ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : วันแรกที่โรงเรียนใหม่
วันแรกที่โรงเรียนใหม่
เช้าวันนี้ผมต้องไปโรงเรียนใหม่  ผมตื่นขึ้นมาอาบน้ำตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง  ถึงผมจะเป็นนักเลงก็เถอะ  แต่ผมน่ะแหวกแนวกว่าชาวบ้านเขา  เพราะนักเลงอย่างผมไม่เคยโดดเรียนหรือไปโรงเรียงเรียนสายสักครั้ง  สวนผลการเรียนน่ะเหรอ  อย่าหาว่าคุย  อยู่อันดับต้น ๆ ตลอด  เพราะยิ่งชื่อเสียของผมโด่งดังเท่าไหร่ผมก็ยิ่งต้องทำตัวให้ดีมากขึ้นเท่านั้นจะได้ไม่ถูกพวกอาจารย์ทั้งหลายแหล่เพ่งเล็งเอาได้  มันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกนักหรอกกับการที่มีคนมาคอยจับผิดเวลาเราทำอะไร  น่าเบื่อแถมยังอึดอัดอีกต่างหาก  หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็เดินนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งออกมาจากห้องน้ำและก็ใช้ผ้าขนหนูอีกผืนเช็ดผมที่เปียกไปด้วย  เมื่อวันก่อนผมคิดจะไปตัดผมที่ยาวเลยบ่าของผมออก  แต่แม่ผมน่ะสิ  เธอขอร้องไม่ให้ผมตัดเพราะมันดูน่ารักสมเป็นผู้หญิงดี?  โชคดีที่ฐานะทางบ้านผมเป็นพวกมีอันจะกินหรือถ้าพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นคือรวยน่ะแหละ  ทำให้ผมสามารถย้ายโรงเรียนกลางอากาศได้ด้วยบารมีของพ่อผม  แต่ก็ต้องเรียนตามเพื่อนให้ทัน  ผมมองเงาตัวเองในกระจกที่ติดอยู่ตรงตู้เสื้อผ้าแล้วถอนหายใจ  ถ้าไม่นับแผ่นอกเรียบกว้างนี่ล่ะก็  ดูยังไงก็ผู้หญิงชัด ๆ  ผมสีน้ำตาลอ่อนที่เปียกยาวเลยบ่า  ใบหน้างามกับดวงตาคู่โตสีฟ้ากระจ่างใสนั่นอีก  อย่าหาว่าหลงตัวเองเลย  สวยกว่าดาราหลายคนอีก  ผมถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะหันไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเอาชุดนักเรียนตัวใหม่ที่แม่ผมเตรียมไว้ให้ออกมา
“ เฮ้ย!!! “
ผมตะโกนลั่นห้อง  ทำไมน่ะเหรอ  ก็ชุดนักเรียนน่ะสิ  มันเป็นเสื้อสีฟ้าอ่อนที่มีโบว์อันใหญ่ลายสก็อตแบบเดียวกับกระโปรงยาวถึงเข่า  ใช่แล้วกระโปรง มันเป็นชุดนักเรียนหญิง  แต่ผมขอย้ำอีกรอบว่าผมเป็นผู้ชายนะ  แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมร้องได้ยังไง  ผมคว้าชุดนักเรียนพร้อมกับวิ่งไปหาแม่ของผม
“ แม่!! นี่อะไร “
ผมชูชุดนักเรียนให้แม่ของผมดู
“ ก็ชุดนักเรียนไงจ๊ะลูก “
“ เรื่องนั้นผมรู้อยู่แล้ว  แต่ที่ผมถามผมหมายถึงว่านี่มันเป็นชุดนักเรียนหญิง “
“ ก็ใช่นะสิ  ชุดนักเรียนหญิง  มีอะไรเหรอจ๊ะลูก “
แม่ผมถามหน้าตาเฉย
“ ก็ผมเป็นผู้ชายแล้วจะให้ใส่ชุดนักเรียนหญิงได้ยังไง “
“ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย  เข้ากันดีออก  น่ารักจะตาย “
“ นั่นสิ  ไม่มีใครรู้หรอกว่าแกเป็นผู้ชาย  ถ้าแกไม่ไปถอดเสื้อผ้าให้เขาดูนะ “
พ่อผมเดินเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แต่ที่แน่ ๆ เขากำลังสนับสนุนแม่ผมอยู่
“ พ่อเขายังพูดเลย  เพราะงั้นใส่เถอะนะ  นะ ลูกนะ “
แม่ผมขะหยันขะยอให้ผมใส่ชุดกระโปรงนี่ให้ได้ ในขณะที่พ่อผมยังคงสนับสนุนแม่ผมต่อไป
“ ไม่มีทาง  วันนี้ผมจะใส่ชุดนักเรียนตัวเก่าไป “
....................................................................................................................................................
ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงที่ร้างผู้คนในโรงเรียนอันเนื่องจากว่าตอนนี้เป็นเวลาเข้าเรียนแล้ว  ผมยืนรอให้อาจารย์คนใหม่ของผมเรียกเข้าห้องเพื่อแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ในโรงเรียนใหม่  ผมก้มลงตรวจเช็คความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้  รู้แต่ว่าเยอะ  สภาพผมตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากเด็กสาวธรรมดา  ในที่สุดก็ต้องใส่มาจนได้  จบแล้วชีวิตม.ปลายของผม  พอนึกเลยไปถึงเรื่องสาเหตุที่ต้องใส่ชุดนักเรียนหญิงมาแล้วก็เศร้า  ต้องนับถือในความพยายามของแม่ผมจริง ๆ  เธอเอ่ยปากขอร้องให้สามีผู้ตามใจเธอเสมอให้ช่วยล็อคตัวผมไว้ก่อนจะใช้ครีมสีขาวขุ่นเหนียว ๆ บรรจงทาลงบนหน้าแข้งของผมทั้ง 2 ข้าง  หลังจากนั้นเธอก็ใช้ผ้าสีขาวแปะลงมาทิ้งไว้สักพักก่อนจะกระชากออกมาอย่างเร็วและแรง  คงไม่ต้องบรรยายถึงความเจ็บปวดนะครับ  แต่ถ้าใครอยากรู้ว่ารู้สึกยังไงก็ให้ลองเอาเทปกาวมาแปะแขนตัวเองแล้วกระชากออกดู  นั่นแหละ  อารมณ์เดียวกัน
ครืด~
“ เธอตรงนั้น  เข้ามาได้แล้ว “
อาจารย์แว่นเปิดประตูออกมากวักมือเรียกผมให้เข้าไปในห้อง  ไม่ใช่ว่าอาจารย์แกชื่อแว่นหรอกนะ  แต่เป็นเพราะแกใส่แว่นผมเลยเรียกแกอย่างนั้น  ส่วนชื่อจริง ๆ นั้นผมจำไม่ได้แล้ว  ทันทีที่ผมเดินเข้าไปในห้องเสียงผิวปากกับเสียงพูดคุยก็ดังขึ้น  โดยเฉพาะพวกผู้ชายในห้องดูจะคึกคักเป็นพิเศษ
“ เงียบก่อน  วันนี้เรามีเพื่อนใหม่  เธอย้ายโรงเรียนเข้ามากะทันหัน  ยังไงก็ช่วยทำตัวสนิทสนมกันไว้ด้วยล่ะ  เธอแนะนำตัวหน่อยซิ “
“ ซากุราเอะ  คอนสแตนส์  ยินดีที่ได้รู้จัก “
ผมพยายามดัดเสียงให้เล็กแหลมเต็มที่  แต่มันก็ยังทุ้มต่ำอยู่นิดหน่อย
“ อะไรกันใจคอจะแนะนำตัวกันแค่นี้เหรอ “
“ นั่นสิ ๆ งานอดิเรกอะไรจ๊ะ “
“ ขนาดรูปร่างล่ะ “
“ ชอบอะไรบ้างเอ่ย “
พวกผู้ชายในห้องเริ่มรุมถามจนผมไม่รู้จะตอบอันไหนก่อนดี
“ นี่เธอเป็นลูกครึ่งเหรอ “
“ ฉันเป็นลูกครึ่งอเมริกัน ญี่ปุ่น ไทย “
ผมเลือกตอบคำถามของเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าห้องฝั่งประตู  ทันทีที่ได้ยินคำว่าลูกครึ่งคนกว่าครึ่งห้องก็เริ่มส่งเสียงฮือฮาราวกับไม่เชื่อที่ผมพูด
“ มีแฟนหรือยัง “
เสียงใครก็ไม่รู้ดังแทรกขึ้นมา  แต่ที่แน่ ๆ เป็นเสียงผู้ชาย  อารมณ์ผมเริ่มเดือดนิด ๆ ยังดีที่มีระฆังห้ามยกไม่งั้นผมคงน็อตหลุดลุกขึ้นมาอาละวาดแน่
“ พอ ๆ ๆ ชักเริ่มถามนอกเรื่อง  เธอไปนั่งตรงที่ว่างริมหน้าต่างตรงนั้นนะ  เอาล่ะ  เริ่มเรียนกันได้แล้ว  หยิบหนังสือขึ้นมาเปิดหน้าต่อจากเมื่อคราวที่แล้ว “
