ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : การต้อนรับ?
การต้อนรับ?
“ใครเป็นคนสั่งให้พาเขามาที่นี่”
คุณนายชางถามเสียงเรียบ  หลางก้าวเท้าออกยืนข้าง ๆ พร้อมกับก้มหัว
“ผมเองครับคุณนาย”
“ผมเป็นคนออกความคิดเองครับ”
ลูกน้องของชางเสนอหน้าตอบเพื่อเอาความดีความชอบ  และมันก็ได้รับรางวัลเป็น...
ปัง! ปัง!
อ๊ะ  อย่าตกใจ  มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอก  ไม่ใช่เสียงปืนแน่นอน  ถึงคุณป้าแกจะโหด  แต่แกก็ไม่ร้ายพอจะจัดการพวกเดียวกันได้หรอก (แต่โหดพอจะสั่งให้คนอื่นจัดการเองแทนได้)  มันเป็นเสียงเก้าอี้ที่ลอยเสยเอาทั้งหลางและเจ้าหมอนั้นลงไปนอนนับดาวกับพื้นก่อนจะลอยไปกระแทกกำแพงด้านหลัง  ผมคงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าเก้าอี้มันลอยไปได้ไง
“มัวแต่ยืนบื้ออะไรอยู่  ทำไมไม่รีบไปแกะเชือกออก”
คุณนายชางหันไปตวาดกับลูกน้องคนอื่นที่ยืนตะลึงกับแรงช้างสาร เอ๊ย  แรงอันมหาศาลของคุณนายแก
“เป็นไงบ้างลูก  เจ็บตรงไหนบ้าง”
คุณนายชางเดินเข้ามาลูบตัวผมเหมือนจะปลอบพลางสำรวจดูว่าตัวผมยังอยู่ครบรึเปล่า
“ไม่เป็นไรฮะ คุณปะ... แม่”
ผมรีบเปลี่ยนสรรพนามทันทีที่เห็นสายตาที่จ้องมายังผม  คุณนายชางยิ้มอย่างพอใจที่ได้ยินผมเรียกแกว่าแม่ก่อนจะลูบหัวผมอย่างเอ็นดู
“เจ็บมากมัยลูก  วันนี้ลูกจะมาแม่เลยสั่งให้คุมเข้ม  ตอนที่ได้ยินว่าจับผู้บุกรุกได้ก็ว่าจะมาจัดการเองซะหน่อย”
คุณนายชางทำหน้าโหดพลางเข่นเขี้ยวขึ้นมาจนผมต้องลอบกลืนน้ำลาย  โชคดีไปที่ผมไม่ได้เป็นผู้บุกลุก
“แต่ไม่คิดว่าเจ้าพวกนี้มันจะงี่เง่าจับลูกมาซ้อม  ดูสิ  หน้าช้ำเป็นรอยหมดเลย  เดี๋ยวต้องคิดบัญชีกับเจ้าวุธซะหน่อยแล้ว”
อ่ะ  อ้าว  ไหงไปลงกับวุธล่ะ
“เดี๋ยวครับแม่  วุธมันไปทำอะไรอีกเหรอครับ”
“ก็มันไม่ยอมบอกแม่น่ะสิว่าลูกมาแล้ว  แล้วทำไมลูกถึงมีสภาพแบบนี้”
“นี้วุธยังไม่ได้บอกแม่เหรอครับ  แล้วทำไมแม่ถึงรู้ล่ะว่าเป็นผม”
นั่นสินะ  ทำไมคุณป้าถึงรู้ล่ะว่าเป็นผม  ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรออกไปเลยตอนที่คุณป้าแกมา  แถมหน้าตอนนี้กะหน้าของผมสมัยก่อนก็ต่างกันราวหนูในรูกะเหยี่ยวบนฟ้า  ที่สำคัญที่สุดคือ  คุณป้ายังไม่เคยเจอผมที่เป็นหน้าแบบนี้มาก่อน
“แม่ก็ต้องรู้อยู่แล้ว  ก็ลูกเป็นลูกแม่นีหน่า”
เฮ้ยเดี๋ยว  ไม่ใช่  ผมเป็นลูกเพื่อนตะหากล่ะป้า
“สัญชาตญาณความเป็นแม่มันบอก  ว่าลูกคือลูกไงจ๊ะ”
เอากะป้าแกเขาหน่อยเถอะ
“อะ  ครับ”
“นะ..  นี่  นี่คุณหนูจริง ๆ หรือครับ  เป็นคุณหนูซาค่อนจริง ๆ หรือครับ”
