คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7
*ยังไม่ตรวจคำผิดหรือคำตก*
…แยมและผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน น้ำผึ้งผสมมะนาว พายผลไม้ทำเอง คุกกี้รูปดาวและลวดลายต่างๆ ที่สามารถทำขึ้นมาได้ ขนมปังเนื้อนุ่น แพนเค้กกลมๆ เนื้อนุ่มฟูวางซ้อนกัน และอาหารคาวที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้เต็มโต๊ะ, พินาร์เคยอ่านหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง…เขาจำไม่ได้ว่ามันคืออะไรแต่ในความสัมพันธ์ของตัวเอกนั้นดูเหมือนจะเริ่มจากคำว่า ‘แฟน’ นะ?
โอ้...และมันยังเป็นเหมือนความสัมพันธ์ขั้นเริ่มต้น แต่พินาร์ก็คิดซะว่าช่างมันเถอะและหันมาสนใจกับงานที่ถูกจัดขึ้นในวันนี้เสียดีกว่า, งานถูกจัดที่ลานหน้าบ้านกาซิต้าของครอบครัวมาดรีกัล มีโต๊ะยาวเรียงรายกันและเก้าอี้หลายสิบตัว พินาร์คิดว่านี่...มันออกจะ “เวอร์ไปหน่อยหรือเปล่านะ?” พวกเขาทำอย่างกับว่าเพิ่งเคยมีลูกในบ้านได้หมั้นหมาย
พินาร์ออกจะเห็นแย้งในทีเมื่อคามิโลที่อายุ 15 ต้องหมั้นแบบนี้ อย่างน้อยสำหรับเขาก็ควรรอให้อีกฝ่ายอายุครบ 18-20 ปีหรือเปล่านะ? เขาก็แค่รู้สึกในอกว่ามันไม่ถูกต้องแบบแปลกๆ ...แต่จะขัดอะไรได้กันเล่า?
ครอบครัวมาดรีกัลนั้นดูดีใจนักหนาเมื่อจะให้เขาหมั้นกับคามิโลให้แล้วกันไป พินาร์เกือบลืมไปว่าตั้งแต่เขาย่างเท้าผ่านรั้วบ้านของครอบครัวมาดรีกัล กาซิต้าก็ต้อนรับเขาเป็นอย่างดี เดินผ่านชาวเมืองคนไหนๆ ก็ต่างทักเขาเรื่องที่เห็นเขากับคามิโลอยู่ด้วยกันมาก็ตั้งแต่เด็กนัก นึกแล้วว่าต้องลงเอยกันแบบนี้
พินาร์ส่งยิ้มแหย่ตอบกลับแล้วเลี่ยงเดินออกมาให้ห่างจากผู้คน แม้ชาวเอนคันโตจะเป็นคนดี แต่สำหรับพินาร์แล้วเขาก็ยังคงไม่ชินกับการได้พูดคุยกับคนหมู่มากที่เขาไม่รู้จักนัก “คามิโล...”
“มีอะไรงั้นเหรอ?” พินาร์สะดุ้งตัวโหยงเมื่อได้ยินเสียงตอบรับคุ้นหูดังขึ้นตรงหน้าที่เขายืนก้มหน้ามองพื้นอยู่ คามิโลยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมรอยยิ้มประจำตัวของอีกฝ่าย “น- นาย! มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย..?”
คามิโลยังคงยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าเขา “พี่โดโรเรดบอกว่านายกำลังเรียกหาฉัน!” พินาร์ส่งเสียง “ห๋า?” ออกมาอย่างเผลอตัวก่อนจะมองคนตรงหน้า “ฉันยังไม่ทันเรียก—”
“นายเรียกแล้ว เรียกฉันเมื่อกี้ เรียก คามิโล น่ะ” คามิโลจงใจเน้นเสียงที่ชื่อของอีกฝ่ายเพื่อยืนยันว่าเจ้าตัวได้ยินชัดเจน พินาร์หลบสายตาในขณะที่เขารับรู้ได้เลยว่าใบหน้าของตัวเองกำลังร้อนขนาดไหน และหัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นส่ำเช่นนี้
“ให้ตายเถอะคามิโล นายนี่มันเหลือเกิน...” พินาร์พูดขึ้นเสียงอ่อนแล้วย่อตัวลงไปนั่งปิดหน้าที่พื้นโดยมีคามิโลยืนมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด แปลกประหลาดสำหรับพินาร์โดยเฉพาะ เขายกมือปิดหน้าและก้มหน้าลง “หยุดนะ เลิกมองฉันด้วยสายตาเอ็นดูนั่นสักที!”
