คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2
*ยังไม่ตรวจคำผิดหรือตก*
...เวลากลางคืนเวียงมาถึง พินาร์ลากร่างอัมพาตครึ่งท่อนมานั่งบนเก้าอี้ติดล้อ ใช้มือดันที่ล้อใหญ่หมุนมันไปยังหน้าต่างบานเล็ก, เขาทอดสายตามองออกไปยังท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม พินาร์มองไม่เห็นดาวสักดวงอาจเพราะวันนี้มีเมฆมากขนาดที่กลบดวงดาวเหล่านั้นเอาไว้ภายใต้ปุยสีครึ้มนั่น
เมื่อวันก่อนดูเหมือนจะเกิดเรื่องขึ้นแม้จะไม่ใหญ่มากแต่ก็ใช่ว่าจะน่าวางใจนัก เขาไม่คิดว่ามิราเบลจะโกหกหรือพูดเพียงเพราะต้องการให้ใครมาสนใจ สีหน้าของเธอในตอนนั้นบอกได้ชัดเจนว่าเธอเจออะไรมา...ด้วยเหตุผลต่างๆ เขาอดกังวลในเรื่องนั้นไม่ได้
เพราะอย่างงั้นก่อนที่คามิโลจะจากไปทางหน้าต่างบานเดิม เขาถึงได้เลือกที่จะเอ่ยบอกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “คามิโล...ระวังตัวด้วย, ฉันไม่คิดว่านั่นจะเป็นเรื่องตลกหรอกนะ...ทุกอย่างมันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ”
คามิโลถอยห่างจากบานหน้าต่างเดินเข้ามาใกล้เขาที่นอนอยู่บนที่นอน พินาร์เหม่อมองยังเพดานไม้เรียบๆ ดวงตาสีลูกโอ๊คนั้นสั่นไหวก่อนจะถูกปิดลงด้วยฝ่ามือ “นั่น...ไม่ใช่เรื่องที่นายควรกังวลเลยพินาร์
มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแน่ๆ” เขาเลื่อนฝ่ามือขึ้นมาแนบกับหน้าผาก “อย่างน้อย...นายก็ไม่ควรประมาท” พินาร์ยังคงรู้สึกกังวลและเป็นห่วงลูกพี่ลูกน้องคนนั้นของคามิโล หากเป็นแบบนั้นคนที่เสี่ยงอันตรายมากที่สุดจะเป็นเธอ...
เขาขยับใบหน้ารับกับสัมผัสอุ่นผ่านฝ่ามือนั้น หลับตาลงยอมให้อีกฝ่ายได้ลูบผมเล่น “รู้แล้วๆ นายเป็นห่วงก็พูดมาเถอะ—”
“ใช่ ฉันเป็นห่วงนายแล้วก็ครอบครัวมาดรีกัลทุกคน” ฝ่ามือนั้นชะงักเล็กน้อยก่อนจะถูกดึงออก พินาร์ลืมตาขึ้นมองไปยังคนที่เริ่มแสดงท่าทีแปลกๆ ใต้ของแสงจากโคมไฟที่ถูกเปิดอยู่เพียงริบหรี่ใบหน้าของคามิโลแม้จะเห็นได้ไม่ชัด...
"โอ้ คามิโล...นั่นนายกำลัง...หน้าแดง?"
“ม ไม่ใช่! ใครหน้าแดงกันไม่มีหรอกน่า! นายคงเห็นแสงจากโคมไฟเลยคิดว่าฉันหน้าแดงเท่านั้นแหละ!” คามิโลพูดรัวเร็วจนเขาแทบฟังไม่ทัน “คามิโลนายควร—”
“ใช่แล้ว! นายควรพักผ่อนเพื่อร่างกายของนายนะพินาร์! เอาล่ะนอนได้แล้ว! ราตรีสวัสดิ์นะ!!” เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วรีบกระโดดออกไปทางหน้าต่างทั้งอย่างงั้น...พินาร์คิดว่าตัวเองคงสติไม่ดีหรืออาจสายตาเพี้ยนไป
...แต่โอ้ นั่นเขาแสดงท่าทีเหล่านั้นออกมาให้เห็นทั้งหมด...และใช่ว่าพินาร์นั้นจะอ่อนต่อความรู้สึก เขาดูออกมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เพียงเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นสิ่งยืนยัน เขาแค่เพียงคิดว่า...