หลางลุกขึ้นมาพูดตะกุกตะกัก ขณะที่คนซวยอีกคนยังสลบ หลับไม่รู้เรื่อง
“อือ  ใช่  ก็บอกไปแล้วไง  ว่าชั้นคือซากุราเอะ”
“ขออภัยครับคุณหนู  กระผมนี่มีตาหามีแววไม่  ทั้ง ๆ ที่คุณหนูก็บอกไปแล้ว  แต่กระผมกลับไม่เชื่อในคำพูดของคุณหนู  กระผมผิดไปแล้วครับ”
หลางพูดพลางเขาหัวโขกกับพื้นดังโป๊ก ๆ หน้าผากที่มีเลือดไหลซึมออกมานิดหน่อยจากแผลเล็ก ๆ เนื่องจากกระแทกกับเก้าอี้เต็ม ๆ กลายเลือดท่วมเพราะพี่แกเล่นไม่ผ่อนแรงตอนโขกลงไปเลย
“พะ.. พอแล้วครับคุณหลาง  แค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยเอง”
ใช่แล้ว  แค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยที่ทำให้ผมเจ็บตัวไม่นิดหน่อย  หลางหยุดโขกพื้นพร้อมกับเงยหน้าที่ชุมไปด้วยเลือดขึ้นมามองหน้าผมอย่างซาบซึ้งในน้ำจิตน้ำใจ (ประมาณนั้น) และพี่แกคงจะเป็นพวกบ่อน้ำตาตื้นน่าดู  หน้าแกนี่นอกจากจะนองไปด้วยเลือดแล้วยังมีน้ำตานองหน้าอีก (แถมน้ำมูกให้อีกนิดหน่อย)  ผมรู้สึกเหมือนกับกำลังดูหนังจีนย้อนยุคประเภท  บุญคุณต้องทดแทน  แค้นต้องชำระ ยังไงก็ไม่รู้
“เป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ  แต่ความผิดนี้ผมไม่อาจยกโทษให้ตัวเองได้”
หลางพูดพลางหยิบเอาปืนสั้นขึ้นมาจ่อที่ขมับตัวเอง
“เฮ้ย!  เดี๋ยว”
ปึก!
ผมถลาจะเข้าไปแย่งปืนกับหลางแต่ว่าเขาก็สลบไปซะก่อน  แน่ล่ะ  จะไม่ให้สลบได้ไง  ก็ไอ้เสียงปึกเมื่อกี้นี้มันเป็นเสียงเก้าอี้ที่คุณป้ายกขึ้นมาฟาดหัวหลางน่ะสิ (ตัวเดิมนั่นแหละ)
“พาไปรักษาซะ  แล้วเก็บปืนกับมีดให้ห่าง ๆ ตัวด้วย”
ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตล่ะงานนี้  แต่ถ้าเป็นผม  ผมคงจะตายไปตั้งแต่รอบแรกแล้วล่ะ
“ผมว่ามัดไว้ดีกว่าครับ  ขืนปล่อยไว้เดี๋ยวคุณหลางก็ลุกขึ้นมาทำอะไรบ้า ๆ ได้อีก”
“นั่นสินะ  ขอบใจที่เตือนนะจ๊ะ  เดี๋ยวแกเอาโซ่ไปมัดไว้กับเตียง  แล้วก็เอาผ้ามัดปากไว้ด้วย  จะได้ไม่กัดลิ้นตัวเอง”
อะไรจะรอบครอบขนาดนั้น
“แม่อยู่นี่เอง  ผมตามซะทั่วบ้าน  ที่แท้มาอยู่ห้องใต้ดินนี่เอง  ซาค่อนมาแล้วนะครับ”
วุธเดินส่วนกับลูกน้องของคุณป้าที่ช่วยกันแบกคุณหลางกับลูกน้องอีกคนที่สลบอยู่ออกไปจากห้อง
“แล้วนี่มีเรื่องอะไรกันหรือครับ  ได้ยินว่ามีคนแอบเข้ามา  อ้าว  ซาค่อน  ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่  แล้วนี่ตกบันไดหรือไง  หน้าถึงไปเป็นแบบนั้น”
“เออ!  ฉันยืนหัวโด่อยู่ตั้งนาน  แกพึ่งจะเห็นหรือไง  ทีหลังถ้าหน้าฉันเปลี่ยนยังไงแกบอกคนที่บ้านแกไว้ก่อนเลยนะ”
“อ๋อ  คนที่แอบเข้ามาที่ว่าคือนายใช่มัย”
“เออสิ!  ยังมีหน้าจะมาหัวเราะอีก”
โป๊ก!
