ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : warfare ∥ don't irritate the queen
don't irritate the queen
「 pairing : Mircea Ruiz × Rory DeLonne 」
keyword : arguing, love-hate, 1 year before the current event(?)
first note: งอกออกมาเพราะอย่างเวิ่นพี่ฮุคน้องฮาร์ทล้วนๆเลยค่ะ มันจะซอฟท์ๆ(?)กว่าเนื้อเรื่องหลักนิดนึงเพราะยังไม่ถึงไทม์ไลน์ของวอร์แฟร์ปัจจุบัน
ปล. ในเรื่องแอบมีสปอยล์เกี่ยวกับบางส่วนของเนื้อเรื่องหลักนะคะ (เรื่องสภานศ + potential pair ในเรื่อง)
แต่ส่วนหลังนี้ต้องลงทุนคิดหนักหน่อยถ้าอยากรู้ตอนนี้
❝ ต่อให้ต้องกัดลิ้นจนตาย ฉันก็จะไม่มีวันเรียกเธอว่าราชินีเด็ดขาด ❞
THEME SONG : Ellise; Lilith
"นี่มันน่าโมโหชะมัด..." เสียงแหลมของเจ้าหล่อนเปล่งออกมาด้วยความระแคะระคายใจ ดวงตาสีโลหิตของหล่อนชำเลืองมองใบหน้าของคนข้างกายที่เธอต้องจำใจนั่งข้างเคียงในคาเฟ่ที่ชุลมุนไปด้วยนักศึกษาในช่วงใกล้สอบมิดเทอมแบบนี้ รอรี่จิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์
สิ่งสุดท้ายที่เธออยากจะทำในชีวิตนี้คือแชร์ผลประโยชน์ร่วมกันกับเมอร์ซีอา รุยซ์
"น่าโมโหเป็นที่สุด..."
ใจจริงแล้วมีแพลนว่าจะคุยเรื่องโปรเจคงานกลุ่มร่วมกับประธานสภานักศึกษา ณ คาเฟ่แห่งนี้ ทว่าอีกฝ่ายดันติดธุระเสียก่อนจึงทำให้ต้องยกเลิกกลางคัน... ในตอนนี้เธอได้เตรียมชุดที่จะใส่ออกมาข้างนอกเสียแล้ว
อยากจะอัดเสียงกรีดร้องส่งไปให้รัมฟังจนหูหนวกไปข้าง แต่เผอิญว่าข้อความขอโทษอย่างเป็นทางการอันยาวเหยียดหลายพารากราฟที่ถูกส่งมานั้นก็คงจะเกินพอแล้ว ยัยนั่นมันเป็นประเภทที่จริงจังกับทุกอย่างจนเกินเหตุ ปกติไม่เคยยกเลิกนัดกลางคันแบบนี้ คราวนี้คงสุดวิสัยชนิดที่ว่าห้ามไม่ได้อย่างแน่นอน
ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าเธอจะยอมมานั่งติวกับคู่อริในสภานักศึกษาหรอกนะ! แค่เหลียวแลขณะประสานงานยังขยาดแทบแย่อยู่แล้ว
การเป็นอยู่ของเมอร์ซีอาคือความทุกข์ของรอรี่ เดอลอนน์— ทุกคนย่อมรู้ความจริงข้อนั้นดี
"ชีวิตบัดซบเอ้ย ฉันยอมกัดลิ้นตายดีกว่ามาทำอะไรแบบนี้" อยากจะฉีกชีทเอกสารวิชาเคมีเวทย์ของศาสตราจารย์มาร์กีซเอาเสียตอนนี้ หากไม่ติดว่าเจ้าของคาเฟ่นั้นกำลังจ้องเขม็งมายังโต๊ะของเธอราวกับว่าพร้อมที่จะเตะเธอออกจากร้านได้ทุกเมื่อ ถ้าเธอเริ่มก่อความวุ่นวายแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
เปล่า... ร้านคาเฟ่นี้ไม่ได้อติแบ่งฝั่งเป็นบ้าคลั่งเหมือนพวกนักศึกษา
เหตุมันมาจากการที่คุณหนูเดอลอนน์คนนี้อาละวาดกลางร้านตอนปี 1 ต่างหากล่ะ
ทั้งปาข้าวของ ใช้เวทมนตร์โดยพลการ กรีดร้องโวยวายเสียงดังรบกวนผู้อื่น ด่าทอด้วยวาจาหยาบคายแก่คู่กรณี และบุคคลรอบข้าง... นับว่าเป็นวีรกรรมแรกในชีวิตนักศึกษาแปง เด ปีสของเธอเลยทีเดียว
คำด่าทอซึ่งแกมจุดมุ่งหมายเป็นคำสั่งที่ว่า 'ฟันหัวมันให้ตาย' ยังคงเป็นวลีที่ควบคู่ไปกับนามของคุณหนูตระกูลเดอลอนน์แม้จะผ่านมาสี่ปีแล้วก็ตาม
...แต่ทำไมถึงอาละวาดในตอนนั้นกันน่ะเหรอ?
