ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ☾ guerilla.

    ลำดับตอนที่ #4 : 03 – mutation.

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 64


     
     
     
              พอลองคิดๆดู ทุกอย่างก็คงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากจากคราแรกหากเป็นในสายตาของคนภายนอกน่ะนะ

             ก่อนหน้าจะเกิดเรื่องแบบนี้ก็เหมือนกัน


             เพราะตัวตนมันค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิด เพราะการทำตัวแบบเดิมมันค่อยๆลำบากขึ้นทีละน้อย...


    มันจะมีสักเท่าไหร่ที่สังเกตในรายละเอียดยิบย่อยเกี่ยวกับคนคนหนึ่งกัน? แล้วมันจะใช้เวลานานแค่ไหนหรือใช้ปัจจัยอะไรในการกระตุ้นให้คนนั้นรู้ตัว?


    สถานที่ผ่อนคลายถูกจำกัดขึ้นเรื่อยๆจากเมืองทั้งเมืองกลายเป็นแค่บ้าน จากบ้านกลายเป็นแค่ชั้นบนของมัน จากชั้นบนกลายเป็นแค่ห้องส่วนตัว... ที่แม้แต่จะระบายความเครียดออกมาตอนอยู่ข้างในก็แทบไม่กล้า


    ขนาดในตอนที่เค้าโครงใกล้จะสูญเสียความสมดุล การสบถเสียงดังหรือแม้แต่การฉีกกระดาษรียูสก็ยังคงอยู่เหนือความสามารถของตนเอง


    ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เริ่มกลัวจนตั้งข้อกำหนดไร้สาระเพิ่มขึ้นมาเองกันนะ?


    เมื่อรู้ตัวอีกที... ห้องก็เต็มไปด้วยเศษกระดาษ และร่างกายซึ่งมีเหงื่อท่วมก็ตะเกียดตะกายขึ้นจากพื้นไปยังหอสมุดเมืองเสียแล้ว


              กุก... กัก...


              โทปาซ เชีย แอนเดรียอาจจะมีประวัติว่า ใช้เวทมนตร์โจมตีพื้นที่หลังหอสมุดอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะหมดสติไปชั่วคราวเพราะถูกสาป ก็เป็นได้มันเป็นเรื่องผิดวิสัยที่แม้แต่ผู้เป็นมารดายังไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง และคงเหมือนกับเกมซึ่งกำลังเล่นอยู่ ณ ตอนนี้ล่ะมั้ง


    โครม!


             ที่แค่พริบตาเดียวก็ล้มลงมาหมดน่ะ


    ฉันเริ่มรู้สึกว่านอนไม่พอ


    ทุกคนพลาดได้ในเกมน่า— โดยเฉพาะถ้ามันเป็นเจงก้า


    ไม่ คือเมื่อกี้นั่งเทียบชีวิตกับตึกไม้นี่อยู่ พอคิดเชิงลึกแล้วก็คือเห็นว่าเหมือนกันพอสมควร


    และตอนนี้ก็มือว่าง เพราะแพ้ไปเรียบร้อยแล้ว...


              “งั้นเอาหมอนป่ะ?


              “ฮะ?


              “เร็นมันเอามากองไว้ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้— ลายแมว นุ่มดี เอาไปกอดระหว่างรอมันแพ้ฉันก็ได้”

     


    ___

     


              ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี... ว่าทำไมการเล่นเจงก้า 5 ตามันดันเป็นวิธีออเข้าชมรมไปได้


              เล่นไปสัมภาษณ์ไปไง แถมฉันจะได้ชินกับเวลาแกพูดหยาบด้วย


              อะไรกันล่ะวะนั่น? เธอขมวดคิ้ว ถ้อยคำที่เจรัลด์เอ่ยออกมานั้นชวนให้รู้สึกพิลึกอย่างบอกไม่ถูก


              ฉันไม่ได้หยาบทุกคำเสียด้วยซ้ำนะ


    การออดิชั่นเข้าชมรมนั้นเป็นเรื่องปกติสำหรับโรงเรียน ทว่าวิธีการของชมรมวารสารที่แปรเปลี่ยนไปเพื่อตัวเธอเองนั้นกำลังทำให้รู้สึกว่าห่างจากความปกติที่ต้องการไปเรื่อยๆ


              สายตาเลื่อนไปมองเพื่อนตัวแสบที่ยิ้มร่าอยู่กับนิตยสารไอทีในมือสมองคาดคะเนเอาไว้ว่ามีโอกาสที่ต้นเหตุจะเป็นเร็นมากกว่าครึ่ง และขณะเดียวกันก็ได้ข้อสรุปว่าต่อให้บ่นไปก็คงไม่มีผลอะไร ในเมื่อทุกอย่างมันจบลงไปแล้วเรียบร้อย


              “ความจริงกฎการออก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆด้วย แล้วแต่อารมณ์พวกฉันน่ะ... เห็นช่วงนี้แกดูเครียดๆ ก็เลยเปลี่ยนเป็นอะไรที่ผ่อนคลายลงหน่อย”


              “จะเครียดกว่าเดิม เพราะไม่บอกก่อนนี่แหละ” เธอกลั้วหัวเราะ สมาร์ทโฟนบนโต๊ะถูกหยิบขึ้นมา ทว่าสีหน้าของเพื่อนสนิทข้างกายก็สะดุดตาเสียจนละวางความคิดที่จะสแกนปลดล็อกหน้าจอชั่วคราว


             อ่า


    สิ่งแรกที่โทปาซคิดจะทำคือศอกเข้าที่แขนของเร็นเบาๆ ก่อนจะเบนสายตากลับมามองเจรัลด์


             แต่ก็ขอบคุณ


              และนั่นก็ทำให้สมาร์ทโฟนปลิวออกจากมือ เพราะแรงของเพื่อนสาวที่โถมเข้ามาหาเธอเต็มๆเธอแทบจะล้มลงจากเก้าอี้ หากไม่ติดว่าสัญชาตญาณสั่งให้คว้าขอบโต๊ะไว้ได้ทันท่วงที


              อุ๊ย


              ไม่ต้องมา อุ๊ย เลยยัยตัวแสบเธอแค่นหัวเราะ ส่งสายตาดุเล็กน้อยให้เร็น ขณะที่มือข้างเดิมนั้นพยายามดันน้ำหนักของเก้าอี้ให้กลับไปอยู่สมดุลตามเดิม


              เอี๊ยด!


