ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    monster – assassination classroom fanfic

    ลำดับตอนที่ #4 : chapter 2 : i won't match anyone.

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 64


      

    chapter 2

              อะไรอีกยะ?


              เปล่า... แค่มาเช็คดูว่าโอเคจริงๆไหม?


              นักเรียนส่วนใหญ่กลับห้องเรียนไปแล้ว หลังจากที่วิ่งมาดูสถานการณ์ในห้องเก็บของเสร็จ


              นักฆ่าสาวกำลังอยู่ในสภาพร่อแร่และหมดเรี่ยวแรง แต่ถึงกระนั้นก็ยังตวัดตาค้อนมองเธออยู่ดี


              เลย์โกะหย่อนตัวนั่งลงบนพื้นข้างๆอีกฝ่าย ใบหน้านั้นไม่ได้แสดงออกซึ่งอารมณ์นัก เธอไม่ได้กลับห้องเรียนไป... ด้วยสาเหตุที่ยากจะอธิบาย


              อะไรของหล่อนกัน?


              ไม่รู้สิ...


             ก็พอจะเดาออกว่าแผนการลอบสังหารของอีรีน่ามีความเป็นไปได้ต่ำที่จะสำเร็จ หลังจากที่ได้ฟังข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับอาจารย์โคโระจากเพื่อนร่วมห้องบางคนมาแล้ว


              แต่มันก็มีความคิดหนึ่งที่ฉุดรั้งเธอไว้... ว่าไม่ควรจะเดินจากไปเฉยๆเหมือนทุกครั้งที่พบเจอความผิดพลาดของคนอื่น


              อาจเป็นเพราะครั้งนี้ดันเป็นคนรู้จัก


              ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ


              ดวงตาสีอเมทิตส์ของเลย์โกะเหลือบมองใบหน้าที่แลดูระแคะระคายใจของอีกฝ่าย


             เธอยังไม่เข้าใจตนเองเลย จะนับประสาอะไรกับคนรอบข้างกันล่ะ?


              จะทำอะไรก็ช่วยทำให้มันเด็ดขาดหน่อยเถอะ


              “...


              เธอเงียบ


              “มันน่ารำคาญนะรู้ไหม?”


              “...จะพยายามก็แล้วกัน


             และไม่รู้ทำไม ถึงได้ตอบไปแบบนั้นในท้ายที่สุด


              อีรีน่าถอนหายใจ


              “ทำตัวย้อนแย้งนะแกน่ะ... ฝืนตนเองว่างั้น?


              เธอจ้องอีกฝ่ายนิ่งๆ ไม่ได้เอ่ยตอบโต้อะไรไป


              “สันดานมันปรับไม่ได้ง่ายๆอยู่แล้ว และต่อให้แกจะรำคาญคนอื่นง่ายขนาดไหน แกก็ไม่ใช่คนที่ไม่แคร์ใครสักหน่อย...”


              “ก็ไม่ได้เข้าใจอะไรมากหรอก แต่ก็พอจะดูออกว่าแกกำลังฝืนตนเองอยู่ใช่ไห?”


              สิ้นสุดประโยคที่นักฆ่าสาวเอ่ย เลย์โกะก็ตัดบทสนทนาทั้งหมดด้วยการลุกขึ้นและปัดฝุ่นบนยูนิฟอร์มของตนเอง


              “ยัยแอล”


             “กลับห้องแล้วนะ เชิญรับบทนางแค้นต่อได้เลย” เธอไหวไหล่ ราวกับไม่แยแสอะไร


              “โอ๊ย! ไม่ยั่วโมโหกันสักชั่วโมงมันจะตายหรือไงยะ!?


              สุดท้ายก็เดินกลับห้องเรียนไปโดยที่มีเสียงโวยวายของอีรีน่า เจลิวิชดังอยู่เบื้องหลังตนเอง... ประกอบกับเสียงในหัวที่ตีกันจนทำให้รู้สึกสับสน

     

    ________

     

              บรรยากาศในห้องเรียนไม่ได้ดีสักเท่าไหร่นัก


              คาบเรียนที่ไม่มีการสอน...


    เสียงจิ้มแท็บเล็ตของอาจารย์ประจำวิชาที่หาใช่อาจารย์จริงๆ...


    สีหน้าลำบากใจ เหนื่อยหน่ายใจ และท้อแท้ใจของนักเรียนห้อง 3-E แต่ละคน...


    และความว่างที่ไม่น่าจะเจอในคาบเรียน


              เลย์โกะวางศีรษะบนโต๊ะ เอียงไปหน้าไปทางฝั่งหนึ่ง แล้วไถหน้าจอสมาร์ทโฟนดูอัปเดทข่าวสารไปเรื่อยๆตามประสาคนไม่มีอะไรจะทำ


              อ่า... แมวของนักพากย์คนหนึ่งคลอดลูกแหละ


             ไม่รู้ทำไมถึงได้กดเข้าไปดู แต่มันก็ใช่ว่าเธอมีอะไรให้เรียนในตอนนี้สักหน่อยนี่นะ


              “โอ้ย! ทำไมอาคารเส็งเคร็งนี่มันถึงไม่มีไวไฟกัน!?


              เธอมองไปยังขีดสัญญาณบนหน้าจอสมาร์ทโฟนตนเอง มันขึ้นเต็มอยู่ทุกขีด ทำให้การท่องเน็ตของเธอไม่มีสะดุด


             ต้องขอบคุณไวไฟฮอตสปอตของตนเองที่มีชื่อว่า ‘ทำไมไม่มีสัญญาณกันคะคุณพี่?’


