ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ☾ guerilla.

    ลำดับตอนที่ #2 : 01 – flicker.

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ย. 65


      

    เธอในวัย 17 ปีกำลังเผชิญหน้าอยู่กับโลกที่ เคยคิดเอาเอง ว่าไม่ฟังเธอ


              มันน่าสมเพช และโทปาซรู้ดีถึงความจริงที่ตนพยายามหลีกเลี่ยงมานานแสนนานข้อนี้


              ดอกพิกุลที่ไม่หลุดร่วงออกจากริมฝีปาก ถ้อยคำที่กล่าวออกมาผ่านช่องว่างของหน้ากากที่ถูกตัดเป็นรอยยิ้ม หินเคลือบกากเพชรที่พยายามเลี่ยงการสบตากับผู้อื่นที่อาจเอะใจถึงตัวตนแท้จริงของมัน


              จุดเริ่มต้นของทุกอย่างคือความโง่เง่า และมันก็จบลงด้วยสาเหตุเดียวกัน


              เธอไม่เคยเป็นอัจฉริยะมันก็แค่ความหัวดีของตน ที่ถูกผู้อื่นใส่สีตีไข่และกล่าวยอเสียจนห่างจากความเป็นจริงเรื่อยมา


              บางทีเธออาจจะชอบการเอาใจคนอื่น


              โทปาซ มีอะไรจะพูดกับพ่อหรือเปล่า?


             ที่ในขณะเดียวกันก็เป็นการย่ำยีตนเองจนเสียเค้าโครงเดิม


             มีค่ะ


              แต่ต่อให้เหลือเพียงโครงเหล็กกำมะลอที่ไม่แข็งแรง เธอก็ยังคงเชื่อในความสามารถอันน้อยนิดที่มีอยู่


              มีเยอะ... จนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนเลยเสียด้วยซ้ำ


              สักวันหนึ่ง สิ่งที่ผิดพลาดนั้นจะเป็นประโยชน์ได้ตามที่ปรารถนามาโดยตลอด


              ความสัมพันธ์กับบุพการีนั้นห่างเหิน ทว่าพวกเขาก็หาใช่คนที่ตั้งใจจะปิดปากเธอในทุกครั้งคราที่พยายามเปล่งเสียงทุกอย่างมันล้วนเกิดจากความโง่เขลา


              งั้นเริ่มต้นจาก การลดทอนคุณค่าของตนเองด้วยการทำอะไรโง่ๆ ก็แล้วกันนะคะ?


             แก้วน้ำถูกยกขึ้นมาจรดริมฝีปาก


    เธอดื่มน้ำพั้นช์อย่างเชื่องช้า สายตาสอดส่องมองผู้ร่วมมื้อค่ำด้วยแววตาที่แข็งกร้าวเล็กน้อย


    เพราะฉะนั้นตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาอันควรที่จะกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง... ดั่งอสุรีที่ไม่คิดจะกักเก็บความรู้สึกของตนเองอีกต่อไป


              หากพลาดพลั้งครั้งนี้ มันก็คงไม่ย่ำแย่เท่าครั้งที่ผ่านมาหรอกเธอปลอบประโลมตนเองซ้ำไปซ้ำมา ปัดป้องความเกรงกลัวที่อาจกลืนกินเจตนารมณ์ของตนเองอีกครั้งหนึ่ง


              มือประสานกันบนโต๊ะเบื้องหน้าตนเอง สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเปล่งเสียงออกมา


              โอเค... พร้อมแล้ว


              โทปาซไม่ได้คาดหวังกับสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของทั้งสองเลย


              และการที่ได้รับมันมา ทำให้บ่อน้ำตาตื้นกว่าปกติไปชั่วขณะหนึ่ง

     


    ___

     


             น่าประหลาดใจ


              คิดไว้แล้วว่าจะพูดแบบนี้


              ในเชิงเอ่ยชื่นชมน่ะนะ... ไม่ได้เห็นเธอซื่อตรงแบบนี้มานานแล้ว ร้องไห้ก็เหมือนกัน


              สกายบลูโทปาซที่ส่องสว่างในดวงตาของน้องชายฝาแฝดนั้นเป็นประกาย มันเป็นเช่นนั้นมาเสมอในมุมมองของคนที่เฝ้าดูมาตลอด


              โอ้ แอนดี้... เสียงหวานกลั้วหัวเราะ


              แอนโธนี่ ออกัสต์ แอนเดรียเป็นคู่ขนานของเธอ ที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันจนเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ก็หาได้ห่างเหินกันไปกว่าที่เป็นอยู่


              เขาอยู่ในโลกที่เสมอต้นเสมอปลายของเขา ส่วนเธอก็อยู่ในโลกที่ไร้ซึ่งความแน่นอนของเธอ... ที่บัดนี้ก็คงจะถูกเปิดเผยแก่ประชาชีรอบข้างไปเสียแล้ว หลังจากที่พยายามปกปิดมานานแสนนาน


              “มันน่าสมเพชจะตายไป


              ฉันไม่เคยคิดว่าสิ่งที่พี่สาวของตนเองเป็นหรือทำมันน่าสมเพช


              คนสองคนที่คล้ายคลึงกัน แต่หากก้าวเข้าไปในแดนดังกล่าว ถลำลึกเข้าไปจนเกือบถึงแกนกลาง ก็จะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจน


              ภายใต้หัวโขนนั้นล้วนแต่มีเนื้อในที่ไม่อาจให้ใครคนอื่นล่วงรู้ได้ มันเป็นสิ่งที่ฝาแฝดของบ้านนี้เลือกที่จะกักเก็บมันเอาไว้เพียงแต่ว่าทุกส่วนของแอนโธนี่นั้นหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ส่วนของเธอต่างแบ่งออกเป็นชั้นหน้ากากและตัวตนข้างใน ที่ตนเจาะทะลุมันได้เพียงผู้เดียว


              อย่างน้อยมันก็เป็นเช่นนั้น... จนกระทั่งวันนี้


              งั้นก็ควรคิดได้แล้ว


              “...


