ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    welcome to ze haus !

    ลำดับตอนที่ #2 : warfare ∥ can I touch you?

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 63


    can I touch you?


    「 pairing : Matthis Richter × Rum Valencia Von Weiss 」
    keyword : coffee-verse

    first note: สุ่มชินดันเล่นๆแล้วเจอคีย์เวิร์ดที่ใช่เลยกลายเป็นแบบนี้ค่ะ(แต่เครสเลือกมาแค่คีย์เวิร์ดเดียวในสาม)
    และใช่ค่ะ คู่นี้คือแอบชิปมาตั้งแต่ยังไม่ถึงเดดไลน์ค่ะ คือเพนคนชอบเคมีนุ่มฟูมาตั้งนานแล้วด้วย
    ความบังเอิญที่มุ้งมิ้งคู่นี้คือน้ำหนักกับส่วนสูงห่างกับสิบซม.กับกก.โดยบังเอิญด้วย เพิ่งสังเกตตอนไปเปิดโรไฟล์แมทธิสอีกรอบค่ะ บังเอิญหนักมาก งงเลย555555
    เอยูนี้เป็นคอฟฟี่เวิร์สค่ะ แต่ยังคงแนวเวทมนตร์ปกติอยู่ แต่ไม่อิงตามเนื้อเรื่องจริงเองค่ะ ไทม์ไลน์ก็คือจะเพิ่มช่วงอายุมาอีกสองปีกว่าๆ
    แต่ว่าช่วงนี้ไม่ต้องแตะตัวใครมากตามเวิร์สนี้นะคะ เน้นปลอดภัยไว้ก่อนเนอะ

    ❝ พี่รัม... ผมขอจับมือพี่ได้มั๊ย? ❞
    THEME SONG : Gryffin, Illenium ft. Daya - Feel Good
         เช้าวันเสาร์ของเขาเริ่มต้นโดยการเตรียมตัวไปคาเฟ่แห่งหนึ่งในอาณาเขตบริเวณของสถาบัน พร้อมกับการหยิบชีทเรียน ตำรา และอุปกรณ์เครื่องเขียนติดตัวไปด้วย

         โดยปกติแล้วเขาไม่ได้มีตารางอ่านหนังสือตั้งแต่เช้าในวันหยุดหรอก เพียงแต่ความระแวงในเรื่องของวิชาบังคับที่จะต้องลงเรียนทำให้เขาไม่มีทางเลือกต่างหากล่ะ

         ว่ากันว่าศาสตราจารย์สตีเวนสนจะอัพเนื้อหาให้ยากขึ้นไปอีกในวิชาเคมีเวทมนตร์สำหรับนักเรียนปี 4 หลังจากช่วงวันหยุดน่ะสิ เขาถามรุ่นพี่บางคนที่รู้จักมาแล้วด้วย ทุกเสียงก็บอกเป็นคำเดียวกันว่า 'ยาก' และแน่นอนว่าเขาก็ไม่อยากจะให้เกรดของตนเองลดฮวบขึ้นมาทันทีหลังจากจบช่วงวันหยุดหรอก คะแนนของเขาน่ะดีมาตลอด และเขาเองก็ยากให้มันดีแบบนี้ตลอดไป เพื่อให้เหมาะสมกับนามสกุลริกเตอร์ที่ได้รับมาของตนเอง

         เพราะฉะนั้นแมทธิส ริกเตอร์จึงได้มีนัดติวหนังสือในวันนี้อย่างไรล่ะ

         ถึงจะแอบเพลียๆก็ตามทีเถอะ เขาห่างจากคาเฟอีนมาสักสี่ห้าวันแล้วตั้งแต่ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา โดยปกติแล้วคัพแบบเขาจะพกยา Caflet ที่ให้คาเฟอีนในระดับที่เหมาะสมติดตัวไว้เสมอ แต่ไม่นานมานี้ดันหาซื้อแถวร้านยาใกล้ๆบ้านไม่ได้นี่สิ แถมคนในครอบครัวส่วนใหญ่ก็เป็นดีคาฟทั้งนั้น ไม่ได้พกยาชนิดนี้เฉกเช่นเขา ในขณะที่เทสซ่าซึ่งเป็นคัพเหมือนกันก็ไม่ได้อยู่ใกล้บ้านด้วย

         ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ใฝ่หายาชนิดนั้นหรอกนะ แต่ไปร้านยาใกล้บ้านทุกๆวันก็หมดตลอดเลยนี่สิ ของคงจะเข้าในสัปดาห์ กว่าจะถึงตอนนั้นเขาคงได้ลงแดงแน่ๆ

         หลังติวเสร็จก็คงไปหาซื้อยา หรือไม่ก็แบบสเปรย์ในร้านยาแถวๆนี้นี่แหละ เขายังมีแรงติวอยู่พอสมควรในตอนนี้

         "ขอโทษนะ รอนานมั๊ย? เมื่อครู่แจสเปอร์ดันหาสมุดเลคเชอร์ไม่เจอเลยต้องช่วยกันหาน่ะ" มานั่งในร้านได้ไม่นานนัก รุ่นพี่ที่อาสามาช่วยติวให้ก็รีบสาวเท้าเดินเข้ามาในร้านด้วยความร้อนรน คำทักทายแรกของเธอคือคำขอโทษที่มาช้ากว่าเขา พร้อมทั้งบอกถึงเหตุผล ทั้งๆที่ความจริงแล้วก็ยังไม่ถึงเวลาที่นัดกันหรอก เขาก็มาก่อนเธอได้ไม่นานเอง

         "ผมเพิ่งมาถึงเอง พี่รัมไม่ต้องขอโทษหรอก ความจริงแล้วมันยังไม่ถึงเวลานัดเลยนี่นา" เขายิ้มพลางเอ่ย รุ่นพี่คนดังกล่าวยังคงมีสีหน้ารู้สึกผิดอยู่ตามประสาคนขี้เกรงใจ เธอหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเขา ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาให้กับความเฟลเล็กๆของตนเอง

         "ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีนั่นแหละ ให้เธอรอแบบนี้น่ะ"

         "ถ้าพี่ไม่เลิกรู้สึกผิด ผมจะโกรธจริงๆแล้วนะ" แมทธิสขู่เล่นๆ ถ้อยคำดังกล่าวคงจะน่าเชื่อถือกว่านี้หากเขาไม่เผลอหลุดหัวเราะไปเล็กน้อยตามหลังน่ะ รัมพยักหน้ารับแต่โดยดี คล้ายจะสื่อว่า 'เอาแบบนั้นก็ได้' แล้วเธอก็หยิบชีทสรุปเนื้อหาที่มีกระดาษโพสต์อิทแปะโน๊ตไว้ในบางหน้าขึ้นมาวางบนโต๊ะ

         "งั้นเริ่มเลยก็แล้วกันนะ จะได้ไม่เสียเวลาติว"

         "ครับ"

         พวกเขารู้จักกันตั้งแต่ตอนที่เธออยู่ในฝ่ายต้อนรับของงานปฐมนิเทศของเขา พวกเขาไม่ได้สนิทกันมากนัก แต่ก็พอสมควรในฐานะของรุ่นพี่ และรุ่นน้องนั่นแหละ ประธานชมรมดนตรีคลาสสิคอย่างเขาก็ประสานงานกับทางสภานักศึกษาค่อนข้างบ่อย นอกเหนือจากเวลางานพวกเขาก็ทักทายกันตลอด ช่วยเหลือกันในหลายๆเรื่องตามประสารุ่นพี่รุ่นน้องของฝั่งเดียวกัน ความจริงที่เริ่มจะสนิทกันมาได้ก็ต้องขอบคุณเหตุการณ์วิวาทที่ดันเกิดตอนกำลังเคลียร์เรื่องงบประมาณกันอยู่ในห้องชมรมดนตรีคลาสสิคแหละนะ เขาถึงได้รู้ว่าความจริงแล้วรุ่นพี่คนนี้ประหม่าเก่ง ลนเก่ง และมีทักษะการคุยนอกเหนือจากเรื่องงานน้อยขนาดไหนน่ะ ขัดกับภาพลักษณ์ตอนทำงานที่ดูจริงจัง และเป็นทางการอยู่พอสมควรเลย ซึ่งบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นของเธอก็เรียกจุดนี้ว่าเป็นจุดที่น่าเอ็นดูของเธอ แต่รัมมองว่ามันเป็นจุดไม่ค่อยจะน่ารักสักเท่าไหร่ ในเมื่อมันทำให้การปฏิสัมพันธ์ของเธอกับคนอื่นลำบากอยู่พอสมควรน่ะนะ