             ดีไม่ดี อีรีน่าอาจจะหัวเสียกว่าเดิมเพราะเห็นไวไฟชื่อกวนประสาทของเธอก็เป็นได้


              “อุ๊บ—”


              “เครียดน่าดูเลยนะเจ๊บิทช์... ก็โดนทำแบบนั้น เลยทำให้ศักดิ์ศรีแตกเป็นเสี่ยงๆเลยนี่เนอะ”


              อีรีน่าจิ๊ปาก


              เมื่อครู่เธอหลุดเสียงหัวเราะออกมา แต่คงไม่มีใครได้ยิน ตอนนี้ความสนใจหลักก็ตกไปอยู่นักฆ่าสาวหน้าห้องเรียนกับคุณเพื่อนบ้านของเธอ


             ก็ดีแล้วน่ะนะ... เธอดันขำออกมาแบบผิดที่ผิดทางด้วย


              เลย์โกะปิดหน้าจอสมาร์ทโฟน จัดแจงท่าของตนเองให้กลับมานั่งหลังตรงเหมือนเดิม แล้วมองสถานการณ์เบื้องหน้าตนเองด้วยสีหน้าที่พยายามทำให้ดูเรียบนิ่งให้มากที่สุด (เพราะดันรู้สึกขบขันกับเรื่องชื่อไวไฟอยู่)


              “อาจารย์ครับ” อิโซไก ยูมะเอ่ย ดึงความสนใจของอีรีน่าจากคารุมะไป


              “มีอะไร?


              “ถ้าไม่สอนก็ช่วยเปลี่ยนตัวให้อาจารย์โคโระมาสอนได้ไหมครับ? ปีนี้เราต้องสอบเข้าด้วย...”


              หล่อนแค่นหัวเราะ


              และมันเริ่มจะทำให้ความขบขันในตอนแรกของเธอจางหายไป...


             “อยากให้สิ่งมีชีวิตเลวทรามนั่นสอนเหรอ?


    “เอาหายนะของโลกมาเทียบกับการสอบเข้าเนี่ยนะ? ช่างเป็นเด็กน้อยที่รักสงบกันเสียจริงนะ”


    อืม


    ดูทรงแล้วไม่น่าจะจบสวยสักเท่าไหร่


              “อีกอย่างนะ... ได้ยินมาว่าเด็กห้อง E อย่างพวกเธอเป็นเศษเดนของโรงเรียนนี้ไม่ใช่เหรอ?


              “มาตั้งใจเรียนเอาป่านนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก”


              บรรยากาศในห้องมันแย่กว่าเดิม เมื่อหล่อนยกประเด็นนั้นขึ้นมา... เลย์โกะส่ายหน้าเบาๆอย่างเอือมระอา ดวงตาสีอเมทิตส์เหลือบมองคนที่นั่งโต๊ะทางฝั่งซ้ายของตนเอง


             คารุมะกำลังยิ้มอยู่


             ก็นั่นน่ะสินะ... คำพวกนั้นแทบจะไม่มีผลอะไรกับพวกเธออยู่แล้ว


              ก็ได้ยินมาตลอดจนชินชา...


    อย่าว่าแต่แยแสเลยเถอะ ทุกวันนี้ที่ได้ยินคำว่า ‘เศษเดน’ ก็มีปฏิกิริยาเหมือนกับตอนเสียงนกเสียงกานั่นแหละ


              สำหรับเลย์โกะแล้ว— คำว่า ‘ความผิดพลาด’ หรือ ‘อ่อนแอ’ นั้นเจ็บกว่าเยอะ


             “จริงสิ งั้นเอาแบบนี้ดีกว่า ถ้าฉันลอบสังหารสำเร็จ เดี๋ยวจะแบ่งให้คนละห้าล้านเยนก็แล้วกัน แบบนี้คงดีกว่ามานั่งเรียนแบบไร้ประโยชน์ใช่ไหมล่ะ?


             แต่กับคนอื่นในห้อง 3-E น่ะ เธอไม่รู้หรอก...


              “เพราะฉะนั้นหุบปากและทำตามที่ฉันสั่ง—”


              ปัก!


              “ออกไป”


              ยางลบที่ถูกปาเฉียดตัวนักฆ่าสาวและถ้อยคำสั้นๆที่บ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์มันมากพอที่จะสร้างสถานการณ์วุ่นวายในห้องเรียนได้


              นักเรียนในห้องเริ่มปาข้าวของ ระบายอารมณ์ของตนเองออกมาในรูปแบบของถ้อยคำขับไล่ และในขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้อาจารย์ประจำชั้นมาสอนแทน


              เสียงโวยวายของอีรีน่าดังสลับกับเสียงของเพื่อนร่วมห้องเธอ หากคาราสึมะไม่มาดึงตัวรายนั้นออกไป เรื่องมันก็คงจะใหญ่โตกว่านี้ และหน้าห้องเรียนก็คงเต็มไปด้วยเครื่องเขียนและก้อนกระดาษจำนวนมากที่พวกเขาปาไป...


              เธอที่มองทุกอย่างอยู่นิ่งๆตั้งแต่เริ่มจนจบนั้นไม่ได้ออกตัวอะไร ยังคงนั่งอยู่ท่าเดิมและมองเบื้องหน้าตนเองด้วยสายตาเดิม— เต็มไปด้วยเหนื่อยหน่ายใจ


              ให้ตายสิ...


              พูดอะไรออกไปโดยไม่ได้คิดเลยนะนั่น


             ทว่าในตอนนั้นก็มีบางอย่างที่ดึงความสนใจของเธอไปจากสถานการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น...