“อย่างกับลูกกวางเลยนะพินาร์เนี่ย”
“พอได้แล้วน่าคามิโล” พินาร์เงยหน้าขึ้นมองลอดผ่านระหว่างนิ้วที่แยกออกจากกันเล็กน้อยด้วยใบหน้าเห่อร้อน แอบเห็นใบหูที่โผล่พ้นจากกลุ่มผมหยิกนั่นออกมาว่ามันแดงขนาดไหน แม้ว่าใบหน้าของอีกฝ่ายมันจะดูปกติมากก็ตาม... “พอได้แล้วน่าอะไรกัน? นายน่ารักออกจะตายไป”
พินาร์ล่ะสงสัยนักว่าคนตรงหน้านี้ใช่คามิิโลตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่? เขาไม่ควรที่จะพูดจาอะไรแบบนั้นออกมาให้รู้สึกใจเต้นมากขนาดนี้ไม่ใช่หรือไง? ลำพังแค่เห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายและเห็นท่าทีเอาใจใส่นั่นพินาร์ก็แทบไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว ‘ไม่ไหว นี่มันไม่ไหวสุดๆ !’ นั่นเขาก็ได้แค่คิด...
...
วันนั้นทั้งวันจบลงพร้อมกับความเหนื่อยล้าเสียเต็มประดา พินาร์กลับมาถึงยังเตียงนอนของเขาด้วยท่าทีอ่อนแรง ทิ้งตัวลงกับเตียงนอนนุ่มโดยที่ไม่คิดอยากจะพาร่างของตัวเองไปชำระในห้องน้ำเสียก่อน
เสียงถอนหายใจดังขึ้นแผ่วเบาในขณะที่เขาพลิกตัวขึ้นมองเพดานไม้สูงเหนือหัว ยกมือขึ้นก่ายบนหน้าผาก แหวนวงสีเงินสว่างล้อกับแสงจากโคมไฟข้างหัวเตียง, เขายกมือขึ้นสูง “หมั้นเหรอ...อ่า, นี่มันเหนื่อยกว่าที่ฉันคิดหรือเปล่าเนี่ย...พวกพี่สาวที่ได้หมั้นกับผู้ชายที่ชอบพวกเธอจะเหนื่อยเหมือนกันแบบนี้หรือเปล่านะ?” —ถึงจะเหนื่อยแต่สำหรับเขาแล้วมันก็ออกจะ...สนุกดี
พินาร์ยันตัวลุกขึ้นนั่งเตียงนอน เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงกุกกักที่หน้าต่างบานเดิม บานเดิมๆ ที่คามิโลมักจะปีนขึ้นมาในช่วงเวลาที่เขาไม่สามารถเดินได้อย่างเช่นตอนนี้...พินาร์หันหน้าไปมองตามต้นเสียงที่เขาเหมือนได้ยินนั้น “โอ้...คามิโล!!”
รีบรุดลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นสิ่งที่ให้กำเนิดเสียงนั้น พินาร์ยังคงตกใจและไม่ชินเสมอที่อีกคนมักจะปีนขึ้นมา...จริงๆ แล้วเขาปลงเสียมากกว่าจะเอ่ยคำว่าชินออกมาได้ “ไม่อยากจะเชื่อ! นี่นายมาทำอะไร ฉันว่าเราควรพักนะ!” เขาเหนื่อยเกินกว่าจะมาเล่นอะไรสักอย่างแล้ว พินาร์ไม่เคยรู้สึกอยากนอนได้มากเท่ากับวันนี้เลยจริงๆ
“ฉันก็มานายไงเล่าพินาร์!” พินาร์เดินไปยังหน้าต่างในขณะที่อีกคนที่อยู่ด้านนอกนั้นโผล่ใบหน้าเข้ามา พินาร์ส่งเสียง “ห๋า—?” ออกมาโดยที่ในหัวของเขาแทบไม่ประมวลผลหรือสามารถกลั่นกรองอะไรออกมาได้อย่างเคย
คามิโลยกมือขึ้นกวักเรียกเขาคล้ายให้เดินเข้าไปหาเร็วๆ พินาร์เลิกคิ้วขึ้น “อะไร?” เขาเดินเข้าไปใกล้ คามิโลเอื้อมมือออกมาคว้าแขนเขาไว้ “ออกมาข้างนอกเร็วเข้าพินาร์ วันนี้มีดาวเต็มท้องฟ้าเชียวนะ” และอีกครั้งที่พินาร์เลิกขึ้นสูง ‘ดาว?’
