ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : โชคชะตา......กับความซวย
โชคชะตา......กับความซวย
คุณรู้มันว่าโลกนี้มีอะไรหลายอย่างที่เราคาดไม่ถึง  ผมเคยเป็นวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่งที่ชอบไปมีเรื่องกับชาวบ้านหรือพูดง่าย ๆ คือเป็นนักเลงดีดีนี่เอง  จนกระทั่งวันหนึ่ง  วันที่เปลี่ยนชีวิตของผมไปตลอดกาล
“ เอาล่ะนะ หมาบ้าแบงค์  เตรียมตัวเตรียมใจได้แล้ว “
เด็กหนุ่มหน้าตาดีผมสีน้ำตาลอ่อนซอยสั้นแบบทรงผู้ชายคนนั้นคือผมเอง  ดวงตาสีฟ้ากระจ่างใสของผมกำลังจ้องมองไปชายคนหนึ่งที่กำลังเดินถอยหลังให้ผมอย่างลนลาน
“ เดี๋ยวก่อน  เดี๋ยวก่อน  รอเดี๋ยว  ขอเวลานอก  คือวันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี “
ที่ใบหน้าและเสื้อผ้าของแบงค์เต็มไปด้วยฝุ่นและเลือดอันเนื่องมาจากโดนผมซัดลงไปกองกับพื้นหลายรอบ  ผมชูกำปั้นขึ้นมาพร้อมกับเดินเข้าไปหาหมอนั้น
“ อย่ามาพูด  สู้ไม่ได้แล้วหาข้ออ้างงั้นเรอะ  นายเป็นคนกำหนดเวลาและสถานที่เองนะ “
“ เปล่านะ  วันนี้ฉันไม่สบายจริง ๆ นะ นะ  แล้ววันหลังจะชดเชยให้ “
“ ไม่ต้องพูดมาก  ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากนะเฟ้ย  รีบ ๆ ทำให้มันจบไปซะที “
“ อ๊า!! “
ผมวิ่งเข้าหาเจ้าหมาบ้าแบงค์ในขณะที่เจ้าบ้านั่นร้องโวยวายพร้อมกับวิ่งหนีผมไป  แน่นอนล่ะ  ผมรีบวิ่งไล่ตามมันทันที
“ หยุดนะแก  คิดจะหนีงั้นเรอะ “
“ เหวอ  ช่วยด้วย “
แป้น  แป้น
“ เอ๋? “
ผมวิ่งตามมันออกมาจนมาถึงถนนขนาด 2 เลนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ  เสียงแตรรถดังขึ้นจากทางด้านขวาของผม  เมื่อหันไปดูมันคือค-ว-า-ยเหล็ก เอ๊ย รถสิบล้อที่กำลังเล่นตรงมาด้วยความเร็วสูง
เอี๊ยด!!
เสียงรถเบรกและเสียงกรีดร้องของผู้คนดังขึ้นพร้อมกับร่างของผมที่ลอยละลิ่วลงสู่พื้น
....................................................................................................................................................
“ ถอย! ถอย! ถอย! “
บุรุษพยาบาลเข็นร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดของผมตรงดิ่งเข้าห้อง ICU พร้อมกับร่างของผู้หญิงที่มีเลือดนองอีกคนโดยมีนางพยาบาลถือเอกสารจำนวนหนึ่งวิ่งตามเข้าไป
“ ประวัติของทั้ง 2 คนได้รึยัง “
“ ได้แล้วค่ะ ผู้ชายถูกรถบรรทุกชนบริเวณศีรษะเสียหายอย่างหนัก  ส่วนผู้หญิงตกสะพานลอยกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอด “
นางพยาบาลอธิบายเหตุการณ์คราว ๆ ให้เจ้าหน้าที่ประจำห้อง ICU ฟัง
“ นำไปส่งที่ห้องนะ  ของผู้ชายอยู่ห้องเบอร์ 2 ผู้หญิงอยู่ห้องเบอร์ 5 “
“ ได้ค่ะ “
นางพยาบาลเดินไปสอดเอกสารที่ช่องรับเอกสารของทั้ง 2 ห้อง  ชายชราผู้เป็นแพทย์ประจำห้องเบอร์ 2 หยิบเอาเอกสารจากช่องรับเอกสารขึ้นมาอ่านก่อนจะทำการรักษา
“ ตกสะพานลอยงั้นเหรอ  นี่ลงข้อมูลผิดนี่  กระดูกซี่โครงไม่ได้หักสักหน่อย  ช่างมันเถอะ “
....................................................................................................................................................
