ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    you can't shut me up, darling — haikyuu!! fanfic

    ลำดับตอนที่ #2 : chapter one : to be mean

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 64


    TB
      

     chapter 1 

    _______
     
              ชีวิตประจำวันที่ดีๆและลงตัว

              คุณกุชิเก็น ที่ใส่อยู่นั่น... มันผิดระเบียบอีกแล้วนะคะ


             เริ่มต้นจากการถูกปรามเรื่องเครื่องแต่งกายจากหัวหน้าห้องตั้งแต่หัววัน


              อืม ขอโทษด้วยนะ


              ขอโทษอย่างเดียวมันได้เสียที่ไหนกันล่ะคะ!?


              ใบหูทั้งสองข้างที่ถูกประดับด้วยจิวสารพัดเสียจนมองเผินๆไม่รู้ว่าเจาะกี่รู ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางพอสมควร เน้นไปที่มาสคาร่าและอายไลเนอร์ที่กรีดขอบตาคมนั่นเป็นพิเศษยังไม่รวมยูนิฟอร์มที่ถูกปรับให้กับสไตล์เสียจนดูต่างจากในระเบียบของอาโอบะ โจไซโดยสิ้นเชิงนั่นอีก


              ก็แบบที่ถูกระเบียบมันไม่ให้ความรู้สึกเหมือนตนเองมากพอนี่นา...


             และถ้าไม่มั่นใจก็ไม่ได้สิ


              น่าๆ


    ริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปทินต์สีนู้ดนั้นคลี่ยิ้ม ดวงตาสีฟ้ามหาสมุทรคู่นั้นยังคงจับจ้องไปยังคู่สนทนาต่อไป


              ขอโทษที่อาจจะทำให้เป็นห่วง แต่ฉันไม่เป็นไรหรอก ตั้งแต่เข้าเรียนมาก็โดนเตือนไปแค่ไม่ถึงสิบครั้งเท่านั้นเอง


              นับด้วยเหรอคะ?


              ก็เผื่อมีคนถามเฉยๆ... แล้วก็นะ นี่ปีสุดท้ายด้วย จะให้กลับมาแต่งถูกระเบียบเหมือนวันปฐมนิเทศก็คงจะสายเกินไปแล้ว


              -ฉันมีชุดสำรองค่ะ! ถ้าจะเอาให้คุณกุชิเก็นเปลี่ยนในตอนนี้ก็ยังได้—”


              ครืน!


              อรุณสวัสดิ์


              แต่แล้วทุกอย่างก็ถูกขัดจังหวะลงด้วยเสียงเลื่อนเปิดบานประตู... กับหญิงสาวในชุดยูนิฟอร์มถูกระเบียบคนหนึ่ง


              จังหวะเพอร์เฟ็กต์เสียเหลือเกินหากเป็นในซีรี่ส์เรื่องหนึ่งก็คงถือว่าเป็นฉากอันน่าจดจำฉากหนึ่ง


              -อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณอิโนะอุเอะ


              เจ้าของสกุลพยักหน้าตอบรับไปส่งๆ ดวงตาสีนิลหลีกเลี่ยงกับสบโดยตรงกับอีกสองคู่ของคนในห้อง ณ ปัจจุบัน ขณะที่สองขาก้าวเดินไปยังโต๊ะของตนเอง


              อย่างไรก็ตาม อามิมั่นใจว่าเธอได้ยินเสียงเดาะลิ้นเบาๆจากปากของอิโนะอุเอะ ไร


    เมื่อกี้เจออาจารย์ซากาโมโตะด้วยแหละค่ะ เขาบอกว่าให้มาตามหัวหน้าหน่อย... เป็นเรื่องงบประมาณของชมรมฟันดาบ


              เอ๊ะ!? จริงเหรอ? อาจารย์เร่งหรือเปล่า!?


              ถ้ายิ่งเร็วก็ยิ่งดีเขาบอกมาแบบนั้นค่ะ


              และเธอก็เห็น... ว่าเจ้าหล่อนได้โบกมือให้หัวหน้าห้องสาวได้วิ่งออกไปจากลุกลี้ลุกลน พร้อมกับเหยียดยิ้มให้แผ่นหลังคู่นั้น


             นั่นไง


              ความแข็งกระด้างที่พยายามปกปิดไว้ด้วยภาพลักษณ์นิ่งๆ อารมณ์มากมายที่ถูกกดทับไม่ให้แสดงออกมาทั้งหมดในคราวเดียวกัน... และอีกสารพัดอย่างที่บ่งบอกว่าเพื่อนสาวของเธอนั้นมีการแสดงออกที่ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมเป็นหลัก


              น้อยคนจะรู้ว่าไรเป็นสาวแกลเหมือนกับเธอ หรือรู้ว่าถ้อยคำนั้นมีความหมายอื่นแอบแฝงอยู่เป็นความซับซ้อนที่ไม่น่าอภิรมย์นัก


             เหมือนกับอารมณ์ของหล่อนในเช้าวันนี้


              เดี๋ยวเลี้ยงโซดานะ


    “...หา?

