คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8 :: คนนี้นี่แหละแฟนผม
ตอนที่ 8 คนนี้นี่แหละแฟนผม
โลกนี้มันกว้างจะตาย คิดหรอว่านายจะเจอคนใหม่ ๆ อีกไม่ได้น่ะ
“วันนี้กับข้าวฝีมือนายไม่ได้เรื่องเลยซองมิน”
คยูฮยอนเจ้าของวาจาปากฟาร์มสุนัขพูดขึ้นในขณะกำลังรับประทานอาหารเช้าเช่นทุกวันพร้อมทำหน้าแหวะ
“ไม่ได้เรื่องก็ไม่ต้องกิน! ทีนายล่ะ..ทำเป็นบ้างมั้ย ให้เข้าครัวเมื่อวานครัวแทบระเบิด ถ้าชางมินไม่ไปเห็นก่อนสงสัยไฟไหม้บ้านไปหมดแล้วมั้ง” ซองมินสวนกลับทำตาดุ คยูฮยอนจึงหน้าบึ้งทำปากยื่น
“ก็ยังดีกว่านาย ข้าวต้มนี่รสชาติอย่างกะน้ำยาล้างตรีน”
“ไอคุณ
“พอเถอะครับ ตอนนี้ก็ใกล้สายแล้ว รีบ ๆ ทานจะได้รีบ ๆ ไปโรงเรียน เดี๋ยวเข้าช้าแล้วอาจารย์เขาจะว่าเอา” ชางมินรีบห้ามทัพเมื่อเห็นท่าไม่ดี ขืนปล่อยให้เถียงกันต่อไปมีหวังข้าวเย็นได้เป็นข้าวผัดหมาป่าแน่
“ไม่กลัว // ช่างมัน ฉันจะฆ่าหมอนี่ก่อน!”
วาจาของทั้งคู่ที่พูดขึ้นพร้อม ๆ กันทำเอาคนห้ามปราบอย่างชางมินต้องสะดุ้งโหยง ต่างจากคยูฮยอนที่รีบหันขวับมาทางซองมินแล้วยิ้มแฉ่งโชว์ฟันขาว
“ดูท่าทางเราจะเป็นเนื้อคู่กันนะซองมิน ขนาดพูดยังพูดพร้อมกันเลย”
“ใครจะตาต่ำไปเป็นเนื้อคู่กับนายกัน!”
“ก็นายไง
แหม ว่าตัวเองแบบนี้ได้ยังไง นายออกจะโชคดีที่ได้เป็นเนื้อคู่กับฉัน ฉันน่ะมีหน้าตาหล่อเหลาขึ้นเทพ
ของขวัญชิ้นสำคัญที่พระเจ้าประทานมาให้แก่โลกนี้เชียวนะ” พูดได้ไม่อายปาก
ใกล้เคียงกับกับว่าหน้าหนา(หรือหน้าด้าน) ทำเอาซองมินต้องมีสีหน้าระอาใจ
“นายเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลศรีธัญญา ขอพระเจ้าจงคุ้มครอง” พูดเอามือแตะอกด้านซ้ายแล้วแตะอกด้านขวา แตะหน้าผากแล้วแตะอกจากนั้นจึงประสานมือทั้งสองข้างไว้ที่อกพลางก้มหน้าลงพึมพำบทสวด ประมาณว่า’อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา’
แสบจริงนะลี ซองมิน!
“คนบ้าย่อมพูดกับคนบ้ารู้เรื่อง นายน่ะพรหมลขิตของแท้เลย งั้นเราไปตั้งฐานรักอยู่ที่โรงพยาบาลที่ว่านั่นกันเถอะ ดีมั้ยที่รัก?” คนอย่างโจว คยูฮยอนย่อมไหลตามได้เสมอ ก็เอาเซ่! มาดูว่าใครจะแน่กว่าใคร
“ไม่ดี เฮ้อ
ฉันล่ะสงสารนายจริง ๆ นี่แหละนะสัตว์โลก ซวยคนเดียวไม่พอชอบลากคนอื่นเข้ายุ่ง เห็นแก่นายและฉันเองก็เป็นคนหน้าตาดีมีศีลธรรมที่พระเจ้าส่งมาเกิด ยังไงฉันจะช่วยเรียกรถโรงพยาบาลมาให้ก็แล้วกัน ไปแล้วไปลับไม่ต้องกลับนะคยูฮยอน” ทำหน้าสมเพช
เอ้ย! สงสารแล้วส่งยิ้มบางโปรดสัตว์โลกไปให้ คยูฮยอนจึงคิดในใจ
ว่าแต่เขาหลงตัวเอง แล้วทีตัวเองล่ะไม่ค่อยจะเป็น(น้อย)เลยนะ!
