข้อนั้น


              อาจจะเป็นเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องส่วนตัวจนเกินไป... แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนไม่ใส่ใจ


              ใช่ทั้งๆที่พยายามไม่แยแสคนอื่นตั้งแต่แรกนั่นแหละ


              หากทำได้ เลย์โกะก็คงเขย่าร่างกายตนเอง ขณะเอ่ยถามซ้ำไปซ้ำมาว่า เป็นอะไรกันแน่ฮะ!?แล้ว


              มันชักจะน่าสมเพชมากขึ้นเรื่อยๆและเธออยากให้ปีการศึกษานี้จบลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้


              อะไร? ยังหงอยเรื่องที่ไม่รู้อะไรอยู่อีกเหรอ?


              เปล่า เธอตอบคารุมะไป ก่อนจะเบนไปมองคันซากิที่กำลังเล่นเกมตู้อยู่อย่างคล่องแคล่ว


              แค่รู้สึกว่ายูกิโกจจิน่ะ... สุดยอดไปเลย เธอโกหก


              หืม?


              ก็นะ มีเรื่องที่ตนเองถนัดนี่นา แถมยังเก่งใช่ย่อยอีก... ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็สุดยอดไปเลยนี่


              รอยยิ้มบนใบหน้าของคันซากิกว้างขึ้น


              และมันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม


              น่าอิจฉามากเลยล่ะอ่า หรือว่าฉันจะกลายเป็นแฟนคลับของยูกิโกจจิไปอีกคนแล้วนะ?


              แม้ว่าข้อมูลของนักเรียนคนดังกล่าวที่เคยส่งให้ในกลุ่มจะเป็นประเภทมากเพียงใด มันก็คงจะเทียบไม่ได้กับการได้ช่วยเหลือเพื่อนร่วมกลุ่มจริงๆ


              อะไรกัน? เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ? แฟนคงแฟนคลับอะไรนั่นก็ไม่ต้องหรอก... เนอะคุณคันซากิ


              อืม! แต่ก็ขอบคุณนะ


              เธอหรี่ตามองพวกหล่อนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ


              เอางั้นก็ได้...


              เพื่อน


             แม้จะดูคล้ายกับคำว่า เพื่อนร่วมห้องหรือ เพื่อนร่วมกลุ่ม แต่ความหมายของมันกลับแตกต่างกันเป็นอย่างมาก...


              และการที่พวกหล่อนพูดแบบนั้นออกมา ก็ทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นคงขึ้นมา


             เป็นอะไรที่อันตรายกับคนที่กำลังสับสนจริงๆเลยนะ อิทธิพลของคำว่า เพื่อน เนี่ย


              ว่าแต่ว่า คุณเลย์โกะไปไหนมาเหรอคะ?


              อ่า... มันพูดยากนิดหน่อยน่ะมานามิจจิ


              เอ๊ะ?


              เอาเป็นว่าจะบอกในไม่ช้าก็แล้วกันนะ


              หากเผลอมีคนถามย้อนไปจนถึงอดีต ก็คงจะวุ่นวายกว่าเดิมเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน


              หวา... โดนจับได้เสียแล้ว เธอได้ยินเสียงคายาโนะบ่นกับตู้เกม แต่สายตาก็ไม่ได้ชำเลืองมองแต่อย่างใด


              เธอยิ้มให้โอคุดะ


              หากต้องการจะเซฟสภาพจิตใจตนเอง ก็ควรจะให้ความสำคัญกับปัจจุบันมากที่สุด


    แต่ว่านะ พอได้คุยกับพวกมานามิจจิแล้ว ก็รู้สึกดีกว่าตอนคุยกับคนอื่นๆเป็นเท่าตัวเลย


              ทว่านอกจากเรื่องความโลเล ความลังเล และความคิดที่เริ่มไม่มั่นคงแล้ว...