    รู้สึกว่าเรี่ยวแรงที่มีนั้นเพิ่มขึ้น... ทว่ามันก็หาใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนักหรอก


              ฟ้องไอฟ์นะ


              เหอะ! เอะอะก็ฟ้องแต่ไอฟ์ตลอดอ่ะปาซ


              ก็มาริดุเธอไม่ลง ส่วนเจรัลด์ก็นั่งขำอยู่ตรงนั้น


              ...

             

              เร็นเงียบ จ้องหน้าเธอนิ่งๆอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเด้งกลับไปยังเก้าอี้ของตนเองแบบไม่บอกกล่าว


              เออเนอะ เจรัลด์นั่งทำตัวน่าหมั่นไส้อยู่ตรงนี้นี่นา เปลี่ยนเป้าหมายดีกว่า


              เฮ้ยๆ”


    โทปาซกะพริบตาด้วยความเคลือบแคลงใจ พยายามกลั้นเสียงหัวเราะของตนเองไว้ให้ได้มากที่สุดเธอไม่ควรจะหัวเราะ ไม่อย่างนั้นเร็นก็จะใช้มันเป็นหลักฐานมาอ้างว่าโอนอ่อนให้เป็นรอบที่ล้าน


    ด้วยรักและหวังดี อย่านิสัยเสียตามกันไปทั้งคู่เลยเถอะ


    อีกทั้งยังไม่อยากโดนสองคนที่เหลือเอ็ดเรื่องตามใจแบบเกินความจำเป็นไปอีกรอบด้วยตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ไม่อาจปฏิเสธเร็นได้แบบเด็ดขาดเสมอ สีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของคนที่ไม่มีกรอบใดๆมาจำกัดการกระทำของตนเองนั้นเป็นหนึ่งในสิ่งที่เธอแอบอยากจะให้มันคงอยู่ตลอดไป


    แม้ว่านั่นจะไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป... หรือเจ้าของรอยยิ้มจะไม่ใช่เธอก็ตาม


    ครืน!


    สวรรค์มาโปรดในคราวที่เสียงสั่นแจ้งเตือนเบี่ยงเบนความสนใจจากการพยายามควบคุมตนเองเธอกล่าว ขออนุญาต กับเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบสมาร์ทโฟนที่ยังคงอยู่บนพื้นขึ้นมา


    Anthony A. ส่งข้อความถึงคุณ


              คิ้วเลิกขึ้นทันทีที่เห็นแจ้งเตือนหน้าจอที่ไร้ซึ่งรอยร้าวนั่นชัดเจนแจ่มแจ้งว่าผู้ส่งคือใคร และคำสบถในหัวก็ดังขึ้นอย่างช่วยไม่ได้เมื่อกดเข้าไปดู


             :: ยุ่งอยู่หรือเปล่า? พอดีว่ามิสเคนเนดี้มาถามเกี่ยวกับชมรมน่ะ เหมือนว่าเขาจะเป็นห่วงเธอในเรื่องนั้น


             โอ้... ว้าว


    นี่อาจจะเป็นครั้งแรกในรอบอาทิตย์ที่เธออยากจะตอบข้อความของใครสักคนอย่างเร็วที่สุด


              มีไรอ่ะ?


              มิสเคนเนดี้ถึงขั้นไปถามแอนโธนี่เรื่องที่ฉันออกจากชมรม


              เป็นห่วงล่ะมั้ง บางทีมันก็มีกรณีที่ทะเลาะกันจนเกิดอะไรแบบนี้นี่


              ก็ใช่... แต่นี่มันมิสโรวีน่า เคนเนดี้


              ...


    หากการที่มีพี่น้องเป็นเหล่าบุคคลที่เรียกได้ว่าอยู่ลำดับต้นๆของ คนเก่ง อีกทีจะสอนอะไรกับเธอ มันก็คงเป็นเรื่องที่ว่าความจริงใจจากบุคลากรบางกลุ่มนั้นหายากเสียเหลือเกิน


              โทปาซไม่ปฏิเสธว่าตนอคติมันก่อเกิดมาจากหนึ่งในสิ่งที่สังเกตเห็นมาตั้งแต่ปีแรกๆ ความเอาใจใส่ที่ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับนักเรียนคนอื่นๆนั้นค่อนข้างจะแจ่มแจ้ง


              และในกรณีของเธอ มันก็อาจจะมากขึ้น... เนื่องด้วย ความโชคร้ายที่ได้รับมา


             ในวันเปิดภาคเรียนก็ลืมนึกในความเป็นไปได้ดังกล่าวเสียสนิท


              ฉันเลิกมองในแง่ลบไม่ได้จริงๆนั่นแหละอาจจะไม่ใช่คนแย่ แต่ความห่วงใยมันดูไม่น่าเชื่อถือพอ


              เธอวางสมาร์ทโฟนลงบนโต๊ะ ก่อนจะถอนหายใจออกมา


              “หรือว่าฉันแค่เชื่อคนยากกันแน่?


              อ่า... ความจริงแล้วชมรมที่ปรึกษาก็ไม่ค่อยชอบมิสแกนะเจรัลด์เอ่ย


              ถามจริง?


