ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Encanto / Camilo x Oc] Nice to meet you Camilo. [END.]

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 8

    • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 65


    *ยังไม่ตรวจคำผิดหรือคำตก*

     

    …วันนี้เป็นวันที่อากาศเย็นลงกว่าทุกวัน มือสองข้างถูลูบไปมาในขณะที่เขาก็ยังคงเดินทักทายคนภายในเมือง ช่วยงานนู้นงานนี้ที่สามาถทำได้ แปลงร่างเป็นพวกเขาเหล่านั้น, คามิโลเดินมาตามทางเขากล่าวเสียงตอบรับทักทายเหล่านั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ที่สุดทางสายตาที่สามารถจับจ้องได้ คามิโลมองเห็นเด็กคนหนึ่งที่ดูเหมือนอายุพอๆ กันกับเขา (ที่ในภายหลังมารู้ว่าจริงๆ แล้วอายุมากกว่า) นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าตาแปลกประหลาด และเขาไม่นึกคุ้นหน้าตาของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

     

    คามิโลเดินเข้าไปใกล้กล่าวทักทายกับเด็กคนนั้น เด็กตรงหน้าเอาแต่หลบสายตาเขาอยู่ภายใต้กลุ่มผมนั่นและเป็นในจังหวะที่เขาเอ่ยแนะนำตัวนั้นเองที่คามิโลเพิ่งได้เห็นใบหน้านั้นชัดๆ ‘ว้าว…น่ารักจังแฮะ’ นั่นคือสิ่งแรกที่คามิโลสามารถหาคำเรียกต่ออีกฝ่ายที่นั่งอยู่ตรงนั้นได้

     

    ‘พินาร์ เดลกาโด’ นั้นคือชื่อของอีกฝ่าย คามิโลไม่รู้ว่ามันมีความหมายหรือไม่แต่นั่นดูเหมาะกับเขาคนนั้นดีไม่เลว พินาร์น่ะเพราะไม่เคยได้คุยกับคนอื่นนักถึงได้มักประหม่าทุกครั้งที่ได้คุยกับเขาในช่วงแรก แล้วสุดท้ายพินาร์ก็ยอมที่จะแสดงท่าทีอะไรออกมาให้เห็นมากขึ้น

     

    คามิโลคิดว่าดวงตาสีลูกโอ๊คนั่นมันเหมือนกับดวงตาของกวางในหนังสือภาพนิทานที่เคยเปิดอ่านกับคุณแม่ของเขาไม่มีผิด

     

    ทุกวัน และทุกวัน คามิโลจะไปหาพินาร์ทุกครั้งพาเจ้าตัวออกมานอกตัวบ้าน ให้อีกฝ่ายอยู่บนแผ่นหลังของเขาแล้วพาเดินไปนู้นไปนี่, ครั้งแรกคามิโลไม่คิดว่าตัวของพินาร์จะเบาอะไรขนาดนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าตัวนั้นตัวเบาเกินไปจริงๆ เขาเคยเห็นขาของพินาร์ ขาที่ไม่เคยได้แม้จะออกเดินมาตั้งแต่เด็ก มันไม่ได้ผอมแห้งเหมือนขาดสารอาหาร มันก็เพียงแค่…? ดูอ่อนแรงเกินกว่าจะสามารถใช้เดินได้

     

     ครั้งแรกที่คามิโลได้เห็นดวงตาเป็นประกายนั้นหม่นแสงลงที่ขอบตาขึ้นรอยแดงก่ำลามไปถึงปลายจมูก ที่ชายผ้าคลุมขึ้นรอยคราบน้ำตา, หัวใจของคามิโลคล้ายกระตุกไปวูบหนึ่งเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่พินาร์เล่าให้ฟังใบหน้าของอีกฝ่ายกลับอิดโรยมากกว่าที่คิด...