เขาโผล่หน้าออกไปนอกหน้าต่างในขณะที่คามิโลนั่นปีขึ้นไปสูงอีก พินาร์แหงนหน้ามองขึ้น ดวงดาวส่องแสงอยู่เต็มท้องฟ้าคล้ายกับผงระยิบระยับที่ถูกเทใส่กระดาษเปื้อนสีน้ำเงินเข้ม พินาร์ปีนออกไปนอกหน้าต่างและเขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาปีนบ้านตัวเองเลยสักนิด
มือนั่นถูกยื่นลงมาและเขาก็คว้ามันเอาไว้แล้วถูกดึงขึ้นไปที่ด้านบน, เขาและคามิโลนั่งอยู่บนหลังคาในขณะที่เหนือหัวขึ้นไปเป็นดวงดาวที่เขาเองก็ไม่สามารถนับได้ส่องแสงอยู่บนนั้น พินาร์คิดว่ามันสวยกว่าครั้งไหนๆ ที่เขาเคยเห็นมัน
“...สวยจัง” ความจริงแล้ว...พินาร์เคยฝันอยากเห็นดาวพวกนี้ ได้ปีนขึ้นมานั่งบนหลังคาแล้วมองดูดาวอยู่ข้างบนนี้ “ใช่ไหมล่ะ!” คามิโลหันหน้ามามองที่ทางเขา พินาร์ยกยิ้มขึ้นแล้วละสายตาไปมองที่ท้องฟ้าตรงหน้าของเขา “ไม่คิดว่าฉันจะได้มานั่งดูดาวแบบนี้เลยจริงๆ” พินาร์พูดขึ้นในขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องไปยังภาพตรงหน้า เขายังคงรับรู้ได้ถึงสายตาของอีกฝ่ายที่ยังคงมองเขาที่ด้านข้างอยู่แบบนั้น
พินาร์ระบายยิ้ม “มันคงจะโรแมนติกดีถ้าหากฉันไม่คิดถึงเรื่องที่พี่โดโรเรดคงจะได้ยินเสียงที่พวกเราพูดคุยกัน” เสียงหัวเราะดังขึ้นเล็กน้อย ในบรรยากาศแบบนี้คงจะโรแมนติกไม่น้อยถ้าหากไม่มีใครสักคนที่หูดีขนาดที่ได้ยินเสียงการพูดคุยกันของพวกเขาสองคนแบบนี้ล่ะก็นะ…?
“ใครสนเรื่องนั้น?”
“ฉันไงที่สน” พินาร์ถูกคว้าจับที่ใบหน้าให้หันมาสบกับคนข้างตัว คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย “ทำไมทำหน้าแบบนั้นเล่า?” คามิโลยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขณะเดียวกันพินาร์ก็หดคอของเขาหนีคล้ายกับเต่าที่กำลังหนีอันตรายโดยการเก็บขาทั้งสี่ข้างและหัวของมันเข้าไปในกระดองแข็งของมัน แต่น่าเสียดายพินาร์ไม่ใช่เต่าและเขาไม่มีกระดองอย่างว่าเพราะฉะนั้นในตอนนี้หน้าผากทั้งของเขาและของคามิโลจึงแนบสนิทกัน
พินาร์หลบสายตาหนีในขณะที่รอยฟาดสีแดงนั้นค่อยๆ ไล่ลามตั้งแต่ใบหูมายังปลายจมูกของเขา “มองตาฉันสิพินาร์ นายไม่ควรสนใจเรื่องอื่นนอกจากฉันนะ!” พินาร์ยกมือขึ้นดันที่อกของคามิโลเล็กน้อย เขามุ่นคิ้วเข้าหากัน “นายทำหน้าแบบนั้นเพราะฉันสนใจเรื่องอื่นมากกว่านายงั้นรึไง?” คามิโลพยักหน้าขึ้นลงหงึกหงักและทำท่าจะขยับเข้ามาใกล้เขามากกว่าเดิม