“ไม่เอาดีกว่า ฉันอยากจะอยู่กับนายเนี่ยแหละ
อยากให้ใครบางคนแถวนี้ช่วยรักษาใจ จะได้หายบ้ารัก” ถ้าคุณคิดว่าคนอย่างโจว คยูฮยอนจะยอมแค่นี้ล่ะก็คิดผิดถนัด
“ชางมิน
คยูฮยอนพูดถึงนายน่ะ เห็นแก่สัตว์โลกยังไงก็ช่วย ๆ มัน
เอ้ย! เขาหน่อยก็แล้วกันนะ” น่าน มันนั่นมันใช้กับสัตว์น่ะครับคุณนายโจว! (หมายถึงซองมินนั่นแหละ คยูฮยอนอยากหมั้นไว้ก่อน)
“อ่า
ผมไม่นิยมเคะหน้าหื่นครับ” ชางมินรีบปฎิเสธ ไม่อยากเล่นชางคยู
ถ้าสมมติวันไหนคยูฮยอนนึกผีเข้าอยากยั่วเขาขึ้นมา
ชิม ชางมินคนนี้ขอกัดลิ้นฆ่าตัวตายยังทรมานน้อยกว่าเลย
“’งั้นเห็นทีนายคงต้องขอความช่วยเหลือจากอาแป๊ะข้างบ้านแล้วล่ะคยูฮยอน ขนาดชางมินเป็นลูกน้องคนสนิทนายมาสิบกว่าปียังปฏิเสธเลย” ซองมินแสร้งทำหน้าเศร้า แหม..รู้นะ ว่าในใจน่ะคงหัวเราะเยาะไปถึงไหนต่อไหนแล้ววว!
“ไม่ดีกว่า อาแป๊ะข้างบ้านฉันมีภรรยาแล้ว ให้นายรักษานี่แหละดี ยังหนุ่ม ๆ อวบอั๋นน่าจับน่ากด ฉันคงได้นอนหลับฝันดีทุกวันแน่เลยถ้าได้พยาบาลคนนี้
.รักษาแบบกีฬาในร่มก้มแล้วแทงเสร็จ”
“อะ อะ
ไอคยู!!”
ซองมินเริ่มทนไม่ไหวจนหลุดออกมา ที่หน้าแดงเนี่ยไม่รู้ว่าเขินหรือโกรธกันแน่
“แน่ะ พูดไม่เพราะเลย ฉันชื่อคยูฮยอนต่างหา
แอ่ก!!”
จนสุดท้ายคนขาดการรักษาก็ได้กินบาทาแทนข้าวก่อนไปโรงเรียน
~~~~***Because I hate you***~~~~
“ฮยอกแจเป็นอะไรไปน่ะดงเฮ
จุนซู ทำไมดูท่าทางไม่ค่อยดีเลย” ซองมินซักถามผู้เป็นเพื่อนอีกสองคนที่นั่งกำลังนั่งคุยอยู่ใกล้ ๆ กัน แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาคือการส่ายหน้าของทั้งสองคน
“ไม่รู้สิ” เสียงหวานติดจะแหลมของจุนซูตอบเศร้า ๆ
“แล้วนายล่ะดงเฮ ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของฮยอกแจแล้วไม่ใช่หรอ นายรู้อะไรบ้างหรือเปล่า”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ดงเฮตอบด้วยน้ำเสียงเช่นเดียวจุนซู ทั้ง ๆ ที่รู้สาเหตุอยู่เต็มอก..
ฮยอกแจกำลังโดนพิษรักโจมตี
“งั้นหรอ” ซองมินพูดเสียงแผ่ว เขารู้สึกเป็นห่วงผู้เป็นเพื่อนเหลือเกิน พอจะเดินเข้าไปถามคำถามที่ได้รับกลับมาก็คือ ‘ฉันแค่เวียนหัวนิดหน่อยน่ะ’ คล้ายคลึงกับการตอบแบบส่ง ๆ
นายเห็นฉันเป็นคนไกลหรอฮยอกแจ..
เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งห้าปีทำไมฉันจะไม่รู้ว่านายกำลังรู้สึกแบบไหน
คนอย่างนายถ้าไม่ถึงขีดสุดจริง ๆ ก็จะไม่มีวันระบายหรือพูดมันออกมา
ฉันรู้ ฮยอกแจ ฉันรู้ดี
เพราะฉันคือเพื่อนของนาย
แต่ฉันคนนี้มันไม่มีค่าสำหรับนายแล้วหรอฮยอกแจ
เพื่อนคนนี้
ไม่ดีพอที่จะเป็นที่พึ่งสำหรับนายเลยหรอ
ความน้อยใจเริ่มถาโถมเข้ามาในจิตใจของซองมินจนแทบจะแสดงออกมาชัดเจนทางสีหน้า
ทำให้ใครบางคนต้องนึกเป็นห่วงอยู่ไกล ๆ
เสียงออดดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าบัดนี้ได้เวลาพักกลางวัน
หลายคนบิดไปมาอย่างเมื่อยล้า หลายคนตื่นจากการหลับใหล หลายคนจัดการเก็บสมุดหนังสือและเครื่องเขียน แต่ซองมินกลับรีบตรงไปยังโต๊ะของผู้เป็นเพื่อนที่นั่งเหม่อลอยมาตลอดทั้งคาบซึ่งอยู่ถัดไปอีกทางด้านซ้ายอีกสามโต๊ะ
“ไปทานข้าวด้วยกันนะฮยอกแจ” เสียงหวานเอ่ยด้วยท่าทางร่าเริง หวังอยากจะให้ผู้เป็นเพื่อนร่าเริงขึ้นมาบ้าง แต่ไม่เลย
มีเพียงแค่ตอบรับอื้ออึงในลำคอเบา ๆ ก่อนที่ร่างบางจะลุกจากโต๊ะไป
ดวงตาใสของซองมินกระตุกวูบ
ฮยอกแจกำลังทำเหมือนเขาไร้ตัวตน
อย่าเก็บมันไว้คนเดียวสิฮยอกแจ..
เมื่อจุนซูกับดงเฮที่เดินตามมาด้วยกันข้างหลังเริ่มเห็นท่าไม่ดีจึงรีบจะสะกิดเพื่อนหากแต่มือหนาของใครบางคนกลับดึงซองมินให้ถลาเข้าไปในอ้อมแขนแกร่งของตนเสียก่อน แล้วจัดการอุ้มในท่าเจ้าหญิงก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไปหน้าตาเฉย
“อ่ะ..รอเดี๋ยวสิ!”
“ปล่อยไปเถอะจุนซู” ดงเฮเอ่ยเสียงเรียบแล้วดึงไหล่ของร่างเล็กเอาไว้ จุนซูจึงหันกลับมามองดงเฮด้วยแววตาไม่เข้าใจ ในเมื่อคนที่อุ้มซองมินไปคือโจว คยูฮยอนคนที่มีข่าวลือด้านร้าย ๆ หนาหูคนนั้น!
“แต่ว่า..!”
“เชื่อสิ คยูฮยอนไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอก หน้าที่ของเราตอนนี้คือต้องตามฮยอกแจไปมากกว่า ซองมินเองก็คงคิดแบบนั้น” เสียงหวานเอ่ยบอก จุนซูจึงนิ่งเงียบ
อาจจะเป็นอย่างที่ดงเฮพูดก็ได้..
ซองมินคือคนที่อ่อนไหวง่ายที่สุดในกลุ่ม แต่ก็คือคนที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับฮยอกแจมากที่สุดเช่นกัน
“ตกลง”
จุนซูตอบด้วยแววตาเข้มแข็ง
ฉันจะรับหน้าที่ต่อจากนายเอง..ซองมิน
ดงเฮยิ้มรับเบาบาง
จุนซูเป็นคนดี
และเป็นเพื่อนที่ดี เขาเชื่อแบบนั้น
และที่เขาค่อนข้างวางใจคยูฮยอนก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก..
แต่เป็นเพราะแววตาที่คยูฮยอนมองซองมินมันเหมือนกับแววตาที่ฮันคยองมองฮยอกแจต่างหาก
..
คยูฮยอนอุ้มซองมินในท่าอุ้มเจ้าหญิงอย่างไม่อายสายตาใครจนมาถึงดาดฟ้า มือหนาจัดการบิดล็อกประตูแล้วค่อย ๆ ปล่อยคนตัวเล็กที่เอาแต่หันหน้าซบอกเขามาตลอดทาง
ไม่ใช่ซบเพราะอายใคร
แต่เป็นซบเพราะปิดบังน้ำตาของตน
หลายสิ่งหลายอย่างที่มันสั่งสมกันมานานทำให้ซองมินต้องปิดกั้นความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ในใจ แต่ความอดทนของเราย่อมต้องมีขีดจำกัด เหมือนกับแก้วน้ำที่บรรจุน้ำเอาไว้ หากเติมมันลงไปมาก ๆ ก็มีแต่จะล้นปรี่