     

    คามิโลแทบบ้า เขาอยากรั้งตัวพินาร์ไว้ที่บ้านในวันที่อีกฝ่ายนั้นขอให้เขาพาไปยังงานศพนั่น แต่คามิโลก็ยากจะต้านแววตาที่เว้าวอนขอเขาเสียเหลือเกิน

     

    ตรงหน้ารูปภาพของคนผู้ลาจากพินาร์ยืนอยู่ตรงหน้าและเอ่ยด้วยถ้อยคำกึ่งคล้ายปลอบประโลมใจและเศร้าสร้อยไปในเวลาเดียวกัน...หลังจากนั้น พินาร์ก็กลับมาร่าเริงอีกครั้งในเวลาไม่กี่วัน แม้ว่าจะเห็นเป็นแบบนั้น, ในเวลาที่อยู่คนเดียวดวงตาประกายวาวนั้นก็มักหม่นแสงลงเสมอ

     

    คามิโลจนปัญญาที่จะหาวิธีต่างๆ มาเพื่อทำให้พินาร์กลับมาสดใส แต่ถึงแบบนั้นเวลาก็คล้ายสามารถช่วยปลอบประโลมใจคนเราได้จริงๆ คามิโลจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นพินาร์มีแววตาแบบนั้นเป็นเมื่อไหร่ แต่ครั้งแรกที่เห็นเขากลับจำมันได้อย่างขึ้นใจ

     

    ครั้งต่อมาที่ทำให้คามิโลแทบทำอะไรไม่ได้เลยก็ตอนที่พินาร์หลับไป แค่เพียงหลับไปเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะปลุกด้วยวิธีไหนก็ไม่แม้จะตอบสนองหรือลืมตาตื่นขึ้นมา คามิโลกระวนกระวาย ทำอะไรไม่ถูกขนาดที่พี่โดโรเรดยังบอกให้เขาเลิกทำเสียงน่ารำคาญอย่างการกัดเล็บหรืออื่นๆ สุดท้ายก็มาจบลงที่ต้องมานั่งปลอบเขาว่า “พินาร์จะไม่เป็นอะไร...เขาก็แค่เพียงหลับไป” คามิโลพยักหน้ารับและพยายามคิดแบบนั้น

     

    ไม่กี่วัน...พินาร์ฟื้นขึ้นและเขาสามารถเดินได้ คามิโลดีใจ ไม่ใช่แค่เพียงเพราะอีกฝ่ายสามารถเดินได้ แต่เพราะพินาร์ฟื้นขึ้นมาและเป็นปกติ, และสุดท้ายแล้วคามิโลก็โดนบ่นเรื่องที่เขาเป็นกังวลมากขนาดที่รู้สึกขยาดอาหาร คามิโลกินอาหารตามปกติแค่เพียงเขารู้สึกว่าตัวเองผอมลงก็เท่านั้น...

     

    อาจเพราะเป็นกังวลมากขนาดที่หลับไม่ค่อยลง? หรืออาจเพราะไม่ได้ออกไปสนุกสนานได้อย่างที่เคย? ไม่ก็มักจะแวะเวียนไปที่บ้านของพินาร์มองดูข้าวของนั่นนี่แล้วกลับมานั่งมองใบหน้ายามหลับไหลนั้น ใบหน้าของพินาร์เริ่มซูบผอมและซีด แต่เมื่อตอนที่อีกฝ่ายฟื้นขึ้นมากลับเป็นปกติอย่างน่าเหลือเชื่อ

     

    ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดีมากๆ เพราะนั่นเท่ากับว่าพินาร์ไม่ได้เป็นอะไร

     

    คามิโลเคยโดนถามเรื่องความรู้สึกที่มีต่อพินาร์ที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขา เป็นเพื่อนที่สนิทมากๆ และอาจเกินกว่าคำว่าเพื่อนจะสามารถนิยามได้อีก “คามิโล! นายรู้สึกยังไงกับพินาร์กันแน่น่ะ?” เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ถามออกมาอย่างอยากรู้ เธอเดินเข้ามากระซิบถามเขา

