คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4
*ยังไม่ตรวจคำผิดหรือคำตก*
“จำไว้นะพินาร์ถ้ามีอะไรให้เรียกย่า” คุณย่าท่านค้อมตัวลงมาที่ตรงหน้าของเขา พินาร์พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มกว้าง“ครับ!” ทำตัวเป็นเด็กน้อยว่านอนสอนง่าย เมื่อหญิงชราเดินไกลออกไปตามถนนที่ทอดยาวตรงหน้า พินาร์เหม่อมองผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาตรงหน้า
ในอากาศเย็นที่ตัวของเขาถูกห่อหุ้มไปด้วยชุดเสื้อผ้าผืนหนาและผืนผ้านวมกรุ่นกลิ่นหอม มือเล็กกระชับผ้านวมที่ห่อหุ้มตัวเองไว้แน่นขึ้นขณะที่ยิ้มตอบรับชาวเมืองเอนคันโตไป พินาร์ร่างกายอ่อนแอแต่เจ้าตัวรู้ดีว่าอย่างน้อยร่างกายของตนเองก็ไม่ได้อ่อนต่ออากาศนัก หากเพียงแต่ในฤดูกาลที่ถูกปกคลุมไปด้วยปุยสีขาวบนพื้นถนนและหลังคาเช่นนี้หากจะให้ทำตัวราวกับว่าตนแข็งแรงดีนั้นก็กระไรอยู่
เสียงพูดคุยดังอยู่รอบตัวไม่ห่าง ใกล้เข้ามาเป็นเสียงทักทายด้วยชื่อๆ หนึ่งที่เขาไม่รู้จัก “ไง!” พินาร์เงยหน้ามองเจ้าของเงาที่พาดทับอยู่เหนือตักของเขา เด็กชายท่าทางร่าเริงคนหนึ่ง ดูปกติธรรมดาทั่วๆ ไป พินาร์เอียงใบหน้าลงเล็กน้อย “…?” ไม่มีเสียงตอบรับอะไร และในขณะนั้นก็เป็นพินาร์ที่รู้สึกประหม่า
“นายอยู่คนเดียวงั้นเหรอ?” เขาพยักหน้าให้กับคำถาม “อากาศหนาวแบบนี้น่ะเหรอ?” พินาร์ยังคงทำเพียงแค่พงกศีรษะขึ้นลง “แล้ว…พวกผู้ใหญ่ล่ะ? ผู้ปกครองนายน่ะ” พินาร์พงกหัวขึ้นลงเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนาตรงหน้า “คุณย่า…ไปซื้อของน่ะ…” เด็กชายท่าทางอายุรุ่นราวคราวเดียวกันตรงหน้าพยักหน้าเข้าใจ
“ถ้างั้น ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนายเอง!” พินาร์เงียบไปก่อนที่ใบหน้าของเขาจะแสดงถึงความประหลาดใจและประหม่าออกมาอย่างไม่ปิดบัง นี่เป็นครั้งแรกที่พินาร์ได้พูดคุยกับคนอื่นที่อายุดูพอๆ กับเขา, พินาร์มักอุดอู้อยู่แต่ภายในบ้านและวันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาขอคุณย่าให้พาออกมาที่ข้างนอก น่าเสียดายที่ครั้งแรกนี้จะเป็นช่วงฤดูหนาวเช่นนี้
“ทำไมนายถึงนั่งบนเก้าอี้เฉยๆ แบบนั้นแทนที่จะออกมาวิ่งเล่นล่ะ?” พินาร์ก้มใบหน้าลง เขาเม้นปากเข้าหากันเล็กน้อยจึงค่อยเอ่ยตอบคำถามจากอีกคนที่ย้ายเอาเก้าอี้ไม้มานั่งที่ด้านข้างเขา “ฉัน…เดินไม่ได้” เด็กคนนั้นเงียบเสียงลงก่อนจะโพล่งขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้าอย่างงั้นนายเคยกินอาหารที่คุณน้าฮูเลียตต้าทำหรือยัง! อาหารที่เธอทำสามารถรักษาได้ทุกอย่างเชียวนะ!!” ดวงตาสีลูกโอ๊คเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่เชื่อหู
