ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : งานโรงเรียน
งานโรงเรียน
เช้าวันจันทร์ผมก็มานั่งอยู่จุ้มปุ๊กอยู่ที่โต๊ะในห้องเรียน  โชคดีที่พลังคนหนุ่มสาวทำให้รอยช้ำบนหน้าผมจางหายไปอย่างรวดเร็ว  อาจจะเหลือร่อยรอยอยู่อีกนิดหน่อยแต่ด้วยการช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคุณนายชางบวกกับเครื่องสำอางอีกที่ละเลงอยู่บนหน้าผมอีกนิดหน่อยรอยพวกนั้นก็เลือนหายไปราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่  ดูเหมือนทรงผมของผมจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของใครหลายคนยกเว้นแต่มารชีวิตของผม
“ซากุระจาง~  ผมของเธอ!”
นั่นไง  เสียงโหยหวนเหมือนคว-ายออกลูก  ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าเคที่ผู้อ่านหลาย ๆ คนแอบคิดถึงกัน  แต่ไม่ใช่ผมแน่นอน
“ตัดทำไม  ผมยาวออกจะสวยน่ารักขนาดนั้น”
“ชอบเหรอ  ผมยาวนะ”
“ชอบสิ  ชอบมากด้วย”
“งั้นก็ดีแล้วล่ะที่ตัด”
เคอ้าปากค้าง  มีใครเคยบอกมันมั้ยเนี่ยว่าทำแบบนี้แล้วดูทุ เรศมาก
“ซากุระไปตัดผมมาเหรอ”
เสียงนิดดังมาจากข้างหลังผม  ถึงคำถามจะบื้อไปหน่อยเพราะก็เห็น ๆ อยู่ว่าผมของผมถูกตัดมาแล้วยังจะถามอีกแต่ถ้าเป็นนิด  ต่อให้คำถามงี่เง่ากว่านี้ผมก็รับได้
“อืม  รำคาญน่ะ เลยไปตัด”
“น่าเสียดายออก  ผมยาวขนาดนั้น  แถมผมสวยด้วย”
“เดี๋ยวมันก็ยาวใหม่ได้น่า  นี่แกไปห่าง ๆ ได้มั้ย”
ผมหันไปแว๊ดใส่เคที่เริ่มมาเกาะแกะอยู่ข้างหลังผม
“หง่ะ  เธออย่าพูดแบบนี้สิ  มันทำร้ายจิตใจอันแสนจะบอบบางของฉันนะ”
เอามันเข้าไป  เคทำท่าเหมือนคำพูดของผมไปเสียดแทงมันจนโอเว่อร์  มอง ๆ ไปแล้วอยากจะยกเท้าขึ้นมากระทืบหน้ากวน ๆ ของมันซะจริง
“วันก่อนนั้นเธอก็ทำร้ายฉันไปที่  แล้ววันนี้อีก”
“ฉันไปทำอะไรให้นายอีกล่ะ”
“ก็ความสวยของเธอไง เอ๊ย ไม่ใช่  ที่เธอมีคู่หมั่นไง”
“ไปไกล ๆ เลยไป๊!”
“โอ๊ย!”
เคบิดไปมาเหมือนผีโดนน้ำมนต์ราด  มือข้างหนึ่งก็กุมหน้าอกข้างซ้าย  ส่วนอีกข้างชูขึ้นเหมือนขอความช่วยเหลือ
“อย่าไล่กันอย่างนี้สิมันทำร้ายจิตใจดวงน้อย ๆ ของฉันนะ”
“ไป  ไปเลย  ไปไกล ๆ เลยไป๊! ชิ้ว ๆ ไป๊! ชิ้ว ๆ”
“อ๊าคคคคคค!”
คราวนี้เคมันลงไปนอนดิ้นกับพื้นห้องเหมือนหมาถูกวางยาเบื่อแล้วลงไปนอนชักกับพื้น  ตกลงว่าผมกำลังเล่นอะไรกับมันอยู่ล่ะเนี่ย ( - -“)
....................................................................................................................................................