         ถึงกระนั้นเขาก็ยังมองว่าเป็นอะไรที่น่ารักอยู่แหละที่เธอใส่ใจถึงความรู้สึกของคนอื่นที่เธอคุยด้วยนะ ถึงบางครั้งเธอจะคิดมากไปเองก็ตามทีเถอะ

         ซึ่งช่วงปีที่ผ่านมาก็ดูเหมือนจะมีพัฒนาการเยอะในเรื่องของการพูดคุยแล้วล่ะนะ เธอดูเป็นกันเองกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยล่ะ

         แต่ส่วนที่ชอบลนลานเวลาเห็นปฏิกิริยาคู่สนทนาแปลกไปนี่ก็ยังอยู่เหมือนเดิมแหละนะ... ก็น่ารักดีแหละ

         เดี๋ยวนะ

         พวงแก้มของเขาขึ้นสีระเรื่อทันทีพลันรู้ตัวว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ในสถานการณ์แบบนี้เขาควรที่จะโฟกัสกับการติวสิ พอขาดคาเฟอีนทีไร ประสิทธิภาพเวลาทำอะไรต่างๆก็น้อยลงทุกทีเลย... ในคราวนี้ก็คงจะเป็นปัจจัยนั้น แต่บวกเพิ่มบางอย่างที่ทำให้คัพที่ขาดคาเฟอีนแบบเขาเริ่มจะควบคุมตนเองไม่ได้เข้ามาด้วย

         ใช่... รัม วาเลนเซีย ฟอน ไวส์เป็นคอฟฟี

         แต่ในสถานการณ์แบบนี้น่ะ จู่ๆจะไปขอคัปปิ้งรุ่นพี่เธอก็คงได้หรอก ใครมันจะไปกล้าล่ะ

         อีกอย่างนึง เขาควรกลับไปโฟกัสกับเนื้อหาได้แล้วด้วย!

         "ก็คือเน้นละเอียดเลยสินะ... คนอื่นเขาจำกันได้ยังไงล่ะนั่น?"

         "ท่องเช้าสายบ่ายเย็นก่อนเทสต์ล้วนๆเลยค่ะ" พ่อหนุ่มตาน้ำข้าวหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจของรัมที่นึกถึงความรู้สึกเมื่อต้องจำเนื้อหาในคราวนั้นได้เป็นอย่างดี เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย บ่นอุบอิบออกมาอย่างแผ่วเบาถึงเนื้อหาอันละเอียดมากจนเกินไปที่ศาสตราจารย์เฮนรี่ สตีเวนสันดันเอามาออกข้อสอบ

         "เอาน่า! อย่างน้อยก็ผ่านมาได้แล้วนะ— แต่ผมนี่สิ..."

         "ถ้าทำความเข้าใจในส่วนเนื้อหาคร่าวๆได้ก็พอไหวแล้วล่ะ ตอนเรียนจริงค่อยท่องเก็บรายละเอียดก็ยังไม่สายไปหรอก"

         "ผมจะผ่านใช่มั๊ยเนี่ย?"