"ก็กัดลิ้นตายไปสิ" คิ้วทรงจันทร์เสี้ยวของเธอกระตุก
"เห่าอยู่นั่นแหละ... แสลงหู"
เพราะไอ้เวรนี่อย่างไรล่ะ...
ปัง!
"ไอ้— "
ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธาทันทีพลันได้ยิน หล่อนทุบมือลงบนโต๊ะโดยไม่แยแสสิ่งรอบข้างแต่อย่างใด แก้วเครื่องดื่มของอีกฝ่ายสั่นตามแรงกระแทก คาปูชิโน่ร้อนกระเซ็นหกลงบนที่รองแก้วบางส่วน และช้อนคนก็ตกลงไปยังพื้นร้านเสีย
"ปล่อยกระแส"
กึก...
แต่ไม่ทันได้ทำอะไรนอกเหนือไม่จากนี้ก็ต้องนิ่งงัน รอรี่กัดฟันข่มอารมณ์ของตนเองไว้ เธอไม่ได้อยากจะเก็บอารมณ์ร้ายๆนี่แต่อย่างใด ทว่าหากจะให้อาละวาดเอาเสียตามความต้องการก็คงจะไม่ส่งผลดีเลยแม้แต่น้อย
พลังเวทย์ของเจ้าของร้าน— ต้นกำเนิดของอาการชาที่ลำตัวช่วงแขนเมื่อครู่นั้น... เปรียบเสมือนการเอ่ยเตือนของผู้ใช้ที่ต้องการจะลดเปอร์เซ็นต์ของความวุ่นวายภายในโรงเรียน และเธอฉลาดพอที่จะรู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่ทำตามอย่างว่าง่าย
เธอคงจะชิลล์กว่านี้หากคะแนนเทสต์รอบล่าสุดนั้นไม่พังพินาศ ในเวลาแบบนี้ก็คงทำได้แต่เพียงนั่งโง่ๆสาดคำด่าทอให้เมอร์ซีอาเท่านั้น วิธีกำปั้นถูกตัดออกจากช๊อยส์ตัวเลือกทันทีเมื่อระลึกได้อีกครั้งถึงผลที่จะตามมา
ดวงตาสีเหลืองเลม่อนของอีกฝ่ายหรี่มองขณะที่เธอค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งเหมือนเดิม แววตาของเขาดูคล้ายกับกำลังใจเย้อหยันกลายๆ หากนั่นไม่ใช่ความคิดในเชิงอคติของเธอ
บางครั้งรอรี่ก็สงสัยว่าตนเองกำลังมองเขาตามความเป็นจริงหรือมองด้วยอคติกันแน่?
แต่ดูๆแล้วก็มองตามความจริงนั่นแหละ ไม่ต้องสงสัยเลย— ไม่ต้องสงสัย...
"อย่าสร้างเรื่องมาก เดอลอนน์ เธอกำลังทำให้ภาพลักษณ์ฝั่งเราแย่ไปกว่าเดิม" คนอายุน้อยกว่านั้นจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ เธอหาได้แยแสความอาวุโสหรือเรื่องที่เธอจำเป็นต้องเคารพเขาซึ่งอายุมากกว่าแต่อย่างใด เดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะนับถือผู้อื่นได้ง่ายเสียอยู่แล้ว จะเหลืออะไรกับรุ่นพี่ปากคอเราะร้ายคนนี้เสียกันล่ะ?