ครึ่งปีต่อมา
ร่างหนึ่งในชุดคนไข้ของโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ กำลังนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ที่ตั้งอยู่ในห้องเดี่ยวพิเศษ  ที่ศีรษะมีผ้าพันแผลสีขาวสะอาดพันรอบเว้นไว้เพียงแต่บริเวณรอบดวงตา  รูจมูก กับปากเท่านั้น  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่นั่งอยู่นั้นใคร  ก็ผมไงล่ะ  ภายในห้องที่นั่งอยู่ในสภาพลูกครึ่งมัมมี่ยังมีคนอยู่อีก 2 สองคน  หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 กว่า ๆ ที่มีสีผมเป็นสีทองและดวงตาเป็นสีฟ้าเหมือนผม  หรือจะพูดให้ถูกคนผมเหมือนเขามากกว่า  นั่นก็เพราะชายคนนั้นเป็นพ่อแท้ ๆ ของผมเอง  ส่วนอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พ่อของผมเป็นหญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 30 กว่า ๆ แต่ผมและตาเป็นสีน้ำตาลเข้ม  ไม่ต้องสงสัย  เธอเป็นแม่ของผมเอง  เสียงเคาะประตู 2 3 ทีทำให้ผมกับพ่อและแม่ผมหันไปมองที่ประตู  ชายชราผมขาวทั้งหัวในชุดกราวนด์เดินนำพยาบาลสาวสวยที่ถือกรรไกรกับกระจกเข้ามา
“ ในที่สุดก็จะได้แกะผ้าพันแผลออกแล้ว  ที่ผ่านมาคงจะรำคาญมากสินะ “
มันก็ต้องแน่อยู่แล้ว  มีใครบ้างล่ะที่ทนให้มีอะไรมาพันอยู่ที่หน้าเป็นเดือนได้บ้างล่ะ  ร้อนก็ร้อน  คันก็คัน  จะเกาก็เกาไม่ได้
“ ยังดีนะที่เธอได้หมอฝีมือดีอย่างฉันมาเป็นเจ้าของคนไข้  ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้คงกลับบ้านเก่าไปแล้ว “
“ ต้องขอบคุณคุณหมอจริง ๆ “
พ่อกับแม่ผมก้มหัวให้กับไอ้หมอแก่หลงตัวเองในขณะที่เจ้าตัวเดินเข้ามาหาผมที่นั่งเงียบอยู่บนเตียง  ไม่ใช่ไม่อยากพูดอะไรหรอกนะ  แต่เป็นเพราะไอ้ผ้าพันแผลพวกนี้มันพันแน่นซะจนผมอ้าปากไม่ได้
“ ร่างกายของเธอทุกอย่างยังคงอยู่ในสภาพเดิม  เพราะงั้นเธอสบายใจได้ “
“ ร่างกายเรอะ? “
ผมออกเสียงออกมาอู้อี้เพราะอ้าปากไม่ได้  นายแพทย์ชราพยักหน้ารับ  เพราะฟังที่ผมพูดรู้เรื่อง
“ ใช่  ฉันคงไม่เคยบอกเธอสินะว่ามีแต่หน้าของเธอเท่านั้นที่หาเค้าเดิมไม่ได้  ฉันเลยต้องตบแต่งขึ้นมาใหม่  ไม่ต้องห่วง  รับรองได้ว่าหน้าเธอดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย “
แล้วหน้าเก่ามันเป็นยังไงไม่ทราบ  ตาเฒ่านี่พูดจาหารอยฝ่าเท่าบนใบหน้าจริง ๆ  นี่ถ้าไม่ติดว่าพ่อแม่ผมยืนอยู่ในห้องและก็เป็นคนช่วยชีวิตผมล่ะก็  ป่านนี้ยันติดฝาผนังไปแล้ว
“ มาพิสูจน์เอาเองดีกว่า  คุณพยาบาลขอกรรไกรด้วย  ถือกระจกเตรียมไว้เลยนะ “
“ ค่ะ “
