ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    monster – assassination classroom fanfic

    ลำดับตอนที่ #6 : chapter 4 : what's the point of trying ?

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 65


      

    chapter 4

              เธอซื้อเล่มนั้นมาแล้ว...


              สัตว์ประหลาด ของอาจารย์สึกิโมโตะที่เป็นเวอร์ชั่นรีไรท์ใหม่ของผลงานเก่าน่ะ


              ส่วนตัวแล้ว เลย์โกะคิดว่ามันเป็นชื่อที่ค่อนข้างจะเหมาะยิ่งกว่าชื่อเก่า อย่าง ใต้ดวงจันทร์


              มันหนังสือใหม่นี้เป็นชื่อที่มีความหมายค่อนข้างจะกำกวมว่าสื่อถึงสิ่งใด ระหว่างตัวละครเอกที่ถูกเปรียบดั่งสิ่งมีชีวิตอันน่ารังเกียจ หรือหมายถึงฆาตกรที่เขาเจอซึ่งเข่นฆ่าไปทั่วราวกับไม่มีจิตสำนึก


              ฟุคุชิมะ เอนะเคยเป็นเด็กมากความสามารถ ที่เมื่อเวลาผ่านไป ตัวตนของเขาก็จืดจางลง และท้ายที่สุดก็ได้ตกลงจากตำแหน่ง หน้าตาของวงศ์ตระกูล ที่เคยภูมิใจหนักหนานั่น นอกจากนี้ก็ยังโชคร้ายผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย แล้วชีวิตเขาก็เข้าสู่ช่วงตกต่ำตั้งแต่นั้นมาไม่มีเกียรติ์ ไม่ได้รับการเคารพ สภาวะจิตใจเริ่มบิดเบี้ยว และทุกอย่างที่ถูกบรรยายผ่านมุมมองของเขาก็ดูจะเชื่อถือไม่ได้


              ในตอนจบของหนังสือเล่มดั้งเดิม ผู้อ่านก็ไม่อาจทราบได้ว่า สัตว์ประหลาด ดังกล่าวคือตัวเขาที่มีสภาวะด้านอารมณ์ที่ไม่คงที่และมีอาการหลอนจิต หรือหมายถึงฆาตกรที่เขาเห็น ซึ่งก็ไม่ได้มีการระบุว่าเป็นความจริงหรือเป็นเพียงภาพในความคิดของตัวเองอีกทีหนึ่ง...


              ตอนจบนั้นขึ้นอยู่กับการตีความของผู้อ่าน และนั่นเป็นงานเดบิวต์ของอาจารย์สึกิโมโตะที่ทำให้เธอติดตามผลงานของเขามาจนถึงปัจจุบัน


              ความรู้สึกของคนที่เหมือนจะเคยมีทุกอย่างที่ต้องการ แต่แล้วก็สูญเสียทั้งหมดนั่นไปเมื่อเวลาล่วงเลย นั่นเป็นสิ่งที่เธอเข้าใจดี


              มันน่าสมเพชที่คนเราสามารถตกลงจากจุดสูงได้อย่างง่ายดาย และเมื่อตกลงมาก็ไม่สามารถปีนขึ้นไปถึงจุดนั้นได้อีก


              พอนึกขึ้นได้ก็รู้สึกเหนื่อยใจไม่น้อย...


              เพราะไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม ฟุคุชิมะถึงได้หนีไปอยู่ที่อื่นและพยายามเริ่มต้นชีวิตใหม่ อย่างน้อยที่หมู่บ้านซึ่งย้ายไปอยู่ก็มีคนต้อนรับเขาจากใจจริง


              ชีวิตของเขาอาจจะดีขึ้นหลังจากนั้นก็ได้ หากไม่มีเรื่องฆาตกรและอาการทางจิตแล้ว... จริงไหมล่ะ?


              ไม่มีอะไรสามารถยืนยันได้ว่าวิธีการของเขานั้นเป็นวิธีที่ถูก แต่โอกาสที่จะมีความสุขก็มากกว่าการอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลยนี่


              เธอเองก็ไม่ชอบเวลาอะไรอยู่เหนือการควบคุมของตนเอง... เธอไม่จำเป็นต้องเป็นจอมบงการก็ได้ แต่อย่างน้อย ก็อยากจะให้ความพยายามของตนเองสัมฤทธิ์ผลในสักด้านบ้าง


              ให้ตาย...


              เมื่อไหร่ทุกอย่างมันจะจบนะ?


              คุณสึมุกิครับ!”


              -คะ!?


              เลย์โกะสะดุ้ง แม้ว่าเสียงที่เอ่ยเรียกนั้นจะไม่ได้ดังจนทุกคนตื่นตูม แต่ก็มากพอที่จะทำให้หลุดออกห้วงความคิดและขานตอบด้วยเสียงหลงไป


              ที่แน่ๆคือมันคงจะไม่จบในตอนนี้


              ปลายหนวดของเขายังคงชี้ไปที่โจทย์เคมีเบื้องหน้าเธอ เคาะตรงกระดาษสองสามครั้งเพื่อย้ำเตือนให้เธอรู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อ


              -อ๋อ...


              เธอคงจะเหม่อนานไปหน่อยระหว่างคิดหาคำตอบ


             โจทย์เคมีเพื่อนรักนี่ก็ง่ายเสียเหลือเกิน


             อ่า... ค่ะๆ


              การสอบกลางภาคใกล้จะมาถึงแล้ว


    และวันนี้อาจารย์โคโระก็มุ่งมั่นในการสอนนักเรียนเสียจนแทบจะแยกร่างสอนทุกคนในวิชาที่ไม่ถนัดของตนเองในคราวเดียวกัน


              เธอที่คะแนนวิชาวิทยาศาสตร์ไม่ได้สูงมากมายเท่าวิชาอื่นถึงได้ต้องมานั่งทำโจทย์แบบนี้แทนการอ่านหนังสือใหม่นั่นอย่างไรล่ะ


              ซึ่งความจริงแล้ว ต่อให้พยายามมากหรือน้อย เธอก็ไม่ได้อะไรจากผลลัพธ์ของมันอยู่แล้วนี่


              เกรดก็เกรดเถอะ ไม่เห็นจะต้องใช้อะไรพวกนี้ในอนาคตเลย...


             สึมุกิ เลย์โกะคงจบลงแค่ในปีนี้เท่านั้นแหละ


              ข้อนี้ต้องทำแบบนี้นะครับ ถ้าใช้วิธีการคุณสึมุกิมันจะไม่ได้นี่ฟังอาจารย์อยู่ใช่ไหมครับ!? อย่าเพิ่งเหม่อรอบสองนะคุณสึมุกิ!”


              ค่า ก็ฟังอยู่ค่า


              แต่ว่า...


    เขาดูคาดหวังในตัวพวกเธอทุกคนมากเลยแฮะ


    มันทำให้เธอรู้สึกแปลก... เป็นความรู้สึกแปลกที่ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีนัก


    อาจารย์โคโระเป็นสิ่งมีชีวิตที่ประหลาด เขาสามารถปล่อยนักเรียนในเรื่องเกรดและคะแนนได้ ในเมื่อเป้าหมายของเขาคือการระเบิดโลกนี้ทิ้งไม่ใช่หรืออย่างไรกัน?


    อ่า งั้นข้อนี้ก็ต้อง...


    ใช่ครับ ถูกต้องแล้ว คุณสึมุกิเรียนรู้ไวมากเลยล่ะครับ ทำโจทย์อีกสักหน่อยก็คงจะคล่องในบทนี้แล้ว


    ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้เธอเม้มริมฝีปากแน่น


    เธอไม่ควร... ไม่ควรจะรู้สึกดีใจกับอะไรแบบนั้นใช่ไหม?