“อกหักเหรอ?”
“หา?!”
ผมมองไปรอบ ๆ ตัวผมเพื่อดูตรวจสอบว่าคำถามนั้นเป็นของผมแน่ ๆ
“ไม่ต้องหาหรอก  ฉันถามแกน่ะ”
ดีจริง ๆ เลย  ผมพึ่งรู้นะเนี่ยว่าคนเราเขาทักทายกันด้วยคำถามแบบนี้  พอปล่อยพักปุ๊บ  ผมกับนิดก็รีบดิ่งมาที่ฐานลับของเราหรือสนามเล็ก ๆ ที่นิดเคยพาผมมาในวันแรกที่ผมเข้าเรียนที่นี่  ทันทีที่ยัยอันเห็นหน้าผม  เธอก็ถามผมแบบที่พวกคุณอ่านไปข้างบนน่ะแหละ  จริงสิ  แล้วโบว์ล่ะ  ผมไม่เห็นเธอเลย  เห็นแต่อันนั่งอยู่คนเดียว  ปกติ 2 คนนี้ตัวติดกันเป็นหมากฝรั่งติดเสื้อ  ไหงวันนี้ฉายเดี่ยวได้ล่ะ
“แล้วโบว์ล่ะ?”
“นี่  อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ  โบว์ไปซื้อน้ำเดี๋ยวมา  ตกลงว่าอกหักใช่ป่ะ”
“เปล่า  รำคาญเลยตัด”
ผมตอบพร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ นิดที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของอัน  ซึ่งตำแหน่งที่ผมนั่งอยู่ตรงข้ามกับอันพอดี  เว้นที่ไว้ให้โบว์นั่งทางซ้ายมือต่อจากผม ถ้าเธอมา พูดคือเรานั่งล้อมวงกันน่ะแหละ (อธิบายให้งงเล่นเฉย ๆ)
“อย่างงี้ก็ไม่สนุกน่ะสิ”
อันแสดงสีหน้าผิดหวังสุด ๆ ที่ผมไม่ได้ตัดผมเพราะอกหัก  มันสนุกตรงไหนฟระ
“น้ำมาแล้วจ้า”
โบว์ถือขวดน้ำเปล่าพร้อมหลอดและน้ำแข็งเปล่า 2 แก้วมานั่งข้าง ๆ ผม
“อ้าว  อกหักมาเหรอซากุระจัง”
ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมยัย 2 คนนี้ถึงเป็นเพื่อนกันได้ ( - -“)
“เปล่า  รำคาญเลยตัด  ซื้ออะไรมากิน”
ผมพึ่งสังเกตว่าตรงหน้าผมมีถุงของกินอยู่ถุงหนึ่ง
“เปล่า  เอามาจากบ้าน  มีแยมสตอเบอรี่  เนย  นมข้น”
“แล้วขนมปังล่ะ”
ผมถามอันที่เป็นเจ้าของถุงเพราะพอค้นดูแล้วเจอแต่ขวดแยม เนยกับนมข้นอย่างเดียว
“หือ?  เอามาทำไม?”
“อ้าว  ก็เอามาทากับไอ้พวกนี้ไง”
ผมชี้ไปที่ของในถุง
“ใครบอกว่าฉันจะเอามากินกับขนมปัง”
“หรือว่าเธอจะกินพวกนี้เปล่า ๆ “
“บ้าสิ  ใครเขาจะกินกันเปล่า ๆ  ฉันเอามากินกับไอ้นี่ตะหาก”
อันหยิบถ้วยสีขาวเล็ก ๆ ที่วางอยู่ใกล้ ๆ ถุงขึ้นมาตรงหน้าผม
“ถ้วย?”