นายแพทย์ชรารับกรรไกรมาก่อนจะใช้มันตัดผ้าพันแผลที่อยู่บนหัวผมจากด้านหลัง  ทันที่ที่ถูกตัดออก  ผ้าพันแผลสีขาวก็หลุดร่วงลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลกทำให้ผมสีน้ำตาลอ่อนที่เคยถูกเก็บไว้ภายใต้ผ้าพันแผลเหล่านั้นปล่อยตกออกมาเป็นอิสระ  ผมหันไปมองเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจกที่คุณนางพยาบาลสุดสวยถืออยู่
“ เป็นไงบ้าง  ประทับใจจนพูดไม่ออกเลยละสิท่า ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า “
ภาพของเด็กสาวหน้าตาสละสวยปรากฏอยู่ในกระจกที่นางพยาบาลถืออยู่  ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวเลยบ่านิดหน่อยกับดวงตาโตสีฟ้ากระจ่างใสทำให้ร่างที่อยู่ในกระจกนั้นดูสวยและน่ารักขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า  ผมยกมือขึ้นจับหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา
“ ..... นะ  นี่.....ใครน่ะ? “
“ ไม่แปลกหรอกที่เธอจะตกใจ  แต่นี่คือหน้าของเธอในตอนนี้ไงล่ะ เอ่อ...”
หมอชราก้มลงมองใบประวัติที่ติดอยู่ตรงปลายเตียง ขณะที่ผมยังคงตกตะลึงกับเงาตัวเองในกระจกต่อไป
“ ซากุราเอะ คอนสแตนส์  ซากุราเอะงั้นเหรอ  ชื่อเหมือนผู้ชายจังเลยนะ “
“ ไม่ใช่เหมือนผู้ชายหรอกนะ  ก็ผมน่ะ  ผมเป็นผู้ชายของจริงเลยล่ะ!! “
อีตาแพทย์เฒ่านั่นอึ่งเงียบไปสักพักก่อนที่พูดประโยคที่จี้จุดให้ผมโกรธมากกว่าเดิม
“ ไม่เห็นจะเหมือนผู้ชายสักนิด “
“ ก็หมอทำให้เป็นแบบนี้เองไม่ใช่เรอะ!! “
“ เอ๋? “
“ ไม่ต้อมาเอ๋เลย  เป็นหมอแท้ ๆ ทำไมแยกผู้ชายกับผู้หญิงไม่ออก “
“ เหรอ  ถึงว่าวันนั้นใส่ชุดนักเรียนชาย  ฉันยังคิดว่ามันแปลกอยู่เลย “
“ แค่นั้นก็น่าจะรู้แล้ว “
“ ก็ตอนนั้นมันกำลังวุ่น ๆ อยู่  ถึงว่าทำไมไม่มีหน้าอกแบบผู้หญิง “
“ ดูข้างล่างก็น่าจะรู้แล้วหนิหน่า “
“ ไหน? “
“ เฮ้ย!  ไม่ต้อง “
ผมรีบกระเถิบหนีลงจากเตียง  ทำไมน่ะเหรอ  ก็ไอ้แก่นั่นมันทำท่าจะมาถอดกางเกงผมน่ะสิ  โรคจิตชะมัด  คนแบบนี้มาเป็นหมอได้ไง  รึว่าแก่จนหลง  ผมนี่ซวยจริง ๆ
“ แล้วที่ทำให้หน้าผมกลายเป็นแบบนี้จะรับผิดชอบยังไง “
“ ฉันทำผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ? “
“ ก็ใช่น่ะสิ!! “
“ น่า น่า น่า อย่าโวยวายนักเลย “
พ่อของผมพูดขึ้นแบบไม่เดือดร้อนอะไร  แน่สิ  ก็เขาไม่ได้เป็นผมหนิหน่าเลยไม่ต้องเดือดร้อน  มันน่าขายหน้าแค่ไหนกับคนที่ได้รับฉายาว่าปีศาจตาฟ้าอย่างผมต้องมามีสภาพแบบนี้  รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั้น
“ จะไม่ให้ผมโวยวายได้ไงล่ะ  ก็หน้าผมกลายเป็นแบบนี้แล้วจะให้ไปโรงเรียนได้ไง  มีหวังโดนล้อตายเลยล่ะ “
“ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยหนิ “
“ เอ๋? “