จนสุดท้ายมันก็จะไหลทะลักล้นออกมา
สำหรับซองมิน
ความรู้สึกนั้นก็คือสิ่งที่เรียกว่า ‘น้ำตา’
เขาเป็นห่วงฮานึล
ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ถึงแม้คยูฮยอนจะบอกว่าตนส่งพี่เลี้ยงที่ชื่อริคกี้ ยูฮวานแฟนชางมินไปช่วยดูให้แล้วก็เถอะ แต่มันอดที่จะห่วงลึก ๆ ไม่ได้
เป็นห่วงอานาริน
ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อาการจะดีขึ้นหรือยัง
เป็นห่วงฮยอกแจ
ที่ไม่รู้ว่านายยังนับฉันเป็นเพื่อนอยู่อีกหรือเปล่า
ความเป็นห่วง
เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเครียดและความกังวล
เขากำลังกังวลเพราะบุคคลรอบข้างหรือยังไม่ชินที่พ่อแม่จากไปกันแน่นะ
เขาถึงได้รู้สึกแย่ขนาดนี้
ขี้แยเสียเหลือเกิน
“นายไม่ควรร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้นะซองมิน” เสียงทุ้มเอ่ยบอกทั้ง ๆ ที่สายตายังคงมองออกไปฟากฟ้าไกล ซองมินที่พยายามกลั้นน้ำตาสุดชีวิตจึงยิ้มหัวเราะแห้ง
“ฮะ ๆ
ฉันรู้”
“นายไม่ควรปิดบังหลายเรื่องเอาไว้คนเดียว”
“
อันนั้น..ฉันก็รู้”
เสียงหวานพูด แต่สายตากลับผลุบลงต่ำราวกับกำลังโกหก
“และนายเองก็มีฉันอยู่”
“
”
“นายบอกกับฉันว่าฉันยังมีนาย แต่ซองมิน
จำเอาไว้ว่านายเองก็ยังมีฉัน”
คยูฮยอนพูดน้ำเสียงอ่อนโยนทว่ามั่นคง พลางใช้สายตาสีรัตติกาลมองลึกเข้าไปในดวงตาสีดำขลับที่กำลังสั่นระริกของอีกฝ่าย ทำให้ซองมินอดที่ใจเต้นเล็ก ๆ ไม่ได้ แต่สุดท้ายใบหน้าหวานก็เริ่มแย้มยิ้มออกแม้ว่ามันจะฝืด ๆ ก็ตาม มือบางเช็ดน้ำใสที่ยังค้างคาตรงหางตาของตัวเองอย่างลวก ๆ
“อื้ม
ขอบใจนะคยูฮยอน..” ร่างบางพูดเสียงเบาบางพลางเอียงศีรษะของตนให้ไปซบไหล่คนข้าง ๆ แต่ร่างสูงก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับใช้มืออีกข้างที่ว่างลูบหัวทุยเบา ๆ เป็นเชิงปลอบ ซองมินหลับตาพริ้ม
รู้สึกสบายกับสัมผัสที่ได้รับ
การอ้อนมันเป็นแบบนี้นี่เอง
รู้สึกสบายเมื่อมีคนมาใส่ใจ
มิน่าฮยอกแจกับจุนซูถึงได้ชอบอ้อนเขานักหนา
“นายรู้ใช่มั้ยว่าควรทำยังไงต่อไป” เสียงทุ้มพูดน้ำเสียงธรรมดา เรียบง่าย
แต่ฟังดูอ่อนโยน ซองมินพยักหน้าหงึกหงักทั้ง ๆ ที่ยังซบอยู่ แก้มนุ่มจึงถูไปตามไหล่แกร่ง
“ฉันรู้”
“เพราะฉะนั้นในฐานะเจ้านายฉันขอสั่งให้นายปฏิบัติตามนั้นเดี๋ยวนี้”
คำสั่งวางกล้ามน่าหมั่นไส้ทำซองมินเด้งตัวขึ้นจากการซบทันที
“นายมันแย่ที่สุดเลยคยูฮยอน” ซองมินทำหน้ามุ่ย
อุตส่าห์ได้บรรยากาศทั้งทีจู่ ๆ กลับมาทำลายซะนี่
เอ๋
ทำลายบรรยากาศ
นายหมายความว่ายังไงน่ะซองมิน..?
นายกำลังคาดหวังอะไรอยู่งั้นหรอ
ล่ะ ล่ะ
แล้วนายคาดหวังอาร๊ายยย!
“แย่ยังไง” คยูฮยอนทำหน้างง พอจะช่วยดี ๆ ก็ด่า ปลอบดี ๆ ก็ด่า กวนตรีนก็ด่า จะเอายังไงกันแน่ นี่ถ้าจับกดยิ่งไม่ด่าพร้อมเสียงครางเซ็กซี่เลยหรอกเหรอ
“ป่ะ เปล่า
เปล๊าาา ไม่มีอะไร ฉันแค่พูดลอย ๆ” ซองมินขึ้นเสียงสูงน่าสงสัยแล้วรีบหันหน้าหนีไปทางอื่น ซุกซ่อนใบหน้าแดงระเรื่อผลพ่วงจากความคิดบ้า ๆ ของตัวเอง
นายเป็นอะไรไปเนี่ยซองมิน!