    ก็ยังมีเรื่องของอิโตนะที่ทำให้ไม่สามารถปล่อยวางชั่วคราวได้นี่สิ


    ดีใจที่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันนะ

             

    ________

     

              ข้อดีของการเป็นคนธรรมดาในห้องเรียนที่ไม่ได้เป็นจุดสนใจก็คือการไม่ถูกสงสัย ในตอนที่ใช้เวลาฟรีไทม์ไปกับตนเอง


              ยังไม่ถึงเวลานอน เธอก็ไม่ได้มีนัดอื่นกับใครเป็นพิเศษ และเพราะแบบนั้นถึงได้เปิดอ่านเมลที่ยังขึ้นแจ้งเตือนของตนเองไว้


    มันเป็นของ J1NX


              จากการถามไถ่เมื่อวันก่อน เธอก็ได้ข้อสรุปว่าเขาเป็นหนึ่งในนักฆ่าที่ถูกจ้างวานมาให้ทำงานในการลอบสังหารครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะถูกจองตัวไปประมาณหนึ่งแล้ว จึงได้กล้าพูดเรื่องลอบสังหารด้วยกันกับเขา ในฐานะของคนที่มีเป้าหมายสังหารเดียวกัน


              เขาได้รับมอบหมายภารกิจลอบสังหารพร้อมกับนักฆ่าอีกคนหนึ่ง...


             ฉันว่าฉันคงจะพักจากวงการนี้ไปสักพักหนึ่ง


              และพวกเขาก็พร้อมใจกันล้มเลิกในเวลาต่อมา


             เจ้านั่นเป็นคนดีนะ อาจารย์ของคุณหนูแอลน่ะ ถึงจะแปลกไปหน่อยก็เถอะ


              อาจารย์โคโระคงให้บทเรียนชีวิตหรือคำแนะนำกับนักฆ่าควบตำแหน่งแฮคเกอร์นานนับหลายปีอย่างเขาและแน่นอนว่าเธอทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ชีวิตใครชีวิตมัน


              เมลนั่นค่อนข้างยาว แต่หากจับใจความดูแล้ว ก็พอจะล่วงรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ฝืนตนเองอย่างแท้จริง


              เธอรู้จัก J1NX มานานพอสมควรตั้งแต่สมัยก่อนจะโจรกรรมข้อมูลครั้งแรกเสียด้วยซ้ำ


              เขาอยู่ในรายชื่อที่น้าของเธอบันทึกไว้ในโฟลเดอร์หนึ่ง และในครั้งแรกที่ลองส่งเมลไปถามรายละเอียดในเรื่องต่างๆ ก็ไม่ถูกไล่ตะเพิด ต่างจากที่คาดคิดเอาไว้ลิบลับ


              ก็ไม่ได้อยากจะบอกว่าคนดีเต็มร้อย แต่เป็นคนที่คุยรู้เรื่องคนหนึ่งถึงจะไม่ได้สนิท แต่ก็เป็นคนที่พูดคุยบ่อยสุด เมื่อเทียบกับคนอื่นๆที่รู้จักแล้ว


              และหากเขาพักจากงานในวงการ เธอก็คงต้องไปพึ่งพาคนรู้จักคนอื่นๆในการหาข้อมูล


              มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว เธอคงไม่ให้มาโคโตะรับหน้าที่ทั้งหมดคนเดียว...


             เพราะหากถูกสงสัยขึ้นมา ทุกอย่างก็พังหมดสิ


              บางทีฉันก็ควรจะกลับไปคิดทบทวนชีวิตของตนเองสักครั้งในรอบ 20 ปี มื้อเย็นกับเจ้านั่นทำให้ฉันนึกขึ้นได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ตนเองได้เมินเรื่องหลายเรื่องที่สำคัญไป


             เลย์โกะคิดว่ามันคือนิสัยที่ไม่ชอบความยุ่งยากของตนเอง


              เธอเชื่อว่า ความผูกพัน คือสิ่งสุดท้ายที่เธอจะพิจารณาว่าเป็นเหตุผลของความรู้สึกโหวงในอกแน่นอนว่าตัวเธอนั้นเป็นประเภทที่ยึดติดกับคนอื่นได้ง่าย แต่ในกรณีนี้มันไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย


             แต่ถ้าอยากให้ช่วยเรื่องอะไรก็ยังติดต่อมาได้เหมือนเดิมนะ


              ถึงกระนั้นก็ยังคงไม่รู้สึกชินชากับการที่คนอื่นทำตัวดีด้วยอยู่ดี...