              มุมปากของเธอยกขึ้น ยามที่เห็นปฏิกิริยาของผู้เป็นน้อง


              นี่มันมุกตลกรูปแบบไหนกัน?


              รูปแบบใหม่ที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป


              พระเจ้าช่วย... บอกฉันทีว่าเธอจะไม่เข้าสมาคมเล่นมุกไม่ดูสถานการณ์ไปอีกคนหนึ่ง


              เธอรักในความอ่อนโยนของเขารักในสิ่งที่ตนไม่มีในตัวเขา รักในความเหมือนกันที่แตกต่าง และความย้อนแย้งในการเปรียบเปรยนั่น


              ฉันเสียเวลาไปหลายปีไปกับการพยายามกะเทาะหินเคลือบกากเพชรให้เป็นรูปเป็นร่าง ถ้าจะเสียเวลาไปอีกกับการพูดจาตลกร้ายหรือเล่นมุกเสียดสีก็คงไม่เป็นไรหรอกน่า


              ที่พูดมานี่คือไม่ได้จริงจังใช่ไหม?


              ให้ทาย


              และบิสกิตในมือเขาก็ถูกใช้เป็นอาวุธปิดปากเธอเสียได้ไอ้น้องเวรนี่


              ตอนเด็กๆเธอชอบปลอบฉันที่ร้องไห้เพราะสอบไม่ได้คะแนนเต็ม เธอชอบบอกว่าความผิดพลาดคือการเรียนรู้


              อือ


              และฉันหวังว่าปาซจะยังคงมีแนวคิดแบบเดิมอยู่


    ความหวานปะแล่มของครีมโฮมเมดนั้นยังคงเป็นสิ่งที่เยียวยาจิตใจได้ดี มันเป็นของคู่กับการพูดคุยเรื่องสัพเพเหระของสองแฝดที่พยายามหลีกเลี่ยงการหลับใหล


    ค่ำคืนไม่ได้สวยงามเสียจนไม่สามารถปิดเปลือกตาลงได้ เพียงแต่ความคิดที่ว่าพรุ่งนี้จะต้องตื่นขึ้นมาแบกรับความคาดหวังที่รวมทั้งของคนอื่นและตนเองมันน่ากลัว...


    โถๆ แอนดี้ตัวน้อย... พี่สาวฝาแฝดคนนี้ไม่ได้โตขึ้นเลยนะ


    ถ้อยคำกำกวม วาจาติดตลก ความหมายที่แท้จริงซึ่งพยายามกลบเกลื่อนไว้อย่างแนบเนียนและนั่นคือองค์ประกอบสุดท้ายของค่ำคืนมืดสนิทที่ไร้ซึ่งดวงดาวนี้


    อย่า outgrow ฉันในสักวันหนึ่งก็แล้วกัน


    ไม่รับประกันหรอกนะ ฉันเกิดเร็วกว่าตั้งหลายนาทีด้วย


    ทุกอย่างจบลงด้วยเสียงหัวเราะ บิสกิตที่เข้าปากเพิ่มไปอีกสักสองสามชิ้น และยาที่ช่วยระงับการกระตุ้นการทำงานของคำสาปในยามหลับใหล


             ‘เพราะฉันอยากจะฝืนตารางนอนหลับของตนเองเพื่อมาดูดาวระยิบระยับ โต้รุ่งดูซีรี่ส์แบบมาราธอน หรือพูดคุยข้ามวันกับใครสักคน... เพียงแค่ครั้งหนึ่งก็ยังดี


     

    ___


     

              เช้าวันใหม่เริ่มต้นด้วยการปรับการแต่งกายตนเองเล็กน้อย


              และที่บอกว่าเล็กน้อย... ก็คือแค่เพิ่มโชกเกอร์มาในลุคที่แต่งเป็นประจำเท่านั้น


              สไตล์เดิมที่ไม่แปรเปลี่ยน การแต่งหน้าที่ไม่ได้เพิ่มอะไรนอกจากมาสคาร่าซื้อใหม่ที่ช่วยทำให้ขนตาสั้นๆของเธอยาวขึ้น และความมั่นใจที่ดูเหมือนจะพุ่งขึ้นสูงหลังจากที่ได้จัดการเรื่องหนักใจไปพอประมาณ


    เพราะเธอไม่เคยรู้สึกว่าใส่ต่างหูผีเสื้อคลิปออนแล้วสวยแบบนี้มาก่อน


    เป็นลุคที่อยากจะถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียเป็นโพสต์ยาว หากไม่ติดว่าคาบแรกของปีสุดท้ายในชีวิตไฮสคูลดันเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากพลาด


    ก็แค่แคลคูลัสแต่เธอชอบอะไรที่มันกระตุ้นให้สมองได้ทำงานสักเล็กน้อยในตอนเช้า มันทำให้รู้สึกว่าจะไม่เหม่อมองหน้าต่างเป็นแม่นางช่างจินตนาการในคาบถัดๆไป ปลุกให้ตื่นเต็มตา และทำให้มีประสิทธิภาพขึ้น


    สมาร์ทโฟนถูกหยิบมาเก็บไว้ในกระเป๋ากระโปรง เธอดีดนิ้วเพื่อพิสูจน์บางอย่าง ก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องไปเมื่อมันเป็นไปตามที่หวัง


    ตราบใดที่ใจเย็น เล็บก็จะไม่งอกยาวและเธอจะพยายามให้มันเป็นเช่นนั้นไปตลอดทั้งวัน...