ผมกำลังจะเดินไปยังโต๊ะริมหน้าต่างที่อยู่หลังสุดแต่กลับมีแขนของใครบางคนยื่นมากั้นทางเดินไว้  ผมหันไปมองหน้าเจ้าของมือตาขวางแต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงสายตานั้นเพราะมันดันยิ้มหน้าระรื่นจนน่าซัดลงไปนอนวัดพื้น
“สวัสดีซากุระจัง  ฉันชื่อทนาทัย  สืบศิริ  ยินดีที่ได้รู้จักนะ  จะเรียกฉันว่าเคก็ได้  เรามาคบกันเถอะ “
เสียงนี้ผมจำได้  ที่แท้ไอ้หน้าม่อนี่คือคนที่ถามว่าผมมีแฟนหรือยังนี่เอง  ผมถอนใจอีกครั้ง  ความดีที่สืบทอดกันมาในตระกูลคงมาจบสิ้นที่มันนี่แหละ  ชื่อก็ลาว  หน้าก็ม่อ  แล้วดันทำตัวเสี่ยวอีก  ขายขี้หน้าวงศ์ตระกูลแทนมันจริง ๆ  นี่ผมจะต้องมาใช้ชีวิตในวัยเรียนร่วมกับคนแบบนี้หรือเนี่ย  โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย  ผมปัดแขนมันให้พ้นทางก่อนจะเดินต่อโดยไม่มองหน้าหรือพูดอะไรกับมันสักคำ
“ หน้าแตกเลยว่ะไอ้เค  เขาไม่สนใจเอ็งโว้ย “
“ ใช่ที่ไหนล่ะ  เขาสนใจข้าเห็น ๆ ไม่เคยได้ยินหรือไงวะว่าผู้หญิงน่ะปากไม่ตรงกับใจ  หน้าตาหล่อ ๆ อย่างข้าน่ะ  สาว ๆ ที่ไหนเห็นแล้วก็ต้องหลง  ที่สำคัญ  ยัยนี่น่ะ  สเป็คข้าเลย  ยากแค่ไหนก็ต้องจีบให้ติด “
ดูมันพูดซิ  ใช้ส่วนไหนของร่างกายคิดเนี่ย  พูดออกมาได้ว่าตัวเองหล่อ  หน้าม่อแล้วยังหลงตัวเองอีก  ผมพยายามแกล้งทำเป็นเดินไปที่โต๊ะว่างที่อยู่ริมหน้าต่างแถวหลังสุดซึ่งหลังจากนี้เป็นต้นไปมันจะเป็นโต๊ะเรียนของผมโดยไม่ได้ยินสิ่งที่มันพูด  เด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะตัวข้าง ๆ ส่งยิ้มมาให้ผม  อย่างน้อยชีวิตนี้มันก็ไม่เลวร้ายเสมอไป  ผมหันไปส่งยิ้มให้เธอพร้อมกับลอบมองหน้าเธอชัด ๆ ว้าว!!  นั่นแหละ  ใช่เลย  ขาว สวย หมวย อึ๋ม เอ๋ย ไม่ใช่  ดวงตาสีดำขลับคู่โตบนใบหน้าขาวนวลนั่นกำลังจ้องมองมาที่ผม  บวกกับริมฝีปากสีชมพูสวยได้รูปตามธรรมชาติที่กำลังส่งรอยยิ้มมาให้ผมนั้นโดนใจผมอย่างแรง  ผลสีดำอมน้ำตาลเข้มถูกมัดรวบเรียบร้อยไม่ปล่อยให้รกรุงรังหรือเป็นที่รำคาญตาแก่ผู้ที่พบเห็นช่วยเสริมความน่ารักให้เธอ  แล้วยังรูปร่างที่ดูบอบบางน่าปกป้องทะนุถนอมนั้นเล่นเอาหัวใจผมเกือบหลุดออกมาเต้นโชว์อยู่ข้างนอกแนะ  นี่ถ้าให้คะแนนเต็มร้อยล่ะก็ผมให้เธอไปเลย 110 คะแนน
“ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ  ฉันชื่อทรรศิกา สุริยะรักษ์ “
นอกจากน่ารักแล้วยังพูดจาสุภาพอีก  แถมเสียงก็หวานไพเราะน่าฟังเอาไปเลย  อีก 20 คะแนน
“ เช่นกัน “
ผมตอบเธอกลับโดยไม่ลืมดัดเสียงตัวเองให้เหมือนผู้หญิงที่สุด
“ ชื่อซากุราเอะนี่ฟังดูเหมือนชื่อผู้ชายจังเลยนะคะ “