              ก็ตามประสบการณ์ส่วนตัวของพวกเขาแหละ ส่วนใหญ่เป็นเพราะการทรีตเด็กที่ไม่เท่ากันของมิสไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นเหยียดกลุ่มหนึ่ง เชิดชูกลุ่มหนึ่ง แต่มันก็ดูออกว่าจะใส่ใจเด็กเก่งเป็นพิเศษอ่ะเขาไหวไหล่


              แต่ว่าบอกแฝดแกไปแล้วใช่ไหม? ว่าฉันรับเข้าชมรมน่ะ


              ก็... ประมาณนั้น


              โอเคๆ งั้นก็สบายใจได้แล้วแหละ


              -อืม


              ต่อไปก็เล่นเกมเศรษฐีกัน เดี๋ยวฉันไปเรียกคนอื่นมาแจมด้วย


              บางสิ่งบางอย่างกำลังบอกเธอว่านี่คือการค้นคว้าเล็กๆน้อยๆเพื่อบทความในวารสารรายเดือนของเจรัลด์หากธีมของเล่มต่อมาเป็นเรื่องของเกม ก็ถือว่าเป็นการฉีกธีมแนววารสารที่มักจะเต็มไปด้วยบทความเดิมๆอย่างเห็นได้ชัด


              เอาเลย?


              ยิ่งเร็วยิ่งดี เผื่อต้องถกกับอาจารย์เรื่องคอนเซ็ปต์อีกถ้ามีตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นก็คงรอดนั่นแหละ


    โป๊ะเชะ...


    ดังที่คิด เจรัลด์กับตำแหน่งผู้นำอะไรสักอย่างล้วนมาพร้อมกับเรื่องแปลกใหม่ที่น่าประทับใจทั้งนั้น


              สำหรับเธอที่วนเวียนอยู่แต่กับเรื่องเดิมๆเป็นเวลานาน อะไรแบบนี้มันอภิรมย์พอสมควร


             :: ฉันลงทะเบียนเข้าชมรมวารสารไปแล้วล่ะ เสร็จเมื่อกี้เลย ตอนนี้ชื่อก็คงอยู่ในระบบเรียบร้อย


             :: ขอโทษที่ทำให้ต้องมาเจออะไรแบบนี้อีกรอบนะ


    ทางเดียวที่จะดันเรื่องเดิมๆที่ไม่สบอารมณ์นั่นออกไปได้ก็คงเป็นการขูดเอากากเพชรบนพื้นผิวของก้อนหินก้อนนั้นออก... และนี่ก็คือสิ่งที่เธอปักไว้ว่าเป็น จุดเริ่มต้น ของมัน


              ตึกไม้จะไม่ถล่มลงมาเป็นครั้งที่สองมันจะไม่จบในสภาพเดียวกับเค้าโครงอันน่าสมเพชนั่น และเธอจะประคับประคองมันอย่างระมัดระวังที่สุด

     


    ___

     


              “ก็บอกแล้วว่าเจรัลด์ไม่ถามก้าวก่ายหรอก


              หรือมันเป็นผลบุญจากการแบ่งเวเฟอร์ให้เขาตอนเกรด 2?


              นั่นมันอืม เป็นไปได้อยู่นะ คือถ้าเป็นฉันก็คงจำบุญคุณเธอไปตลอดชีวิตอ่ะ


              เกิ๊น...


              อย่าดูถูกความขลังของเวเฟอร์แสนอร่อยที่แบรนด์ดันเลิกผลิตไปแล้วเด็ดขาด ฉันยอมบอกความลับทั้งหมดของตนเองเพื่อได้กัดสักคำ


              เร็นเปรียบเสมือนสายลมบ้างก็มองว่าทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นในวันที่ร้อนระอุ แต่บ้างก็หาได้พอใจกับการที่มันพัดพาสิ่งของของตนเองปลิวว่อนไปไกล


              และสำหรับเธอที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์กับลมร้อนที่พบเจอมานานแสนนาน ความเย็นสบายที่เริ่มต้นด้วยการเผลอสบตากันนั้นคือช่วงเวลาในชีวิตที่ไม่อาจลืมเลือนได้


              ความบังเอิญแปรเปลี่ยนเป็นจุดเริ่มต้นของหนึ่งในสิ่งที่เรียกว่า โชคดี ของชีวิตภายในเวลาไม่กี่ปีแปรเปลี่ยนกลายเป็นหนึ่งในบุคคลอยากจะให้เห็นการเติบโตของเธอมากที่สุด


             ในเมื่อหล่อนคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวเธอกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง


              แล้วชมรมเป็นไง? แปลกใหม่จากที่เคยทำใช่มั้ยล่า? เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างกับแบคสเตจพอสมควรเลยนี่นะ


              อืม รู้สึกว่าเห็นเครดิตตนเองชัดกว่าด้วย


              โอ๊ะ... แรงอยู่นะ


              “อืม”


              “...”


              “...”


              แต่เมื่อความเงียบปกคลุมได้เพียงไม่กี่วินาที สาวเจ้าก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้มือนั้นเกาะไหล่เธอไว้แน่น ราวกับต้องการที่พึ่งพิงในคราวที่สองขาอ่อนแรง ทว่าก็เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ในเมื่อตัวเธอไม่ได้มีแรงต้านทานต่อกระแสลมมานัก


             เลยกลายเป็นว่าแทบทรุดลงไปทั้งคู่


              หากอิวันน่ากับมาริซอลอยู่ ป่านนี้ก็คงถูกจับแยกกันจนกว่าความขบขันจะจายหายเสียแล้ว... เหมือนกับทุกครั้งคราที่เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้นในเวลาพักกลางวัน


              พ๊อ—”


              โทปาซพยายามอดกลั้นมันเอาไว้ การระบายความขบขันลงกับอะไรสักอย่างหนึ่งคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการเอาหัวเราะต่อไปเรื่อยๆ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้ว่ามันจะลากยาวไปนานเพียงใด


              ตึง!


              ครืด...


              และ อะไรสักอย่างหนึ่ง ที่ว่าก็คือล็อกเกอร์ของตนเองที่บุบลงเล็กน้อยและมีรอยข่วนประหนึ่งถูกนำออกมาจากกองถ่ายภาพยนตร์เกี่ยวกับไฮสคูลปีศาจสักกอง


              ตุบ!