    จะไปแล้วเหรอ?


    อืม


    เธอหยุดฝีเท้าลง สายตาเลื่อนไปมองพี่ชายที่คล้ายกับว่าเพิ่งจะตื่นได้ไม่นานนักมันเป็นภาพที่ไม่ได้เห็นมานาน ตั้งแต่ในวันที่เขาย้ายข้าวของบางส่วนไปยังห้องคอนโดเพื่อความสะดวกในการไป-มามหาวิทยาลัย


    แต่ถ้าให้พูดตามตรงแล้ว การทักทายในช่วงเช้าก็เป็นเรื่องหายากสำหรับบ้านที่พร้อมหน้าพร้อมตากันแค่ตอนร่วมโต๊ะมื้อเย็นกันในบางวัน


    โทปาซอมยิ้ม


              รู๊บส์กลับมายัง?


              อ่า ประมาณตีสองได้


              สภาพเป็นไง?


              เหมือนหมา


              โอ้ พระเจ้าถ้าแม่เดินเข้ามาเห็นก็คงมีหวังได้ดุเขาด้วยเสียงแข็งอย่างแน่นอน


              เย็นนี้กลับมาฟ้องรูเบียว่านินทาดีไหมนะ?


              ถ้าอยากทรยศคนที่ชงนมให้ดื่มตั้งแต่เด็กก็เชิญ


              ทวงบุญคุณเก่งเหลือเกิน แต่แนะนำนะ... บุญคุณที่จะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของฉันมากสุดในตอนนี้ ก็คือการที่คุณพี่ชายแสนรักให้ยืมบีเอ็มสักหนึ่งวัน เธอเดาะลิ้น ดวงตาหรี่ลงมองคนตรงหน้าด้วยความคาดหวังอันน้อยนิด


              ก็แค่มุกตลกร้าย หาใช่การแบล็กเมล์คนทั่วไปน่ะไม่รู้หรอก แต่วันที่ไดแอนธัสจะเล่นตามเกมของน้องๆก็คงเป็นวันที่พระเจ้าตัดสินใจกดลบโลกทิ้งแบบถาวร


              นึกไงถึงอยากยืมรถขึ้นมา?


              ขี้เกียจเรียกอูเบอร์ รถไฟฟ้าคนเยอะ และฉันยังไม่ได้ตัดสินใจทีว่าจะขอรถอะไรเป็นของขวัญวันเกิดจากป้าแมริเนตต์


              เหตุผลไร้สาระองค์ประกอบชั้นดีของการล้อเล่นที่ลงทุนดำเนินการมากกว่าปกติ และเป็นการเริ่มต้นวันของคนที่เพิ่งจะหักหน้ากากของตนเองได้ดี


    การหายใจมันไม่ติดขัดเหมือนกับตอนที่คอยรำพึงกับตนเองว่าจะต้องไม่เอ่ยถ้อยคำหยอกล้อใดๆออกมาโอ้ สุขสันต์วันเปิดภาคเรียน


              อย่าเลยเคอร์ฟิวก็แล้วกัน


    ที่เป็นวันโลกแตกด้วย


              ...เอาจริงดิ?


              ขอแค่ยืมขับไปโรงเรียนเองมั๊ยล่ะ? ฉันดูใจร้ายถึงขั้นไม่ให้น้องใช้รถเลยหรือไง?


              เธอไหวไหล่


              ไม่รู้สิ ฉันคงยังรู้จักพี่ไม่ดีพอมั้ง


              เป็นถ้อยคำที่หาได้จริงจังแม้ว่ามันอาจจะดูน่าเศร้าในบางมุมมอง แต่เชื่อเถอะ เธอไม่ได้คิดมากในประเด็นนั้น เธอกลั้วหัวเราะเสียด้วยซ้ำ


             ฉันไม่รู้จักฉัน ฉันไม่รู้จักเธอ และไม่มีใครรู้จักเรา


              นั่นไม่ใช่คำนิยามคนในครอบครัวแอนเดรียแบบเป็นทางการ ถึงจะควรเป็นก็ตามทีเถอะ


              หรือไม่มันก็เป็นเช่นนั้นแค่ในสายตาเธอไม่รู้สิ


              ก็ยังไม่สายนี่


              หือ?


              ต่อให้อายุมากกว่า 17 ปี มันก็ไม่มีคำว่า สายไป สำหรับการสร้างพันธะใหม่ในครอบครัวหรือการเรียนรู้ซึ่งกันและกันหรอก


              โทปาซหลุดหัวเราะออกมา


              โอ้ ให้ตาย—”


              ขอโทษที่ปล่อยให้คิดว่าอยู่ตัวคนเดียวในบ้านหลังนี้มาโดยตลอดนะ


              ...


              ขอโทษที่ปล่อยให้เราห่างเหินกัน... ทั้งๆที่เคยสัญญาไว้ว่าจะสนิทกันตลอดไปแท้ๆ


              เป็นครั้งที่สองในรอบเดือนที่อารมณ์เธอแปรเปลี่ยนไปมาจนไม่ทันได้ตั้งตัว...


              เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่เธอสวมกอดคนในครอบครัว...


