ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    monster – assassination classroom fanfic

    ลำดับตอนที่ #2 : prologue: 03:18

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.39K
      90
      5 มี.ค. 65

      

    prologue

     

    ต๊อกแต๊กๆ...


    เมื่อพิมพ์เนื้อความทั้งหมดเสร็จสิ้น ปลายนิ้วก็เลื่อนเคอร์เซอร์เมาส์ไปกดปุ่มส่งบนหน้าจอ ใช้เวลาเพียงครู่เดียว ข้อความดังกล่าวก็ถูกส่งไปยังผู้รับ


    เธอบิดขี้เกียจพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยระหว่างรออีเมลตอบกลับ เหมือนว่าวันนี้เธอจะตื่นเช้ากว่าปกติไปเยอะ ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลยเสียด้วยซ้ำ คงมีแค่เธอที่ยังไม่อยู่บนเตียงในเวลาประมาณนี้คนเดียวล่ะมั้ง


    เธอสางเรือนผมสีบลอนด์ของตนเอง ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มมันเล็กน้อยแล้ว ช่วงที่ผ่านมานี่ก็อยากจะสระแทบตาย แต่มันดันสระไม่ได้เพราะอยู่ในสภาพที่ไม่สะดวกนี่สิ


    อ่าใช่... ดรายแชมพู เธอสไลด์เก้าอี้ล้อเลื่อนที่นั่งอยู่ไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบขวดดรายแชมพูขึ้นมาเขย่าก่อนจะฉีดที่โคนผมและค่อยๆนวดผมเบาๆด้วยความระมัดระวัง


    จะให้โดนจุดนั้นตรงหน้าผากไม่ได้


    ไอ้แผลนี่ทำเอาลำบากเป็นบ้าเลยแฮะ...


    และเมื่อพอใจกับสภาพผมของตนเองแล้ว จึงสไลด์เก้าอี้กลับไปยังโต๊ะอ่านหนังสือที่มีแล็ปท็อปคู่ใจที่วางอยู่ ดวงตาสีอเมทิตส์ชำเลืองมองนาฬิกาบอกเวลาที่มุมหน้าจอ ตอนแรกเธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าตื่นขึ้นมาในเวลาไหน จำได้แค่ว่าผล็อยหลับไปคาโต๊ะ และรู้สึกปวดคอเป็นอย่างมากตอนตื่นขึ้นมา


    03:18 a.m.


    ตอนแรกกะๆเอาไว้ว่าเวลาน่าจะประมาณตีห้าดูเหมือนว่าเธอจะเดาผิด...


    จะหมดช่วงพักการเรียนแล้ว แต่ตารางนอนของเธอยังคงพังตั้งแต่วันแรกที่โดนพักการเรียนจนถึงวันนี้


    ร่างกายคงรวนพอดีตอนกลับไปเรียนเหมือนเดิม


    แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอแยแสมากหรอก ทุกวันนี้ก็ใช่ว่าจะมีพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพของตนเองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว


    ครืน..!


    แรงสั่นจากสมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้เธอเหลือบสายตาจากมุมหน้าจอขึ้นมายังกล่องข้อความอีเมลทันที เขาตอบกลับเธอแล้ว หวังว่าเขาจะช่วยเธอจัดการปัญหานี้ได้ เพราะมันเล่นเอาเธอหัวหมุนเป็นบ้าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ไม่น้อยเลย


    เธอกดอ่าน ก่อนที่จะจิ๊ปากออกมาเมื่อเห็นข้อความข้างใน


    สีหน้านิ่งเรียบนั้นแปรเปลี่ยน เธอแค่นหัวเราะพลางอ่านข้อความดังกล่าวไปจนจบ

     


    ถึงคุณหนูแอล

             ขอปฏิเสธ เกรงว่าในเรื่องนี้ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้ การเข้าถึงข้อมูลของรัฐบาลเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันอยากจะทำในชีวิต เรื่องนั้นเธอคงรู้ดี อาชีพของฉันอาจจะจบลงได้ง่าย ถ้าหากทำไป

             และสาบานเถอะนี่คิดจริงๆเหรอว่าป่านนี้ทางนั้นคงไม่พบเจอข้อมูลเก่าๆของเธอไปถึงไหนต่อไหนแล้ว?

