ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    welcome to ze haus !

    ลำดับตอนที่ #1 : warfare ∥ don't irritate the queen

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 63


    don't irritate the queen

    「 pairing : Mircea Ruiz × Rory DeLonne 」
    keyword : arguing, love-hate, 1 year before the current event(?)

    first note: งอกออกมาเพราะอย่างเวิ่นพี่ฮุคน้องฮาร์ทล้วนๆเลยค่ะ มันจะซอฟท์ๆ(?)กว่าเนื้อเรื่องหลักนิดนึงเพราะยังไม่ถึงไทม์ไลน์ของวอร์แฟร์ปัจจุบัน
    ปล. ในเรื่องแอบมีสปอยล์เกี่ยวกับบางส่วนของเนื้อเรื่องหลักนะคะ (เรื่องสภานศ + potential pair ในเรื่อง) 
    แต่ส่วนหลังนี้ต้องลงทุนคิดหนักหน่อยถ้าอยากรู้ตอนนี้

    ❝ ต่อให้ต้องกัดลิ้นจนตาย ฉันก็จะไม่มีวันเรียกเธอว่าราชินีเด็ดขาด ❞
    THEME SONG : Ellise; Lilith
         "นี่มันน่าโมโหชะมัด..." เสียงแหลมของเจ้าหล่อนเปล่งออกมาด้วยความระแคะระคายใจ ดวงตาสีโลหิตของหล่อนชำเลืองมองใบหน้าของคนข้างกายที่เธอต้องจำใจนั่งข้างเคียงในคาเฟ่ที่ชุลมุนไปด้วยนักศึกษาในช่วงใกล้สอบมิดเทอมแบบนี้ รอรี่จิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์

         สิ่งสุดท้ายที่เธออยากจะทำในชีวิตนี้คือแชร์ผลประโยชน์ร่วมกันกับเมอร์ซีอา รุยซ์

         "น่าโมโหเป็นที่สุด..."

         ใจจริงแล้วมีแพลนว่าจะคุยเรื่องโปรเจคงานกลุ่มร่วมกับประธานสภานักศึกษา ณ คาเฟ่แห่งนี้ ทว่าอีกฝ่ายดันติดธุระเสียก่อนจึงทำให้ต้องยกเลิกกลางคัน... ในตอนนี้เธอได้เตรียมชุดที่จะใส่ออกมาข้างนอกเสียแล้ว

         อยากจะอัดเสียงกรีดร้องส่งไปให้รัมฟังจนหูหนวกไปข้าง แต่เผอิญว่าข้อความขอโทษอย่างเป็นทางการอันยาวเหยียดหลายพารากราฟที่ถูกส่งมานั้นก็คงจะเกินพอแล้ว ยัยนั่นมันเป็นประเภทที่จริงจังกับทุกอย่างจนเกินเหตุ ปกติไม่เคยยกเลิกนัดกลางคันแบบนี้ คราวนี้คงสุดวิสัยชนิดที่ว่าห้ามไม่ได้อย่างแน่นอน

         ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าเธอจะยอมมานั่งติวกับคู่อริในสภานักศึกษาหรอกนะ! แค่เหลียวแลขณะประสานงานยังขยาดแทบแย่อยู่แล้ว

         การเป็นอยู่ของเมอร์ซีอาคือความทุกข์ของรอรี่ เดอลอนน์— ทุกคนย่อมรู้ความจริงข้อนั้นดี

         "ชีวิตบัดซบเอ้ย ฉันยอมกัดลิ้นตายดีกว่ามาทำอะไรแบบนี้" อยากจะฉีกชีทเอกสารวิชาเคมีเวทย์ของศาสตราจารย์มาร์กีซเอาเสียตอนนี้ หากไม่ติดว่าเจ้าของคาเฟ่นั้นกำลังจ้องเขม็งมายังโต๊ะของเธอราวกับว่าพร้อมที่จะเตะเธอออกจากร้านได้ทุกเมื่อ ถ้าเธอเริ่มก่อความวุ่นวายแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