              แต่เป็นครั้งที่ล้านของการระลึกในใจว่ามันคงจะดีกว่านี้ หากเธอไม่ตัดสินใจหยุดการเติบโตของตนเองไว้ตั้งแต่แรก


              เสาร์นี้แพลนมูฟวี่ไนท์กันไหม? สี่คนพี่น้องกับหนังห่วยๆสักสองสามเรื่องและอาหารขยะ”


              อืม... ถ้าได้ก็ดี


              การที่พระเจ้ากดปุ่มลบโลกไปก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่

     


    ___

     


              ปัง!


              คุณแอนเดรียคะ


    นี่ไม่ใช่ละครโทรทัศน์วัยรุ่นที่เสกให้มีคนทรงสเน่ห์สักคนมายืนมองเธอที่กำลังหยิบหนังสือออกจากตู้ล็อกเกอร์


              เพราะว่าคนคนนั้นคืออาจารย์ผู้ที่มักจะทำงานนอกหน้าที่ มาสอบถามนั่นนี่กับเธอเป็นการส่วนตัว เนื่องด้วยอภิสิทธิ์พิเศษของการเป็นพี่สาวฝาแฝดของประธานคณะกรรมการนักเรียน


             ถ้าหินโรยกากเพชรไม่ได้เปล่งประกาย หล่อนก็คงจะเป็นอาจารย์ที่ช่างใส่ใจเสียเหลือเกิน


              อรุณสวัสดิ์ค่ะมิส ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าคะ?


              อีก 15 นาทีจะเริ่มคาบเรียนแรก และเธอต้องได้ที่นั่งหน้ากระดานระดับวีไอพีของมิสเวลลิงตันในวันแรกของปีการศึกษาสุดท้ายมันเป็นตัวช่วยที่เพิ่มความมั่นใจในการทำเกรดเป็นอย่างมาก


              อรุณสวัสดิ์ค่ะ หล่อนกล่าวทักทายกลับมา ก่อนจะกระแอมเบาๆ


              พอดีว่าดิฉันทราบถึงการที่คุณแอนเดรียไม่มีชมรมที่สังกัดน่ะค่ะ เลยอยากจะมาสอบถามว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้คุณลาออกจากชมรมการละครหรือเปล่าคะ? ปัญหาภายในหรือว่าเรื่องของกิจกรรมที่เยอะจนเกินไป อะไรทำนองนี้... เผื่อว่าทางเราจะสามารถช่วยเหลือได้น่ะค่ะ


              การไม่มีชมรมที่สังกัดจะทำให้ไม่มีคะแนนกิจกรรม


    อ้อ...


              และเธอก็เพิ่งจะส่งใบลาออกจากชมรมไปยังอีเมลของคณะกรรมการนักเรียนเมื่อตอน 7 โมงเช้า


              พอดีว่าแค่รู้สึกแบบนั้นน่ะค่ะ


              คะ?


              แค่อยากลาออกเฉยๆค่ะ แต่เดี๋ยวก็จะสมัครเข้าชมรมใหม่ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะคะมิส


              อีกฝ่ายตอบรับมาด้วยสีหน้าเคลือบแคลงใจ แต่สุดท้ายก็ขอตัวไปสะสางธุระอื่นของตนต่อในเวลาไม่ช้า


              นี่เพิ่งจะเป็นวันแรกของการปีการศึกษาสุดท้าย และโดยปกติจะมีชี้แจงแก่นักเรียนที่ยังไม่มีชมรมสังกัดเมื่อผ่านไปประมาณหนึ่งอาทิตย์ เป็นการให้เวลานักศึกษา


              ถึงได้บอกว่ามันเป็นอภิสิทธิ์จากแอนโธนี่ หากไม่ติดว่าเขาเป็นที่ชื่นชอบของคนจำนวนมาก เธอที่ลืมตาดูโลกก่อนเขาแค่ไม่กี่นาทีคงไม่ได้รับการใส่ใจที่ดูจะมากเกินไปแบบนี้หรอกคนที่ลาออกจากชมรมก่อนหน้าของตนเองน่ะมีเป็นสิบๆคน


              โทปาซ เชีย แอนเดรียเป็นเพียงแค่นักเรียนระดับดีที่ได้เกรด A แทบทุกวิชา เต็มที่กับกิจกรรมชมรมเสมอ และการประพฤติที่ดี ไร้ซึ่งข้อบกพร่องตลอดมา


             ซึ่งทั้งหมดนั้นก็กลายเป็นเพียงเรื่องธรรมดา เมื่อถูกเทียบกับพัฒนาการที่ไม่จบสิ้นของแอนโธนี่


              บางคนก็คงอยากให้เธอมีสมญานามเป็นนักเรียนดีเด่นไปอีกคน ให้เธอพัฒนาตามๆเขาไป ให้มีการจารึกประวัติศาสตร์ของฝาแฝดที่เป็นนักเรียนดีเด่นไว้


              รู้สึกเสียใจแทนอยู่หรอก ที่มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นแต่หากมีคนนำหินโง่ๆไปขายที่ร้านเครื่องประดับอย่างผิดที่ผิดทาง มันก็คงไม่ได้หรอก


              ให้สร้อยคอที่มีจี้อัญมณีซึ่งเปล่งประกายกว่าเฉิดฉายอยู่หน้าร้านเถอะ


             :: ล็อกเกอร์ เช็ค


              เธอกดส่งข้อวามไปในแชทกลุ่ม เอนพิงกับตู้ล็อกเกอร์ของตนเอง กะจะเดินไปยังห้องเรียนเมื่อได้รับการตอบกลับจากใครสักคนมาสักข้อความ


              และเป็นไปตามที่คิดการตอบกลับนั้นรวดเร็วเสียจนอยากติ๊ต่างไปเองว่าพวกหล่อนคงกำลังรอจังหวะพิมพ์ตอบอยู่


              Nishi-Nishi :: ห้องชมรม เช็ค


             Sunset at the Sea :: แท็กซี่ เช็ค


             IV :: เตียง เช็ค


             มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่สมาร์ทโฟนจะถูกเก็บเข้ากระเป๋ากระโปรงตามเดิม


              คงได้ทักทายกันต่อหน้าอีกทีตอนพักเที่ยง และนั่นก็หมายความว่าเธอมีเวลาเล่าเหตุการณ์เมื่อวานเหลือเฟือเธออดใจรอไม่ไหว แม้ว่าเรื่องราวที่ด่างพร้อยจะไม่ใช่สิ่งที่ควรจะตื่นเต้นในตอนที่ให้คนอื่นรับรู้ก็ตามทีเถอะ


              อีก 15 นาที...


