คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : prologue : to summarize it
“นี่ อามิจัง”
เพลงป๊อปร็อคที่เปิดอยู่นั้นเสียงดัง ทว่าเสียงของเขา ซึ่งเป็นเพียงไม่กี่สิ่งที่ทำให้เธอละความสนใจจากหน้าจอแล็ปท็อปได้ ก็ชัดเจนเพียงพอสำหรับเธอแล้ว
“เรื่องที่ฉันเกริ่นไปเมื่อกี้น่ะ...”
กุชิเก็น อามิเลิกคิ้ว หมุนเก้าอี้ของตนเองมามองกับคนที่ถือวิสาสะนั่งบนเตียงควีนไซส์ของเธอ ก่อนที่ริมฝีปากหยักบางคู่นั้นก็หลุดยิ้มออกมา เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่สวยของเขา
“นี่ตั้งใจจะมาเพื่อถามเรื่องแฟนเก่าฉันจริงๆ?”
“เห... ถามไม่ได้หรอกเหรอ? ทั้งๆที่เราสนิทกันมากแท้ๆ... น่าน้อยใจนะเนี่ย” เขากล่าว น้ำเสียงยียวนนั่นคงเรียกบาทาได้จากเพื่อนสนิทจริงๆของตนเอง แต่สำหรับเธอ มันก็ไม่ต่างกับตัวกระตุ้นเสียงหัวเราะดีๆหรอก
ถ้าให้สารภาพตามตรง เธอไม่ยักจำได้ว่าตนเองเริ่มมีนิสัยชอบขำเวลาเห็นอะไรแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน
แต่เอาเป็นว่ามันคงจะไม่หายง่ายๆก็แล้วกัน...
“ขอร้องเถอะโทรุจัง อิวาอิสึมิร้องไห้ดีใจแล้วนะ”
เขาแลบลิ้นขี้เล่น และนั่นทำให้หญิงสาวหยิบหมอนอิงที่วางอยู่บนตักโยนใส่เขา
“แล้วทีปกติไม่เห็นเคยถาม”
ถึงโออิคาวะ โทรุจะรับมันได้ก็ตามทีเถอะ...
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญอยู่แล้ว
เพราะต่อให้มันอัดเข้าหน้าจังๆ ก็ใช่ว่าความนุ่มนิ่มของมันจะไปทำปฏิกิริยากับจริตจะก้านอันน่าหมั่นไส้ของเขาเสียหน่อย
ไว้มันทำได้ตอนไหน เธอค่อยส่งลิงก์สั่งซื้อไปให้อิวาอิสึมิ ฮาจิเมะก็แล้วกัน— เขาคงได้ใช้ประโยชน์จากมันมากกว่าเธอเยอะ
“อืม นั่นน่ะสินะ...”
เขายิ้ม
“อาจจะเป็นเพราะว่าฉันอยากรู้เรื่องของอามิจังมากกว่านี้ก็ได้ล่ะมั้ง”
ทุกอย่างมันคล้ายกับซีรี่ส์ที่เพื่อนเธอชอบเปิดดู...
“หืม? ชอบฉันเหรอ?”
ประโยคหวานหยดย้อยที่อาจแฝงความหมายมากมายไว้ในนั้น...
แววตาที่ฉายผ่านดวงตาคู่สวยนั้น...
สีหน้าที่ดูเอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องล้อเล่น ชวนให้ใจรู้สึกว้าวุ่น
“ที่สุดเลยล่ะ”
ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นจดจ้องใบหน้าเขา สีหน้านั้นเรียบนิ่ง อามิไม่ส่งเสียงใดๆ เธอปล่อยให้รอบข้างมีเพียงแต่เสียงดนตรีป๊อปร็อคที่ตนเองเปิดอยู่... และโทรุก็ทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน
มือบางค่อยๆขยับ เลื่อนออกจากบริเวณที่พักแขนของเก้าอี้ไปยังมุมมุมหนึ่ง
“โทษทีนะโทรุ ขออีกรอบได้ไหม? ฉันเตรียมอัดแล้ว”
แล้วหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา
“อามิ!!”
