คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #46 : My Vampire 46
ฮันกยองถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้มลงดึงผ้าพันขาให้เข้าที่เหมือนเดิม ตอนนี้เขาอยู่ที่สนามบาสกำลังซ้อมใหญ่ก่อนที่จะแข่งจริงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เสียงเชียร์บวกกับเสียงตะโกนโหวกเหหวกไม่ได้ทำให้เขามีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเลยซักนิด ยิ่งผ่านมาเขาก็ยิ่งคิดถึงแต่เรื่องของฮยอกแจจนแทบจะไม่มีสมาธิทำอะไรเลย แถมบรรยากาศตัวเขาเองที่สุดหดหูยังไม่อาจเทียบกับบรรยากาศรอบตัวของรุ่นพี่ของเขาได้เลยซักนิด
ดวงตาคมหันไปมองดูผู้จัดการทีมที่ตอนนี้ก็ยอมรับว่าเงียบลงไปกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก ดูไม่ร่าเริง ดูนิ่งๆ ทั้งทีปกติจะต้องมาค่อยตะโกนไล่คนในชมรมให้ขยันกว่านี้แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับแค่นั่งมองการแข่งอย่างเหม่อๆ เหมือนไม่ค่อยใส่ใจด้วยซ้ำ
“ฮัน..”เสียงซีวอนดังขึ้น ทำให้เขาหันไปมองคนข้างๆ
“ไง”
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า ดูไม่ค่อยมีสมาธิ”ซีวอนถามพลางหยิบผ้ามาเช็ดเหงื่อที่คอ
“ก็ คิดมากนิดหน่อย...”ร่างสูงว่า “นายละเป็นไง ช่วงนี้ดูฟิตน่ะเนี่ย”
“แน่นอน! ตัวจริงครั้งแรกนิหว่า แต่วันนี้ไม่ยักกะมีอารมณ์ซ้อมเลย อะไรๆดูซึมๆยังไงไม่รู้”ซีวอนบอกพลางพยักหน้าไปทางลีทึก ทำให้ฮันกยองหันไปมองด้วย
“จะว่าไงดี ฉันก็เคยคิดนะว่าถ้าพี่แกไม่ดุ ก็คงน่ารักดี...แต่เป็นแบบเดิมดีกว่าว่ะ”ชายหนุ่มบอกพลางถอนหายใจ
“จริงๆน่ะ...ฉันละอยากจะรู้จริงๆว่าใครกันที่ทำให้แม่ทัพสุดแข็งแกร่งเป็นถึงขนาดนี้ได้”ซีวอนกระซิบต่อ
“หมายความว่าไง..”ร่างสูงหันไปถาม ทำให้ซีวอนขมวดคิ้วนิดๆ
“ไม่สังเกตหน่อยหรือจ้ะ เป็นขนาดเนี่ยอกหักแน่นอน”ซีวอนว่าอีก ทำให้ฮันกยองขมวดคิ้วนิดๆ อกหัก? ใครละที่ทำให้พี่ลีทึกอกหัก
“แต่แกเป็นแบบนี้ก็มีข้อดีนิดหน่อยน่ะ...”ซีวอนบอกแล้วพยักหน้ากลายๆให้ฮันกยองหันไปมอง เขาเองก็ฝึ่งสังเกตุว่ามีคนแอบมองรุ่นพี่ของเขาก็หลายคนเหมือนกัน ดูท่าทางทั้งเป็นห่วงหรือไม่ก็คงอยากจะเข้าไปคุยแต่ไม่กล้า คงเพราะพี่ลีทึกไม่ทำตัวดุเหมือนก่อนหน้านี้จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ก็ได้ละมั้ง
“ซ้อมต่อเถอะ...”ร่างสูงว่า ก่อนที่ชายหนุ่มทั้งสองจะลุกขึ้นไปยังสนาม
......................................................................................................................................................................................