     

    ___

     

              ในบรรดาเพื่อน 4 คนที่อาศัยอยู่ในละแวกบ้านเดียวกัน ไรอาจจะเป็นคนที่เธอสนิทด้วยน้อยสุด และมันก็ไม่ใช่เหตุผลที่นอกเหนือจากทัศนคติกับอุปนิสัย


              กระนั้นก็เถอะ อามิดูออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้เกลียดอะไรเธอต่อให้ตนเองห่างไกลจากวลีที่ว่า ดูคนเป็น แค่ไหนก็ตาม มันก็แค่ความไม่ลงตัวเล็กๆน้อย ยังพอปรับเข้าหากันได้อยู่บ้าง


              ความจริงไม่ต้องเลี้ยงก็ได้


             และเธอก็ดูออกเป็นส่วนใหญ่ ว่าควรจะทำอย่างไรในสถานการณ์ไหน


    ช่วงนี้ไม่มีเหตุอะไรที่ต้องใช้อยู่แล้ว เลี้ยงคนนั้นคนนี้บ้างก็ไม่ลำบากฉันหรอก


    ถ้าเงินหมด ฉันไม่ช่วยนะ


    รับทราบค่า


              แล้วไรที่ได้ยินดังนั้นจึงกระดกเครื่องดื่มตนเองลงคอ ก่อนใช้มืออีกข้างหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดปากที่เลอะเล็กน้อย เหมือนกับทุกครั้งคราที่อยู่นอกบ้าน


              อามิเพียงแต่มองหล่อนเงียบๆ ไม่เอ่ยอะไรออกไปก่อนแม้จะไม่รู้ว่าไรอยากอยู่แบบนี้ต่อไปหรือมีความคิดจะยกประเด็นสนทนาขึ้นมาก็ตาม


              โทษที


              ไม่เป็นไร วันนี้คงปลุกมิคุไม่ตื่นล่ะสิท่า? ถึงได้มาเร็วน่ะ”


              แล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อหล่อนจิ๊ปากเป็นคำตอบ


              อ่า


              ดวงตาสีนิลคู่นั้นชำเลืองมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนที่มือจะยกกระป๋องเมล่อนครีมโซดาขึ้นกระดกอีกครั้งฆ่าเวลาระหว่างรอให้ความขบขันนั้นจางลง ราวกับต้องการจะดื่มมันให้หมด ก่อนเอ่ยเรื่องที่ทำให้ความอยากของตนเองจางหายอย่างไรอย่างนั้น


              อย่างน้อยก็ยังมีเสียงหัวเราะที่ไม่น่ารำคาญมากของเธออยู่


              ขอบคุณ


              แต่หัวหน้าห้องก็เคยบอกว่าเสียงหัวเราะของเธอมันน่าฟังสุดๆไปเลยนี่นะ


             อืม ข้อสันนิษฐานเธอถูกต้อง


              ค่อนข้างอ้อมค้อม... แต่ในขณะเดียวกันก็ชัดเจนพอที่จะรู้ว่าบทสนทนาคงเอนไปทางไหน


              รอยยิ้มบางเบายังปรากฏอยู่บนใบหน้าของอามิเป็นโป๊กเกอร์เฟซที่ทำในบางโอกาส และสามารถปกปิดความคิดวุ่นวายภายในหัวได้จากไรประมาณหนึ่ง


              มีเหตุผลอื่นที่ทำให้เธอไม่มั่นใจว่าจะพูดออกมา หรือว่าเพราะว่าไม่ได้พูดออกมาตรงๆกันล่ะ?


              อามิหัวเราะเบาๆ


             แต่ก็ทำได้แค่นั้นแหละ


    วันก่อนเพิ่งจะบอกกันว่าเราสนิทกันน้อยสุดในกลุ่มไปเอง แล้วไหงวันนี้มาจี้จุดฉันได้ล่ะ?


    ดูออกยากมากมั้ง


    ทั้งๆที่ไม่อยากจะโยนความเครียดเพิ่มให้กับหล่อนแท้ๆ ไม่อยากแม้แต่จะยกประเด็นละเอียดอ่อนนี่ขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ แต่อะไรๆมันก็ไม่ได้จัดการง่ายเหมือนกับเรื่องทั่วไปที่ประสบเจอแหละนะ


    ไม่ชอบเลย


              ห่วงตนเองในเรื่องนี้บ้างเถอะไร


              ใจจริงก็ไม่อยากจะเชื่อความคิดในตอนนี้เหมือนกันนั่นแหละ... ไม่เห็นเข้าใจเลย


    เสียงที่แข็งกร้าวกว่าปกติของสาวเจ้านั้นบ่งบอกถึงอารมณ์ได้เป็นอย่างดี แรงที่ใช้เขวี้ยงกระป๋องลงถังขยะนั่นก็เช่นกัน


    แก๊ง!


    ตุบ...