              “หน้าดูเหนื่อยๆนะ”


              อาคาบาเนะ คารุมะกับรอยยิ้มเลศนัยที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าจนเป็นภาพจำ


              “ก็ประมาณนั้น เจออะไรแบบนี้ในวันแรกที่กลับมาเรียนก็ตั้งตัวไม่ถูกอยู่เหมือนกัน”


              “แค่เรื่องนั้นหรอกเหรอ?


              เธอแค่นหัวเราะ


              “มันมีเรื่องอื่นด้วยหรือไง?


              “แหม... มันอาจจะมีก็ได้นะ— แต่สุดท้ายแล้ว ต่อให้มีหรือไม่มี เธอก็ไม่บอกเพื่อนรักคนนี้อยู่ดีนั่นแหละ” เขากลั้วหัวเราะ ก่อนจะหยิบกล่องป๊อกกี้รสอัลมอนด์ครัชออกมาจากกระเป๋า แล้วโยนมาให้เธอ


              “อ่ะ! มีคนให้มา ฉันไม่น่าจะได้กินอยู่แล้ว ยกให้ก็แล้วกัน”


              เธอแกะมัน


              “ถ้าฉันกินแล้วตายนะ...” กล่าวพึมพำเบาๆ ก่อนกัดไปคำหนึ่ง


              อืม—


             เลย์โกะนิ่งไปประมาณนาทีเดียวได้ ก่อนจะสาวเจ้าจะเหล่มองซ้ายขวา แล้วหลังจากนั้นก็เอ่ยเรียกคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆในอีกฝั่งหนึ่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


              “เทราซากะ


              ถ้าให้นิยามเขาคนนี้แล้วล่ะก็... หากไม่ใช่คนลุคอันธพาลคนหนึ่ง ก็คงจะเป็น ของเล่นของคารุมะ


    “อะไร?


    แต่ในกรณีนี้ เธอจะลองเล่นพิเรนทร์ๆตามปีศาจแห่งห้อง E ก็แล้วกัน


    “เอาไหม?


    เขาขมวดคิ้วมองเธอ แล้วก็มองข้ามไปสบตากับคารุมะ


    “พวกแกมาไม้ไหนกันอีกล่ะวะ?


    มาไม้ไหนกันอีก อะไรกัน? ตลอดคาบที่ผ่านมาเธอไม่ได้ทำอะไรเลยสักหน่อย... ก็แค่มองคารุมะแหย่เขาเฉยๆต่างหาก


    แต่ถึงเจ้าตัวจะว่าไปแบบนั้น สุดท้ายก็หยิบป๊อกกี้ไปกินแท่งหนึ่งแต่โดยดี


    เลย์โกะไม่ได้คิดจะรอดูปฏิกิริยาของเทราซากะหรอก เธอเอี้ยวตัวไปเปิดกระเป๋าของตนเอง แล้วหยิบกล่องทิชชู่ออกมา


    วางกล่องบนโต๊ะ แล้วรีบดึงแผ่นทิชชู่ขึ้นหนึ่งแผ่น


    ในตอนที่คายชิ้นป๊อกกี้ในปากใส่กระดาษทิชชู่เสร็จพอดี ก็เป็นเวลาเดียวกับที่เทราซากะร้องออกมาเสียงดังลั่น


    “ชอบไหมเทราซากะ? เป็นแบบโฮมเมดที่ฉันใส่ทั้งความรักและพริกผีลงไปเลยนะ”


    “ความรักแม่แกสิคารุมะ!!”


    กล่องน่ะเป็นของหลอก... เธอรู้ตั้งแต่วินาทีที่ลิ้นแตะกับป๊อกกี้นั่นแล้ว


    ถึงได้รีบคายออกทันทีที่เทราซากะหยิบไปกินนั่นและ


    “แกก็เหมือนกันสึมุกิ! จะหาเรื่องฉันใช่ไหม!?


    “หุบปากน่าเทราซากะ เสียงมันรบกวนคนอื่นนะ” คนสร้างปัญหานั้นกล่าวเฉไฉ ก่อนจะห่อทิชชู่แล้วโยนมันให้ลงถังขยะที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก


    “ใช่ๆ แบบนี้มันรบกวนคนอื่นน้า...”


    “ไอ้— !!”


    ไม่ลงถังแฮะบ้าเอ้ย

     

    ________

             

              เหมือนจะเห็นอีรีน่ายืนอยู่กับคาราสึมะในตอนที่กำลังเล่นแบดมินตันลอบสังหารอยู่กับคนในห้อง ในตอนนั้นเธอกำลังเบื่อ มาเอฮาระเล่นทำคะแนนให้ฝั่งจนไม่เหลืออะไรให้เธอทำ เลยได้แต่ยืนเท้าสะเอวอยู่ในสนามเงียบๆ— แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอก


    เพราะที่สำคัญกว่าก็คือการหลังจากตอนนั้น จู่ๆนักฆ่าสาวคนนั้นก็เดินเข้ามาในห้องระหว่างทุกคนกำลังทำกิจกรรมของตนเองอยู่ในห้องต่างหากล่ะ...


    ทันทีที่ได้ยินเสียงขีดเขียนชอล์กบนกระดาน เลย์โกะก็เบนความสนใจออกจากหน้าจอแล็ปท็อปของตนเอง เธองวยงง


    และเชื่อเถอะ— ความฉงนนั้นเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นประโยคนั่นเต็มๆ


    You are incredible in bed, repeat!”


    มันอะไรกันล่ะนั่น?


