ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Encanto / Camilo x Oc] Nice to meet you Camilo. [END.]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 65


    *ยังไม่ตรวจคำผิดหรือคำตก*


     

    พินาร์รู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่แน่ใจนั่นอาจหมายความว่าเขาเพียงแค่คิดมากไปเองตั้งแต่ที่คามิโลมาส่งเขายังห้องนอนตามปกติและออกไปทางหน้าต่างแทนที่จะเป็นประตู ปกติ และปกติ มันเป็นเรื่องปกติที่ทำจนเคยชิน ผิดแปลกไปเล็กน้อยที่พินาร์ดันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี

     

    เขาไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง...แต่นั่น, พินาร์ก้มลงมองที่มือของตัวเอง กำมือและแบมันออกอยู่อย่างคนไม่มีอะไรจะทำไปมากกว่านี้แล้ว, คามิโลบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาควรกังวลนัก

     

    โอ้ และใช่เมื่อวันก่อนอิซาเบลล่าเพิ่งถูกล่มงานสู่ขอไป เขาเองก็ไม่มั่นใจนักแต่จากการที่คาดคั้นคามิโลมานั้นเขาตอบมาว่า “มิราเบลอยู่ในนิมิตของบรูโน” คามิโลตอบเขามาเพียงแค่นั้น และพินาร์รู้เพียงแค่ว่ามิราเบลอยู่ในนิมิตนั่น

     

    นิมิตที่เป็นเรื่องของอนาคต เขาไม่รู้ว่านั่นจะดีหรือร้ายแต่จากสีหน้าที่ดูจะ...? คามิโลติดขี้เล่นและสีหน้าของเขาไม่ใช่ทั้งกังวลหรือหวั่นวิตก เขาเพียงแค่...ทำสีหน้าพิลึกๆ ออกมา?

     

    นั่นมันตลกมากสำหรับพินาร์ เขาไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นสีหน้าแบบนั้นอย่างน้อยถ้าหากมีกล้องถ่ายรูปสักอันเขาก็อยากจะบันทึกภาพนั้นเก็บเอาไว้บ้างอยู่เหมือนกัน

     

    พินาร์กะพริบตาเล็กน้อยเมื่อลมเย็นพัดผ่านจากบานหน้าต่างเข้ามาภายในห้องนอนเล็ก เขาหันมองไปยังบานหน้าต่างบานนั้น เสียงลมพัดผ่านดังวี้ดวิ้วและเสียงกิ่งไม้ ใบไม้ที่พัดเสียดสีกัน

     

    “หน้าต่างเปิด?” นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่หน้าต่างจะเปิดได้เอง ปกติแล้วพินาร์มักจะไม่ล็อคหน้าต่างเพราะในเวลาเช้าจะเป็นคามิโลที่เปิดเข้ามา ถ้าหากล็อคเขาก็ต้องมาโวยวายเรื่องนี้แน่นอน, บางครั้งพินาร์ก็คิดว่าเขาวางใจเกินไปที่ไม่คิดจะล็อคประตูหน้าต่างอะไรแบบนั้น

     

    แต่นี่ก็ผ่านมานานกว่าปีสองปีแล้วและมันก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ชาวเมืองเอนคันโตก็ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรอย่างงั้น ด้วยเหตุผลนั้นพินาร์จึงคิดวางใจ, แต่อย่างไรแล้ว...ในคืนนี้ก็ดูจะหนาวเกินไป

     

    เขากระชับเสื้อคลุมแน่นขึ้นแล้วลากร่างของตัวเองไปยังเก้าอี้ติดล้อที่อยู่ข้างเตียงนอนเคลื่อนมันด้วยมือของตัวเอง แล้วมาหยุดยังบานหน้าต่างบานเดิม “วันนี้...ดูเหมือนลมจะแรงกว่าปกติเลยนะ?” ข้างนอกนั่นต้นไม้โอนเอียงไปมาตามแรงลมและเสียดทานกัน

     

    พินาร์ไม่คิดอะไรและปิดมันลงสนิทเคลื่อนตัวกลับมายังที่เตียงนอนลืมเรื่องที่กังวลไปก่อนหน้าให้หมดแล้วทิ้งหัวลงบนหมอนดึงผ้านวมสีเข้มขึ้นมาคลุมตัว ปิดเปลือกตาลงแนบสนิท, ไม่นานนัก...ลมหายใจของพินาร์ก็เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ

     

    เพราะความสังหรณ์ใจไม่ดีด้วยเหตุผลเหล่านั้นก็ทำแทบให้พินาร์เป็นกังวลมากจนเกินพอ และอีกอย่าง...ถ้าหากเขานอนไม่เพียงพอก็จะเป็นคามิโลซะเองที่เป็นห่วงเขามากจนเกินไป

     

    ...

