คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 12 :: หลอกลวง [100%] ในที่สุดมันก็ครบ!!
ตอนที่ 12 หลอกลวง
สุดท้ายก็แค่หน้ากากทั้งนั้นที่ฉันเคยเจอ
เคย
โดนตั้งความหวังไหม
แล้วเคย
มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่า
เพราะยิ่งถูกตั้งความหวังมากเท่าไหร่ หากยิ่งล้มลงและทำได้ไม่ดีมากเท่าไหร่
คนที่จะเจ็บปวด ก็คือตัวเราเอง
ทว่าในทางกลับกัน
เพราะไว้ใจ
จึงถึงได้มอบภาระอันแสนหนังอึ้งให้
เรื่องมันเริ่มมาตั้งแต่ในอดีต..
เหล่าสองพรรคทั้งพรรคโซฮวา และพรรคคังคยองเคยเป็นมิตรต่อกันมาก่อน เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันและมีรอยยิ้มที่จริงใจต่อกัน ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่จะหาได้ยากยิ่งในวงการมาเฟียแห่งโลกมืด นั่นช่างนับเป็นเรื่องดี ใช่..
แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดฝันกลับเกิดขึ้น
การสูญเสียสิ่งที่แสนสำคัญทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองพรรคต้องขาดสะบั้นลง
นั่นจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง...ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
คนที่เคยเป็นเพื่อนรักต้องกลับกลายเป็นศัตรู เป็นคู่แข่ง และระแวงซึ่งกันและกัน
ดังนั้นจึงไม่แปลก
ที่เขาจะได้รับภารกิจนี้
‘สอดแนม’
ล้วงความลับ แย่งชิง หนอนบ่อนไส้ และทำลาย
“นี่คือบ้านของคุณหนูที่นายจะต้องปกป้องคุ้มครอง”
เสียงของหัวหน้าหน่วยมือสังหารเอ่ยบอกกับชายหนุ่ม เขาจึงพยักหน้ารับเบา ๆ ทำให้เส้นผมสีดำสนิทพอได้คลอเคลียไปกับใบหน้าคมก่อนที่นัยน์ตาสีรัตติกาลจะมองตามผู้ที่มีตำแหน่งเหนือกว่ากำลังเดินนำหน้าแล้วเดินตามไป
ข้างในบ้านถูกประดับประดาด้วยสไตล์วิคตอเรียเช่นเดียวกับนอกบ้านซึ่งดูอบอุ่นและหรูหรา โคมไฟระย้าราคาแพงหูฉี่และกระเบื้องลวดลายสวยงามประกอบกับสิ่งของหลาย ๆ อย่างภายในบ้านบ่งบอกถึงฐานะของคนในบ้านได้เป็นอย่างดี นายของเขาเดินนำหน้าไปเรื่อย ๆ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ชายชุดดำร่างสูงใหญ่ที่กำลังเฝ้าอยู่บริเวณหน้าประตูคนหนึ่งแล้วพูดคุยกันเล็กน้อยพอเป็นถามพิธี ก่อนที่ชายคนนั้นจะหยักหน้ารับแล้วหลีกถอยให้ทั้งสองเดินเข้าไปด้านใน
ทั้งสองเดินเข้ามาในห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องรับแขก นัยน์ตาสีรัตติกาลจึงกวาดมองไปทั่วห้องอย่างใคร่รู้ทำให้เห็นชายร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาราวกับปะติกรรมชิ้นเอกท่าทางดีมีภูมิฐานคนหนึ่งกำลังนั่งด้วยท่าทีสบาย ๆ อยู่บนโซฟา ทางด้านซ้ายมือของชายคนนั้นก็คือชายอีกคนที่มีดวงหน้าหวานราวกับอิสตรี ส่วนรอบ ๆ ก็เต็มไปด้วยบอดี้การ์ดชุดดำร่างใหญ่อีกสองสามคน นายของเขาโน้มตัวทำความเคารพอย่างสง่างามก่อนจะปริปากเอ่ยกับบุคคลในห้อง
“สวัสดีครับคุณยุนโฮ”