              ร่างกายทรุดลงเมื่อความขบขันนั้นถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจหน้าผากแนบชิดกับประตูล็อกเกอร์ด้านล่างที่มีฝุ่นเขรอะ เป็นภาพที่แลดูพิลึกใช้ได้ ราวกับว่าถูกแรงโน้มถ่วงดึงลงมาจนหมดเรี่ยวแรงทันทีอย่างไรอย่างนั้น


    เล่นเอาเสียงหัวเราะหายไปในทันทีเลยด้วย


    Fxckเธอสบถมันดังมากพอที่เร็นจะได้ยิน แต่ใจหาได้แยแสชิ้นส่วนหน้ากากที่ปลิวว่อนไปไกลนั่นแล้ว


    ไม่มีทางที่เศษเล็กเศษน้อยนั่นจะบาดใครหรอก... หรือต่อให้บาด ก็คงไม่สร้างผลงานแจ่มแจ้งเช่นที่เห็นอยู่ ณ ปัจจุบัน


              ขนาดเล็บที่ไม่ได้งอกยาวยังค่อนข้างแหลมคมเมื่อใช้ข่วนอะไรสักอย่าง ส่วนเรี่ยวแรงที่ปกติไม่ได้มีมากนักก็คล้ายกับว่าเพิ่มขึ้นประมาณหนึ่งพูดตามตรงคือเธอรู้สึกราวกับกำลังเข้าสู่ช่วงวัยแรกรุ่นอีกครั้งหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น


              มันก็น่าจะเบิกใหม่ได้นะ ไม่เป็นไรหรอก


              ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ


              เอาน่าๆ


              ...


              ...


              ...นั่นเสียงสั่นนิดหน่อยป่ะเร็น?


              แหะคือมันเหมือนยังไม่หายขำอ่ะแหละ แล้วรอยข่วนนี่ก็ทำให้รู้สึกว่าต่อไปต้องกวนตีนแบบไม่แรงมากแล้ว ถ้าป๊าบเข้าหน้านี่คงจบไม่สวยแน่ๆ


              โทปาซเลิกคิ้ว


              อ๊ะ...”


    ...


    เฮ้ยๆ ไม่สิๆๆ ฉันขอโทษ! เมื่อกี้แรงไป ฉันไม่ได้คิด ขอโทษจริงๆ คือมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนด้วย แล้วมันก็—”


              ไม่เป็นไรๆ เธอเปลี่ยนท่านั่งมาเป็นการชันเข่าพิงล็อกเกอร์เสียแทน ดวงตาที่ไร้ซึ่งประกายนั้นพิจารณามองใบหน้าของเพื่อนสาวที่ไม่กล้าสบตานานกว่า 3 วินาทีชาร์โคลสีเข้มที่สะท้อนผ่านดวงตาของเร็นอาจเทียบกับเมฆพายุได้ หากจะเปรียบมันกับอะไรสักอย่างในตอนนี้


              ฉันไม่ค่อยซีอยู่แล้ว ก็คือแอบกลัวอยู่เหมือนกันนั่นแหละ... ได้แต่หวังว่าคงจะไม่เผลอข่วนใครโดยไม่ได้ตั้งใจ


             ปั่นป่วนกว่าปกติ และเธอที่ไม่ชอบก็พยายามหลีกเลี่ยงการพบเจออะไรแบบนั้นมานานแสนนาน...


              แต่สิ่งที่รับรู้มาเมื่อไม่นานมานี้ก็คือการที่ดอกพิกุลนั้นไม่ได้มีอิทธิพลกับสภาพอากาศมากเท่าปัจจัยอื่นๆอีกหลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือสายลมและแรงดันอากาศที่ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือแม้แต่มีอำนาจในการควบคุมมันดังใจปรารถนา


    แต่เธอก็ควรระวังคำพูดจริงๆนั่นแหละ บางคนเขาก็ไม่โอเค


              ขอโทษอีกครั้งนะ จะระวังให้มากกว่านี้


              อืม ก็อย่างที่บอก... ไม่เป็นไร


    โทปาซยันตัวลุกขึ้น เธอหัวเราะเล็กน้อย


              ถ้าเข้าคลาสไปด้วยหน้าหงอยๆแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนมิกซ์จาซีรีทักหรอก


              โธ่... ก็มันยังรู้สึกผิดอยู่อ่ะ ขอเวลาหน่อยสิ


              หืม? ทีกับมาริเธอเปลี่ยนโหมดไวนี่


              ก็ก็มาริตัวเท่านั้นเองอ่ะ! เป็นยัยตัวเล็กตัวน้อย ถ้าเธอซึมตามฉันก็แย่น่ะสิ!”


    น้ำเสียงแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยการบรรยายความเอ็นดูที่มีเพื่อนสาวอีกคนนั้นทำให้ความสนใจของเร็นบ่ายเบี่ยง และนั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี


              เออเนอะ น้ำตานางฟ้าของมาริเป็นของต้องห้ามนี่นา


              ใช่ไหมล่ะ!?


              แต่จะว่าไป... เมื่อวานอ่ะ ตอนที่ฉันเข้าห้องน้ำ มาริได้ร้องตอนเจาะหูให้ปาซป่ะ?


              ...


              ปาซ?


              “ก็... อืม


              ...