    “เอาเลย”


    Y-You are incredible in bed” คนในห้องเรียนกล่าวตาม ทว่าสีหน้าก็ดูงวยงงกันทุกคน


    ส่วนเลย์โกะ... กำลังขมวดคิ้วมองกระดานดำ


    เธอไม่เข้าใจเลย และมันก็ทำให้คารุมะหัวเราะออกมา


    แต่รู้อะไรไหม? เธองวยงงเสียจนไม่หันไปค้อนใส่เขาเสียด้วยซ้ำ


    “ตอนที่จะลอบฆ่า VIP คนหนึ่งที่อเมริกา ฉันใช้แผนเอาตัวเข้าล่อบอดี้การ์ดของเป้าหมาย แล้วเข้าประชิดตัว และนี่เป็นสิ่งที่เขาบอกกับฉันในตอนนั้น”


    “มันหมายความว่า... ลีลาบนเตียงของเธอนี่สุดยอดไปเลย”


    ปึก!


    เธอพับหน้าจอแล็ปท็อปของตนเอง


    เชื่อเขาเลยเหอะ...


    “ว่ากันว่า วิธีที่จะเรียนภาษาต่างประเทศได้เร็วที่สุดคือการหาแฟนที่เป็นคนชาตินั้น ถ้าอยากรู้ความรู้สึกเขา เราก็ต้องเข้าใจคำพูดของเขาให้ได้”


    “นอกเหนือจากงานแล้ว... ฉันก็ใช้วิธีนี้เรียนรู้ภาษาใหม่ๆติดตัวไว้ในยามจำเป็น”


    เธอเท้าคาง


    “ฉันจะสอนวิธีจีบชาวต่างชาติให้ รวมถึงพื้นฐานการชวนคุยจากประสบการณ์โดยตรงของนักฆ่ามืออาชีพอย่างฉัน ถ้ามีติดตัวไว้ก็จะมีประโยชน์เวลาเจอกับชาวต่างชาติจริงๆ”


    “ส่วนเรื่องที่จำเป็นต่อการสอบเข้า ก็ให้เจ้าหมึกนั่นสอนให้ก็แล้วกัน ฉันสอนได้แค่เทคนิคการสนทนาที่สามารถนำไปใช้ในอนาคตได้เท่านั้นแหละ”


    “ถ้าพวกเธอยังคิดว่าฉันเป็นอาจารย์ไม่ได้... ฉันจะล้มเลิกการลอบฆ่าแล้วกลับไปเอง ค-คงไม่มีปัญหากันใช่ไหม?


    “แล้วก็... ขอโทษในหลายๆเรื่องด้วยนะ”


              เลย์โกะไม่รู้ว่าคาราสึมะได้พูดอะไรกับอีรีน่าไปบ้าง... แต่เธอก็รู้สึกขอบคุณเขาไม่น้อย


              ตามประสานักเรียนในห้องนี้ที่ต้องการอาจารย์นั่นแหละ


             ตอนนี้เจ๊บิทช์ได้ถูกยกระดับกลายเป็นอาจารย์บิทช์แล้ว— ถึงเจ้าหล่อนจะโวยวายทันทีที่รู้ว่าคนในห้องยังไม่หยุดเรียกเธอว่า บิทช์ก็เถอะ


              แต่อีรีน่าได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของห้องเรียนลอบสังหารแล้ว...


              และมันทำให้เธอรู้สึกระแวงเป็นอย่างมาก มันมีแนวโน้มสูงที่รัฐบาลจะส่งคนในเธอรู้จักสักคนสองคนมาช่วยเหลือในการลอบสังหารสัตว์ประหลาดความเร็ว 20 มัคนี่


             ดันรู้จักคนเยอะอยู่พอสมควรด้วยสิ


              และการที่ตนเองเคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อนนี่มันไม่ใช่อะไรที่น่าภาคภูมิใจเลย... โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการตัดสินใจในตอนนั้นมันเนื่องมาจากการตัดสินใจอันโง่เง่าของตัวเธอเอง


             เจริญมากเลยเลย์โกะ


    ...


              “ขอคอนแทคหน่อย”


              หลังเลิกเรียนเธอมีนัดกับนากามุระ ริโอะ แต่ก่อนที่จะได้เก็บของและมุ่งหน้าไปยังร้านฟาสต์ฟู้ด ก็ถูกคนรู้จักเรียกเข้าห้องพักครู่ไปเสียก่อน


             และนี่คือถ้อยคำแรกที่อีรีน่าเอ่ยกับเธอ


              “ฮะ?


              “ก็นอกจากเมลสำรองลำดับที่ล้านแปดของแก ฉันแทบจะไม่มีวิธีติดต่ออื่นเลยนี่นา”


              “แล้วจะเอาไปทำไมกันเล่า? เจ๊อยากผูกมิตรกับฉันหรือไง?


              “บ้าเรอะ? ก็แค่เผื่อว่าแกทำอะไรบ้าๆเข้าสักวันไง”


              เลย์โกะแค่นหัวเราะ


              “ทำหน้าที่แทนแม่ฉันเลยไหมล่ะแบบนี้?”


              ก็พูดแบบนั้นไปแหละ แต่สุดท้ายก็แลกเบอร์โทรศัพท์กับช่องทางติดต่ออื่นของกันและกันอยู่ดี

     

              “เออ แล้วก็นะยัยแอล”


              “ว่า?


              “ถ้ามีอะไร... ฉันก็พร้อมรับฟังนะ”


              เธอไม่ได้ตอบอะไรหล่อนไป เพราะในวินาทีต่อมา คาราสึมะก็เข้ามาเก็บของและบอกให้เธอกลับไปได้เมื่อหมดธุระ

     

    ________

     

              การรำลึกความหลังที่เธอไม่มีปัญหาในการพูดถึงมันมีแค่เกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนถูกสั่งพักการเรียนนั่นแหละ


              ถามจริงเหอะ เธอไม่โดนไล่ออกได้ไงเนี่ย?