“สวัสดี ฉันกำลังรออยู่เลย” เจ้าของชื่อคนนั้นขานตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าแฝงไปด้วยอำนาจดุดัน เขาจึงคิดว่าชายร่างสูงคนนั้นน่าจะชื่อยุนโฮเป็นแน่
ชอง ยุนโฮ
หัวหน้าพรรคโซฮวาคนนั้น
“นี่คงจะคือคิม เยซองสินะ”
“ใช่ครับ” นายของเขาตอบก่อนจะส่งสายตาให้ลูกน้องของตัวเองทำให้สิ่งที่ควรทำ เยซองรู้ดี เขาจึงโน้มตัวลงอย่างไม่รีรอ
“สวัสดีครับ” ร่างโปร่งทักทายด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เพราะบอดี้การ์ดไม่จำเป็นต้องมีอารมณ์ แค่ปกป้องเจ้านายของตนด้วยชีวิตก็เพียงพอแล้ว
“สวัสดีเยซอง นายคงจะคือบอดี้การ์ดคนใหม่ของเรียวอุคสินะ ฉันชื่อชอง ยุนโฮ พี่ชายของเรียวอุค รอสักพักก็แล้วกัน เดี๋ยวก็คงลงมาแล้วล่ะ
นั่นไง มาแล้ว เรียวอุค มานั่งใกล้ ๆ พี่มา” ยุนโฮระบายยิ้มบนใบหน้าพร้อมผายมือเรียกผู้เป็นน้องที่เพิ่งเดินเข้ามา ร่างบางจึงเดินผ่านเยซองที่ยืนอยู่หน้าประตูไปยังผู้เป็นพี่แล้วนั่งตรงลงทางขวามือ
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่ยุนโฮ พี่แจจุง” เสียงหวานใสราวกับระฆังแก้วเอ่ยบอก ยุนโฮพยักหน้ารับแทนคำตอบในขณะที่ชายหน้าหวานราวกับอิสตรีเลือกที่จะพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดเสียงหวานพร้อมรอยยิ้ม
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ”
“นี่บอดี้การ์ดคนใหม่ คิม เยซอง” ยุนโฮแนะนำร่างโปร่งให้น้องคนเล็กได้รู้จัก เจ้าของชื่อจึงโค้งตัวลงอย่างน้อบน้อมพลางลอบสังเกตคนที่ขึ้นชื่อว่าจะได้เป็นนายใหม่
“และนี้
คิม เรียวอุค ฝากน้องชายของฉันด้วยนะ ฉันเชื่อมั่นในฝีมือนาย
เยซอง” เสียงทุ้มฝากฝัง น้ำราบเรียบแต่แฝงไว้ซึ่งด้วยอำนาจ มันคือเค้าลางว่าหากเรียวอุคเป็นอะไรไปเขาจะไม่ได้ตายดี เพราะฉะนั้น
อย่าได้ทรยศความไว้วางใจของคน ๆ นี้เด็ดขาด
“ยินดีที่ได้รู้จักนะเยซอง” เรียวอุคพูดเสียงหวานพร้อมแย้มรอยยิ้มพิมพ์ใจ เส้นผมสีดำขลับตัดกับใบหน้าที่ออกไปค่อนข้างจะหวานสีขาวผ่องและน้ำเสียงทุ้มตามประสาเพศชายหากแต่กลับหวานใสทำให้ผู้ที่เพิ่งพบเจอต้องหลงเสน่ห์ได้อย่างไม่ยากเย็น นั่นจึงคือข้อสงสัยที่ทำให้เยซองต้องแอบคิดอยู่ในใจว่าคนเป็นพี่เป็นน้องนั้นสามารถต่างกันได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ
ในเมื่อคนพี่ช่างดูน่ากลัว แต่คนน้องกลับดูเหมือนเทวดาน้อย ๆ มาจุติ
“งั้นเริ่มงานเลยนะฮะ ปะเยซอง
ฉันจะพานายไปดูห้อง” ร่างบางพูดอย่างร่าเริง
“ไม่จำเป็นหรอกเรียวอุค เดี๋ยวค่อยให้คนอื่นพาไปเยี่ยมชมก็ได้นี่นา” พี่คนโตตระกูลชองพูดขัด
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะได้รู้จักกับเยซองไปในตัวด้วย” พูดเองเออเองไม่ฟังคำห้ามปราบแล้วจับมือดึงบอดี้การ์ดหน้าใหม่ให้ออกไปจากห้องทันทีก่อนที่หนุ่มชองจะได้เอ่ยปาก ฝั่งชายหน้าหวานราวกับอิสตรีที่นั่งเงียบดูเหตุการณ์มานานจึงอดหัวเราะไม่ได้