“ก็ถ้วยน่ะสิ  โบว์”
โบว์เทน้ำแข็งลงชามใบนั้นทันทีที่อันเรียกสมกับที่เป็นคนรู้ใจกัน  พูดคำเดียวก็รู้เรื่อง
“ฉันจะกินกับไอ้นี้”
ว่าแล้วคุณเธอก็จัดการควักเนยและแยมจากกระปุกแก้วใส่ลงไปและราดตามด้วยนมขนจนชุ่มกลบเอาแยมและนมข้นที่ใส่ลงไปก่อนหน้านี้หายไปหมด
“น้ำแข็งเนี้ยนะ!?”
“เห็นเป็นพิซซ่าหรือไงล่ะ  ก็น้ำแข็งน่ะสิ  รู้จักป่ะน้ำแข็งอ่ะ”
เอามันเข้าไป  หวานตายชัก  กินเข้าไปได้ไงวะยัยนี่
“กินป่ะ?”
อันยื่นถ้วยน้ำแข็งเวอร์ชั่นพิศดารของเธอมาให้ผม  อันที่จริงจะเรียกเป็นน้ำแข็งไสคงไม่ได้  เพราะน้ำแข็งที่เธอใช้เป็นน้ำแข็งหลอด ( - -“ )
“ไม่ล่ะ  เราไม่ชอบของ (โคตร) หวาน  แล้วนิดล่ะกินอะไร”
ผมหันไปถามนิดที่นั่งเงียบแบบไม่มีตัวตนมานาน  พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ไปสนใจกับคนตรงหน้าผม
“...”
“หลับ!?”
รู้แล้วว่าทำไมเธอถึงเงียบ  นิดนั่งพับเพียบทำความเคารพอากาศอย่างเรียบร้อยทั้ง ๆ ที่มือกำลังแกะซองขนมปัง (ที่ไม่รู้ว่าไปเสกมาจากไหน)  นี้ถ้าผมคบกับคนพวกนี้ไปเรื่อย ๆ ผมจะประหลาดตามไปด้วยมั้นเนี่ย  แค่ตอนนี้ผมก็แปลกมากเกินอยู่แล้ว
“นิด นิด”
“อย่าไปปลุกเลย”
“ช่วงนี้นิดคงเหนื่อย”
“นั่นสิ  ก็รับตั้งหลายงาน”
ยัยโบว์ กับยัยอันเริ่มสร้างโลกส่วนตัว  พูดกันรู้เรื่องแค่ 2 คน
“งานไร?”
“อ๋อ  ลืมไปว่าซากุเพิ่มเข้ามา  เลยไม่รู้เรื่อง  เล่าดิ้โบว์”
“คือว่า  อาทิตย์หน้าจะมีงานนิทรรศการ  แล้วทุก ๆ ห้องจะต้องมีการแสดงหรือจัดกิจกรรม  จะเป็นพวกร้านค้า  บ้านผีสิง  หรือไม่ก็โชว์ผลงานของห้องอะไรพวกเนี้ย  ห้องเราจะโชว์ผมงานของนักเรียนเพราะมันง่ายดี  ส่วนห้องเธอรู้สึกว่าจะเป็นแสดงละครล่ะมั้ง  เพราะว่านิดเป็นคนเขียนบทละครและก็เลือกตัวแสดงเอง”
“รู้สึกว่าจะมีปัญหาเรื่องบท  นิดเลยต้องแก้แล้ว  แก้อีก  เรื่องมากชะมัด  ทำไมไม่เขียนเองไปเลยว่ะ!”