คยูฮยอนหรี่ตามองอย่างจับผิด “แน่ใจนะ”
“อะ เออ! แน่ใจสิ!!” ท่าทางของซองมินดูคล้ายคลึงกับเด็กทำความผิดแต่ปากแข็ง “แล้วนายจะจ้องฉันอีกนานมั้ย รีบ ๆ ไปดีกว่า ฉันมีเรื่องต้องทำ” เสียงหวานพูดเร็วเป็นปืนกล หมายจะรีบออกไปจากตรงนี้สักที สายตาค้านคั้นของร่างสูงทำเขาทำตัวไม่ถูก!
ปัง..!
คยูฮยอนขมวดคิ้วมุ่นทันทีหลังจากร่างบางเดินออกจากดาดฟ้าไปแล้ว อุเคะนี่ก็เข้าใจยาก
เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวชอบอ้อน
จะเอายังไงกันแน่
แต่เอาเถอะ..
คยูฮยอนยิ้มกรุ้มกริ่ม พลางเอาแขนวางบนรั้วดาดฟ้าแล้วเงยหน้ารับลมเย็น
แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เบื่อ..
ไม่เบื่อจนถึงขนาดที่ว่าจะให้ดูแลตลอดชีวิตก็ยังได้เลย
~~~~***Because I hate you***~~~~
แสงแดดที่สอดลอดออกมาจากแมกไม้ด้านบนทำให้คนโดดเรียนต้องเลื่อนตัวหลบพลางเอนหลังพิงต้นไม้ต่อตามเดิมโดยไม่กลัวว่าเสื้อนักเรียนสีขาวจะเปรอะ นัยน์ตาสีน้ำตาลมะฮอกกานีหลับตาพริ้ม ปล่อยให้เสียงเพลงจาก MP3 ไหลแล่นเข้ามาในโสตประสาท
เนื้อเพลงที่ราวกับตรงใจ..
เสียงร้องหวานใสของเด็กผู้หญิงกำลังขับร้องบอกเรื่องราวของตน แต่ถึงกระนั้นมันกลับตรงใจเขาแล้วฟังดูมีพลังเสียเหลือเกิน
เรื่องเล่าของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่แอบรักคนใกล้ ๆ
แต่ก็ไม่อาจสมหวังเมื่อเขาคนนั้นคิดกับตนเป็นแค่น้องสาว และเรื่องก็ดูจะเลวร้ายมากยิ่งขึ้น
เมื่อเขาคนนั้นมีใครคนหนึ่งอยู่ในหัวใจอยู่แล้ว
ได้แต่อยู่ในตำแหน่งนี้
ตำแหน่งเดิม ๆ ที่เดิม ๆ และซ้ำไปมาของตัวเอง
ตำแหน่งที่ไม่อยากได้รับ..
คลิ๊ก
มือบางกดปุ่มหยุดเพลง ไม่อยากฟัง
เพราะมันตรงกับตัวเอง ฟังไปก็มีแต่จะดึงตัวเองในจมอยู่ในห้วงความคิด จมอยู่ในความเจ็บปวด แล้วจะฟังไปเพื่ออะไร
เพื่อให้รู้ตัวสักทีงั้นเหรอ
“เฮ้อ..” ร่างบางถอนหายใจเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำตาลค่อย ๆ ลืมตาอย่างอ้อยอิ่ง หน้าอกกระเพื่อมลงอย่างเชื่องช้าและแผ่วเบาเป็นจังหวะสม่ำเสมอ รู้ทั้งรู้ว่ามัวแต่ซึมอยู่ต่อไปก็มีแต่จะไร้ความหมาย แต่ว่า
เขายังไม่พร้อมที่จะรับรู้อะไรตอนนี้จริง ๆ
อยากให้เวลาผ่านไปช้า ๆ..
ไม่อยากให้ถึงตอนเย็นเลย
ไม่อยากให้ถึงตอนที่ผู้หญิงคนนั้น
หรือ ‘คนสำคัญ’ ของฮันคยองจะมาร่วมรับประทานทานอาหารที่บ้าน เพราะว่ากลัว
กลัวที่จะเห็นภาพบาดใจ
หากการอยากให้เวลาหยุดคือการหนีปัญหา เขาก็ยอมจะเป็นคนขี้ขลาด
เพราะอย่างน้อยจะได้ก็เลื่อนเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริงไปอีกนิดหน่อยก็ยังดี
ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นไปไม่ได้..
“ฮยอกแจ!”
เสียงหวานที่คุ้นเคยดังลั่นขึ้น ทำให้ฮยอกแจต้องหันไปมองอย่างแปลกใจ ไม่จริง
ซองมินหาเขาเจอได้ยังไง!
“แปลกใจล่ะสิ” ผู้มาใหม่พูดพร้อมเช็ดเหงื่อที่ไหลย้อยตามใบหน้าแล้วงอตัวหอบแฮ่ก “รู้ไหมว่าลำบากแทบตายกับการหาข้ออ้างเพื่อโดดเรียน แล้วแอบหนีจากตึกนั้นมาวิ่งตามหานายทั่วอาคารโดยไม่ให้อาจารย์จับได้เนี่ย”
“ซองมิน..”