“น้องชายนายนี่น่ารักได้เสมอเลยนะยุนโฮ” คิม แจจุงหรือชายหน้าหวานคนนั้นพูดติดตลกหัวเราะร่วน พี่ชายของคนถูกชมจึงได้แต่ทำหน้ามุ่ย
“เพราะงี้แหละถึงน่าเป็นห่วง อัธยาศัยดีก็จริงแต่ใสซื่อแบบนี้ฉันกลัวจะตามคนไม่ทัน”ร่างสูงถอนหายใจ เขาเข้าใจว่าน้องชายเป็นคนแบบนั้น แจจุงจึงหัวเราะคิกคักแล้วพูดขึ้นบ้าง
“ไม่แน่ก็ได้นะ ฉันคิดว่าเรียวอุคน่ะฉลาดจะตาย”
“แน่นอน ฉลาดเหมือนพี่คนนี้นี่ไง” เสียงทุ้มยอตัวเอง มือบางจึงหยิกแก้มของอีกฝ่ายอย่างหมันเขี้ยวแล้วหยอกล้อเล่นกันต่อตามประสาคู่รักก่อนที่มือหนาจะคว้าขวับเข้าที่เอวบางแล้วดึงเข้ามาหาตัว
“ยุนโฮ คนอยู่เต็มห้องเลยนะ!” เสียงหวานกระซิบเชิงจะดุเบา ๆ ร่างสูงจึงหัวเราะร่วนแล้วพูดหน้าตาย “ไม่เห็นจะแคร์” เรียกนัยน์ตาเขียวปึ้ดจากคนรักได้เป็นอย่างดี หนุ่มชองก็เลยยื่นข้อเสนอต่อไปไปให้
“งั้นถ้าไม่มีใครอยู่ในห้องก็ทำได้ใช่มั้ย”
“ห๊ะ จะ จะ จะบ้าเหรอ!!” แจจุงหน้าแดงแป๊ดเรียกเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานได้จากยุนโฮเป็นชุดใหญ่ ทำให้บอดี้การ์ดในห้องอดที่จะยิ้มตามไปกับคู่รักหวานชื่นตรงหน้าไม่ได้ ในขณะที่บอดี้การ์ดบางคนยังคงมองภาพนั้นด้วยสีหน้าว่างเปล่ายากที่จะคาดเดาอารมณ์
มีความสุขให้มาก ๆ นะชอง ยุนโฮ
เพราะต่อไปหลังจากที่บางอย่างถูกคำสั่งให้เริ่มก้าวเดิน
วันนั้นล่ะจะเป็นวันที่นายต้องเจ็บปวดเจียนตาย..
“นี่คือห้องของนายล่ะ เป็นไง
น่าอยู่ดีมั้ย” ผู้เป็นนายเอ่ยเสียงใสแล้วเดินนำหน้าเข้ามาในห้อง บอดี้การ์ดหน้าใหม่จึงได้แต่รับคำไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ครับ”
ห้องนี้ถือว่าน่าอยู่มากเลยทีเดียว มีอุปกรณ์บันเทิงและอำนวยความสะดวกพร้อมครบครั้น ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นคลาสลิคสบาย ๆ เน้นไปที่โทนสีน้ำตาล สีขาวและสีดำ ดูน่าอยู่มากจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นของบอดี้การ์ดอย่างเขา
“ห้องนี้จะต่อกับห้องของฉันโดยมีประตูบานนี้เป็นตัวเชื่อมต่อ ถ้าฉันเรียกนาย ๆ ก็ต้องมาหาฉันทันที เข้าใจนะ” พูดพร้อมชี้ไปที่ประตูบานหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ ตู้กระจกให้ดู เยซองจึงพยักหน้าเนิบ ๆ เป็นเชิงเข้าใจ
“ครับ”
“นายนี่ชอบพูดแต่ครับ ๆ มีคำอื่นบ้างมั้ยเนี่ย ลองพูดให้ฉันฟังหน่อยสิ”
“ได้ครับคุณหนู”
คำพูดที่ออกมาตามคำสั่งทำเอาร่างบางต้องกุมขมับ ไม่รู้ว่าจงใจกวนทีนหรือใสซื่อจริง ๆ กันแน่ แต่เอาเถอะ
ยังไงมันก็ยาวกว่าคำว่าครับล่ะนะ
“อ๋อ แล้วก็ห้องน้ำ รับรองว่านายต้องชอบ ตามฉันมาสิ” เรียวอุคทำหน้าเหมือนคนเพิ่งนึกอะไรออกแล้วยิ้มใสซื่อราวกับเจ้าบานที่ดีพร้อมเดินนำหน้าไป ร่างสูงจึงเดินตามไปถึงแม้จะตะขิดตะขวางในใจเล็กน้อย ในเมื่อเขาเป็นแค่บอดี้การ์ด
ไม่เห็นจะต้องมาใส่ใจเขาขนาดนี้เลยนี่นา
หรือว่าจะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงกัน..