         "จะพยายามติวให้ได้มากที่สุดก็แล้วกันนะ" ดวงตาสีมูนสโตนของเธอหรี่ลงเมื่อริมฝีปากแย้มยิ้มออกมา เธอไม่กล้าไปการันตีเรื่องสอบผ่านไม่ผ่านหรอก ในเมื่อปัจจัยที่นอกเหนือจากนี้แล้วก็ยังมีอีกหลายๆอย่างที่จะส่งผลต่อคะแนนของแมทธิส หน้าที่ของเธอในตอนนี้ก็คือพยายามให้รุ่นน้องคนนี้เข้าใจเนื้อหาแหละนะ

         "แมทธิสเองก็อย่าหักโหมนะ... เห็นวันนี้ดูเพลียๆ" ระหว่างที่คุยกันก็เห็นสีหน้าเขาคล้ายจะหาวออกมาอยู่แหละ ใต้ตาของเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายหรอก เขาอาจจะแค่ไม่ชินกับการตื่นเช้าก็ได้ล่ะมั้ง? แต่ถึงกระนั้นเธอก็พูดออกไปด้วยความเป็นห่วงอยู่ดี บางครั้งเขาจะอ่านหนัสือเตรียมตัวสอบหนักอยู่สำหรับในวิชาที่ไม่ถนัด ถึงปกติจะดูไม่ใช่คนที่หักโหมกับการเรียนมากมาย แต่ในส่วนของวิชานี้ที่จะต้องเรียนเนื้อหายากๆก็ไม่แน่ว่าจะไม่หักโหมนี่

         "อ่า... คือ... เรื่องนั้นน่ะ..."

         "หือ?" รัมเลิกคิ้ว ใบหน้าของรุ่นน้องเธอแลดูแดงผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด แถมอีกฝ่ายก็หลบสายตาเธอพร้อมกับอ้ำอึงอยู่เมื่อครู่ด้วย...

         เดี๋ยวนะ— เธอเข้าใจผิดเหรอ?

         "...ไม่ใช่หรอกเหรอ?" ชั่วครู่หนึ่งที่ใบหน้าของเธอนั้นนิ่งเสียราวกับว่าช็อกที่ล่วงรู้ได้ว่าตนน่าจะพูดอะไรผิดไป ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่บ่งบอกถึงความลนลานของเธอชัดเจน ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ปากอ้าพะงาบๆขณะที่ในใจกำลังก่นด่าตนเองที่น่าจะเผลอไปพูดอะไรที่ไม่สมควรเข้า เรื่องที่เขาเพลียคงเป็นมาจากเรื่องส่วนตัวที่เธอไม่ควรเข้าไปยุ่งสินะ แต่เธอก็ดันไม่รู้

         จำจนวันตายแน่ๆ นี่มันความผิดพลาดอันหนักหนาในชีวิตชัดๆเลย

         จะถูกเกลียดมั๊ย? จะถูกตีตัวออกห่างมั๊ย? เพราะปากที่ดันพูดออกไปโดยไม่คิดให้ถี่ถ้วน(กว่านี้)แท้ๆเลย...
          
         "อ่า... ข-ขอโทษด้วยค่ะ..." ใบหน้าของเธอแดงเนื่องจากความอับอาย ความรู้สึกในตอนนี้คงไม่ต่างอะไรกับการอยากแทรกแผ่นดินหนีเลย ทั้งๆที่พักหลังมานี้เธอคิดว่าเธอเริ่มจะคุยเก่งในเรื่องสัพเพเหระขึ้นมาแล้วแท้ๆ สุดท้ายก็ดันมาเจอสถานการณ์กระอักกระอ่วนเสียอย่างนั้น

         ถึงแมทธิสจะเป็นเด็กดีก็เถอะ... แต่เป็นใครก็ไม่พอใจนั่นแหละ เวลามีคนพูดในเรื่องที่ไม่ควรพูดน่ะ

         ก็คงต้องทำใจยอมรับผลที่ตามมาอย่างเดียวเลยสินะ เธอล่ะอยากตบปากตนเองเมื่อกี้ชะมัดเลย