     

    “อยากรู้เหรอ? ลองทายดูสิ” และนั่นก็เป็นคำตอบของเขาที่ตอบเธอไป “ไม่เอาน่าคามิโล!” เธอโวยวายและตามติดถามเขา “แล้วไม่ลองไปถามพี่โดโรเรดดูล่ะ?” อันโตนิโอโผล่เข้ามาในบทสนทนา และนั่นจะไม่มากเท่าที่อันโตนิโอดันบอกให้เธอไปถามพี่โดโรเรด มิราเบลยกยิ้มแล้วถอยหนีไป

     

    “อันโตนิโอ!”

     

    “อะไร? ก็พี่ไม่ยอมบอกทำไมเราไม่ไปถามพี่โดโรเรดเองเล่า?”

     

    “แล้วพี่โดโรเรดจะรู้รึไง?”

     

    มิราเบลโพล่งขึ้นมาและเธอยังเดินมาพร้อมกับพี่สาวคนโตของเขา “ไม่ลองไม่รู้หรอกนะคามิโล! ใช่ไหมพี่โดโรเรด? เรารู้ว่าพี่รู้!” คามิโลจ้องเขม็งไปยังพี่สาว และเธอก็หลบสายตาเขา

     

    ดวงตาของเธอกรอกไปมาและสุดท้ายเธอก็ยอมพูดและพ่ายแพ้ให้กับสายตาของมิราเบลแทนที่จะเป็นเขา! “ฉันขอโทษ แต่เธออยากรู้และฉันจะบอกว่าทุกครั้งที่คามิโลอยู่กับพินาร์หัวใจเขาจะเต้นจนฉันได้ยินชัดเจน! และฉันบอกได้เลยว่าเพื่อนกันเขาไม่เป็นห่วงกันมากขนาดนี้แน่นอน!” เธอพ่นลมหายใจออกมาหลังจากที่พูดจบประโยค

     

    “ทำไมจะทำไม่ได้เล่า!” คามิโลยังคงไม่ยอมแพ้ “นั่นหรือนายจะบอกว่าคิดกับพินาร์แค่เพื่อน!!” จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนมีเหงื่อเย็นๆ ใหลลงมาตามกรอบหน้า, ไหงจากการแกล้งลูกพี่ลูกน้องคนนั้นกลับกลายมาเป็นเขาที่เหมือนโดนแกล้งซะเองเล่า?

     

    คามิโลพ่ายแพ้อย่างราบคาบ เขาหลับตาลงพร้อมพูดออกมาอย่างปลงตก “ก็ได้ ฉันชอบพินาร์...สาแก่ใจเธอ...หรือยัง...?” คามิโลลืมตาขึ้นข้างหนึ่งพร้อมยกมือขึ้นคล้ายยอมแพ้ก่อนที่มันจะค่อยๆ ลดความสูงลงทีละน้อยๆ เมื่อเขาเห็นว่าไม่ได้มีแค่พี่โดโรเรด มิราเบลและอันโตนิโอที่ยืนอยู่ตรงหน้า

     

    “โอ้! นั่นลูกพูดแล้ว!!”

     

    “ไม่น่าเชื่อ! ฉันกะเอาไว้แล้วเชียว!”

     

    “แบบนี้ต้องหมั้นสินะ อืม...หมั้น!” คามิโลหันขวับไปยังลูกพี่ลูกน้องสาวที่พยักหน้าเข้าใจกับตัวเองเงียบๆ แววตาสื่อออกมาชัดเจน ‘นั่นเธอพูดอะไรออกมา!?’ แต่คุณยายกลับพูดเสริมอย่างเห็นด้วย

     

    คามิโลคล้ายจู่ๆ ก็กลายเป็นคนโง่งม “คุณยาย? เอ่อ คุณแม่..”