              ฉันทำนางฟ้าสุดที่รักของพวกเราร้องไห้ น้ำตาคลอเบ้าเลย

     


    ___

     


              หนึ่งสิ่งที่ทำให้ไม่ค่อยพอใจกับการที่โรงเรียนไม่มียูนิฟอร์มพละแบบชัดเจนก็คือใจที่อยากจะแต่งตัวไม่ซ้ำกันในแต่ละรอบความรักที่มีต่อการทำตัวราวกับหลุดออกมาจากซีรี่ส์วัยรุ่นนั้นไม่ได้จำกัดเหมือนกับจำนวนชุดวอร์มที่มี และโทปาซก็ไม่ปฏิเสธในเรื่องนั้น


              การพยายามสะกดจิตตนเองในกระจกห้องน้ำกลายเป็นอะไรที่ไร้สาระและเสียเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนโง่บรมที่มองเงาสะท้อนของตนเองนั้นแตะต้องหรือร่ายเวทมนตร์ไม่ได้สักคาถา


              บางทีก็คิดว่าคติเรื่องความสำเร็จที่ได้มาเพราะความพยายามควรจะหายไปได้เสียแล้วการทำลายความหวังอันแรงกล้าของคนไร้เดียงสามันโหดร้ายกว่าการขยี้ข้อเท็จจริงที่ว่าเธอนั้นจูนิเบียวเป็นเท่าตัว


              คงต้องช่างมันแล้วสินะ...


              อย่างน้อยเธอก็ดูดีตอนใส่มัน


              โอ้ขอบคุณเธอกล่าวตอบไปด้วยรอยยิ้มบางเบา


              ยังดีที่มีคนช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ได้บ้าง


              “แหมๆ ฉันก็แค่พูดความจริงเอง”


              ก็มันช่วยจริงๆ


    หรือว่าควรจะเปลี่ยนเป็นจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวละครแอนิเมชั่นที่มีเพียงคอสตูมเดียวด้วยดีล่ะ?


    “มองในแง่ดี บางทีมันอาจจะจบแค่ทดสอบสมรรถภาพเฉยๆเหมือนทุกรอบก็ได้ ไหนๆระบบจะถือว่าเราลงเรียนก็ต่อเมื่อผลทดสอบออกแล้วนี่นา เรื่องชุดก็ไม่น่าเป็นห่วงมาก”


    สัปดาห์แรกๆคือการเก็บข้อมูลที่จำเป็นต่อระบบการเรียนเวทมนตร์เพิ่มเติม รวมไปถึงการต่อยอดในทักษะต่างๆสำหรับอนาคตของนักเรียนอันหลากหลายอีกด้วย— ทุกคนถูกบังคับให้ทดสอบอย่างช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสมรรถภาพที่จะถูกระบุไว้ในระบบเมื่อเสร็จสิ้นนั้นจะเป็นตัวตัดสินใจว่ามีทางเลือกปฏิเสธการฝึกซ้อมหรือไม่


    “ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงใช่ล่ะมั้ง”


    และสภาพเธอตอนนี้ก็...


    “มันต้องเป็นคนไม่เก่งกีฬาตลอดแหละนะ ที่ต้องเจออะไรแบบนี้น่ะ”


    “แต่ตอนนี้เราก็รู้แค่เรื่องเล็บกับเขี้ยวไม่ใช่เหรอ? พวกพละกำลังหรืออะไรเทือกนั้นยังไม่มาเลยสักหน่อย”


    “โอ้— ฉันไม่รู้เธอมองโลกในแง่ดีเกินไป หรือว่าฉันคิดมากเกินไปแล้วตอนนี้”


    ส้นรองเท้าพละธรรมดาที่ทำให้ส่วนสูงอยู่คงเดิมนั้นเคาะพื้นเล่นเป็นจังหวะอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่สองเขาก้าวเดินตามเร็นที่เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น


    ใจหวังว่ามันจะช่วยให้ใจเย็นลงบ้าง แต่ความเป็นจริงปฏิเสธเธออย่างโหดร้าย— ยังดีที่การกระทำของตนเองห่างไกลจากการสร้างมลพิษทางเสียงอยู่ระดับหนึ่ง


              “สงสัยฉันต้องให้ไอวี่มะเหงกคนคิดแง่ร้ายแล้วมั้ง”


              “แต่เคสนี้คือความเห็นฉันมันค่อนข้างจะสมเหตุสมผลกว่านะ”


              “ฮึ? ตอนนี้คำสาปมันยังมาไม่เต็มที่อีกเหรอ? มันผ่านมาหลายวันหลายชั่วโมงแล้วนะ”


              “อ่า— บางเคสก็ปรากฏเต็มที่ตอนผ่านไปเดือนสองเดือน”


              “โฮ่...”


    มันไม่มีข้อมูลที่ระบุไว้ชัดเจน หรือมีงานวิจัยที่ทำให้เธอรู้แจ้งถึงทุกมุมของคำสาปตามธรรมชาตินี้ หนึ่งสิ่งที่รู้ ณ ปัจจุบันคือความรู้สึกกลายๆที่ว่าบางสิ่งบางอย่างในร่างกายยังคงทำงานอยู่เมื่อเปลือกตาปิดลง ซึ่งก็หาได้แย่นักเมื่อมันไม่ได้รบกวนเวลานอนสักเท่าไหร่


    “และฉันก็ยังไม่ได้ศึกษาต้นตระกูลอย่างชัดเจนเลยด้วย ไม่รู้ว่ามันจะมีอะไรเพิ่มเติมอีกไหม”


    ได้แต่หวังว่ามันคงไม่มีหางฟูๆโผล่มาในอนาคต การมีอวัยวะใหม่ที่ไม่คุ้นชินนั้นคงต้องใช้เวลาปรับตัวนานพอสมควร— และหากมันเป็นลักษณะถาวร ก็คงทำให้อะไรๆวุ่นวายไปกว่าเดิมหลายเท่า


    แม้ว่าจะยอมรับชะตากรรมที่เลือกให้กับตนเองมากเพียงใด สุดท้ายแล้วตัวเธอก็ไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับทุกความเป็นไปได้ที่อาจแย่กว่าจินตนาการของตนเองเสียหรอก...