ลีทึกมองดูคนในชมรมของเขาเล่นบาสกันอย่างสนุกสนาน ส่วนอีกสนามหนึ่งก็เป็นการแข่งแบ่งฝั่งกันอย่างจริงจัง เพื่อเตรียมตัวแข่งขันรอบแรกกับคู่ปรับตลอดกาลอีกที่หนึ่ง เขาควรจะเขาไปดูแลให้มันหนักแน่นกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขาก็ทำได้เพียงนั่งมองอยู่ที่เก้าอี้ใกล้ๆสนาม
ก่อนหน้านี้อาจารย์ที่ปรึกษาก็เดินมาหาเขา ถามเขาว่าเป็นอะไรไหม จะให้ตอบได้ยังไงละว่าอกหักมาเลยไม่มีอารมณ์ทำอะไร แต่ยังดีที่อาจารย์เชื่อคำโกหกเขาที่ว่าช่วงนี้เขาไม่สบาย แบบนี้ทำตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้จัดการทีมเลยซักนิด ยิ่งคิดร่างเล็กก็ยิ่งถอนหายใจออกมากับความอ่อนแอของตัวเอง
“นายจะถอนหายใจไปถึงเมื่อไร..แบบนี้ก็ยิ่งแก่เร็วสิ”เสียงกวนประสาทเล็กของยุนโฮดังขึ้นข้างๆ นั่นทำให้เขาหันไปมองก่อนจะหันกลับมามองดูสนามเหมือนเดิม ส่วนชายหนุ่มก็ขมวดคิ้วเล็กๆกับปฏิกิริยาของเพื่อนเขา นี้ถ้าเป็นปกติเขาคงโดนบ่นยับแล้วที่ไม่ยอมลงไปแข่งในสนาม
“เป็นอะไรไปจ้ะ”ยุนโฮถามเสียงหวาน พยายามให้คนน่ารักข้างๆยิ้มออกมา แต่ก็ทำได้เพียงให้ลีทึกหันมามอง
“ฉันไม่เป็นไร...นายไปซ้อมเถอะ”ลีทึกว่า
“ฉันไม่อยากซ้อมอ่ะ เจ็บขาอยากอยู่นิ่งๆจังเลย...”ยุนโฮบอกอีก คิดว่าลีทึกคงบ่นว่าเขาสำออยหรืออะไรก็ตามแล้วไล่เขาไปซ้อมแต่..
“งั้นนั่งพักที่นี้และ...ฉันดูขาให้น่ะ”เสียงหวานเอ่ยออกมา ก่อนจะหันไปหยิบกล่องยาที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ก่อนที่จะหันมาจับขาของยุนโฮอย่างเบามือ คนตัวสูงที่ทนไม่ไหวกับปฏิกิริยาแบบนี้เขาจึงคว้ามือของลีทึกเอาไว้
“...” ดวงตากลมเงยขึ้นมองเพื่อนที่ตอนนี้จับข้อมือเขาไว้แน่นทั้งสองข้าง พร้อมกับดวงตาที่มองมานิ่ง นั่นทำให้เขาทำได้เพียงแค่หลบตาไปทางอื่นเท่านั่น
“ลีทึก เกิดอะไรขึ้น”ยุนโฮถามออกไปเสียงอ่อน ทั้งพยายามมองสบตากลมโตที่มองหลบตาเขาตลอด
“ไม่มีอะไรซักหน่อย ฉันไม่สบาย”ชายหนุ่มก้มหน้างุดหลบสายตาของคนที่อยู่ห่างไปไม่กี่คืบ
“นายไม่เคยเป็นแบบนี้ ปกติร่าเริงจะตายแต่นี้ฉันยังไม่เห็นนายยิ้มเลยซักนิด...ใครทำอะไรนาย”ยุนโฮถามอีก
“ไม่มี..”