พินาร์ระเบิดหัวเราะออกมา เขาพูดพลางยกมือปาดน้ำตาที่หางตาไปด้วย “โถ่เอ้ยเจ้าเด็กน้อยนี่” คามิโลคล้ายอ้าปากพะงาบๆ เหมือนกับปลาขาดอากาศ “ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย ดูนี่สิ!” เขาพูดขึ้นพร้อมยกมือขึ้นโชว์แหวนสีเงินที่สว่างสะท้อนกับแสงจันทร์ พินาร์ยื่นมือข้างที่สวมแหวนแบบเดียวกันออกไปกุมมือของอีกฝ่ายแล้วเอามันลง “ฉันรู้แล้วๆ” พินาร์พลิกมือของเขาขึ้นด้านบน
“รู้อะไรไหม? ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมาลงเอยกันแบบนี้” พินาร์ช้อนตาขึ้นมองคนตรงหน้า คามิโลทำท่าจะเอ่ยแย้งเขาและก็เป็นพินาร์ที่พูดขึ้นมาก่อน “นั่นเป็นตอนที่ฉันคิดว่าชีวิตฉันคงจะมาไม่ได้ยาวขนาดนี้ ฉันทั้งเดินไม่ได้และตัวคนเดียว…”พินาร์หลับตาลงเล็กน้อยในขณะที่เขาเอื้อมมืออีกข้างมากุมมือของคามิโลเอาไว้ “สิ่งที่ฉันอยากได้มากที่สุดที่นายเคยถาม…รู้ไหมว่าคืออะไร?” คามิโลเลิกคิ้วขึ้น “แน่นอนว่าต้องเป็นการที่นาหายดีและเดินได้ไม่ใช่หรือไง?”
พินาร์ส่ายหน้าไปมา เขาลืมตาขึ้นและจ้องมองไปยังใบหน้าของคามิโลพร้อมรอยยิ้มที่ยังคงประดับบนใบหน้าของเขา “เป็นนาย เป็นนายที่มีความสุข, ฉันอยากให้นายมีความสุข” คามิโลมองเห็น เขาเห็นดวงตาสีลูกโอ๊คที่แน่วแน่มากกว่าทุกครั้ง น้ำเสียงของพินาร์จริงจังมากกว่าครั้งไหนๆ มากกว่าทุกครั้งที่เขาเคยได้ยิน น้ำเสียงนั้นคอยเน้นย้ำประโยคที่พูดออกมาและมือสองข้างที่กุมมือเขาเอาไว้ก็ออกแรงบีบเล็กน้อยเมือจบประโยคมันก็ผ่อนแรงลง
“ฉันเมินสิ่งที่ฉันสามารถรับรู้ได้และพึ่งความรู้สึกของตัวเอง…บางทีที่ผ่านมาสายลมนั่นอาจคอยบอกฉันอยู่ตลอด มันเป็นสิ่งที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เพราะมันไม่ใช่พรวิเศษอย่างของพวกนาย เพราะงั้นไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่มันกำลังบอกหรือกำลังเตือนอยู่นั่นเป็นความจริงหรือเปล่า”
“แล้ว…ตอนนี้ล่ะ?” คามิโลอดไม่ได้ที่จะถามออกไป เขามองใบหน้าตรงหน้าที่ประดับรอยยิ้มอ่อน พินาร์ทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย “วันที่ฉันหลับไปนานนั่น…ฉันได้พูดคุยกับบางสิ่ง และฉันก็ได้เห็นนิมิตนั่น…ตอนที่ฉันกลับมามันบอกว่าจะมอบของขวัญให้กับฉัน, และฉันคิดว่ามันคงจะเป็นสิ่งนี้” คามิโลทำหน้าราวกับว่าเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่พูดนัก
“ฉันไม่ได้มีความรู้สึกที่ว่าตัวเองอาจอยู่ได้นานอีกแล้ว…แต่ก็มีอีกอย่างแทนน่ะ”
“ให้ตายเถอะพินาร์! ทำไมนายถึงคิดเยอะขนาดนี้!!?”