“ ก็ถ้าเรื่องมากนักฉันจะย้ายโรงเรียนให้แกก็ได้ “
“ ล้อเล่นน่า  คนอื่นดูก็รู้แล้วว่าผมเป็นผู้ชาย  แบบนี้มีหวังถูกหาว่าเป็นพวกวิปริตแน่ “
“ ไม่หรอกน่า  ไม่เชื่อถามแม่แกดูสิ “
“ นั่นสิ  ซากุระจังน่ารักจะตาย  เหมือนเรามีลูกสาวเลยนะค่ะคุณ “
“ นั่นสินะ  เหมือนเรามีลูกสาวเลย  โชคดีจริง ๆ เป็นทั้งลูกสาวและลูกชายในคนเดียวกัน “
น่านเอาเข้าไป  ไม่น่าเชื่อว่าคนที่มองโลกในแง่ดี 2 คนนี้จะเป็นพ่อกับแม่แท้ ๆ ของผม
“ ไม่เห็นจะโชคดีตรงไหน  ผมไม่ยอมนะ  ที่หน้าผมเป็นแบบนี้น่ะ “
“ แกไม่ยอมแล้วจะทำไม  จะผ่าตัดใหม่หรือไง “
ฝันไปเถอะ  เรื่องอะไรจะยอมเจ็บตัวอีกรอบ  แต่ถ้าไม่ผ่าตัดใหม่หน้าผมก็ยังเป็นแบบนี้ต่อไปน่ะสิ  จะทำยังไงดีล่ะทีนี้
“ ไม่ใช่มัยล่ะ  ถ้างั้นแกก็ไปเรียนมันทั้งแบบนี้นี่แหละ “
“ แต่... “
“ ไม่มีแต่  ฉันตัดสินใจแล้ว  ถ้าเรื่องมากนักก็แต่งตัวเป็นผู้หญิงไปเรียนซะเลยสิ  จะได้ไม่ต้องกลัวคนเขาล้อว่าหน้าเหมือนผู้หญิง! “
เนื้อเรื่องอาจดูคล้ายกับการ์ตูนเรื่องเก๋าโจ๋โกพันธุ์สวย  แต่ผมขอยืนยัน ณ ที่นี้ว่า  ตอนที่ผมแต่งผมไม่ได้นึกถึงเการ์ตูนเรื่องนั้นเลย  ผมคิดพล็อตเรื่องได้จากผู้ชายหน้าสวยกับเกย์ที่โรงเรียนบวกกับเรื่องยัยเวอร์จินเลยออกมาเป็นเรื่องนี้  เพราะงั้นโครงเรื่องตอนต้นอาจจะคล้ายกับการ์ตูนเก๋าโจ๋โก๋พันธุ์สวยแต่ขอยืนยันอีกครั้งครับว่าอ่านไปแล้วจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ (ช็อกนิด ๆ ที่มีคนบอกว่าเหมือนการ์ตูน)
อ่านแล้วเป็นยังไงช่วยเมนท์กับลงคะแนนให้ด้วยนะครับ (แน่นการเมนท์มากกว่าลงคะแนนแต่จะไม่ทำก็ได้เราไม่ว่ากัน ^ - ^)  ผมจะพยายามไม่ให้เรื่องนี้มีเซนเซอร์รวมทั้งคำผิด  เพราะงั้นถ้าผมพิมพ์ผิดพิมพ์ตกตรงไหนก็ขอความกรุณาช่วยบอกที่ผิดที่ด้วยนะครับ  ผมจะได้แก้ไขให้ถูกต้อง  และนี่คืออีกเรื่องที่ผมกำลังลงอยู่  สนใจแวะเข้าไปอ่านได้ครับ
http://www.dek-d.com/entertain/view.php?id=49097
E.S.บันทึกลับสัมผัสที่6
นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับวิญญาณ หากแต่เป็นเรื่องราวของพวกเขา ผู้ซึ่งใช้พลังจากสัมผัสที่ 5+1กับองค์กรลึกลับที่มีแผนการผลิตสุดยอดทหารเพื่อปกครองโลก พวกเขาคือใคร มาจากไหน สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญคืออะไร
คุณรู้มันว่าโลกนี้มีอะไรหลายอย่างที่เราคาดไม่ถึง  ผมเคยเป็นวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่งที่ชอบไปมีเรื่องกับชาวบ้านหรือพูดง่าย ๆ คือเป็นนักเลงดีดีนี่เอง  จนกระทั่งวันหนึ่ง  วันที่เปลี่ยนชีวิตของผมไปตลอดกาล
“ เอาล่ะนะ หมาบ้าแบงค์  เตรียมตัวเตรียมใจได้แล้ว “