อ้าวเฮ้ย  อย่ามาลงที่ผมเสะ  ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนะเฟ้ย
“แล้วเขาเลือกตัวแสดงไปแล้วเหรอ  ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”
“คิดว่านะ  เห็นว่าต้องแสดงทั้งห้อง  แต่ซากุระจังเพิ่งเข้ามาคงไม่เกี่ยว”
“เชื่อสิ  เดี๋ยวเฮียศักแกก็หาเรื่องให้เกี่ยวได้อยู่ดี”
เช้าวันจันทร์ผมก็มานั่งอยู่จุ้มปุ๊กอยู่ที่โต๊ะในห้องเรียน  โชคดีที่พลังคนหนุ่มสาวทำให้รอยช้ำบนหน้าผมจางหายไปอย่างรวดเร็ว  อาจจะเหลือร่อยรอยอยู่อีกนิดหน่อยแต่ด้วยการช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคุณนายชางบวกกับเครื่องสำอางอีกที่ละเลงอยู่บนหน้าผมอีกนิดหน่อยรอยพวกนั้นก็เลือนหายไปราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่  ดูเหมือนทรงผมของผมจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของใครหลายคนยกเว้นแต่มารชีวิตของผม
“ซากุระจาง~  ผมของเธอ!”
นั่นไง  เสียงโหยหวนเหมือนคว-ายออกลูก  ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าเคที่ผู้อ่านหลาย ๆ คนแอบคิดถึงกัน  แต่ไม่ใช่ผมแน่นอน
“ตัดทำไม  ผมยาวออกจะสวยน่ารักขนาดนั้น”
“ชอบเหรอ  ผมยาวนะ”
“ชอบสิ  ชอบมากด้วย”
“งั้นก็ดีแล้วล่ะที่ตัด”
เคอ้าปากค้าง  มีใครเคยบอกมันมั้ยเนี่ยว่าทำแบบนี้แล้วดูทุ เรศมาก
“ซากุระไปตัดผมมาเหรอ”
เสียงนิดดังมาจากข้างหลังผม  ถึงคำถามจะบื้อไปหน่อยเพราะก็เห็น ๆ อยู่ว่าผมของผมถูกตัดมาแล้วยังจะถามอีกแต่ถ้าเป็นนิด  ต่อให้คำถามงี่เง่ากว่านี้ผมก็รับได้
“อืม  รำคาญน่ะ เลยไปตัด”
“น่าเสียดายออก  ผมยาวขนาดนั้น  แถมผมสวยด้วย”
“เดี๋ยวมันก็ยาวใหม่ได้น่า  นี่แกไปห่าง ๆ ได้มั้ย”
ผมหันไปแว๊ดใส่เคที่เริ่มมาเกาะแกะอยู่ข้างหลังผม
“หง่ะ  เธออย่าพูดแบบนี้สิ  มันทำร้ายจิตใจอันแสนจะบอบบางของฉันนะ”
เอามันเข้าไป  เคทำท่าเหมือนคำพูดของผมไปเสียดแทงมันจนโอเว่อร์  มอง ๆ ไปแล้วอยากจะยกเท้าขึ้นมากระทืบหน้ากวน ๆ ของมันซะจริง
“วันก่อนนั้นเธอก็ทำร้ายฉันไปที่  แล้ววันนี้อีก”
“ฉันไปทำอะไรให้นายอีกล่ะ”
“ก็ความสวยของเธอไง เอ๊ย ไม่ใช่  ที่เธอมีคู่หมั่นไง”
“ไปไกล ๆ เลยไป๊!”
“โอ๊ย!”
เคบิดไปมาเหมือนผีโดนน้ำมนต์ราด  มือข้างหนึ่งก็กุมหน้าอกข้างซ้าย  ส่วนอีกข้างชูขึ้นเหมือนขอความช่วยเหลือ
“อย่าไล่กันอย่างนี้สิมันทำร้ายจิตใจดวงน้อย ๆ ของฉันนะ”
“ไป  ไปเลย  ไปไกล ๆ เลยไป๊! ชิ้ว ๆ ไป๊! ชิ้ว ๆ”
“อ๊าคคคคคค!”
คราวนี้เคมันลงไปนอนดิ้นกับพื้นห้องเหมือนหมาถูกวางยาเบื่อแล้วลงไปนอนชักกับพื้น  ตกลงว่าผมกำลังเล่นอะไรกับมันอยู่ล่ะเนี่ย ( - -“)
....................................................................................................................................................