จะเดสท์เหมือนกัน หรือครีเอคนละฝั่ง— ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรก็ไม่คิดอยากจะญาติดีกันด้วยอยู่แล้ว
หายใจโดยใช้ออกซิเจนร่วมกันก็บุญโขแล้วสำหรับสิ่งมีชีวิตวาจาต่ำต้อยแบบเขา...
"ไวส์วานให้ฉันมาติวเธอ อย่างน้อยก็เห็นแก่ประธานเพื่อนเธอบ้าง"
"แต่ฉันไม่ได้ขอ" เธอกล่าววาจาโผงผางตามนิสัย เน้นย้ำส่วนสำคัญในถ้อยคำที่กล่าวออกไปให้อีกฝ่ายได้ยิน
และสิ่งที่รอรี่ เดอลอนน์ได้รับกลับมาคือเสียงกระดาษสมุดที่กำลังถูกเปิดดูแบบคร่าวๆ มือของเขาปิดสมุดลงพลันตรวจบางอย่างข้างในนั้นเสร็จ เปลี่ยนท่าทีจากการพลิกหน้าสมุดที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นมาเป็นการจับสัน ส่งต่อมาทางฝั่งเธอ
รอรี่ไม่รู้ว่าสีหน้าเธอที่กำลังงวยงงเรื่องการกระทำของเขามันน่าขบขันมากขนาดไหน แต่ก็คงมากพอที่จะทำให้เมอร์ซีอาหลุดยิ้มออกมาเพียงชั่วครู่หนึ่งที่เธอกำลังจ้องสมุดเล่มนั้นโดยที่ไม่ได้ยื่นมือไปรับเสียที
"เอ้า ถือซะว่าทำบุญทำทาน" มันคงจะดีกว่านี้ไม่น้อยหากเขาไม่ปากเสียใส่เธอ และพระเจ้าช่วย... คนอะไรเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเรียบนิ่งได้เก่งยิ่งกว่าพวกหน้าจิ้งจกของฝั่งครีเอเสียอีก
อยากจะหักหน้าเขาโดยการไม่รับสมุดเล่มนั้นเป็นบ้า แต่เธอดันอยากรู้ว่ามีอะไรขีดเขียนอยู่ในแผ่นกระดาษข้างในนี่สิ
เธอแค่อยากรู้เอง...
ใช่— แค่อยากรู้
ไม่ได้เกี่ยวกับความรู้สึกของไอ้เวรนี่สักนิดเดียว
...แล้วนี่เธอกำลังให้เหตุผลกับใครอยู่นะ?
หล่อนส่ายหัวปัดความคิดที่เริ่มจะตีกันให้สับสนนั่น รับสมุดเล่มดังกล่าวมาจากมือเขา และในชั่วครู่หนึ่งมือก็โดนกันโดยบังเอิญ ไม่มีเหตุการณ์เขินอายเฉกเช่นนวนิยายหวานแหววนั่นเสียหรอก มันเป็นแค่เพียงสัมผัสเบาๆในช่วงเวลาไม่กี่วินาที ถึงกระนั้นรอรี่ก็รู้สึกพ่ายแพ้เล็กน้อยเมื่อมือของเขานั้นกลับนุ่มนวลดูสุขภาพดีกว่ามือที่หยาบกร้านของเธอเสียด้วยซ้ำ
แต่ก็ถูกแหละ ฝั่งเดสท์ประเภทที่ไม่ค่อยได้ฝึกสู้แบบเขาก็คงมีเวลาดูแลตัวเองแบบเหลือเฟืออยู่แล้ว เห็นว่าพกแฮนด์ครีมไปไหนมาไหนด้วยซ้ำ น่าหมั่นไส้ใช่มั๊ยล่ะ?