         เปล่า... ร้านคาเฟ่นี้ไม่ได้อติแบ่งฝั่งเป็นบ้าคลั่งเหมือนพวกนักศึกษา

         เหตุมันมาจากการที่คุณหนูเดอลอนน์คนนี้อาละวาดกลางร้านตอนปี 1 ต่างหากล่ะ

         ทั้งปาข้าวของ ใช้เวทมนตร์โดยพลการ กรีดร้องโวยวายเสียงดังรบกวนผู้อื่น ด่าทอด้วยวาจาหยาบคายแก่คู่กรณี และบุคคลรอบข้าง... นับว่าเป็นวีรกรรมแรกในชีวิตนักศึกษาแปง เด ปีสของเธอเลยทีเดียว

         คำด่าทอซึ่งแกมจุดมุ่งหมายเป็นคำสั่งที่ว่า 'ฟันหัวมันให้ตาย' ยังคงเป็นวลีที่ควบคู่ไปกับนามของคุณหนูตระกูลเดอลอนน์แม้จะผ่านมาสี่ปีแล้วก็ตาม

         ...แต่ทำไมถึงอาละวาดในตอนนั้นกันน่ะเหรอ?

         "ก็กัดลิ้นตายไปสิ" คิ้วทรงจันทร์เสี้ยวของเธอกระตุก

         "เห่าอยู่นั่นแหละ... แสลงหู"

         เพราะไอ้เวรนี่อย่างไรล่ะ...

         ปัง!

         "ไอ้— "

         ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธาทันทีพลันได้ยิน หล่อนทุบมือลงบนโต๊ะโดยไม่แยแสสิ่งรอบข้างแต่อย่างใด แก้วเครื่องดื่มของอีกฝ่ายสั่นตามแรงกระแทก คาปูชิโน่ร้อนกระเซ็นหกลงบนที่รองแก้วบางส่วน และช้อนคนก็ตกลงไปยังพื้นร้านเสีย

         "ปล่อยกระแส"

         กึก...

         แต่ไม่ทันได้ทำอะไรนอกเหนือไม่จากนี้ก็ต้องนิ่งงัน รอรี่กัดฟันข่มอารมณ์ของตนเองไว้ เธอไม่ได้อยากจะเก็บอารมณ์ร้ายๆนี่แต่อย่างใด ทว่าหากจะให้อาละวาดเอาเสียตามความต้องการก็คงจะไม่ส่งผลดีเลยแม้แต่น้อย

         พลังเวทย์ของเจ้าของร้าน— ต้นกำเนิดของอาการชาที่ลำตัวช่วงแขนเมื่อครู่นั้น... เปรียบเสมือนการเอ่ยเตือนของผู้ใช้ที่ต้องการจะลดเปอร์เซ็นต์ของความวุ่นวายภายในโรงเรียน และเธอฉลาดพอที่จะรู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่ทำตามอย่างว่าง่าย

         เธอคงจะชิลล์กว่านี้หากคะแนนเทสต์รอบล่าสุดนั้นไม่พังพินาศ ในเวลาแบบนี้ก็คงทำได้แต่เพียงนั่งโง่ๆสาดคำด่าทอให้เมอร์ซีอาเท่านั้น วิธีกำปั้นถูกตัดออกจากช๊อยส์ตัวเลือกทันทีเมื่อระลึกได้อีกครั้งถึงผลที่จะตามมา

         ดวงตาสีเหลืองเลม่อนของอีกฝ่ายหรี่มองขณะที่เธอค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งเหมือนเดิม แววตาของเขาดูคล้ายกับกำลังใจเย้อหยันกลายๆ หากนั่นไม่ใช่ความคิดในเชิงอคติของเธอ

         บางครั้งรอรี่ก็สงสัยว่าตนเองกำลังมองเขาตามความเป็นจริงหรือมองด้วยอคติกันแน่?

         แต่ดูๆแล้วก็มองตามความจริงนั่นแหละ ไม่ต้องสงสัยเลย— ไม่ต้องสงสัย...

         "อย่าสร้างเรื่องมาก เดอลอนน์ เธอกำลังทำให้ภาพลักษณ์ฝั่งเราแย่ไปกว่าเดิม" คนอายุน้อยกว่านั้นจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ เธอหาได้แยแสความอาวุโสหรือเรื่องที่เธอจำเป็นต้องเคารพเขาซึ่งอายุมากกว่าแต่อย่างใด เดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะนับถือผู้อื่นได้ง่ายเสียอยู่แล้ว จะเหลืออะไรกับรุ่นพี่ปากคอเราะร้ายคนนี้เสียกันล่ะ?