    อาจารย์คะ ฝากตรวจข้อนี้หน่อย


    มันก็เป็นคำชมปกตินี่...


    แค่คำชมปกติ...


    ที่เธอไม่ได้รับมานานแสนนานแล้ว


    เลย์โกะหมุนปากการอการตรวจคำตอบ


    คุนุกิงาโอกะเต็มไปด้วยนักเรียนหัวกะทิ ต่อให้ทำคะแนนได้ดีก็ไม่มีใครเอ่ยชมกันและกันหรอก มันเป็นเรื่องปกติ... และอาจจะเป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกันกับคนในครอบครัว


    ไม่รู้สิเธออาจจะเป็นข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวก็ได้


    พวกเขาอาจจะชมแค่คนอื่นเท่านั้น...


    ถูกต้องแล้วครับข้อนี้ คุณสึมุกิทำต่อได้เลยครับ


    เธอพยักหน้า ก่อนจะลงมือทำโจทย์ข้อต่อไปอย่างรวดเร็ว


    ความพยายามของเธอมักจะสูญเปล่า ผลลัพธ์ทั้งหมดนั้นไม่เคยเป็นไปตามที่หวัง และนั่นก็ทำให้เลย์โกะไม่อยากจะทำการ พิสูจน์ตนเอง แบบนี้กับใครอีกต่อไปแล้ว


    ทว่าในกรณีนี้ เธอกลับมีความรู้สึกว่าอยากจะลองพยายามอีกครั้งหนึ่ง


    ให้มันเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้... มันคงจะไม่ขัดกับแผนการอื่นๆของเธอสักเท่าไหร่


    ก็เป็นแค่การสอบกลางภาคนี่


              ถึงจะสมเพชที่ตนเองที่โหยหาอะไรเล็กน้อยแบบนี้ก็ตามเถอะ...


              มันคงเป็นเพียงความสุขชั่วคราว แต่ก็อาจจะทำให้การนอนหลับนั้นง่ายขึ้น


              อาจจะทำให้การมองตนเองในกระจกแล้วมีความคิดที่ว่า เคยมีคนชมฉันเพราะทำคะแนนกลางภาคได้ดี ขึ้นมาแทนที่จะเป็นการรังเกียจภาพสะท้อนดังกล่าวก็ได้


              แค่ความสุขที่อยู่เพียงชั่วคราวก็เพียงพอแล้ว...


             ใช้สูตรถูกแล้วครับคุณสึมุกิ ไม่ต้องลังเล ทำต่อได้เลย


              แต่ก็ว่าไปนั่นสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดก็คงเป็นการที่ทุกอย่างจบลงเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้


              แล้วทุกอย่างจะได้เริ่มต้นใหม่ด้วยความสุขที่คงอยู่เป็นนิรันดร์

     

    ________

     

              ‘นี่


              นั่นเป็นเสียงที่เธอได้ยินในตอนที่กำลังเก็บข้าวของของตนเองอยู่ กระเป๋านักเรียนของใครคนหนึ่งถูกวางลงบนโต๊ะเบื้องหน้า และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับดวงตาสีทองที่ฉายแววซุกซนของเขา


              คารุมะชวนเธอมาที่คาเฟ่ในชิบูย่าที่ว่า under the crescent moon


              มันอาจจะเป็นความบังเอิญ ไม่ก็เขาความจำดีเกินไป ถึงได้เลือกร้านที่มีการตกแต่งไปธีมท้องฟ้าในยามค่ำคืนนี้


              และโคมระย้ากับของประดับตกแต่งที่เรืองแสงนั้นหาได้เป็นรูปพระจันทร์เต็มดวง แต่เป็นจันทร์เสี้ยว


              เธอไม่เคยบอกเขาว่าชอบจันทร์เสี้ยวมากกว่า... และโดยปกติแล้ว ของประดับตกแต่งในร้านที่มีธีมแบบนี้มักจะเป็นดวงดาวเปล่งประกายเอาเสียส่วนใหญ่


              หากเขาไม่ได้สุ่มร้านเพื่อมาอ่านหนังสือด้วยกัน ก็คงหมายความว่าคารุมะหาได้ลืมเลือนความทรงจำในอดีตแต่อย่างใด


              และเขาคงจะจดจำได้ว่าคนคนนั้นชอบพระจันทร์เสี้ยว...


             หากนี่เป็นแผนต้อนให้เธอจนมุม แล้วเล่าทุกอย่าง หรืออะไรทำนองนั้น เธอจะปรี๊ดแตกให้ดู


             เธอขมวดคิ้วใส่เพื่อนบ้านคนสนิท ก่อนจะดื่มช็อกโกแลตอัลมอนด์ควินัวสมูทตี้ของตนเอง แล้วเอ่ยทำลายความเงียบ


    นึกไงถึงชวนมา? ปกติไม่ใช่สายออกไปอ่านหนังสือข้างนอกอยู่แล้วนี่


    ดวงตาสีอเมทิตส์คู่นั้นหรี่มองหนังสือในมืออีกฝ่าย


    อีกอย่างหนึ่ง... นายชอบทบทวนคนเดียว


    คารุมะหัวเราะเล็กน้อย


    ฉันจะอยากมาเที่ยวเล่นกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่บ้างไม่ได้หรือไงกัน?


    เธอเลิกคิ้วให้กับคำตอบนั่น วางแก้วเครื่องดื่มของตนเองลงบนโต๊ะ แล้วจึงเปลี่ยนท่าไปเท้าคางแทน


    คิดว่าฉันจะเชื่อ? คือแววตาที่เธอกำลังส่งให้เขา และคารุมะก็เข้าใจมันดี


    ความจริงก็ไม่... เธอรู้จักฉันดีนี่เลย์ตัน


    ปึก!


    สมุดเลคเชอร์ที่กางอยู่เบื้องหน้านั้นถูกปิดลงในไม่ช้า เธอเข้าใจทุกอย่างโดยเพียงแค่ได้ยินชื่อเล่นนั่น


    บรรยากาศเงียบลงอีกครั้งหนึ่ง ทว่าในคราวนี้มันเคร่งเครียดกว่าเดิมเป็นเท่าตัวคารุมะเองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่มเติม เขาเพียงแต่ยิ้ม แสดงสีหน้าโป๊กเกอร์เฟซตามเดิม รอคอยให้เธอที่กำลังพิจารณาประเด็นสนทนาดังกล่าวนั้นตัดสินใจไป


    หากเธอไม่อยากบอก เขาก็คงไม่ถามต่อ...


    แต่นั่นมันจะยิ่งดูน่าสงสัยไม่ใช่หรือไงกัน?


    เลย์โกะถอนหายใจ และนั่นคือการตอบรับที่หมายความว่าพวกเขาสามารถพูดคุยกันในประเด็นนี้ได้


    ไม่เห็นบอกเลยว่าเฮย์มาโตเกียว


    ฉันรู้ก่อนนายไม่นานเอง แล้วก็ดูเหมือนเฮย์อยากจะบอกตัวนายเองด้วยเธอหาข้ออ้างไปเรื่อย... ไม่กล้าพูดตรงๆว่า ก็ไม่อยากจะรับรู้สักเท่าไหร่เลยเนียนไม่พูดถึง


    ถึงเธอจะเคยสนิทกับคารุมะมากกว่า แต่ในเรื่องของความเข้ากันได้แล้ว เฮย์กับคารุมะน่ะนำไปประมาณสองถึงสามก้าวได้


    การที่สองคนนั้นจับคู่กันเพื่อพังกำแพงของเธอคือสิ่งสุดท้ายที่เลย์โกะต้องการ


    อึดอัดหรือไง?