ผมว่าจะเขกหัววุธฐานทำให้ผมเดือดร้อนซะหน่อย  แต่คงจะไม่ต้องซะแล้วเพราะคุณนายชางแกสำเร็จโทษแทนผมไปเรียบร้อย
“ยังจะมาหัวเราะอีก  ดูสิ  ซาระจังของแม่  ชอกช้ำไปหมดเลย”
คุณนายชางหันมาลูปไล้ตรงรอยแดง ๆ ม่วง ๆ ที่เกิดฝ่ามือและฝ่าเท้าของหน่วยสอบสวนเฉพาะกิจ
“เออ..”
“มีอะไรเหรอจ๊ะ”
“คือว่า  เราออกไปจากที่นี่ได้ยังฮะ”
แบบว่าผมไม่อยากอยู่นาน ๆ
“ตายจริง  แม่ลืมไปเลย  ไปกันเถอะลูก  จะได้ไปใส่ยาให้ด้วย  วุธ!”
“ครับ”
“เดี๋ยวไปเตรียมยาแล้วก็ทำแผลให้น้องที  แม่มีธุระ  เดี๋ยวกลับมานะลูก”
คุณนายชางหันมาหอมแก้มผมก่อนจะเดินออกไป  อันที่จริงผมกะวุธเราอายุเท่ากันนั่นแหละ  แค่ห่างกัน 6 7 เดือนเอง  วุธเกิดต้นปี  ผมเกิดปลายปี  แต่คุณนายชางแกยกตำแหน่งให้ผมเป็นน้อง  เพื่อที่วุธจะได้เป็นคนดูแล (หรือข้ารับใช้ในสายตาของวุธ)
“ไปเหอะ  สภาพแกตอนนี้ดูไม่ได้เลยว่ะ”
“เดี๋ยว  ผมฉันล่ะ”
“ค่อยว่ากันทีหลัง  ทีแน่ ๆ ตอนนี้  ฉันต้องพาแกไปใส่ยาก่อนที่หน้ามันจะบวมปูดขึ้นมา  อย่าลืมนะว่าคนที่ซวยไม่ได้มีแค่แกคนเดียว  มันจะซวยต่อกันเป็นทอด ๆ”
“เออ  ก่อนใส่ยาฉันขออาบน้ำก่อนได้ป่ะ  โคตะระโสโครกเลยอ่ะ  ตอนเนี้ย”
“เออ ๆ จะไปทำอะไรก็ทำ  เร็ว ๆ หน่อยล่ะ  จะได้รีบใส่ยา  ไม่งั้นพรุ่งนี้หน้าแกคงดูไม่จืด”
ใช่แล้วหน้าผมมันดูไม่จืดเลย  ไม่ต้องรอถึงวันพรุ่งนี้หรอก  แค่ตอนนี้มันก็เริ่มปูดแล้ว  ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้รู้สึกไปเองด้วยว่าปากของผมเจ่อนิดหน่อย  และตรงท้องผมก็ช้ำเป็นรอยหน้าแข้ง  บาทาเฮียแกหนักน่าดู  มองดี ๆ จะเป็นเป็นรอยรองเท้าซ้อนกับรอยช้ำแถบยาวบนท้องผมเลย  ถึงผมจะเป็นพวกที่ไม่สนใจกับรูปลักษณ์ตัวเองซะเท่าไหร่ (ไม่งั้นจะรับสภาพตัวเองได้เรอะ) แต่แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน  หลังจากสำรวจตัวเองพร้อมกับอาบน้ำไปด้วย ผมก็เดินไปหาหน่วยพยาบาลต่อ (ไอ้วุธน่ะแหละ  มันเล่นถือกล่องพยาบาลยืนรอผมอยู่หน้าห้องน้ำเลย)
“อ๊าค!!  โอ๊ย!  อูย~ เบา  เบาหน่อย”
“ก็อยู่เฉย ๆ สิฟ่ะ  ดิ้นไปดิ้นมาอย่างนี้มันจะทาได้ไง”
“แกไม่มาโดนเองบ้างล่ะ  กดลงมาได้  มันเจ็บนะโว้ย”
“เรื่องมากนัก  เอาไปทาเองเลยไป”
ผมหยิบหลอดยาที่วุธยื่นมาบีบก่อนจะทาไปตรงรอยช้ำ  อย่าว่าแหละนะ  ช้ำ ๆ แบบนี้  ทำเองดีที่สุด