              ได้แต่หวังว่าบ่อน้ำตาที่ตื้นเขินชั่วคราวนั่นกลับมาลึกดังเช่นเดิมอีกครั้งหนึ่งมาสคาร่าเธอไม่ได้กันน้ำ อีกทั้งวันนี้ก็ไม่ได้มีอารมณ์จะสรรสร้างผลงานศิลปะบนใบหน้าตนเองเป็นครั้งที่สอง


              ตุบ!


              อ้าว ไอ้—”


              หนังสือและสมุดเลคเชอร์ในมือเพียงอย่างละหนึ่งเล่มไม่ได้ทำให้ลำบากแต่อย่างใด ทว่าเธอที่อาจจะกลายพันธุ์เป็นปลาหมึกในไม่ช้าดันทำมันตกเสียเฉย อีกทั้งยังกระเด็นไปไกลพอสมควร ราวกับว่าเป็นหนึ่งในระบบแนะนำการเล่นของเกม RPG ที่ปรากฏขึ้นเพื่อบอกเส้นทาง


             “อืม... อืม!”


              อยากจะทุบ WASD บนคีย์บอร์ดในมโนจิตตนเองเป็นบ้า หากไม่ติดปัญหาเรื่องคำสาปที่ทำให้ต้องควบคุมอารมณ์


              โทปาซถอนหายใจ เธอก้มลงหยิบสมุดเลคเชอร์ใกล้เท้าตนเอง ก่อนจะรีบสาวเท้าไปยังหนังสือที่ทำตัวเป็นประโยชน์เหนือความจำเป็นนั่น


              โทษทีเธอเอ่ย ในยามที่เห็นว่ามีคนคนหนึ่งหยิบมันขึ้นมาให้


              สายตาที่จดจ้องไปยังสมุดในมือนั่นช้อนมองขึ้น เธอเตรียมคำกล่าวขอบคุณไว้ในหัวเรียบร้อย ทว่ามันดันลื่นและตกลงลำคอไปเสียเรียบร้อยแล้ว


              ไม่รู้ว่าจะต้องโทษอะไรดี... ระหว่างความสามารถอันน้อยนิดในการคุมสติหรือดวงตาคู่สวยนั่นที่ไม่คิดว่าจะสบกันเป็นครั้งที่สอง


             ไง


             หรือไม่ก็ทั้งคู่


              แคลคูลัสคาบแรกเหรอ?


              อืม


    แม่ง...


    “อ่า ขอบคุณ...


              เธอรับหนังสือของตนเองคืนมา ความขุ่นมัวในใจเมื่อก่อนหน้าแปรเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด โทปาซรู้ดีว่ามันคืออะไร อย่างน้อยสมองเธอก็เติบโตมาพอที่จะเข้าใจตนเองประมาณหนึ่ง


              ไม่ยักรู้ว่าเรียนที่เดียวกัน


              และหนังสือในเขาถืออยู่ตั้งแต่แรกก็กลายมาเป็นหลักฐานสำคัญที่ประกอบกับทฤษฎีเรื่อง บังเอิญซ้ำซ้อนกับคนคนเดียวกัน ของเธอได้เป็นอย่างดี


              แต่ขอถามตรงๆเลยนะ เราไม่เคยเดินสวนกันสักครั้งเลย?


              อาจจะเคย... แต่ที่ได้ทักกันก็มีแค่เมื่อวานนี่แหละ


              มุมปากกระตุกขึ้นโดยไม่รู้ตัว


             งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักกันสักทีนะ


             ครับ ยินดีเหมือนกัน


             แต่ไม่นานนัก มันก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นรอยยิ้มโง่ๆที่ประดับบนใบหน้าเสียแทน


              ในขณะที่สองขาย่างก้าวไปพร้อมเพรียงกับเขา ถ้อยคำต่างๆนานาก็ปรากฏขึ้นภายในหัว มันไม่เกี่ยวข้องกับคาบแคลคูลัสที่กำลังจะเข้าเรียนด้วยกันแต่อย่างใด แต่ความสำคัญนั้นก็เทียบเท่ากันได้


              แล้วชื่อนี่...