เธอหัวเราะลั่น เมื่อเขาแผดเสียงใส่— มันเป็นเหมือนทุกครั้งที่ประโยคหวานเลี่ยนนั่นไม่เคยทำให้เธอเสียอาการได้
อามิไม่ใช่คนที่ชอบอะไรหวานๆ และทุกครั้งที่เขาพยายามแกล้งเธอโดยการพูดอะไรแบบนี้ มันก็มีความคิดอยากจะทำลายบรรยากาศที่เขาคิดว่าตนเองกำลังควบคุมอยู่ตลอด— การแกล้งคนแพรวพราวน่าหมั่นไส้มันอาจจะเป็นเป้าหมายชีวิตอีกอย่างหนึ่งของเธอ
ขอโทษด้วยนะ แต่ว่าโทรุเล่นวอลเลย์บอลเก่งกว่าเล่นกับใจเธอเยอะเลยล่ะ
อิวาอิสึมิเวลาโดนก็คงจะได้ฟาดเขาไปสักทีสองทีด้วยแหละ— ตามประสาคนในตำแหน่งเพื่อนควบกับเจ้ากรรมนายเวรของพ่อเซตเตอร์ของเซโจคนนี้ร่วมกับตัวเธอน่ะ
เธอวางสมาร์ทโฟนลง ณ ที่เดิม
จุดประสงค์ของการหยิบมันขึ้นมาตั้งแต่แรกก็เพื่อทำให้โทรุขมวดคิ้วเท่านั้น แอพพลิเคชั่นบันทึกเสียงอะไรนั่นก็ไม่ได้เตรียมพร้อมไว้หรอก แค่ปลดล็อกหน้าจอเธอยังไม่ได้ทำเลย
แต่จังหวะมันซิทคอมใช้ได้... เธอล่ะชอบความสร้างสรรค์ในหลายๆสถานการณ์ของตนเองเสียจริง
“เอาตรงๆก็เฉยๆ ตอนคบก็ต่างคนต่างได้ผลประโยชน์ พอเลิกกันก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าอะไรทั้งคู่” อามิเอ่ยเปลี่ยนประเด็น วกกลับเข้าสู่เรื่องแฟนเก่าของเธอที่เพิ่งจะเลิกกันได้ประมาณ 2 วันก่อน
และใช่ มันไม่ได้มีความรู้สึกเศร้าอะไรนัก
“โทรุจังก็น่าจะรู้ดี... ฉันทุ่มเทกับการเต้นมากกว่าในเรื่องอื่น และทุกครั้งที่คบกับใครก็จะถูกบอกเลิกในเรื่องเดียวๆกันเสมอ— ฉันไม่มีเวลา”
เธอไหวไหล่
“และฉันก็บอกทุกคนตั้งแต่ก่อนจะคบแล้ว ทั้งเรื่องเวลาและเรื่องที่ฉันให้ความสำคัญกับอย่างอื่นมากกว่า... มันไม่ใช่ว่าฉันไม่เคยชอบพวกเขา ความจริงแล้วฉันชอบ ชอบทุกคนเลย”
“แต่มันไม่มากพอ?” เขาเอ่ยแทรก
และนั่นทำให้อามิระบายรอยยิ้มออกมาอีกครั้งหนึ่ง
“บอกแล้วว่าโทรุจังน่าจะรู้ดี... เรามันก็เป็นประเภทที่ยึดความฝันและสิ่งที่รักเป็นอันดับหนึ่งทั้งคู่เลยนี่”
“เพราะฉันเก่งด้วยต่างหาก สำหรับอามิจังนะ แค่มองปราดเดียวก็ทะลุปรุโปร่งแล้ว”
เธอหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“แต่เห็นอามิจังไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วแหละ ถ้าเศร้าก็โทรเรียกฉันได้นะ จะวิ่งมาให้ซบอกโดยเร็วเลย” เขาส่งวิ้งค์ให้เธอ ก่อนจะสะพายกระเป๋าที่ตนเองวางไว้ข้างกาย
“กลับบ้านดีๆนะโทรุจัง กลับไปแล้วก็ช่วยนอนให้เต็มอิ่มด้วย ไม่งั้นฉันฟ้องอิวาอิสึมิแน่”
“โธ่ อามิจังล่ะก็...”
“ก็เป็นห่วงกันทั้งคู่ไหมล่ะ? อย่าคิดว่าคนเขาดูไม่ออกนะ เวลาฝืนตนเองเนี่ย” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบน้ำขวดหนึ่งออกมาจากตู้เย็นเล็กในห้อง
เพราะว่ามันถูกจัดวางไว้ใกล้เตียงนอนมากกว่าโต๊ะทำงาน จึงหย่อนตัวลงนั่งบนเตียง เคียงข้างเขาทันทีที่ปิดประตูตู้เย็น
เธอยื่นของในมือให้กับเขา
“ของฟรี ไม่ได้เปิดที ไม่มีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธ นอกเสียจากว่าจะไม่ต้องการจริงๆ”
“หืม?”
