คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 0 ก้าวแรก
War แปลว่า สงคราม
Guard แปลว่า ปกป้องหรือป้องกัน
" War Guard "
นี่คือชื่อขององค์กรที่เราเรียกมันว่า
" หน่วยพิทักษ์ความปลอดภัยแห่งประเทศไทย "
หรือ
" องค์กรพิทักษ์สยาม "
มันเป็นองค์กรหนึ่งที่เกิดขึ้นมาเพื่อให้คนที่มีความสามารถมาตั้งแต่เกิดมาอยู่ในที่แห่งนี้
เพื่ออะไรล่ะ?
ก็เพื่อปกป้องการรุกรามของมิติอื่นที่หลุดเข้ามา
จะปกป้องยังไง?
นั่นเป็นสิ่งที่เราต้องค้นหา…
ใครที่ไม่มีสกิล ไม่ได้เป็นเซนเตอร์ ไม่ได้เป็นไกด์ ไม่สามารถในการใช้อาวุธได้และไม่ใช่เอสเปอร์
จะมีเพียงการส่งพลังให้ผู้อื่นรู้สึกดีหรือผ่อนคลาย
แต่ใช้กับตัวเองไม่ได้
เรียกว่า มนุษย์ชั้นปกติ
ที่พวกเขานั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ใช้ชีวิตตามปกติ
เพราะเพียงแค่การที่เขาออกมาเพียงหน้าบ้าน ก็อาจทำให้พวกเขาต้องตายได้
เพราะอะไรน่ะเหรอ...?
" เพราะใครบางคนได้ทำสิ่งที่ไม่ควรลงไป "
กรุ๊งกร๊ง… กรุ๊งกริ๊ง…
เสียงกระดิ่งจากชายชุดคลุมสีดำที่กำลังเดินนำขบวนเข้ามาในโถงกับโดยรอบเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้
กลิ่นหอมของดอกชมนาด ความสดใสของดอกดาวกระจายและกลีบดอกบัวสีชมพูที่รายล้อมอยู่โดยรอบ มันช่างเสมือนฝันที่ยากจะเป็นจริงในโลกนี้…
“ ตื่นเต้นเหรอ ” เสียงคนในชุดพิธีสีขาวด้านข้างกล่าวขื้น
เมื่อหันไปก็พบกับฝาแฝดของตนที่กำลังมองมา ในมือของเขากำลังถือพวงมาลัยสีขาวในมือเช่นเดียวกับตน
“ ไม่ตื่นเต้นได้เหรอ ” เขาตอบกลับพลางมองไปยังพวงมาลัยในมือตัวเองแล้วคลี่ยิ้มออกมา
' สวยจัง อยากรู้จังว่าใครเป็นคนทำ ' คนที่ยิ้มอยู่คิด
“ อืม… ก็ไม่แปลกหรอกนะที่มึงจะตื่นเต้น ” ฝาแฝดของเขาพูดขึ้นอีกครั้ง
คนฟังทำท่าทีไม่ได้สนใจ
“ ใกล้จะได้แก้แค้น ก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดาสิ "
เมื่อคนที่กำลังเชยชมพวงมาลัยอยู่ได้ยินก็ถึงกับต้องหุบยิ้มแล้วมองมายังเจ้าของคำพูดนั้น
“ กูน่ะ มาที่นี่เพราะมึง ฝึกที่นี่ก็เพราะมึง แถมตอนนั้นยังรอดมาได้เพราะมึงอีก ” คนพูดหันกลับไปมองทางตรง เขาพูดราวกับว่าเรื่องที่เขากำลังพูดนั้นมันเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนพูดกัน
“ จะพูดอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะ ” เจ้าตัวขมวดคิ้วพร้อมมองไปยังคนข้าง ๆ
“ มองตรงสิ ทำหน้าดี ๆ ด้วย เราอยู่ในพิธีนะ ”
“ พูดมา ” เขาตอบกลับทันทีที่คนช้าง ๆ พูดจบ
เมื่อคำพูดของเขาจบลง อีกคนก็ยังไม่ได้ตอบกลับในทันที
นั่นทำให้คนรอฟังเริ่มที่จะหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อย ทั้งที่อยู่ในพิธีมงคลแบบนี้ น่าเสียดาย ถ้าเขาจะมาเสียอารมณ์เพราะแฝดตัวเอง
นั่นทำให้เขาหวังจะหันไปท้วงคำพูดอีกคน แต่ก็ถูกแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ ให้ฉันทำแทนได้ไหม ” แถวที่กำลังเดินขบวนอยู่หยุดลง นั่นทำให้คนที่เพิ่งพูดจบไปหันกลับมามองเขาเสียเอง