เยซองก้าวตามเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่รีบร้อน ห้องน้ำนี้เป็นห้องน้ำกว้างขวางสีขาวสะอาดตาดูสะดวกสบาย หากแต่มันกลับทำให้เขาแปลกใจยิ่งขึ้นเมื่อไม่มีคนอยู่..
“คุณหนู”
เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างเริ่มใจเสีย กวาดนัยน์ตาไปทั่วห้องน้ำก่อนที่จะเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงบางอย่างแล้วหยุดนิ่งอยู่ที่เดิมพลางพยายามเหล่ตามองไปทางด้านหลัง
วัตถุมัจจุราชสีดำกำลังจ่ออยู่ที่ศีรษะของเขา...
“ทำไม” เยซองพูดเสียงเรียบ ทำให้อีกฝ่ายต้องตอบด้วยน้ำเย็นชาไม่ต่างกัน
“ก็เพราะฉันรู้ความลับของนายไง..”
“ความลับ?”
“ใช่ ความลับ..” น้ำเสียงหวานราวกับระฆังนั้นขานตอบพร้อมเดินเพื่อเคลื่อนย้ายร่างกายมาไว้ที่ด้านหน้าของร่างสูงแทน หากแต่มือบางก็ยังถือปืนจ่อหัวของอีกฝ่ายไว้แบบนั้น นัยน์ตาหวานของเรียวอุคจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาของอีกฝ่ายอย่างบีบเค้นคำตอบ
“ฉันรู้ว่านายเป็นสายสืบให้กับพรรคคังคยอง”
“
”
“ถ้าความลับนี้แพร่งพรายออกไป ทั้งนายและพรรคของนายจะแย่
รู้ดีใช่มั้ย”
“นายต้องการอะไร”
เยซองเอ่ยเสียงเรียบ แววตาที่จ้องมองลึกเข้าไปในแววตาของอีกฝ่ายยังคงนิ่งเรียบไม่ไหวติ่ง ดูมั่นคงเสียซะจนร่างบางต้องเป็นฝ่ายสะอึกเอง
คน ๆ นี้ยอมตายได้เพื่อพรรคของตัวเองแน่นอน
เพราะกฎเหล็กของการเป็นสายลับก็คือ
’หากถูกจับได้ต้องตายให้เร็วที่สุด’
นี่คือข้อปฏิบัติที่ใคร ๆ ก็ย่อมรู้ดี..
“ฉันอยากให้นายช่วย” เรียวอุคลดปืนลงพร้อมเริ่มพูดเข้าถึงประเด็น ร่างสูงจึงขมวดคิ้วมุ่น
“แล้วทำไมต้องพูดในห้องน้ำ”
“ห้องน้ำคือที่ ๆ เดียวที่ปลอดภัยจากเครื่องดักฟังและกล้องวงจรปิดมากที่สุด” ร่างบางเอ่ยตอบ ก่อนจะวกกลับเข้าประเด็นหลัก
“นายจะช่วยฉันได้หรือเปล่า” คำขอร้องเฉกเช่นเดิมที่ทำให้ร่างสูงต้องขมวดคิ้วอีกเป็นชุดใหญ่
“แต่พรรคโซฮวาของพี่ชายนายเป็นศัตรูกับพรรคฉัน”
“ใช่ เพราะอย่างนั้นแหละฉันถึงต้องการให้นายช่วย” ถ้อยคำของร่างบางดูรีบร้อนและลุกลี้ลุกลน
“นายไม่สงสัยบ้างเลยเหรอว่าทำไมจู่ ๆ พรรคโซฮวาที่เคยเป็นมิตรกับพรรคคังคยองอยู่ดี ๆ ถึงกลายเป็นศัตรูกัน”
“
” เยซองนิ่งเงียบแทนคำตอบ สงสัยสิ
ทำไมจะไม่สงสัยล่ะ แต่สงสัยไปจะได้อะไรขึ้นมาในเมื่อรู้มากไปก็มีแต่ก็เป็นภัยแก่ตัว
เรียวอุคเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไปแบบนั้นจึงรีบถามต่อ “นายคงเคยได้ยินใช่มั้ยว่าพี่ชายฉันกับหาน ฮันคยองแห่งพรรคคังคยองเคยเป็นเพื่อนรักกัน”
อีกคราที่นัยน์ตาคมต้องจ้องมองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ เขาเคยได้ยินแน่นอน
แต่เขาก็ไม่อยากด่วนสรุปในเมื่อทั้งสองที่อยู่คนละพรรคกำลังเป็นศัตรูกัน เรียวอุคตีสีหน้าเรียบนิ่ง ก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะเริ่มปริเอ่ย..