              จะทางเมลนี้หรือเมลอื่นก็ได้ แต่ถ้าเป็นเมลอื่นก็ช่วยเรียกชื่อจริงด้วย ไม่เอาโค้ดเนม


             โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมันไม่ได้อยู่ในหัวข้อเดียวกับ สิ่งที่เธอวางแผนให้เกิดขึ้น


             แล้วก็อย่าเรียกห้วนๆล่ะ อายุเธอก็ประมาณลูกฉัน หลานฉันได้ เคารพกันบ้างก็ดี


              เด็กสาวตัดสินใจตอบเมลดังกล่าวไปด้วยถ้อยคำสั้นๆว่า รับทราบ และเมื่อปิดแอพพลิเคชั่นลง ก็ถอนหายใจออกมาทันที


              มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับคุณสึมุกิ?


             แต่แล้วความตกใจก็ส่งผลให้เผลอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด


              ดวงตาเธอเบิกกว้าง ริมฝีปากบางเม้มแน่น ร่างกายส่วนอื่นนั้นตอบสนองต่อการปรากฏตัวของอาจารย์ประจำชั้นโดยการไม่ขยับเขยื้อนใดๆ


              เหมือนจะเผลอหายใจเข้าค้างไว้ประมาณหนึ่ง...


              สีหน้าเธอต้องดูไม่จืดอย่างแน่นอนนั่นคือหนึ่งสิ่งที่เลย์โกะพอจะรับรู้ได้


              เห็นว่าทำหน้าเครียดๆ อาจารย์ก็เลยมาดู เผื่อว่ามีอะไรที่พอจะช่วยได้


              ในตอนนั้นเองที่เกิดความโลเลระหว่าง การปฏิเสธไปตรงๆกับ การสร้างเรื่องสมมติขึ้นมาเพื่อความสมเหตุสมผล


             และความฟุ้งซ่านก็มาเยือน


              เลย์โกะจะไม่ปฏิเสธว่าตนเองแทบจะหมดมุกในคราวนี้... เธอไม่สามารถคุมสถานการณ์ได้ และความกะทันหันในหลายเรื่องที่พบเจอต่อๆกันก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ไหวพริบที่มีลดลงต่ำกว่าอุณหภูมิของเรียวกังที่ไม่มีเครื่องทำความอุ่น


              เอ่อ...เธออ้ำอึง


              เขาเงียบ ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองออกมา


              ถ้าไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นไรครับ


              ปุบ...


              แต่ถ้ามีอะไรก็สามารถปรึกษาอาจารย์ได้นะครับ— หรือไม่ก็กับอาจารย์อีรีน่า ถ้าคุณสึมุกิสบายใจกว่า


              ...


              อย่างไรเสีย พวกเราก็เป็นอาจารย์ที่คอยให้คำปรึกษากับนักเรียนนะครับ


              อ่า... ค่ะ


              แล้วเขาก็หายไปในพริบตาคงกำลังไปคุยเรื่องงานกับคาราสึมะ ไม่ก็ไปร่วมสนุกกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆของเธอล่ะมั้ง


              เลย์โกะกะพริบตาปริบๆ เธอพยายามประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้นภายในหัว


             ไม่ใช่เพราะว่ามันเกิดขึ้นเร็วเกินไป


              มือนั้นเอื้อมขึ้นมาแตะบริเวณศีรษะในตำแหน่งเดียวกับหนวดของอาจารย์โคโระ ก่อนที่เขาจะจากไป


              ปลายนิ้วลูบไล้เส้นผมสีบลอนด์ของตนเองอย่างเชื่องช้า แน่นอนว่าทวงท่าของเธอในตอนนี้มันดูตลกสิ้นดี


              มือเธอกางออกอีกครั้งหนึ่ง แล้วตบลงตรงบริเวณดังกล่าวเบาๆลอกเลียนแบบการกระทำของอาจารย์โคโระเมื่อครู่


