ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Encanto / Camilo x Oc] Nice to meet you Camilo. [END.]

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 65


    *ยังไม่ตรวจคำผิดหรือคำตก*

     

    …พินาร์มองสำรวจรอบตัว ในหัวของเขามีเพียงแค่ความคิดสั้น ๆ ต่อภาพตรงหน้านี้ ‘ฝัน?’ มือเรียวยกหยิกที่แขนข้างซ้ายของเขา “…อะ!” พินาร์ไม่คิดว่าความฝันจะมีความรู้สึกเจ็บแบบนี้ แปลกกว่านั้น…เขากำลังยืนอยู่ ยืนด้วยสองขาของเขาเอง

     

    ตั้งแต่จำความได้พินาร์รับรู้มาเสมอว่าตัวเขานั้นไม่สามารถเดินได้ ขาสองข้างที่ยืนอยู่นั้นกลับดูสมบูรณ์เกินกว่าความจริงที่เขารับรู้ ภาพรอบตัวนั้นเองก็เป็นความมืดที่ครอบคลุมไปแทบทั้งหมด ที่ตัวของเขาราวกับว่ากำลังส่องแสงอยู่ท่ามกลางความมืดนี้, ดวงตาสีลูกโอ๊คมองรอบตัวอย่างสับสนและไม่เข้าใจ เขาก้มตัวลงจับที่ขาของตัวเอง “ม ไม่จริงน่า…”

     

    ความรู้สึกไม่เข้าใจและสับสนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ฉายชัดอยู่เต็มอกของพินาร์, ถ้านี่คือความฝันของเขา…? พินาร์ไม่คิดว่าความฝันนี่จะสมจริงนัก ไม่คิดเช่นนั้น ใบหน้าของเขาตั้งตรงมองไปยังตรงหน้าไม่ว่าทิศทางไหน พินาร์เริ่มก้าวเท้าออกเดินอย่างไม่สู้ดีนัก เขาเดินไปเรื่อย ๆ และเดินต่อไป ต่อไป ตามความมืดนั้นเขายังคงเดินต่อไปด้วยใจที่เริ่มหวาดหวั่น “…ม— ไม่มีทางออก”

     

     

    พินาร์นั่งขดตัวอยู่กับพื้น เขาไม่สามารถที่จะเลือกเดินออกไปได้ ในท่ามกลางความมืดนั้น น่ากลัวเกินกว่าที่เขาจะก้าวเท้าออกไป, ในเวลานี้พินาร์กลับนึกคิดถึงสัมผัสอุ่นๆ ที่มักแผ่ออกมาจากฝ่ามือที่ใหญ่กว่าเขาไปเพียงเล็กน้อย ดวงตาสีเฮเซลนัทที่ฉายแววขี้เล่นและอบอุ่น รอยยิ้มของอีกฝ่าย —พินาร์กำลังคิดถึงคามิโล

     

    ในท่ามกลางความมืดนั้นเขากลับภาวนาขอให้คามิโลเข้ามาช่วยเขา ช่วยเขาออกไปจากที่ๆ มีแต่ความมืดนี่, พินาร์นั้นสั่นกลัว กลัวในที่ๆ ไม่มีอะไรเลย

     

    หากนี่คือความฝันที่เสมือนจริง...มันคงเป็นฝันร้ายที่สุดเท่าที่เขาเคยได้สัมผัสมา, ไม่นานนัก...เสียงบางอย่างกลับลอยเข้าหูของเขา

     

    พินาร์เงยใบหน้าขึ้นจากหัวเข่าที่ชันขึ้นมา แม้ว่ารอบข้างยังคงมืดสนิทแต่ตรงหน้ากลับมีภาพของบางอย่างฉายขึ้นมาราวกับม้วนหนังที่เขาเคยได้ไปดูพร้อมกับคามิโล

     

    เหมือนเป็นภาพความทรงจำของเขา...ในวัยเด็กจนโต พินาร์รู้สึกนี่ว่ามันน่าเหลือเชื่อและเขาสามารถมองเห็นสีหน้าของคามิโลนั้นได้อย่างชัดเจน ในคืนที่เขาเลือกปฏิเสธที่จะรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย, ใบหน้านั่นหม่นหมองลงจนน่าเห็นใจ

     

    พินาร์อ้าปากจะเปล่งเสียงเรียกชื่อแต่เขากลับเพิ่งนึกได้ว่านี่คือความฝันที่เสมือนจริงหรืออะไรก็แล้วแต่ เขากลับมานั่งชันเข่าแล้วกอดขาของตัวเองเอาไว้มองภาพตรงหน้าที่ดูราวกับว่ามันจะยังฉายไม่จบ

     

    “มัน...ยังมีต่อ?”