“ตอบสิ เป็นเพราะใคร?ฉันจะได้ไปฆ่ามันโทษฐานที่ทำให้นายเป็นแบบนี้”ยุนโฮพูดอีกด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ทำให้ลีทึกแม้มปากแน่น
“..เขาไม่ได้ทำอะไร...ฉันต่างหากที่ผิด คิดเกินเลยไปเอง สุดท้ายก็...”ลีทึกพยายามพูดแต่ก็หยุดไปเมื่อรู้สึกถึงน้ำตาที่คลออยู่
“ไม่ๆ...อย่าร้อง...ไม่เป็นไร โอเคไหม? ทุกอย่างโอเค..”ยุนโฮดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดเบาๆ พลางคิดอย่างอ่อนใจว่าใครกันแน่ที่ทำให้ลีทึกเป็นแบบนี้ ก่อนที่สายตาคมจะเหลือบไปเห็นคนๆหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก แต่ก็ห่างจากพวกเขาพอสมควร เขาจำได้ว่าเป็นเด็กที่ย้ายมาจากญี่ปุ่นอยู่รุ่นเดียวกับเขา แต่ไม่ค่อยสนิทกับใครนอกจากลีทึก
ดวงตาคมทั้งสองสบกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะหลบตาแล้วเดินออกไปทางประตูหลังอย่างเงียบๆ ลีทึกบอกว่าจู่ๆคนๆนั่นก็ลาออกจากชมรมแล้วลีทึกก็เป็นแบบนี้ เขาไม่รู้ว่าใช่ผู้ชายคนนั่นไหมที่ทำให้เพื่อนของเขาเสียงใจขนาดนี้ แต่ไม่ว่าใครเขาก็จะไม่ยอมเด็ดขาด
“วันนี้เรียนเสร็จแล้วรอฉันน่ะ ฉันจะพานายไปหาอะไรกิน สนใจจะไปดินเนอร์ใต้แสงจันทร์กับฉันไหม?”ยุนโฮยิ้มออกมาพลางมองใบหน้าหวานที่ขมวดคิ้วเล็กๆ
“เอาเป็นว่าตกลงแล้วกัน ไม่อยากเห็นนายจิตตกแบบนี้”
.............................................................................................................................................................................................
“ไปไหนมาหรือคังอิน...”เสียงทักเล็กๆของฮยอกแจดังขึ้นโดยไม่แม้แต่จะหันมามองด้วยซ้ำ ดวงตาคมเหลือบมองดูคนที่ตอนนี้เอาแต่จ้องออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนที่เขาจะถอดเสื้อโค็ตออกแขวนไว้ใกล้ๆประตู ผ่านมาพักหนึ่งแล้วที่พวกเขาขาดการติดต่อกับฝั่งของฮันกยอง จะเรียกได้ว่าจำเป็นคงคงจะได้ เพราะไม่นานมานี้ได้ยินมาว่ามีฮันเตอร์ไปบุกถึงบ้านของฮันกยองเพื่อตามฆ่าฮยอกแจ แกเหมือนโชคดีที่พวกเขาออกมาก่อนหน้านั่นไม่กี่ชั่วโมง
ดูเหมือนจะเริ่มสงครามกันอย่างจริงจังระหว่างแวมไพร์และพวกฮันเตอร์ เขารู้มาว่าต้นเหตุคือการที่อริสซ่าฆ่าฮันเตอร์ไป4คน หลังจากนั่นพวกแวมไพร์ก็ถูกตามล่าถึงขนาดที่มีข่าวของดาราสาวคนหนึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับ แต่นั่นก็เป็นเหมือนการตอบรับสงครามจากเหล่าฮันเตอร์ ที่เริ่มจากการเก็บแวมไพร์ที่ถึงขั้นเป็นผู้รู้จักในหมู่มนุษย์ แต่เพราะเหตุนี้ทำให้เขาหาเหยื่อได้ง่ายขึ้น เพราะแวมไพร์เริ่มคบหากันเองเพื่อความปลอดภัย แต่กับฮยอกแจนี้สิ ที่เริ่มอ่อนแอลงเพราะไม่ได้กินอะไรมาเกือบอาทิตย์แล้ว