         จะเดสท์เหมือนกัน หรือครีเอคนละฝั่ง— ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรก็ไม่คิดอยากจะญาติดีกันด้วยอยู่แล้ว

         หายใจโดยใช้ออกซิเจนร่วมกันก็บุญโขแล้วสำหรับสิ่งมีชีวิตวาจาต่ำต้อยแบบเขา...

         "ไวส์วานให้ฉันมาติวเธอ อย่างน้อยก็เห็นแก่ประธานเพื่อนเธอบ้าง"

         "แต่ฉันไม่ได้ขอ" เธอกล่าววาจาโผงผางตามนิสัย เน้นย้ำส่วนสำคัญในถ้อยคำที่กล่าวออกไปให้อีกฝ่ายได้ยิน

         และสิ่งที่รอรี่ เดอลอนน์ได้รับกลับมาคือเสียงกระดาษสมุดที่กำลังถูกเปิดดูแบบคร่าวๆ มือของเขาปิดสมุดลงพลันตรวจบางอย่างข้างในนั้นเสร็จ เปลี่ยนท่าทีจากการพลิกหน้าสมุดที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นมาเป็นการจับสัน ส่งต่อมาทางฝั่งเธอ

         รอรี่ไม่รู้ว่าสีหน้าเธอที่กำลังงวยงงเรื่องการกระทำของเขามันน่าขบขันมากขนาดไหน แต่ก็คงมากพอที่จะทำให้เมอร์ซีอาหลุดยิ้มออกมาเพียงชั่วครู่หนึ่งที่เธอกำลังจ้องสมุดเล่มนั้นโดยที่ไม่ได้ยื่นมือไปรับเสียที

         "เอ้า ถือซะว่าทำบุญทำทาน" มันคงจะดีกว่านี้ไม่น้อยหากเขาไม่ปากเสียใส่เธอ และพระเจ้าช่วย... คนอะไรเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเรียบนิ่งได้เก่งยิ่งกว่าพวกหน้าจิ้งจกของฝั่งครีเอเสียอีก

         อยากจะหักหน้าเขาโดยการไม่รับสมุดเล่มนั้นเป็นบ้า แต่เธอดันอยากรู้ว่ามีอะไรขีดเขียนอยู่ในแผ่นกระดาษข้างในนี่สิ

         เธอแค่อยากรู้เอง...

         ใช่ แค่อยากรู้

         ไม่ได้เกี่ยวกับความรู้สึกของไอ้เวรนี่สักนิดเดียว

         ...แล้วนี่เธอกำลังให้เหตุผลกับใครอยู่นะ?

         หล่อนส่ายหัวปัดความคิดที่เริ่มจะตีกันให้สับสนนั่น รับสมุดเล่มดังกล่าวมาจากมือเขา และในชั่วครู่หนึ่งมือก็โดนกันโดยบังเอิญ ไม่มีเหตุการณ์เขินอายเฉกเช่นนวนิยายหวานแหววนั่นเสียหรอก มันเป็นแค่เพียงสัมผัสเบาๆในช่วงเวลาไม่กี่วินาที ถึงกระนั้นรอรี่ก็รู้สึกพ่ายแพ้เล็กน้อยเมื่อมือของเขานั้นกลับนุ่มนวลดูสุขภาพดีกว่ามือที่หยาบกร้านของเธอเสียด้วยซ้ำ

         แต่ก็ถูกแหละ ฝั่งเดสท์ประเภทที่ไม่ค่อยได้ฝึกสู้แบบเขาก็คงมีเวลาดูแลตัวเองแบบเหลือเฟืออยู่แล้ว เห็นว่าพกแฮนด์ครีมไปไหนมาไหนด้วยซ้ำ น่าหมั่นไส้ใช่มั๊ยล่ะ?