    ไม่รู้สิ ในสายตานายฉันดูเป็นคนที่บรรยายความรู้สึกผ่านคำพูดเก่งเหรอ?


    เธอเคยบรรยายความรู้สึกของตนเองให้ใครฟังตั้งแต่แรกบ้างล่ะยัยบ้า?


    ก็มันหยุมหยิม น่ารำคาญ


    หมายถึงความรู้สึกตนเอง?


    เธอจิ๊ปาก


    ก็เออสิ! คิดว่าฉันจะตบมุกให้นายหรือไง?


    แล้วเขาก็หัวเราะออกมาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะตบท้ายบทสนทนาด้วยถ้อยคำที่ทำให้สมาธิอ่านหนังสือของเธอกระเจิง


    เพราะเป็นแบบนี้ไง เฮย์ถึงได้เป็นห่วงเพื่อนรักของเขา


    มันเป็นความย้อนแย้งที่น่ารำคาญการที่เธอไม่ต้องการให้เฮย์และคารุมะเป็นห่วงเกินไปน่ะ


    ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าไม่อยากจะรื้อฟื้นสายสัมพันธ์ที่เคยยึดติดหนักหนานั่น และอีกส่วนหนึ่งก็เพราะเธอไม่รู้ว่าพวกเขาจะตีความการกระทำของเธอออกไปในรูปแบบไหน...


    เธอไม่ต้องการให้พวกเขาคิดว่าเธอกำลังเรียกร้องขอความช่วยเหลือ และเธอไม่ต้องการให้พวกเขาเข้ามายุ่งเกี่ยวเกินความจำเป็น


    คารุมะยังพอจะเข้าใจ ส่วนเฮย์..


    สำหรับเขาแล้ว เลย์โกะไม่อาจจะมั่นใจได้


    เธอในตอนนี้ไม่ต้องการให้คนใกล้ตัวเข้ามาก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัวของเธอ เว้นเสียแต่ว่าจะอยากเล่าให้ฟังเอง


    ส่วนเธอในอดีต เพียงแต่ต้องการมิตรภาพและคนที่อยู่เคียงข้าง...


    คำว่า เพื่อนรัก ที่คารุมะเอ่ยนั้นตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอต้องการโดยสิ้นเชิง


    เธอเคยให้ค่ามิตรภาพของพวกเขามากกว่าสิ่งอื่นใดในอดีต แต่พวกเขาอาจจะไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกัน


    และตอนที่กล่าวถึงพวกเขา เธอเน้นไปที่ คาราสึมะ เฮย์ เป็นพิเศษ


    อัตราส่วนของความรู้สึกเขาถูกแบ่งออกไปเช่นไรเธอไม่อาจล่วงรู้ได้


    ให้ตาย... เธอสบถออกมาอย่างแผ่วเบา


    การแตะประเด็นนั้นคือเรื่องสุดท้ายที่เธออยากจะทำในชีวิตนี้...


    เด็กสาวในอดีตคนนั้นอาจจะแตกสลาย หากรู้ว่ามิตรภาพที่เธอเคยให้ค่านั้นมันไม่มีมาตั้งแต่แรก


    ในการชอบเพื่อนของตนเองน่ะ หากหมดรักแล้ว จะเหลือเปอร์เซ็นต์ของมิตรภาพที่มีให้สักเท่าไหร่กัน?


    เธอดูออกเสมอ... ดูออกมานานแล้ว


             ทั้งแววตาที่อ่อนโยนนั่น...


    ทั้งการกระทำและถ้อยคำเหล่านั้น...


    มันยังคงเป็นแบบเดิม และนั่นทำให้เธอเกรงกลัว


             เพราะว่าตลอดมาที่รู้จักกัน เธอไม่เคยเข้าใจเฮย์อย่างถ่องแท้ทุกอย่างมันจึงดูเป็นเรื่องเสี่ยงที่อาจวกกลับมาทำร้ายเธอได้ตลอด


              ในบรรดาเพื่อนสมัยเด็กสามคน ต่างก็มีกำแพงทั้งหนาและบางที่ปิดกั้นจากกันและกันมาตลอด มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากจะไม่รู้จักตัวตนของกันและกัน อย่างที่คนอื่นจินตนาการ


             เพราะสิ่งที่แปลกคือความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้


              มันคล้ายมิตรภาพ... ที่บางครั้งก็ดูกลวงเสียจนไม่อยากจะเชื่อใจ


    กริ๊ง!


    แต่แล้วทุกความคิดก็หยุดลง เมื่อคารุมะกดกระดิ่งเรียกพนักงาน เพื่อสั่งขนมเพิ่ม


              โอเคๆ งั้นเปลี่ยนประเด็นก็แล้วกัน


              มือของเขาเอื้อมมาเปิดสมุดเลคเชอร์ของเธอไปยังหน้าสุ่มจากอีกฝากของโต๊ะ และนั่นทำให้เธองวยงง


              ติดตรงไหนบ้าง? เดี๋ยวฉันติวให้ เธอเสียว่าทำบุญทำทาน


              ...


              แล้วก็ไถ่โทษเล็กน้อยที่ทำให้บรรยากาศกร่อย


              เลย์โกะจ้องเขานิ่งๆอยู่ครู่หนึ่ง


              เลี้ยงด้วย


              ครับคุณหนู เอางั้นก็ได้ครับ


              แต่ความจริงแล้วน่ะ... อีกเดี๋ยวมันก็จะจบลงแล้ว เธอไม่ต้องมาพะวงเรื่องพวกนี้นักหรอก


              “อ่า... ขอทาร์ตสเปเชียลครับ


             ถ้าทำได้ก็คงดีแหละนะ...


             เลย์โกะดื่มสมูทตี้ของตนเอง เผื่อว่าอาการจี๊ดขึ้นสมองจะทำให้สามารถปัดความคิดฟุ้งซ่านนี้ออกไปได้ง่ายขึ้น


    ให้ตาย


              เธอเกลียดที่ตนเองมักจะยึดติดกับทุกอย่างมากเกินไป และนั่นอาจจะทำให้แผนทุกอย่างพังลง

     

    ...

     

              เธอกระชับสายกระเป๋าเป้ที่สะพายไว้เพียงแค่ทางฝั่งแขนซ้าย ขณะยืนรอคารุมะชำระเงินที่แคชเชียร์เงียบๆ


              ถ้าให้พูดตามตรงคือเธอคิดว่าเขาคงจะพูดเล่น และคงหาทางเฉไฉการเลี้ยงมื้อเล็กๆน้อยๆนี่


              แต่เขาดันจ่ายจริงๆเสียอย่างนั้น...


              คงจะรู้สึกผิดที่ยกประเด็นนั้นขึ้นมา แล้วแซวในเรื่องไม่เป็นเรื่องล่ะมั้ง?


              ถึงกระนั้นก็ยังคงได้ส่วนลดจากการที่เธอเช็คอินร้านอยู่บ้างกระเป๋าเขาคงไม่แฟบหรอก


              นี่คูปองสะสมแต้มนะคะ


    อ่ะ—  ค่ะ


    ถ้าสะสมแต้มครบ 10 ครั้งจะได้เครื่องดื่มฟรีค่ะ


              เธอรับมันมาจากเจ้าของร้าน ก่อนจะยิ้มตอบรับอีกฝ่ายด้วยความเป็นมิตร


    เสร็จโจร ตำแหน่งลูกค้าประจำอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม


    เธอไหวไหล่ตอบคารุมะ


    ร้านที่ควบรูปแบบทั้งคาเฟ่ขนมและคาเฟ่อินเทอร์เน็ตที่เปิด 24 ชั่วโมงน่ะ มันไม่ได้พบเจอบ่อยนักหรอก


    และเรื่องอะไรเธอจะปล่อยให้ที่ที่ตนเองน่าจะได้มาเยอะๆหายไปกันล่ะ?