              อีกฝ่ายชูข้อมือซ้ายขึ้น รอยสัก ‘ARIES’ เล็กๆนั่นคงเป็นนามของเขา


             แอรีส โจนาห์ อ่านแบบบริติชน่ะ


              เพราะดีนะ... ฉันโทปาซ


              นึกว่าตอนแรกจะแนะนำตัวก่อนเสียอีก


              น่า... มันก็มีลนกันบ้างแหละ นานๆทีจะได้เมคเฟรนกับคนเขา ขอเวลาทำใจสักประเดี๋ยวก่อนชวนคุยต่อนะ เธอกล่าว ชำเลืองมองไปยังใบหน้าของเขาครู่หนึ่ง แล้วจึงรู้ว่ารอยยิ้มของพ่อหนุ่มตาสวยนั้นกว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย


              อยู่ๆมันก็ไม่อยากก้มลงดูเล็บตนเองเสียเฉย


              อืม


    โทปาซไม่อาจปฏิเสธได้ว่าโถงทางเดินมันฟุ้งไปด้วยความเขินอายที่ทำให้เธออยากจะข่วนล็อกเกอร์ใครสักคนเพื่อระบายอารมณ์ยอมรับแบบเต็มปากเต็มคำเลยว่าชอบคนตาสวย และความประทับใจแรกพบนี่ก็มีแนวโน้มที่พัฒนาเป็นอย่างอื่นในอนาคต


              แล้ว... ทำไมถึงเลือกเรียนแคลคูลัสคาบแรกล่ะ?


              เพื่อนแนะนำมา บอกว่าปลุกสมองยามเช้าน่ะ... แต่ปีนี้มันดันไปลงคลาสบ่ายแทน


              โถ...


              ก็ยังดีที่เจอเธอ ไม่งั้นคงอารมณ์เสียตั้งแต่เช้าจริงๆ


              ขอเตือนไว้ว่าอย่าคาดหวังกับฉันเยอะ บางทีฉันอาจจะเป็นฝันร้ายในรูปแบบของคนที่เรียนด้วยกันก็เป็นได้


             แค่ไม่ทิ้งให้เรียนแคลคูลัสตอนเช้าคนเดียวก็พอแล้ว


              แค่กะจะพูดอะไรแนวจูนิเบียวเล่นๆเพื่อดูปฏิกิริยาเขา ทว่าสุดท้ายกลับเป็นคนที่สรรหาคำตอบไม่ได้เสียอย่างนั้นไม่ใช่เพราะว่าอึ้งกิมกี่ แต่เพราะว่าเป็นนิสัยโดยพื้นฐานคือชอบหลุดหัวเราะออกมาเวลารู้สึกเอ็นดูคนอื่น


              เฮ้...


              ถึงคิ้วคู่นั้นจะขมวดเข้ากัน แต่แอรีสก็ดันหัวเราะไปกับเธอในไม่กี่วินาทีถัดมา


              จะว่าขอโทษที่หัวเราะไหม ก็ขอโทษแหละ ซื้อน้ำอัดลมที่ตู้กดให้ไปกระป๋องหนึ่งด้วย แค่ใช้เวลานานหน่อย เพราะโลกดันเหวี่ยงคนสองคนที่หัวเราะติดลมมาเจอกัน และกว่าจะหยุดได้ก็เป็นตอนที่แม่บ้านตะโกนเตือนจากอีกฟากของโถงทางเดิน


             ดูเหมือนว่าเควสต์แรกของเกมใกล้จะล่มแล้วสิ


              ไม่ยักคิดว่าจะเลี้ยงน้ำอัดลมจริง


              ฉันแก้ตัวได้นะ แต่ตอนนี้ในตู้กดมันมีแค่ไอ้ที่อยู่ในมือนายกับน้ำแร่ที่ไม่น่าจะเวิร์ก


              ฉันอาจจะรับน้ำแร่เป็นคำขอโทษก็ได้ ใครจะรู้


              แบบนั้นมันใจดีเกินไปหรือเปล่า? เธอขมวดคิ้ว


              ถ้าเป็นแค่กับกรณีเธอก็ไม่น่าจะเรียกว่า ใจดีเกินไป หรอก


              เออเนอะ ก็แค่ทำให้หัวเราะติดลมหลายนาทีจนตัวแทบเซ


              เขาหัวเราะเล็กน้อยและนั่นทำให้โทปาซรู้สึกเคลือบแคลงกับการตีความของตนเอง

     


    ___

     


              มันเป็นโชคที่สะสมมาสิบกว่าปี ที่ทำให้เธอยังคงครองที่นั่งประจำตรงนี้ได้หรือไม่ก็เป็นที่จำนวนคนเลือกเรียนแคลคูลัสเป็นคาบแรกที่น้อยกว่าปีก่อนๆ ที่ทำให้ค่าความศักดิ์สิทธิ์ดิ่งลงทันที


              แต่อย่างน้อยเควสต์แรกของเกม RPG ที่เริ่มจากการทำหนังสือหลุดจากมือก็สำเร็จลุล่วงแหละนะ...


              ปาซ


              “หืม?”


    นอกจากแคลคูลัสก็ไม่ตรงกันสักวิชาเลยเหรอ?


              โทปาซเหล่มองคนตาสวยที่นั่งเท้าคางอยู่ ณ โต๊ะเคียงข้างช่วงเวลาพักระหว่างคาบมีเพียง 10 นาทีเท่านั้น และตอนนี้ก็เหลือเพียงคนสองคนอยู่ในห้องเรียนแคลคูลัส... ที่ไม่มีความคิดจะเก็บข้าวของแล้วออกไปเสียที


              ก็ประมาณนั้นแหละ


              ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ดันจัดตารางตรงกันแค่วิชาเดียวเลยแฮะ...”