“หยุด ฉันรู้ว่านายจะพูดว่าอะไร” มือเรียวรีบยกขึ้นห้ามพลางหย่อนกายนั่งลงข้าง ๆ ผู้เป็นเพื่อน
“นายกำลังหนีปัญหานะฮยอกแจ”
“
ฉันรู้”
“รู้แล้วทำไมไม่ลุกขึ้นสู้ซะล่ะ” เสียงหวานพูดต่อ ในขณะที่ร่างบางส่ายหน้าน้อย ๆ
“มันยากเกิน..”
“แต่นายยังไม่ลองเลยนะ!” เสียงหวานพูดดังลั่น รู้สึกผิดหวังกับคนตรงหน้า ฮยอกแจคือคนที่คอยให้กำลังใจและผลักดันเขาให้สู้มาตลอด แต่เมื่อตัวเองเจอปัญหาเองแล้วทำไมกลับถึงหันหน้าหนี
“ฮยอกแจ
ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายกำลังเจอกับอะไร” ร่างเล็กพยายามพูดช้า ๆ สงบสติอารมณ์ “แต่ถ้านายหนีมัน ก็เท่ากับนายยอมแพ้ แล้วยิ่งหนีมันมากเท่าไหร่
มันก็จะยิ่งมาถึงนายเร็วขึ้นเท่านั้น”
“
ฉันรู้”
“รู้แล้วนั่งบื้อทำไมเล่า!”
“ก่ะ ก็ฉันไม่รู้จะทำยังไงนี่นา!” ฮยอกแจเริ่มตะโกนบ้าง “ปัญหานี้
รั้งไปสู้ไปก็มีแต่จะเจ็บ!” นัยน์ตาสุกใสผลุบลงต่ำ มือบางชี้ไปตรงตำแหน่งหัวใจ
ความรักมันกำลังทำให้เขาอ่อนแอ
“นายก็รู้นี่นาซองมิน”
“
”
“นายก็รู้นี่นา...ว่านายบังคับจิตใจของคนไม่ได้หรอก”
เหมือนกับที่เขาพยายามห้ามจิตใจของตัวเองไม่ให้รักฮันคยองเกินพี่ชายยังไงล่ะ
เขามีแค่สามทางเลือก...ระหว่างตัดใจ รุก และปิดกั้นความรู้สึกนี้เอาไว้ในใจ
ตัดใจ...มันอาจจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำเมื่อต้องเจอหน้ากันอยู่ทุกวัน
รุก...มีแต่จะเกลียดกันเปล่า ๆ มีแต่จะเจ็บช้ำ มีแต่จะมองหน้ากันไม่ติด...
ปิดกั้นความรู้สึกของตัวเอง...คล้ายคลึงกับรักข้างเดียว รอคอยให้เขาหันมาถึงแม้อาจจะไม่มีวันนั้น
และบางที...ทางสุดท้ายอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดด้วยซ้ำไป..
“ฉันเข้าใจนายนะฮยอกแจ..” ซองมินเอ่ยเสียงเบาบาง
“แต่ขืนนายมัวแต่นั่งจมปลักอยู่แบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่ตายแล้วหรอก นายเกิดมาทั้งทีนะ! ทำชีวิตให้มีค่าสิ!! นายต้องทำได้ลี ฮยอกแจ เชื่อฉัน...เรื่องความรักน่ะ ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ เราบังคับจิตใจใครไม่ได้ก็จริง แต่นายก็ทำให้มันดีขึ้นได้นี่นา มองโลกในแง่ดีซะบางสิ! ลี ฮยอกแจแสนคนที่ชอบมองโลกในแง่ดีจนซื่อบื้อน่ะไปไหนหมดห๊า ให้เวลากับหัวใจตัวเองบ้าง...โลกนี้มีเป็นล้านล้านล้านล้านคนนะ เดี๋ยวนายก็เจอรักใหม่เองแหละน่า เผลอ ๆ อาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำไป!”
เสียงหวานพูดยาวพรืดเป็นกิโลทำเอาฮยอกแจต้องตกใจเล็กน้อย แต่นั่นมันก็ทำให้เขาเริ่มตาสว่าง...ใช่ ลีฮยอกแจคนที่ซื่อบื้อเบ๊อะบ๊ะเฟอะฟะซกมกคนนั้นหายไปไหนหมด
“อื้ม!” ฮยอกแจรับคำ “ขอบใจนายมากนะซองมิน นายทำฉันตาสว่าง”
“เหอ ๆ แต่มันก็จะสว่างกว่านี้ถ้านายทำมันได้สำเร็จ..” ซองมินพูดแล้วหยุดไปสักครู่ หันหน้ามองซ้ายมองขวาพลางเอามือหนึ่งข้างป้องปากแล้วกระซิบกับผู้เป็นเพื่อน
“ว่าแต่คนที่นายชอบน่ะ...ใครหรอ”
“อะ เอ๋..?”