เด็กหนุ่มหน้าตาดีผมสีน้ำตาลอ่อนซอยสั้นแบบทรงผู้ชายคนนั้นคือผมเอง  ดวงตาสีฟ้ากระจ่างใสของผมกำลังจ้องมองไปชายคนหนึ่งที่กำลังเดินถอยหลังให้ผมอย่างลนลาน
“ เดี๋ยวก่อน  เดี๋ยวก่อน  รอเดี๋ยว  ขอเวลานอก  คือวันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี “
ที่ใบหน้าและเสื้อผ้าของแบงค์เต็มไปด้วยฝุ่นและเลือดอันเนื่องมาจากโดนผมซัดลงไปกองกับพื้นหลายรอบ  ผมชูกำปั้นขึ้นมาพร้อมกับเดินเข้าไปหาหมอนั้น
“ อย่ามาพูด  สู้ไม่ได้แล้วหาข้ออ้างงั้นเรอะ  นายเป็นคนกำหนดเวลาและสถานที่เองนะ “
“ เปล่านะ  วันนี้ฉันไม่สบายจริง ๆ นะ นะ  แล้ววันหลังจะชดเชยให้ “
“ ไม่ต้องพูดมาก  ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากนะเฟ้ย  รีบ ๆ ทำให้มันจบไปซะที “
“ อ๊า!! “
ผมวิ่งเข้าหาเจ้าหมาบ้าแบงค์ในขณะที่เจ้าบ้านั่นร้องโวยวายพร้อมกับวิ่งหนีผมไป  แน่นอนล่ะ  ผมรีบวิ่งไล่ตามมันทันที
“ หยุดนะแก  คิดจะหนีงั้นเรอะ “
“ เหวอ  ช่วยด้วย “
แป้น  แป้น
“ เอ๋? “
ผมวิ่งตามมันออกมาจนมาถึงถนนขนาด 2 เลนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ  เสียงแตรรถดังขึ้นจากทางด้านขวาของผม  เมื่อหันไปดูมันคือค-ว-า-ยเหล็ก เอ๊ย รถสิบล้อที่กำลังเล่นตรงมาด้วยความเร็วสูง
เอี๊ยด!!
เสียงรถเบรกและเสียงกรีดร้องของผู้คนดังขึ้นพร้อมกับร่างของผมที่ลอยละลิ่วลงสู่พื้น
....................................................................................................................................................
“ ถอย! ถอย! ถอย! “
บุรุษพยาบาลเข็นร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดของผมตรงดิ่งเข้าห้อง ICU พร้อมกับร่างของผู้หญิงที่มีเลือดนองอีกคนโดยมีนางพยาบาลถือเอกสารจำนวนหนึ่งวิ่งตามเข้าไป
“ ประวัติของทั้ง 2 คนได้รึยัง “
“ ได้แล้วค่ะ ผู้ชายถูกรถบรรทุกชนบริเวณศีรษะเสียหายอย่างหนัก  ส่วนผู้หญิงตกสะพานลอยกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอด “
นางพยาบาลอธิบายเหตุการณ์คราว ๆ ให้เจ้าหน้าที่ประจำห้อง ICU ฟัง
“ นำไปส่งที่ห้องนะ  ของผู้ชายอยู่ห้องเบอร์ 2 ผู้หญิงอยู่ห้องเบอร์ 5 “
“ ได้ค่ะ “
นางพยาบาลเดินไปสอดเอกสารที่ช่องรับเอกสารของทั้ง 2 ห้อง  ชายชราผู้เป็นแพทย์ประจำห้องเบอร์ 2 หยิบเอาเอกสารจากช่องรับเอกสารขึ้นมาอ่านก่อนจะทำการรักษา
“ ตกสะพานลอยงั้นเหรอ  นี่ลงข้อมูลผิดนี่  กระดูกซี่โครงไม่ได้หักสักหน่อย  ช่างมันเถอะ “
....................................................................................................................................................