“วันนี้เขียวแบบนี้  พรุ่งนี้คงจะม่วง”
พอมือว่างปากก็เริ่มไม่อยู่สุข  ไอ้วุธเริ่มที่จะทำนายอาการให้ผมซะแล้ว
“หลังจากนั้นก็จะเริ่มปวดระบม  กดนิดจับหน่อยก็คงจะลงไปดิ้นพลานกับพื้นแบบเมื่อกี้นี้  กว่าจะหายคงจะเกือบเดือน  ล่ะมั้ง  นอกจากนายจะผิดปกติ  หายไดในหนึ่งวัน”
“เงียบไปเลยน่ะ  ไอ้เว่อร์  แล้วพรุ่งนี้ฉํนจะไปตัดผมยังไงล่ะเนี่ย”
แค่ขยับตัวตอนนี้ผมก็เจ็บไปหมด  พรุ่งนี้คงไม่มีปัญญาออกไปแรด  เอ๊ย  ออกไปตัดผมแน่
“ก็เรียกช่างมาไง  ง่ายดี  คิดไรมาก”
ผมน่าจะคิดได้ว่ามันเป็นคนไม่เคยคิดอะไร  แต่ก็ดี  อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องขยับตัวไปไหนให้เจ็บตัวเปล่า ๆ แถมยังไม่ต้องออกไปผจญกรรมข้างนอกด้วย
“เอานี่”
ผมมองยาที่วุธยื่นมาตรงหน้า
“อะไร”
“ยา”
“อันนั้นน่ะรู้แล้ว  แต่ที่ถามน่ะ  หมายถึงว่ายาอะไร”
“ยาแก้อักเสบ  กินดักไว้ก่อน  เดี๋ยวคงต้องกินยาแก้ไข้  เพราะคืนนี้คงจะไข้ขึ้น”
“อือ ๆ “
ผมรับยามาใส่ปากเคี้ยวก่อนจะรับน้ำมาดื่ม
“ยาแก้อักเสบนะโว้ย  ไม่ใช่ยาแก้โรคกระเพาะถึงต้องเคี้ยวก่อนกลืน”
“ก็คนมันกลืนเลยไม่ได้ถ้าไม่ได้เคี้ยวหนิ  แกจะมาเอาอะไรนักหนาว่ะ  กะอีแค่กินยา  ไป ๆ ออกไป  ฉันจะนอน  เผื่อพรุ่งนี้ตื่นมาจะหาย”
“ทีงี้ล่ะ ไล่  ไปก็ได้ว่ะ”
“ปิดไฟให้ด้วย”
ผมสั่งส่งท้ายก่อนจะผล่อยหลับไปอย่างรวดเร็ว  จะด้วยฤทธิ์ยาหรืออะไรก็ช่าง  แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ผมขอนอนก่อนล่ะ  สังหรณ์ตงิด ๆ ว่าพรุ่งนี้จะมีเรื่องเลยต้องรีบนอนเอาแรงไว้ก่อน  ตื่นมาจะได้มีแรงลุกขึ้นมาผจญกรรม
ขอโทษฮะที่หายไปเสียนาน  แต่เห็นแบบนี้ก็เหอะ  ผมก็เป็นนักเรียนเตรียมสอบ (เข้ามหาลัย) เหมือนกันน้า ช่วงนี้อาจจะลงอืด ๆ เพราะต้องออนทัวหาที่สอบ (มีโปรแกรมว่า จะขึ้นเหนือเชียงราย  เชียงใหม่ ลงอีสาน ของแก่น ตะวันออก ฉะเฉิงเทรา  อันที่จริงว่าจะไปสงขลากะภูเก็ตด้วย    แต่แม่ผมไม่ยอม  เลยอด)
“ใครเป็นคนสั่งให้พาเขามาที่นี่”
คุณนายชางถามเสียงเรียบ  หลางก้าวเท้าออกยืนข้าง ๆ พร้อมกับก้มหัว
“ผมเองครับคุณนาย”
“ผมเป็นคนออกความคิดเองครับ”
ลูกน้องของชางเสนอหน้าตอบเพื่อเอาความดีความชอบ  และมันก็ได้รับรางวัลเป็น...