         หากไม่รู้เนื้อแท้คงดูไม่ออกว่าเป็นนักศึกษาฝั่งผู้ทำลายหรอก... ว่าแล้วก็อยากจะชมสถาบันที่เลือกนักเรียนที่ดูนักศึกษาออกเสียจริง

         มือหยาบกร้านของเธอนั้นเปิดดูหน้าแรกด้วยความรวดเร็ว เธอไม่สนใจเสียด้วยซ้ำว่าแผ่นกระดาษข้างในจะยับหรือไม่ เธอแค่อยากรู้ว่ามันมีอะไรดีนักหนาเมอร์ซีอาถึงได้พูดว่าเป็นการทำบุญทำทานแบบนั้น

         คิ้วทรงจันทร์เสี้ยวขมวดเข้าหากันพลันเห็นหัวเรื่องไตเติ้ลใหญ่บนบรรทัดบน เลื่อนอ่านลงมาก็เห็นตัวอักษรมากมายที่ถูกขีดเขียนด้วยปากกาสีดำ มีบางส่วนถูกไฮไลท์เป็นสีแดง คาดว่าน่าจะเป็นส่วนสำคัญของเนื้อความ

         ข้อสันนิษฐานบางอย่างปราฏขึ้นในหัวเธอ และเพื่อพิสูจน์มันจึงจำเป็นจะต้องพลิกไปหน้ากระดาษที่เหลือของสมุดเล่มนั้น

         ทุกหน้ามีเนื้อความที่ถูกขีดเขียนอย่างละเอียดลออ ไม่ได้มีรูปวาดอะไรเพื่อความสวยงามข้างๆ แต่ก็จัดได้ว่าเป็นสมุดจดเนื้อหาที่ค่อนข้างจะน่าอ่านเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ไม่ค่อยเปิดตำราอย่างเธอ อีกทั้งลายมือของเขานั้นหาได้ใกล้เคียงกับคำว่าไก่เขี่ยเลยแม้แต่น้อย เผื่อๆขียนสวยกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ

         แต่เมอร์ซีอา รุยซ์จะทำบุญทำทานกับคนที่ต่อล้อต่อเถียงกับเขามาสามปีกว่าทำไมกัน? ดูทรงแล้วก็ไม่น่าจะเป็นประเภทที่ชอบยื่นมือไปช่วยเหลือใครตั้งแต่แรกด้วย

         "ระดับเกรดเคมีเวทย์จัดว่าดีอยู่ ไม่จำเป็นต้องให้ติวมากมาย" เขาเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาสีเลม่อนไม่ละสายตากับคู่สนทนาของตนเองขณะที่มือข้างหนึ่งนั้นเลื่อนชีทเรียนวิชาดังกล่าวมายังโต๊ะอีกฝั่งของตนเอง สื่อว่าให้อีกฝ่ายเก็บมันกลับเข้าแฟ้มเหมือนเดิม ส่วนรอรี่ที่รู้เจตนาของเขาก็หาได้เก็บมันกลับเข้าที่ หล่อนกะจะจัดการเก็บทุกอย่างเสียทีเดียวเมื่อการติวบ้าๆที่เธอหนีไม่ได้นี้จบ

         "แต่ในส่วนของวิชาสัญชาตญาณและภาษาอสูรมันอนาถเกินทนจริงๆ"

         จึก!

         ราวกับว่ามีอาวุธศรเข้าแทงที่ช่วงท้อง เธอรู้สึกจุกอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้างามนั้นเริ่มบิดเบี้ยวอีกครา แต่ในเมื่ออาละวาดไม่ได้จึงหยิบชานมกุหลาบปั่นมาดื่มเพื่อลดโทสะในใจ

         "สำหรับไอ้คนที่มันไม่พยายามทำความเข้าใจคนอื่นแบบเธอมันก็คงยากอยู่หรอก"

         "ย่ะ..."
         
         สาบานเถอะว่านี่กำลังกัดฟันข่มอารมณ์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว เสร็จเรื่องนี้เมื่อไหร่เธอจะไปคิดบัญชีกับยัยประธานอย่างแน่นอน

         "ในสมุดนั่นมีสรุปเนื้อหาของปี 3 ทั้งหมด ฉันจดมันไว้ตอนเรียน"

         "..."

         "อ่านซะ ถ้าไม่อยากตกอีก"

         ความรู้สึกขุ่นมัวนั้นค่อยๆจางลงเมื่อได้ยินดังนั้น หล่อนหลุบตาลงมองสมุดจดเล่มนั้นในมือแทนที่จะสบตากับอีกฝ่าย แม้สีหน้าจะเริ่มแปรเปลี่ยนมาเป็นปกติก็ตาม แต่ความรู้สึกกระอักกระอ่วนในท้องกลับเข้ามาเสียแทน รอรี่เลิกคิ้วมองคู่อริในสภานักศึกษาด้วยความฉงนและสับสน ใจจริงเธออยากจะถามต่อว่าทำไม แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายคงตอกกลับมาด้วยวาจากวนประสาทเฉกเช่นทุกครา