“ แหะ แหะ ใคร ๆ เขาก็ว่างั้นแหละ “
ก็ผมเป็นผู้ชายทั้งแท่งเลยหนิหน่า  เฮ้อ  ถ้าความแตกเมื่อไหร่มีหวังหมดอนาคตแน่  ชีวิตนี้คงไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนนอกจากบ่า  ผมฟุบตัวลงหมอบกับโต๊ะพ้อมกับทำหน้าเซ็งโลกสุด ๆ
“ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ  หรือว่ารู้สึกไม่สบาย “
“ เปล่า ๆ ไม่ได้เป็นอะไรหรอก  จริงสิ  มีชื่อเล่นไหม  เรียกทรรศิกามันยาว  เรียกไม่คล่องเลย “
ผมเริ่มวางแผนทำตัวตีสนิท  ได้ผลซะด้วยเธอไม่ว่าอะไรแถมส่งยิ้มงาม ๆ มาให้อีก
“  เรียกว่านิดก็ได้ค่ะ  งั้นนิดขอเรียกซากุระว่าซากุระนะ “
“  ตามสบาย  แต่นิดไม่ต้องสุภาพกับผะ... เรามากก็ได้ “
ผมเกือบลืมตัวพูดว่าผมออกไป  ดีนะว่ายั้งปากทัน
“ ซากุระมีหนังสือเรียนรึเปล่า  ถ้าไม่มีดูกับนิดก็ได้นะ “
นิดถามขึ้นเมื่อเห็นว่าไม่มีหนังสือวางอยู่บนโต๊ะผมสักเล่ม  ช่างเป็นคนใจดีมีน้ำใจเหลือเกินอย่างนี้ต้องบวกเพิ่มอีก 30 คะแนน  อันที่จริงแล้วผมมีหนังสือเรียนครบหมดแล้วล่ะ  แต่โอกาสงาม ๆ ที่จะได้ใกล้ชิดสาว ๆ สวย ๆ แบบนี้มีบ่อยซะที่ไหน  แถมยังมีริบหรี่ด้วยเพราะโรงเรียนเก่าผมเป็นชายล้วน  จะได้ใกล้ชิดผู้หญิงก็ตอนขึ้นรถเมล์แล้วคนแน่นเลยต้องยืนเบียดกันนี้แหละ  ทุ-เรศมัยล่ะ  ผมรีบเลื่อนโต๊ะตัวเองเข้าชิดโต๊ะเธอทันที  พอได้มานั่งอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้แล้วรู้สึกว่าหัวใจผมเต้นแรงขึ้นจนแทบจะหลุดออกมาเต้นต่อข้างนอก  ก็เธอน่ารักซะขนาดนั้น  ใครจะไปอดใจไหว  และแล้วผมก็แอบบวกคะแนนให้เธออีก 50 คะแนนโทษฐานที่เธอน่ารักเกินห้ามใจ  เป็นไงลาวมัยล่ะ
เบื้องหลังเรื่องนี้
พล็อตเรื่องในตอนแรกว่าจะเอาเป็นผู้หญิงหน้าสลับกับผู้ชาย  แต่เกิดสงสารผู้หญิงขึ้นมาเลยตรงนั้นทิ้งไปแล้วเปลี่ยนมาเป็นผู้ชายแทน  เรื่องนี้ตั้งใจแต่งให้ฮาครับ  แต่ก็จะให้หวานด้วย  ตัดสินใจอยู่นานว่าจะลงหมดไหนดีระหว่าง รักหวานแต๋วกับตลกขบขัน  ในที่สุดก็ตกลงเอารักหวานแต๋วนี่แหละ  แอบสปอยกลาง ๆ เรื่องนิดหนึ่งว่าอาจมี Y
เช้าวันนี้ผมต้องไปโรงเรียนใหม่  ผมตื่นขึ้นมาอาบน้ำตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง  ถึงผมจะเป็นนักเลงก็เถอะ  แต่ผมน่ะแหวกแนวกว่าชาวบ้านเขา  เพราะนักเลงอย่างผมไม่เคยโดดเรียนหรือไปโรงเรียงเรียนสายสักครั้ง  สวนผลการเรียนน่ะเหรอ  อย่าหาว่าคุย  อยู่อันดับต้น ๆ ตลอด  เพราะยิ่งชื่อเสียของผมโด่งดังเท่าไหร่ผมก็ยิ่งต้องทำตัวให้ดีมากขึ้นเท่านั้นจะได้ไม่ถูกพวกอาจารย์ทั้งหลายแหล่เพ่งเล็งเอาได้  มันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกนักหรอกกับการที่มีคนมาคอยจับผิดเวลาเราทำอะไร  