“พี่ชายของฉัน
สูญเสียคนรักไปเมื่อสามปีก่อน”
“..”
“ตอนนั้นก่อนจะเกิดเรื่องพี่ยุนโฮสนิทกับพี่ฮันคยองมาก ๆ
จะใช้คำว่าเพื่อนรักเลยก็คงไม่ผิด แต่แล้วจู่ ๆ ทั้งสองกลับหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน พี่ยุนโฮตกใจมากเมื่อได้รับรู้เรื่องนั้น แต่แล้วเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะคิดว่าตนเป็นลูกผู้ชายพอที่ร่วมกันแข่งอย่างสมศักดิ์ศรีว่าใครจะได้หัวใจของเธอไปครอง ซึ่งผลสุดท้ายก็สรุปว่าผู้หญิงคนนั้นหลงรักพี่ยุนโฮ พี่ฮันคยองเสียใจ
แต่เขาก็ไม่พูดอะไร เขาฉลาดพอที่จะยอมรับการตัดสินครั้งนี้โดยรักษาความเป็นเพื่อนกับพี่ยุนโฮต่อไปและภาวนาให้ทั้งสองมีความสุข” เรียวอุคเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงธรรมดา แต่พอจากนี้ไปก็เริ่มสะดุดและแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ จนร่างสูงสามารถสังเกตได้ถึงความเศร้าสร้อยที่ปนอยู่ในน้ำเสียงหวานนั่น
“หลายเดือนต่อมา เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
ผู้หญิงคนนั้นเริ่มที่จะหันมารักพี่ฮันคยอง ในขณะที่พี่ฮันคิดกับผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่เพื่อนแล้ว เพราะหลังจากที่โดนหักอกเขาก็ได้เข้าใจว่าเขาไม่ได้รักเธอจริงจัง มันเป็นแค่ความรู้สึกหลงชอบชั่ววูบชั่วขณะ แต่พี่ยุนโฮต่างหาก ที่รักเธอเข้าจริง ๆ”
“
”
“แล้ววันหนึ่งผู้หญิงคนนั้นก็เรียกพี่ฮันออกไปคุย พี่ยุนโฮที่เดินตามมาเห็นพอดีจึงแอบสะกดลอยตามไปซุ่มดูอยู่หลังพุ่มไม้ แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อรู้มั้ย ผู้หญิงคนนั้น
มันทรยศพี่ยุนโฮ! มันบอกรักกับพี่ฮันแล้วบอกว่ามันไม่เคยรักพี่ยุนโฮเลย การที่มันเคยรักพี่ยุนโฮเป็นแค่ความหลงชอบชั่ววูบเท่านั้น!” น้ำตาใสเริ่มไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย เขาเข้าใจความรู้สึกของพี่ชายดีว่าการถูกหักหลังมันเป็นยังไงในเมื่อเขามีสายเลือดเดียวกัน
“พี่ของฉันต้องเจ็บแค่ไหนก็เพราะมัน! แต่พี่ฉันไม่พูด เพราะเขาโทษตัวเองต่างหาก เขาโทษที่ตัวเองที่ไม่ดีพอจนผู้หญิงคนนั้นต้องหันไปรักคนอื่น..”
