ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~แวมเพอร์เรีย วิกฤติรักแวมไพร์( SUJU ) HanHyuk~ Yaoi

    ลำดับตอนที่ #84 : My Vampire 84

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 154
      2
      27 มิ.ย. 56

     












     

     

    ซองมินนั่งมองฮันกยองและคังอินที่เดินออกมาจากห้องของเขา ที่ตอนนี้กลายเป็นห้องขังของแวมไพร์ตนหนึ่ง เรื่องราวที่เขาได้ยินมาก็ค่อนข้างจะเครียดอยู่พอสมควร ทำให้ทั้งฮันกยองและคังอินออกนอกบ้านแทบทุกวัน ซึ่งคังอินจะอยู่เฝ้าในตอนเช้า ส่วนฮันกยองจะอยู่เฝ้าในตอนกลางคืน สลับกันออกไปหาข่าว ทั้งฝั่งของฮันเตอร์และแวมไพร์ พยายามหาตัวคุณฮยอกแจให้เร็วที่สุด แต่เหมือนกับได้เรื่องอะไรไม่มากนัก



    หลังจากที่จัดการเปลี่ยนการขังแวมไพร์หนุ่มจากเชือกธรรมดา เปลี่ยนมาเป็นกุญแจมือ ซึ่งนั่นทำให้เขาได้ยินเสียงโวยวายเล็กๆดังลอดออกมา แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะโอเคเมื่อสองชายหนุ่มออกมาอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันนี้พี่ฮันกยองก็คงจะไม่อยู่อีกตามเคย อาจเป็นเพราะว่า แวมไพร์จะอ่อนแอลงในตอนกลางวัน คุณคังอินถึงยังอยู่ที่นี้



    “นายเป็นยังไงมั่ง”เขาหันมาตามเสียงเรียกเมื่อได้ยินเสียงคยู ชายหนุ่มที่เดินไปเอาน้ำจากห้องครัวมาให้เขา ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับนิดๆ ขาเขาดีขึ้นเยอะมาก ตอนนี้ก็เดินได้มากกว่าเดิมแล้ว ให้ไม้ค้ำแค่อันเดียว ส่วนมือก็พอจะขยับได้ แม้ยังใส่เผือกอ่อนอยู่



    “วันนี้อาจจะมีปัญหานิดหน่อย ฉันกับดงเฮต้องออกไปข้างนอก”คยูเริ่ม ทำให้เขาหันมามอง



    “ไปไหนหรือ”เขาถามออกไป ทำให้คยูถอนหายใจเล็กๆ



    “ฉันไปก่อนนะซองมิน”แต่ก่อนที่คยูจะทันได้พูดอะไร ทั้งสองก็ต้องหันไปมองฮันกยองที่รีบร้อนออกไปนอกบ้าน แล้วค่อยหันมาหาซองมินที่นั่งอยู่ข้างๆ



    “เมื่อคืนดงเฮบอกฉันว่าจะต้องไปรายงานตัวที่สมาพันธุ์ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก พวกนั่นเขาแค่ต้องการเช็คจำนวนแวร์วูฟ แล้วก็พูดเรื่องสถานการณ์ปัจจุบัน จริงๆฉันกับดงเฮว่าจะขอไม่รวมรบด้วย คงจะกลับในไม่ช้า”เขาบอกทำให้ซองมินขมวดคิ้ว



    “แล้ว...นายก็ต้องไปสู้ด้วยหรือ นึกว่าจะมีแต่พวกฮันเตอร์กับพวกแวมไพร์ซะอีก”



    “แค่อาศัยช่วงที่เจ้าพวกนั่นสู้กันแวมไพร์คงไม่ค่อยมีเวลามาห่วงพวกแวร์วูฟ .ซึ่งนั่นเป็นผลดี”คยูบอก



    “แล้วจะไปเมื่อไร...”เขาอดถามออกไปไม่ได้ ทั้งกังวลแล้วก็อะไรๆอีกมากมาย ถ้าสมมุติว่าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไงเล่า เขาไม่อยากให้คยูไปเลย



    “ตอนนี้...ฉันคิดว่าดงเฮคงกำลังรออยู่ที่บ้านนั่น ฉันจะไปเตรียมของที่จำเป็น แล้วก็ไปเลย”เขาว่า ทำให้เห็นว่าซองมินดูจะหงอลงเล็กน้อย