พินาร์หัวเราะ และเขาก็ยังคงหัวเราะอยู่แบบนั้น จนกระทั่งที่พินาร์ก้มใบหน้าลง ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงกับมือของคามิโล “ฉันกังวล…นายเป็นเพื่อนคนแรก นายเป็นคนที่ฉันผูกพัน…ฉันกลัวว่าสักวันความรู้สึกมีความสุขนั่นมันจะหายไป” พินาร์แนบหน้าผากลงบนหลังมือของคามิโลค้างอยู่อย่างนั้น กระทั่งที่มีสัมผัสอุ่นวางทับลงบนกลุ่มผมของเขา “นั่นเป็นเรื่องของอนาคตนี่ รู้อะไรไหม? ฉันมักได้ยินเรื่องแบบนี้จากทั้งคุณแม่และคุณน้าอยู่บ่อยๆ และอีกอย่างพวกเธอก็เอ็นดูนายจะตายไป เผลอๆ อาจมากกว่าฉันด้วยซ้ำนะ!” พินาร์เงยหน้าขึ้นมองและใบหน้านั่นของคามิโลก็ตลกสำหรับเขาดีเหมือนกัน
“โอ้ งั้นนายก็โตแล้วสินะ?”
“ฉันบอกแล้วว่าฉันโตแล้ว” คามิโลพูดขึ้นในขณะที่เขายืดอกภูมิใจ พินาร์ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย “ไม่กลับบ้านล่ะ? ป่านนี้คุณ…แม่เธอคงเป็นห่วงนาย” คามิโลหันหน้าไปมองยังท้องฟ้าก่อนจะหันมามองยังเขา “ตอนนี้คงมีเสียงฟ้าร้องที่บ้านแหงๆ และพี่โดโรเรดคงได้ปิดหูหลบอยู่ที่ไหนสักที่ในกาซิต้า…เธอไม่ได้ยินเราแน่นอน!” พินาร์กลับไม่ได้คิดเช่นนั้นนี่สิ เธอคงรู้และบอกแม่ของเขาเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็เป็นเรื่องที่ดีในการให้คามิโลกลับไปพักผ่อนยังที่บ้านของตัวเองเสียที
คามิโลยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูง ยื่นมือมาตรงหน้าเขาแล้วดึงมือเขาขึ้น
…
ก่อนที่คามิโลจะกลับไป พินาร์จับคาเสื้อของอีกฝ่ายให้ใกล้เข้ามาแล้วทับริมฝีปากลงที่ข้างแก้มของเขา ยกยิ้มขึ้นแล้วบอกให้เขาหลับฝันดี พินาร์ทิ้งให้คนสติหลุดนั้นเกาะอยู่ที่ขอบหน้าต่างนั้นต่อไปในขณะที่พาร่างของตัวเองมาทิ้งตัวลงนอนไปโดยที่ลืมไปแล้วว่าตั้งแต่กลับมาเขายังไม่ทันได้เข้าไปอาบน้ำเลยสักนิด และคาดแล้วในตอนเช้าพินาร์คงรู้สึกเหนี่ยวตัวไม่น้อย
คามิโลโดดลงมายืนกับพื้นกุมแก้มที่เพิ่งจะเคยโดนสัมผัสนิ่มอุ่นนั้นใกล้ขนาดนี้ เป็นคามิโลในคืนนี้ที่ดันรู้สึกเขินมากกว่าครั้งไหนๆ และเขาก็คิดว่าพินาร์คงรู้แล้วว่าควรทำอย่างไรกับเขาในครั้งต่อไป “ให้ตายเถอะพินาร์ อย่าให้ฉันได้เอาคืนบ้างแล้วกัน!”
พินาร์ลืมตาขึ้นมาบนเตียงนอนพลิกตัวไปยังด้านที่หน้าต่างถูกปิดไปแล้ว ที่ขอบหน้าต่างพินาร์เห็นเป็นดอกไม้ดอกหนึ่งวางเอาไว้ เป็นดอกไม้ที่พินาร์ชอบเพราะมันความหมายมันเหมาะกับคามิโล พินาร์ลุกขึ้นเดินไปยังหน้าต่างหยิบเอาดอกไม้นั้นมาวางไว้บนโต๊ะไม้ข้างเตียงนอนแล้วเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง
“พินาร์นายชอบดอกไม้ดอกไหนงั้นเหรอ?” คามิโลเคยถามเขา “ฉันชอบ…อ่า, ดอกไฮเดรนเยียน่ะ” และคามิโลก็ถามขึ้นอีกครั้งด้วยความสงสัย “ฉันเคยอ่านในหนังสือ…มันมีความหมายว่าการขอบคุณ” คามิโลเลิกคิ้วขึ้นสูง “แม่ของฉันเธอเคยบอกว่าดอกไฮเดรนเยียให้ความหมายว่าหัวใจที่ด้านชานะ” พินาร์หัวเราาะออกมาเล็กน้อยในวันนั้น
“มันมีสองความหมายไงเล่า”
“แล้วทำไมถึงชอบล่ะ?”