              แต่อย่างไรก็ตาม ต่อให้ไม่มั่นใจในวิธีแก้ปัญหานี้ ก็ใช่ว่ามันจะมีทางอื่นที่เซฟได้ทุกคนสักหน่อย


              ดวงตาสีนิลคู่นั้นยังคงไม่ละออกจากกระป๋องเครื่องดื่มที่พลาดเป้าและตกลงบนพื้นเบื้องหน้าถังขยะ ราวกับว่าต้องการจะหาจุดวางสายตาที่ไม่ใช่เธอซึ่งยืนพิงกำแพงอยู่ข้างๆ


              อย่างน้อยก็โชคดีที่ไม่ค่อยมีใครมาโรงเรียนเช้าขนาดนี้ และเมล่อนครีมโซดาก็ไปอยู่ในท้องของไรเสียหมดแล้วการสร้างเรื่องคือสิ่งสุดท้ายที่พวกเธอต้องการ ถึงมันไม่มีแนวโน้มว่าจะเลยเถิดไปไกลก็ตามเถอะ


             แต่คงไม่มีใครอยากให้พื้นเหนียวเหนอะหนะนี่นะ...


              รู้ว่าไม่อยากใจร้าย แต่ที่ทำอยู่ก็เรียกว่า ใจดี ไม่ได้หรอก


              อามิเคาะรองเท้ากับพื้นเป็นจังหวะเบาๆ


              นั่นน่ะสินะ...


    เมื่อมีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้อง การปฏิเสธที่ไม่ใช่เรื่องยากอะไรก็กลายมาเป็นสิ่งที่ไม่มั่นใจว่าควรทำหรือไม่กลายเป็นปัญหาที่ไม่ใช่เธอเพียงคนเดียวต่อไปอย่างช่วยไม่ได้


    และเรื่องละเอียดอ่อนนั่นก็ซับซ้อนเสียด้วย


    จะทำอะไรแบบไม่คิดหน้าคิดหลังก็ไม่ได้ มันเสี่ยงเป็นอย่างมาก...


    ขอโทษที่ทำไปโดยไม่ได้ถามเธอนะ


    ฉันสิต้องขอโทษ มีส่วนที่ทำให้เรื่องมันลากยาวเหมือนกัน แถมยังปล่อยเบลอ คิดว่ามันจบไปแล้วด้วยตอนแรก


    ก็นะ รายนั้นไม่ได้เข้าหาฉันมาตั้งแต่ตอนขึ้นปี 3 แล้วนี่... เป็นใครก็คิด


    ทว่าในตอนนี้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องยื้อความยุ่งยากเล็กๆน้อยๆนั่นไว้แล้วล่ะความเห็นของไรได้บอกเธอกลายๆแล้ว ว่าต่อไปควรทำเช่นไร


    แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นล่ะ?


    ไม่รู้ไม่รู้อะไรทั้งนั้น”


              “อ่า... ใจดีจังเลยนะ


              คนที่ถูกชมนั้นเดาะลิ้นตอบกลับมา


              ปรับบาร์ให้สูงขึ้นหน่อยก็คงไม่เลวร้ายหรอก


              เธอยิ้ม ขณะที่สองขานั้นก้าวไปใกล้กระป๋องที่ยังคงอยู่ที่เดิม แล้วจึงหย่อนมันลงถังขยะให้เรียบร้อย


             ก็แต่เธอใจดีกว่าฉันจริงๆนี่... ในกรณีนี้น่ะ


              ...


              จะว่าไป เย็นนี้นัดทำขนมบ้านมัจจี้กันไหม? ฉันจะได้ทำคุกกี้สูตรของหม่าม๊าให้กิน


              และสายตาที่ไรส่งมาก็สามารถตีความได้ว่า ประเด็นสนทนาของหล่อนนี่ไหลง่ายยิ่งกว่าอะไรเสียอีก


              รอยยิ้มบนใบหน้าอามินั้นกว้างขึ้น


             ก็ถ้าเครียดบ่อย อะไรๆก็จะไม่ดีตามนี่นะ...


              เป็นการขอบคุณที่บอกเรื่องนั้นกัน แล้วก็เป็นฉลองเล็กๆน้อยๆด้วย


              แต่โดยปกติก็ใช่ว่าจะเมินเฉยปัญหาทุกอย่างที่พบเจอหรอก แทบจะจัดการได้หมดเสียด้วยซ้ำ อย่างที่กล่าว เรื่องมันมีประเด็นละเอียดอ่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง ถึงได้ยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน


             แต่เดี๋ยวมันก็จบ


              “เพราะฉันจะไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสมายุ่งกับพวกเราเกินความจำเป็นแล้วล่ะ


              เหมือนที่มันควรจะเป็นตั้งแต่ตอนอยู่ปี 2...

     

    ___

     

              “ห้องน้ำอยู่คนละทางกับที่เดินมา”


             แต่ทำไมเสื้อนักเรียนถึงเปียกไปหย่อมหนึ่ง?