    “นายเองก็เถอะ! ฉันไม่อยู่ก็ดูแลตัวเองดีๆหน่อยแล้วกัน ยิ่งกึ่งๆพิการอยู่ด้วย ฉันจะรีบกลับมาดูว่านายจะทำอะไรพังหรือเปล่าแน่นอน เลิกทำหน้าเศร้าได้แล้วน่า ฉันรู้ว่าจริงๆนายเองก็ดีใจ”คยูแกล้งดีดหน้าผากของคนข้างๆทำเอาซองมินยู้หน้าออกมา



    “ฉันเปล่าดีใจซักหน่อย”ซองมินบอกพลางพยายามดึงมือของคยูออกจากหัวตัวเอง ก่อนที่คยูจะยิ้มออกมานิดๆ



    “ถ้าฉันรู้ว่านายร้องไห้ละก็ นายตายแน่”เขาแกล้งบอกเสียงแข็งก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินไปบ้านหลังใกล้ๆ นั่นทำให้ซองมินลุกขึ้นมาเพื่อเดินไปส่งคนตัวสูง













    ...........................................................











    เดเนียลออกอาการเซงนิดๆ เพราะหลังจากที่เขาออกมาจากโรงแรมที่พักอยู่ชั่วคราว ขณะที่ออกล่าแวมไพร์ไปด้วย ซึ่งเขาค่อนข้างโชคดีนิดหน่อยที่ดันเจอแจ๊กพอตกับฮันเตอร์จำนวนหนึ่ง เป็นฮันเตอร์ของแวร์วูฟที่ไม่รู้อะไรดลใจให้ไปร่วมมือกับฮันเตอร์ของแวมไพร์ ซึ่งขณะที่เขากำลังตะลุมบอนกับแวมไพร์3ตัว เจ้าพวกอันเตอร์ก็โผล่มา จนเขาเองหลบออกมาเกือบไม่ทัน



    เดิมทีแล้วฮันเตอร์ของแวร์วูฟจะไม่บ้าเลือดเหมือนพวกที่ล่าแวมไพร์ก็เถอะ แต่มันเป็นเหมือนพวกคลายๆตำรวจหรืออะไรทำนองนั่น ในคติที่ว่า”อยากจะทำอะไรก็ทำไป แต่แค่อย่าทำให้เห็น” เขายอมรับว่าเจ้าพวกนี้ค่อนข้างน่าลำคาญและห่วงความปลอดภัยของมนุษย์สามันมากจนทำให้พวกเขาเกือบกระดิกไม่ได้ในบางครั้ง และครั้งนี้ก็ด้วย ถ้าเขาไม่ยอมถอยออกมา มีหวังต้องถูกตามล่าโดยไม่จำเป็นแน่ๆ



    ไอ้แบบนี้จะไปล่าแวมไพร์คงจะไม่ได้ คงต้องรอให้เรื่องซ่าไปซะก่อน ป่าวนี้ไม่รู้ว่าพวกน้องชายเขาจะเป็นยังไงบ้าง ยังไม่เจอคยูเลยด้วยจากครั้งที่แล้ว ไม่รู้ว่าทั้งสองคนจัดการแวมไพร์ตัวที่เคยทำร้ายไปได้หรือยัง เขากระชับเสื้อคลุมสีเข้มของตัวเองในขณะเดินต่อไปตามทางพยายามไม่ให้เป็นจุดสนใจ ข้าวของอะไรก็ดันทิ้งไว้ที่โรงแรม แต่ช่างหัวมันไป เดียวค่อยไปเอาก็ได้ตอนนี้เขาอยู่ในช่วง “ทำตัวให้น่าไว้ใจ” สำหรับพวกฮันเตอร์ปัญญาอ่อนพวกนั่น










    ..................................................











     

    เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นมาเมื่อความเจ็บแปลบเล่นขึ้นมาจนจุก ก่อนที่เขาจะกระพิบตาถี่เพื่อปรับแสงว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ดวงตากลมมองไปรอบๆทำให้เห้นว่าตอนนี้เขาอยู่ในห้องชุดหรูแห่งหนึ่ง แล้วเขาก็ต้องนิ่วหน้าขึ้นมาเมื่อความเจ็บบ้าๆนั่งมันจุกขึ้นมาอีกแล้ว ทั้งเจ็บทั้งร้อนยังกับถูกเผา ทำให้เขาพยายามจะเอื่อมมือออกไปจับที่ท้องของตัวเอง แต่ก้พบว่าขยับไม่ได้ แถมเสียงกระทบของโซ่เมื่อเขาขยับตัวทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมองไปยังข้อมือของตัวเอง ทั้งสองข้าง...ถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ ทำให้เขาตาสว่างขึ้นมาทันที ตอนนี้เขาถูกมัดห้อยอยู่บนกำแพง และยังนึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น



