ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War Guard

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 0 ก้าวแรก

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ย. 67





    War แปลว่า สงคราม



    Guard แปลว่า ปกป้องหรือป้องกัน



    " War Guard "



    นี่คือชื่อขององค์กรที่เราเรียกมันว่า



    " หน่วยพิทักษ์ความปลอดภัยแห่งประเทศไทย "

    หรือ

    " องค์กรพิทักษ์สยาม "





    มันเป็นองค์กรหนึ่งที่เกิดขึ้นมาเพื่อให้คนที่มีความสามารถมาตั้งแต่เกิดมาอยู่ในที่แห่งนี้



    เพื่ออะไรล่ะ?



    ก็เพื่อปกป้องการรุกรามของมิติอื่นที่หลุดเข้ามา



    จะปกป้องยังไง?



    นั่นเป็นสิ่งที่เราต้องค้นหา…





    ใครที่ไม่มีสกิล ไม่ได้เป็นเซนเตอร์ ไม่ได้เป็นไกด์ ไม่สามารถในการใช้อาวุธได้และไม่ใช่เอสเปอร์

    จะมีเพียงการส่งพลังให้ผู้อื่นรู้สึกดีหรือผ่อนคลาย 

    แต่ใช้กับตัวเองไม่ได้

    เรียกว่า มนุษย์ชั้นปกติ

    ที่พวกเขานั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ใช้ชีวิตตามปกติ

    เพราะเพียงแค่การที่เขาออกมาเพียงหน้าบ้าน ก็อาจทำให้พวกเขาต้องตายได้





     เพราะอะไรน่ะเหรอ...?


    " เพราะใครบางคนได้ทำสิ่งที่ไม่ควรลงไป "














    กรุ๊งกร๊ง… กรุ๊งกริ๊ง…


    เสียงกระดิ่งจากชายชุดคลุมสีดำที่กำลังเดินนำขบวนเข้ามาในโถงกับโดยรอบเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้


    กลิ่นหอมของดอกชมนาด ความสดใสของดอกดาวกระจายและกลีบดอกบัวสีชมพูที่รายล้อมอยู่โดยรอบ มันช่างเสมือนฝันที่ยากจะเป็นจริงในโลกนี้…


    “ ตื่นเต้นเหรอ ” เสียงคนในชุดพิธีสีขาวด้านข้างกล่าวขื้น


    เมื่อหันไปก็พบกับฝาแฝดของตนที่กำลังมองมา ในมือของเขากำลังถือพวงมาลัยสีขาวในมือเช่นเดียวกับตน


    “ ไม่ตื่นเต้นได้เหรอ ” เขาตอบกลับพลางมองไปยังพวงมาลัยในมือตัวเองแล้วคลี่ยิ้มออกมา


    ' สวยจัง อยากรู้จังว่าใครเป็นคนทำ ' คนที่ยิ้มอยู่คิด 


    “ อืม… ก็ไม่แปลกหรอกนะที่มึงจะตื่นเต้น ” ฝาแฝดของเขาพูดขึ้นอีกครั้ง


    คนฟังทำท่าทีไม่ได้สนใจ


    “ ใกล้จะได้แก้แค้น ก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดาสิ "


    เมื่อคนที่กำลังเชยชมพวงมาลัยอยู่ได้ยินก็ถึงกับต้องหุบยิ้มแล้วมองมายังเจ้าของคำพูดนั้น


    “ กูน่ะ มาที่นี่เพราะมึง ฝึกที่นี่ก็เพราะมึง แถมตอนนั้นยังรอดมาได้เพราะมึงอีก ” คนพูดหันกลับไปมองทางตรง เขาพูดราวกับว่าเรื่องที่เขากำลังพูดนั้นมันเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนพูดกัน


    “ จะพูดอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะ ” เจ้าตัวขมวดคิ้วพร้อมมองไปยังคนข้าง ๆ


    “ มองตรงสิ ทำหน้าดี ๆ ด้วย เราอยู่ในพิธีนะ ”


    “ พูดมา ” เขาตอบกลับทันทีที่คนช้าง ๆ พูดจบ


    เมื่อคำพูดของเขาจบลง อีกคนก็ยังไม่ได้ตอบกลับในทันที


    นั่นทำให้คนรอฟังเริ่มที่จะหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อย ทั้งที่อยู่ในพิธีมงคลแบบนี้ น่าเสียดาย ถ้าเขาจะมาเสียอารมณ์เพราะแฝดตัวเอง


    นั่นทำให้เขาหวังจะหันไปท้วงคำพูดอีกคน แต่ก็ถูกแทรกขึ้นมาเสียก่อน


    “ ให้ฉันทำแทนได้ไหม ” แถวที่กำลังเดินขบวนอยู่หยุดลง นั่นทำให้คนที่เพิ่งพูดจบไปหันกลับมามองเขาเสียเอง