     

    “ใช่เลยค่ะแม่! เราต้องหมั้นเขา! อีกอย่างฉันเองก็อยากให้พินาร์มาเป็นคนในครอบครัวของเราจริงๆ !!” เป๊ปป้าเธอว่าออกมาแบบนั้น และคามิโลก็ชะงักค้างไปตั้งแต่ที่แม่ของเขาเห็นด้วยกับความคิดนั้นแล้ว...ได้สติอีกทีก็ตอนที่เหมือนทุกคนจะตกลงอะไรกันได้เสร็จสรรพ

     

    ...

     

    คามิโลรู้สึกว่านั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเร็วมาก และเขารู้สึกราวกับว่ามันเพิ่งจะผ่านมาแค่เมื่อวานหรืออาจเพียงแค่ข้ามคืนเดียว แต่ในความเป็นจริงมันก็ออกจะ...ผ่านมาหลายปีแล้ว?

     

    “มัวทำอะไรอยู่คามิโล? ยืนตากลมแบบนั้นถ้าเป็นหวัดก็อย่ามางอแงใส่ฉันเชียว” เสียงพินาร์ดังออกมาจากเหนือหัวของเขา อีกฝ่ายโผล่ใบหน้าออกมาผ่านหน้าต่างและเขาที่ยืนอยู่นอกบ้าน “ยังมีอาหารวิเศษจากคุณน้าฮูเลียตต้าน่า!”

     

    “คามิโล! เข้ามาในบ้านได้แล้ว” เขาไหวไหล่แล้วยอมเดินกลับเข้าไปในบ้าน เป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่มีขนาดสองชั้นสามห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ และหนึ่งห้องครัว จริงๆ แล้ว...หนึ่งห้องสำหรับเขาและพินาร์ อีกหนึ่งห้องอาจเอาไว้สำหรับแขกที่มาเยี่ยมเยือน ส่วนอีกหนึ่งห้อง?

     

    โอ้ มันมีเอาไว้เผื่อเวลาที่เราทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กน้อยแล้วพินาร์โกรธมากจนต้องหนีออกมายังอีกห้อง เจ้าตัวไม่ได้ไล่ให้เขาไปนอนที่อื่นแต่เป็นตัวเองเองที่ย้ายออกไปนอนแต่สุดท้ายแล้วในช่วงกลางดึกพินาร์มักจะแอบย่องเข้ามานอนข้างเขาซุกตัวลงไปในผ้าห่มแล้วขยับเบียดเข้าหาเขาคล้ายกับแมวที่หาความอบอุ่นให้ร่างกาย และจะเป็นทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน

     

    หรืออาจเป็นช่วงหน้าหนาวที่หนาวเป็นพิเศษ พินาร์มักจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ด้วยกัน ในช่วงแรกเริ่มพินาร์ขอปฏิเสธในการย้ายมาอยู่ยังบ้านของเขา ด้วยเหตุผลที่เจ้าตัวเพียงแค่อยากอยู่อย่างสงบภายในบ้านสักหลังอาจเป็นหลังเก่าที่เคยอยู่หรืออาจเป็นหลังใหม่เล็กๆ ที่ไม่ได้หวือหวานัก

     

    ส่วนบ้านหลังเก่า? บ้านหลังนั้นถูกผลัดเปลี่ยนไปให้กับครอบครัวอื่นได้อยู่อาศัยและเราย้ายมาอยู่ยังบ้านหลังใหม่ที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นยังชานเมืองที่ห่างไกลจากกาซิต้ามาพอสมควรหรืออาจมากกว่านั้น? เพราะแบบนั้นเราจึงมีห้องหนึ่งห้องไว้สำหรับให้แขกได้พักอาศัย

     