    “ตื่นแล้วหรือ ลูคัส”เขาแยกเขี้ยวออกมาโดยอัตโนมัดเมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาวที่เขาเกลียดนักหน้า ก่อนจะเห็นเธอเดินนวยนาดมาทางเขา จำได้แล้ว เขาถูกยัยบ้านี้จับมานิ...เพราะช่วยชีวิตฮันกยอง และดูเหมือนว่าเขาจะกำลังอยู่ในช่วงทรมาน



    “เจ้าสลบไปตั้งสองวัน ข้าเป็นห่วงมากรู้ไหม”เขาแส่หน้ามองไปทางอื่นเมื่อเธอพยายามจับใบหน้าของเขา



    “ลูคัส...”เธอเริ่ม “เจ้ากลับมาทำตัวแบบนี้อีกแล้ว ข้าไม่อยากทำให้เจ้าเจ็บเลยรู้ไหม ไม่อยากเลย แต่ดูเจ้าสิ...ดูดวงตาของเจ้าสิ ยามที่ข้าพูดให้เจ้าฟังถึงเรื่องฮันเตอร์คนนั่น ทำไมดวงตาเจ้าถึงไหววูบขึ้นมาแบบนั่น ทำไมมันต้องฉายแววรักใคร่ออกมาแบบนั่น”เธอกระชากใบหน้าของเขามามอง ทำให้ร่างเล็กไม่อาจหลบดวงตากลมโตตรงหน้าได้



    “แม้ว่าข้าจะทำให้เจ้าเจ็บ เจ้าก็ยังไม่แม้แต่จะยอมพูดว่าทำไมถึงได้มีความผูกพันกับมัน เจ้า...เป็นแวมไพร์นะลูคัส เราอยู่ร่วมกับมนุษย์ไม่ได้”เธอบอกเสียงอ่อนขณะที่เดินพลักออกไปยังโต๊ะเล็กๆที่ตั้งอยู่



    “ข้าจะเป็นแวมไพร์อีกไม่นานหรอก”เขาพูด ทำให้หญิงสาวหยุดมือที่กำลังใส่ถุงมือหนังอยู่ แต่เธอก็ใส่ต่อไป



    “งั้นหรือ...ในที่สุดเจ้าก็รู้แล้วงั้นสิ วิธีต้องห้ามสำหรับพวกโง่เง่า งั้นก็เหลืออย่างเดียวที่เจ้าต้องกังวล...ข้าไม่หนีแน่นอนหากยามที่เจ้าจะเอาวิญญาณคืนจากข้า แต่ข้าจะตอบรับเมื่อข้าเห็นว่าเจ้าสองคนจะไม่มีทางอยู่ด้วยกัน ดีไหม?”เธอบอกยิ้มๆ แต่ร่างเล็กกลับขบฟันแน่น



    “ทำไมละลูคัส...เจ้าอยากเป็นมนุษย์นักนิ คงไม่เกียวหากว่าเจ้าฮันเตอร์นั่นตาย เอาแบบนี้เป็นไง ข้าขอชีวิตฮันเตอร์ตัวนั่น แลกกับวิญญาณเจ้า คิดดูสิ...เจ้าได้กลับเป้นมนุษย์แถมข้ายังตายไปให้พ้นๆอีก 2ต่อเชียวน่ะ ข้าสาบานด้วยเกียรติของแวมไพร์ ข้าจะไม่โกหก”เธอยกยิ้มออกมาในขณะเดินเข้ามาใกล้ฮยอกแจ



    “ไม่...นั่งบ้า”เขาขู่ออกมาทำให้หญิงสาวเลิกคิ้วนิดๆ



    “ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเจ้าถึงห่วงใย ชีวิตไร้ค่านั่นถึงขนาดปฏิเสธสิ่งที่เจ้าตามหามาเกือบ2ร้อยปี ถ้าเจ้าไม่ตกลงก็ไม่เป็นไร ยอมตายเพื่อมันได้งั้นสิน่ะ เจ้ารู้ไหมตอนนี้ข้ากำลังรออะไร ข้ากำลังรอว่าเมื่อไหรนาธานน้อยๆจะตาย ข้าจะได้ตัดสินใจปักมีดเงินเล็กๆนี่ลงที่หัวใจของเจ้าซ่ะ ถ้าหากนานกว่านี้ ข้าอาจจะส่งคนไปดูลาดลาวซักหน่อย บางทีอาจจะมีเรื่องผิดพลาดที่ทำให้นาธานที่รักตาย แล้วข้าก็คงจำเป็นต้องฆ่าเจ้าตามสัญญา โอ้ย...ใบหน้าของฮันเตอร์นั่นจะเป็นยังไงน่ะ ยามที่รู้ว่าเจ้าต้องตาย”เธอยกยิ้มออกมาในขณะเอื่อมมือเข้าไปในหน้าท้องของฮยอกแจเพื่อหยิบมีดเงินอันเล็กที่ฝังอยู่ออกมาช้าๆ ทำให้ฮยอกแจอ้าปากค้างเพราะความเจ็บปวด จนไม่สามารถร้องออกมาได้