“อกหักเหรอ?”
“หา?!”
ผมมองไปรอบ ๆ ตัวผมเพื่อดูตรวจสอบว่าคำถามนั้นเป็นของผมแน่ ๆ
“ไม่ต้องหาหรอก  ฉันถามแกน่ะ”
ดีจริง ๆ เลย  ผมพึ่งรู้นะเนี่ยว่าคนเราเขาทักทายกันด้วยคำถามแบบนี้  พอปล่อยพักปุ๊บ  ผมกับนิดก็รีบดิ่งมาที่ฐานลับของเราหรือสนามเล็ก ๆ ที่นิดเคยพาผมมาในวันแรกที่ผมเข้าเรียนที่นี่  ทันทีที่ยัยอันเห็นหน้าผม  เธอก็ถามผมแบบที่พวกคุณอ่านไปข้างบนน่ะแหละ  จริงสิ  แล้วโบว์ล่ะ  ผมไม่เห็นเธอเลย  เห็นแต่อันนั่งอยู่คนเดียว  ปกติ 2 คนนี้ตัวติดกันเป็นหมากฝรั่งติดเสื้อ  ไหงวันนี้ฉายเดี่ยวได้ล่ะ
“แล้วโบว์ล่ะ?”
“นี่  อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ  โบว์ไปซื้อน้ำเดี๋ยวมา  ตกลงว่าอกหักใช่ป่ะ”
“เปล่า  รำคาญเลยตัด”
ผมตอบพร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ นิดที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของอัน  ซึ่งตำแหน่งที่ผมนั่งอยู่ตรงข้ามกับอันพอดี  เว้นที่ไว้ให้โบว์นั่งทางซ้ายมือต่อจากผม ถ้าเธอมา พูดคือเรานั่งล้อมวงกันน่ะแหละ (อธิบายให้งงเล่นเฉย ๆ)
“อย่างงี้ก็ไม่สนุกน่ะสิ”
อันแสดงสีหน้าผิดหวังสุด ๆ ที่ผมไม่ได้ตัดผมเพราะอกหัก  มันสนุกตรงไหนฟระ
“น้ำมาแล้วจ้า”
โบว์ถือขวดน้ำเปล่าพร้อมหลอดและน้ำแข็งเปล่า 2 แก้วมานั่งข้าง ๆ ผม
“อ้าว  อกหักมาเหรอซากุระจัง”
ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมยัย 2 คนนี้ถึงเป็นเพื่อนกันได้ ( - -“)
“เปล่า  รำคาญเลยตัด  ซื้ออะไรมากิน”
ผมพึ่งสังเกตว่าตรงหน้าผมมีถุงของกินอยู่ถุงหนึ่ง
“เปล่า  เอามาจากบ้าน  มีแยมสตอเบอรี่  เนย  นมข้น”
“แล้วขนมปังล่ะ”
ผมถามอันที่เป็นเจ้าของถุงเพราะพอค้นดูแล้วเจอแต่ขวดแยม เนยกับนมข้นอย่างเดียว
“หือ?  เอามาทำไม?”
“อ้าว  ก็เอามาทากับไอ้พวกนี้ไง”
ผมชี้ไปที่ของในถุง
“ใครบอกว่าฉันจะเอามากินกับขนมปัง”
“หรือว่าเธอจะกินพวกนี้เปล่า ๆ “
“บ้าสิ  ใครเขาจะกินกันเปล่า ๆ  ฉันเอามากินกับไอ้นี่ตะหาก”
อันหยิบถ้วยสีขาวเล็ก ๆ ที่วางอยู่ใกล้ ๆ ถุงขึ้นมาตรงหน้าผม
“ถ้วย?”