    วันไหนนอนไม่หลับก็จะได้มา...


    งั้นก็กลับกันได้แล้ว เดี๋ยวเจออาจารย์โคโระโผล่มาเซย์ไฮพอดี


    แล้วหลังจากก็เดินตรงไปยังสถานีรถไฟฟ้าด้วยกัน


    ซึ่งความจริงแล้วเธอก็อยากจะแยกย้ายกันไปคนละทางอยู่หรอก หากไม่ติดว่าบ้านดันตั้งอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่สิบก้าวน่ะนะ...


    พรหมลิขิตก็สู้บ้านติดกันไม่ได้หรอกอยากแยกกันกลับแค่ไหนก็แยกไม่ได้ โชคเธอมันไม่ดีตั้งแต่ซื้อบ้านอยู่แล้ว


    อ่า...


    และในตอนนั้นเธอก็ตระหนักขึ้นได้ว่านี่อาจจะเป็นครั้งเดียวที่เธอได้เดินกลับบ้านกับคารุมะก็เป็นได้


    ก็ไม่เคยได้อยู่ห้องเรียนเดียวกันเลยนี่ ไหนจะสมัยประถมศึกษาที่เธอเรียนโฮมสคูลอีก


    พอคิดแบบนั้นแล้วก็รู้สึกแปลกๆ...


    จัดว่าเป็น ความทรงจำดีๆ กับเพื่อนได้ไหมนะ?


    “โอ๊ะ!


    แต่แล้วคารุมะก็หยุดฝีเท้าลง เมื่อเขาเห็นแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นแชทบนสมาร์ทโฟนของตนเอง


    เฮย์ทักมาโวยวายแหละ บอกว่าทำไมไม่ชวนเขาด้วย


    เลย์โกะแค่นหัวเราะ


    พูดเป็นเล่น หมอนั่นมีสอบกลางภาคเสียที่ไหนกันเล่า? ถึงมาก็ไม่มีประโยชน์หรอก


    แล้วคารุมะก็เบะปากใส่เธอ


    เลย์ตันใจร้ายกับเฮย์จังอีกแล้วอ่า


    คารุจังก็กวนตีนอีกแล้วค่า


    เธอเดาะลิ้น ก่อนจะเร่งฝีเท้าและเดินนำหน้าเขาไปยังสถานทีรถไฟฟ้า ทิ้งคารุมะไว้ด้านหลังอย่างไม่แยแส


    ระวังเสา


    รู้แล้ว


    “เดี๋ยวชนคน


    เห็นแล้ว


    เดินดีๆ อย่าหยิบสมาร์ทโฟนมาเล่น


    “นี่ฉันแก่กว่านะ ช่วยอย่าทำเหมือนฉันเป็นเด็กตัวเล็กๆที่ไม่สนสิ่งรอบข้างเวลาเดินจะได้ไหม!?”


    เธอซุ่มซ่ามจะตาย เมื่อวันก่อนตกบันไดเพราะตกใจจดหมายจากรัฐบาลไม่ใช่เหรอ?”


    อย่าจาบจ้วงฉัน!”


              มากไปครับ


    ________

     

    มีพรายมากระซิบข้างหูเธอว่าสาเหตุที่อาจารย์โคโระฮึดหนักกว่าเดิมเป็นเพราะว่าเจอผู้อำนวยการโรงเรียนมา


              ใช่ พรายนั่นคืออีรีน่า เจลาวิชนั่นแหละ แต่ตอนบอกก็จะเริ่มคาบเรียนแรกอยู่แล้ว คงมีเวลาให้เธอทำใจก่อนเริ่มติวมากนักหรอก


              บรรยากาศเคร่งเครียดภายในห้องเรียนจบลงชั่วคราวเมื่อกริ่งพักดังขึ้น


    และพวกเธอทุกคนก็กำลังยืนล้อม มองอาจารย์ประจำชั้นในสภาพหมดแรงอยู่


    เลย์โกะมีสีหน้าที่เหนื่อยหน่ายใจไม่น้อย เธอก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเขาถึงต้องพยายามมากเช่นนี้...


              ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทำให้คะแนนของพวกเธอสูงขึ้นอย่างไรล่ะครับ ถ้าทำแบบนี้... มันก็จะเป็นเรื่องดีสำหรับอาจารย์ที่จะไม่ถูกฆ่าด้วย


             อืม


              เธอหรี่ตามองเขา ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดัง


              คุณสึมุกิ๊! ช่วยเลิกลอบสังหารอาจารย์ผ่านสายตาสักทีเถอะครับ!”


              ความเป็นไปได้ที่จะเกิดอะไรแบบนั้นมันน้อยเสียจนแทบไม่มีเลย ไอ้การที่จะยกเลิกแผนการลอบสังหารนี่น่ะ


              อาจารย์โคโระดูเป็นประเภทที่มองออกง่าย โปร่งใสอย่างกับแก้วใส ทว่าในขณะเดียวกัน ความโปร่งใสนั่นก็ดูผิดธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง


              ไม่รู้สิ... อะไรๆก็ดูผิดธรรมชาติไปหมดแล้ว ณ ตอนนี้


              นั่นอาจจะไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา


              เธอฟังอาจารย์โคโระโวยวายไปแบบหูทวนลม ก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งหาแชทหนึ่ง


             ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองยีนส์พันธุกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในช่วงเวลา 2 ปีนี้ ขอบคุณมาก


    โดยปกติแล้ว งานอื่นที่เธอให้เขานั้นหาข้อมูลง่ายและมีวิธีการทำที่สะดวกกว่านี้เยอะ


    เพราะฉะนั้นเดี๋ยวจะทดแทนความยุ่งยากทั้งหลายนั้นด้วยโบนัสก็แล้วกัน... อย่างไรเสีย เธอก็มีเงินส่วนหนึ่งในบัญชีที่เก็บไว้เพื่ออะไรแบบนี้อยู่แล้ว


    ก็นะ... แบบนั้นมันดีกว่าการมานั่งเรียนนี่นา


    เธอเงยหน้าขึ้นจากสมาร์ทโฟน มองมิมูระ โคคิที่เพิ่งจะเอ่ยถ้อยคำดังกล่าวออกมา


    ก็พอจะเข้าใจสาเหตุที่ทำให้เขาคิดแบบนั้นอยู่หรอก...


    ก็นี่มันห้อง E - End ของคุนุกิงาโอกะ


    อืม ถ้าลอบสังหารสำเร็จก็ได้เงินมาตั้งหนึ่งหมื่นล้านเยนแน่ะ


    ถ้าได้เงินหนึ่งหมื่นล้านเยนแล้วล่ะก็ ต่อให้ผลการเรียนห่วย ชีวิตก็ยังโรยด้วยกลีบกุหลาบอยู่ดี


    -ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ!?


    เลย์โกะไม่คิดจะออกความเห็นใดๆ ได้แต่ยืนมองสถานการณ์ตรงหน้าพลางประเมินมันในใจ


    ความทะเยอทะยานของนักเรียนในห้องนี้น่ะน้อย และมันก็ไม่ค่อยน่าแปลกใจหรอก ไม่ว่าอะไรๆก็ไม่สะดวกแก่การปีนขึ้นกลับไปอยู่ในจุดเดิมของตนนี่นา...