             ถึงปากจะไม่ได้เอ่ยออกมาตามตรงเสียทีเดียว แต่อามิอ่านแววตาที่แลดูไม่สบอารมณ์นั่นออก— และรอยยิ้มที่แลดูฝืนทนของไรก็ทำให้เกือบหลุดหัวเราะออกมา


              “อามิ ไปไหนมา?


              “ก็... ไหนๆไรถูกอาจารย์เรียกไปคุยแล้ว เลยคิดว่าจะใช้เวลารอกับการเคลียร์เรื่องนั่นนี่เล็กน้อย” เธอตอบกลับไป ไหวไหล่ราวกับเป็นเรื่องไม่นักหนาอะไร


    และริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปทินต์นั้นก็คลี่ยิ้มให้ บ่งบอกกลายๆว่า ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ในเมื่อเธอจัดการมันไปได้แล้ว


    หมดเรื่องเครียดสำหรับวันนี้แล้ว...


              ความเงียบปกคลุมไปครู่หนึ่ง เธอเพียงแต่มองไรที่กำลังพินิจบางอย่างอยู่ในใจ


              “อ่า... มิคุสแปมสติกเกอร์หิวข้าวในแชทไม่รู้กี่รอบแล้วเนี่ย”


              และเมื่อทุกอย่างดีขึ้นกว่าเดิม ก็สาวเท้าเข้าไปยืนในระดับเดียวกันประชิดตัวประมาณหนึ่ง ให้หล่อนสบายใจขึ้นในตอนที่ประเด็นสนทนาแปรเปลี่ยน


    “หืม? จะไปกินก่อนก็ได้นี่นา”


              “เหงาไง— มีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้นแหละ สำหรับรายนั้นน่ะ”


              อามิหัวเราะ มือนั้นหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา ก่อนจะพบว่า ‘การสแปมสติกเกอร์’ ดังกล่าวมันรวมไปถึงแชทส่วนตัวและแชทในโซเชียลมีเดียอื่นด้วย


             โอ้ ไม่นะ


              วันนี้คงได้ฤกษ์ลบแชทเก่าๆที่มีเยอะจนเปลืองเนื้อที่แล้วแหละ...


    ความว่างเปล่าที่สบายตากำลังจะกลับมาในไม่ช้า ซึ่งก็เป็นเรื่องดี บางทีโชคชะตาอาจจะกำหนดให้เธอได้จัดการความยุ่งยากเล็กๆน้อยๆของชีวิตแบบติดต่อกัน


              แต่ถ้าให้สารภาพตามตรง ต่อให้ความยุ่งยากจะใกล้เคียงกัน แต่เรื่องนี้มันชวนให้ปวดหัวน้อยกว่าอย่างชัดเจนเลย


    “แล้ววันนี้ไปตรงนั้นกันไหม? บันไดทางขึ้นไปดาดฟ้าน่ะ”


              “พอบอกว่าไม่เอาดาดฟ้าก็เลยเล่นแบบนี้?


              “มิคุมัดมือชกไว้เมื่อคืนต่างหาก มันไม่ใช่ความคิดฉันนะ”


             ทั้งการพยายามขัดประโยคปฏิเสธของเธอ ทั้งการโยงไปยังไร ทั้งการทำเหมือนลืมทุกการกระทำของตนเองในอดีต— พิลึกดี ยิ่งร้อนตัวก็เหมือนยิ่งฝังตนเองลงดิน


              เรื่องแตะเนื้อต้องตัวแบบไม่ได้รับอนุญาตก็ด้วย เธอไม่ได้มีป้ายกอดฟรีติดตัวสักหน่อย และอะไรพวกนั้นมันก็ไม่ได้โรแมนติกเลยแม้แต่น้อย


    ‘ม-มันเป็นเพราะอะไรเหรอคะ!?


              ตอนแรกก็ไม่ได้อยากจะทำตัวใจร้ายใส่ไปมากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ แต่รู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่งก็เผลอใช้อารมณ์มากกว่าที่ควรเสียแล้วยังดีที่ไม่หลุดคำหยาบคายออกไป


              แต่พอนึกถึงชักจะหงุดหงิดอีกรอบแฮะ... แม้ว่ามันจะจบไปเรียบร้อยแล้วก็เถอะ


              อามิสูดลมหายใจเข้าลึกๆ


             ช่างมัน


    “เอาน่า พอถึงห้องมิคุก็ค่อยกล่อมให้ไปนั่งตรงอื่นก็ได้นี่”


              “ก็จริง... แต่ขืนทำแบบนั้นก็เสียเวลากันพอดี พักเที่ยงมันไม่ได้นานขนาดนั้น แถมมิคุก็ดื้อยิ่งกว่าอะไรอีก”


              “แสดงว่าจะตามใจ?


              ไรเพียงแต่จ้องเธอนิ่งๆ ก่อนที่จะหันหนีและมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนของเพื่อนอีกคนเสียแทน


    ไม่รู้ว่าเพราะไม่อยากขัด หรือเพราะอยากจะตามใจซาโต้ มิคุกันแน่ บางทีเธอก็เดาไม่ถูก แต่นั่นก็ไม่ได้ความว่ามองการแสดงออกที่ไม่ซื่อตรงนั่นเป็นปัญหาหรอก


             เว้นแต่ว่าจะเดินตามไม่ทันน่ะนะ


              ตึก ตึก ตึก!