     

    ...

     

    ภาพตรงหน้าฉายขึ้นอีกครั้งเป็นร่างของชายคนหนึ่ง ใบหน้านั่นดูเหมือนพินาร์ราวกับเป็นฝาแฝดที่พลัดพราก แต่คนๆ นั้นดูโตกว่าเขาอยู่มาก...อ่า, และเขาคนนั้นสามารถเดินได้ด้วยสองขา

     

    ชุดที่สวมใส่อยู่นั่นก็แปลกตาเสียยิ่งกว่าอะไรดี ดู...ไม่ใช่ชุดของคนในเมืองเอนคันโต...ดูจะเป็นคนนอกพื้นที่เสียมากกว่า, แต่แล้วนั่นหมายความว่ายังไงกันล่ะ?

     

    จากความหวาดกลัวเมื่อครู่กลับค่อยๆ ถูกแปลงเปลี่ยนให้กลายเป็นความสับสนและไม่เข้าใจคุกกรุ่นอยู่ภายในอก, พินาร์มองภาพที่ถูกฉายเป็นเรื่องเป็นราวนั้นไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ภายนอกนั้น

     

    ...คามิโลพยายามหาวิธีปลุกพินาร์แทบทุกอย่าง ทั้งเขย่าไหล่ของเขา ทั้งตบไปที่แก้มนุ่มสองข้างนั้นเบาๆ เพื่อเรียก และยังตะโกนเรียกชื่อพินาร์จนแทบแสบคอ, พินาร์นอนแน่นิ่งแต่เขายังคงหายใจแม้ว่ามือของเขาจะเย็นเฉียบจากการต้องอากาศเย็นๆ

     

    คามิโลไม่มีทางเลือกและพินาร์หลับมามากเกินกว่าปกติแล้ว และอีกอย่างหนึ่งพินาร์ไม่ใช่คนหลับลึก แม้ว่าคามิโลจะโดดขึ้นหน้าต่างเสียงเบาขนาดไหนเจ้าตัวยังได้ยินและผลุบลุกขึ้นมานั่งในจังหวะที่เขาโผล่หน้าขึ้นพ้นขอบหน้าต่างได้เลย

     

    ในช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ พวกเราตามหามิราเบลจนเจอและได้พาเธอกลับมาพร้อมกับบรูโนและตอนนี้เขาควรเรียกว่าน้าบรูโนเสียมากกว่า, คามิโลไม่ได้มาหาพินาร์ตั้งแต่เช้าหรืออาจนานกว่าหลายวันนั้นเพราะเขามัววุ่นอยู่กับการช่วยทุกคนสร้างบ้านขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

     

    คามิโลไม่ได้คิดที่จะลืมพินาร์แต่เขาจำเป็นถ้าหากเขาพาอีกฝ่ายไปในช่วงจังหวะนั้น...พินาร์อาจได้รับอันตรายได้ซึ่งนั่นไม่ควรเกิดขึ้นโดยเด็กขาด จนกระทั่งที่บ้านถูกสร้างขึ้นมาเสร็จและกาซิต้าก็กลับมาพร้อมกับพรวิเศษ

     

    คามิโลไม่สามารถเฉลิมฉลองได้อย่างเต็มใจนักเมื่อเขาคิดขึ้นได้ว่าพินาร์ในตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง, พินาร์ยังคงหลับใหลอยู่บนเตียงนอนและนั่นคือสิ่งที่แปลกในเวลาเพียงแค่พลบค่ำแบบนี้

     

    สำหรับพินาร์หากไม่ใช่การนั่งเฝ้าให้หลับเขาก็ดื้อด้านกว่าที่คิดไว้มากกว่านั้น, คามิโลนำพาร่างของพินาร์มาถึงยังกาซิต้าได้สำเร็จ เขาพยายามอย่างมากเพื่อไม่ให้ตัวเองสติแตกและเรียกคุณน้าฮูเลียตต้ามาเพื่อดูอาการของพินาร์

     

    “คามิโล! เกิดอะไรขึ้นกับเขา?” มิราเบลเดินเข้ามาถามในขณะที่เธอหันไปสำรวจพินาร์ที่ถูกนำมาวางไว้บนโซฟาที่กาซิต้านำมันมาให้ คามิโลส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ ฉันพยายามปลุกเขาแล้ว”

     

    “โดโรเรดเป็นไงบ้าง?” คุณยายอบัวล่าเดินเข้ามาสมทบและหันไปถามพี่โดโรเรดที่ป้องมือที่หูฟังเสียงบางอย่าง เธอส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยและหันไปหาคุณยาย “ไม่มีค่ะ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ได้ยินแค่เสียงหายใจของเขา”