    อย่างไรก็ตาม ก้อนหินนั่นก็คงไม่คิดจะกลิ้งกลับไปในอยู่ในจุดเดิมอีกรอบความเอาแน่เอานอนของชีวิตอาจจะไม่ใช่สิ่งที่โทปาซควบคุมได้เต็มร้อย แต่อำนาจเพียงน้อยนิดของตนเองก็ยังคงมีอิทธิพลกับเส้นทางที่เลือกอยู่ดี


    และเธอจะไม่เมินเฉยกับข้อเท็จจริงข้อนั้น


              “แต่ถ้าตารางฝึกช่วยคุมอะไรพวกนี้ได้ก็คงไม่แย่ เผื่อๆก็คือได้เปรียบในบางด้านด้วย”


              “เช่นตีกับคน?


              “ฉันไม่ตีกับคน— ถึงนั่นจะเป็นสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวก็เถอะ แต่การมีเรื่องกับคนอื่นก็น่ารำคาญอยู่ดี” เธอแค่นหัวเราะ


              “อีกอย่างนะ ฉันจะไปตีกับใครก่อน?


    “ไม่รู้สิ— แต่ฉันล่ะชอบการที่มันเป็นความคิดแรกๆของเธอเหลือเกิน”


              “อ๋อ พอดีว่าติดมาจากเพื่อนรักน่ะค่ะ หล่อนมีความบ้าดีเดือดในตัวสูงพอสมควรเลย”


              “อู้ว... ขอบคุณสำหรับคำชมค่า”


              เธอหัวเราะตอบกลับไปเวลาที่เหลือเฟือนั้นบ่งบอกว่าการคุยเล่นระหว่างทางเป็นเรื่องไม่เสียหาย และประโยชน์อันน้อยนิดในเรื่องของการเบี่ยงเบนความสนใจก็ทำให้เธออารมณ์ดีขึ้น


              แม้กระทั่งในคราวที่ดวงตาสบเข้ากับสิ่งหนึ่งซึ่งไม่ต่างอะไรกับเงาสะท้อนของมันเองในกระจก...


              “อ่า—”


    สกายบลูโทปาซอันเปล่งประกาย— หนึ่งในลักษณะทางกายภาพอันมากมายที่บ่งบอกถึงความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ และขณะเดียวกันก็เป็นการพบเจอที่หาได้ยากในรั้วโรงเรียน


    มุมปากนั้นก็ยังคงยกขึ้นเฉกเช่นเดิม เธอโบกมือให้เขา


    “ไง... แอนดี้”


    ว่าไง


    ท่าทางแบบเดิมที่ได้รับกลับมาทำให้แย้มยิ้มกว้างกว่าเดิมไม่รู้ว่าเป็นเพราะความประหม่าที่ก่อตัวขึ้นในสถานการณ์ซึ่งแลดูสุดแสนจะธรรมดา... หรือว่าเป็นเพราะความรู้สึกของเด็กตัวเล็กๆที่อ่อนไหวคนนั้นกำลังพรั่งพรูออกมากันแน่


              ชิบปาซ จะสายแล้ว!”


              ฮะ!? ไหนว่าถ้าเดินเร็วก็ทันไง?


              โอเค ฉันว่าฉันน่าจะคำนวณพลาดไปนิด—”


              เร็น แบบนี้ไม่น่าเรียกว่า นิด นะ!”


              กากเพชรบนก้อนหินร่วงหล่นไปบางส่วนในตอนที่เร่งฝีเท้าตนเองให้พร้อมเพรียงกับเร็น ทำลายกฎ ห้ามวิ่งในโถงทางเดิน ไปต่อหน้าต่อตาแอนโธนี่และเพื่อนที่เป็นคณะกรรมการนักเรียนเฉกเช่นเดียวกับเขา


              ไอ้อยากคุยมากกว่านี้ก็อยากอยู่หรอก... แต่ความต้องการจะให้คลาสพลศึกษาเริ่มไวและจบไวมันดันไม่ได้เกี่ยวข้องกับแค่ตัวเธอคนเดียวเหมือนเรื่องนี้น่ะสิ

     


    ___

     


              เสียงรองเท้าผ้าใบที่เสียดสีกับพื้นของโรงยิมก็คือหลักฐานของการมาทันคาบเริ่มพอดิบพอดีเธอพิงผนัง กอบโกยออกซิเจนเข้าปอด ขณะที่เร็นผู้ซึ่งตามมาติดๆนั้นแทบจะทรุดลงบนพื้น เตรียมพร้อมกลิ้งเข้าไปหาอาจารย์เรียบร้อย


              เรามาทันใช่ไหมคะมิกซ์?


              ก็ฉิวเฉียด... แต่แนะนำว่าควรเผื่อเวลาไว้มากกว่านี้อีกนิด ยิมใหม่มันไกลกว่ายิมเก่าเยอะอยู่


              “ค่ะ


              นั่งพักกับคนอื่นไปก่อนนะ ยังมีบางคนที่มาไม่ถึงทีนิชิมิยะ ฉันบอกว่านั่งพัก ไม่ใช่นอนราบลงไปกับพื้น


              แง มิกซ์ขา...


              เดี๋ยวก็โดนใครสักคนเหยียบหรอก ใกล้ประตูแบบนั้นน่ะ


    วินาทีหนึ่งยังหัวเราะอยู่กับบทสนทนาของเร็นและมิกซ์จาซีรีอยู่เลยเธอไม่คาดคิดว่าช่วงเวลาก่อนเตรียมพร้อมรับมือกับความหนักอึ้งในอกอีกครั้งมันจะผ่านไปรวดเร็วเสียจนทำตัวไม่ถูก


             พร้อมไหม?


             อ่า...