             มันไม่ได้เร็วเกินจนเธอทำตัวไม่ถูก... แต่เป็นเพราะเธอไม่เข้าใจ


              ด้วยเจตนาอะไร? —นั่นเป็นสิ่งที่เธอสงสัย


              แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ... ต่อให้มีข้อสันนิษฐานที่สมเหตุสมผลในใจ ก็คงไม่อยากจะเชื่อถือมันอยู่ดี


              เธอลูบศีรษะของตนเองเบาๆ เมื่อเห็นเวลาผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน ก็ตัดสินใจเดินไปยังห้องพักรวม


              เป็นอีกครั้งที่สมองปัดเรื่องยุ่งยากออกจากห้วงความคิด และในขณะเดียวกันก็ย้ำเตือนตนเองว่าที่พยายามมาทั้งหมดนั้นเพื่อจุดประสงค์อะไร

     

    ...

     

              ครืน!


              โอ๊ะ! เลย์โกะจังมาพอดีเลย


              คิ้วเรียวเลิกขึ้น สายตาของทุกคนในห้องที่ประสานกันมองเธอนั้นทำให้รู้สึกระแวงเล็กน้อยและเลย์โกะก็ไม่แน่ใจว่าเธอควรจะไปเดินเล่นรอบเรียวกังอีกสักรอบ แล้วค่อยกลับมาดีไหม


              มาคุยกันคุณสึมุกิๆ


              แต่เมื่อเห็นว่าคายาโนะเอ่ยชวน ก็รู้สึกโล่งใจกว่าเดิม


              อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่านากามุระคงไม่เล่นตามอะไรแผลงๆ... มิเช่นนั้นก็คงโดนคนที่เหลือปรามกันไปเรียบร้อยแล้ว


              สองขาก้าวเข้ามาในห้อง ก่อนที่มือจะเลื่อนปิดประตูอย่างรวดเร็ว


              และเหมือนกับทุกครั้งครา... เธอกะแรงไม่ถูก


    ครืน!


    เลย์โกะสะดุ้ง ก่อนที่ดวงตาสีอเมทิตส์คู่นั้นจะเหล่มองบานประตูเบื้องหลังตนเองด้วยความประหม่า


              คุณสึมุกิ เดี๋ยวก็ถูกพนักงานเตือนหรอก


              โทษทีเมงุจจิ...”


              เธอนั่งลงในตำแหน่งที่เยื้องกับคายาโนะและคันซากิ ห่างออกจากกลุ่มนักเรียนสาวที่พูดคุยสนทนากันก่อนหน้าเล็กน้อย กันการมีคนเห็นข้อความผ่านสมาร์ทโฟนจากเบื้องหลังเธอ หากมันถูกส่งมาในเวลานี้


              เรากำลังคุยเรื่องผู้ชายที่ชอบกันอยู่แหละแน่นอนว่าเป็นคนในห้องเท่านั้น อาจารย์คาราสึมะไม่นับ


    โอ้... เกิร์ลทอล์ค


    เลย์โกะยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะดึงหนังยางที่มัดผมเธอเป็นทรงบันสูงออก


    ในโมเมนต์แบบนี้ มันก็ต้องคุยเรื่องทำนองนี้แหละนะ


    ใช่ไหมล่ะ? นากามุระดีดนิ้ว แล้วจึงออกความเห็นคนแรก


    สำหรับฉันน่ะนะ ไม่อิโซไกก็มาเอฮาระแหละ


    เห... งั้นหรอกเหรอ?


    ใช่สิ น่าเสียดายที่มาเอฮาระเป็นพวกเจ้าชู้ ไม่งั้นอิโซไกจะได้เป็นหัวหน้าห้องเหรอ?