     

    “ตอนนี้ที่บ้านกำลังตามหามิราเบล? เกิดอะไรขึ้นกันแน่คามิโล?” ดูเหมือนว่าเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้จะเกี่ยวข้องกับมิราเบลไม่ว่าจะเป็นทางตรงและทางอ้อม

     

    “ขอโทษนะวันนี้ฉันคงพานายออกไปไม่ได้—” พินาร์ส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงไม่เป็นไร แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้คิดมากเรื่องนี้, ดวงตาสีลูกโอ๊คช้อนขึ้นมองคนตรงหน้า ยื่นมือออกไปกุมมือสองข้างนั้นไว้ “พรวิเศษไม่ใช่ทุกสิ่งที่เราต้องการหรอกนะคามิโล”

     

    “ฉันรู้ๆ นายพูดแบบนี้ตลอดว่าพรวิเศษไม่ใช่ทุกอย่างและถึงแม้เราจะขาดมันไปเราก็ไม่ได้ตาย” พินาร์ยกยิ้มอ่อนกระชับมือที่กุมเอาไว้ให้แน่นขึ้นอีกนิด “อย่างไรก็ตาม...มิราเบลก็เป็นคนในครอบครัวนาย ฉันหวังว่าทั้งเธอและนายจะไม่เป็นอะไร”

     

    คามิโลกระชับมือตอบกลับ เขาดึงมืออีกข้างออกมาวางลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาล “แน่นอนว่ามันจะเป็นแบบนั้นและฉันหวังว่าเราจะพบเธอในเร็วๆ นี้” พินาร์พยักหน้าตอบรับ พลางก้มใบหน้าลงรับกับสัมผัสมือแผ่วเบาก่อนที่คนตรงหน้าจะผละมือออก

     

    “ช่วงนี้ลมค่อนข้างแรง ฉันว่านายควรห่มผ้าดีๆ กว่านี้นะพินาร์” และไม่ว่าเปล่าคามิโลดันไหล่สองข้างของพินาร์ลงแนบกับเตียงนอนดึงผ้าห่มผืนหนาสีเข้มของเขาคลุมติดกับปลายคาง แล้ววางมือลงบนหน้าผากของเขาอย่างเบามือ

     

    คามิโลผละมือออกแล้วบอกให้เขาพักผ่อนซะ น่าเสียดายที่ตลอดทั้งวันพินาร์ก็พักผ่อนมาเกินพอแล้วและเมื่อคามิโลออกไปอีกครั้งที่ทางหน้าต่างในเวลาโพล้เพล้ ดวงอาทิตย์ที่ใกล้ลับขอบฟ้าฉาบย้อมให้ท้องฟ้าสีครามเปลี่ยนสีเป็นเวลาของการเหยียบย่างเข้าสู่ช่วงเวลากลางคืน

     

    พินาร์ผลุบลุกขึ้นจากเตียงนอนดันร่างของตัวเองไปยังเก้าอี้ติดล้อข้างกันจัดที่นั่งให้กับตัวเองแล้วค่อยเคลื่อนตวออกไปทางประตู ที่ราวบันไดมีปุ่มกดสำหรับเปลี่ยนขั้นบันไดให้เป็นทางลาดพอจะให้รถเข็นเคลื่อนตัวผ่านได้ เขาหวังว่ามันจะยังใช้ได้ดีหลังจากที่ไม่ได้ใช้มันมานานพอสมควร

     

    “ฉันหวังว่ามันจะไม่นานถึงขนาดที่มันจะใช้ไม่ได้หรอกนะ...” เสียงกลไกของไขลานเริ่มทำงาน ขั้นบันไดก่อนหน้าค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นทางลาดสำหรับรถเข็นเคลื่อนผ่านและพินาร์ต้องระวังอย่างมากในการเคลื่อนตัวลงไปตามทางลาดนี้ พลาดแม้แต่นิดเดียวเขาอาจได้เล่นสไลเดอร์กับบันไดบ้านแล้วจบลงด้วยอาการบาดเจ็บทั้งตัวก็เป็นได้

     

    “นายทำได้น่าพินาร์ ก็แค่การลงไปชั้นล่างมันไม่ได้ยากมากขนาดนั้นสักหน่อย”

     

    ...พินาร์สามารถลงมายังชั้นล่างได้อย่างปลอดภัยในอาการที่หัวใจยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะคล้ายแทบหลุดออกจากอกมาเต้นตุ๊บๆ ที่บนพื้นเลยเชียว “นี่ไม่ใช่เวลามาพักหายใจ! ต้องไปที่บ้านมาดรีกัลแล้ว!” มือเรียวขยับจับล้อที่ติดอยู่สองข้างตัวที่นั่งดันมันแล้วเคลื่อนที่ไปข้างหน้าทันที

     