              ขนาดคารุมะที่มีเรื่องตลอดยังไม่โดนเลย กรณีฉันก็เหมือนกันนั่นแหละ เธอกล่าว ก่อนจะดื่มน้ำอัดลมอย่างสบายอารมณ์


              เครื่องที่ทั้งหวานและซ่าช่วยปรับอารมณ์ของเธอให้ดีขึ้นหน่อย มันทำให้เธอเบนความสนใจออกจากเรื่องที่อีรีน่าพูดเมื่อตอนอยู่ในห้องพักครู


              ตอนที่ได้ยินน่ะ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ค่อยถูกเลย...


             ทั้งดีใจ โล่งใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ลำบากใจและสมเพชตนเอง


              และมันก็ผุดขึ้นมาในหัวหลายรอบในตอนที่พูดคุยกับนากามุระเล่นเอาเธอแทบจะปรับสีหน้าให้ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ทันเลย


              แต่ก็ถูกส่งมาห้อง E แหละนะ นากามุระกลั้วหัวเราะ


              เธอสลัดความคิดนั้นออกไป พยายามมีอารมณ์ร่วมกับบทสนทนาปัจจุบันให้มากที่สุด


              จะห้องไหนมันก็ไม่มีผลกับฉันหรอกน่า ม.ต้นก็เหลืออีกแค่ปีเดียวแล้วนี่


              ไม่ได้มีเพื่อนที่สนิทเป็นพิเศษจนแยกจากกันไม่ได้ ไม่มีสภาพแวดล้อมที่ไม่อยากจะจาก...


             เธอไม่ได้ยึดติดกับอะไรที่มีอยู่ในช่วงก่อนถูกย้ายมาสักหน่อย


              อย่างไรก็ตาม เรื่องข้อมูลสำหรับการลอบสังหารนี่ก็ต้องพึ่งพาคุณหนูเส้นสายอย่างเธอแล้วล่ะนะ


              อืม เธอพยักหน้า


              เลย์โกะรู้ดี ประโยชน์ที่เธอจะทำให้คนอื่นได้มากสุดก็มีแค่เรื่องนี้เท่านั้นแหละ


              เธอไม่เคยเป็นที่หนึ่งด้านการฟันดาบ ด้านดนตรีก็เลิกมาหลายปีแล้ว ส่วนเรื่องการเรียนก็ไม่ใช่ประเภทที่จะสอนใครรู้เรื่อง


              และมันก็ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรกับข้อเท็จจริงดังกล่าวดี... เธออยากจะไม่แยแส แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโหวงๆที่ตนเองไม่ได้มีความสามารถมากพอที่จะช่วยคนอื่นได้


              ต่อให้ตอนแรกไม่ได้อยากจะอยู่กับภารกิจลอบสังหารนี่สักเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นความรับผิดชอบที่เธออยากจะทำให้เสร็จก่อนทิ้งทุกอย่าง


              ซึ่งมันแปลก... เธอมันแปลก


             มามีความรับผิดชอบอะไรตอนนี้ล่ะ? อีกไม่นานก็จะทิ้งทุกอย่าง แล้วหนีไปแท้ๆ


             ...


              อีรีน่าอาจจะพูดถูก เธออาจจะกำลังฝืนตนเองอยู่ก็เป็นได้


    แต่มันก็เพื่อสิ่งที่เธอต้องการ


              เธออยากจะเริ่มต้นใหม่ โดยที่ไม่มีอะไรรั้งเหนี่ยวไว้...


              อยากจะลบทุกอย่างที่เป็นสึมุกิ เลย์โกะออกไปให้หมดให้มันอยู่แต่ในอดีต


              และความรู้สึกผูกพันพวกนี้มันจะกลับมาทำร้ายเธอ หากไม่ตัดทุกอย่างออกไปเสียก่อน


             เธอต้องพึงตระหนักว่ามันเป็นแค่งาน และการทำงานด้วยกันไม่ได้แปลว่าจะต้องผูกพันกัน


             ถึงจะรู้สึกเหงาก็เถอะ


              แต่ว่านะ... ฉันล่ะอยากจะเห็นหน้าของอาซาโนะตอนที่โดนน้ำอัดลมอัดหน้าจังๆชะมัดเลย น่าเสียดายที่ตอนนั้นไม่ได้อยู่อาคารหลัก


              ให้ฉันแฮคกล้องวงจรปิดแล้วถ่ายส่งไปให้ไหมล่ะ? มันควรค่าแก่การเอาไปใส่กรอบ แล้วเห่รอบเมืองสุดไปเลยล่ะ เธอกล่าว น้ำเสียงนั้นราบเรียบ ขณะที่ริมฝีปากกระตุกยิ้มเล็กน้อย เธอยังจดจำใบหน้าขรึมๆที่เสียศูนย์ตอนนั้นได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ


              ก็ไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษในตอนที่เรียนอยู่อาคารหลักหรอก แต่เธอไม่เคยชอบอาซาโนะ กาคุชูแบบเข้าเส้นเลย


    พ่อประธานนักเรียนนั่นชอบวางมาด การกระทำเขาเหมือนจะแสนดี แต่มันก็ไม่ต่างอะไรกับของสวยๆงามๆที่ถูกอาบด้วยยาพิษนั่นแหละ


    เขามันน่ารำคาญจนเธออยากจะกระชากหน้ากากนั่นออกในทุกครั้งที่สนทนาด้วยกันเลย


    และเท่าที่จำได้... เขาก็คงไม่ชอบเธอเช่นเดียวกัน


             คุณสึมุกิ ถ้ายังไม่มีกลุ่มล่ะก็... มาอยู่กับพวกเราได้นะ


             อ่า... อาซาโนะนี่ใจดีจังเลยนะ แต่ว่ามันจะดีจริงๆเหรอ?