โทษตัวเองที่ไม่ดีพอ
ไม่ดีพอที่แม้จะรั้งคนที่ตัวเองรักไว้ก็ยังทำไม่ได้
“แล้วเกิดอะไรขึ้นรู้มั้ย ผู้หญิงคนนั้น
มันขอเลิกกับพี่ยุนโฮ! มันบอกว่ามันรักพี่ฮันมากกว่า ขอบคุณสำหรับทุก ๆ อย่าง เฮอะ
ดูพูดง่าย พูดง่าย ๆ ในขณะที่พี่ชายฉันต้องเจ็บเจียนตาย! และสุดท้ายเรื่องนี้ก็จบ จบแบบที่ไม่มีใครต้องการ! พี่ยุนโฮเรียกทุกคนออกมาพร้อมหน้ากันเพื่อจะเคลียร์เรื่องนี้ แต่เพราะพี่ยุนโฮเพิ่งได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคของโซฮวาคนใหม่ทำให้ถูกหมายหัวจากพวกพรรคอื่น แล้วตอนนั้นมีการซุ่มลอบสังหารพี่ยุนโฮพอดี และเพราะผู้หญิงคนนั้นและพี่ฮันกำลังอยู่ในเหตุการณ์ด้วยก็เลยโดนลูกหลง มีคนถือปืนเล็งมาที่พี่ฮัน แล้วผู้หญิงคนนั้น...ฮึก.. ผู้หญิงคนนั้นกลับเอาตัวเอาบังรับกระสุนแทน..”
เพราะเขายังจำเหตุการณ์นั้นได้
เธอคนนั้นที่กระโดดรับกระสุนแทนฮันคยอง..เพื่อคนที่ตัวเองรัก
ปกป้องคนหนึ่ง
..แต่อีกคนกลับใจสลาย
“นับตั้งแต่วันนั้นมาคำว่าเพื่อนรักของพี่ชายฉันและพี่ฮันเลยกลายเป็นแค่อดีต พี่ชายฉันเกลียดพี่ฮันเข้ากระดูกดำเพราะคิดว่าพี่ฮันเป็นต้นเหตุทำให้ผู้หญิงคนนั้นต้องตาย..” และดูเหมือนความพยายามในการเล่าเรื่องของเรียวอุคจะเริ่มสิ้นสุดลงเมื่อน้ำเสียงหวานเริ่มสะอื้นไห้อยู่เงียบ ๆ ริมฝีปากบางกับฟันเรียงสวยกัดเข้าหากันจนมันเริ่มแดงช้ำเพื่อกลั้นเสียงไม่ให้เล็ดลอดออกมา เยซองก้มหน้านิ่ง ก่อนที่ท่อนแขนแกร่งจะค่อย ๆ รวบคนตัวเล็กกว่าที่เป็นฝ่ายของศัตรูให้เข้ามาในอ้อมกอด
รู้ดีว่าไม่ควร
คนตรงหน้าคือศัตรู
ดังนั้นที่ได้ฟังมามันอาจจะเป็นแค่เรื่องที่แต่งขึ้นเองเพื่อให้เขาตายใจ
แต่ทำไม...
เขาถึงไม่ชอบที่จะให้คนตรงหน้าร้องไห้เลยนะ
“นาย...อยากจะให้ฉันช่วยอะไร”
“เอ๋..”
“นายอยากจะให้ฉันช่วยนายยังไง” เสียงทุ้มทวนอีกรอบทั้ง ๆ ที่ยังกอดอีกฝ่ายเอาไว้แบบนั้นพลางใช้มือหนากดให้หัวทุยซบเข้าที่อกของเขาเพื่อไม่ให้ได้เห็นสีหน้าที่กำลังแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกไม่แน่ใจว่ากำลังสับสนหรืออะไรกันแน่ ส่วนอีกฝ่ายเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกกอดถูกปลอบแบบนี้แก้มพวงใสจึงขึ้นสีชมพูอย่างช่วยไม่ได้
“อะอืม
พี่ของฉันไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจอะไรได้ง่ายขนาดนั้น ยิ่งกลับพี่ฮันที่สนิทกันมานานยิ่งต้องมีอะไรที่สำคัญมาก ๆ จริง ๆ ถึงจะเกลียด...แต่คราวนี้ พี่ยุนโฮกลับเกลียดพี่ฮันเข้ากระดูกดำได้ง่ายเกิน...จนเหมือนไม่มีเหตุผล ฉันก็เลยคิดว่าพี่ฉันต้องโดนเป่าหูเข้ามาก ๆ แน่”
“นายกำลังจะบอกว่า
” เยซองลากเสียงแผ่วเบา เรียวอุคจึงพยักหน้าเล็กน้อยทำให้ใบหน้าหวานถูไถไปตามอกแกร่งแล้วจึงดันตัวออกมา
“คนที่จะเป่าหูพี่ฉันได้ ต้องเป็นคนที่พี่ฉันไว้ใจได้มาก ๆ เท่านั้น” เสียงหวานเอ่ยตอบ เยซองจึงทำหน้ากรุ่นคิด คนที่สนิทกับยุนโฮมากจนทำเรื่องแบบนี้ได้
ที่เขารู้ ๆ มาก็มีแค่ไม่กี่คน มีเรียวอุคที่เป็นน้องชาย หัวหน้าพรรคองค์กรที่ส่งเขามา หัวหน้าพรรคองค์กรอีกสององค์กร และก็..คิม แจจุงที่เป็นแฟนหนุ่ม
เรียวอุคไม่น่าใช่ ดังนั้นก็เหลือหัวหน้าองค์กรพวกนั้นอีกสามองค์กรเพราะแจจุงเองก็ไม่น่าจะใช่เหมือนกัน..