“นั่น…” มือที่ถูกคลุมไว้ภายใต้ผ้านวมถูกดึงออก “ฉันจะพานายไปหาเธอและนายก็จะเดินได้!” พินาร์คิดว่านั่นมันน่าอัศจรรย์แต่ “ไม่ได้ ถ้าคุณย่าไม่เห็นฉันเธอจะไม่สบายใจ” เพราะแบบนั้นเด็กผู้ชายคนนั้นถึงได้ยอมผละมือออกจากข้อมือของเขา ชั่วเสี้ยวความคิดนั้นที่พินาร์เพิ่งเคยได้รับสัมผัสจากคนภายนอกที่ไม่ใช่จากคุณย่าของเขา ‘อุ่น…’
“โอ้, ใช่! ฉันชื่อคามิโล จากครอบครัวมาดรีกัล” พินาร์เคยได้ยินนามสกุลนี้ ไม่สิไม่ใช่เคยแต่เขามักได้ยิน ครอบครัวมาดรีกัลที่ได้รับพรวิเศษเพื่อช่วยหมู่บ้านเพื่อเป็นประโยชน์ให้กับชาวเมืองเอนคันโต เพราะแทบไม่เคยได้ออกมาไกลจากตัวบ้านนักจึงไม่เคยได้เห็นใบหน้าของครอบครัวมาดรีกัลเลยสักคน…และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็น
“งั้นเหรอ…” พินาร์มองมือตรงหน้าที่ถูกยื่นออกมา เขาชั่งใจก่อนจะยื่นมือออกไปจับตอบ “ฉันพินาร์, พินาร์ เดลกาโด
ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันคามิโล” —เพื่อนคนแรกของเขา, พินาร์ยกยิ้มกว้างในขณะที่ดวงตาหยีโค้งเป็นเสี้ยวพระจันทร์ที่โหนกแก้มขึ้นรอยฟาดสีแดงจากอากาศหนาวเย็นหรือไม่ว่าอะไรก็ตาม ‘มือของคามิโล…’ สำหรับเขาแล้วมือของอีกฝ่านั้นอุ่นเหลือเกิน
พินาร์ได้รู้เรื่องมากมายจากอีกฝ่ายจากโลกภายนอกที่ไม่เคยย่างกายออกมา แวบผ่านไปเป็นคุณย่าของเขาที่เธอเดินผ่านมาแล้วก็เดินออกไปอีกครั้ง พินาร์มองตามแผ่นหลังนั้นโดยที่มีเธอหันกลับมายิ้มให้กับเขา, เวลาล่วงเลยไปกว่าหลายนาทีและสำหรับพินาร์ก็คิดว่าอาจถึงครึ่งชั่วโมง และสำหรับเด็กเช่นเขาไม่ควรจะอยู่ข้างนอกนานขนาดนี้รวมถึงคามิโลที่ถึงแม้ร่างกายจะแข็งแรงดีก็ตาม
คุณย่าเธอเดินออกมาแนะนำตัวกับคามิโลแล้วพาเขาและอีกคนเข้าไปในบ้านเพื่อดื่มช็อกโกแลตอุ่นร้อน “คุณย่าครับ...” เธอหันมายิ้มให้เขาแล้วยกมือขึ้นลูบหัวไปมา “ย่าขอโทษนะจ๊ะ ที่ปล่อยหลานไว้แบบนั้นแต่นานๆ ทีจะเห็นหลานได้คุยกับเด็กคนอื่นแบบนั้นบ้างย่าก็เลย...”
พินาร์ส่ายหน้าไปมาแรงๆ “ม ไม่ครับ...แต่”
“ขอโทษนะคามิโลพอดีพินาร์จริงๆ แล้วร่างกายเขาไม่ค่อยเหมือนเด็กคนอื่นน่ะจ้ะ” คามิโลเงยหน้าขึ้นจะแก้วช็อกโกแลตอุ่นขึ้นมามองคุณย่าคล้ายกับกำลังตั้งคำถามผ่านแววตา “ขาของพินาร์ไม่สามารถใช้การได้ตั้งแต่เกิดน่ะ”
คามิโลที่ได้ยินแบบนั้นเขาหันขวับมาทางพินาร์แทบทันที แม้แต่พินาร์เองยังกลัวว่ากระดูกคอของอีกคนจะเป็นอะไรหรือเปล่าก็เล่นหันมาซะแรงขนาดนั้น “แต่อาหารของคุณน้าฮูเลียตต้าต้องรักษาขาเขาได้แน่ๆ เลยครับ!”