    อีกทั้งระบบของโรงเรียนนี่มันก็เฮงซวยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว


    ก็พวกเราเป็นแค่ห้อง E นี่นาอาจารย์โคโระ


    ก็ต้องคว้าโอกาสที่อยู่ใกล้ตัว อย่างการลอบสังหาร มากกว่าการสอบอยู่แล้ว


    สมาร์ทโฟนในมือถูกเก็บเข้ากระเป๋ากระโปรงตนเองไป เลย์โกะชำเลืองมองคนอื่นๆภายในห้องเรียน ต่างคนต่างก็มีสีหน้าในเชิงเห็นด้วยกับพวกเขาที่ออกความเห็นกันมาเสียหมด


    และนั่นทำให้อาจารย์โคโระเรียกประชุมด่วนที่สนามหน้าอาคารเรียน


    บรรยากาศภายในห้องเรียนแปรเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่ง และถ้อยคำที่ว่า พวกเธอในตอนนี้ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นนักฆ่า ยังคงวนเวียนอยู่ภายในห้วงความคิดซ้ำๆ ขณะที่พวกเธอกำลังเดินไปยังบริเวณดังกล่าว


    เป็นการวิจารณ์โหดร้ายไม่น้อยเลยแฮะ...


    ส่วนในแง่ของความจริงเท็จในข้อคิดเห็นนั่น เธอที่ไม่ใช่มืออาชีพก็คงไม่สามารถพูดอะไรได้มากนักหรอก

     

    ...

     

              ข้อดีของระบบห้อง E ก็คือ มีการเตรียมมาตรการช่วยเหลือเอาไว้อยู่ หากสอบปลายภาคอยู่ในอันดับ 1 ใน 50 จาก 186 คน และอาจารย์ประจำชั้นคนเดิมอนุญาตให้กลับห้องเรียนเดิม ก็จะได้หลุดพ้นจากห้อง E ที่ถูกแบ่งแยกนี่


              แต่ว่า... จากผลการเรียนที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินและสภาพแวดล้อมในการเรียนที่เลวร้าย ทำให้ยากที่จะทำตามเงื่อนไขนั้นได้ นักเรียนห้อง E ส่วนใหญ่ก็เหมือนจะยอมรับการแบ่งแยกที่แสนจะโหดร้าย เพราะว่ามีอุปสรรคที่ทำให้คว้าโอกาสเอาไว้ไม่ได้อยู่


              ดวงตาสีอเมทิตส์คู่นั้นหรี่มองอาจารย์ประจำชั้นของตนเอง เธอกอดอกเอนหลังพิงบริเวณอาคารเรียนอยู่เคียงข้างคารุมะ ที่ไม่ได้คิดจะลงไปยืนอยู่ใกล้สนามเหมือนกับคนอื่นๆเฉกเช่นเดียวกัน


              สนามโล่งๆกับสัตว์ประหลาดความเร็ว 20 มัคเป็นสองอย่างที่ไม่น่าจะถูกจับมาอยู่ด้วยกันเลย...


    และนั่นคือหนึ่งในสาเหตุของเธอความระแวงและตะขิดตะขวงใจ


    มีอะไรกันน่ะ? รีบๆบอกมาสิ


    อาจารย์โคโระบอกว่าให้เรียนอาจารย์อีรีน่ามาด้วยน่ะค่ะ


    อีรีน่าเลิกคิ้ว หล่อนดูฉงนไม่ต่างกับพวกเธอ แต่ก่อนที่จะได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น อาจารย์โคโระก็เอ่ยถามแทรกขึ้นมาเสียก่อน


    อาจารย์อีรีน่า ขอถามในฐานะของนักฆ่ามืออาชีพหน่อยสิครับ


    อะไรน่ะ? อยู่ๆก็—”


    ปกติเวลาที่คุณทำงาน ได้เตรียมแผนการไว้เพียงแผนเดียวหรือเปล่าครับ?


    หืม? ไม่นะเรื่องนั้นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว


    เพราะว่าแผนหลักๆที่วางเอาไว้แทบจะไม่เป็นไปตามคาด ก็เลยต้องเตรียมแผนอื่นเผื่อเอาไว้ ซึ่งการวางแผนสำรองให้รัดกุมถือว่าเป็นพื้นฐานของการลอบฆ่าเลยนะ


    เลย์โกะเคาะนิ้วตนเองกับช่วงแขน ขณะเลื่อนสายตาไปมองคาราสึมะที่ถูกเอ่ยถามเป็นคนต่อไป


    ตอนที่สอนเทคนิคการใช้มีดให้กับนักเรียน สิ่งสำคัญอยู่ที่การโจมตีครั้งแรกเท่านั้นหรือเปล่าครับ?


              แน่นอนว่าการโจมตีครั้งแรกนั้นสำคัญที่สุด แต่การเคลื่อนไหวถัดไปก็สำคัญเหมือนกัน เพราะว่าถ้าคู่ต่อสู้มีฝีมือก็จะมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะหลบการโจมตีครั้งแรกได้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการโจมตีครั้งที่สอง ครั้งที่สามตามมา ยิ่งมีความแม่นยำสูง ยิ่งตัดสินผลแพ้ชนะได้เลย


              อืม...”


    เธอพอจะเดาได้แล้ว ว่าบทสนทนานี้จะจบลงที่ประเด็นไหน


             อยากจะสื่อว่าอะไรกันแน่ครับเนี่ย?


              แต่ถึงกระนั้นก็เถอะเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอาจารย์ประจำชั้นถึงได้หมุนตัวแบบนั้น


              เดี๋ยวก็เกิดพายุขนาดย่อมเข้าหรอก...


              อย่างที่เหล่าอาจารย์พูด... การจะเป็นนักฆ่าที่มั่นใจในตนเองอย่างเหลือล้น ก็ต้องมีแผนสำรองที่ตนเองภาคภูมิใจ


              ถ้าเทียบกับพวกเธอล่ะ? สำหรับพวกเรา แค่ลอบสังหารก็พอแล้ว พอคิดแบบนั้นก็เลยไม่สนการเรียน


             นั่นมันแค่การไม่กล้าสู้คนอื่น เพราะว่ามีปมด้อยเท่านั้นเอง


             คิ้วเรียวเผลอขมวดเข้าหากัน พลันได้ยินถ้อยคำดังกล่าว


              อ่า... ให้ตายสิ


             เธอถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ก่อนจะก้มลงหยิบร่มคันหนึ่งออกมาจากกระเป๋าที่ได้หยิบติดตัวมาด้วย


              อาจารย์โคโระยังคงพูดต่อไป ขณะที่หมุนตัวอยู่ ความเร็วของเขาเพิ่มมากขึ้น และเธอก็ได้กางร่มต้านแรงลมดังกล่าวนั้น


              แล้วถ้าเกิดอาจารย์หนีไปจากห้องนี้ล่ะ? หรือถ้ามีนักฆ่าคนอื่นมาฆ่าอาจารย์ตัดหน้าล่ะ? พวกเธอที่สูญเสียเหตุผลที่เรียกว่าการลอบสังหารไป ก็จะเหลือแค่ความรู้สึกที่เป็นปมด้อยของห้อง E เท่านั้น


             ทีหลังเธอจะไม่คิดเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้นมาแล้ว


             สองมือพยายามจับด้ามร่มแน่น เมื่อแรงลมที่เกิดจากอาจารย์ประจำชั้นนั้นแรงขึ้นเรื่อยๆ มันแทบจะกลายเป็นพายุขนาดย่อมตามที่เธอได้คิด(แบบไม่จริงจัง)ไว้ก่อนหน้านี้ และนั่นไม่ใช่เรื่องดีเอาเสียเลย


              ถือว่าเป็นคำแนะนำจากอาจารย์ที่มอบให้แก่พวกเธอที่กำลังหวั่นไหวก็แล้วกันนะครับ


              เธอเริ่มต้านแรงลมไม่ไหว...