              “โอเคๆ งั้นเดี๋ยวฉันทักให้มิคุออกมา—”


              “ไม่ต้อง”


              ไรเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์


              “กะอีแค่คนหันมามองไม่กี่นาที ไม่ช้าหรือเร็ว สุดท้ายก็ต้องชินกับมันอยู่ดี”


              “นั่นน่ะสินะ...


              แม้ว่าจะรู้สึกติดขัดเล็กน้อยกับการที่หล่อนพยายามรีบเร่งในประเด็นละเอียดอ่อน แต่สิ่งที่ทำได้อย่างมากก็แค่เตือนประมาณหนึ่ง— หากไรมั่นใจในตนเอง เธอเองก็มั่นใจในตัวหล่อนด้วย


              ริมฝีปากนั้นคลี่ยิ้มให้เพื่อนสาวที่พยักหน้ารับกลับมา


              เอี๊ยด!


              ทว่ามันก็หุบไปเพียงชั่วครู่หนึ่งด้วยความตกใจ ในคราวที่เผลอสบตากับอีกคนซึ่งสวนกันผ่านทางเดิน


              ไรเหลือบมองเบื้องหลังตนเองด้วยหางตา— แน่นอนว่าหล่อนไม่เห็น แต่หากเห็นก็คงเบนกลับมามองทางเดิมโดยเร็วอย่างแน่นอน


              จะว่าอย่างไรดีล่ะ? หล่อนไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนคนอื่นของเธอสักเท่าไหร่...


              ไง อามิจัง คุณอิโนะอุเอะ


              โทรุโบกมือให้เธอ ส่วนอิวาอิสึมินั้นเพียงแต่ทักทายผ่านสายตา


              “มาหามิคุจังเหรอ?


              “อืม”


    มุมปากเธอยกขึ้น เช่นเดียวกับมือที่ทักทายตอบกลับไป


    วันนี้คงเป็นอีกวันที่ทักทายกันในโรงเรียน— จากความเป็นไปได้อันน้อยนิดซึ่งเนื่องมาจากความเกี่ยวข้องกับซาโต้ มิคุกันทั้งคู่


    ปกติก็ใช่ว่าจะทักกันมากมายนัก และเรื่องที่รู้จักกันก่อนเข้าเรียนที่เซย์โจก็มีเพียงน้อยคนที่ทราบ


    ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะแวดวงที่แตกต่างกัน... และอีกส่วนหนึ่งก็มาความเป็นที่นิยมของกัปตันทีมวอลเลย์บอลคนนั้น


              “การเป็นเธอนี่เหนื่อยน่าดู”


              “ก็ไม่ค่อยนะ ค่อนข้างจะสบายใจกับทุกอย่างรอบตัวเสียด้วยซ้ำ”


              “...แปลกดี”


              อามิหัวเราะ

     

    ___

     

              “ฉันกรี๊ดได้ไหม?


              “เดี๋ยวคนเขาตกใจนะ”


              “ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ” ไรขัด แล้วจึงอาศัยจังหวะที่มิคุเผลอในการแย่งโคร็อกเกะของตนเองที่ถูกขโมยคืนกลับไป


              “อย่าดูถูกโอกาสของการสุ่มฟรีได้ SSR เชียว... แต่ต่อให้ฉันอธิบายจนปากเปื่อย เธอก็ไม่สนหรอก”


              ตะเกียบของมิคุเข้าไปใกล้กล่องข้าวของเพื่อนสาวคนเดิมอีกครั้งหนึ่ง และมันก็ถูกตะเกียบของไรปัดออกเหมือนครั้งก่อนๆ— กลายเป็นว่าแผนแย่งโคร็อกเกะที่สำเร็จนั่นแลดูเหมือนฟลุคเสียมากกว่า


              “แต่จะกรี๊ดตรงนี้เนี่ยนะ?


              “ทำไมเล่า? ถ้าฉันไม่กรี๊ดนี่จะได้โคร็อกเกะคืนเหรอ?”


              และในทันทีที่เอ่ยจบ เป้าหมายของมิคุก็เข้าปากคนอารมณ์เสียไปเรียบร้อย เรียกเสียงหัวเราะให้กับอามิที่นั่งมองอยู่เงียบๆได้เป็นอย่างดี


              “หาเรื่อง?