มันสมควรแล้วอย่างงั้นหรือ? หรือว่า...เขาเหมาะสมแล้วจริงๆ น่ะหรือ? ไม่ใช่ว่า...คามิโลนั้นคู่ควรต่อสาวสักคนภายในเมืองหรือ? แทนที่จะเป็นเขา...ไม่ใช่แค่เพียงเพราะเพศสภาพนั่นรวมไปถึงตัวเขาที่ไม่สมบูรณ์อีกด้วย...
เป็นพินาร์ที่คาดเดามาโดยตลอดว่าตัวเขานั้นอาจอยู่ไม่นานนัก “ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรคิดแบบนี้เลย” มือเรียวถูกยกขึ้นพาดที่หน้าผาก เปลือกตาปิดลงและลมหายใจที่ถูกพ่นออกมา
ในความรู้สึกของเขา...พินาร์ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็มีความรู้สึกดีๆ ต่อคามิโลและมั่นใจว่าความรู้สึกดีๆ ในความหมายของเขานั้นเหมือนกับคามิโล, ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นไม่เป็นจังหวะทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มขี้เล่นนั่นและสัมผัสอบอุ่นที่แผ่มายังตัวเขา
...พินาร์ผลอยหลับไป เมื่อเข็มสั้นและเข็มยาวของนาฬิกามาบรรจบกันที่เลข 12 , และตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่พร้อมกับเสียงดังของนาฬิกาเรือนเล็กที่ตั้งอยู่บนตู้ขนาดเล็กข้างเตียงนอน, เสียงนกร้องที่นอกหน้าต่างและเสียงพูดคุยจากผู้คน
พินาร์ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ดูเหมือนว่านับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมิราเบลเอาแต่ถามหาคุณน้าบรูโนของเธออย่างไม่ลดละ และคามิโลเองก็บอกกับเขาเช่นทุกครั้ง “เราจะไม่พูดถึงบรูโน” และเขาก็พยักหน้าเข้าใจอย่างเช่นทุกครั้ง
ขนมปังเนื้อนุ่มถูกฉีกออกให้ขนาดพอดีคำแล้วนำมันไปทากับแยมและจบลงด้วยที่นำมันเข้าไปในปาก รสอมเปรี้ยวของแยมผลไม้และขนมปังเนื้อนุ่ม, …พินาร์อยากลองรสแยมแบบใหม่ แบบที่ไม่ใช่รสชาติเปรี้ยวอมหวานและติดที่ปลายลิ้น
“ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นเล่าพินาร์?” คามิโลถามขึ้นด้วยใบหน้าติดรอยยิ้มขำขัน เขาเชื่อว่าคามิโลรู้สาเหตุและเจ้าตัวถามเพราะจงใจจะแกล้งเขา! พินาร์ยู่ปากลงและมุ่นคิ้วเข้าหากัน “นายก็รู้นี่”
เสียงหัวเราะดังขึ้นที่ฝั่งตรงข้าม “หยุด! อย่าหัวเราะนะ!” เขาก็แค่ไม่ชอบรสชาติเปรี้ยวที่ติดอยู่ปลายลิ้นเพราะมันให้ความรู้สึกว่าปลายลิ้นของเขามันชา หรือแม้แต่รสหวานที่กระจายอยู่ในโพรงปากหลังจากที่รสเปรี้ยวหายไป อย่างไรแล้วเรื่องรสชาตินั่นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของคนไม่ใช่หรือยังไง?