    หากเป็นในเรื่องของหน้าตาและสเน่ห์ เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสองคนดังกล่าวนั้นไม่ได้มีลักษณะตามมาตรฐานที่คนส่วนใหญ่ชื่นชอบถึงจะไม่ใช่สเปคเธอก็เถอะ


    แต่อย่างไรก็ตาม... ความรักก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะคำนึงถึงอยู่ดีนั่นแหละ


    อีกทั้งก็ไม่ได้สนิทกับผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษ นอกจากคนที่รู้จักกันก่อนหน้าแล้วด้วย จึงแทบจะไม่มีความเห็นให้เอ่ยออกมาในประเด็นนี้


    เลย์โกะเสยผม แล้วจึงเท้าคางฟังเพื่อนร่วมห้องพูดคุยกันต่อ


    คารุมะคุงก็เท่ดีเหมือนกันนะ ยาดะ โทกะเอ่ย


    เธอไม่ปฏิเสธ


    ถ้าทำตัวดีกว่านี้ล่ะก็...


    นั่นน่ะสินะ


    ตรงนี้ก็เช่นเดียวกันหมอนั่นมันนิสัยเสียจนน่ารำคาญ


    แต่ว่าคุณสึมุกิสนิทกับคารุมะคุงนี่นะ


    หือ?


    จริงด้วยๆ! ทั้งสองคนรู้จักกันมานานแล้วนี่


    เลย์โกะไม่รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำสีหน้าแบบใดอยู่... แต่เธอมั่นใจว่ามันคงจะแสดงออกถึงความงวยงง อันเนื่องมาจากประเด็นสนทนาที่เริ่มเบนมาทางเธออย่างแน่นอน


    พูดอะไรก็ไม่ได้พูด แค่นั่งฟังอยู่เงียบๆ เท่านั้นเอง


    มันเป็นเวรกรรมที่มาในรูปแบบของคารุมะหรืออย่างไรกัน?


    คิ้วเรียวที่เลิกคิ้วในคราแรกนั้นขมวดเข้าหากัน แต่เมื่อเริ่มจะเข้าใจสิ่งที่พวกหล่อนต้องการจะสื่อ เลย์โกะก็แค่นหัวเราะ


    ให้ตายเถอะ... อีกแล้วเหรอ


    ขอร้องเลยนะ ไม่


    สิ่งสุดท้ายที่เธอจะรู้สึกกับเพื่อนสมัยเด็กคือความรัก เธอไม่ได้ชอบคารุมะหรือเฮย์ในเชิงดังกล่าว และมันค่อนข้างที่จะทำให้หัวเสียเล็กน้อย เมื่อหลายคนจินตนาการไว้ว่าเพื่อนชายหญิงต้องมีความรู้สึกอันดีที่มากกว่ามิตรภาพต่อกันและกัน


    ในชีวิตเธอไม่มีหรอก มีแต่มิตรภาพที่ค่อยๆจางหายถ้าต้องการอะไรทำนองนั้นก็คงต้องไปอ่านโชโจมังงะเสียมากกว่า


    ความรักมันยุ่งยาก... ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบเชิงชู้สาว หรือความรักในรูปแบบที่มีต่อคนในครอบครัวก็ตาม


    อีกอย่างหนึ่ง สองคนนี้ไม่ใช่สเปคเธอเสียด้วยซ้ำ


    เอาจริงๆนะ ถ้าเป็นคนอื่น ฉันยังไม่หัวเสียเท่าโดนกับคารุมะเลย


    นากามุระที่เคยกล่าวถึงประเด็นใกล้เคียงกัน เมื่อไม่นานมานี้ ก็กลั้วหัวเราะ


    ฉันเคยถามแล้ว แต่ไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆนั่นแหละ เลย์โกะจังอินความรักของชาวบ้านมากกว่าของตนเองน่ะ


    พูดเสียฉันดูเป็นคนช่างจุ้น เธอแค่นหัวเราะ


    ก็เธอรู้เยอะนี่นา มันก็ต้องมีความ ยัยจอมจุ้น ในตัวบ้างแหละ


    ดวงตาสีอเมทิตส์คู่นั้นหรี่มองนากามุระ ริโอะ ราวกับต้องการสื่อสารว่า อะไรกันล่ะนั่น? ออกไป


    แน่นอนว่าเจ้าหล่อนที่เข้าใจนั้นเพียงแต่แลบลิ้นซุกซนกลับมา


    เธอถอนหายใจ


    ก่อนจะเอ่ยเบี่ยงความสนใจไปยังคนอื่นเสียแทน


    ตอนนี้มีเรื่องมากมายให้คิด และเธออยากจะเอาประเด็นที่ไร้สาระเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตนเองออกไปจากหัวก่อน


    ว่าแต่ ยูกิโกจจิล่ะ? มีใครที่สนใจบ้างไหม?