         "เปล่า มันไม่ใช่ความผิดพี่รัม คือผมแค่..." แมทธิสแย้งขึ้นมา เขารู้จักอีกฝ่ายมากพอที่จะรู้ว่าป่านนี้หัวของเจ้าตัวคงนึกไปถึงสิ่งที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นในสถานการณ์แบบนี้แล้ว ความจริงแล้วเธอก็แค่เป็นห่วงเขาตามประสารุ่นพี่ก็เท่านั้น เหตุการณ์เมื่อกี้คงเล่นเอาอีกฝ่ายไม่กล้าพูดเรื่องพวกนี้โดยที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน(ว่าหักโหมแน่ๆ)

         "คือผมแค่..." นี่มันน่าอายเป็นบ้าเลย ปกติแล้วเพื่อนเขาน่ะรู้เสมอว่าแมทธิส ริกเตอร์มียา Caflet ไม่ก็ Caffe' Spray พกติดตัวตลอดน่ะ เขาค่อนข้างรอบคอบเรื่องนี้พอสมควรเพราะไม่อยากไปสกินชิพกับคอฟฟีคนอื่นน่ะสิ แค่คิดเรื่องแตะตัวคนอื่นก็เขินจนจะบ้าแล้ว คนรู้จักของเขาส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่คัพก็เป็นดีคาฟหมดเลยนี่สิ(สถาบันนี้ประชากรคอฟฟีน้อยมากจนน่าประหลาดเลยล่ะ)

         "ผมแค่ขาดคาเฟอีนน่ะ..." มันรู้สึกเฟลไม่น้อยแหละที่ยาของตนเองดันหมดเกลี้ยง แถมหาซื้อไม่ได้น่ะ ทั้งๆที่พ่อของเขาที่เป็นคัพเหมือนกันไม่เคยผิดพลาดอะไรแบบนี้แท้ๆเลย ถึงมันจะดูเหมือนเป็นเรื่องทั่วไปก็ตามทีเถอะ แต่การขาดที่เขาขาดคาเฟอีนมันบ่งบอกถึงความไม่รับผิดชอบต่อตนเอง และคนอื่นนะ... หากเขาขาดมากไปก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายตนเอง ขืนหัวใจเขาเต้นผิดปกติก็คงสร้างความลำบากให้หลายต่อหลายคนไม่น้อย อีกทั้งภาพลักษณ์ของตระกูลริกเตอร์ที่เขาอาจจะเผลอทำลายเพราะความไม่รอบคอบของตนเองอีกล่ะ

         พ่อของเขาคงไม่พอใจแน่ หากรู้ว่าเขาไม่มียาจนขาดคาเฟอีนมาหลายวันแบบนี้น่ะ

         "คะ?" สีหน้าของรุ่นพี่สาวบ่งบอกถึงความงวยงงของเธอได้อย่างชัดเจน

         "ที่ดูเพลียๆก็เพราะขาดคาเฟอีนนั่นแหละ คือมันน่าอาย ผมเลยไม่ได้บอก" เขาฟุบหน้าลงกับแขนที่วางพับไว้ กับเพื่อนเขายังไม่รู้สึกอับอายขนาดนี้เลย แต่ถ้าไม่บอกไปรัมก็คิดมากเกินเหตุอีกน่ะสิ

         "อืม... เข้าใจแล้วล่ะ ขอโทษที่คิดมากไปนะ"

         "ถ้าขอโทษอีกที ผมโกรธนะ"

         "ก็ได้ค่ะ..." เธอเม้มริมฝีปากพลางมองคนที่ปิดบังใบหูแดงๆของตนเองไว้ไม่มิด

         "แล้ว... ตอนนี้ติวไหวมั๊ย?"

         "ไม่น่าอ่ะ... พอได้กลิ่นอโรมาแล้วมันเริ่มจะควบคุมตนเองไม่ไหว"

         "ถ้าไม่มียาก็ต้องคัปปิ้งกับใครสักคนสินะ..."

         "อืม..."