         เห็นแก่บุญคุณอันน้อยนิดนี้ เธอจะไม่หาเรื่องเขาสักครึ่งชั่วโมงก็แล้วกัน

         "ฉันให้เวลาอ่านของบทแรกสัก 20 นาทีก่อน แล้วเราค่อยควิซปากเปล่ากัน"

         "แต่บทแรกฉันสอบเสร็จไปแล้วนี่ จะติวอีกทำ"

         "คะแนนเธอไม่ถึง 40% ด้วยซ้ำ ขืนเริ่มอ่านบทอื่นทั้งๆที่ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องหวังแม้แต่ C- จากศาสตราจารย์เจนกินส์เลย"

         เป็นอีกครั้งที่เธอเถียงไม่ออก...

         ไม่สบอารมณ์อารมณ์เสียจริงๆ

         "อ่านไป ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถาม เดี๋ยวอธิบายให้" และที่ทำให้หงุดหงิดมากกว่าเดิมก็คงเป็นการที่เขายิ้มเยาะเมื่อเธอชักสีหน้าใส่

         ไอ้เวรอวดเก่งนี่...


         ในที่สุดช่วงเวลานรกของเธอก็หมดเสียที คุณหนูตระกูลเดอลอนน์กำลังจัดแจงเก็บชีทเรียนทั้งหทดเข้ากระเป๋า ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้ติวมากกว่าวิชาเดียวตามจุดประสงค์ตอนแรก แต่นั่นก็ถือว่าเป็นกำไรเล็กๆส่วนหนึ่งก็แล้วกัน

         กำไรเล็กๆส่วนสองนั่นคือเมอร์ซีอาจะจ่ายค่าน้ำและขนมให้เธอน่ะนะ...

         ขณะเดียวกันที่อีกฝ่ายกำลังหัวเสียกับการจัดเก็บของใส่กระเป๋าโดยไม่ให้มันกินเนื้อที่เกินความจำเป็นจนกระเป๋านูนออกมาน่าเกลียด เขาก็หยิบสมาร์ทโฟนที่ไม่ได้แตะมาพักหนึ่งขึ้นมาเปิดดูแจ้งเตือน

         หัวบนสุดนั้นปรากฏข้อความจากแอพพลิเคชั่นแชทจากคนคนหนึ่ง และเมอร์ซีอาก็กดเข้าไปอ่านทันทีเมื่อเห็น

         .weiss_rum :: คุณรุยซ์ เอกสารสำคัญของชมรมดนตรีคลาสสิคที่ว่ามันไม่ได้เร่งด่วนเลยนี่คะ ทำไมถึงได้บอกฉันให้รีบไปกันล่ะ? ถึงกระนั้นก็ขอบคุณที่มาเจอคุณเดอลอนน์แทนฉันนะคะ หวังว่าการติวจะเป็นไปได้ด้วยดีและไม่มีการวิวาทกันนะคะ ขอสารภาพว่าตอนแรกฉันค่อนข้างที่จะตกใจตอนคุณรุยซ์เสนอว่าจะมาติวเลยล่ะค่ะ ความจริงศาสตราจารย์ก็มีเสนอให้ใครสักคนไปติวในส่วนรายวิชานี้ให้คุณเดอลอนน์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ต้องขอบคุณอีกครั้งจริงๆค่ะ ไว้ฉันจะชี้แจงศาสตราจารย์ให้นะคะ

         ก็เห็นว่าชอบมองห้องดนตรีคลาสสิคบ่อยๆนี่ ก็เลยให้ไปประสานงานบางอย่างแทนเลขานุการที่ไปช่วยผู้อำนวยการฮันเซลเสียเลย

         แต่คุณประธานเธอก็ไม่ได้บ่นอะไรนี่นะ... เขาเองก็ค่อยตอบเธอเมื่อเจอกันอีกรอบก็แล้วกัน ในตอนนี้มันไม่สะดวกเสียทีเดียว

         เมื่ออ่านจบเขาก็ปิดสมาร์ทโฟนตามเดิม พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าลิปสตกเริ่มจะซีดลงบนริมฝีปากของรอรี่ เดอลอนน์นั้นได้ถูกทาใหม่อีกรอบเสียแล้ว

         เหมือนคนที่เพิ่งกินเครื่องในสดแล้วเลือดติดปากอย่างไรอย่างนั้น ทาลงไปได้...