    “ข้าสาบาน...แกต้องตาย...”ฮยอกแจพยายามพูดออกมา ทำให้อริสซ่าเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ



    “ปากเล็กๆนี่มันอวดเก่งดีจริงๆ โอ่ใช่...ข้าพอมีโซ่เงินอยู่ อยู่เงียบๆไปซักวันแล้วกันน่ะ”หญิงสาวบอกขณะเดินกลับมาเพื่อวางมีดเงินอันเล็กลงบนโต๊ะ และหญิงโซ่เงินขึ้นมาแล้วเดินกลับมายังฮยอกแจ



    “อ้าปากหน่อยสิที่รัก แบบนี้มัดไม่ได้กันพอดี”













    ...............................................

     






     

    ฮันกยองสะดุ้งขึ้นมาสุดตัว เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ทำเอาเข้ารู้สึกแย่เอามากๆ ชายหนุ่มมองสำรวจไปรอบๆทำให้เห็นว่าตอนนี้เขานั่งอยู่บนโซฟาที่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะมองไปที่นาฬิกาที่บอกเวลาว่านี้เกือบจะตี3แล้ว ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินลงไปยังชั้นใต้ดิน ไปหาเจ้านักโทษที่แสนจะเรื่องมากว่าตอนนี้คิดหนีหรือเปล่า



    เขาเปิดประตูเข้าไปทำให้เห็นว่าชายหนุ่มนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงอย่างมีความสุข ในขณะที่เปิดเพลงร็อกดังลั่น ทำให้เขาเดินไปปิดวิทยุทันที



    “เฮ้!! ทำอะไรของนาย ไม่มีมารยาทเอาซะเลย”ชายหนุ่มกอดอกแน่นขณะมองคนผมทองที่ตะเกียดตะกายลงจากเตียงพลางจ้องหน้าเขาอย่างกินเลือดกินเนื้อ



    “เสียงดังเกินไปแล้ว”เขาว่า ทำให้นาธานยู่หน้า



    “ให้ตายเถอะ นายจะไม่ให้ฉันมีสุทรีย์อะไรในชีวิตเลยหรือ เปิดเพลงเดียวนี้น่ะ”นาธานขู่ฟ้อ ขณะเดินมายังวิทยุ แต่เขาก็เดินเข้าไปขวาง



    “อ่านหนังสือไปเงียบๆ จะไม่มีการเปิดเพลงเสียงดังแบบนั่น”เขาบอกอีก



    “ฉันมีอิสระน่ะ! นายเป้นพวกหัวโบราณหรือไง เปิดเพลงก็ไม่ได้ เก็บกฎหรือนายน่ะ”เขาเลิกคิ้วนิดๆเมื่อคิดว่าคนตรงหน้าดูจะปากกล้าขึ้นมาก



    “นาธาน”เขาเรียกเสียงดุ



    “ฮันกยอง”และเขาก็เลิกคิ้วขึ้นอีกเมื่อได้ยินคนตรงหน้าเรียกชื่อเขา แทนคำว่าฮันเตอร์ หรือไอ้ฮันเอตร์บ้ากามตรงนั่น



    “ฉันเอ่อ...เข้าใจว่านายคงจะมีชื่อ ก็ควรจะคุยกันดีๆได้”ชายหนุ่มพูดต่อ ทำให้เขาถอนหายใจ



    “อย่าเปิดเพลง คนอื่นๆเขานอนอยู่ มันรบกวน”เขาบอกอีกอย่างใจเย็น



    “ทำยังกับว่านายเป็นป๋ะป๋างั้นและ คนหัวโบราณ”เขามองคนที่พยายามขู่ฟ้อๆอยู่ตรงหน้า ก่อนจะหันไปหยิบวิทยุเครื่องเล็กขึ้นมา



    “ถ้าฉันมีลูกนิสัยแบบนาย คงสั่งสอนหนักกว่านี้แน่”เขาขู่เล็กๆในขณะเดินออกไปจากห้อง เป็นเวลาเดียวกับที่หมอนอิงใบเล็กปามากระทบประตูพอดี













    ********************************************************************************************************



    ขอบคุรที่ติดตามค่ะ งุงิงุงิ




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×