    ตั้งแต่วันก่อนที่มีลมพัดที่ข้างนอกบานหน้าต่างและลางสังหรณ์ของพินาร์เอง ยังไงตอนนี้เขาก็อยากไปที่นั่นก่อน ไปที่บ้านของครอบครัวมาดรีกัล เพื่อยืนยันกับตัวเองให้ชัดเจนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    แน่นอนว่ามันควรเป็นแบบนั้นเมื่อไปถึงที่นั่น ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปในจังหวะที่พินาร์ไปถึงยังบ้านครอบครัวมาดรีกัลด้วยรถเข็น เสียงถล่มของสิ่งก่อสร้างและกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าทางที่ควรเป็นทางเข้าบ้านของครอบครัวมาดรีกัล พินาร์มองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าตื่นตระหนกและสับสนเสียเต็มประดา บ้านกาซิต้าถล่มลงมาเหลือแค่เพียงเศษซากของสิ่งก่อสร้าง “…อ อะไรกันล่ะเนี่ย?” พินาร์ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปตามทางนั้นอย่างเชื่องช้า

     

    สบเข้ากับดวงตาสีเฮเซลนัทของคามิโลพอดิบพอดี “พ พินาร์! ทำไมมาอยู่ตรงนี้! นี่มันอันตราย!!” พินาร์สงสัย ยังมีอะไรน่าห่วงไปกว่าที่กาซิต้าถล่มลงมาเหลือแค่เพียงเศษไม้และอิฐแบบนี้อีกหรือ? “น นี่มันอะไรกันน่ะคามิโล? เกิดอะไรขึ้น?” พินาร์ถามคำถามออกไปในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังเศษสิ่งก่อสร้างนั้น

     

    “กาซิต้า…ถล่มลงมา พร้อมกับเทียนที่ดับไปแล้วน่ะ…” พินาร์หันมองตามเสียงคำตอบเป็นพี่สาวของคามิโล เธอเดินเข้ามาใกล้เขาแล้ววางมือลงบนไหล่ “ง งั้นเหรอ…ครับ” พินาร์ถอนสายตาจากเธอไปมองสำรวจคนในครอบครัวมาดรีกัล คุณอบัวล่าดูมีสีหน้าที่แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด และนั่นรวมไปถึงคนอื่นๆ อีกด้วย พินาร์ก้มใบหน้าลงมองยังพื้น, เขาไม่คิดว่าลางสังหรณ์ของเขาจะเป็นแบบนี้นี่มัน… ‘แย่…กว่าที่คิดไว้อีก’

     

    “พินาร์…เธอไม่ควรอยู่ที่นี่ร่างกายของเธอไม่แข็งแรงและตอนนี้ไม่มีพรวิเศษของฮูเลียตแล้ว…” คุณนายเป๊ปป้าเธอเดินเข้ามาหาเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง พี่โดโรเรดเธอจับที่ๆ จับด้านหลังที่พนักพิงหลัง “ผม…เอ่อ คือว่า…ขอให้พวกคุณ…แบบว่าไม่เป็นไรนะ…ครับ” ในหัวคล้ายมีหนูติดจั่นวิ่งอยู่บนกงล้อแล้วหยุดทำงานลงเมื่อมันเหนื่อยและอ่อนแรง พินาร์นึกคำในหัวไม่ออกและเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับในสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ใช่ครอบครัวของเขา…

     

    แต่ครอบครัวมาดรีกัลคอยช่วยเหลือทั้งเขาและเมืองเอนคันโตมาเสมอและอดไม่ได้ที่จะคิดว่าพวกเขาเองก็เป็นเหมือนคนในครอบครัว “คามิโลฝากพินาร์ด้วย ส่วนมิราเบลพวกแม่จะเป็นคนไปตามหาเอง” ดูเหมือนว่าพวกเธอจะยังไม่พบเจอตัวมิราเบล…หรืออาจพบเธอแล้วแต่เธอหายไปอีกครั้ง และพินาร์เชื่อว่าเธอจะต้องแก้ไขบางอย่างได้แน่นอน ที่คามิโลเคยบอกกับเขา

     

    …บอกว่ามิราเบลอยู่ในนิมิตของบรูโน ไม่ว่าดีหรือร้าย…สายลมกำลังบอกเขา “…นี่อาจเหลือเชื่อกว่าพรวิเศษจากเทียนที่พวกคุณได้รับมา…แต่

     

    —พินาร์เงยหน้าขึ้นสบตากับเป๊ปป้าที่ยืนอยู่ตรงหน้า

     