“ก็ถ้วยน่ะสิ  โบว์”
โบว์เทน้ำแข็งลงชามใบนั้นทันทีที่อันเรียกสมกับที่เป็นคนรู้ใจกัน  พูดคำเดียวก็รู้เรื่อง
“ฉันจะกินกับไอ้นี้”
ว่าแล้วคุณเธอก็จัดการควักเนยและแยมจากกระปุกแก้วใส่ลงไปและราดตามด้วยนมขนจนชุ่มกลบเอาแยมและนมข้นที่ใส่ลงไปก่อนหน้านี้หายไปหมด
“น้ำแข็งเนี้ยนะ!?”
“เห็นเป็นพิซซ่าหรือไงล่ะ  ก็น้ำแข็งน่ะสิ  รู้จักป่ะน้ำแข็งอ่ะ”
เอามันเข้าไป  หวานตายชัก  กินเข้าไปได้ไงวะยัยนี่
“กินป่ะ?”
อันยื่นถ้วยน้ำแข็งเวอร์ชั่นพิศดารของเธอมาให้ผม  อันที่จริงจะเรียกเป็นน้ำแข็งไสคงไม่ได้  เพราะน้ำแข็งที่เธอใช้เป็นน้ำแข็งหลอด ( - -“ )
“ไม่ล่ะ  เราไม่ชอบของ (โคตร) หวาน  แล้วนิดล่ะกินอะไร”
ผมหันไปถามนิดที่นั่งเงียบแบบไม่มีตัวตนมานาน  พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ไปสนใจกับคนตรงหน้าผม
“...”
“หลับ!?”
รู้แล้วว่าทำไมเธอถึงเงียบ  นิดนั่งพับเพียบทำความเคารพอากาศอย่างเรียบร้อยทั้ง ๆ ที่มือกำลังแกะซองขนมปัง (ที่ไม่รู้ว่าไปเสกมาจากไหน)  นี้ถ้าผมคบกับคนพวกนี้ไปเรื่อย ๆ ผมจะประหลาดตามไปด้วยมั้นเนี่ย  แค่ตอนนี้ผมก็แปลกมากเกินอยู่แล้ว
“นิด นิด”
“อย่าไปปลุกเลย”
“ช่วงนี้นิดคงเหนื่อย”
“นั่นสิ  ก็รับตั้งหลายงาน”
ยัยโบว์ กับยัยอันเริ่มสร้างโลกส่วนตัว  พูดกันรู้เรื่องแค่ 2 คน
“งานไร?”
“อ๋อ  ลืมไปว่าซากุเพิ่มเข้ามา  เลยไม่รู้เรื่อง  เล่าดิ้โบว์”
“คือว่า  อาทิตย์หน้าจะมีงานนิทรรศการ  แล้วทุก ๆ ห้องจะต้องมีการแสดงหรือจัดกิจกรรม  จะเป็นพวกร้านค้า  บ้านผีสิง  หรือไม่ก็โชว์ผลงานของห้องอะไรพวกเนี้ย  ห้องเราจะโชว์ผมงานของนักเรียนเพราะมันง่ายดี  ส่วนห้องเธอรู้สึกว่าจะเป็นแสดงละครล่ะมั้ง  เพราะว่านิดเป็นคนเขียนบทละครและก็เลือกตัวแสดงเอง”
“รู้สึกว่าจะมีปัญหาเรื่องบท  นิดเลยต้องแก้แล้ว  แก้อีก  เรื่องมากชะมัด  ทำไมไม่เขียนเองไปเลยว่ะ!”
อ้าวเฮ้ย  อย่ามาลงที่ผมเสะ  ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนะเฟ้ย
“แล้วเขาเลือกตัวแสดงไปแล้วเหรอ  ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”
“คิดว่านะ  เห็นว่าต้องแสดงทั้งห้อง  แต่ซากุระจังเพิ่งเข้ามาคงไม่เกี่ยว”
“เชื่อสิ  เดี๋ยวเฮียศักแกก็หาเรื่องให้เกี่ยวได้อยู่ดี”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น