ปัง! ปัง!
อ๊ะ  อย่าตกใจ  มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอก  ไม่ใช่เสียงปืนแน่นอน  ถึงคุณป้าแกจะโหด  แต่แกก็ไม่ร้ายพอจะจัดการพวกเดียวกันได้หรอก (แต่โหดพอจะสั่งให้คนอื่นจัดการเองแทนได้)  มันเป็นเสียงเก้าอี้ที่ลอยเสยเอาทั้งหลางและเจ้าหมอนั้นลงไปนอนนับดาวกับพื้นก่อนจะลอยไปกระแทกกำแพงด้านหลัง  ผมคงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าเก้าอี้มันลอยไปได้ไง
“มัวแต่ยืนบื้ออะไรอยู่  ทำไมไม่รีบไปแกะเชือกออก”
คุณนายชางหันไปตวาดกับลูกน้องคนอื่นที่ยืนตะลึงกับแรงช้างสาร เอ๊ย  แรงอันมหาศาลของคุณนายแก
“เป็นไงบ้างลูก  เจ็บตรงไหนบ้าง”
คุณนายชางเดินเข้ามาลูบตัวผมเหมือนจะปลอบพลางสำรวจดูว่าตัวผมยังอยู่ครบรึเปล่า
“ไม่เป็นไรฮะ คุณปะ... แม่”
ผมรีบเปลี่ยนสรรพนามทันทีที่เห็นสายตาที่จ้องมายังผม  คุณนายชางยิ้มอย่างพอใจที่ได้ยินผมเรียกแกว่าแม่ก่อนจะลูบหัวผมอย่างเอ็นดู
“เจ็บมากมัยลูก  วันนี้ลูกจะมาแม่เลยสั่งให้คุมเข้ม  ตอนที่ได้ยินว่าจับผู้บุกรุกได้ก็ว่าจะมาจัดการเองซะหน่อย”
คุณนายชางทำหน้าโหดพลางเข่นเขี้ยวขึ้นมาจนผมต้องลอบกลืนน้ำลาย  โชคดีไปที่ผมไม่ได้เป็นผู้บุกลุก
“แต่ไม่คิดว่าเจ้าพวกนี้มันจะงี่เง่าจับลูกมาซ้อม  ดูสิ  หน้าช้ำเป็นรอยหมดเลย  เดี๋ยวต้องคิดบัญชีกับเจ้าวุธซะหน่อยแล้ว”
อ่ะ  อ้าว  ไหงไปลงกับวุธล่ะ
“เดี๋ยวครับแม่  วุธมันไปทำอะไรอีกเหรอครับ”
“ก็มันไม่ยอมบอกแม่น่ะสิว่าลูกมาแล้ว  แล้วทำไมลูกถึงมีสภาพแบบนี้”
“นี้วุธยังไม่ได้บอกแม่เหรอครับ  แล้วทำไมแม่ถึงรู้ล่ะว่าเป็นผม”
นั่นสินะ  ทำไมคุณป้าถึงรู้ล่ะว่าเป็นผม  ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรออกไปเลยตอนที่คุณป้าแกมา  แถมหน้าตอนนี้กะหน้าของผมสมัยก่อนก็ต่างกันราวหนูในรูกะเหยี่ยวบนฟ้า  ที่สำคัญที่สุดคือ  คุณป้ายังไม่เคยเจอผมที่เป็นหน้าแบบนี้มาก่อน
“แม่ก็ต้องรู้อยู่แล้ว  ก็ลูกเป็นลูกแม่นีหน่า”
เฮ้ยเดี๋ยว  ไม่ใช่  ผมเป็นลูกเพื่อนตะหากล่ะป้า
“สัญชาตญาณความเป็นแม่มันบอก  ว่าลูกคือลูกไงจ๊ะ”
เอากะป้าแกเขาหน่อยเถอะ
“อะ  ครับ”
“นะ..  นี่  นี่คุณหนูจริง ๆ หรือครับ  เป็นคุณหนูซาค่อนจริง ๆ หรือครับ”
หลางลุกขึ้นมาพูดตะกุกตะกัก ขณะที่คนซวยอีกคนยังสลบ หลับไม่รู้เรื่อง
“อือ  ใช่  ก็บอกไปแล้วไง  ว่าชั้นคือซากุราเอะ”