    และหรือเราอาจไม่ต้องกังวลเรื่องการมีบุตรเมื่อพี่โดโรเรดเองก็ได้แต่งงานและพวกเราก็รอฟังข่าวดีอยู่ทุกเมื่อ พี่อิซาเบลล่าลูกพี่ลูกน้องของเขาแม้จะยังไม่มีข่าวอะไรมากแต่ก็พอรู้ว่าเธอคล้ายจะดูใจกับชายสักคนในเมือง ส่วนมิราเบล? เธอก็ยังเป็นตัวเธออยู่แบบนั้นเสมอนั่นแหละ โอ้ และเขายังคงรอข่าวดีจากลูกพี่ลูกน้องอีกคนอย่างลุยซ่าเสมอ แม้แต่พินาร์ยังคอยเชียร์ให้ชายสักคนในเมืองได้สู่ขอเธอเสียทีอีกด้วย

     

    “มัวคิดอะไรอยู่?” พินาร์เดินลงมาจากชั้นสองอีกฝ่ายยืนคร่ำมือกับราวบันได “ไม่มีอะไรมาก” เขาส่ายหน้าก่อนจะเดินไปยังบันไดแล้วถามขึ้นต่อ “หนาวหรือยังไงถึงเร่งให้ฉันรีบเข้ามาแบบนี้?” พินาร์ไม่ได้ตอบเจ้าตัวทำเพียงแค่พยักหน้าแล้วเดินขึ้นไป

     

    คามิโลมักพูดอยู่เสมอว่าพินาร์น่ารักมากขนาดไหน และเขาคงไม่มีคำนิยามอื่นที่อาจเหมาะสมกับพินาร์มากนัก พินาร์อาจไม่ได้ขี้หนาวแต่เขาก็ชอบที่จะอ้อนคามิโลด้วยการทำเหมือนว่าตัวเองกำลังหนาว คามิโลชอบรอยยิ้มกว้างของพินาร์ และพินาร์ก็บอกว่าชอบสัมผัสอุ่นจากเขา

     

    แล้วเขาที่ตอบว่าชอบรอยยิ้มเล่า? ต้องเปลี่ยนมาบอกว่าชอบทุกอย่างที่เป็นพินาร์เลยหรือเปล่า แค่รอยยิ้มนั่นเขาก็แทบตายแล้วเถอะ “ฉันว่าบางครั้งนายก็ดูทำหน้าตลกจนเกินไปจริงๆ นะ” พินาร์ชะโงกหน้าออกมาพ้นขอบประตู

     

    “นายชักช้าจริงๆ นะคามิโล”

     

    “คิดถึงฉันล่ะซิ”

     

    “แน่นอน” คามิโลมักไม่ชินกับการที่ตอบตรงไปตรงมาของพินาร์ในบางครั้งและมันไม่บ่อยนัก “อะไร? นั่นนายเขิน? ก่อนเขินรีบเดินมาหาฉันได้แล้วพ่อคุณ” คามิโลยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเขาเดินไปหาพินาร์แล้วช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นพาร่างของเขาและคนในอ้อมแขนไปยังเตียงนอน

     

    โอ้ และเวลาหลายปีนั่นก็มากพอที่คามิโลจะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ “ทำไมนายถึงแรงเยอะนัก?” พินาร์พลิกตัวหันมาถามเขาในขณะที่คามิโลกำลังทิ้งตัวลงนอนที่ข้างกัน “นั่นเพราะฉันออกกำลังกาย”

     

    “ฉันก็ทำ”

     

    “ไม่รู้สิ” พินาร์ยู่ปากลงและทำหน้าไม่พอใจ สีหน้าแบบนี้เห็นได้ไม่บ่อยนักหรอกนะจากเจ้าตัวน่ะ “นั่นไม่ยุติธรรม” คามิโลหัวเราะเล็กน้อยเขาวางมือลงบนศีรษะของพินาร์ “ไม่เห็นเป็นไร”

     

    “ฉันก็จะอุ้มนายได้!”