         พอสิ้นสุดการครางตอบรับด้วยน้ำเสียงอู้อี้ของแมทธิส บรรยากาศรอบตัวของพวกเขาก็เงียบเสียจนจะเป็นป่าช้าขึ้นมาทันที

         ความจริงแล้วโต๊ะรอบข้างก็มีคนนั่งคุยอยู่หรอก แต่สำหรับทั้งสองคนที่ล่วงรู้ได้ว่า 'คัปปิ้งกับใครสักคน' นั้นคงไม่พ้นคู่สนทนาของตนเองน่ะ... นอกเหนือจากความคิดที่ตีกันไปมาในหัวตนเองก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกเหนือจากนั้นแล้วล่ะ

         อาณาเขตของโซน 090 มีพื้นที่เยอะอยู่พอสมควร ร้านขายยาที่ใกล้สุดก็คงจะห่างไปเป็นกิโลเมตรได้ อีกทั้งพวกเขาเองก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่าที่ร้านจะมียา Caflet หรือเปล่า

         ความจริงแล้วคัปปิ้งน่ะแค่จับมือกันก็ได้แล้วด้วยซ้ำ

         แต่สำหรับคนที่เคยเขินจนไม่ได้เปิดอ่านจดหมายสารภาพรักของตนเอง และคนที่แค่อ่านนวนิยายโรแมนซ์เจอโมเม้นท์พระ-นางครั้งแรกก็เขินจนต้องทำใจให้สงบก่อนอ่านต่อน่ะ... มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนี่สิ

         แมทธิสเงยหน้าขึ้นจากที่ฟุบกับแขนของเขาในตอนแรก ดวงตาสีเทาของเขาเบนมองบริเวณข้างโต๊ะโดยที่ไม่กล้าสบตากับอีกฝ่ายโดยตรง เขาเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความประหม่า

         โอเค แค่จับมือเองนี่... แค่จับมือพี่รัมเอง มันจะไปยากอะไรกันวะ?

         "พี่รัม..." เขาผ่อนลมหายใจเพื่อตั้งสติเล็กน้อย ถ้าไม่ได้คาเฟอีนในตอนนี้เขาก็คงติวไม่ไหวแน่ๆ เมื่อกี้ตอนฟุบก็รู้สึกเหมือนจะหลับนิดๆแล้วด้วย

         "ผมขอ... จับมือพี่ได้มั๊ย?"

         หน้าแดงๆของคนฟังที่ดูลนลานออกนอกหน้าอย่างเห็นได้ชัดนั่นเล่นเอาเขาหน้าขึ้นสีไปยิ่งกว่าเดิมอีก แมทธิส ริกเตอร์เม้มริมฝีปากของตนเองอีกรอบ ทางออกเดียวในตอนนี้ก็มีแต่จับมือเธอเท่านั้นแหละ เพราะจะให้เขาเดินดุ่มๆไปขอจับมือคนแปลกหน้าคงทำให้ออกเป็นข่าวแปลกๆในวงนักศึกษาแน่ๆ ถึงเขาจะเป็นคัพก็ตามเถอะ แต่ถ้าคนที่เขาจับมือด้วยเป็นคนที่รู้จัก และสนิทสนมอยู่พอสมควรแบบรัมก็คงจะดีกว่าอย่างแน่นอน

         "อืม..." อีกฝ่ายพยักหน้ารับ นั่นทำให้เขาโล่งใจอยู่ในระดับหนึ่ง มือของเขาเอื้อมไปหาอวัยวะเดียวกันของอีกฝ่ายที่วางราบอยู่บนโต๊ะ รัมพลิกมือขึ้นจากการคว่ำมือ ดวงตาสีมูนสโตนที่มองมือของตนเองอยู่ในคราแรกนั้นชำเลืองขึ้นมาสบกับดวงตาสีเทาของเขา ใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่ออยู่ในคราแรกอยู่แล้วนั้นเห่อร้อนขึ้นมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว จนท้ายที่สุดแล้วต้องเบนสายตาออกห่างกันทั้งคู่

         มันคงไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่ หากมือของแมทธิสจะขยับด้วยความเร็วที่ไม่คงที่เพราะประหม่าน่ะ จากตอนแรกที่ค่อยๆขยับอย่างเชื่องช้านั้น ก็หยุดชะงักเมื่อชั่ววินาทีที่พวกเขาสบตากัน ก่อนที่แมทธิสจะเผลอขยับมือเข้าไปจับมืออีกฝ่ายด้วยความรวดเร็วเพราะลนลาน