“ ฉันไม่อยากให้ใครจากไปอีกแล้ว กูเหลือแค่มึงนะนาวิ ” แฝดของเขามองด้วยท่าทีและสายตาที่หนักแน่น ราวกับคำพูดของเขาไม่ใช่เพียงแค่ต้องการให้ตอบรับเท่านั้น
กรุ๊งกริ๊ง… กรุ๊งกริ๊ง… เสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้ง ราวกับโดยรอบถูกหยุดเวลาไว้
เจ้าของชื่อนาวิก็ได้หันไปจ้องผู้มีใบหน้าเหมือนตน ราวกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ
ความเงียบครอบงำ มีเพียงเสียงในหัวของเจ้าของชื่อนาวิเท่านั้นที่กำลังดังอยู่ภายในใจ
“ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำแทนได้นะนาวา ” นาวิพูด
“ นี่แหละ คือหน้าที่ของพี่คนโตที่ต้องทำเพื่อครอบครัว ” เมื่อพูดจบนาวิก็เดินนำไป
นั่นทำให้นาวาที่กำลังจ้องเจ้าของคำพูดอยู่นั้นได้หลบสายตา
นาวาก้มหน้าลงพลางคิดบางอย่างในใจ
' ทำเป็นเข้มแข็งจริง ๆ นะ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ตัวเองอยากจะไปเที่ยวเล่นตามประสาเด็กสิบห้าก็ตาม ' นาวาคิดพลางมองไปยังแผ่นหลังของคนเป็นพี่ที่เดินนำไปก่อน
“ หน้ากากและผ้าคลุมนี้.. ขอมอบให้ร้อยตรีฟากผืนฟ้า เจนพันดาว ” เสียงชายในผ้าคลุมสีดำและหน้ากากผีตาโขนกล่าวขึ้น
โดยรอบเงียบสงัด มีเพียงนาวิที่ยืนอยู่บนเวทีนั้น
ด้านหลังมีสายตาของนาวาที่เป็นฝาแฝดคนน้องกำลังมองอยู่ รวมถึงสมาชิกคนอื่น ๆ ที่มาเข้าพิธีก็มองมาที่นาวิเช่นกัน
ความรู้สึกที่ถูกจดจ้องอยู่มันช่างน่าอึดใจ...
' ใกล้เข้ามาแล้วสินะ ' นาวิคิดพร้อมทาบพวงมาลัยไว้ที่อกตามพิธีที่เคยซ้อม
“ ท่านได้เป็นสมาชิกขององค์กรพิทักษ์สยามอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเราขออวยพร ”
“ พวกเราขออวยพร ” เสียงดังจากการร่วมอวยพรนั้นทำให้เขาคลี่ยิ้มออกมา
นาวิก้มหัวลงเพื่อรับผ้าคลุมจากชายตรงหน้าที่กำลังจะคลุมให้
' แม้วันนี้จะเป็นวันที่ดีแค่ไหน
ฉันก็ไม่มีวันลืมวันอันแสนเลวร้ายนั้นได้
เพราะงั้นหลังจากนี้… '
“ เชิญสวมหน้ากากด้วยตนเอง ” ชายตรงหน้ายื่นพานสีทองที่มีหน้ากากสีขาวมาตรงหน้าของนาวิ
เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็หยิบหน้ากากขึ้นมาสวมใส่ทันที ความรู้สึกของคำว่า วันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว ทะลักเข้ามาในใจเขาอย่างท่วมท้น
แม้ตนจะใส่หน้ากากที่ปิดบังสีหน้าอยู่ แต่เจ้าตัวก็รู้ดีว่าตอนนี้น้ำตาของเขานั้นแทบจะเอ่อออกมาจากดวงตา
' มันจะเป็นการล้างบางพวกเดรัจฉาน ' นาวิคิดพลางมองพวงมาลัยในมือตน
“ ร้อยตรีฟากผืนฟ้า เจนพันดาว “ พูดจบก็วางพวงมาลัยลงพานทองแทนที่ของหน้ากากที่ตนสวมใส่อยู่
“ ขออวยพรให้ประเทศชาติ ” เขาว่าพลางนำสามนิ้วมาแตะที่อกและแตะที่หน้าผาก
' ทำไมกันนะ ทั้ง ๆ ที่จะได้ไปฆ่าพวกสัตว์เดรัจฉานนั่นแล้ว
ทำไมถึงยังรู้สึกอยากจะร้องไห้…
เป็นเพราะความทรงจำวันนั้นยังไม่หายไปหรอ
วันนั้น วันที่เป็นจุดเริ่มต้นของวันนี้ '
ความคิดเห็น