“คนที่นายชอบน่ะใคร”
“อะ...อ๊า! จะบ้าหรอ ถามออกมาได้ยังไงน่ะ!? นายไม่ต้องรู้หรอก อะ...เอาไว้ฉันพร้อมเมื่อไหร่ฉันจะบอกก็แล้วกัน” ทำท่าทางอ้ำอึ้งสงสัยพร้อมโบกมือไปมาปฏิเสธ แก้มพวงใสบัดนี้ราวกับมะเขือเทศสุกทำเอาซองมินหัวเราะร่วน
“เออ ๆ โอเค แต่นายต้องบอกฉันนะ”
“บอกเซ่ บอกแน่ ๆ”
“อืม...งั้นไปเรียนกันเถอะ”
“เรียน?” ฮยอกแจทวนคำ
“ก็ใช่น่ะสิ เรียนไงเรียน ฉันอุตส่าห์หาข้ออ้างให้ว่านายท้องเสียอยู่ในห้องน้ำ จะได้ไม่โดนอาจารย์เช็คขาด แล้วค่อยแกล้งปวดหัวออกมาตามหานายเนี่ย” ซองมินพูดหน้าตาย ฮยอกแจทำหน้าเหวอ
“ท้องเสีย! ให้ตายสิ แล้วนายจะหาข้ออ้างให้ดีกว่านี้ไม่ได้รึไงเล่า!!”
“ง่ะ ก็ฉันคิดไม่ออกแล้วนี่ แต่ดูเหมือนอาจารย์แทยอนจะเชื่อด้วยนะ แถมยังเป็นห่วงนายเอามาก ๆ ด้วย แหม...ก็นายมันเด็กดีนี่หว่า อาจารย์แทยอนแกดูเป็นห่วงมากเลย ยังไงถ้ากลับไปแล้วก็ช่วยแกล้งป่วยให้มันเนียน ๆ หน่อยละกัน” ซองมินอธิบายแผนการ ทำเอาฮยอกแจอยากตาย...ฮืออ เขาหายไปเกือบสามสิบนาทีเลยนะ ป่านนี้ถ้าเพื่อน ๆ ในห้องไม่คิดว่าเขากินไม่เลือกจนท้องเสียก็ให้มันรู้ไปสิ!
~~~~***Because I hate you***~~~~
เขาคิดถูก..
พอกลับถึงห้องอาจารย์แทยอนก็เป็นห่วงเขาเสียยกใหญ่ เพื่อน ๆ ในห้องก็รุมถาม ถ้าไม่ติดที่ว่าอาจารย์แทยอนเกิดฟิวส์ขาดแปลงร่างเป็น Black TaeYeon เสียก่อน สงสัยต่อให้ทั้งคาบเพื่อน ๆ ก็ยังคงไม่เลิกรุมแกล้ง
กิ๊งก่อง
ออดที่ดังเป็นกิจวัตรประจำวันมาเรียนดังขึ้นทำเอาหลายคนต้องส่งเสียงเฮในใจ แต่ในขณะที่อีกหลายคนได้แต่โอดครวญเบา ๆ ก็แหม
อาจารย์ประจำวิชาภาษาอังกฤษสวยนี่นา...อยากจะเรียนด้วยนาน ๆ
“เอาล่ะ การบ้านวันนี้ก็คือให้แปลเรื่องสั้นภาษาอังกฤษที่สนใจมาสักเรื่องก็แล้วกัน จะเป็นข่าวก็ได้ครูไม่ว่า เลิกเรียนได้” อาจารย์ทิฟฟานี่ผู้ขึ้นชื่อสวยแต่โหดสั่งงาน เรียกเสียงโอดครวญกันเป็นแถบ ๆ ของนักเรียนในห้องได้เป็นอย่างดี
ซองมินจัดการเก็บของใส่กระเป๋า แต่จู่ ๆ เพื่อนผู้หญิงสามสี่คนในห้องก็รีบเดินมากักตัวร่างเล็กเอาไว้ไม่ให้ไปไหนพร้อมยิงคำถามใส่ทันที
“ซองมิน ได้ข่าวมานายเป็นแฟนของคยูฮยอน มันจริงรึเปล่า”
“ห๊า!” คนถูกถามทำหน้าเหวอ “จะบ้าหรอ เธอไปได้ยินมาจากไหนน่ะยูริ”
“จากซูยอง” คำตอบที่ทำให้ซองมินถึงกับกุมขมับ ซูยองคือแม่สาวนักข่าวประจำห้องเลยทีเดียว แถมยังเป็นสาวขาเม้าท์ตัวฉกาจ
“แต่ว่าพวกเราไม่ได้ยินมาจากซูยองคนเดียวหรอกนะ เขาลือกันทั่วโรงเรียนแล้ว เพราะใคร ๆ ก็เห็นว่าคยูฮยอนน่ะเดินอุ้มนาย”
ตุบ
ประโยคถัดมาทำเอาซองมินต้องเผลอปล่อยกระเป๋านักเรียน งานเข้าแล้วไง!