หากไม่รู้เนื้อแท้คงดูไม่ออกว่าเป็นนักศึกษาฝั่งผู้ทำลายหรอก... ว่าแล้วก็อยากจะชมสถาบันที่เลือกนักเรียนที่ดูนักศึกษาออกเสียจริง
มือหยาบกร้านของเธอนั้นเปิดดูหน้าแรกด้วยความรวดเร็ว เธอไม่สนใจเสียด้วยซ้ำว่าแผ่นกระดาษข้างในจะยับหรือไม่ เธอแค่อยากรู้ว่ามันมีอะไรดีนักหนาเมอร์ซีอาถึงได้พูดว่าเป็นการทำบุญทำทานแบบนั้น
คิ้วทรงจันทร์เสี้ยวขมวดเข้าหากันพลันเห็นหัวเรื่องไตเติ้ลใหญ่บนบรรทัดบน เลื่อนอ่านลงมาก็เห็นตัวอักษรมากมายที่ถูกขีดเขียนด้วยปากกาสีดำ มีบางส่วนถูกไฮไลท์เป็นสีแดง คาดว่าน่าจะเป็นส่วนสำคัญของเนื้อความ
ข้อสันนิษฐานบางอย่างปราฏขึ้นในหัวเธอ และเพื่อพิสูจน์มันจึงจำเป็นจะต้องพลิกไปหน้ากระดาษที่เหลือของสมุดเล่มนั้น
ทุกหน้ามีเนื้อความที่ถูกขีดเขียนอย่างละเอียดลออ ไม่ได้มีรูปวาดอะไรเพื่อความสวยงามข้างๆ แต่ก็จัดได้ว่าเป็นสมุดจดเนื้อหาที่ค่อนข้างจะน่าอ่านเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ไม่ค่อยเปิดตำราอย่างเธอ อีกทั้งลายมือของเขานั้นหาได้ใกล้เคียงกับคำว่าไก่เขี่ยเลยแม้แต่น้อย เผื่อๆขียนสวยกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ
แต่เมอร์ซีอา รุยซ์จะทำบุญทำทานกับคนที่ต่อล้อต่อเถียงกับเขามาสามปีกว่าทำไมกัน? ดูทรงแล้วก็ไม่น่าจะเป็นประเภทที่ชอบยื่นมือไปช่วยเหลือใครตั้งแต่แรกด้วย
"ระดับเกรดเคมีเวทย์จัดว่าดีอยู่ ไม่จำเป็นต้องให้ติวมากมาย" เขาเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาสีเลม่อนไม่ละสายตากับคู่สนทนาของตนเองขณะที่มือข้างหนึ่งนั้นเลื่อนชีทเรียนวิชาดังกล่าวมายังโต๊ะอีกฝั่งของตนเอง สื่อว่าให้อีกฝ่ายเก็บมันกลับเข้าแฟ้มเหมือนเดิม ส่วนรอรี่ที่รู้เจตนาของเขาก็หาได้เก็บมันกลับเข้าที่ หล่อนกะจะจัดการเก็บทุกอย่างเสียทีเดียวเมื่อการติวบ้าๆที่เธอหนีไม่ได้นี้จบ
"แต่ในส่วนของวิชาสัญชาตญาณและภาษาอสูรมันอนาถเกินทนจริงๆ"
จึก!
ราวกับว่ามีอาวุธศรเข้าแทงที่ช่วงท้อง เธอรู้สึกจุกอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้างามนั้นเริ่มบิดเบี้ยวอีกครา แต่ในเมื่ออาละวาดไม่ได้จึงหยิบชานมกุหลาบปั่นมาดื่มเพื่อลดโทสะในใจ
"สำหรับไอ้คนที่มันไม่พยายามทำความเข้าใจคนอื่นแบบเธอมันก็คงยากอยู่หรอก"
"ย่ะ..."
สาบานเถอะว่านี่กำลังกัดฟันข่มอารมณ์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว เสร็จเรื่องนี้เมื่อไหร่เธอจะไปคิดบัญชีกับยัยประธานอย่างแน่นอน
"ในสมุดนั่นมีสรุปเนื้อหาของปี 3 ทั้งหมด ฉันจดมันไว้ตอนเรียน"
"..."