“เพราะมันเหมาะกับนาย” คามิโลมุ่นคิ้วเข้าหากันคล้ายไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่าอะไร “อ่า, ฉันว่าสักวันเดี๋ยวนายก็เข้าใจเอง” เป็นคามิโลที่โวยวายขึ้นมาแล้วเงียบเสียงลง “นายจะบอกว่าขอบคุณฉันงั้นเหรอ?”
“นายคิดว่ามันมีอะไรที่ลึกไปกว่านั้นหรือยังไง?” คามิโลส่ายหน้า
“จริงๆ มันยังมีความหมายต่อจากคำขอบคุณ…
— พินาร์มองดูปฏิกิริยานั้นก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อ
…ขอบคุณที่ยอมรับในตัวฉัน”
…เพราะแบบนั้นพินาร์ถึงคิดว่าดอกไม้ดอกนี้มันดูเหมาะกับคามิโลนัก ในช่วงวัยเด็กนั้นเขาจำได้แค่เพียงดอกไม้ไม่กี่ดอกแต่ในเวลานี้อาจมีดอกไม้มากมายที่มีความหมายเหมาะกับคามิโล มาดรีกัลคนนั้น, พินาร์รู้สึกขอบคุณเสมอที่เขาได้รู้จักกับคามิโล หากย้อนกลับไปไม่ว่ากี่ครั้งเขาก็คงจะพูดคำนั้นเหมือนเดิมทุกครั้ง —ยินดีที่ได้รู้จักนะคามิโล
- END -
Talk to the writer :
เกล็ดความรู้อีกเล็กน้อย จริงๆ แล้วถ้ากฎหมายบ้านเราจะหมั้นกันได้ก็ต่อเมื่ออายุ 17 กันทั้งสองฝ่ายและต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองด้วยค่ะ ถ้าหากฝ่ายชายหญิงมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ก็สามารถทำการหมั้นกันได้เองเลย *ถ้าหากผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยไว้ด้วนนะคะ*
อะแฮ่ม ทั้งนี้ทั้งนั้นฟิคเรื่องนี้เราเองก็แต่งขึ้นเพื่อสนองนี้ดมาตั้งแต่ต้นและไทม์ไลน์เรื่องนี้ที่เคยบอกไปว่าเราไม่ค่อยได้ยึดตามเวลาของเนื้อเรื่องหลักนัก แหะ แต่เอาเป็นว่าจบแล้วล่ะค่ะ แต่ยังมีต่ออีกนิดหน่อยสปอยไว้แค่นี้!
ฮ่า สบายใจได้แล้วนะคะไม่ได้หักให้น้องเดี้ยงหรืออย่างไรเลยค่ะ บอกแล้วว่าเรื่องนี้ฟีลกู๊ด!! พวกคุณระแวงกันไปเอ๊ง เพราะงั้นก็แบบว่า ลืมที่เคยบอกว่าเคยจะทำให้น้องเดี้ยงด้วยนะคะ น้องมีความสุขดีค่ะ แฮ่ม จริงๆ ก็คิดว่าควรตัดจบเรื่องนี้ยังไงดีแต่ก็เอาตามที่ถนัดให้จบเรียบๆ แบบนี้แหละค่ะ *ฮ่า*
แถมท้ายนิดหน่อย ;
พินาร์มองแรงบอกว่าเมื่อไหร่จะได้นอนดีๆ ขอนอนดีๆ ได้ไหม! ง่วงมาก (5555555555555555555)
คามิโลกลับถึงบ้านก็โดนแซวยกใหญ่ (ส่วนอีกคนที่ควรโดนแซวด้วยก็ชิ่งหลับไปแล้ว) เลยปิดหูปิดตาวิ่งเข้าห้องนอนไปเลย —
ความคิดเห็น