    “ ฉันไม่อยากให้ใครจากไปอีกแล้ว กูเหลือแค่มึงนะนาวิ ” แฝดของเขามองด้วยท่าทีและสายตาที่หนักแน่น ราวกับคำพูดของเขาไม่ใช่เพียงแค่ต้องการให้ตอบรับเท่านั้น






    กรุ๊งกริ๊ง… กรุ๊งกริ๊ง… เสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้ง ราวกับโดยรอบถูกหยุดเวลาไว้


    เจ้าของชื่อนาวิก็ได้หันไปจ้องผู้มีใบหน้าเหมือนตน ราวกับคิดอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ


    ความเงียบครอบงำ มีเพียงเสียงในหัวของเจ้าของชื่อนาวิเท่านั้นที่กำลังดังอยู่ภายในใจ


    “ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำแทนได้นะนาวา ” นาวิพูด


    “ นี่แหละ คือหน้าที่ของพี่คนโตที่ต้องทำเพื่อครอบครัว ” เมื่อพูดจบนาวิก็เดินนำไป


    นั่นทำให้นาวาที่กำลังจ้องเจ้าของคำพูดอยู่นั้นได้หลบสายตา


    นาวาก้มหน้าลงพลางคิดบางอย่างในใจ


    ' ทำเป็นเข้มแข็งจริง ๆ นะ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ตัวเองอยากจะไปเที่ยวเล่นตามประสาเด็กสิบห้าก็ตาม ' นาวาคิดพลางมองไปยังแผ่นหลังของคนเป็นพี่ที่เดินนำไปก่อน


    “ หน้ากากและผ้าคลุมนี้.. ขอมอบให้ร้อยตรีฟากผืนฟ้า เจนพันดาว ” เสียงชายในผ้าคลุมสีดำและหน้ากากผีตาโขนกล่าวขึ้น


    โดยรอบเงียบสงัด มีเพียงนาวิที่ยืนอยู่บนเวทีนั้น 


    ด้านหลังมีสายตาของนาวาที่เป็นฝาแฝดคนน้องกำลังมองอยู่ รวมถึงสมาชิกคนอื่น ๆ ที่มาเข้าพิธีก็มองมาที่นาวิเช่นกัน


    ความรู้สึกที่ถูกจดจ้องอยู่มันช่างน่าอึดใจ...


    ' ใกล้เข้ามาแล้วสินะ ' นาวิคิดพร้อมทาบพวงมาลัยไว้ที่อกตามพิธีที่เคยซ้อม


    “ ท่านได้เป็นสมาชิกขององค์กรพิทักษ์สยามอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเราขออวยพร ” 


    “ พวกเราขออวยพร ” เสียงดังจากการร่วมอวยพรนั้นทำให้เขาคลี่ยิ้มออกมา


    นาวิก้มหัวลงเพื่อรับผ้าคลุมจากชายตรงหน้าที่กำลังจะคลุมให้ 


    ' แม้วันนี้จะเป็นวันที่ดีแค่ไหน


    ฉันก็ไม่มีวันลืมวันอันแสนเลวร้ายนั้นได้  


    เพราะงั้นหลังจากนี้… ' 


    “ เชิญสวมหน้ากากด้วยตนเอง ” ชายตรงหน้ายื่นพานสีทองที่มีหน้ากากสีขาวมาตรงหน้าของนาวิ


    เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็หยิบหน้ากากขึ้นมาสวมใส่ทันที ความรู้สึกของคำว่า วันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว ทะลักเข้ามาในใจเขาอย่างท่วมท้น


    แม้ตนจะใส่หน้ากากที่ปิดบังสีหน้าอยู่ แต่เจ้าตัวก็รู้ดีว่าตอนนี้น้ำตาของเขานั้นแทบจะเอ่อออกมาจากดวงตา


    ' มันจะเป็นการล้างบางพวกเดรัจฉาน ' นาวิคิดพลางมองพวงมาลัยในมือตน


    “ ร้อยตรีฟากผืนฟ้า เจนพันดาว “ พูดจบก็วางพวงมาลัยลงพานทองแทนที่ของหน้ากากที่ตนสวมใส่อยู่


    “ ขออวยพรให้ประเทศชาติ ” เขาว่าพลางนำสามนิ้วมาแตะที่อกและแตะที่หน้าผาก


    ' ทำไมกันนะ ทั้ง ๆ ที่จะได้ไปฆ่าพวกสัตว์เดรัจฉานนั่นแล้ว 


    ทำไมถึงยังรู้สึกอยากจะร้องไห้…


    เป็นเพราะความทรงจำวันนั้นยังไม่หายไปหรอ


    วันนั้น วันที่เป็นจุดเริ่มต้นของวันนี้ '











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×