         "มองอะไร?"

         "ปอบ"

         แล้วยัยเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมก็ชูนิ้วกลางใส่เขา เมอร์ซีอาแค่นหัวเราะใส่ รอรี่ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าลิปสีแดงของหล่อนเลอะเลยมุมปากไปนิดนึง ดูทรงแล้วเจ้าตัวคงจะลืมพกกระจกมา

         แต่มันก็ดันไม่ไปทาในห้องน้ำ... กลัวเขาชิ่งก่อนจ่ายให้เธอหรืออย่างไรกัน?

         เห็นเป็นคนแบบนี้ แต่เขาก็รักษาคำพูดหรอก

         เธอไม่เคยรู้อะไรกับคนอื่นเขาเลย ยัยบ้าเลือดนี่

         เมื่อยิ่งมองก็ยิ่งขัดใจในลิปสติกส่วนที่เปรอะออกมาเล็กน้อยของเจ้าหล่อน เขาก็หยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะสองสามแผ่นยื่นมาให้เธอที่แปรเปลี่ยนสีหน้าจากหงุดหงิดมาเป็นงวยงงเสีย

         "ลิปเลอะ"

         "อ๋อ—"

         "เช็ดเอง ฉันไม่ใช่คนรับใช้บ้านเธอที่คอยประคบประหงมราวกับว่าเธอเป็นราชินีเหมือนคนไม่รู้จักคิด"

         "ไอ้เวรนี่"

         เขารู้ดีว่ามีคำพูดที่ดีกว่านี้เยอะให้พูดออกมา แต่ก็ดันเลือกวิธีที่จะทำให้หล่อนโมโหได้อยู่เรื่อยคล้ายกำลังกลั่นแกล้งทางอ้อมเสมอ

         จะเรียกว่าโรคจิตหรือเป็นบ้าก็ได้ —แต่เขาชอบเวลาแหย่ยัยนี่จนโมโหพิกล
     





    ดูโอ้รองประธานฝั่งเดสท์ทั้งสองเป็นอะไรที่เครสชอบมากเลยค่ะ
    ชิปทั้งแบบพี่น้องกับแบบคนรัก เรียกได้ว่าสองคนนี้เวลาอยู่ด้วยกันคือบันเทิงมาก
    เหตุการณ์ตอนนี้ก็สมัยยัยรอรี่อยู่ปี 3 กับเจ้าเมอร์ซีอาอยู่ปี 4
    กะจะแต่งอะไรแบบนี้หลังเริ่มเรื่อง แต่เครสทนไม่ไหวจริงๆค่ะ มันว้อนท์มากเลย555555
    เพิ่มเติมสำหรันตอนพิเศษนี้ก็คือรอรี่ชีถูกแรงกดดันของประธานให้มาติวตามที่เมอร์ซีอาเสนอค่ะ
    (ประธานเธอไม่รู้ตัวว่ากดดันนะคะ เธอเป็นคนอินโนเซ้นท์ แค่รู้สึกผิดที่ต้องให้รอรี่เตรียมตัวเก้อก็แค่นั้น ส่วนพิ่เมอร์มันคนร้ายค่ะ- แค่ก)
    เนื้อเรื่องอาจมีสปอยล์นิดนึงตามโน๊ตที่เขียนไว้ข้างบน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะปอยล์ไม่ได้ค่ะ ไม่ต้องห่วง
    ไหนๆก็ไหนๆแล้ว อยากจะบอกอีกนิดว่าหลายตัวละครในวอร์แฟร์อินซไปร์มาจากตัวละครในวรรณกรรมค่ะ
    รอรี่มาจากราชินีโพแดง ส่วนเมอร์ซีอามาจากกัปตันฮุกค่ะ แต่ว่าแค่อินซไปร์ เรื่องนิสัยนี่ไม่ได้ถอดแบบมาหมด
    ฝากสองคนนี้ไว้ในอ้อมอกของคนที่หลงมาอ่านด้วยนะคะ มีตอนพิเศษคู่นี้ที่แพลนไว้อีกเยอะเลยค่ะ แต่น่าจะแต่งหลังเริ่มเรื่องแล้ว55555
    _____
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×