              มือไม้อ่อนเสียจนแทบถือซองขนมแท่งธัญพืชไว้ไม่ได้ ในคราวที่เห็นเจ้าหล่อนตอบโต้มิคุไปด้วยการกลอกตาเพียงอย่างเดียว— สงครามประสาทเล่นๆระหว่างสองเพื่อนคือหนึ่งสิ่งในชีวิตประจำวันที่ทำให้วันวันหนึ่งไม่น่าเบื่อเกินไป และมันก็เป็นผลของความสนิทสนมที่เพิ่มพูนขึ้นด้วย


             หากเป็นอาหาร ก็คงจะอร่อยกว่าของที่เพิ่งกินไป


              “ดีใจกับเพื่อนบ้างก็ดีนะไร” อามิกลั้วหัวเราะ พลางเปิดขวดน้ำแร่ของตนเอง เตรียมดื่มคลายความกระหาย


              “ถึงจะเป็นสุ่มฟรีก็เถอะ แต่ได้ซ้ำมันก็ไม่ต่างกับเกลือไม่ใช่หรือไง? คุ้มที่จะกรี๊ดตรงไหน?


              “จำได้ด้วยเหรอ? ว่ามันซ้ำน่ะ”


              “...”


              “โอเค ความลับเธอจะอยู่กับฉัน” กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนยกขวดขึ้นดื่ม


              “แล้วไหงวันนี้มีกล่องนมตั้งอยู่บนโต๊ะมิคุได้กัน?


             แล้วจึงเอ่ยฉีกบทสนทนาที่ไรแลดูต้องการให้จบแต่โดยเร็ว


              ก็นะ... พอให้ความสำคัญกับใครสักคน ต่อให้เป็นในฐานะใดก็ตาม มันก็ทำให้สังเกตเห็นเรื่องเล็กๆน้อยที่คนทั่วไปไม่ได้สนใจแหละนะ


              แต่มันคงจะน่าอายสำหรับไรไปหน่อย ดูออกได้จากสีหน้าและการพยายามเลี่ยงสบตาคนอื่นของเจ้าหล่อน


              “ถ้าจำไม่ผิดนะ ไม่อิวาอิสึมิก็โออิคาวะ”


              “ก็คือเธอหลับอยู่?


              “เปล่า... แค่เพิ่งตื่นตอนนั้นพอดี เบลอๆหน่อย แต่จำได้ว่าพูดขอบคุณไปแล้ว”


              กล่องนมรสช็อกโกแลตในมืออีกฝ่ายถูกเจาะดื่ม— เหมือนว่ามิคุจะไม่ได้แยแสถึงตัวตนของผู้ให้สักเท่าไหร่นัก ตราบใดที่มันเป็นของฟรี


             ต่างจากไร


              “ไม่ใช่ว่าโออิคาวะคุงฝากให้อามินะ”


              อามิเลิกคิ้ว ความสงสัยนั้นทำให้เผลอเอียงคอเล็กน้อยไปด้วย


              “ซีเรียส?


              “ไม่รู้สิ มันอาจจะเป็นอิวาอิสึมิ... แต่ถ้าเป็นโออิคาวะก็คงไม่เอาของอะไรให้คนที่ไม่ใช่แฟนคลับหรือไม่สนิทด้วยมาก”


              “โทรุอาจจะอยากสนิทกับมิคุก็ได้” เธอกลั้วหัวเราะ


             “เพราะฉันมั่นใจว่าไม่ชอบดื่มนมช็อกโกแลต”


              ส่วนสูงที่มีคือผลจากพันธุกรรมล้วนๆ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เกิน 160 เซนติเมตรหรอก— ใจที่ต่อต้านกลิ่นของมันทำงานแบบต่อเนื่องมาหลายต่อหลายปีแล้ว และมันก็น่าจะไม่หยุดยั้งอยู่แค่นี้ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่คิดจะดื่มอะไรที่มีกลิ่นนมชัดเจนหรอก


              ข้อสันนิษฐานของเธอมีความเป็นไปได้มากกว่า ทว่ามันก็ไม่มีอะไรที่สามารถยืนยันได้ว่าโทรุจดจำสิ่งที่เธอชอบหรือไม่ชอบได้...


             อืมไม่รู้สิ


              “แต่ถ้าดื่มไปแล้วก็ช่างเถอะ ค่อยถามเจ้าตัวทีหลังก็ได้”


              “เนอะ” อามิกล่าว ก่อนจะดื่มน้ำอีกครา


    ในตอนนั้นเองที่มิคุเอ่ยถามบางอย่างออกมา และดึงพวกเธอเข้าสู่บทสนทนาเดิมที่เกือบจะจบไปแล้วนั่น


              “แล้วทำไมถึงคิดว่าโออิคาวะคงฝากมาให้อามิกันล่ะ? แบบ... ทำไมต้องอามิ? ฉันก็รู้จักคนที่รู้จักกับเขาเยอะอยู่นะ”


              ดวงตาสีมหาสมุทรคู่นั้นชำเลืองมองปฏิกิริยาของไร และสิ่งที่ได้รับกลับมาคือแววตานิ่งๆที่ทำให้แอบหวั่นใจประมาณหนึ่ง


              “ก็เพราะสนิทกันมั้ง... อาจจะแกล้งเอาของที่ไม่ชอบมาให้ แล้วพอเจอหน้าอีกทีก็ ‘แบร่ๆ’ ใส่”