ครึ่งปีต่อมา
ร่างหนึ่งในชุดคนไข้ของโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ กำลังนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ที่ตั้งอยู่ในห้องเดี่ยวพิเศษ  ที่ศีรษะมีผ้าพันแผลสีขาวสะอาดพันรอบเว้นไว้เพียงแต่บริเวณรอบดวงตา  รูจมูก กับปากเท่านั้น  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่นั่งอยู่นั้นใคร  ก็ผมไงล่ะ  ภายในห้องที่นั่งอยู่ในสภาพลูกครึ่งมัมมี่ยังมีคนอยู่อีก 2 สองคน  หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 กว่า ๆ ที่มีสีผมเป็นสีทองและดวงตาเป็นสีฟ้าเหมือนผม  หรือจะพูดให้ถูกคนผมเหมือนเขามากกว่า  นั่นก็เพราะชายคนนั้นเป็นพ่อแท้ ๆ ของผมเอง  ส่วนอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พ่อของผมเป็นหญิงวัยกลางคนอายุประมาณ 30 กว่า ๆ แต่ผมและตาเป็นสีน้ำตาลเข้ม  ไม่ต้องสงสัย  เธอเป็นแม่ของผมเอง  เสียงเคาะประตู 2 3 ทีทำให้ผมกับพ่อและแม่ผมหันไปมองที่ประตู  ชายชราผมขาวทั้งหัวในชุดกราวนด์เดินนำพยาบาลสาวสวยที่ถือกรรไกรกับกระจกเข้ามา
“ ในที่สุดก็จะได้แกะผ้าพันแผลออกแล้ว  ที่ผ่านมาคงจะรำคาญมากสินะ “
มันก็ต้องแน่อยู่แล้ว  มีใครบ้างล่ะที่ทนให้มีอะไรมาพันอยู่ที่หน้าเป็นเดือนได้บ้างล่ะ  ร้อนก็ร้อน  คันก็คัน  จะเกาก็เกาไม่ได้
“ ยังดีนะที่เธอได้หมอฝีมือดีอย่างฉันมาเป็นเจ้าของคนไข้  ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้คงกลับบ้านเก่าไปแล้ว “
“ ต้องขอบคุณคุณหมอจริง ๆ “
พ่อกับแม่ผมก้มหัวให้กับไอ้หมอแก่หลงตัวเองในขณะที่เจ้าตัวเดินเข้ามาหาผมที่นั่งเงียบอยู่บนเตียง  ไม่ใช่ไม่อยากพูดอะไรหรอกนะ  แต่เป็นเพราะไอ้ผ้าพันแผลพวกนี้มันพันแน่นซะจนผมอ้าปากไม่ได้
“ ร่างกายของเธอทุกอย่างยังคงอยู่ในสภาพเดิม  เพราะงั้นเธอสบายใจได้ “
“ ร่างกายเรอะ? “
ผมออกเสียงออกมาอู้อี้เพราะอ้าปากไม่ได้  นายแพทย์ชราพยักหน้ารับ  เพราะฟังที่ผมพูดรู้เรื่อง
“ ใช่  ฉันคงไม่เคยบอกเธอสินะว่ามีแต่หน้าของเธอเท่านั้นที่หาเค้าเดิมไม่ได้  ฉันเลยต้องตบแต่งขึ้นมาใหม่  ไม่ต้องห่วง  รับรองได้ว่าหน้าเธอดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย “
แล้วหน้าเก่ามันเป็นยังไงไม่ทราบ  ตาเฒ่านี่พูดจาหารอยฝ่าเท่าบนใบหน้าจริง ๆ  นี่ถ้าไม่ติดว่าพ่อแม่ผมยืนอยู่ในห้องและก็เป็นคนช่วยชีวิตผมล่ะก็  ป่านนี้ยันติดฝาผนังไปแล้ว
“ มาพิสูจน์เอาเองดีกว่า  คุณพยาบาลขอกรรไกรด้วย  ถือกระจกเตรียมไว้เลยนะ “
“ ค่ะ “