        J1NX

     


    บัดซบเอ้ย... เธอสบถออกมาเบาๆ เอนหลังพิงพนักของเก้าอี้เต็มแรงเสียจนตนเองเกือบจะล้มหงายหลังไปหากไม่นึกขึ้นได้เสียก่อน เล่นเอาดีดตัวกลับมานั่งตรงแทบไม่ทันเสีย


    เออ เด๋อเหมือนคนนอนไม่พอจริงๆ


    เธอกุมขมับศีรษะด้านที่ไม่มีแผลเย็บ ส่งเสียงโอดครวญออกมาเบาๆด้วยความไม่สบอารมณ์


    ก็แค่คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะไม่ขุดไปเจอข้อมูลของเธอ...


    แต่ก็คงเป็นอย่างที่ J1NX ว่า ป่านนี้ก็น่าจะขุดประวัติของเธอและนักเรียนทุกคนไปหมดแล้วล่ะมั้งต่อให้พยายามปกปิดและลบข้อมูลมากแค่ไหนก็ตาม แต่บุคลากรทีจัดการในเรื่องนี้ก็ต้องหาจนเจออย่างแน่นอน


    หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เธอคงยัดเงินค่าปิดปากไปมากกว่านั้นเสีย


    แต่ก็ช่างมัน... ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไร ปล่อยมันใช้ชีวิตต่อไปก็ได้ เธอเองก็เป็นแค่ลูกของประธานบริษัทแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดัง จะไปทำอะไรที่พวกมาเฟียทำอย่างการสั่งเก็บก็คงจะเป็นไปได้ยาก


    พูดถึงอะไรที่เป็นไปได้ยาก


              เธอชำเลืองมองเอกสารที่วางอยู่ข้างๆแล็ปท็อป เนื้อความเกี่ยวข้องกับการที่ทางรัฐบาลต้องการให้เธอเป็นส่วนหนึ่งของห้องเรียนลอบสังหารที่จะต้องฆ่าสัตว์ประหลาดความเร็ว 20 มัค ข้างๆเอกสารนั่นก็มีกล่องพัสดุที่เปิดดูแล้ว ข้างในมีมีดที่เหมือนมีดยาง กระบอกปืน และกระสุนบีบีกัน ดูรวมๆแล้วก็ไม่น่าจะฆ่ามนุษย์ปกติได้ แต่คาดว่าสำหรับสัตว์ประหลาดก็คงจะไม่เหมือนกัน


              เธอถูกสั่งย้ายจากห้อง A ไปยังห้อง E และถูกสั่งพักการเรียน เนื่องด้วยพฤติกรรมที่สร้างความวุ่นวายให้กับสถานศึกษาระเบิดน้ำอัดลมและเมนทอสในหลายบริเวณบนอาคารหลักทำเอานักเรียนแต่ละคนตกใจไม่น้อย


              นึกแล้วก็ขำ ปฎิกิริยาของหลายๆคนในตอนนั้นมันน่าตลกจริงๆนั่นแหละ...


              ที่ว่าเป็นไปได้ยากนั่นหมายถึงชีวิตช่วงมัธยมต้นที่เหลือของเธอที่ต้องการจะใช้ชีวิตอย่างเอื่อยๆในที่ไหนสักที่ที่ไม่มีใครรู้จักเธอ ไม่ก็หายๆไปจากตรงนี้เสีย


              หากไม่มีเรื่องที่ว่า เธอก็คงไม่ได้เปิดรายชื่อหาทางติดต่อเส้นสายสักคนอีกรอบหนึ่งคงจะใช้ชีวิตต่อตามประสาคนที่ไม่ควรค่าแก่การสนใจ ต่อให้ทำตัวบ้าแค่ไหนก็ไม่ถูกเหลียวแล


              พอรู้สึกว่าตนเองไม่มีค่า แล้วมันก็จะรู้สึกว่าอยู่ไปทำไม


              ไหนๆการที่เธออยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่ได้มีผลทางจิตใจกับใครเป็นพิเศษอยู่แล้วหรืออาจจะมี... อ่า อันนี้ไม่รู้สิ


              แต่คนที่ต้องการจะให้อยู่ข้างๆมันดันไม่อยู่แล้วนี่สิ


    ไม่อยู่มาหลายปีแล้วด้วย... และเธอก็มูฟออนไม่ได้สักที


    ก็นะ ในเมื่อคนคนนั้นเป็นคนเดียวในครอบครัวที่แคร์เธอตลอดนี่


    แต่สุดท้ายก็ทิ้งเธอไปเสียอย่างนั้นเหมือนกับคนอื่นๆ... มันเลยกลายเป็นว่าตนเองไม่อยากจะยึดติดกับใครอีกต่อไปแล้ว เธอรู้สึกว่าทุกคนเหมือนจะทิ้งเธอไปหมดในท้ายที่สุด นั่นทำให้เธอระแวงไม่น้อย