     

    “งั้นฉันก็จะแปลงร่างเป็นเด็กให้นายอุ้ม”

     

    “นั่น...มันโคตรไม่แฟร์เลยอะ” คามิโลยังคงหัวเราะในขณะที่ใบหน้าของพินาร์นั้นกลับบูดบึ้ง “ไม่เห็นเป็นไรเลย” พินาร์ไม่ได้ตอบอะไรเขาหลับตาลงแล้วพลิกตัวไปอีกด้าน คามิโลส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยแล้วจึงปิดไฟจากโคมไฟกระทั่งที่ทั้งห้องนั้นมืดสนิทลง

     

    ...

     

    “นอนหรือยัง?” คามิโลเลิกคิ้วแปลกใจที่ในเวลานี้พินาร์กลับยังไม่นอน “ยัง ฉันยังนอนไม่หลับ” เสียงขยับเสียดสีจากเนื้อผ้าดังขึ้นที่ข้างตัวเป็นพินาร์ที่พลิกตัวกลับมาหาเขา อีกฝ่ายขยับดันตัวเองให้เข้ามาใกล้

     

    “ทำไมถึงยังไม่นอนล่ะ?” พินาร์ถามเขาและเป็นคามิโลที่ตอบกลับด้วยคำถามเช่นกัน “แล้วทำไมนายถึงยังไม่นอน?” พินาร์เงียบไปสักพัก “ฉันนอนไม่หลับ”

     

    “นั่นมันคำตอบของฉันหรือเปล่า ฮ่าๆ”

     

    “...ฉันกำลังคิดเรื่องเมื่อก่อน” คามิโลเงียบเสียงลงขณะที่เขาเองก็พลิกตัวมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย “ไม่รู้สิ พอมาคิดดูมันก็เร็วเหมือนกัน”

     

    “ฉันนึกว่ามันเพิ่งผ่านมา”

     

    “ฉันก็ด้วย...เผลอแปปเดียวเราก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้ว”

     

    “ฉันไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะลงเอยแบบนี้”

     

    “แต่ฉันคิด” พินาร์หัวเราะให้กับคำตอบของเขาเล็กน้อยแล้วขยับดันกายให้เข้ามาใกล้อีกนิด “น่าเหลือเชื่อดี ไอ้เด็กพูดมากในวันนั้นดันโตขนาดนี้ซะแล้ว” เพราะมืดมากคามิโลจึงไม่สามารถมองเห็นสีหน้าใดๆ ของพินาร์ได้แต่เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังยกยิ้มมีความสุขอยู่แน่ๆ

     

    “พินาร์”

     

    “ว่าไง?”

     

    “นายเคยพูดใช่ไหมว่ากลัวว่าสักวันความสุขพวกนี้มันจะหายไป?” พินาร์ครางเสียงอืมตอบรับแล้วถามเขากลับ “นายถามทำไม?” คามิโลยกแขนพาดไปบนตัวของพินาร์แล้วโอบกอดร่างนั้นไว้พลางดึงเข้าหาตัว

     

    “นั่นก็เพราะฉันจะสัญญา...สัญญาว่าความสุขนั่นจะไม่มีวันหายไปจากนาย” พินาร์ซบใบหน้าลงบนอกของเขา “นั่นรวมถึงนายด้วยคามิโล” เจ้าตัวพูดออกมาด้วยเสียงอู้อี้ คามิโลยกมือขึ้นลูบที่ผมตอบรับคำเสียงสั้นไม่นานนักเขากลับรับรู้ได้ถึงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ

     

    พินาร์หลับไปแล้วและหลับไปอย่างง่ายดาย คามิโลกระชับอ้อมกอดนั้นก่อนจะเป็นฝ่ายหลับตาลงแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราตามไป

     

    ในฝันนั้นพวกเขาได้มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข แสงแดดอ่อนๆ ยามกลางวัน ดวงดาวเต็มท้องฟ้ายามกลางคืน อ้อมกอดอุ่นๆ ยามเมื่อหลับนอน รอยยิ้มกว้างเมื่อตื่นขึ้นมาจากความฝัน...คามิโลอาจคิดว่าความฝันนั้นมีความสุขมากเกินกว่าที่เขาจะลืมตาตื่นขึ้นมาได้