              เพราะว่าโรงเรียนนี้มีระบบการจัดตารางการเรียนการสอนที่ค่อนข้างจะแตกต่างและเสรีมากกว่าที่อื่น นักเรียนสามารถจัดได้ว่าอยากจะเรียนวิชาไหนในคาบไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับอาจารย์แต่ละคนด้วยว่าจะให้อิสระแก่นักเรียนมากเพียงใด ทุกอย่างถูกระบุไว้ในเว็บไซต์โรงเรียนเรียบร้อย ไม่มีการแสกนตารางที่นักเรียนเลือกอีกครั้ง แต่เป็นการกำหนดตัวเลือกสำหรับบางวิชาไว้ตั้งแต่แรก


    หากเจออาจารย์ที่ไม่มีตัวเลือกให้ก็อาจจะโชคร้ายหน่อย ส่วนเรื่องความวุ่นวายแน่นอนว่ามันก็มีบ้าง แต่ปัญหาส่วนใหญ่ที่ถูกเรียกร้องก็ได้รับการปรับแก้มาโดยตลอด และในอนาคตอาจจะมีการปรับเพิ่มเติมก็เป็นได้


    และใช่ โอกาสที่จะลงเรียนคาบเดียวกันในวิชาหนึ่งจึงเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้สำหรับคนสองคนที่ไม่เคยรู้จักหรือพูดคุยกันมาก่อน


    ก็ยังมีภาคเรียนหน้า... ถ้าอยากจะวางแผนกันน่ะนะ


    เธอปิดสมุดเลคเชอร์ลง


    อืม


    ในตอนนี้อาจจะเหลือเวลาไม่มากในการเดินไปหยิบหนังสือวิชาฝรั่งเศสสำหรับคาบเรียนต่อไป แต่จู่ๆคำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว โทปาซก็ระลึกได้ว่ามันเป็นประเด็นสำคัญที่ควรจะถูกยกมาพูดตั้งแต่แรก ทว่ากลับไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มกล่าวถึงมัน


    เธอค่อนข้างจะชั่งใจ และเพราะแบบนั้นจึงเผลอพูดวกวน


    จะว่าไปแล้ว... มีเรื่องหนึ่งที่ฉันสงสัยน่ะ แบบว่านายจะตอบหรือไม่ตอบก็ได้นะ มันค่อนข้างส่วนตัว และฉันก็แค่รู้สึกสงสัยเฉยๆ”


    อยู่ๆก็อยากให้เขี้ยวงอกมาแทงลิ้นตนเองชอบกล


    อืม ลองถามมา


    อ่า...


    ...


              รีส เมื่อวานนี้ที่เจอกันน่ะ... นายไม่ได้ไปหาใครใช่ไหม?


              ถ้อยคำที่ไร้ซึ่งน้ำเสียงหยอกล้อ แววตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย แรงดึงดูดบางอย่างที่ไม่เคยจางหายไปทุกสิ่งที่กล่าวมานั้นอาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เธอเห็นรอยยิ้มของเขาอีกคราหนึ่ง


              มันไม่มีเหตุผลอะไรที่สนับสนุนความคิดที่ว่า เขาเองก็โดนสาปเหมือนกับเธอ นอกเสียจากความรู้สึก


              โซนที่มีไว้ศึกษาเกี่ยวกับคำสาปโดยเฉพาะนั้นไม่ได้จำกัดกลุ่มคนที่เข้าไป ลักษณะภายนอกของผู้ถูกสาปก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่มีธุระที่นั่น และมันก็ไม่มีหลักฐานหรือข้อสันนิษฐานในตำราที่ว่าด้วยเรื่องแรงดึงดูดระหว่างผู้ถูกสาป


              เรื่องนี้ถามได้อยู่แล้ว ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก เขากลั้วหัวเราะ


              โอ้


    อืม พอดีว่ามีนัดตรวจสุขภาพน่ะ


             โลกก็ช่างเหวี่ยงคนมาเจอกันเหลือกัน


             ถ้าควบคุมคำสาปของตนเองได้ มันก็ไม่ได้เลวร้ายหรอก... แต่กว่าฉันจะเรียนรู้ได้ก็นานอยู่เหมือนกัน


              ...


    ปาซ?”


    พระเจ้าช่วย นี่นายโอเคจริงๆใช่ไหม? ฉันรู้สึกเหมือนไปเค้นให้นายตอบเลย


              โอเค ฟังฉันนะ... เธอถามแค่ครั้งเดียว แถมไม่ได้ใช้สายตากดดันด้วยเรื่องหัวเราะก็เหมือนกัน ฉันไม่ได้ไม่พอใจเธอตั้งแต่แรกเสียด้วยซ้ำ


              แน่ใจนะ?


             แน่ใจครับ


             เธอรู้มันไม่ใช่ปกติของโทปาซ เชีย แอนเดรียที่จะดูกระวนกระวายกว่าปกติ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะไม่อยากทำให้ใครก็ตามรู้สึกลำบากใจกับความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่รู้กาลเทศะของเธอ


              อ่า... อีก 3 นาทีเริ่มคาบต่อไป


              ก็คงเจอกันอีกทีวันพุธ ถ้าไม่ได้นัดกันนอกรอบแหละนะเขากล่าว ไม่มีการแสดงปฏิกิริยามากมายเกี่ยวกับการเปลี่ยนประเด็นสนทนาของเธอและโทปาซก็ไม่ยักรู้ว่าตนเองจะลนลานได้มากขนาดนี้จนกระทั่งได้มองหน้าเขานานๆ


              แค่ 8 วินาทีครั้งนั้นก็เกินพอแล้ว...


              แต่จะแลกคอนแทคไว้ก่อนก็ได้นะ


              หรืออาจจะไม่ใช่ใจที่รวนตามส่วนอื่นๆของร่างกายที่ได้รับผลกระทบจากคำสาปนั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก


              แอรีสตอบรับข้อเสนอของเธอแต่โดยดี ดวงตาคู่นั้นสบกับตาในอีกครั้งหนึ่งในยามที่ยื่นสมาร์ทโฟนให้ และมันก็หลุบลงมองหน้าจอที่ถูกปลดล็อก ในขณะที่สกายบลูโทปาซอันเป็นประกายคู่นั้นยังไม่ละไปมองสิ่งอื่น


    ดอกพิกุลเหล่านั้นร่วงหล่นออกมาหมดแล้ว ทว่าผีเสื้อนานาชนิดยังคงบินว่อนอยู่ในท้องเธอ...