“จะรสกาแฟนายก็บอกว่ามันขม จะเอาซอสพริกนั่นก็เผ็ด แล้วนายอยากได้อะไรเล่าพินาร์?” คามิโลถามคำถามกลั้วหัวเราะ ท่าทางของเขาพร้อมจะระเบิดหัวเราะออกมาได้ทุกเมื่อ พินาร์ยังคงขมวดคิ้วมุ่นอย่างคนหัวเสียและก็ต้องคลายมันออกเมื่อปลายนิ้วจากคนตรงข้ามจรดลงที่จุดกึ่งกลางระหว่างหัวคิ้ว
“ขมวดคิ้วบ่อยเดี๋ยวก็มีรอยย่นขึ้นหรอกน่า ฮ่าๆ” พินาร์เปลี่ยนจากขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นพองลมที่แก้มทั้งสองข้างใส่อีกฝ่ายแทน และใช่มันก็เหมือนได้ผลทุกครั้ง “เอาล่ะๆ นายอยากได้อะไรฉันจะไปหามาให้”
คามิโลมักชอบพูดอย่างกับว่าเพียงแค่เขาเอ่ยปากขออีกฝ่ายก็พร้อมจะหามาให้ได้ทุกอย่างงั้นแหละ แต่...พินาร์ก็ไม่ปฏิเสธเช่นกันว่าอีกฝ่ายนั้นมักจะหาสิ่งที่เขาต้องการมาให้เสมอและน้อยครั้งที่เจ้าตัวจะไม่สามารถทำได้
พินาร์ยกมือขึ้นลูบที่ปลายคางก้มหน้าลงเล็กน้อยและทำสีหน้าครุ่นคิดโดยมีคามิโลที่นั่งยิ้มรอฟังคำตอบจากฝั่งตรงข้าม “ฉันอยากกินช็อกโกแลต”
“นั่นนายเพิ่งกินไปเมื่อวันก่อน” หน้าของเขาเริ่มบึ้งตึง
“แต่—”
“เราตกลงกันแล้วว่านายจะกินแค่อาทิตย์ละครั้งเท่านั้น” มีอยู่แค่ไม่กี่อย่างที่คามิโลจะไม่ยอมตามใจพินาร์โดยเด็ดขาดไม่ว่าจะเจอลูกอ้อนแบบไหนก็ตาม แม้ว่าในช่วงแรกเจ้าตัวจะยอมทำตามอย่างไม่อิดออดแต่เมื่อนานเข้าก็คล้ายเริ่มมีภูมิต้านทานขึ้นเสียอย่างนั้น
“โอเค...ถ้าอย่างงั้น...นายอยากกินช็อกโกแลตหรือเปล่า?” คามิโลดูมีสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด เขายกยิ้มมองปฏิกิริยาตรงหน้า “แปลงร่างเป็นฉันแล้วนายก็กินช็อกโกแลตแทนฉันไงล่ะ!” คนฝั่งตรงข้ามทำหน้าอย่างกับเห็นผีขนาดที่พินาร์ยังระเบิดเสียงหัวเราะออกมาซะเอง
“นั่นก็ได้แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำๆ ไม? ฉันกินนะไม่ใช่นาย” พินาร์ไหวไหล่พลางยกมือสองข้างขึ้นสอดประสานกันวางข้อศอกไว้บนโต๊ะ “นายก็แค่แปลงร่างเป็นฉันเองไง”
“นายมีทักษะในการหลอกตัวเองเหมือนกับญาติฉันหรือไง?” พินาร์หัวเราะขึ้นอีกครั้งมองใบหน้าที่ฉายชัดถึงความไม่เข้าใจเสียเต็มประดานั่นอย่างขำขัน “ไม่เอาน่าคามิโลนายก็กินแทนฉันไม่เห็นจะเป็นไร?”
“ถ้านายต้องการแบบนั้น”
“เยี่ยมมาก! เร็วเข้าอุ้มฉันแล้วเราไปหาช็อกโกแลตกัน!” คามิโลลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ถอดถอนหายใจด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อนแล้วยกยิ้มบางๆ ให้เขา, เชื่อได้เลยว่าตอนนี้คามิโลก็ยังไม่เข้าใจที่เขาอยากสื่อ...เอาเข้าจริงเขาเองก็ยังไม่เข้าใจ
Talk to the writer :
บอกแล้วค่ะว่าเรื่องนี้ฟีลกู๊ด (?) !!! และใช่ค่ะน้องพินาร์ดูออกมาตั้งนานแล้วแต่พี่คามิโลดูไม่ออกค่ะ ฮ่า
ความคิดเห็น