น่าเบื่อแถมยังอึดอัดอีกต่างหาก  หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็เดินนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งออกมาจากห้องน้ำและก็ใช้ผ้าขนหนูอีกผืนเช็ดผมที่เปียกไปด้วย  เมื่อวันก่อนผมคิดจะไปตัดผมที่ยาวเลยบ่าของผมออก  แต่แม่ผมน่ะสิ  เธอขอร้องไม่ให้ผมตัดเพราะมันดูน่ารักสมเป็นผู้หญิงดี?  โชคดีที่ฐานะทางบ้านผมเป็นพวกมีอันจะกินหรือถ้าพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นคือรวยน่ะแหละ  ทำให้ผมสามารถย้ายโรงเรียนกลางอากาศได้ด้วยบารมีของพ่อผม  แต่ก็ต้องเรียนตามเพื่อนให้ทัน  ผมมองเงาตัวเองในกระจกที่ติดอยู่ตรงตู้เสื้อผ้าแล้วถอนหายใจ  ถ้าไม่นับแผ่นอกเรียบกว้างนี่ล่ะก็  ดูยังไงก็ผู้หญิงชัด ๆ  ผมสีน้ำตาลอ่อนที่เปียกยาวเลยบ่า  ใบหน้างามกับดวงตาคู่โตสีฟ้ากระจ่างใสนั่นอีก  อย่าหาว่าหลงตัวเองเลย  สวยกว่าดาราหลายคนอีก  ผมถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะหันไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเอาชุดนักเรียนตัวใหม่ที่แม่ผมเตรียมไว้ให้ออกมา
“ เฮ้ย!!! “
ผมตะโกนลั่นห้อง  ทำไมน่ะเหรอ  ก็ชุดนักเรียนน่ะสิ  มันเป็นเสื้อสีฟ้าอ่อนที่มีโบว์อันใหญ่ลายสก็อตแบบเดียวกับกระโปรงยาวถึงเข่า  ใช่แล้วกระโปรง มันเป็นชุดนักเรียนหญิง  แต่ผมขอย้ำอีกรอบว่าผมเป็นผู้ชายนะ  แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมร้องได้ยังไง  ผมคว้าชุดนักเรียนพร้อมกับวิ่งไปหาแม่ของผม
“ แม่!! นี่อะไร “
ผมชูชุดนักเรียนให้แม่ของผมดู
“ ก็ชุดนักเรียนไงจ๊ะลูก “
“ เรื่องนั้นผมรู้อยู่แล้ว  แต่ที่ผมถามผมหมายถึงว่านี่มันเป็นชุดนักเรียนหญิง “
“ ก็ใช่นะสิ  ชุดนักเรียนหญิง  มีอะไรเหรอจ๊ะลูก “
แม่ผมถามหน้าตาเฉย
“ ก็ผมเป็นผู้ชายแล้วจะให้ใส่ชุดนักเรียนหญิงได้ยังไง “
“ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย  เข้ากันดีออก  น่ารักจะตาย “
“ นั่นสิ  ไม่มีใครรู้หรอกว่าแกเป็นผู้ชาย  ถ้าแกไม่ไปถอดเสื้อผ้าให้เขาดูนะ “
พ่อผมเดินเข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แต่ที่แน่ ๆ เขากำลังสนับสนุนแม่ผมอยู่
“ พ่อเขายังพูดเลย  เพราะงั้นใส่เถอะนะ  นะ ลูกนะ “
แม่ผมขะหยันขะยอให้ผมใส่ชุดกระโปรงนี่ให้ได้ ในขณะที่พ่อผมยังคงสนับสนุนแม่ผมต่อไป
“ ไม่มีทาง  วันนี้ผมจะใส่ชุดนักเรียนตัวเก่าไป “
....................................................................................................................................................
ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงที่ร้างผู้คนในโรงเรียนอันเนื่องจากว่าตอนนี้เป็นเวลาเข้าเรียนแล้ว  ผมยืนรอให้อาจารย์คนใหม่ของผมเรียกเข้าห้องเพื่อแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ในโรงเรียนใหม่  ผมก้มลงตรวจเช็คความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้  รู้แต่ว่าเยอะ  สภาพผมตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากเด็กสาวธรรมดา  ในที่สุดก็ต้องใส่มาจนได้  จบแล้วชีวิตม.ปลายของผม  พอนึกเลยไปถึงเรื่องสาเหตุที่ต้องใส่ชุดนักเรียนหญิงมาแล้วก็เศร้า  ต้องนับถือในความพยายามของแม่ผมจริง ๆ  เธอเอ่ยปากขอร้องให้สามีผู้ตามใจเธอเสมอให้ช่วยล็อคตัวผมไว้ก่อนจะใช้ครีมสีขาวขุ่นเหนียว ๆ บรรจงทาลงบนหน้าแข้งของผมทั้ง 2 ข้าง  หลังจากนั้นเธอก็ใช้ผ้าสีขาวแปะลงมาทิ้งไว้สักพักก่อนจะกระชากออกมาอย่างเร็วและแรง  คงไม่ต้องบรรยายถึงความเจ็บปวดนะครับ  แต่ถ้าใครอยากรู้ว่ารู้สึกยังไงก็ให้ลองเอาเทปกาวมาแปะแขนตัวเองแล้วกระชากออกดู  นั่นแหละ  อารมณ์เดียวกัน
ครืด~
“ เธอตรงนั้น  เข้ามาได้แล้ว “
อาจารย์แว่นเปิดประตูออกมากวักมือเรียกผมให้เข้าไปในห้อง  ไม่ใช่ว่าอาจารย์แกชื่อแว่นหรอกนะ  แต่เป็นเพราะแกใส่แว่นผมเลยเรียกแกอย่างนั้น  ส่วนชื่อจริง ๆ นั้นผมจำไม่ได้แล้ว  ทันทีที่ผมเดินเข้าไปในห้องเสียงผิวปากกับเสียงพูดคุยก็ดังขึ้น  โดยเฉพาะพวกผู้ชายในห้องดูจะคึกคักเป็นพิเศษ
“ เงียบก่อน  วันนี้เรามีเพื่อนใหม่  เธอย้ายโรงเรียนเข้ามากะทันหัน  ยังไงก็ช่วยทำตัวสนิทสนมกันไว้ด้วยล่ะ  เธอแนะนำตัวหน่อยซิ “
“ ซากุราเอะ  คอนสแตนส์  ยินดีที่ได้รู้จัก “
ผมพยายามดัดเสียงให้เล็กแหลมเต็มที่  แต่มันก็ยังทุ้มต่ำอยู่นิดหน่อย
“ อะไรกันใจคอจะแนะนำตัวกันแค่นี้เหรอ “
“ นั่นสิ ๆ งานอดิเรกอะไรจ๊ะ “
“ ขนาดรูปร่างล่ะ “
“ ชอบอะไรบ้างเอ่ย “
พวกผู้ชายในห้องเริ่มรุมถามจนผมไม่รู้จะตอบอันไหนก่อนดี
“ นี่เธอเป็นลูกครึ่งเหรอ “
“ ฉันเป็นลูกครึ่งอเมริกัน ญี่ปุ่น ไทย “
ผมเลือกตอบคำถามของเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าห้องฝั่งประตู  ทันทีที่ได้ยินคำว่าลูกครึ่งคนกว่าครึ่งห้องก็เริ่มส่งเสียงฮือฮาราวกับไม่เชื่อที่ผมพูด
“ มีแฟนหรือยัง “
เสียงใครก็ไม่รู้ดังแทรกขึ้นมา  แต่ที่แน่ ๆ เป็นเสียงผู้ชาย  อารมณ์ผมเริ่มเดือดนิด ๆ ยังดีที่มีระฆังห้ามยกไม่งั้นผมคงน็อตหลุดลุกขึ้นมาอาละวาดแน่