โออิคาวะ โทรุเลิกคิ้ว บนใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มยียวนอันเป็นเอกลักษณ์นั่นอยู่
“หรือจะเอาไปเททิ้งที่โคนต้นไม้ก็ได้นะ วันนี้หม่าม๊าบอกว่าจะกลับบ้านช้า ฉันเลยกะจะรดน้ำต้นไม้แทน”
มันอาจจะฟังดูแปลก แต่ว่านั่นหาใช่การประชดประชัน
เธอเป็นคนแบบนี้— บางทีก็พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องออกมาได้หน้าตาเฉย บางทีคิดอะไรเพลินๆคนเดียวก็ไม่ได้ อยากจะเอ่ยออกมาให้คนรอบข้างรับรู้
และจะหุบปากก็ต่อเมื่อตนเองต้องการเท่านั้น
ขวดน้ำเย็นๆในมือถูกเขาหยิบไป และในเวลาไม่นานนัก ส่วนหนึ่งของมันก็ถูกดื่มโดยคนเดียวกัน
“ดูเหมือนว่าอามิจังคงจะต้องใช้สายยางรดต้นซัลเวียของคุณน้าเหมือนเดิมแล้วล่ะ” เขาเอ่ย
ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง และกล่าวลาเธอ
“จะพยายามไม่นอนดึกก็แล้วกัน เจอกันพรุ่งนี้นะอามิจัง”
แล้วก็กลับบ้านไป พร้อมกับขวดน้ำที่เธอให้...
อามิมองประตูห้องตนเองปิดลง ภายในหัวเธอกรอถ้อยคำก่อนหน้านั้นซ้ำไปซ้ำมา และสุดท้ายก็ได้ผลสรุปว่า ‘มันไม่เท่เอาเสียเลย’
แต่เธอก็ใช่ว่าจะชอบอะไรเท่ๆเสมอไปหรอก
มือเอื้อมไปเปิดตู้เย็นอีกครั้งหนึ่ง เธอหยิบขวดน้ำออกมาดื่ม ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานของตนเองเหมือนเดิม
และในตอนนั้นเองที่โปรแกรมแชทบนหน้าจอแล็ปท็อปเธอเด้งขึ้นมา
เพราะว่าล็อกอินในนี้ไว้ชั่วคราว มันจึงขึ้นแจ้งเตือนเฉกเช่นเดียวกับบนหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ปิดเสียงไว้ของเธอ
เธอกดเข้าไปดูหน้าห้องแชททั้งหมดของตนเอง— มี 3 ข้อความจากเพื่อนต่างโรงเรียนที่คิดว่าคงจะตอบทีหลัง 1 ข้อความจากแม่ ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องข้าวเย็นที่เธอต้องทำกินเอง และข้อความล่าสุดที่เพิ่งถูกส่งมา...
จากคนที่เพิ่งจะถูกพูดถึงเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเสียด้วยสิ
มันไม่มีเหตุผลอะไรให้เธอไม่กดไปตอบข้อความแม่คุณเธอ ในเมื่อมันขึ้นให้อ่านอย่างชัดเจนว่า ‘ถามอะไรหน่อยได้มั๊ย? ถ้ามันไม่เป็นการรบกวนน่ะ’
อามิยิ้ม
แล้วจึงกดเข้าไปพิมพ์ตอบ
‘ว่ามาก่อน ตอบได้หรือไม่ได้ก็ค่อยดูอีกที’
ทุกความสัมพันธ์ในเชิงโรแมนติกของเธอ เริ่มต้นด้วย ‘การสนองความต้องการของตนเอง’
ต้องการกอดใครสักคน ต้องการจูบใครสักคน แต่แค่ในบางเวลาเท่านั้น... และนั่นก็เป็นสิ่งที่เธอบอกกับพวกเขาตั้งแต่แรก
เธอไม่ได้มีเวลาให้กับใครตลอด และนั่นอาจเป็นอุปสรรคของความสัมพันธ์ที่มั่นคง
เธอมีคลาสเรียนเต้น มีการฝึกซ้อม มีกิจกรรมที่ตนเองทุ่มเทกับมัน— และส่วนที่เหลือก็ถูกพูดในบทสนทนาก่อนหน้ากับโทรุไปแล้ว
เพราะว่าไม่ยึดติดมาก จึงไม่ได้เศร้าเสียขนาดนั้น ทั้งเธอและพวกเขาทุกคน
สุดท้ายแล้ว เมื่อมันจบลงก็กลับมาเป็นเพื่อนห่างๆของคนและกันเหมือนเดิม
chiisa : ขอโทษด้วย ถ้ามันฟังดูหยาบคายไปหน่อย ฉันไม่รู้จะใช้คำอย่างไรดี
บางทีรูปแบบของความสัมพันธ์แบบนี้ อาจจะไม่ต่างกับ Friends with Benefits เลย
Benefits ในที่นี้ก็คือความอบอุ่นทางใจที่เราสร้างให้กันและกัน...