“ขออภัยครับคุณหนู  กระผมนี่มีตาหามีแววไม่  ทั้ง ๆ ที่คุณหนูก็บอกไปแล้ว  แต่กระผมกลับไม่เชื่อในคำพูดของคุณหนู  กระผมผิดไปแล้วครับ”
หลางพูดพลางเขาหัวโขกกับพื้นดังโป๊ก ๆ หน้าผากที่มีเลือดไหลซึมออกมานิดหน่อยจากแผลเล็ก ๆ เนื่องจากกระแทกกับเก้าอี้เต็ม ๆ กลายเลือดท่วมเพราะพี่แกเล่นไม่ผ่อนแรงตอนโขกลงไปเลย
“พะ.. พอแล้วครับคุณหลาง  แค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยเอง”
ใช่แล้ว  แค่เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยที่ทำให้ผมเจ็บตัวไม่นิดหน่อย  หลางหยุดโขกพื้นพร้อมกับเงยหน้าที่ชุมไปด้วยเลือดขึ้นมามองหน้าผมอย่างซาบซึ้งในน้ำจิตน้ำใจ (ประมาณนั้น) และพี่แกคงจะเป็นพวกบ่อน้ำตาตื้นน่าดู  หน้าแกนี่นอกจากจะนองไปด้วยเลือดแล้วยังมีน้ำตานองหน้าอีก (แถมน้ำมูกให้อีกนิดหน่อย)  ผมรู้สึกเหมือนกับกำลังดูหนังจีนย้อนยุคประเภท  บุญคุณต้องทดแทน  แค้นต้องชำระ ยังไงก็ไม่รู้
“เป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ  แต่ความผิดนี้ผมไม่อาจยกโทษให้ตัวเองได้”
หลางพูดพลางหยิบเอาปืนสั้นขึ้นมาจ่อที่ขมับตัวเอง
“เฮ้ย!  เดี๋ยว”
ปึก!
ผมถลาจะเข้าไปแย่งปืนกับหลางแต่ว่าเขาก็สลบไปซะก่อน  แน่ล่ะ  จะไม่ให้สลบได้ไง  ก็ไอ้เสียงปึกเมื่อกี้นี้มันเป็นเสียงเก้าอี้ที่คุณป้ายกขึ้นมาฟาดหัวหลางน่ะสิ (ตัวเดิมนั่นแหละ)
“พาไปรักษาซะ  แล้วเก็บปืนกับมีดให้ห่าง ๆ ตัวด้วย”
ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตล่ะงานนี้  แต่ถ้าเป็นผม  ผมคงจะตายไปตั้งแต่รอบแรกแล้วล่ะ
“ผมว่ามัดไว้ดีกว่าครับ  ขืนปล่อยไว้เดี๋ยวคุณหลางก็ลุกขึ้นมาทำอะไรบ้า ๆ ได้อีก”
“นั่นสินะ  ขอบใจที่เตือนนะจ๊ะ  เดี๋ยวแกเอาโซ่ไปมัดไว้กับเตียง  แล้วก็เอาผ้ามัดปากไว้ด้วย  จะได้ไม่กัดลิ้นตัวเอง”
อะไรจะรอบครอบขนาดนั้น
“แม่อยู่นี่เอง  ผมตามซะทั่วบ้าน  ที่แท้มาอยู่ห้องใต้ดินนี่เอง  ซาค่อนมาแล้วนะครับ”
วุธเดินส่วนกับลูกน้องของคุณป้าที่ช่วยกันแบกคุณหลางกับลูกน้องอีกคนที่สลบอยู่ออกไปจากห้อง
“แล้วนี่มีเรื่องอะไรกันหรือครับ  ได้ยินว่ามีคนแอบเข้ามา  อ้าว  ซาค่อน  ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่  แล้วนี่ตกบันไดหรือไง  หน้าถึงไปเป็นแบบนั้น”
“เออ!  ฉันยืนหัวโด่อยู่ตั้งนาน  แกพึ่งจะเห็นหรือไง  ทีหลังถ้าหน้าฉันเปลี่ยนยังไงแกบอกคนที่บ้านแกไว้ก่อนเลยนะ”
“อ๋อ  คนที่แอบเข้ามาที่ว่าคือนายใช่มัย”
“เออสิ!  ยังมีหน้าจะมาหัวเราะอีก”
โป๊ก!