    และสุดท้ายก็ตัดเยื่อใยของทุกคนที่เหลือเพราะกลัวว่าตนเองจะต้องเจ็บปวดเหมือนกับครั้งเก่าๆ


    อยากจะหนีจากจุดนี้ไปให้พ้น แต่พอเจองานที่เหมือนว่าถูกไหว้วานมาแบบนี้ ก็ทำให้รู้สึกว่าโชคชะตาคงจะไม่ต้องการให้เธอหนีอะไรทั้งหมดนี่สำเร็จโดยเร็วอย่างไรอย่างนั้น


    ไหนๆก็คงถูกขุดประวัติว่าเคยโจรกรรมข้อมูลครั้งหนึ่งแล้ว เธอก็คงต้องมีส่วนร่วมในการสังหารอาจารย์ประจำชั้นเสียแล้ว


    คงจะเป็นความบันเทิงในชีวิตครั้งสุดท้ายในนามของ สึมุกิ เลย์โกะ


    ถ้าให้พูดตามตรงแบบนั้นก็ไม่ได้แย่อะไร อีกทั้งน่าจะได้ใช้ความช่วยเหลือจากเส้นสายของเธอด้วย ถือเป็นความได้เปรียบส่วนหนึ่งของห้อง E


    แต่ส่วนที่ไม่โอเคก็มีอยู่เหมือนกัน...


    เธอเอื้อมมือเข้าไปยังกล่องพัสดุ แล้วหยิบมีดสั้นขึ้นมา จ้องมองและพินิจอาวุธดังกล่าวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา


    คงต้องสั่งทำ


    ปืนน่ะไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่ ส่วนมีดนี่อาจจะพลิกแพลงวิธีโจมตีควบคู่กับมันได้ แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ค่อยถนัดอยู่ดี


    พระเจ้าช่วยดันถนัดมากสุดแค่อาวุธเดียว และมันก็เป็นอาวุธที่มีส่วนกี่ยวข้องแผลในใจด้วย


    อย่าวอกแวก! ต้องให้บอกกี่รอบกันว่าจะเสียสมาธิไม่ได้


    กะอีแค่เรื่องเล็กน้อยนั่นถึงกับทำให้ดรอปลงขนาดนี้? ถามจริงเถอะ!’


              นึกแล้วก็น่าขำ เธอยอมให้คนอื่นมามีอิทธิพลขนาดนั้นกับตนเองได้อย่างไรกันนะ?


              ปลายนิ้วลูบไล้ไปตามผิวของตัวมีด สัมผัสคล้ายๆกับมีดยางของเล่น จับงอก็งอได้ เป็นอาวุธสังหารที่ประหลาดไม่น้อย


              ไหนๆก็ไหนๆแล้ว สั่งทำทั้งที่เป็นดาบและมีดพกทีเดียวเลยดีกว่าถ้าดาบอย่างเดียว มันก็จะไม่สะดวกในบางสถานการณ์ด้วย


              คนของกระทรวงกลาโหมก็จะมาเป็นครูฝึกในการลอบสังหารครั้งนี้ เพราะฉะนั้นเธอจึงสั่งกับเขาได้ในตอนที่หมดช่วงพักการเรียนแล้ว สองสามวันนี้ก็คงได้แค่วางแผนไปก่อน


              เธอโยนมีดสั้นกลับเข้าไปในกล่องพัสดุ เท้าแขนบนโต๊ะอ่านหนังสือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเช็คข้อความเล่น


              มีแจ้งเตือนถึงอีเมลตอบกลับของ J1NX ที่เธอเห็นแล้วปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ซึ่งเธอก็ปัดป๊อปอัพแจ้งเตือนนั้นออก


              ครืน...