              การทำความรู้จักกับคนใหม่ๆในชีวิตทำให้โทปาซรู้สึกว่าหน้ากากที่เธอสวมใส่มาตลอดนั้นไร้ค่าเสียยิ่งกว่าเดิม


    เธอในตอนนี้ไม่ได้กำลังทำลายภาพจำเก่าๆของตนเองในสายตาคนอื่นอยู่ ไม่ได้เผชิญหน้ากับความผิดหวังที่ถูกแสดงออกผ่านแววตาที่อ่านได้ง่ายหลายคู่นั่นเป็นการเริ่มภาคเรียนที่ดี


              จะเป็นเพราะพรหมลิขิต โชคชะตา หรือการหมุนรอบตนเองของโลกก็แล้วแต่... เธอรู้สึกขอบคุณสำหรับความใจดีที่ถูกมอบให้ในครั้งนี้จากใจจริง


              แล้วก็นะ ขอถามอะไรเธอสักข้อหน่อย


              หืม? ว่ามา


             เย็นนี้ว่างหรือเปล่า?


    ในวันแรกของการไฮสคูลปีสุดท้าย เธอขับรถสุดที่รักของพี่ชายมาเรียน พบผู้ชายตาสวยที่เคยทักทายกันแบบงงๆ ทำเขาหัวเราะติดลมจนซื้อน้ำอัดลมให้เป็นการไถ่โทษ และเปิดประสบการณ์เข้าเรียนโดยไม่มีหนังสือเป็นครั้งแรก เพราะมัวแต่แลกเบอร์โทรศัพท์กับคนตาสวยคนนั้นอยู่


    แต่ไม่เป็นไรหรอก แอรีสที่ส่งข้อความมาบ่นเรื่องไฟล์ PDF ที่มีคำผิดเยอะกว่าในรูปเล่มตีพิมพ์ของหนังสือก็คงจะประสบปัญหาเดียวกัน


    ถ้าคราวนี้ไถ่โทษด้วยการเลี้ยงเครื่องดื่มที่คาเฟ่ก็คงจะได้อยู่...

                      

              

     


    ห้องแคลคูลัส said : ไปจีบกันที่อื่นดิ๊ คาบต่อไปมีคนเรียน

    แต่งทีหลังค่ะ แต่งอกบทนำกับตอนแรกมาแล้ว--- ก็คือจะไม่มีตารางแอคทีพก็แล้วกันนะคะ แต่งตามอารมณ์ของแท้
    แล้วสไตล์การนำเสนอเรื่องจะแตกต่างกับวอร์แฟร์อยู่พอสมควรเลยค่ะ
    ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ถ้าเขียนแบบอื่นมันไม่มีความเป็น 'วิถีโทปาซ'
    แล้วก็คือยัยลูกสาวก็ประชดเก่งจัด นิสัย--

    ในตอนนี้ก็แนะนำพี่ชายน้องชายบ้านนี้ไปหมดแล้วค่ะ เหลือแค่พี่สาว แต่จะออกตอนนี้ก็ไม่ได้ ให้พี่แกหายแฮงก์ก่อน
    ส่วนจุดเด่นตอนแรกก็คือหนุ่มตาสวยค่ะ อั้ยต้าวแอรีสลูกเขยสุดที่รักของมัมหมี ทั้งตอนก็คือยิ้มไปแล้วทุกซีนที่ออก
    คือเครสไม่ใช่สายพรรณนาที่ใช้คำสวยๆ แต่เวลาเขียนดันชอบนึกภาพในหัวทุกที แล้วก็นั่นแหละค่ะ นั่นแหละค่ะ! นั่งทุบโต๊ะอยู่คนเดียว
    ทุบแก้เขินไปทั้งๆที่ยังไม่มีอะไรเลยนี่แหละค่ะ5555555555555

    เรื่องนี้ก็เหมือนคอนโดค่ะ มีหลายชั้น บางอย่างที่เหมือนจะไม่มีอะไรก็คือมี แต่ก็ไม่ต้องกลัวนะคะ เรื่องนี้ไม่มี death count แน่นอน
    ตอนนี้เอนจอยอั้ยเด่กสองคนที่กำลังเมคเฟื่อนกันไปก่อน

    เอาจริงๆคือชอบทุกเคมีในเรื่องนี้เลย
    แต่แอบไบแอสคสพ.ยัยปาซกับว่าที่พี่ใภ้และว่าที่น้องเขยอยู่หน่อยๆค่ะ สามคนนั้นอยู่ด้วยกันแล้วบันเทิง


    ส่วนข้างล่างนี้เป็นดีเทลเล็กๆน้อยนะคะ ข้ามได้ค่ะ ความจริงคือเครสแค่ชงพระนางเฉยๆ
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    บทบรรยายดวงตาของโทปาซเวลาอยู่กับแอรีสจะเป็นอัญมณีที่เปล่งประกายค่ะ
    สื่อถึงการที่เขารู้จักกับเธอในตอนนี้ที่ไม่ฝืนเป็นสิ่งที่ตนเองไม่ใช่
    มันจึงคล้ายกับสกายบลูโทปาซมากกว่าหินเคลือบกากเพชรที่ปาซเปรียบมาในบทนำและช่วงแรกๆของบทนี้


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×