ผมว่าจะเขกหัววุธฐานทำให้ผมเดือดร้อนซะหน่อย  แต่คงจะไม่ต้องซะแล้วเพราะคุณนายชางแกสำเร็จโทษแทนผมไปเรียบร้อย
“ยังจะมาหัวเราะอีก  ดูสิ  ซาระจังของแม่  ชอกช้ำไปหมดเลย”
คุณนายชางหันมาลูปไล้ตรงรอยแดง ๆ ม่วง ๆ ที่เกิดฝ่ามือและฝ่าเท้าของหน่วยสอบสวนเฉพาะกิจ
“เออ..”
“มีอะไรเหรอจ๊ะ”
“คือว่า  เราออกไปจากที่นี่ได้ยังฮะ”
แบบว่าผมไม่อยากอยู่นาน ๆ
“ตายจริง  แม่ลืมไปเลย  ไปกันเถอะลูก  จะได้ไปใส่ยาให้ด้วย  วุธ!”
“ครับ”
“เดี๋ยวไปเตรียมยาแล้วก็ทำแผลให้น้องที  แม่มีธุระ  เดี๋ยวกลับมานะลูก”
คุณนายชางหันมาหอมแก้มผมก่อนจะเดินออกไป  อันที่จริงผมกะวุธเราอายุเท่ากันนั่นแหละ  แค่ห่างกัน 6 7 เดือนเอง  วุธเกิดต้นปี  ผมเกิดปลายปี  แต่คุณนายชางแกยกตำแหน่งให้ผมเป็นน้อง  เพื่อที่วุธจะได้เป็นคนดูแล (หรือข้ารับใช้ในสายตาของวุธ)
“ไปเหอะ  สภาพแกตอนนี้ดูไม่ได้เลยว่ะ”
“เดี๋ยว  ผมฉันล่ะ”
“ค่อยว่ากันทีหลัง  ทีแน่ ๆ ตอนนี้  ฉันต้องพาแกไปใส่ยาก่อนที่หน้ามันจะบวมปูดขึ้นมา  อย่าลืมนะว่าคนที่ซวยไม่ได้มีแค่แกคนเดียว  มันจะซวยต่อกันเป็นทอด ๆ”
“เออ  ก่อนใส่ยาฉันขออาบน้ำก่อนได้ป่ะ  โคตะระโสโครกเลยอ่ะ  ตอนเนี้ย”
“เออ ๆ จะไปทำอะไรก็ทำ  เร็ว ๆ หน่อยล่ะ  จะได้รีบใส่ยา  ไม่งั้นพรุ่งนี้หน้าแกคงดูไม่จืด”
ใช่แล้วหน้าผมมันดูไม่จืดเลย  ไม่ต้องรอถึงวันพรุ่งนี้หรอก  แค่ตอนนี้มันก็เริ่มปูดแล้ว  ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้รู้สึกไปเองด้วยว่าปากของผมเจ่อนิดหน่อย  และตรงท้องผมก็ช้ำเป็นรอยหน้าแข้ง  บาทาเฮียแกหนักน่าดู  มองดี ๆ จะเป็นเป็นรอยรองเท้าซ้อนกับรอยช้ำแถบยาวบนท้องผมเลย  ถึงผมจะเป็นพวกที่ไม่สนใจกับรูปลักษณ์ตัวเองซะเท่าไหร่ (ไม่งั้นจะรับสภาพตัวเองได้เรอะ) แต่แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน  หลังจากสำรวจตัวเองพร้อมกับอาบน้ำไปด้วย ผมก็เดินไปหาหน่วยพยาบาลต่อ (ไอ้วุธน่ะแหละ  มันเล่นถือกล่องพยาบาลยืนรอผมอยู่หน้าห้องน้ำเลย)
“อ๊าค!!  โอ๊ย!  อูย~ เบา  เบาหน่อย”
“ก็อยู่เฉย ๆ สิฟ่ะ  ดิ้นไปดิ้นมาอย่างนี้มันจะทาได้ไง”
“แกไม่มาโดนเองบ้างล่ะ  กดลงมาได้  มันเจ็บนะโว้ย”