ยิ่งควอน ยูริคนนี้ยิ่งเป็นประธานชมรมคนรักโจว คยูฮยอนเสียด้วย!!
“ว่าไง”
“อะ อ๋อ ตอนนั้นฉันซุ่มซ่ามเผลอไปชนโต๊ะเรียนน่ะ ของก็เลยหล่นมาทับเท้า คยูฮยอนมาเห็นเข้าก็เลยจะพาไปห้องพยาบาล” ซองมินไถลไปตามเรื่องพร้อมรอยยิ้มแหย ๆ เจ้าแม่ยูริจึงหรี่ตามองร่างเล็กอย่างจับผิด
“แน่ใจนะ?”
“น่ะ...แน่ใจสิ!”
“แต่มีคนบอกว่าคยูฮยอนอุ้มนายขึ้นไปบนดาดฟ้านี่นา” เสียงหวานใสของเจสสิก้าดังขึ้นทำใครหลายคนหันขวับไปมองซองมินเป็นตาเดียว เหงื่อเม็ดใสจึงผุดขึ้นตามใบหน้าร่างเล็ก โธ่เอ้ยยัยเจสสิก้า...เห็นเป็นคนไม่ชอบพูดนักแล้วทำไมต้องมาพูดตอนนี้ด้วยเนี่ย!
“อะ...เออ..” ซองมินเริ่มทำอ้ำอึ้ง จะบอกยังไงดี...โฮ พระเจ้าครับ ช่วยกระต่ายด้วย ผมยังไม่อยากตายก่อนวัยก่อนควร!
“อย่าถามอะไรให้ซองมินต้องลำบากใจสิครับสาว ๆ”
หมับ!!
“เพราะเดี๋ยวฉันจะเป็นตอบเอง”
เสียงทุ้มชวนของละลายใจอันเป็นเอกลักษณ์ของคนต้นเหตุดังขึ้นพร้อมกับมือปลาหมึกที่โอบขวับเข้าที่เอวค่อดของซองมิน ร่างเล็กจึงสะดุ้งโหยงแล้วเบิกตากว้าง
ซวยบรม
“คยูฮยอน!!”
“ใช่ แหม..คิดถึงฉันขนาดเรียกชื่อซะดังเลยหรอ”
“ปล่อยนะ!” ซองมินตะโกนลั่นแล้วพยายามแกะมือที่ติดหนึบอยู่กับแขนของตัวเองออก แต่ดูเหมือนยิ่งแกะเท่าไหร่ก็ยิ่งแน่นมากขึ้นเสียมากกว่า
“เดี๋ยวก่อนนะ...คยูฮยอน ที่นายทำแบบนี้มันหมายความว่ายังไง” ซันนี่หนึ่งในแฟนคลับพูดขึ้นบ้าง ร่างสูงจึงยิ้มกรุ้มกริ่มชวนละลายใจที่ซองมินคิดว่ามันคือ ‘แสยะยิ้ม’ ไปให้ ก่อนจะตามมาด้วยประโยคที่ทำเอาใครหลายคนต้องอ้าปากค้างไปเป็นแถบ ๆ
มันคือความจริงช็อคโลก
“ก็ซองมินเป็นแฟนฉันนี่”
เดี๋ยวก่อน...เรื่องนี้มันฮันฮยอกนะ
แต่ดูเหมือนมันเริ่มไม่ใช่คู่หลักแล้วววว =[]=!
หึหึ
แต่คยูมินก็มาแล้ว =_,=
เยเรียวรอก่อน ออกแน่
แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ ฮา..
>____________________<!!!
Love U reader!!
| ||||
| ||||
Name : จับฮยอกกดกรี๊ดดด [ IP : 125.24.123.227 ] |
| ||||
| ||||
Name : maybeloveu< My.iD > [ IP : 58.8.41.245 ] |
| ||||
| ||||
Name : @_minto_@< My.iD > [ IP : 58.8.22.158 ] |
| ||||
| ||||
Name : yaoisang [ IP : 125.27.6.169 ] |
| ||||
| ||||
Name : pommie [ IP : 58.8.107.42 ] |
| ||||
| ||||
Name : !..Alone_Wolf..!< My.iD > [ IP : 124.121.152.147 ] |
ความคิดเห็น