              คนที่ไม่รู้จักพบดาบสองน่ะ ย่อมไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้ชื่อว่าเป็นนักฆ่าหรอก!”


              และเมื่อเขากล่าวจบ พายุขนาดย่อมนั้นก็กลายเป็นพายุมหึมาที่สามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ณ จุดนี้พังทลายลงไปได้


              มันสายเกินไปที่จะหุบร่มแล้ว และเธอได้แต่กัดฟัน


              อีกไม่นานมันก็คงจะจบแล้ว


             อีกไม่นาน...


              นี่


              พรึ่บ!


              ร่มในมือนั้นปลิวว่อนไปตามแรงลม ในจังหวะเดียวกับที่อีรีน่าส่งเสียง


              เลย์โกะรีบเอาแขนมาบังทรายที่อาจจะปลิวมาเข้าตาเธอ ทว่าก็ต้องชะงักงัน เมื่อไม่รู้สึกถึงแรงลมมหาศาลอย่างเมื่อครู่อีกต่อไป


              เธอลืมตาขึ้นช้าๆ...


             และพบว่าทุกอย่างได้หยุดลง


              สนามมีหญ้าขึ้นรก แถมพื้นก็ไม่เสมอกัน อาจารย์ก็เลยปรับปรุงเสียหน่อย


              ดวงตาสีอเมทิตส์นั้นจดจ้องไปยังภาพเบื้องหน้าด้วยความประหลาดใจ


    ทุกอย่างดูสบายตาขึ้นพื้นอันไม่สม่ำเสมอที่เธอเกลียดหนักหนานั้นไม่มีอยู่แล้ว และเธอมั่นใจว่าการฝึกในสนามนี้คงไม่ลำบากเท่าเดิมอีกต่อไป


              อาจารย์เป็นถึงสุดยอดสิ่งมีชีวิตที่จะทำให้โลกหายไปได้เลยนะครับ กะอีแค่ทำให้พื้นตรงนี้เรียบเสมอกันก็เป็นเรื่องกล้วยๆ


              เธอหันซ้ายหันขวาหาร่มของตนเอง แต่ไม่ทันไรก็เบนความสนใจกลับมายังภาพเบื้องหน้า ในยามที่อาจารย์โคโระเอ่ยออกมาอีกครั้งหนึ่ง


              ถ้าพวกเธอไม่แสดงดาบสองที่ตนเองภาคภูมิใจออกมา หรือไม่ทำให้เห็นว่าเป็นนักฆ่าที่คู่ควรจะต่อกรอยู่ในห้องเรียนนี้แล้วล่ะก็... อาจารย์จะทำให้อาคารนี้ราบเป็นหน้ากลองแล้วจากไป


             และเวลาที่กำหนดก็คือพรุ่งนี้ ในการสอบปลายภาค


              พวกเธอทุกคนจะต้องติด 1 ใน 50 อันดับของโรงเรียน...


    และนั่นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอมันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนที่มีผลการเรียนดีมาโดยตลอดแบบเธอ


    แต่หากเพื่อความมั่นใจ ก็สามารถพยายามมากกว่าเดิมก็ได้


    ซึ่งในครั้งนี้ เธอก็จะทำแบบนั้น


    ถึงจะไม่มีผลต่อตนเองมากนักก็ตาม... แต่ก็อย่างที่ตัดสินใจไว้ในช่วงวันก่อนหน้าวันนี้ เธอทำเพื่อความสุขชั่วคราวนั่น


    และก็อาจจะเพื่อเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆด้วยไม่รู้สิ


    ปมด้อยที่ทำให้ไม่กล้าสู้กับคนอื่น อะไรนั่นน่ะ เธอไม่มีหรอก


    มันไม่ใช่การ กลัวแพ้ แต่เป็นการ กลัวที่จะผิดหวัง เสียมากกว่า... และในกรณีของเธอ มันต่างจากกรณีนี้โดยสิ้นเชิง เธอไม่สามารถทำอะไรได้อยู่แล้ว ต่อให้สู้ต่อก็ไม่มีวันชนะ ต่อให้พยายามสู้ก็ไม่มีผลอะไร


    ก็รู้สึกขอบคุณอาจารย์โคโระสำหรับคำแนะนำในเรื่องของการเป็นนักฆ่านี้


    แต่ว่าเธอไม่ใช่นักฆ่า


    มันใช้ด้วยกันกับเรื่องของเธอไม่ได้หรอก ในเมื่อเธอได้ดึงดาบออกมาหมดแล้ว และมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่


    มันจึงไม่แปลก... หากเธอจะตัดสินใจเดินออกจากจุดจุดนั้น และทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลังตนเอง


    เลย์โกะมองภาพเบื้องหน้าตนเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับไปตามหาร่มของตนเองต่อ


    อืม...แต่เขาก็ไม่ได้เปรียบกับสถานการณ์ของเธอเลยนี่


    เลย์โกะแค่นหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา


    ดูเหมือนว่าสมองเจ้ากรรมจะคิดไปเรื่อยอีกแล้ว...


    น่ารำคาญชะมัดยาด


    อ่ะ นี่


    อีรีน่าเดินเข้ามาหาเธอ ก่อนจะยื่นร่มคันดังกล่าวที่ปลิวว่อนไปเมื่อครู่ให้มันอยู่ในสภาพที่ถูกพับเก็บเรียบร้อยแล้ว และนั่นคงเป็นฝีมือเจ้าหล่อน


    ขอบคุณ


    ฉันกะจะเรียกให้แกหุบร่มตอนนั้น เห็นทำหน้าเหมือนจะไม่ไหว


    อ้อเหรอ?” เธอกลั้วหัวเราะ


    แล้วก็โดนวีนใส่ไปคราหนึ่งโดยคนที่ถูกกวนประสาทไปตามระเบียบ


    แกนี่นะ!”


              เลย์โกะไหวไหล่ตอบกลับไป ก่อนจะเดินหนีกลับไปอยู่มุมเดิมกับคารุมะ ปลายนิ้วเธอลูบไล้ร่มคันดังกล่าวไประหว่างเดิน


              อีรีน่าไม่ได้ทำให้เธอตกใจจนทำร่มหลุดมือหรอก...


              เธอถอนหายใจ


             ก็ไม่เคยอดทนกับอะไรได้นานจริงๆนั่นแหละ ไม่ใช่ความผิดของคนอื่นแต่อย่างใดเลย

     

    ________

     

              วิชาแรกคือคณิตศาสตร์...


              เธอที่ไม่ต้องทบทวนอะไรก่อนเข้าห้องสอบจึงได้แต่ท่องสูตรต่างๆในใจ ขณะก้าวเท้าเดินไปยังห้องสอบอย่างสบายอารมณ์


              ทั้งหมดนี้ก็เพื่อกันการฟุ้งซ่านก่อนเขาห้องสอบตัวเธอยิ่งเสียสมาธิได้ง่ายอยู่ด้วย ในช่วงนี้


    แต่แล้วการท่องสูตรก็ชะงักงันลง เมื่อดวงตาสีอเมทิตส์คู่นั้นเผลอสบเข้ากับดวงตาอีกคู่หนึ่งที่มีสีคล้ายคลึงกัน... และเจ้าของก็ไม่ใช่ใครนอกเหนือไปจากคนที่เธอไม่อยากจะเจอมากที่สุดในวันนี้


    นี่มันต้องเป็นวันโชคร้ายของเธอแน่ๆ


    หรือไม่เธอก็ต้องไปทำบุญ...