“เรื่องมากนัก  เอาไปทาเองเลยไป”
ผมหยิบหลอดยาที่วุธยื่นมาบีบก่อนจะทาไปตรงรอยช้ำ  อย่าว่าแหละนะ  ช้ำ ๆ แบบนี้  ทำเองดีที่สุด
“วันนี้เขียวแบบนี้  พรุ่งนี้คงจะม่วง”
พอมือว่างปากก็เริ่มไม่อยู่สุข  ไอ้วุธเริ่มที่จะทำนายอาการให้ผมซะแล้ว
“หลังจากนั้นก็จะเริ่มปวดระบม  กดนิดจับหน่อยก็คงจะลงไปดิ้นพลานกับพื้นแบบเมื่อกี้นี้  กว่าจะหายคงจะเกือบเดือน  ล่ะมั้ง  นอกจากนายจะผิดปกติ  หายไดในหนึ่งวัน”
“เงียบไปเลยน่ะ  ไอ้เว่อร์  แล้วพรุ่งนี้ฉํนจะไปตัดผมยังไงล่ะเนี่ย”
แค่ขยับตัวตอนนี้ผมก็เจ็บไปหมด  พรุ่งนี้คงไม่มีปัญญาออกไปแรด  เอ๊ย  ออกไปตัดผมแน่
“ก็เรียกช่างมาไง  ง่ายดี  คิดไรมาก”
ผมน่าจะคิดได้ว่ามันเป็นคนไม่เคยคิดอะไร  แต่ก็ดี  อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องขยับตัวไปไหนให้เจ็บตัวเปล่า ๆ แถมยังไม่ต้องออกไปผจญกรรมข้างนอกด้วย
“เอานี่”
ผมมองยาที่วุธยื่นมาตรงหน้า
“อะไร”
“ยา”
“อันนั้นน่ะรู้แล้ว  แต่ที่ถามน่ะ  หมายถึงว่ายาอะไร”
“ยาแก้อักเสบ  กินดักไว้ก่อน  เดี๋ยวคงต้องกินยาแก้ไข้  เพราะคืนนี้คงจะไข้ขึ้น”
“อือ ๆ “
ผมรับยามาใส่ปากเคี้ยวก่อนจะรับน้ำมาดื่ม
“ยาแก้อักเสบนะโว้ย  ไม่ใช่ยาแก้โรคกระเพาะถึงต้องเคี้ยวก่อนกลืน”
“ก็คนมันกลืนเลยไม่ได้ถ้าไม่ได้เคี้ยวหนิ  แกจะมาเอาอะไรนักหนาว่ะ  กะอีแค่กินยา  ไป ๆ ออกไป  ฉันจะนอน  เผื่อพรุ่งนี้ตื่นมาจะหาย”
“ทีงี้ล่ะ ไล่  ไปก็ได้ว่ะ”
“ปิดไฟให้ด้วย”
ผมสั่งส่งท้ายก่อนจะผล่อยหลับไปอย่างรวดเร็ว  จะด้วยฤทธิ์ยาหรืออะไรก็ช่าง  แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้ผมขอนอนก่อนล่ะ  สังหรณ์ตงิด ๆ ว่าพรุ่งนี้จะมีเรื่องเลยต้องรีบนอนเอาแรงไว้ก่อน  ตื่นมาจะได้มีแรงลุกขึ้นมาผจญกรรม
ขอโทษฮะที่หายไปเสียนาน  แต่เห็นแบบนี้ก็เหอะ  ผมก็เป็นนักเรียนเตรียมสอบ (เข้ามหาลัย) เหมือนกันน้า ช่วงนี้อาจจะลงอืด ๆ เพราะต้องออนทัวหาที่สอบ (มีโปรแกรมว่า จะขึ้นเหนือเชียงราย  เชียงใหม่ ลงอีสาน ของแก่น ตะวันออก ฉะเฉิงเทรา  อันที่จริงว่าจะไปสงขลากะภูเก็ตด้วย    แต่แม่ผมไม่ยอม  เลยอด)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น