     

    “พินาร์...พินาร์จะเป็นอะไรไหมครับ!?” คามิโลโพล่งถามออกไปเขาเดินเข้าไปหาร่างของพินาร์ที่นอนอยู่บนโซฟาในขณะที่คุณน้าฮูเลียตต้ายังคงดูอาการของอีกคนไม่ห่าง “เขาหลับไปนานแค่ไหนแล้วกัน? มิราเบลลูกไปเอาอาหารที่แม่ทำมาให้แม่หน่อยสิจ๊ะ” ประโยคแรกเธอเอ่ยถามขึ้นมาขณะที่ยังคงจับที่ใบหน้าและข้อมือของคนบนโซฟาและประโยคถัดมาเธอหันไปเอ่ยไหว้วานกับมิราเบลและเสียงตอบรับกลับมาอย่างแข็งขัน

     

    “พี่พินาร์จะเป็นอะไรหรือเปล่าฮะ?” อันโตนิโอเดินเข้ามาดูอาการพร้อมกับเสือโคร่งตัวหนึ่งที่เดินตามเขามาราวกับแมวเชื่องๆ หากอันโตนิโอไม่มีพรวิเศษอย่างเช่นการเป็นที่รักต่อพวกสัตว์และการสื่อสารได้เช่นนี้ คามิโลก็ไม่อยากคิดนักหากจะให้เราอยู่ใกล้ๆ กับสัตว์กินเนื้อเช่นนี้...

     

    “เขาไม่เป็นอะไร อย่างน้อยน้าก็คิดแบบนั้น”

     

    “เขาหลับไป...ดูเหมือนแค่หลับ”

     

    “แต่นี่มันไม่ปกติสำหรับพินาร์เลยนะครับ” คามิโลแย้งขึ้นและเขาดูไม่เป็นตัวของตัวเองมากๆ เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้, มิราเบลเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารเธอนำมาให้กัลแม่ของเธอ “อย่างน้อยเราควรลองเขาให้ทานนี่”

     

    “แต่ที่ฉันรู้ว่าดูเหมือนว่าพรวิเศษจะไม่เป็นผลต่อเขาเท่าไหร่...” คุณแม่พูดขึ้นในขณะที่เหนือหัวของเธอคล้ายค่อยๆ มีเมฆก่อตัวขึ้นมา “ที่รักคุณควรใจเย็นๆ นะ” คามิโลละสายตาจากแม่ของเขามายังพินาร์อีกครั้ง คุณน้าฮูเลียตต้าแบ่งชิ้นส่วนอาหารให้มีขนาดพอดีคำแล้วป้อนเข้าไปที่ปากของพินาร์

     

    พวกเรายืนรอดูอาการอย่างเงียบเชียบ...พินาร์ยังคงนอนบนโซฟาตัวเดิมนั่น…

     

     

    …เขาอาจจะคิดไปเอง เสียงที่เอาแต่เรียกชื่อ ‘พินาร์’ นั่น… แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาได้รับรู้แลจะเกินสิ่งที่เขาควรรับรู้ได้ไปมากในหลายๆ ส่วน ภาพนั่นไม่ได้แค่ฉายตัวเขาเพียงแค่ตัวตนเดียว…พินาร์เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่คามิโลเคยนำมาให้ มันเป็นหนังสือปกหนาและแข็งสีน้ำเงินกำมะหยี่สลักกรอบเหลื่อมทองและตัวหนังสือที่เด่นหลาอยู่บนปก ‘ทฤษฎีโลกคู่ขนาน’

     

    พินาร์คิดว่าอย่างงั้นในตัวตนที่ฉายอยู่นั่นคงจะเป็นตัวเขาจากที่ไหนสักที่ หรือไม่ก็เป็น ‘การเกิดใหม่’ นี่เป็นหนังสือที่เขามีอยู่แล้วบนชั้นวางหนังสือของคุณพ่อ มันเป็นหนังสือที่คล้ายกับหนังสือนิทานที่พินาร์เคยหยิบมาอ่านเมื่อตอนสิบขวบ, “ไม่สิ ฉันไม่ควรที่จะมานั่งอุดอู้อยู่แบบนี้!” เขาชันตัวลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูงแล้วก็มีสายลมวูบหนึ่งพัดผ่านตัวเขาไป

     