    เลย์โกะมองเขานิ่งๆ และเขาเองก็ทำแบบนั้นเฉกเช่นเดียวกันต่างฝ่ายต่างไม่ได้พูดอะไร ทว่าบรรยากาศกลับดูเยือกเย็นขึ้นมาชั่วขณะ


    โป๊กเกอร์เฟซของเขามันน่ารำคาญเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เมื่ออาซาโนะแย้มยิ้มให้ เลย์โกะกลับรู้สึกความอดทนของคนคนนี้นั้นน้อยไปเรื่อยๆ และหากวันนี้ไม่ใช่วันสอบ เธอคงหาทางทำให้เขาเสียหน้าหรือเสียศูนย์ไปอีกวันหนึ่ง


    อรุณสวัสดิ์ครับคุณสึมุกิ


    เลย์โกะสบถในใจ ก่อนจะแย้มยิ้มบางเบาออกมาให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด


    อรุณสวัสดิ์ค่ะ เธอกล่าว ขณะสองขาก้าวเดินผ่านเขาไป


    และรอยยิ้มนั่นก็หุบลง ตามมาด้วยเสียงจิ๊ปากที่ไม่สบอารมณ์ของสาวเจ้า


    แค่ทำอะไรให้เขาเหวอเล่นก็เพียงพอสำหรับวันนี้แต่ถึงจะคิดแบบนั้นก็ตาม ตัวเธอก็หาได้หันไปมองปฏิกิริยาของอาซาโนะแต่อย่างใด


    คนพรรค์นั้นน่ะ ปล่อยไปก่อน... ตอนนี้เธออยากเห็นหน้าเพื่อนร่วมห้องมากกว่า


    อ๊ะ! เลย์โกะจัง อรุณสวัสดิ์! มาให้ฉันสูบความรู้ในสมองก่อนสอบหน่อยสิ


    เลย์โกะหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเพื่อปิดมัน ก่อนจะหย่อนลงกระเป๋าตามเดิม แล้วเร่งฝีเท้าเข้าไปหานากามุระพร้อมกับร้อยยิ้มแหยๆ ซึ่งเป็นผลมาจากถ้อยคำดังกล่าวที่เจ้าตัวเล่นเอ่ยมาพร้อมกับคำทักทายนั่นแหละ


    อย่าให้อาจารย์โคโระได้ยินอะไรแบบนั้นเด็ดขาดเลยนะริโอจจิ


    มันไม่ใช่รอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มหรือรอยยิ้มที่เป็นมิตรนัก ทว่าก็หาใช่รอยยิ้มลวงหลอกที่แย้มออกมาเพียงเพราะมารยาทหรือเพื่อจุดประสงค์อื่นแต่อย่างใด


    วันนี้เป็นวันที่เธอจะพยายามในเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกรอบหนึ่ง...


    และได้แต่หวังว่าผลลัพธ์ของมันจะเป็นไปได้ตามที่ต้องการ


    สูบของคารุมะดีกว่ามั้ง


    นั่นน่ะสินะ

     

    ...

     

              แต่รู้อะไรไหม? ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามที่หวังเสมอไป


              เป็นความผิดของอาจารย์เองครับ...


              การเพิ่มเนื้อหาก่อนสอบเพียงไม่กี่วันของผู้อำนวยการนั้นทำให้ความพยายามทุกอย่างของนักเรียนห้อง 3-E ล้วนพังไม่เป็นชิ้นดี


              และหากอาจารย์โคโระหมายความอย่างที่พูดจริงๆ... ทุกอย่างตรงนี้ก็จะจบลง


             มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบอารมณ์


              เธอรู้สึกเหมือนแผนทุกอย่างพังลงไม่เป็นท่าเธอกะจะรับผิดชอบต่อหน้าที่นักฆ่าในห้องเรียนนี้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเริ่มต้นทุกอย่างใหม่


    และการที่สัตว์ประหลาดความเร็ว 20 มัคซึ่งเป็นเป้าหมายหนีไปนั้นไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องการ


    ตอนแรกก็คิดว่ามันคงไม่เกิดขึ้นหรอก เธอพอจะเชื่อในศักยภาพของคนในห้องอยู่บ้าง แต่ผู้อำนวยการก็ดัน...


    น่ารำคาญเป็นบ้าเลย


              ดูเหมือนว่าอาจารย์จะมองโครงสร้างของโรงเรียนนี้ในแง่ดีเกินไป


              เธอเหม่อมองกระดาษคำตอบของตนเองในมือ


              อาจารย์ไม่กล้าสู้หน้าพวกเธอแล้วล่ะครับ


             อ่า...


              เธอล่ะไม่ชอบเวลาที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่หวังชะมัดยาด


              ดวงตาสีอเมทิตส์ชำเลืองมองเจ้าของโต๊ะข้างเคียงตนเอง มันเป็นจังหวะเดียวกับที่คารุมะละสายตาออกจากอาจารย์โคโระที่หน้าห้องเรียนพอดิบพอดี


             เพียงแค่การสบตาและพยักหน้าส่งสัญญาณให้กันเท่านั้น  แล้วมีดสังหารก็ถูกปาไปใส่อาจารย์ประจำชั้น ทำลายบรรยากาศหมองหม่นของห้องเรียนภายในชั่วพริบตา


              จะดีเหรอ?น้ำเสียงยียวนของคารุมะเป็นหนึ่งสิ่งที่ไม่แปรเปลี่ยน แม้กระทั่งในสถานการณ์แบบนี้ และนี่อาจจะเป็นเพียงครั้งเดียวที่เธอไม่รู้สึกรำคาญนิสัยไม่รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนกับคนอื่นนั่น


              ถ้าไม่กล้าสู้หน้าก็จะมองไม่เห็นผมเวลาฆ่านะ


              เธอลุกขึ้น


              คารุมะคุง! ตอนนี้อาจารย์กำลังท—”


              สองเท้ารีบสาวก้าวเดินมาหน้าห้องเรียน ระหว่างนั้นก็คว้ากระดาษคำตอบของตนเองติดมือไปด้วย


              ขอนะ ถ้อยคำนั้นถูกกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ก่อนมือเล็กจะฉกฉวยกระดาษคำตอบในมือของเจ้าของมันมาถือไว้


              อาจารย์คะ เลย์โกะยิ้ม สองเท้าเธอหยุดอยู่หน้าโต๊ะเขา


              พรึ่บ!


    แล้วกระดาษคำตอบทั้งหมดก็ถูกวางลงแบบกระจาย เผยให้เห็นคะแนนสอบของพวกเธอทั้งสอง ที่ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการพยายามมากกว่าเดิมอยู่พอสมควร


              นักเรียนห้อง 3-E สอบไม่ติด 1 ใน 50 อันดับแรกทว่านั่นก็แค่ส่วนใหญ่เท่านั้น


              ต่อให้เปลี่ยนโจทย์ก็ไม่มีปัญหากับพวกผมหรอกคารุมะเอ่ย


              เพราะอาจารย์เล่นสอนเกินเนื้อหาไปไกล คะแนนของผมก็เลยผ่านฉลุยเลยไงล่ะ


             ทั้งในวิชาที่ถนัดและไม่ถนัด เขาก็ทุ่มสุดแรงกับนักเรียนทุกคนเลยนี่นะ


              อย่างภาษาต่างประเทศที่เธอได้คะแนนสูงๆเป็นปกติ ในครั้งนี้ก็กลายเป็นคะแนน 100 เต็มไปเสียแล้ว ส่วนคะแนนวิชาวิทยาศาสตร์ก็มากกว่าคะแนนเฉลี่ยในรอบสองปีเชียวนะ


    อาจารย์คงจะไม่เมินความพยายามอย่างหนักของเราสองคนหรอก... ใช่ไหมคะ?” เธอกล่าว โดยจงใจเน้นย้ำส่วนคำถามเป็นพิเศษ


    เพราะพวกอาจารย์จะต้องเห็นหน้าพวกฉันไปอีกนาน... แส๊นนนนนานเลยค่ะ


    ความพยายามในครั้งนี้ของเธอสัมฤทธิ์ผล และเธอไม่อาจปฏิเสธได้ว่าอาจารย์โคโระไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมัน...