         นิ้วมือของพวกเขาค่อยๆสอดประสานอย่างช้าๆ เสียงหัวใจที่เต้นแรงนั้นกลบเสียงของสิ่งอื่นรอบข้างไปโดยปริยาย พวกเขาเบนหน้าออกจากกัน ในตอนนี้ถ้าจะให้สบตากันจังๆก็คงไม่รอดแน่ๆ รู้สึกเหมือนหัวใจจะทะลุออกมาจากอกอย่างไรอย่างนั้นเลย แถมมือของอีกฝ่ายก็นุ่มเสียจนแต่ละคนทำตัวไม่ถูกยิ่งไปกว่าเดิมอีก

         ให้ตายสิวะ นี่มันชวนเขินเป็นบ้าเลย...

         แมทธิสแอบชำเลืองมองรุ่นพี่ของตนเองเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตนเองโดยการมองแก้วโกโก้ปั่น(ที่สั่ง และพนักงานเอามาเสิร์ฟตอนที่เขากำลังตกอยู่ในภวังค์ของตนเอง) พวงแก้มของเธอขึ้นสีชัดเจนไปจนถึงเฉกเช่นเดียวกับใบหู ริมฝีปากบางนั้นเม้มเป็นเส้นตรงเพื่อข่มอารมณ์เขินอายของตนเองให้ได้มากที่สุด

         เขาว่าเขาควรจะเลิกแอบมองเธอก่อนที่ใบหน้าของตนเองจะร้อนไปมากกว่านี้ดีกว่า


         เวลาผ่านไปเพียงระยะหนึ่ง แมทธิสก็เริ่มคิดว่าคาเฟอีนในระดับนี้ก็คงจะเพียงพอสำหรับเขาแล้ว คงติวได้สบายแล้วในคราวนี้ ส่วนยาก็ค่อยไปหาหลังจากนี้แหละ สาบานเลยว่าจะไม่ปล่อยให้หมดจนต้องรบกวนคนอื่นอีกแน่นอน

         กลิ่นของรัมเป็นกลิ่นที่เข้มข้นอยู่พอสมควรเลย ออกหวาน แต่ไม่ได้หวานจนเกินไป ระหว่างคัปปิ้งเขาก็นึกสงสัยอยู่เล็กน้อยถึงอาฟเตอร์เทสต์ของเธอ

         แมทธิสไม่ได้คิดฝักใฝ่จะตามหาคอฟฟีของตนเองหรอก ถ้าเขาต้องใช้ชีวิตอยู่กับยา Caflet ตลอดก็ไม่มีปัญหาะไรหรอก

         แต่เมื่อกี้มันก็อดที่จะสงสัยไม่ให้อยู่ดีว่าเขากับรัมจะเบลนด์กันรึเปล่า

         เขาค่อยๆผละมือออกอย่างช้าๆ ผงกหัวขอบคุณรุ่นพี่ที่ให้ความร่วมมือ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบรับมาด้วยความขวยเขิน

         "ขอบคุณนะ ถ้าไม่ได้พี่รัมผมแย่แน่ๆเลย"

         "ไม่เป็นไรหรอก หลังจากติววันนี้ เดี๋ยวจะไปช่วยหายา Caflet ด้วยก็แล้วกันนะ" เธอยกแก้วโกโก้ปั่นขึ้นมาดื่ม ก่อนที่จะคว้าหยิบชีทเรียนข้างกายมาเรียงใหม่เป็นหน้าแรกเพื่อที่จะทบทวนแต่แรกอีกรอบ เมื่อครู่นี้แมทธิสอาจจะโฟกัสได้ไม่เต็มที่กับเนื้อหา ถ้าเริ่มตั้งแต่แรกก็คงจะดีกว่า