"อ่านซะ ถ้าไม่อยากตกอีก"
ความรู้สึกขุ่นมัวนั้นค่อยๆจางลงเมื่อได้ยินดังนั้น หล่อนหลุบตาลงมองสมุดจดเล่มนั้นในมือแทนที่จะสบตากับอีกฝ่าย แม้สีหน้าจะเริ่มแปรเปลี่ยนมาเป็นปกติก็ตาม แต่ความรู้สึกกระอักกระอ่วนในท้องกลับเข้ามาเสียแทน รอรี่เลิกคิ้วมองคู่อริในสภานักศึกษาด้วยความฉงนและสับสน ใจจริงเธออยากจะถามต่อว่าทำไม แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายคงตอกกลับมาด้วยวาจากวนประสาทเฉกเช่นทุกครา
เห็นแก่บุญคุณอันน้อยนิดนี้ เธอจะไม่หาเรื่องเขาสักครึ่งชั่วโมงก็แล้วกัน
"ฉันให้เวลาอ่านของบทแรกสัก 20 นาทีก่อน แล้วเราค่อยควิซปากเปล่ากัน"
"แต่บทแรกฉันสอบเสร็จไปแล้วนี่ จะติวอีกทำ—"
"คะแนนเธอไม่ถึง 40% ด้วยซ้ำ ขืนเริ่มอ่านบทอื่นทั้งๆที่ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องหวังแม้แต่ C- จากศาสตราจารย์เจนกินส์เลย"
เป็นอีกครั้งที่เธอเถียงไม่ออก...
ไม่สบอารมณ์อารมณ์เสียจริงๆ
"อ่านไป ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถาม เดี๋ยวอธิบายให้" และที่ทำให้หงุดหงิดมากกว่าเดิมก็คงเป็นการที่เขายิ้มเยาะเมื่อเธอชักสีหน้าใส่
ไอ้เวรอวดเก่งนี่...
ในที่สุดช่วงเวลานรกของเธอก็หมดเสียที คุณหนูตระกูลเดอลอนน์กำลังจัดแจงเก็บชีทเรียนทั้งหทดเข้ากระเป๋า ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้ติวมากกว่าวิชาเดียวตามจุดประสงค์ตอนแรก แต่นั่นก็ถือว่าเป็นกำไรเล็กๆส่วนหนึ่งก็แล้วกัน
กำไรเล็กๆส่วนสองนั่นคือเมอร์ซีอาจะจ่ายค่าน้ำและขนมให้เธอน่ะนะ...
ขณะเดียวกันที่อีกฝ่ายกำลังหัวเสียกับการจัดเก็บของใส่กระเป๋าโดยไม่ให้มันกินเนื้อที่เกินความจำเป็นจนกระเป๋านูนออกมาน่าเกลียด เขาก็หยิบสมาร์ทโฟนที่ไม่ได้แตะมาพักหนึ่งขึ้นมาเปิดดูแจ้งเตือน
หัวบนสุดนั้นปรากฏข้อความจากแอพพลิเคชั่นแชทจากคนคนหนึ่ง และเมอร์ซีอาก็กดเข้าไปอ่านทันทีเมื่อเห็น
.weiss_rum :: คุณรุยซ์ เอกสารสำคัญของชมรมดนตรีคลาสสิคที่ว่ามันไม่ได้เร่งด่วนเลยนี่คะ ทำไมถึงได้บอกฉันให้รีบไปกันล่ะ? ถึงกระนั้นก็ขอบคุณที่มาเจอคุณเดอลอนน์แทนฉันนะคะ หวังว่าการติวจะเป็นไปได้ด้วยดีและไม่มีการวิวาทกันนะคะ ขอสารภาพว่าตอนแรกฉันค่อนข้างที่จะตกใจตอนคุณรุยซ์เสนอว่าจะมาติวเลยล่ะค่ะ ความจริงศาสตราจารย์ก็มีเสนอให้ใครสักคนไปติวในส่วนรายวิชานี้ให้คุณเดอลอนน์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ต้องขอบคุณอีกครั้งจริงๆค่ะ ไว้ฉันจะชี้แจงศาสตราจารย์ให้นะคะ
ก็เห็นว่าชอบมองห้องดนตรีคลาสสิคบ่อยๆนี่ ก็เลยให้ไปประสานงานบางอย่างแทนเลขานุการที่ไปช่วยผู้อำนวยการฮันเซลเสียเลย
แต่คุณประธานเธอก็ไม่ได้บ่นอะไรนี่นะ... เขาเองก็ค่อยตอบเธอเมื่อเจอกันอีกรอบก็แล้วกัน ในตอนนี้มันไม่สะดวกเสียทีเดียว
เมื่ออ่านจบเขาก็ปิดสมาร์ทโฟนตามเดิม พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าลิปสตกเริ่มจะซีดลงบนริมฝีปากของรอรี่ เดอลอนน์นั้นได้ถูกทาใหม่อีกรอบเสียแล้ว
เหมือนคนที่เพิ่งกินเครื่องในสดแล้วเลือดติดปากอย่างไรอย่างนั้น ทาลงไปได้...