“...เราไม่ควรจะติดต่อพวกเขาอีก นายยังไม่เข้าใจหรือคังอิน”ร่างเล็กพูดขึ้นมาอีก
“ผมแค่ไปดูห่างๆครับคุณพ่อ...ผมไม่ยอมให้เขาเห็นด้วยซ้ำ”ชายหนุ่มว่า
“ฮันเป็นยังไงบ้าง”เสียงหวานถามขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้คังอินเดินเข้ามาใกล้
“เขาสบายดีครับ กำลังซ้อมบาสเพื่อเตรียมแข่ง”คังอินตอบกลับ ทำให้ร่างเล็กหันออกมาจากหน้าต่างเพื่อมาสบตาเขา
“ขอโทษที่ทำให้นายลำบากไปด้วยคังอิน เพราะความเอาแต่ใจของฉัน”ฮยอกแจถอนหายใจยาว เมื่อนึกถึงเรื่องคังอินกับลีทึก มันเป็นเวลานานมากแล้วที่คังอินทุ่มเททุกอย่างให้กับตัวเขาเองโดยไม่สนใจเรื่องอื่นเลย และแล้วคังอินอุสาเจอสิ่งอื่นที่มาค่าแต่เขากลับดึงคังอินออกมาจากสิ่งนั่นอีก เขาดูเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องเลยซักนิด
“เพื่อคุณพ่อ ผมยอมทุกอย่างครับ”มือหนาเอื่อมขึ้นมาลูบเบาๆไปยังใบหน้าหวานของฮยอกแจ
“ฉันจะไปนอนซักหน่อย ไว้เจอกันตอนมืดน่ะ”ร่างเล็กว่า
“ให้ผมหาอะไรมาให้ทานไหมครับ”คังอินถามด้วยความเป็นห่วง แต่คนตรงหน้าก็สายหัวในเชิงปฏิเสธ
“ฉันยังไม่หิวเลยคังอิน นายเองก็นอนพักซักหน่อยสิ นี้มันเป็นตอนเที่ยงน่ะ..ร้อนเกินกว่าจะอยู่เฉยๆ ฉันขอลงไปนอนใต้ดินน่ะ”ฮยอกแจบอก นี้ถึงขนาดที่ลงไปนอนใต้ดินเพื่อหลบแสงแดดและความร้อน เห็นอยู่ชัดๆว่าร่างเล็กอ่อนแอขนาดไหน ถ้าไม่กินอะไรเลยจะแย่เอาแน่ๆ เขารู้ดีว่าการอดอาหารมันให้ความรู้สึกยังไง บางทีคงต้องบังคับซักหน่อยแล้วมั้ง
.........................................................................................................................................................................................
“เมื่อกี่เจ้าว่าไงน่ะ เรย์ม่อน ?”หญิงสาวถามเสียงสูงพลางหันไปมองใบหน้าของชายหนุ่ม
“ข้าบอกว่า...ข้าน่าจะไปหาสก็อตแทนที่จะมานั่งอุดอู้ดูเจ้าบ่นเรื่องไวน์ในผับข้า”เรย์ม่อนว่า
“ไม่ใช่ย่ะ ก่อนประโยคนี้ซักสามประโยค..”อริสซ่าโบกมืออย่างลำคาณใจ ก่อนหล่อนจะว่างแก้วไวน์ผสมเลือดลงบนโต๊ะ นั่นทำให้เรย์ม่อนถอนหายใจออกมา
“ข้าบอกว่า...ช่วงนี้แวมไพร์ย้ายเข้ามาเพราะโดนเรียกตัวเยอะ แต่ลูกชายเจ้าไม่รู้ว่าถูกเรียกตัวด้วยหรือเปล่า ข้าว่าแบบนี้..”ดวงตาสำแดงสดแสร้งโตขึ้นด้วยความตกใจ
“โอ้...เจ้าเจอลูกชายข้า?? แล้วทำไมพึ่งบอกข้าละ!?”หญิงสาวเบ้ปาก
“ก็ข้าคิดว่าเจ้ารู้แล้ว เจ้าควรจะดีใจน่ะ เขาเปลี่ยนไปมากอยู่ ยังไงดี...เริ่มรู้จักการเลี้ยงสัตว์แล้วก็คงจะเลิกคิดกลับไปเป็นมนุษย์แล้ว ข้าไม่เข้าใจเจ้าจริงๆว่าเจ้าเลี้ยงลูกยังไงถึงได้มีความคิดน่ารังเกีย..”