             หือ?


             เอ๋? ฉันนึกว่าเราอยู่คนละระดับกันเสียอีกนี่


              และพอไม่ได้เห็นเขาในชีวิตประจำวันแล้ว ก็รู้สึกสบายใจขึ้นอยู่เหมือนกัน


             ใครว่าอยู่ห้อง E แล้วไม่ดีกันล่ะ?


              เอาไปขายก็น่าจะเวิร์คนะ วางแพลนธุรกิจกันไหมเลย์โกะจัง?


              เรื่องสนุกที่ได้เงินงั้นเหรอ? อืม เอาด้วย


              พูดแล้วนะ!” ไม่ว่าเปล่า นากามุระยังยัดเบอร์เกอร์เข้าปากเธอเต็มเลยด้วย


              เอ้! อิ๊โอ๊ดอิ!”


              เบอร์เกอร์ร่วมสาบานไง


    มันใช่เรอะ


             ...แล้วนี่มันแค่สัญญาธุรกิจเองไม่ใช่หรือไง?


              เลย์โกะขมวดคิ้ว ก่อนจะหยิบมันมากินตามวิธีปกติ พยายามอย่างเต็มที่ไม่ให้ซอสมันเลอะแก้มตนเอง


              และสุดท้ายก็ไม่ได้ผล เธอต้องใช้ทิชชู่อยู่ดี


              จะว่าไปแล้ว... น่าจะชวนคารุมะมานะวันนี้


              ขอเถอะ เห็นหน้าบ่อยจนเอียนแล้ว


              ฉันเริ่มคิดแล้วนะ ว่าเธอเกลียดหมอนั่นจริงๆน่ะ นากามุระหัวเราะอีกคราหนึ่ง


              เลย์โกะกลอกตา


              เรียกว่าเบื่อหน้าคงจะดีกว่า ถ้าฉันเลือกคนในห้องสักคนเป็นเพื่อนบ้านแทนคารุมะได้ ฉันก็คงเลือกแล้ว


              หืม...


              รอยยิ้มเลศนัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอีกฝ่าย เธอรู้ว่ารายนี้คงจะหาเรื่องแซวไปทั่วเหมือนปกติอย่างแน่นอน


              อะไรเล่า? ถ้าจะวางแผนจับคู่ก็ขอเซย์โนนะ ฉันไม่ได้คิดจะคบใครทั้งนั้นแหละ


             ก็เลยดักเสียเลย


              ไม่เอาน่า... มันต้องมีสักคนที่ทำให้เธอใจเต้นบ้างสิ


              เลย์โกะนิ่งไปครู่หนึ่ง ทำหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ทว่าในสมองของเธอก็มีคำตอบให้กับคำถามนั้นตั้งแต่แรกแล้วล่ะ


              สิงโตในสารคดี


             แค่อยากจะกวนประสาทเล่นก็เลยแกล้งทำแบบนั้นไปเท่านั้นแหละ


              ...โอเค เชื่อแล้วว่าไม่คิดจะคบใครน่ะ


              เธอแค่นหัวเราะ ก่อนจะเบนความสนใจไปยังเฟรนช์ฟรายบนจานของตนเอง


              ฉันชอบมองคนมีความรักมากกว่ามีความรักเองน่ะนะ


              ก็เห็นด้วยแหละ... มันสนุกเวลาได้แซวคน


              อืม


              ถึงความจริงมันก็ค่อนไปทางคำว่า เฉยๆ เสียมากกว่าก็เถอะ... แต่เธอก็ชอบมันมากกว่ามีความรักเองอยู่ดีนั่นแหละ


              แต่ไม่รู้สิจะว่าอยากเห็นความรักที่ดีของใครสักคนก็อยากแหละ


             แต่เธอคงจะต้องไปเปิดดูซีรี่ส์หรือไม่ก็อ่านโชโจมังงะเอา

     

    ________

     

    มีคนโทรศัพท์เข้ามา เธอจึงถือโอกาสนั้นบอกลากันไปเลย เพราะไปๆมาๆก็หมดเรื่องจะคุยกัน อีกทั้งอาหารตรงหน้าก็ลงกระเพาะไปหมดแล้วด้วย


    แต่เธอกดรับสายดังกล่าวไม่ทัน มันถูกตัดไปเสียก่อน...


    ก็แหงล่ะ กว่าจะลา กว่าจะเก็บของนี่


              เลย์โกะเตรียมกดโทรกลับไป ทว่าเบอร์เดิมก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอพอดี ก็เลยกดรับสาย


              โมชิโม—”


              [ฮายยย!]


              เสียงทุ้มหวานนั้นแทรกขึ้นมาก่อนที่เธอจะได้เอ่ยจบ และเลย์โกะก็จดจำเสียงทุ้มหวานๆนั้นได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากคลี่ยิ้ม


              มันเป็นรอยยิ้มที่ก้ำกึ่งระหว่างรอยยิ้มดีใจและรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนหน้าเวลารู้สึกลำบากใจ


             ความรู้สึกตอนนี้มันกึ่งดีกึ่งไม่ดี


              จะว่าคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆและเพื่อนคนนี้ก็คงไม่ผิดนัก แต่การได้มาพูดคุยกันอีกครั้งก็ทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบใจเลย


              มันทำให้เธอนึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ... ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นอะไรแบบนี้


              เบอร์ใหม่?