    พินาร์หันตัวไปตามทิศของลมนั้นมันมีจุดของแสงประกายอยู่คล้ายกับเป็นทางออก พินาร์เริ่มเข้าใจเกี่ยวกับตัวเองขึ้นมาบ้าง ความคิดของเขาที่ต่างจากเด็กปกติธรรมดาเหล่านั้น…บางที ตัวเลือกที่สองอาจจะเป็นไปได้มากกว่าทฤษฎีโลกคู่ขนานนั้นล่ะมั้งนะ…? เขาก้าวเท้าเดินไปตามทางที่เริ่มเห็นชัดขึ้น “ฉันว่า…ฉันเคยพูดไปแล้วในตอนที่เราเคยพบกันนะ”

     

    พินาร์หันไปตามต้นเสียงนั้นและพบแต่ความว่างเปล่า…ไม่มีอะไรนอกจากเสียง เสียงที่เขาแยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย คนแก่ เด็ก หรือคนหนุ่มสาว เขาคิดว่าอย่างงั้น… “พระเจ้า?”

     

    “นั่นไม่ใช่แต่ก็ไม่เชิงสำหรับฉันล่ะมั้ง?”

     

    “แล้วคืออะไร?”

     

    “ตัวตนที่เป็นไปได้ยากและไม่สามารถเอื้อมจับได้ อยู่เหนือกฎของธรรมชาติ…อาจจะถูกต้อง” พินาร์มุ่นคิ้วเข้าหากัน เขาหยุดชะงักที่กลางทางเดินไปแห่งแสงนั้น “แล้วที่บอกว่าเคยพูดนั่น…?”

     

    “อยากไปเจอกับเขาที่โลกใบนั้นอยู่หรือเปล่า?” คิ้วเรียวเลิกขึ้น แล้วเสียงนั้นก็พูดขึ้นต่อเพื่อคลายความสงสัย “คามิโล มาดรีกัลยังอยากเจอกับเขา…ไม่สิ

     

    พูดให้ถูกยังอยากใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นหรือไม่ล่ะ พินาร์ เดลกาโด” —เจ้าลูกกวางตัวน้อย พินาร์ถอยหลังเขาหันกลับมามองยังแสงสว่างตรงหน้า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ที่นั่นคือที่ๆ ฉันอาศัยอยู่ อาศัยอยู่ในฐานะของพินาร์ เดลกาโด…แล้วทำไมฉันถึงต้องจากไป?” เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วทุกที่ มันก้องอยู่รอบตัวของเขา พร้อมกับ…สายลมที่ปะทะเข้ากับใบหน้า

     

    “ถ้าอย่างงั้น…ก็อย่าได้คิดเดินไปทางแสงสว่างนั้นพินาร์” พินาร์ชะงักเท้าที่กำลังเดินต่อ “นั่นไม่ใช่ทางที่นายควรไป”

     

    “—ไม่ใช่?”

     

    “ถูกต้อง, หลับตาลงให้สายลมนั้นโอบรอบตัวของนาย…ในฐานะที่นายเป็นถึงลูกกวางที่ฉันเอ็นดูมากที่สุดฉันจะมอบของขวัญพิเศษให้ในโลกใบนี้แล้วจงใช้ชีวิตครั้งนี้ให้คุ้มค่าซะ” ชีวิตครั้งนี้? พินาร์คิดว่าที่ผ่านมาเขาคงใช้ชีวิตนั้นไม่คุ้มค่าสักเท่าไหร่ล่ะมั้ง? เปลือกตาค่อยๆ ปิดลงบดบังดวงตาสีลูกโอ๊คที่ไหววูบไปครู่หนึ่งนั้นอย่างเชื่องช้า สายลมเย็นพัดโอบล้อมอยู่รอบตัวเขาและเสียงกระซิบนั้น

     

    “รู้อะไรไหม? นายไม่ควรสงสัยในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้มากนักหรอกนะ, ใช้ชีวิตนั่นให้คู่ควรกับสิ่งที่ฉันคอยเฝ้ามองจะดีกว่า” พินาร์ไม่เข้าใจ…หรือมันอาจสมควรที่จะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

     

     

    พินาร์ไม่คิดว่าเขาจะหลับนานเกินหนึ่งวันแต่…โอ้ สิ่งที่เขาได้รับรู้หลังจากลืมตาตื่นขึ้นมาคือแสงรอบตัวที่และสัมผัสอุ่นที่ขาของเขา และนั่นรวมไปถึงสิ่งที่คามิโลพรวดพราดเข้ามาภายในห้องตรวจดูอาการของเขาและถามเขาไถ่เขาอย่างร้อนรน “ใจเย็นก่อนคามิโลดูสิฉันไม่เป็นอะไรเห็นไหม?” เขายกยิ้มให้กับอีกฝ่ายในขณะที่เอื้อมมือจับมือนั่นที่แทบจะจับเขาพลิกไปพลิกมาอยู่รอมร่อ

     

    “แน่นะ?”