    และคนอื่นที่ว่านั่น ก็คือมาดอนน่าประจำห้อง 3-E...


    เอ๊ะ? ก็ไม่มีใครเป็นพิเศษหรอก


    มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ว่าประเด็นของคันซากิ ยูกิโกะจะน่าสนใจกว่าของเธอ คนส่วนใหญ่ก็คงจะอยากรู้ว่าคนสวยประจำห้องนั้นชอบใครอยู่แล้วนี่นา


    ...แน่ใจเหรอ?


    และในส่วนถัดจากนั้น ก็ยกให้คายาโนะและนากามุระเป็นคนจัดการ


     “เห... บอกมานะ ไม่งั้นฉันจะจั๊กจี้เธอ!”


    มันจึงกลายเป็นกลายเป็นโมเมนต์ขำขันระหว่างการทัศนศึกษาไปอีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่ทำให้เธอเผลอหลุดหัวเราะออกมา


    แต่ว่านะ เลย์โกะจังก็ต้องมีสเปคคนที่ชอบใช่ไหมล่ะ? เป็นแบบไหนเหรอ?


    ให้ตายเหอะ ถ้าไม่ใช่นากามุระก็ต้องเป็นคายาโนะอย่างนั้นเหรอ?


    เธอก็โชคร้ายซ้ำซ้อนเสียเหลือเกิน...


    เลย์โกะไม่อาจอธิบายออกเป็นคำพูดได้ว่าเธออยากจะตัดลิ้นที่เป็นตัวเรียกความสนใจชั่วคราวนั่นมากเพียงใด


    -แล้วไหงมันกลับมาที่เรื่องของฉันอีกรอบเล่า?


    ก็เลย์โกะจังแค่ปฏิเสธเรื่องคารุมะคุงนี่นา!” คายาโนะสวนกลับ


    คำถามมันมีแค่นั้นนี่!”


    ไม่รู้ล่ะ! ถ้าไม่บอกก็จะโดนจั๊กจี้เหมือนกับคุณคันซากินี่แหละ!”


    ไร้เหตุผลสิ้นดี— !!


    ครืน!


    เฮ้... ยัยพวกเด็กน้อย ฉันมาเพื่อบอกว่า ได้เวลาทำเป็นนอน แล้ว


    เธออาศัยจังหวะที่ทุกคนหยุดนิ่งกับการมาเยือนของอีรีน่า ในการขยับร่างกายไปหลบข้างฮายามิในจังหวะนั้นเองก็เปิดสมาร์ทโฟนเพื่อเช็คแจ้งเตือน ทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างแนบเนียน


    ทำเป็นนอน?


    ก็รู้กันอยู่ว่าอย่างไรพวกเธอก็ไม่นอนหรอก อย่างน้อยก็เบาเสียงหน่อยแล้วกันนักฆ่าสาวกล่าว ก่อนจะเลื่อนมือปิดประตูอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าคงไปหาที่นั่งดื่มสักที่


    ทว่าก็ถูกคุราฮาชิเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน


    ทำไมอาจารย์ถึงดื่มได้ล่ะ? ไม่ยุติธรรมเลย


    ดวงตาสีอเมทิตส์คู่นั้นช้อนขึ้นจากหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ไร้ซึ่งการแจ้งเตือนของตนเอง


    ก็ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้วน่ะสิ


    เพิ่งจะเลยอายุ 18 ไปแค่ไม่กี่ปีเองไม่ใช่หรือไงกัน?