“อย่ากล้าดีมาว่าลูกชายข้า!!!?!”หญิงสาวตวาดลั่นอย่างน่ากลัวจนเรย์ม่อนยอมเงียบลงไป
"......."
“เขาเป็นเด็กที่น่ารักและดื่อรั้น เย่อหยิ่งในศักษ์ศรี เหมือนกับข้า...เจ้าพูดเองว่าเขารู้จักการเลี้ยงสัตว์แล้ว ช่างเป็นเรื่องน่าดีใจไม่ใช่หรือ?” อริสซ่าบอกอย่างอารมณ์ดี
“เจ้าทำเหมือนเจ้ามีลูกๆแค่คนเดียว ข้ามีเกือบโหลแต่น่าเศร้าที่ไม่มีใครยอมอยู่เป็นเพื่อนข้าเลย ไม่มีใครตามข้ามาเอเชียเลยซักคน “เรย์ม่อนบ่นเซงๆ
“ข้ารักลูกชายข้าทุกคน เรย์ม่อน แต่กับลูคัส...เขาเป็นเด็กที่แตกต่าง ลูกคนสุดท้องของข้า คนๆเดียวที่กล้าแทงข้าถึงสองครั้งด้วยดาบ กล้าหาญ”อริสซ่ายิ้มออกมาอย่างภูมิใจ
“เจ้าเจอเขาได้อย่างไรเรย์ม่อน...”
“เขามาที่ผับของข้า กับสัตว์เลี้ยงที่ซื้อมาด้วยเงิน...ข้ามีธุระต้องทำต่อเลยไม่รู้ว่าเขามาทำไม แต่บาร์เทนเดอร์น่าจะรู้ เจ้าอยากรู้ไหมว่าเขามาทำไม บางทีอาจจะมาหาที่อยู่ใหม่”เรย์ม่อนว่า นั่นทำให้หญิงสาวขำออกมาเบาๆ
“บางทีข้าควรจะไปเซอร์ไพร์เขาเล็กๆน้อยๆ หลังจากสองร้อยกว่าปีที่ไม่เจอกัน...เจ้าว่าข้าควรหาของขวัญอะไรดี สหายข้า..”หญิงสาวถามด้วยแววตาวาววับอย่างตื่นเต้น
“ได้ยินมาว่าเลือดฮันเตอร์นั่นรสชาติดียิ่งกว่าไวน์ เจ้าว่าลูกชายเจ้าจะเคยลิ้มรสไหม...”ชายหนุ่มยกยิ้มออกมาเมื่อสบตาของหญิงสาวที่เต้มไปด้วยความตื่นเต้น
“ช่างเป็นคำแนะนำที่น่าสนใจเรย์ม่อน...”
*******************************************************************************************************
ตอนนี้ยาว (?)
ขอบคุณมากค่ะ แหม่ม...ซึ้งใจยังไงบอกไม่ถูก
ที่มีคนติดตามเรื่องนี้ ตอนแรกคิดว่าทุกคนคงเริ่มเบื่อเพราะไม่ใช่เรื่องรักหวานแหววตลอดเวลลาอย่างที่หลายๆคนอาจจะอยากให้เป้น
- -*** แต่เค้าก็พยายามน่ะ แม้มีแค่คนเดียวที่บอกว่าสนุกเค้าก้ดีใจแล้วค่ะ
จะพยายามต่อไป แต่งให้ดีและสนุกยิ่งๆขึ้น
อาจจะหายไปอีก แต่จะกลับมาต่อแบบจัดเต็มค่ะ 5555+ (ออกตัวไว้ก่อน) แต่ตอนนี้ยังอยู่ จะแต่งไปเรื่อยๆค่ะ
((ป.ล. จะให้ยุนคู่กับใครดี -*- ยอมรับอย่างเปิดเผยค่ะว่านิยม เมะXเมะ มากกว่า เมะXเคะ 5555+ *หลายคนอาจจะพอรู้อยู่แล้วจาก
การที่ชอบเขียนอะไรแนวนี้ หุหิหุหิ* ขอบคุณค่ะ!!!!!!!!)
ความคิดเห็น