     

    “แน่สิ ทำไมฉันต้องโกหกล่ะ?” คามิโลก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะเงยขึ้นมาสบตากับเขาอีกครั้ง พินาร์เอียงใบหน้าไปด้านข้างเล็กน้อยเป็นเชิงสงสัย ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ในหัวของเขา “ว่าแต่…ฉันหลับไปนานหรือเปล่า?”

     

    และคำตอบที่ได้รับนั่นค่อนข้างน่าเหลือเชื่อที่ร่างกายของเขายังปกติดี…หรือบางทีนี่อาจจะเป็นองขวัญที่ว่า…? “ฉัน นี่ฉันหลับไปนานขนาดนั้นเชียว?”

     

    “ก็ใช่น่ะสิ!! ฉันน่ะเป็นห่วงนายแทบบ้า!”

     

    “อ่า…แล้วนี่กาซิต้ากับพรวิเศษ?” คามิโลยืดอกขึ้นพร้อมรอยยิ้มของเขา “มิราเบลน่ะ พรวิเศษกลับมาได้เพราะเธอ! เป็นอย่างที่นายไว้เลยนะพินาร์!!” พินาร์หยักหน้ารับเข้าใจพลางมองสำรวจคนข้างเตียงเล็กน้อย

     

    “อย่างงั้นก็ดีนะ”

     

    คามิโลลากเก้าอี้ไม้แถวนั้นมานั่งลงที่ข้างเตียงนอน “จริงๆ แล้วในตอนที่มิราเบลเอาลูกบิดประตูมาใส่น่ะ มีแสงเหมือนกับพรวิเศษที่เราเคยได้มันกระจายไปทั่วทั้งเมืองเลยล่ะ” พินาร์ยกมือขึ้นสัมผัสที่ปลายคาง “เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาจะได้รับพรวิเศษแบบเดียวกับพวกนาย?” คามิโลส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย “ฉันไม่แน่ใจ”

     

    “งั้นเหรอ…เอาเถอะ, ว่าแต่ว่า…” พินาร์ลากเสียงยาวในขณะที่สายตาค่อยๆ เลื่อนขึ้นมองคามิโล “นายได้กินอาหารปกติดีไหม? ทำไมผอมลง? เฮ้ คามิโลอย่าหลบตาฉันนะ! นายจะเป็นห่วงฉันได้แต่ไม่ใช่ไม่กินข้าวนะ!!” คามิโลลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ “เฮ้! ก็ฉันเป็นห่วงนายแล้วอีกอย่างแค่นี้คุณแม่ก็บ่นฉันจะบ้าแล้ว!” พินาร์เคลื่อนตัวไปยืนตรงหน้ายกมือขึ้นแล้วดีดนิ้วใส่กับหน้าผากของเขา

     

    “โอ๊ย!!— เดี๋ยวก่อน!! พินาร์! นาย นายเดินได้!!” รอบนี้พินาร์ไม่ได้ดีดนิ้วใส่กับหน้าผากของเขาแต่เปลีี่ยนกำปั้นทุบลงบนหัวของอีกคนสักที ก่อนจะแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาเมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่ในความฝันนั่นแล้ว

     

    “คามิโล, …หรือว่านี่จะเป็นของขวัญจริงๆ ?” คามิโลจ้องมองมาที่พินาร์ด้วยความสงสัยแต่มากกว่านั้นเขาจับพินาร์นั่งลงกับเก้าอี้ แล้วบอกให้เขานั่งรออยู่ตรงนี้ในขณะที่ตัวเองรีบวิ่งแจ้นออกไปตามคนอื่นๆ และพินาร์ก็เพิ่งสังเกตว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของเขา…

     

    ‘โอ้…ให้ตายเถอะ, นี่มันบ้าอะไรกัน’

     

     

     

     

     

     

    Talk to the writer :

     

    สวัสดีอีกครั้งค่ะ ตอนนี้อาจจะมายาวกว่าปกตินิดหน่อย? แต่ตอนนี้เหมือนจะออกทะเลเกินไปรึเปล่านะ? แต่เพราะแบบนี้น้องพินาร์ก็สามารถเดินได้แล้วล่ะค่ะ!! อีกเรื่องหนึ่งอย่างที่เคยบอกไปว่าเรื่องนี้ฟีลกู๊ดและเราไม่ได้วางตอนไว้ยาวมากเลยคิดว่าใกล้จะจบแล้วล่ะค่ะ ฮา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×