    ถึงจะถูกสภาพแวดล้อมที่อยู่บังคับให้โตกว่าวัยมานานโขก็เถอะ แต่อายุก็ยังไม่มากอยู่ดีนั่นแหละ...


    จริงสิ อาจารย์บิทช์ช่วยเล่าเรื่องของผู้ใหญ่ให้เราฟังหน่อยสิคะ


    หา?


    น่าๆ รู้หรอกว่าไม่มีเพื่อนดื่มด้วย ถ้าอยู่ตรงนี้ก็ได้ทั้งขนม ได้ทั้งดื่ม และยังได้เพื่อนคุยด้วยนะคะอาจารย์บิทช์


    ฉันไม่อยากได้ยินความเห็นแบบนั้นจากปากคนแบบหล่อนเลยย่ะยัยเลย์โกะ!”


    แต่ก็เดินเข้ามาอยู่ดีแหละนะ...

     

    ...

     

              เพราะว่ารู้จักกันมาก่อน รวมไปถึงข้อมูลบางส่วนที่หาได้ ตั้งแต่ก่อนเริ่มงานด้วยกัน ทำให้เรื่องทั่วไปเกี่ยวกับชีวิตของอีรีน่า เจลาวิชไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับเธอ


             อยากหยุดเวลาไว้ที่เดิม...


             อะไรล่ะนั่น? กลัวการเติบโตหรือไงยัยเด็ก?


             ไม่เชิงกลัว แต่การที่เวลาและทุกอย่างดำเนินต่อไปอย่างไม่แน่นอนมันน่ารำคาญ


             อ๋อ


             อืม...


             ไม่เป็นไรหรอก แกยังเด็กอยู่ ยังเหลือเวลาในชีวิตอีกเยอะ


              มือบางนั้นเอื้อมไปดังโงะจากกล่องมากิน สายตายังคงจดจ้องไปยังนักฆ่าสาวเบื้องหน้าตนเอง


              ฟังนะ อายุความสาวของผู้หญิงมันสั้น พวกเธอต่างกับฉันตรงที่เกิดในประเทศที่ห่างจากอันตราย


             การเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนนั่นน่ะ ก็มีทั้งดีและไม่ดีไม่ใช่หรือไงกัน? การที่แกเจอเรื่องไม่ดี มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้น ในเวลาต่อมานี่


              จงนึกขอบคุณ แล้วก็ทุ่มสุดกำลัง เพื่อขัดเกลาความเป็นผู้หญิงเสียเถอะ


              ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา อีรีน่าหาได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก


            หล่อนยังปากดีเหมือนเคย


            อาจารย์บิทช์พูดเป็นการเป็นงานเชียวแฮะ


              ดูแก่แดดอย่างไรก็ไม่รู้


              บังอาจมาดูถูกฉันนะยัยเด็กบ้า!”


             และเธอก็รู้สึกขอบคุณที่มันเป็นเช่นกัน


             เธอเคี้ยวดังโงะลูกสุดท้าย ก่อนจะดื่มน้ำเปล่าแก้หวานตามไป


              ครืน!


              สมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนตัดนั้นสั่งแจ้งเตือน และเป็นไปตามที่เธอคาดไว้มันมาจากมาโคโตะ โทยะ


              อารมณ์ของเธอแปรเปลี่ยนในเวลาต่อมา...


              ข้อมูลของคนที่ชื่อ โฮริเบะ อิโตนะ นั้นถูกส่งมาในเมล แม้ว่าจะเป็นภาระงานที่ให้หลังจากเรื่อง การหาข้อมูลเรื่องการทดลองยีนส์พันธุกรรมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็ตาม


              แต่ก็คงจะว่าไม่ได้ ใช่ว่าแหล่งข้อมูลของทุกๆเรื่องจะอยู่ที่เดียวกันเสียหน่อย


              เลย์โกะกัดไม้ที่ไร้ซึ่งขนมย่างอย่างไม่สบอารมณ์ หากไม่ติดว่าอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ก็อยากจะฉวยหยิบเบียร์ของอีรีน่ามาดื่มระบายอารมณ์เป็นที่สุด


              เป็นไปตามที่รู้สึกเอะใจในครั้งนั้น...