มันหาได้เทียบเท่ากับความรัก ทว่าก็สามารถเรียกว่า ‘ความชอบพอ’ ได้
และไม่— เธอไม่ได้มีปมชีวิตหรืออะไรทำนองนั้นหรอก
คนเราก็มีทั้งที่อยากคบหาดูใจกับใครสักคนในระยะยาวและในระยะเวลาเพียงชั่วคราวนี่นา...
chiisa : ไม่คิดจะมีความสัมพันธ์ที่มั่นคงบ้างเหรอ? ประมาณว่า คบกันแบบยืนยาวและจริงจังน่ะ
เธออ่านข้อความดังกล่าวซ้ำไปซ้ำมาประมาณ 4-5 รอบได้ ถึงค่อยสรรหาถ้อยคำที่เหมาะสมที่สุดในการพิมพ์ตอบกลับไป— เธอไม่อยากจะพิมพ์ถ้อยคำยืดเยื้อ และบทสนทนาที่สั้น กระชับ เข้าใจง่าย คงเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ
นั่นน่ะสินะ...
‘ก็คงไม่ใช่ในเร็วๆนี้’
เธอรู้ดีว่าสิ่งสำคัญลำดับหนึ่งของตนเองคืออะไร และเธอเองก็รู้... ว่าตนเองไม่พร้อมสำหรับการสละเวลาในส่วนนั้นให้กับใครก็ตาม
อย่างน้อยก็ในตอนนี้
chiisa : อ๋อ
จนกว่าเธอจะมั่นใจ...
จนกว่าเธอจะพร้อมกับความสัมพันธ์ในรูปแบบนั้น...
เธอจะไม่มีวันทำตามความรู้สึกเห็นแก่ตัวของตนเองเด็ดขาด
กุชิเก็น อามิอาจจะเป็นมนุษย์ที่วันๆเอาแต่เต้น สนใจแค่สิ่งที่ตนคิดว่าสำคัญ และยกความฝันของตนเองไว้เหนือสิ่งอื่นใด...
แต่เธอไม่ใช่คนใจร้าย
และเธอไม่อยากเป็นคนใจร้าย
เมื่อบทสนทนากับคุณแฟนเก่าจบลง เธอก็ปิดหน้าต่างย่อยนั่น— หน้าห้องแชททั้งหมดปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ในตอนนั้นเองที่สายตาเธอสบกับข้อความประหลาดที่ค่อนข้างมั่นใจว่าตนเองเป็นคนส่งอย่างแน่นอน
‘โทษที ฉันคงเมาน้ำส้ม จะให้ unsend ทั้งหมดก็คงไม่ไหว ทำลืมๆไปนะ’
เลขเวลาที่ปรากฏขึ้นข้างๆนั้นเล่นเอาเธอส่ายหน้าอย่างเอือมระอาออกมา
‘02:30’
นึกว่าตนเองทักไปหาเขาในฝันเสียอีก... แถมจำไม่ได้ด้วยว่าพิมพ์บ่นไปกี่สิบหัวข้อ กี่ร้อยข้อความ
มิน่าล่ะ โทรุถึงได้ถามเรื่องที่ปกติไม่ถามออกมา
แต่ก็ช่างเถอะ จะจดจำมันไว้ในฐานะของ ‘หนึ่งในสาเหตุที่ไม่ควรนอนดึก’ ก็แล้วกัน...
สายตาเลื่อนมองไปยังเวลาที่ปรากฏอยู่ริมหน้าจอ อามิปิดโปรแกรมลง
เหมือนว่าวันนี้จะเผลอพักนานไปหน่อย...
เมื่อรู้ตัวแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องนอนของตนเอง แล้วตรงไปยังห้องซ้อมเต้นตามกิจวัตรทันที
เธอยังไม่เข้าถึงอารมณ์ของเพลงล่าสุดเท่าที่ควร— และในคลาสถัดไป มันจะไม่เป็นเช่นนั้น
ในยามที่ร่างกายขยับไปตามท่วงทำนอง เธอก็ระลึกได้อีกครั้งหนึ่ง
ว่าสิ่งที่ตนเองกำลังทุ่มเทนั้นสำคัญไฉน...
และเพราะเหตุใด จึงได้หลงรักมัน
ความคิดเห็น