              ว่าแต่ทางนั้นจะเอาอย่างไรล่ะ? จะอ้างว่าทุกคนไม่ติดอันดับ 1 ใน 50 ก็เลยจะม้วนหางหนีจุกตูดไปจากที่นี่งั้นเหรอ?


              นั่นน่ะสินะ... ถ้าให้พูดตามตรงคือฉันไม่ชอบให้แผนชีวิตอยู่เหนือการควบคุมของตนเองนะคะอาจารย์ มันน่าหงุดหงิดไปน้อยเลยล่ะ”


              แต่ก็ไม่รู้สินะเลย์โกะ คนเราห้ามไม่ให้รู้สึกกลัวที่จะถูกฆ่าไม่ได้นี่นา


              รอยยิ้มบนใบหน้าสวยนั้นกว้างขึ้น เมื่อเธอเห็นเส้นเลือดปูดบนใบหน้ากลมของอาจารย์ประจำชั้น


             หืม...


              แล้วเลย์โกะก็ยกมือขึ้นป้องปาก แสร้งทำเป็นว่าตกใจในทันที


              ตายจริง อาจารย์โคโระกลัวหรอกเหรอคะนั่น? โอ๋ๆนะคะ


              และเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆก็สังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา บรรยากาศเคร่งเครียดเมื่อครู่ก็ผ่อนคลายลงทันที


              กลายเป็นว่าทุกคนร่วมมือกันหยอกล้ออาจารย์เสียแทน


              อาจารย์ไม่หนีเด็ดขาดครับ!”


              เห... แล้วไงล่ะ?


              ถ้อยคำที่คารุมะเอ่ยถามทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย แต่แล้วก็กล่าวประกาศกร้าวออกมา ราวกับว่าเป็นตัวร้ายในการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่


              จะเอาคืนเจ้าพวกนั้นในช่วงสอบปลายภาคเป็นสองเท่าให้ได้เลยครับ!”


              และนั่นทำให้ทุกคนหัวเราะรวมไปถึงเธอด้วย


              ขำอะไรกันน่ะ!?


             แต่ก็แค่หลุดเสียงออกมาครู่หนึ่ง แล้วปิดปากหัวเราะเบาๆเท่านั้นหรอกนะ


             จริงๆเลย!”


              ความผ่อนคลายของบรรยากาศภายในห้องเรียนทำให้เธอแอบรู้สึกแปลกๆ...


              ทุกอย่างดูเหมือนภาพลวงตา เธอจำครั้งล่าสุดที่รู้สึกแบบนี้หลังจากทำข้อสอบไม่ได้เสียด้วยซ้ำ


              แม้ว่าจะทำได้ดีหรือทำได้แย่ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...


    ทว่าในคราวนี้กลับไม่ใช่


              แปะ!


              เลย์โกะเลิกคิ้ว เมื่อรู้สึกได้ว่ามีมือหนึ่งวางลงบนไหล่ข้างขวาของเธอ


    และเมื่อหันไปก็พบว่าเป็นคารุมะ...


              เขาตบไหล่เธอสองสามครา ก่อนจะเอ่ยว่า ทำดีแล้ว ออกมาอย่างแผ่วเบา และสมองเจ้ากรรมของเธอก็หวนนึกถึงภาพหนึ่งในอดีตขึ้นมาเสียเฉย


              ไม่จริงน่า! หลานคนนี้ของน้าเก่งเกินไปแล้วนะ!’


             ทำดีแล้วนะเลย์โกะ ทำต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ แล้วมันก็จะไม่มีอะไรมาหยุดเราได้


              นั่นทำให้เลย์โกะขมวดคิ้ว


             ในคราวนี้... เธอกลับรู้สึกอบอุ่นใจและภาคภูมิในตนเอง 






    _ _ _ _

    เขียนหนังสือในฟิคแล้วค่ะคราวนี้--
    แต่ว่าพล็อตก็เป็นแบบทั่วๆไปที่เจอในแนว psychological thriller นั่นแหละค่ะ
    ให้ทุกคนจินตนาการถึงภาษาที่สวยงามของอ.สึกิโมโตะเองก็แล้วกันนะคะ เพราะภาษาเครสสวยไม่พอ เขียนแนวนั้นคงไม่น่ารุ่ง555555
    เราจะได้เจอหนังสือเล่มนี้ไปจนกระทั่งจบฟิคนี่แหละค่ะ เลย์โกะเป็นสายที่ค่อยๆอ่านเก็บรายละเอียดก็ได้ ไม่เน้นอ่านรวดเดียว
    ก็เลยจะมีซีนบรรยายถึงสตอรี่ในเรื่องมาบ้างในตอนที่ยัยได้อ่านเพิ่มไป เป็นช่วงๆ

    ในตอนนี้เน้นความสัมพันธ์กับคารุมะเป็นพิเศษค่ะ สองคนนี้คือเพื่อนแบบไม่มีอะไรเกินเลยนะคะ กัดกันแซะกันแกล้งกันแบบพี่น้อง
    ส่วนเพื่อนแอบไม่จริงมันอีกคน-- และใช่ค่ะ ซีนคนอกหักมาอย่างแน่นอน เรือใหม่ก็จะงอกมาในช่วงแถวๆนั้นด้วย
    ในส่วนของอายุ เลย์โกะแก่เดือนค่ะ ยัยเกิด 1 กันยา ส่วนคารุมะเกิด 25 ธันวา

    ใครรอซีนพระเอกก็เดี๋ยวได้เจอตอนหน้าแล้วค่ะ ความจริงแอบใบ้ไว้เล็กๆในท้ายตอนที่แล้ว
    ประเด็นเรื่องเมลจะไม่มาแบบส่งๆอย่างแน่นอนค่ะ (ในอนาคตเองก็จะมีเรื่องเมลมาเรื่อยๆด้วย)
    แต่ว่าตอนหน้าคงไม่หวานนะคะ เอาให้เค้าเจอกันพอกรุบกริบเฉยๆ5555555555555

    ความแตกต่างอีกข้อของการรีไรท์ครั้งนี้คือการแสดงให้เห็นว่านับวันเลย์โกะยิ่งโลเลขึ้นเรื่อยๆ influence ของยัยก็ไม่ได้มีแต่ต้วพระเอกเท่านั้น
    แต่รวมไปถึงคนอื่นในห้องด้วยที่จะทำให้ยัยเปิดใจทีละนิด-- แต่ว่ารีแอคเลย์โกะนี่จะสลับไปมาตามคนที่สับสนอยู่นะคะ
    มันต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป จะให้เปิดใจรวดเดียวเลยก็ไม่ได้ ต้องใช้เวลาสักนิด

    ตอนนี้กำลังคิดว่าคงได้งอกพล็อตหนัก/ซับซ้อนในด้านอารมณ์แบบนี้อีกทีก็นานแน่นอนค่ะ พักหลังมานี้เหมือนไม่มีเอเนอจี้แล้ว
    พอเขียนแล้วแอบเหนื่อย ขอผันไปสายอบอุ่นหัวใจแบบเบาๆสักประมาณสิบปีก่อนแล้วค่อยกลับมา5555555
    บางทีก็แอบรู้สึกว่าลงทุนในเรื่องสตอรี่ไปหน่อยหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็คิดว่าคุ้มแหละค่ะ-- ผลิตเองเสพเอง อย่างน้อยก็มีเครสคนนึงที่ชอบ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×