นายแพทย์ชรารับกรรไกรมาก่อนจะใช้มันตัดผ้าพันแผลที่อยู่บนหัวผมจากด้านหลัง  ทันที่ที่ถูกตัดออก  ผ้าพันแผลสีขาวก็หลุดร่วงลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลกทำให้ผมสีน้ำตาลอ่อนที่เคยถูกเก็บไว้ภายใต้ผ้าพันแผลเหล่านั้นปล่อยตกออกมาเป็นอิสระ  ผมหันไปมองเงาที่สะท้อนอยู่ในกระจกที่คุณนางพยาบาลสุดสวยถืออยู่
“ เป็นไงบ้าง  ประทับใจจนพูดไม่ออกเลยละสิท่า ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า “
ภาพของเด็กสาวหน้าตาสละสวยปรากฏอยู่ในกระจกที่นางพยาบาลถืออยู่  ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวเลยบ่านิดหน่อยกับดวงตาโตสีฟ้ากระจ่างใสทำให้ร่างที่อยู่ในกระจกนั้นดูสวยและน่ารักขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า  ผมยกมือขึ้นจับหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา
“ ..... นะ  นี่.....ใครน่ะ? “
“ ไม่แปลกหรอกที่เธอจะตกใจ  แต่นี่คือหน้าของเธอในตอนนี้ไงล่ะ เอ่อ...”
หมอชราก้มลงมองใบประวัติที่ติดอยู่ตรงปลายเตียง ขณะที่ผมยังคงตกตะลึงกับเงาตัวเองในกระจกต่อไป
“ ซากุราเอะ คอนสแตนส์  ซากุราเอะงั้นเหรอ  ชื่อเหมือนผู้ชายจังเลยนะ “
“ ไม่ใช่เหมือนผู้ชายหรอกนะ  ก็ผมน่ะ  ผมเป็นผู้ชายของจริงเลยล่ะ!! “
อีตาแพทย์เฒ่านั่นอึ่งเงียบไปสักพักก่อนที่พูดประโยคที่จี้จุดให้ผมโกรธมากกว่าเดิม
“ ไม่เห็นจะเหมือนผู้ชายสักนิด “
“ ก็หมอทำให้เป็นแบบนี้เองไม่ใช่เรอะ!! “
“ เอ๋? “
“ ไม่ต้อมาเอ๋เลย  เป็นหมอแท้ ๆ ทำไมแยกผู้ชายกับผู้หญิงไม่ออก “
“ เหรอ  ถึงว่าวันนั้นใส่ชุดนักเรียนชาย  ฉันยังคิดว่ามันแปลกอยู่เลย “
“ แค่นั้นก็น่าจะรู้แล้ว “
“ ก็ตอนนั้นมันกำลังวุ่น ๆ อยู่  ถึงว่าทำไมไม่มีหน้าอกแบบผู้หญิง “
“ ดูข้างล่างก็น่าจะรู้แล้วหนิหน่า “
“ ไหน? “
“ เฮ้ย!  ไม่ต้อง “
ผมรีบกระเถิบหนีลงจากเตียง  ทำไมน่ะเหรอ  ก็ไอ้แก่นั่นมันทำท่าจะมาถอดกางเกงผมน่ะสิ  โรคจิตชะมัด  คนแบบนี้มาเป็นหมอได้ไง  รึว่าแก่จนหลง  ผมนี่ซวยจริง ๆ
“ แล้วที่ทำให้หน้าผมกลายเป็นแบบนี้จะรับผิดชอบยังไง “
“ ฉันทำผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ? “
“ ก็ใช่น่ะสิ!! “
“ น่า น่า น่า อย่าโวยวายนักเลย “
พ่อของผมพูดขึ้นแบบไม่เดือดร้อนอะไร  แน่สิ  ก็เขาไม่ได้เป็นผมหนิหน่าเลยไม่ต้องเดือดร้อน  มันน่าขายหน้าแค่ไหนกับคนที่ได้รับฉายาว่าปีศาจตาฟ้าอย่างผมต้องมามีสภาพแบบนี้  รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั้น