              สมาร์ทโฟนเครื่องเดิมสั่นแจ้งเตือนอีกครั้งหนึ่ง ป๊อปอัพใหม่ขึ้นมาบนหน้าจอ เป็นสเตตัสในโซเชียลมีเดียที่ใครสักคนที่เธอติดตามอยู่โพสต์ไว้ ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำในตอนนี้ เธอเลยตัดสินใจกดเข้าไปดู


              วันนี้ดวงจันทร์สวยจัง


              เนื้อความทำให้รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย โดยปกติเธอมักจะเจอคนบอกว่าดวงจันทร์เวลาเต็มดวงสวย ไม่ค่อยได้เจอคนที่ชอบจันทร์เสี้ยวสักเท่าไหร่


    ต่อเป็นสเตตัสที่โพสต์ลงเมื่อคืนก่อนแต่ระบบแจ้งเตือนช้า เธอก็รู้อยู่ดีว่าคนโพสต์นั้นหมายถึงดวงจันทร์ที่บัดนี้เหลืออยู่เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น


              ดวงตาสีอเมทิตส์ชำเลืองมองไปยังบานหน้าต่างที่ผ้าม่านข้างๆถูกเปิดออก แน่นอนว่าในมุมนี้ เธอไม่สามารถเห็นจันทร์เสี้ยวได้ชัด ทว่าแสงยามค่ำคืนที่สาดส่องเข้ามาในห้องที่เปิดไฟสลัวๆนั้นค่อนข้างที่จะชัดเจนเลย


              จะว่าไปเมื่อก่อนเธอเคยดูดาวผ่านหน้าต่างบานนี้กับใครคนหนึ่งนี่นา...


              เธอเบนสายตากลับมาโฟกัสกับหน้าจอสมาร์ทโฟนเหมือนเดิม ปลายนิ้วกดถูกใจสเตตัสดังกล่าว ในขณะที่ริมฝีปากคลี่ยิ้มเศร้าสร้อยออกมา


              จู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่าคนคนนั้นชอบจันทร์เสี้ยวมากแค่ไหน...


              ถ้าคนนั้นยังอยู่ก็คงมีแนวโน้มที่จะถูกส่งมาจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดความเร็ว 20 มัคนี้เช่นกัน ก็เป็นถึงเจ้าหน้าที่คนเก่งของกระทรวงกลาโหมเลยนี่นะ เผื่อๆอาจจะได้ช่วยกันวางแผนลอบสังหารเจ้านี่ด้วย


              แต่ก็นะ... ถ้าคนคนนั้นยังมีชีวิตอยู่


              ความเป็นไปได้มันไม่มีแม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียวเลยเสียด้วยซ้ำ


              เธอฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่ง ความรู้สึกหนักอึ้งในอกก่อตัวขึ้นเมื่อเธอเริ่มจินตนาการถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เป็นไปได้หากยังมีอีกฝ่ายอยู่ข้างกาย


              คิดถึง...


    คิดถึงเป็นบ้าเลย...


    ทำไมต้องจากเธอไปด้วย?


    น้าฮิคาริ...กลับมาได้ไหม?


    เป็นคำถามที่ดังขึ้นในใจ และเธอก็รู้คำตอบของมันดีกว่าใครอื่นใด


    คนตายมันฟื้นขึ้นมาไม่ได้หรอก เธอรู้ดี


    แต่ใจมันก็ไม่อยากจะยอมรับความจริงประการนั้นเลย...


    บรรยากาศตอนนี้เงียบเหงาเป็นบ้าเลยและตอนนี้เธอก็หลับไม่ลงด้วย


    บัดซบเอ้ย...






    _ _ _ _

    น้องวิเชียรมาศคัมแบคแล้วค่ะ! ธีมสีประจำเรื่องก็เปลี่ยนจากดำ-แดงมาเป็นดำ-น้ำเงินด้วย

    ถ้าใครเคยอ่านบทนำทั้งสามเวอร์ชั่นก็น่าจะพอสังเกตเห็นจุดหนึ่งที่เหมือนกันในทุกบทนำนะคะ(เป็น easter egg ที่ใส่ไว้เล่นๆ)

    ตอนกลับไปดูอนิเมะอีกทีก็คือรู้สึกคิดถึงห้องเรียนลอบสังหารมากๆเลยค่ะ แบบว่าเป็นหนึ่งในอนิเมะโปรดในใจจนถึงปัจจุบัน

    ไม่มูฟออนนะคะ มูฟออนไม่ได้ ;;


    เพราะเป็นบทนำเลยไม่ค่อยมีอะไรให้เม้าท์เกี่ยวกับเนื้อหาสักเท่าไหร่

    เอาเป็นว่าเครสขอให้ทุกคนมีวันที่ดีกันนะคะ(ถึงตอนนี้จะเย็นแล้วก็ตาม--)

             
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×