              แต่มันก็หายไปในคราวที่ได้ยินคำตอบนั่นพอดิบพอดี— สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการเกือบสำลักดื่มที่อยู่ในปากเสียแทน


              “รู้เลยว่ามองด้วยฟิลเตอร์อะไร”


             และถ้อยคำที่มิคุเอ่ยออกมาก็ไม่ช่วย


              ก็เพื่อนของเพื่อน ความสนิทสนมไม่มากเท่า บางครั้งก็ไม่เคยพูดคุยกันมากกว่าแค่ สวัสดี เสียด้วยซ้ำ ทว่าภาพจำที่เกิดจากการฟังเรื่องราวต่างๆผ่านมุมมองของเธอก็มี และนั่นคือสิ่งที่เพื่อนทั้งสองรู้เกี่ยวกับโออิคาวะ โทรุ


              ต่างกับฮานะบุสะ โจหรือ มัจจี้ที่อยู่คาราสึโนะและได้มีโอกาสทำความรู้จักกับเขาในมุมมองของตนเอง ผ่านแมทช์วอลเลย์บอลและการแข่งขันของชมรมที่เต็มไปด้วยผองเพื่อนของหล่อน


              มันเป็นความรู้สึกขบขันมากกว่าไม่สบอารมณ์ โทรุในมุมมองของเธอและคนอื่นๆก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียวอยู่แล้วแฟนคลับของเขาก็มองไปอีกมุมหนึ่ง และมันก็ไม่มีข้อกำหนดว่าอะไรถูกหรือผิดในเรื่องนี้


              ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าจะโดนสักที


              “พอเลย มันใช่เรื่องที่ต้องทำตัวห้าวด่องๆเสียที่ไหนกันล่ะ?”


              “แหม... ฉันล้อเล่นน่า


              “ล้อเล่นที่แปลว่า ถ้าได้ก็ดี อ่ะนะ?”


              และเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอีกคราหนึ่ง กับการที่ใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นมุ่ยตอบกลับมามันดูออกง่ายอยู่พอควร จริงๆแล้วมิคุเป็นคนที่จะค่อนข้างโปร่งใส แสดงออกผ่านสีหน้าและแววตาอย่างชัดเจน


              “โทรุก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น... ถึงจะน่าหมั่นไส้ในหลายๆกรณีก็เถอะ


             และในคราวนี้ หล่อนกำลังรู้สึกเคลือบแคลงใจ


              ถ้าไม่ติดว่าเป็นอามิ ฉันจะตีความคำพูดเมื่อกี้ไปอีกทางหนึ่งเลยนะ


              “พูดเป็นเล่น เธอกลั้วหัวเราะ


              ไม่ เอาจริงๆอ่ะ... เธอไม่ได้แอบเป็นแฟนคลับเขาใช่ไหมมีเรื่องอะไรที่พวกฉันยังไม่รู้อีกเหรอ!?”


              ข้อสันนิษฐานที่ได้ยินนั้นชวนให้ฉงน แม้แต่ไรที่นั่งเงียบๆอยู่พักหนึ่งก็ส่งเสียง ฮะ ออกมาเบาๆ


    บางทีมิคุก็คิดเยอะจนเละเทะไปหน่อย เธอไม่ปฏิเสธ...


    แต่ในครั้งนี้มันก็ไม่ได้ไม่สมเหตุสมผลเสียทีเดียว


              เปล่าสักหน่อย ฉันดูกีฬาไม่ค่อยเป็น แถมทุกวันนี้ก็ไม่ได้อยากแบ่งความสนใจไปกับเรื่องอื่นมากด้วย


              มันมีแค่บางกรณีที่พอจะโอนอ่อนได้บ้าง แต่นั่นหาใช่เรื่องสำคัญประเด็นก็คือเรื่องแฟนคลับแลดูไม่ใช่สิ่งที่ควรค่าแก่การเก็บเป็นความลับจากคนอื่นๆ


              แล้วเมื่อไหร่จะกินข้าวหมดสักทีน่ะมิคุ? เวลาพักมันไม่รอใครหรอกนะ


              “บางทีฉันก็ไม่รู้ว่าเธออยากแซะหรือเป็นห่วงกันแน่นะไร


              “เหอะ...


              เฮอะ!”


              “โอ๊ย!!”