“ จะไม่ให้ผมโวยวายได้ไงล่ะ  ก็หน้าผมกลายเป็นแบบนี้แล้วจะให้ไปโรงเรียนได้ไง  มีหวังโดนล้อตายเลยล่ะ “
“ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยหนิ “
“ เอ๋? “
“ ก็ถ้าเรื่องมากนักฉันจะย้ายโรงเรียนให้แกก็ได้ “
“ ล้อเล่นน่า  คนอื่นดูก็รู้แล้วว่าผมเป็นผู้ชาย  แบบนี้มีหวังถูกหาว่าเป็นพวกวิปริตแน่ “
“ ไม่หรอกน่า  ไม่เชื่อถามแม่แกดูสิ “
“ นั่นสิ  ซากุระจังน่ารักจะตาย  เหมือนเรามีลูกสาวเลยนะค่ะคุณ “
“ นั่นสินะ  เหมือนเรามีลูกสาวเลย  โชคดีจริง ๆ เป็นทั้งลูกสาวและลูกชายในคนเดียวกัน “
น่านเอาเข้าไป  ไม่น่าเชื่อว่าคนที่มองโลกในแง่ดี 2 คนนี้จะเป็นพ่อกับแม่แท้ ๆ ของผม
“ ไม่เห็นจะโชคดีตรงไหน  ผมไม่ยอมนะ  ที่หน้าผมเป็นแบบนี้น่ะ “
“ แกไม่ยอมแล้วจะทำไม  จะผ่าตัดใหม่หรือไง “
ฝันไปเถอะ  เรื่องอะไรจะยอมเจ็บตัวอีกรอบ  แต่ถ้าไม่ผ่าตัดใหม่หน้าผมก็ยังเป็นแบบนี้ต่อไปน่ะสิ  จะทำยังไงดีล่ะทีนี้
“ ไม่ใช่มัยล่ะ  ถ้างั้นแกก็ไปเรียนมันทั้งแบบนี้นี่แหละ “
“ แต่... “
“ ไม่มีแต่  ฉันตัดสินใจแล้ว  ถ้าเรื่องมากนักก็แต่งตัวเป็นผู้หญิงไปเรียนซะเลยสิ  จะได้ไม่ต้องกลัวคนเขาล้อว่าหน้าเหมือนผู้หญิง! “
เนื้อเรื่องอาจดูคล้ายกับการ์ตูนเรื่องเก๋าโจ๋โกพันธุ์สวย  แต่ผมขอยืนยัน ณ ที่นี้ว่า  ตอนที่ผมแต่งผมไม่ได้นึกถึงเการ์ตูนเรื่องนั้นเลย  ผมคิดพล็อตเรื่องได้จากผู้ชายหน้าสวยกับเกย์ที่โรงเรียนบวกกับเรื่องยัยเวอร์จินเลยออกมาเป็นเรื่องนี้  เพราะงั้นโครงเรื่องตอนต้นอาจจะคล้ายกับการ์ตูนเก๋าโจ๋โก๋พันธุ์สวยแต่ขอยืนยันอีกครั้งครับว่าอ่านไปแล้วจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ (ช็อกนิด ๆ ที่มีคนบอกว่าเหมือนการ์ตูน)
อ่านแล้วเป็นยังไงช่วยเมนท์กับลงคะแนนให้ด้วยนะครับ (แน่นการเมนท์มากกว่าลงคะแนนแต่จะไม่ทำก็ได้เราไม่ว่ากัน ^ - ^)  ผมจะพยายามไม่ให้เรื่องนี้มีเซนเซอร์รวมทั้งคำผิด  เพราะงั้นถ้าผมพิมพ์ผิดพิมพ์ตกตรงไหนก็ขอความกรุณาช่วยบอกที่ผิดที่ด้วยนะครับ  ผมจะได้แก้ไขให้ถูกต้อง  และนี่คืออีกเรื่องที่ผมกำลังลงอยู่  สนใจแวะเข้าไปอ่านได้ครับ
http://www.dek-d.com/entertain/view.php?id=49097
E.S.บันทึกลับสัมผัสที่6
นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับวิญญาณ หากแต่เป็นเรื่องราวของพวกเขา ผู้ซึ่งใช้พลังจากสัมผัสที่ 5+1กับองค์กรลึกลับที่มีแผนการผลิตสุดยอดทหารเพื่อปกครองโลก พวกเขาคือใคร มาจากไหน สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญคืออะไร
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น