"มองอะไร?"
"ปอบ"
แล้วยัยเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมก็ชูนิ้วกลางใส่เขา เมอร์ซีอาแค่นหัวเราะใส่ รอรี่ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าลิปสีแดงของหล่อนเลอะเลยมุมปากไปนิดนึง ดูทรงแล้วเจ้าตัวคงจะลืมพกกระจกมา
แต่มันก็ดันไม่ไปทาในห้องน้ำ... กลัวเขาชิ่งก่อนจ่ายให้เธอหรืออย่างไรกัน?
เห็นเป็นคนแบบนี้ แต่เขาก็รักษาคำพูดหรอก
เธอไม่เคยรู้อะไรกับคนอื่นเขาเลย— ยัยบ้าเลือดนี่
เมื่อยิ่งมองก็ยิ่งขัดใจในลิปสติกส่วนที่เปรอะออกมาเล็กน้อยของเจ้าหล่อน เขาก็หยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะสองสามแผ่นยื่นมาให้เธอที่แปรเปลี่ยนสีหน้าจากหงุดหงิดมาเป็นงวยงงเสีย
"ลิปเลอะ"
"อ๋อ—"
"เช็ดเอง ฉันไม่ใช่คนรับใช้บ้านเธอที่คอยประคบประหงมราวกับว่าเธอเป็นราชินีเหมือนคนไม่รู้จักคิด"
"ไอ้เวรนี่—"
เขารู้ดีว่ามีคำพูดที่ดีกว่านี้เยอะให้พูดออกมา แต่ก็ดันเลือกวิธีที่จะทำให้หล่อนโมโหได้อยู่เรื่อยคล้ายกำลังกลั่นแกล้งทางอ้อมเสมอ
จะเรียกว่าโรคจิตหรือเป็นบ้าก็ได้ —แต่เขาชอบเวลาแหย่ยัยนี่จนโมโหพิกล
ดูโอ้รองประธานฝั่งเดสท์ทั้งสองเป็นอะไรที่เครสชอบมากเลยค่ะ
ชิปทั้งแบบพี่น้องกับแบบคนรัก เรียกได้ว่าสองคนนี้เวลาอยู่ด้วยกันคือบันเทิงมาก
เหตุการณ์ตอนนี้ก็สมัยยัยรอรี่อยู่ปี 3 กับเจ้าเมอร์ซีอาอยู่ปี 4
กะจะแต่งอะไรแบบนี้หลังเริ่มเรื่อง แต่เครสทนไม่ไหวจริงๆค่ะ มันว้อนท์มากเลย555555
เพิ่มเติมสำหรันตอนพิเศษนี้ก็คือรอรี่ชีถูกแรงกดดันของประธานให้มาติวตามที่เมอร์ซีอาเสนอค่ะ
(ประธานเธอไม่รู้ตัวว่ากดดันนะคะ เธอเป็นคนอินโนเซ้นท์ แค่รู้สึกผิดที่ต้องให้รอรี่เตรียมตัวเก้อก็แค่นั้น ส่วนพิ่เมอร์มันคนร้ายค่ะ- แค่ก)
เนื้อเรื่องอาจมีสปอยล์นิดนึงตามโน๊ตที่เขียนไว้ข้างบน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะปอยล์ไม่ได้ค่ะ ไม่ต้องห่วง
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว อยากจะบอกอีกนิดว่าหลายตัวละครในวอร์แฟร์อินซไปร์มาจากตัวละครในวรรณกรรมค่ะ
รอรี่มาจากราชินีโพแดง ส่วนเมอร์ซีอามาจากกัปตันฮุกค่ะ แต่ว่าแค่อินซไปร์ เรื่องนิสัยนี่ไม่ได้ถอดแบบมาหมด
ฝากสองคนนี้ไว้ในอ้อมอกของคนที่หลงมาอ่านด้วยนะคะ มีตอนพิเศษคู่นี้ที่แพลนไว้อีกเยอะเลยค่ะ แต่น่าจะแต่งหลังเริ่มเรื่องแล้ว55555
_____
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น