              อย่างไรก็ตาม... ตอนนี้มันดันกลายเป็นสงครามเสียงระหว่างสองเพื่อนของเธอไปเสียแล้ว และเธอก็เสียโอกาสในการเอ่ยเรื่องนั้นออกไป


              มือจึงหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเช็คดูแจ้งเตือนที่ยังค้างไว้เสียแทนนอกจากการสแปมสติกเกอร์ของมิคุที่ทำห้องสนทนาล้นแล้ว มันก็ยังมีบางข้อความที่หลงเหลืออยู่


             แล้วก็มีข้อความใหม่ด้วย


             อามิกดเข้าไปอ่านมัน


              ฝากขอบคุณมิคุจังเรื่องปากกาที่ให้ยืมเมื่อวันก่อนด้วยน้า ถึงฉันจะให้นมช็อกโกแลตไปแล้วก็เถอะ... แต่ดันโดนอิวะจังลากออกไปก่อนที่จะได้คุยกันนี่สิ _


              ที่น่าตลกก็คือคนส่งดันถูกกล่าวถึงในบทสนทนาก่อนหน้านี่แหละจังหวะมันจะเหมาะเหม็งเกินไปแล้วล่ะมั้ง


              แถมคำตอบที่ได้รับกลับมา หลังจากลองถามรายละเอียดเพิ่มเติมดู ก็ดันทำให้เผลอหลุดหัวเราะออกมาเสียอย่างนั้น


             ทำไมถึงให้นมช็อกโกแลตไปด้วยงั้นเหรอ? ก็เพราะว่ามิคุจังเป็นเพื่อนอามิจังไง


             ‘ผูกมิตรไว้สักหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรเลย เผื่อๆฉันอาจจะได้คนเข้าข้างด้วย ไม่ต้องทำเป็นยอมอิวะจังกับเธอแล้ว ¬)


              “อามิ?”


    อุ๊บ—”


    น่าหมั่นไส้


    เป็นแค่โออิคาวะ โทรุแท้ๆ... แต่กลับทำให้วันธรรมดาวันหนึ่งเปลี่ยนไปได้เสียเฉย

     


    _ _ _ _

    เป็นตอนแรกที่คิดว่าน่าจะขมๆหน่อย แต่ดันจบแบบไม่ขมเฉยเลยค่ะ
    เน้นไปที่ชีวิตประจำวันที่ไม่หวือหวามากของอามิ ซึ่งเครสต้องการจะสื่อให้เห็นในช่วงแรกๆ โดยผ่าน interaction ระหว่างตลค
    ซีนพระเอกเราน้อยนิดนึงนะคะ (หมายถึงน้อยและออกแค่นิดนึง) ไว้ตอนหน้าจะใส่โมเม้นต์ให้มากกว่านี้นะคะพี่โอย
    ตอนนี้เอาบทแค่นี้ไปก่อน ไม่งั้นคนอื่นจะโดนกลบซีนหมด55555555555555

    แล้วก็อย่างที่เห็น ตลคในแก๊งสาวๆที่มีจะมีอิทธิพลในสตอรี่ของอามิก็คือไรค่ะ ในเรื่องของไร (ที่ยังไม่ได้เปิดที) ก็เป็นอามิ
    ส่วนตัวคือชอบมิตรภาพที่ลึกซึ้งกว่าที่เห็นของสองคนนี้มากเลยค่ะ ความคอนทราสต์กันก็ด้วย
    คนนึงดูเผินๆคล้ายเด็กติดเล่นแต่ความจริงแล้วมีความเป็นผู้ใหญ่สูง ส่วนอีกคนก็ดูภายนอกคล้ายผู้ใหญ่แต่กลับมีนิสัยเด็กมากกว่าที่เห็น
    มู้ดแอนด์โทนของสตอรี่สองคนนี้ก็คอนทราสต์กันด้วยค่ะ เรื่องนี้จะสบายๆหน่อย อีกเรื่องจะให้ครสเครียดๆนิดนึง ตามนิสัยนางเอก--

    ส่วนใครที่สงสัยว่าหัวหน้าห้องกับไรมีเรื่องอะไรกันรึเปล่า ก็จะได้รู้เฉลยคร่าวๆในตอนต่อๆไปนะคะ
    เป็นปริศนาเล็กๆที่เชื่อมสตอรี่สองคนนี้เข้าด้วยกัน แต่พอจบตรงนั้นก็กลับมาโฟกัสกับชีวิตสบายๆเหมือนเดิมค่ะ
    เพราะเอาจริงๆเรื่องมันก็จบตั้งแต่อามิกลับมาหลังเคลียร์แล้วแหละ ไม่มีดราม่าอะไรตามมาแล้ว
    (จุดประสงค์ก็คือให้เห็นมุมอื่นๆมากขึ้นน่ะค่ะ ไม่ใช่เพื่อปัก red flag ไรงี้หรอก เชื่อเครสได้)

    แล้วก็... ที่โผล่มาก่อนตารางแอคทีฟที่วางไว้ (อีกครั้ง) เป็นเพราะว่าโทนเรื่องนี้มันไม่ค่อยเครียดเท่าเรื่องนั้นน่ะค่ะ
    ช่วงนี้มีแต่อะไรเครียดๆก็เคยไม่อยากฝืนตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ก็อยากทำตัว productive อยู่ดี ก็เลยลุกขึ้นมาแต่งเรื่องอื่นแทนนี่แหละค่ะ5555
    สเกลตอนก็จะประมาณนี้ ไม่อยากใส่ซีนมากเกินไปเพราะเดี๋ยวมันจะล้น ผลก็คืออักขระน้อยกว่าเรื่องอื่นที่เคยแต่งนิดหน่อย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×