“ พอ ๆ ๆ ชักเริ่มถามนอกเรื่อง  เธอไปนั่งตรงที่ว่างริมหน้าต่างตรงนั้นนะ  เอาล่ะ  เริ่มเรียนกันได้แล้ว  หยิบหนังสือขึ้นมาเปิดหน้าต่อจากเมื่อคราวที่แล้ว “
ผมกำลังจะเดินไปยังโต๊ะริมหน้าต่างที่อยู่หลังสุดแต่กลับมีแขนของใครบางคนยื่นมากั้นทางเดินไว้  ผมหันไปมองหน้าเจ้าของมือตาขวางแต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงสายตานั้นเพราะมันดันยิ้มหน้าระรื่นจนน่าซัดลงไปนอนวัดพื้น
“สวัสดีซากุระจัง  ฉันชื่อทนาทัย  สืบศิริ  ยินดีที่ได้รู้จักนะ  จะเรียกฉันว่าเคก็ได้  เรามาคบกันเถอะ “
เสียงนี้ผมจำได้  ที่แท้ไอ้หน้าม่อนี่คือคนที่ถามว่าผมมีแฟนหรือยังนี่เอง  ผมถอนใจอีกครั้ง  ความดีที่สืบทอดกันมาในตระกูลคงมาจบสิ้นที่มันนี่แหละ  ชื่อก็ลาว  หน้าก็ม่อ  แล้วดันทำตัวเสี่ยวอีก  ขายขี้หน้าวงศ์ตระกูลแทนมันจริง ๆ  นี่ผมจะต้องมาใช้ชีวิตในวัยเรียนร่วมกับคนแบบนี้หรือเนี่ย  โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย  ผมปัดแขนมันให้พ้นทางก่อนจะเดินต่อโดยไม่มองหน้าหรือพูดอะไรกับมันสักคำ
“ หน้าแตกเลยว่ะไอ้เค  เขาไม่สนใจเอ็งโว้ย “
“ ใช่ที่ไหนล่ะ  เขาสนใจข้าเห็น ๆ ไม่เคยได้ยินหรือไงวะว่าผู้หญิงน่ะปากไม่ตรงกับใจ  หน้าตาหล่อ ๆ อย่างข้าน่ะ  สาว ๆ ที่ไหนเห็นแล้วก็ต้องหลง  ที่สำคัญ  ยัยนี่น่ะ  สเป็คข้าเลย  ยากแค่ไหนก็ต้องจีบให้ติด “
ดูมันพูดซิ  ใช้ส่วนไหนของร่างกายคิดเนี่ย  พูดออกมาได้ว่าตัวเองหล่อ  หน้าม่อแล้วยังหลงตัวเองอีก  ผมพยายามแกล้งทำเป็นเดินไปที่โต๊ะว่างที่อยู่ริมหน้าต่างแถวหลังสุดซึ่งหลังจากนี้เป็นต้นไปมันจะเป็นโต๊ะเรียนของผมโดยไม่ได้ยินสิ่งที่มันพูด  เด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะตัวข้าง ๆ ส่งยิ้มมาให้ผม  อย่างน้อยชีวิตนี้มันก็ไม่เลวร้ายเสมอไป  ผมหันไปส่งยิ้มให้เธอพร้อมกับลอบมองหน้าเธอชัด ๆ ว้าว!!  นั่นแหละ  ใช่เลย  ขาว สวย หมวย อึ๋ม เอ๋ย ไม่ใช่  ดวงตาสีดำขลับคู่โตบนใบหน้าขาวนวลนั่นกำลังจ้องมองมาที่ผม  บวกกับริมฝีปากสีชมพูสวยได้รูปตามธรรมชาติที่กำลังส่งรอยยิ้มมาให้ผมนั้นโดนใจผมอย่างแรง  ผลสีดำอมน้ำตาลเข้มถูกมัดรวบเรียบร้อยไม่ปล่อยให้รกรุงรังหรือเป็นที่รำคาญตาแก่ผู้ที่พบเห็นช่วยเสริมความน่ารักให้เธอ  แล้วยังรูปร่างที่ดูบอบบางน่าปกป้องทะนุถนอมนั้นเล่นเอาหัวใจผมเกือบหลุดออกมาเต้นโชว์อยู่ข้างนอกแนะ  นี่ถ้าให้คะแนนเต็มร้อยล่ะก็ผมให้เธอไปเลย 110 คะแนน
“ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ  ฉันชื่อทรรศิกา สุริยะรักษ์ “
นอกจากน่ารักแล้วยังพูดจาสุภาพอีก  แถมเสียงก็หวานไพเราะน่าฟังเอาไปเลย  อีก 20 คะแนน
“ เช่นกัน “
ผมตอบเธอกลับโดยไม่ลืมดัดเสียงตัวเองให้เหมือนผู้หญิงที่สุด
“ ชื่อซากุราเอะนี่ฟังดูเหมือนชื่อผู้ชายจังเลยนะคะ “
“ แหะ แหะ ใคร ๆ เขาก็ว่างั้นแหละ “
ก็ผมเป็นผู้ชายทั้งแท่งเลยหนิหน่า  เฮ้อ  ถ้าความแตกเมื่อไหร่มีหวังหมดอนาคตแน่  ชีวิตนี้คงไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนนอกจากบ่า  ผมฟุบตัวลงหมอบกับโต๊ะพ้อมกับทำหน้าเซ็งโลกสุด ๆ
“ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ  หรือว่ารู้สึกไม่สบาย “
“ เปล่า ๆ ไม่ได้เป็นอะไรหรอก  จริงสิ  มีชื่อเล่นไหม  เรียกทรรศิกามันยาว  เรียกไม่คล่องเลย “
ผมเริ่มวางแผนทำตัวตีสนิท  ได้ผลซะด้วยเธอไม่ว่าอะไรแถมส่งยิ้มงาม ๆ มาให้อีก
“  เรียกว่านิดก็ได้ค่ะ  งั้นนิดขอเรียกซากุระว่าซากุระนะ “
“  ตามสบาย  แต่นิดไม่ต้องสุภาพกับผะ... เรามากก็ได้ “
ผมเกือบลืมตัวพูดว่าผมออกไป  ดีนะว่ายั้งปากทัน
“ ซากุระมีหนังสือเรียนรึเปล่า  ถ้าไม่มีดูกับนิดก็ได้นะ “
นิดถามขึ้นเมื่อเห็นว่าไม่มีหนังสือวางอยู่บนโต๊ะผมสักเล่ม  ช่างเป็นคนใจดีมีน้ำใจเหลือเกินอย่างนี้ต้องบวกเพิ่มอีก 30 คะแนน  อันที่จริงแล้วผมมีหนังสือเรียนครบหมดแล้วล่ะ  แต่โอกาสงาม ๆ ที่จะได้ใกล้ชิดสาว ๆ สวย ๆ แบบนี้มีบ่อยซะที่ไหน  แถมยังมีริบหรี่ด้วยเพราะโรงเรียนเก่าผมเป็นชายล้วน  จะได้ใกล้ชิดผู้หญิงก็ตอนขึ้นรถเมล์แล้วคนแน่นเลยต้องยืนเบียดกันนี้แหละ  ทุ-เรศมัยล่ะ  ผมรีบเลื่อนโต๊ะตัวเองเข้าชิดโต๊ะเธอทันที  พอได้มานั่งอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้แล้วรู้สึกว่าหัวใจผมเต้นแรงขึ้นจนแทบจะหลุดออกมาเต้นต่อข้างนอก  ก็เธอน่ารักซะขนาดนั้น  ใครจะไปอดใจไหว  และแล้วผมก็แอบบวกคะแนนให้เธออีก 50 คะแนนโทษฐานที่เธอน่ารักเกินห้ามใจ  เป็นไงลาวมัยล่ะ
เบื้องหลังเรื่องนี้
พล็อตเรื่องในตอนแรกว่าจะเอาเป็นผู้หญิงหน้าสลับกับผู้ชาย  แต่เกิดสงสารผู้หญิงขึ้นมาเลยตรงนั้นทิ้งไปแล้วเปลี่ยนมาเป็นผู้ชายแทน  เรื่องนี้ตั้งใจแต่งให้ฮาครับ  แต่ก็จะให้หวานด้วย  ตัดสินใจอยู่นานว่าจะลงหมดไหนดีระหว่าง รักหวานแต๋วกับตลกขบขัน  ในที่สุดก็ตกลงเอารักหวานแต๋วนี่แหละ  แอบสปอยกลาง ๆ เรื่องนิดหนึ่งว่าอาจมี Y
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น