              [ปิ๊งป่อง! เลย์ตันยังเดาเก่งเหมือนเดิมเลย ผมกะจะเซอร์ไพรส์แท้ๆ]


              มันมีแค่คนเดียวไหมล่ะ? ที่โทรมาแล้วทักทายแบบนี้น่ะ


              [โหย.. แต่ก็เอาเถอะ รู้หรอกว่าเลย์ตันเดาถูกเพราะว่าใจเชื่อมอยู่กับผมน่ะ]


              อย่าคิดไปเองให้มันมากนัก


              [อะไรกัน? ลืมมิตรภาพตลอดกาลของพวกเราไปแล้วเหรอ?]


              อืม นายชื่ออะไรแล้วนะ?


              [เลย์ตันอ่ะ!]


              เธอหัวเราะ ก่อนจะเอนตัวพิงผนังตึกในซอยเล็กๆซอยหนึ่ง


              ขอโทษที่ไม่ใช่คนใจดี


              [ครับๆ]


    [ความจริงคือแค่จะมาบอกว่าเดี๋ยวผมจะเข้าไปช่วยเรื่องลอบสังหารนะ ทางเบื้องบนเขาสั่งมา แต่ว่าคงแค่ช่วยแบบห่างๆเท่านั้นแหละ]


              อ่า...


              มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรหรอก อีกฝ่ายทำงานกับรัฐบาลตั้งแต่อายุยังน้อย ความจริงก็สอบเทียบชั้นจนจบมัธยมปลายตั้งนานแล้วด้วย เพราะฉะนั้นการสอบเข้ามาเรียนก็ไม่น่าจะลำบากอะไร


             และนอกจากนี้ก็ยังเป็นหลานชายของคาราสึมะ ทาดาโอมิที่เป็นครูฝึกของห้อง 3-E อีก


             ถ้าจะแปลกใจตรงไหน ก็คงจะเป็นเรื่องที่เขาไม่ถูกส่งมาเรียนห้องเรียนกับเธอโดยตรงนี่แหละ


              [ผมขออยู่แบบห่างๆเองแหละ ถึงจะอยากเรียนห้องเดียวกับเลย์ตันและคารุจังก็เถอะ]


              ก็คืออยู่อาคารหลักว่างั้น?


              [อื้อ ถนัดแบบนี้มากกว่า เลย์ตันก็รู้ว่าผมถนัดแค่ซัพพอร์ต]


             ก็ดีแล้ว...


             เธอค่อนข้างรู้สึกโล่งอก


             คาราสึมะ เฮย์เป็นหนึ่งในคนที่เคยสนิทของเธอ เฉกเช่นเดียวกับคารุมะ


              และการพบเจอกับเขาอีกครั้งอาจจะเป็นการรื้อฟื้นความหลังที่ขมขื่นที่สุดก็เป็นได้...


              งั้นถ้ามีอะไรให้ช่วย ก็จะติดต่อไปแล้วกัน


              [รับทราบๆ ถ้าเป็นเรื่องอื่นนอกเหนือจากนี้ก็รับฟังเหมือนกันนะ]


              ของแบบนั้นมันไม่มีไหมล่ะ? เธอโกหกไป


    มันไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องมาพูดพล่ามให้คนอื่นฟังหรอก


             และคำตอบนั่นทำให้เฮย์เงียบไปครู่หนึ่ง...


              [ถ้าเลย์ตันว่ามาแบบนั้นแล้วน่ะนะ]


              เขาไม่เชื่อเธอรู้ดีว่าแบบนั้นคือเขาไม่เชื่อคำพูดเธอเลยแม้แต่น้อย


              แต่ก็ไม่คิดจะคะยั้นคะยอเธอ... ซึ่งนั่นก็นับว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง


              [งั้นผมไปก่อนนะ มีงานที่ต้องทำน่ะ บ๊ายบาย!]


              เธอถอนหายใจออกมาทันทีที่สิ้นสุดการโทร


              มันเป็นรื้อฟื้นความทรงจำที่ขมขื่นจริงๆนั่นแหละ ถึงจะเป็นการโทรศัพท์กันเฉยๆก็เถอะ


              และเมื่อเอามาคิดรวมกับที่อีรีน่าพูดกับเธอก่อนหน้านี้ บวกกับเส้นทางจากร้านฟาสต์ฟู้ดไปยังสถานีรถไฟก็ไกลพอสมควรแล้ว...


              มันก็ส่งผลให้เธอมีเวลามากพอที่จะคิดฟุ้งซ่าน และนึกย้อนไปมองหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้


             ให้ตายเหอะ


              แม้แต่กับเพื่อนที่รู้จักกันมานาน เธอก็ไม่ได้สนิทใจเท่าเดิมแล้ว... และมันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่กับทั้งหมดนั่น


              แต่ทำไงได้? เธอเองก็ไม่อยากจะยื้อไอ้ชีวิตที่ผิดพลาดของตนเองไปมากกว่านี้แล้วเหมือนกัน


              เธอไม่ใช่คนที่ดี และการที่คนแบบเธอจะหายไปจากชีวิตของทุกคนที่เคยรู้จักนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องแย่อะไร


              ดูเธอสิ... ตอนนี้ได้ตัดสินใจจะคุยกับเฮย์แค่เรื่องช่วยเหลือด้านข้อมูลและเรื่องลอบสังหาร สุดท้ายแล้วเธอก็ปัดเขาเข้าไปอยู่ในหมวด ผลประโยชน์ของตนเองอีกคนหนึ่ง


             เธอรู้สึกผิด


             แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร


              ชีวิตฉันนี่นะ...