“จริงอยู่ที่พรวิเศษของคุณฮูเลียตต้าคืออย่างงั้นแต่ย่าก็เคยลองแล้วล่ะจ้ะ ก็เป็นอย่างที่เห็น...มากสุดก็ช่วยบรรเทาอาการป่วยของพินาร์ก็เท่านั้น” คามิโลก้มหน้าลงเล็กน้อย เขาไม่คิดว่านี่ควรจะเป็นเรื่องที่อีกคนคิดมากนัก อย่างไรก็ตามพินาร์กลับคิดว่าสำหรับเขาที่เพิ่งได้คุยกับอีกคนแบบนี้ก็เพิ่งรู้จักกันไม่เท่าไหร่ แล้วมีเหตุผลอะไรที่คนตรงหน้าเขาต้องแสดงสีหน้าแบบนั้นกัน?
…
พินาร์ได้เพื่อนใหม่ เพิ่มจากคามิโล เด็กในเมืองเอนคันโต ได้รู้จักกับครอบครัวมาดรีกัลหลายปีจากนั้น ผ่านช่วงฤดูมาแล้วก็ไม่รู้กี่ครั้ง จนกระทั่งถึงเวลากลางปีนั้นเอง คุณย่าที่มองมาทางเขาแสดงสีหน้าระบายยิ้มอ่อน ใช่ว่าพินาร์จะไม่รู้เห็นอะไร ร่างกายของคุณย่าที่อ่อนแรงลงนับวันที่เห็นได้ชัด เริ่มหลงลืมในบางเรื่อง, ในเช้าวันใหม่นั้นที่ปกติแล้วคุณย่าจะลุกจากที่นอนมาหาเขาที่ห้องนอน
ในวันนั้นเป็นวันที่พินาร์ได้เห็นร่างหญิงชรานอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงนอน นอนอย่างสงบท่ามกลางแสงของดวงอาทิตย์ที่ลอดเข้ามาผ่านผ้าม่าน, พินาร์เดินเข้าไปหาเธอ มองเธอด้วยสายตาสับสน เอื้อมมือแตะลงบริเวณที่เขามักรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ แตะที่ข้อมือตามที่เคยอ่านในหนังสือ ยื่นนิ้วลองที่ใต้โพรงจมูกครั้งแล้วครั้งเล่าทำอยู่แบบนั้นเพื่อแน่ใจว่าเขาไม่ได้รับสิ่งตอบรับอะไรกลับมา
ร่างกายของคุณย่าเริ่มเย็นลง, ในช่วงบ่ายแก่ๆ วันนั้นคามิโลมาหาพินาร์ที่บ้านตามปกติ เขาเดินเข้ามาและเห็นร่างที่คุ้นตานั่งอยู่บนเก้าอี้เคลื่อนที่นั่นในห้องนอนของพินาร์ ใบหน้าเล็กนั่นเหม่อลอยมองที่กำแพงของห้อง ขอบตาของพินาร์ขึ้นเป็นรอยแดงไล่ลามไปจนถึงปลายจมูก “พินาร์…เกิดอะไรขึ้นน่ะ!?” คามิโลกรูเข้าไปหาแทบทันทีที่ตั้งสติได้
พินาร์ค่อยๆ หันมาหาเขา สีหน้าของอีกฝ่ายว่างเปล่า ดวงตาสีลูกโอ๊คที่เคยเหมือนกับดวงตาของลูกกวางนั้นกลับว่างเปล่าเสียจนน่าใจหาย พินาร์ไม่ได้พูดหรือเปล่งเสียงอะไรออกมา เขาเพียงแค่หันมามองและก้มใบหน้าลง, คามิโลกระวนกระวายถึงขนาดที่รีบยกตัวพินาร์ขึ้นที่ด้านหลังแล้วรีบวิ่งออกจากบ้านเพื่อมุ่งตรงไปยังบ้านมาดรีกัลทันที ด้วยเพราะทำอะไรไม่ถูกถึงรีบพาเจ้าตัวที่แปลกไปมาหาคนที่น่าจะทำอะไรได้ดีกว่า
พินาร์ที่พามาที่บ้านกาซิต้า ครอบครัวมาดรีกัลออกมาหาเขาในขณะที่สังเกตเห็นแววตาว่างเปล่านั้น คำถามเดิมๆ ดังขึ้นที่รอบตัวของพินาร์จนกระทั่งที่เขายอมเปล่งเสียงออกมา “คุณย่า…ตัวเย็นแล้วก็ไม่หายใจ หัวใจของเธอหยุดเต้น…” น้ำเสียงเล็กแหบพร่าอย่างคนขาดน้ำและหยดน้ำสีใสเอ่อคลอที่เบ้าตาอีกครั้งก่อนจะไหลลงมา หยดแมะลงบนฝ่ามือเล็ก พินาร์ไม่ได้ใสซื่อเขาสามารถรับรู้ได้ว่านั่นหมายความว่ายังไงในขณะที่บางคนแสดงสีหน้าสับสนและเป็นคุณอบัวล่า, คุณและคุณนายมาดรีกัลที่เข้ามาปลอบเขา