             อยากย้อนกลับไปคุยกับแอนโธนี่ต่อขึ้นมาทันทีเลย


    ดอกพิกุลถูกกลืนกลับลงคออย่างช่วยไม่ได้ สถานการณ์นี้มันไม่สะดวกแก่การพูดความเห็นออกมาจากใจจริงเพื่อนร่วมคลาสมากมาย สายตาที่จดจ้องมายังเธอ และสิ่งตรงหน้าที่เธอจำเป็นจะต้องเตะเพื่อทดสอบแรงกายตนเอง


    หารู้ไม่ถึงสาเหตุที่ทำให้รู้สึกชั่งใจ ณ ปัจจุบัน... จะว่าประหม่า เพราะไม่เคยมีประสบการณ์กับมันมาก่อน ก็คงจะไม่ถูกเสียหมด


    พยายามใส่แรงให้มากที่สุด แต่อย่าเกินขีดจำกัดที่มี


    ค่ะ


    ไม่ต้องกลัวว่ามันจะพัง ยังมีสำรองอีกเหลือเฟือ


    โอ้


    ความเป็นไปได้ในนี้ถือว่ามีเปอร์เซ็นต์ที่ค่อนข้างชัดเจนโอกาสมากกว่าครึ่งของการทำลายข้าวของตรงหน้านั้นถูกสันนิษฐานโดยมิกซ์จาซีรีไปแล้วด้วย


    เดิมทีมนุษย์ก็มีความทนทานต่อสิ่งต่างๆมากอยู่พอควร หากเทียบกับพวกสัตว์เลี้ยงหรือสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ... กระนั้นก็ไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอจะรับมือพละกำลังอันเนื่องมาจากคำสาปนี่ได้


    และมันก็ไม่มีอะไรมายืนยันว่าพละกำลังที่แลดูจะเพิ่มขึ้นของเธอนั้นอยู่ในระดับไหนกันแน่ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ใช้แรงกายเต็มที่แบบนับครั้งต่อปีได้เสียด้วยซ้ำ


    คิดเสียว่าโกรธอะไรอยู่ก็ได้ แบบนั้นอาจจะช่วยได้ประมาณหนึ่ง


    “ค่ะมิกซ์... งั้นขอเวลาสักแป๊บนะคะ


    สองขาก้าวไปยังมันเพื่อตรวจสอบอย่างคร่าวๆ เคาะมันเบาๆเพื่อสังเกตดูเลขที่ขึ้นบนหน้าจอใกล้เคียงนั่น แล้วดวงตาก็ตวัดกลับมามองมือของตนเองอีกครั้งหนึ่งรูปลักษณ์แลดูปกติ ตัวเลขนั้นก็เป็นไปตามมาตรฐาน ทว่าความรู้สึกไม่คุ้นชินดันกลบข้อเท็จจริงเหล่านั้นเสียหมด


    ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องทำหรอก บอกมิกซ์จาซีรีไปดิ


    แต่แล้วทุกอย่างก็ชะงักงัน


    เฮ้! เดี๋ยวสิ นายจะพูดแบบนั้น—”


    ทำไมเล่า? ฉันแค่บอกว่าแอนเดรียยังมีทางเลือก ไม่จำเป็นต้องทำอะไรที่มันขยี้เรื่องความโชคร้ายของตนเองเลย


    “ร-เรื่องนั้นมัน...


    แอนเดรียควรได้ใช้ชีวิตแบบปกติไม่ใช่หรือไง?


    ผัวะ!!


    โสตประสาทเธอทำงานผิดวิสัยไปชั่วครู่หนึ่งหากให้พูดตามความเป็นจริงก็ทำงานผิดวิสัยกับทุกประสาทสัมผัส


    รู้ตัวอีกทีก็เห็นผลงานของตนเองอยู่เบื้องหน้า.... และริมฝีปากก็กำลังแย้มรอยยิ้มที่กว้างที่สุดของรอบวันโดยไม่ทันได้สังเกตเอง


    อะดรีนาลีนกำลังหลั่ง หัวใจเต้นแรงเสียจนรู้สึกว่ามันอาจจะหลุดออกจากอกได้ ความไม่คุ้นชินนั้นแปรเปลี่ยนเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกดีเกินคาดราวกับกำลังย้อนเวลากลับไปในคราวก่อนถูกสาป ตอนที่สิ่งซึ่งเคยเหนี่ยวรั้งตนเองไว้ถูกทำลายอีกครั้งหนึ่ง และบางอย่างที่อยู่ข้างในนั้นถูกปลุกขึ้นมา...


    โอ้—” ก็ควรได้ใช้ชีวิตแบบปกติอย่างนี้จริงๆนั่นแหละ


    ผัวะ!


    ขานั้นเหวี่ยงแรงใส่สิ่งตรงหน้าอีกครั้ง ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าเสียจนก่อเกิดเป็นชิ้นงานศิลปะที่เละเทะที่สุดเท่าที่เคยสร้างสรรค์มาทั้งรูปทรงที่บิดเบี้ยวไปจากเดิม ชิ้นส่วนเล็กๆน้อยๆที่หลุดออกมา และตัวเลขบนหน้าจอที่หายไปตั้งแต่ครั้งที่สอง


    ผลลัพธ์เป็นที่พึงพอใจนะ ได้โบนัสมาอีกสองสามรอบด้วย น้ำเสียงที่ฟังดูอารมณ์ดีของมิกซ์จาซีรีทำให้เธอเอ่ยขอบคุณกลับไปด้วยความกระตือรือร้นความสดชื่นที่ขัดกับสภาพร่างกาย ณ ปัจจุบันคือสิ่งที่โทปาซไม่เข้าใจ กระนั้นก็หมางเมินมันไปชั่วคราว


    ที่ทดสอบแยกก็มีแค่นี้แหละ เหลือแต่แบบรวมสักสามสี่อย่างแล้ว


    อ้อ...


    จะไปกินยาก่อนก็ได้นะแอนเดรีย มันกันแค่รูปลักษณ์เปลี่ยน ไม่มีผลอะไรกับสมรรถภาพทางกายอยู่แล้ว


    เธอเหลือบลงมองมือตนเอง


    โอเคค่ะมิกซ์จาซีรี ขอบคุณนะคะ


    ยินดีแล้วก็อย่าลืมเช็คอีเมลล่ะ ตารางฝึกน่าจะมาประมาณอาทิตย์หน้า


    รับทราบค่ะ


    แล้วจึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังเร็นอยู่ สายตาเพียงแต่จดจ้องไปยังตำแหน่งที่ว่างเคียงข้างเพื่อนสาวตรงอัฒจันทร์เล็กๆนั่นใช้เวลาช่วงที่มิกซ์จาซีรีพักเพื่อพูดคุยกับนักเรียนคนอื่นเรื่องการฝึกซ้อมอย่างคุ้มค่า พยายามไม่แยแสสายตาหลายคู่ที่จดจ้องมายังตนเอง


    สรุปก็คือได้ตารางฝึก?