    สายลม…กำลังเยียวยาพวกคุณและ…ผมเชื่อว่ามันจะดีขึ้นหากเธอกลับมา” พินาร์ทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นและเป็นฝ่ายเคลื่อนตัวออกมาตามด้วยคามิโลที่วิ่งตามเขามา “นั่น…หมายความว่ายังไง?” แม้ไม่ต้องหันหน้าไปมองเขาก็รู้ได้เลยว่าตอนนี้คนที่เป็นฝ่ายเข็นเก้าอี้ติดล้อเคลื่อนที่นี่กำลังแสดงสีหน้าแบบไหน

     

    “ลางสังหรณ์ ไม่ก็…สายลมกำลังบอก”

     

    “ฉันไม่เข้าใจจริงๆ นะพินาร์!” เป็นพินาร์ที่เปล่งเสียงหัวเราะออกมาแผ่วเบาในลำคอแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “ฉันเองก็อธิบายไม่ถูก…เหมือนมันเป็นสิ่งที่ติดตัวมาล่ะมั้ง?”

     

    “ติดตัวมา?”

     

    “ใช่ มันต่างจากพรวิเศษ…ฉันเองก็ไม่รู้แต่หลายครั้งมันก็เป็นแบบนั้น” พินาร์ถอนหายใจออกมาเสียงเบาแล้วพูดขึ้นต่อในขณะที่สายตายังคงเหม่อมองไปยังท้องฟ้าไร้ดาวตรงหน้า “ฉันแค่เลือกที่จะเมินมัน”

     

    คามิโลถามขึ้นเสียงสูงอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะ!? นั่นมันเจ๋งออกนี่!!!” พินาร์ไม่ได้ตอบกลับอะไรไปจนกระทั่งที่มาถึงยังหน้าบ้าน “ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกเป็นที่หน้าบ้านของฉันสินะ” คามิโลเดินมาหยุดที่ด้านข้างแล้วทำหน้าเป็นเชิงว่า ‘นายจะระลึกความหลังเอาตอนนี้เลยงั้นเหรอ?’ และเป็นพินาร์ที่ระเบิดหัวเราะออกมา

     

    “ตอนนั้นฉันยังคิดว่านายเป็นเด็กปากมากอยู่เลยนะ ฮ่าๆ”

     

    “พูดเป็นเล่นน่า!! ตอนนั้นนายยังจับมือตอบฉันอยู่เลยนะพินาร์!”

     

    พินาร์ยกมือขึ้นปาดหางตาแล้วช้อนตามองคามิโลอย่างขำขัน “ก็ตอนนั้นนายจู่ๆ ก็เข้ามาทักฉันนี่” คามิโลมุ่นคิ้วเข้าหากันแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “เฮ้! ก็ตอนนั้นฉันสงสัยนี่ว่าทำไมนายถึงนั่งอยู่บนเก้าอี้นี่แล้วยังมองคนอื่นด้วยสายตาเศร้าแบบนั้น!” คามิโลเป็นคนดีเสมอแม้ว่าเขาจะดูน่าหมั่นไส้ในสายตาของพินาร์ก็ตาม

     

    โอ้และในตอนนี้เขาก็ยังน่าหมั่นไส้อยู่ พินาร์ยกนิ้วชี้ขึ้นดันที่หน้าผากของคามิโลให้ออกห่างแล้วยกยิ้มขำขันในท่าทางของเขาที่แสดงออกมาตรงหน้าจนกระทั่งที่เขาเปิดประตูบ้านแล้วเข็นรถเข็นของพินาร์เข้าไปที่ด้านในนั้น 

     

     

     

     

     

     

    Talk to the writer :

     

    ตอนนี้ก็แบบว่า งงๆ หน่อย แหะ จริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่ได้วางตอนเอาไว้ยาวเท่าไหร่เลยล่ะค่ะ ถึงจะเกิดขึ้นมาเพราะความชั่ววูบแต่ตอนที่คิดไว้ในหัวเองก็ไม่ได้ยาวมาก ส่วนไทม์ไลน์ในเรื่องนี้จะค่อนข้างสับไปมาชวนให้สับสนหน่อยนะคะ แหะๆ ส่วนอีกเรื่องเป็นไทม์ไลน์ของเนื้อเรื่องหลัก เราไม่ได้ยึดตามเส้นเวลานั้นเท่าไหร่ค่ะ เอาเท่าที่สามารถประติดประต่อในหัวของตัวเองได้—

    แต่โอ้ตอนนี้! พินาร์น้องมีความสามารถพิเศษ! และจะมีส่วนเกี่ยวข้องในตอนต่อๆ ไปสักเล็กสักน้อยแหละค่ะ แหะ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์และการกดติดตามนะคะ

     

    เกือบลืมไปเลยว่าแอบไปวาดน้องพินาร์เอาไว้ด้วยแหละค่ะ

    ปล. ผมน้องวาดยากค่ะ ฮือ

    ปล2.จริงๆ แล้วพยายามลงให้ผิวน้องออกสีเข้มแล้วค่ะแหะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×