คืนวันนั้นพินาร์ได้นอนที่บ้านของครอบครัวมาดรีกัล ในห้องธรรมดาที่เขาเข้าไปพักผ่อน คุณมาดรีกัลทั้งสองอาสาไปนำร่างของคุณย่ามาเก็บไว้เพื่อทำพิธีในวันต่อมา, พินาร์ไม่จำเป็นต้องเข้ารอบพิธีในเมื่อถ้าหากเขายังไม่สบายดี พินาร์ขอให้คามิโลพาเขาไปยังที่นั่น ขอร้อง และขอร้อง จนกระทั่งที่คามิโลยอมพาไป “ขอบใจนะคามิโล”
“ก็ถ้าไม่พามานายก็จะเอาแต่ทำหน้าแบบนั้นนี่…” พินาร์หัวเราะออกมาเล็กน้อยเขาอยู่ตรงหน้าที่มีรูปของคุณย่าตั้งเอาไว้มีพวกผู้ใหญ่ที่เดินเข้ามาตบไหล่ของเขาแผ่วเบาคล้ายเป็นการปลอบที่คนเหล่านั้นพอจะทำได้ “หลับให้สบายนะครับ…คุณย่า” และนั่นเองก็เป็นสิ่งที่พินาร์พอจะคิดออกและพูดออกไป
…
“ตอนนั้นฉันกลัวแทบบ้าว่านายจะเป็นอะไรไป!”
“นายเป็นห่วงฉันเกินไปแล้วคามิโล” และก็เป็นอีกครั้งที่พินาร์ระบายยิ้มอ่อนและหัวเราะออกมา เขาช้อนตามองอีกคนที่เดินไปหยิบกาน้ำชา ถ้วยชาและกระปุกชาออกมาเพื่อชงมันให้กับเขา “ก็นั่น…ถ้านายเป็นอะไรขึ้นมาแล้วฉันจะทำยังไงเล่า…!” พินาร์ค้อมใบหน้าลงเล็กน้อย มือสองข้างประสานกัน ในขณะที่ภายในหัวมีอะไรมากมายที่ผลุบเข้ามาให้คิด
“นาย…ไม่คิดว่าที่เมืองนี้เองก็มีสาวๆ มากมายให้นายได้แต่งงานอย่างงั้นเหรอ?
ฉันว่านะ…พวกเธอต้องอยากจะแต่งงานกับ—” คามิโลยื่นถ้วยน้ำชาอุ่นมาให้เขาและเป็นอีกคนที่พูดแทรกขึ้นมาในขณะหัวคิ้วนั่นขมวดเข้าหากัน “…ฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับพวกเธอ” น้ำเสียงของเขาอ่อนลง และเป็นพินาร์ที่จ้องมองคนตรงหน้าไม่วางตา ‘อย่าพูดนะคามิโล…ถ้านายพูดออกมาแล้วฉันจะทำยังไงเล่า’ มือสองข้างกุมเข้าหากันแน่นและพยายามที่จะไม่สนใจประโยคต่อไปที่อีกฝ่ายจะพูดขึ้นมา
“ฉัน…—”
“ขอโทษนะคามิโล…เรื่องนั้นเอาไว้พูดทีหลังฉันขอไปนอนก่อนได้ไหม?”
“อ่า, ได้สิ” —ขอโทษนะ, คามิโลดูมีสีหน้าที่แย่ลงแม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นมากแต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้พินาร์รู้สึกไม่ดีเองได้ เขายังไม่อยากได้ยินอะไรแบบนั้นในเวลานี้, ลมที่ข้างนอกหน้าต่างนั่นอ่อนลงไปมากกว่าหลายวันที่ผ่านมา คามิโลดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเขา “ราตรีสวัสดิ์นะพินาร์”
พินาร์หลับตาลง รับสัมผัสอุ่นนั้นที่หน้าผาก “…ราตรีสวัสดิ์คามิโล”
Talk to the writer :
จริงๆ ก็ต่อจากตอนที่แล้วเลยค่ะ ฮา ฟีลกู๊ดค่ะเรื่องนี้ฟีลกู๊ดจริงๆ นะ! เหมือนจะลงตอนละวัน จริงๆ ก็ไม่ได้ขยันหรือหัวแล่นขนาดนี้หรอกค่ะ แต่อยากพิมพ์เรื่องนี้จริงๆ เลย ฮ่า
ความคิดเห็น