         ใบหน้าสวยของประธานนักเรียนแห่งสถาบันแปง เด ปีสเงยขึ้นมองรุ่นน้องอีกคราหนึ่ง โดยปกติแล้วเขาน่าจะโต้ตอบกลับมากับถ้อยคำเมื่อครู่ของเธอ แต่ดูท่าว่าอาฟเตอร์เทสต์จากการคัปปิ้งเมื่อครู่จะทำให้นิ่งไปแทน ดูเหมือนว่าแมทธิสจะอยู่ในภวังค์ของตนเองอยู่ ณ ตอนนี้ สีหน้าของเขาที่จู่ๆก็นิ่งเสียอย่างนั้นเล่นเอาเธอแอบนึกอยากรู้ว่าอาฟเตอร์เทสต์จากการคัปปิ้งเมื่อครู่มันเป็นเช่นไรไม่น้อย แต่รัมก็ฉุดนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ควรถามอะไรมากจนเกินไป ขืนเป็นเหมือนคราวแรกที่บรรยากาศเสียขึ้นมาก็คงจะแย่เอา

         "อาฟเตอร์เทสต์สินะ..."

         "อืม" แมทธิสพยักหน้าตอบรับ ใบหูของเขายังคงสีแดงระเรื่ออยู่เลย คงเป็นเพราะยังไม่หายเขินจากการคัปปิ้งเมื่อครู่ล่ะนะ...

         "คือ... มันเบลนด์น่ะ"

         "คะ?"

         "ผมคงจะต้องรบกวนพี่รัมบ่อยๆแล้วล่ะ" ใบหน้าของเขาเห่อร้อนเสียยิ่งกว่าเดิมเมื่อสิ่งที่คิดอยู่ภายในหัวนั้นถูกเปล่งออกมา อาการติดคาเฟอีนก็ดันมาหลังเจอคอฟฟีที่เข้ากันได้แบบไม่มีข้อยกเว้นด้วยนี่สิ เห็นทีแล้วยา Caflet อาจจะไม่ช่วยเขาเท่าเดิมได้แล้วก็เป็นได้

         "ถ้าพี่ไม่... รังเกียจน่ะนะ"

         สรุปแล้วเขาจะได้ติววิชาเคมีเวทมนตร์ดีๆมั๊ยเนี่ย?
     



    แต่งวันเดียวรวดแบบนี้คือมึนเลยค่ะ เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน
    อาจจะ OOC ไปหน่อยนะคะ ต้องขอโทษคุณเซ็นตรงนี้ด้วยค่ะ orz
    แต่งไปก็เบลอไปนิดๆนะคะ อาจจะกลับมาแก้เนื้อหาในภายหลัง
    คู่นี้คือคนละฟีลกับเมอร์รอรี่อย่างชัดเจนเลยค่ะ เพราะสองคนนี้ใส และนุ่มกว่าสองคนนั้นเยอะ
    นึกสภาพอิพี่เมอร์ในคอฟฟีเวิร์สแล้วสงสารรอรี่เลยค่ะ ถ้าเป็นพี่เมอร์ พี่จะโชว์รว้ายแน่5555555
    คู่นี้ก็โมเม้นท์กรุบกริบพอค่ะ แค่จับมือเล็กๆน้อยๆเอง ก็เค้าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันนี่เนอะ-- แค่ก!
    เรือนี้มีแจสเปอร์กับพี่เมอร์เป็นลูกเรือหลักค่ะ คนสองน่ะไม่เท่าไหร่ แต่คนแรกดันเป็นรูมเมทคุณพี่รัมเค้า
    ใช่ค่ะ น่าจะโดนชงสามวันหลังอาหารได้เลยถ้าเรื่องนี้ถึงหูยัยแจส55555555555
    มาหวีดทางทวีตกันได้ด้วยนะคะ ช่วงนี้เครสเวิ่นวอร์แฟร์บ่อยมากเพราะเก็บกด--
    แล้วก็ฝากเนื้อเรื่องหลักไว้ในอ้อมอกทุกคนด้วยนะคะ โทนเรื่องคอนทราสต์กับตอนพิเศษอย่างชัดเจนเลยล่ะค่ะ
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×