     

    พินาร์ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นจากความฝันในเช้าที่แสงแดดส่องลอดผ่านผ้าม่าน “ตื่นได้แล้ว จะนอนไปถึงไหนแบบนี้เดี๋ยวมิราเบลก็ได้บ่นนายอีกหรอก ไปช่วยงานเธอซะบ้าง” คามิโลหัวเราะ “ฉันรู้สึกเหมือนกับกำลังฝันซ้อนฝัน”

     

    พินาร์เลิกคิ้ว วางแก้วกาแฟสองแก้วลงบนโต๊ะไม้ “ฝันว่าอะไรล่ะ?” คามิโลลุกขึ้นมานั่งบนเตียงหันไปจ้องพินาร์ที่กำลังเดินเข้ามา “ฝันว่าเรามีความสุขและตื่นขึ้นมาจากความฝันโดยที่กลัวว่าจะไม่มีนาย...มันเหมือนจริง” พินาร์พยักหน้าเข้าใจเดินเข้าไปใกล้โอบกอดศีรษะเขาเอาไว้

     

    “ฉันรู้ว่ามันคงทำให้นายคิดมาก แต่ฉันยังอยู่ตรงนี้นายสามารถจับต้องฉันได้ อย่าสับสนว่าอะไรคือความจริงและอะไรคือความฝันไม่อย่างงั้นมันจะทำร้ายนายซะเอง” พินาร์พูดแบบนั้น อีกฝ่ายนำมือมาสางผมของเขาเล่นก่อนจะดันเขาออกมา

     

    “เอาล่ะถึงเวลาทำงานแล้ว!”

     

    “ฮ่า โอเคๆ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” คามิโลลุกขึ้นเขาเดินไปยกแก้วกาแฟของตัวเองขึ้นมาดื่มในขณะที่พินาร์เองก็ยกขึ้นดื่มไม่ต่างกัน อาจต่างตรงที่รสชาติแก้วนั้นอาจจะหวานเพราะน้ำตาลไปสักหน่อย...บอกแล้วนี่ว่าพินาร์น่ะไม่ค่อยชอบรสขมเท่าไหร่

     

    วันๆ ก็เดินไปอยู่แบบนี้ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากนักนอกเสียจากเวลาที่พินาร์จู่ๆ ก็เกิดอยากอ้อนขึ้นมา คามิโลในวันนั้นก็คงจะสติหลุดกว่าทุกๆ วัน

     

     

     

    จบบทส่งท้าย

     

     

     

     

     

     

    Talk to the writer :


    เย่ นี่เป็นบทส่งท้ายเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ! พิมพ์จบในวันสองตอนไปเลย ฮือTT จริงๆ แล้วก็ยังมูฟออนออกจากเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ แหละค่ะ แหะ ยังไม่อยากให้จบแต่ก็อยากให้จบเพราะกลัวว่าความไม่แน่นอนของตัวเองจะทำให้เรื่องนี้ไม่จบสักทีนี่แหละ,_,

    เรื่องนี้พิมพ์โดยที่พักทุกอย่างเอาไว้จริงๆ ค่ะ รู้สึกอยากแต่งเรื่องอื่นมากขนาดไหนก็ต้องพับเก็บใส่กล่องแล้วมาพิมพ์เรื่องนี้ต่อให้เสร็จ ขายวิญญาณแล้วจริงๆ YY

    ปล. จริงๆ แล้วเราไม่แม่นคาแรคเตอร์ตัวละครเรื่องนี้มากๆ ค่ะ คิดว่าคงหลุดไปเยอะมากแน่และมีอีกหลายคนที่คงจะไม่ได้กล่าวถึงด้วยแต่ชอบทุกตัวละครเลยล่ะค่ะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×