    อืม ความจริงมันชัดตั้งแต่แรกแล้วด้วยแหละ


    แต่มิกซ์ไม่ถามเรื่องข้อมูลยิบย่อยเหรอ?


    เหมือนว่าทางสถานเวทย์จะส่งข้อมูลมาให้โรงเรียนแล้วน่ะ ก็เลยไม่ต้องเล่าอะไรมาก บวกกับพื้นฐานความรู้ความเข้าใจของมิกซ์แกแล้วด้วย


    นิ้วนั้นเกี่ยวสายคล้องเพื่อดึงกระบอกน้ำออกมาจากกระเป๋าการดื่มเพื่อดับความกระหายคือสิ่งแรกที่ทำ ก่อนจะกินยาแล้วดื่มน้ำตามอีกครั้งหนึ่ง


    ความเคยชินในเรื่องที่ทำซ้ำมาหลายต่อหลายครั้งทำให้พอจะจับทางได้ว่าควรถือในองศาไหน ไม่ให้สร้างร่องรอยอันน่าจดจำเหล่านั้นไหว... แม้ว่ากับเรื่องอื่นๆจะยังไม่เชี่ยวชาญเท่าก็ตาม


    ค่อยๆเป็นค่อยๆไป คงได้กลายมาเป็นคติประจำตัวของเธอในไม่ช้า ต้องขอบคุณพี่สาวแสนรักที่เอ่ยเตือนสติในวันนั้น


    ตอนแรกนึกว่าปาซจะอารมณ์ไม่ดีนะเนี่ย... ก็ไม่ชอบกีฬาหรือการออกแรงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว


    นั่นน่ะสินะ...


    ฮึ?


    เมื่อกี้รู้สึกเหมือนทำเควสต์พิเศษในเกมสำเร็จอย่างไรอย่างนั้นเลยล่ะ


    กากเพชรรอบๆเครื่องทดสอบนั้นเป็นเพียงสิ่งที่เธอเห็นในมโนธรรมแต่เพียงผู้เดียว...


    และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้แสบตาจนน่ารำคาญ


    แอนเดรีย! อย่าลืมมาช่วยเก็บกวาดตอนท้ายคลาสนะ!”


    ค่า!”


                       

              

     


    ตอนนี้เนื้อหาหนักนิดนึงค่ะ ส่วนใหญ่ที่หนักๆหน่อยก็เป็นตอนที่ย้อนนึกเรื่องอดีตนี่แหละ นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ค่อยเครียดแล้ว
    มีขายความน่าเอ็นดูของมาริซอลเล็กน้อยตรงที่เป็นคนเจาะให้เพื่อน แต่กลัวเพื่อนเจ็บคนน้ำตาไหลเฉย ส่วนคนโดนเจาะก็ปลอบ
    ในกลุ่มสาวๆก็คือโอ๋มาริซอลกันมากสุดแหละค่ะ ปกป้องนางฟ้าแสนดีคนเดียวของกลุ่มเต็มที่5555555555555
    แต่ความเป็นกันเองก็ยังมีอยู่ คือไม่ได้สปอยล์มากหรอก พูดกันก็ด้วยเสียงปกติ ไม่มีเสียงสองเสียงสาม แต่ถ้าใครหาเรื่องมาริก็คง... แหะ

    สตอรี่หลักส่วนใหญ่จะยึดตามมุมมองของพระ-นางค่ะ เพราะว่าเน้นแนวๆบันทึกแหละ
    แต่ว่าไม่ต้องห่วงไปนะคะ เราจะได้ลงลึกผ่าน insight ที่จะมีในแต่ละช่วงอย่างแน่นอนค่ะ ผ่านมุมมองของตลคที่เป็นไซด์คาร์
    และกันปัญหายัดซีนเข้าไปในตอนมากเกินด้วยค่ะ ตอนนี้คือตัดไปแล้วประมาณซีนนึงใหญ่ๆเลย
    (แต่มีการใบ้ถึงความแอบ chaotic ของปาซที่จะถูกปลุกอีกรอบในอนาคต-- เตรียมตัวรับความวุ่นวายได้เลยค่ะ)

    สารภาพเรื่องนึงค่ะ คือตอนแรกๆดันเผลอแต่งด้วยสไตล์วอร์แฟร์ค่ะ ไม่รู้เป็นไร เหมือนลืมว่าเรื่องนี้ต้องแต่งตามมู้ดไปเรื่อยๆ
    แก้จนจ้วกเลย อินเนอร์อุปมายัยปาซคือทำสมองเครสช็อต ในอนาคตคือจะรอดจากคีย์เวิร์ดพวกนี้มั้ยนะ555555555555

    เผื่อใครงงๆเล็กน้อยนะคะ คีย์เวิร์ด 'จุดเริ่มต้น' หรือ 'การเริ่มใหม่' นี่อาจจะมาบ่อยขึ้นค่ะ
    เพราะว่าปัญหายิบย่อยที่โทปาซต้องจัดการนี่ก็ไม่ใช่น้อยเลย และยัยก็แยกมันออกไปเป็นเรื่องๆ
    ก็คือจุดเริ่มต้นแต่ละจุดนั้นไม่ใช่ในเรื่องเดียวกันค่ะ-- ในส่วนของเรื่องมิสเคนเนดี้ก็เริ่มจากการเข้าชมรมใหม่ ไม่ได้เริ่มจากการออกชมรมเก่า




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×