              เลย์โกะถอนหายใจ


             เธอไม่ชอบอะไรแบบนี้เอาเสียเลย ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะย้อนเวลาไปแก้ไขอดีตของตนเอง


              แต่ประเด็นก็คือ... มันเริ่มผิดพลาดมาจากจุดไหนกันล่ะ?


              ตั้งแต่ตอนที่เธอตัดสินใจทำอะไรบ้าๆโดยที่ไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน?


              ตั้งแต่ตอนที่เธอเสียน้าไป?


              ...หรือว่าตั้งแต่เกิด?


             กร๊อบ!


              เผลอเหยียบกิ่งไม้แห้งบนพื้นที่สวนสาธารณะ... และนั่นมันก็ทำให้อารมณ์เธอแย่ยิ่งไปกว่าเดิมอีก


              รู้สึกว่าวันนี้เธอจะทำลายหลายอย่างมากเกินไปแล้ว


              ทั้งมิตรภาพ ทั้งความรู้สึกตนเอง ทั้งกิ่งไม้โง่ๆนี่...


              จะหาว่าเธอมโนจนคิดมากไปเรื่อยก็ได้ เลย์โกะไม่ปฏิเสธหรอก ตอนนี้เธอไม่สามารถโฟกัสกับอะไรได้เลยด้วยซ้ำ ความคิดหลายอย่างมันตีกันอยู่ในหัว และเธอต้องการจะให้มันหยุดถาวรเสียที... แม้ว่าความต้องการนั้นจะไม่เคยเป็นจริงได้นานเลย


              เธอถอนหายใจอีกครั้งหนึ่ง พยายามนึกขึ้นบทสนทนาก่อนหน้านี้กับนากามุระ เพื่อสลัดความคิดพวกนั้นออกไป


              ฉันไม่ได้คิดจะคบใครทั้งนั้นแหละ


              ทว่ามันก็ทำให้เด็กสาวได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งเกี่ยวกับตนเองที่แน่นอนว่าไม่ได้ช่วยปรับอารมณ์ของตนเองแต่อย่างใดเลย


    เธอไม่เหมาะกับความสัมพันธ์รูปแบบใดทั้งสิ้นนั่นแหละ... อย่าว่าแต่ความรักเลย


    ช่วยได้มากเลย ขอบคุณ


    สุดท้ายก็เลยตัดสินใจนั่งลงบนม้านั่งที่สวนสาธารณะเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อน


    เธอเหม่อมองไปรอบๆ... เห็นทั้งคู่รักที่มาเดทกัน คนวัยทำงานที่พาสัตว์เลี้ยงออกมาเดินเล่น และเด็กอนุบาลที่วิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน


    ในตอนนั้นเองที่เผลอได้ยินบทสนทนาของเด็กหญิงตัวน้อยสองคนเข้า


    มิจจัง มันแปลกๆอ่ะ


    แปลกตรงไหน? สีมันออกจะสวย ดูสิ! ดูๆๆๆ!”


    แต่นั่นมันสีม่วงลายเหลืองนะ


    แล้วมันทำไมอ่ะ?


    มันดูไม่เข้ากันน่ะสิ! แปลกออก


    อ่า...


    เธอหยิบสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋ากระโปรงของตนเอง ปลดล็อคหน้าจอแล้วเลื่อนไถหน้าจอดูแอพพลิเคชั่นไปมาตามประสาคนที่ไม่มีอะไรทำ


    นั่นน่ะสินะ...”


    สีม่วงกับสีเหลืองมันก็ไม่เข้ากันจริงๆนั่นแหละ


    ความคิดเห็นนั้นดึงเธอออกจากเรื่องที่ชวนเหนื่อยใจได้อยู่ครู่หนึ่ง







    _ _ _ _
    มาแล้วค่ะ! เครสช้าอีกแล้ว--
    ที่อัปเดทมากที่สุดก็วอร์แฟร์นี่แหละค่ะ เขียนแบบรายเดือน ส่วนเรื่องอื่นเขียนตามอารมณ์
    แต่สุดท้ายก็ยังเรียกว่าลงทุกเรื่องช้าอยู่ดี ซึ่งความผิดนี้เครสจะขอยกให้ความช้าในการเขียนและการปรับมู้ดของตัวเองนะคะ
    แต่ก็นั่นแหละค่ะ กลับมาแล้ว เผอิญว่าได้พล็อตฟิค แต่ไม่อยากงอกในตอนที่ฟิคเก่าไม่คืบหน้า
    แล้วก็คิดถึงเรื่องนี้ด้วยแหละค่ะ นังพระเอกยังไม่มีซีนเลย555555555

    ความจริงแล้วแอบใส่คำใบ้เกี่ยวกับคสพ.ในครอบครัวไปด้วยแหละค่ะ
    อย่างความไม่เคยเห็นความรักดีๆอย่างชัดเจนเพราะแทบไม่รู้ว่าพ่อแม่มีคสพ.แบบไหนกันอะไรอย่างนี้
    สื่อให้เห็นถึงความห่างเหินของคนในครอบครัวยัยค่ะ

    ตอนนี้ก็เปิดตัวอีกหนึ่งตลค.ที่มีความสำคัญกับแบคสตอรี่นะคะ
    ก็คือเฮย์จัง คุณหลานสุดที่รักของคาราสึมะนั่นเองแหละค่ะ แต่มาแค่เสียงพอ ตัวจริงค่อยปรากฏตัวอีกทีในตอนหลัง
    ซีนปังๆยังไม่ถึงที รอก่อนนะคะลูก--

    และเผื่อใครงงว่าตอนสุดท้ายเกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องนะคะ
    เครสให้เดาดูค่ะ เป็นปริศนาเล็กๆน้อยที่ foreshadow อนาคต5555555555
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×