              โลกนี้มันกลมจนน่ารำคาญ และการเปลี่ยนแปลงในคราวนี้ก็เช่นกัน


              โฮริเบะ เป็นสกุลของคนรู้จักสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของซีทีโอแห่งสึมุกิกรุ๊ป


             และ อิโตนะเป็นชื่อลูกชายเขา


              เลย์โกะอยากจะกัดไม้นี่ ให้มันหักคาปากเธอเอาเสียตรงนี้


             นี่ไง... สาเหตุที่ได้ข้อมูลมาเร็วกว่าที่คาดคิด






    _ _ _ _

    ลูกสาวผู้น่ารักของชั้นก็สับสนเหลือเกิน--
    ไม่แน่ใจว่าเคยพูดทำนองนี้ไปยัง แต่ว่าเผื่อใครงงที่แอตติจูดเลย์โกะสลับไปมานะคะ มันก็คือความสับสนในตัวเองนั่นแหละค่ะ
    ซึ่งก็หมายถึงในเรื่องของการแสดงออก ที่บางครั้งก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามความไม่รู้ตัวของยัยน้อง
    เลย์โกะต้องการจะแสดงออกไหน ทุกคนก็น่าจะพอดูออก-- ทั้งทำตัวน่าหมั่นไส้ ดูห่างเหินกับคนอื่น สนแต่ตนเองเป็นหลัก
    แต่สุดท้ายเราก็จะเห็นตัวตนที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ของยัยน้องอยู่ดี อย่างในกรณีของอีรีน่า ริโอะ และเฮย์ที่ยัยแสดงออกว่าไม่แคร์
    ก็คือฝืนค่ะ ฝืนเต็มๆเลยนั่นแหละ5555555555 เผลอตัวง่าย แล้วก็ turn 180 ทุกครั้งที่รู้สึกตัวว่าทำตามใจตัวเองมากเกินไป
    ทุกเรื่องสามารถเอามาโยงเข้าปมได้เพราะยัยพยายามย้ำตัวเองอยู่บ่อยๆ แต่เราก็รู้นั่นแหละว่ามันไม่ได้ผล
    ทางนี้พยายามแต่งให้มันเมคเซ้นส์ที่สุดนะคะ ถ้ามีเรื่องไหนติดขัดก็ทักได้เลยค่ะ จะรีบแก้ทันที กลัวตกหล่น55555555

    ตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรเกิดขึ้นเท่าไหร่ เป็นพาร์ทต่อของตอนที่แล้วเฉยๆ เป็นครั้งแรกด้วยค่ะแต่รู้สึกว่าอักขระน้อยกว่าปกติ--
    สารภาพด้วยค่ะว่าตอนแรกคือแต่งใกล้จบแล้ว เหลือพาร์ทสุดท้ายนิดเดียว แล้วงานมันก็โบ้มมา ตามด้วยมู้ดที่อยู่ดีๆก็หาย
    จากที่คิดว่าคงได้ลงต้นเดือนก็เลยผิดแผนไปหน่อย ;;

    คุณ J1NX ก็คือมีบทพอกรุบกริบค่ะ แว๊บไปแว๊บมาผ่านเมลอยู่แบบนี้ แต่เราจะได้เห็นคุณเค้าในเวอร์ชั่นคงจริงๆก็ซีซั่นสองค่ะ
    เป็นตัวละครที่ปรากฏตั้งแต่บทนำ และในตอนนี้ก็เฉลยว่าเป็นคนรู้จักของคูมน้า
    แต่ว่านะคะ อยากจะบอกคุณเค้าให้เตรียมรับมือกับอนาคตสักนิด เพราะดูถ้าพระเอกเรื่องนี้จะปีนเกลียวยิ่งกว่าหลานคนรู้จักค่ะ


    สปอยล์ว่าตอนหน้าเจอมรสุมปม insecurity ค่ะ-- เรียกสั้นๆได้ว่า 'ริทสึ'
    เป็นหนึ่งในตัวละครที่มีผลต่อ character development โดยตรงของยัยเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×