“ไม่ใช่หัวหน้าองค์กรอีกสามคนหรอก” เรียวอุคพูดอย่างรู้ทัน เขาคิดว่าสายลับอย่างเยซองต้องสืบประวัติยุนโฮมาก่อนเป็นแน่ และเขาก็คิดถูกเมื่อใบหน้าคมเริ่มจะขมวดคิ้วยิ่งขึ้นไปอีก
งั้นผู้ต้องสงสัยก็เหลือแค่คนเดียว
ไม่...ไม่น่าใช่
ชายหน้าหวานที่ชื่อแจจุงน่ะหรือจะคือคนเป่าหูชอง ยุนโฮ
“บางอย่างก็ไม่ใช่สิ่งที่เราเห็นหรอก..” เสียงหวานพูดแผ่วเบาให้ขบคิด
เพราะไม่ใช่สิ่งที่เราเห็น
เพราะหลอกลวง
เพราะไว้ใจไม่ได้
เพราะฉะนั้น...คนที่เราคิดว่าดีที่สุด รักที่สุด อาจจะต้องเป็นคนที่ร้ายที่สุด...หรือเกลียดที่สุด
และเยซองที่ได้ยินดังนั้นจึงเริ่มแน่ใจขึ้นมาอีกหน่อย ไม่..จะใช่คน ๆ นั้นจริงเหรอ ร่างสูงคิดในใจก่อนจะเอ่ยออกไป “ถ้างั้น...”
“ใช่” น้ำเสียงหวานเอ่ยบอก ตอกย้ำสิ่งที่อีกฝ่ายคิดให้กระจ่าง นัยน์ตาสุกใสจ้องมองเข้าลึกไปในดวงตาของอีกฝ่าย “คนที่เป่าหูพี่ชายของฉัน..”
“..”
“ก็คือคิม แจจุง”
“ฮื้ม~” ซองมินฮึมเพลงในลำคอพลางหยิบเสื้อตัวใหญ่ของคยูฮยอนที่ผ่านการซักแล้วขึ้นมาจากตะกร้าขึ้นตากตรงราวอย่างอารมณ์ดี อากาศแบบนี้แหละที่เหมาะกับการตากผ้า! ตอนนี้แดดกำลังร่ม แต่เดี๋ยวอีกหน่อยก็คงแดดจัด
“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มที่ไม่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลัง ซองมินจึงชะงักแล้วหันไปตามเสียง ปรากฏให้เห็นคนที่รู้จักกำลังยืนยิ้มอย่างเป็นยิ้มให้กับเขาอย่างเป็นมิตรอยู่นอกประตูรั้วบ้านของคยูฮยอน(ที่มีแต่ลวดหนามขึงอยู่อย่างกะป้องกันข้าศึก)
“อะ เอ่อ..สวัสดีครับ” ตอบกลับไปแบบลังเลใจ คยูฮยอนเคยย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามคุยกับคนแปลกหน้าที่พบเจอที่นี่ไม่ว่ามันจะเป็นใครหน้าไหนก็ตาม
“คยูฮยอนคงบอกคุณว่าห้ามคุยกับผมสินะครับ” ชายหนุ่มที่ยืนนอกประตูรั้วตีหน้าเศร้ายิ้มฝืด ๆ ซองมินจึงเริ่มลุกลี้ลุกลนปฏิเสธ
“ม่ะ ไม่ใช่หรอกครับ ผมกำลัง...เอ่อ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยสมองเลยโต้ตอบคุณช้า” ร่างเล็กเลือกตอบแบบที่คิดว่าดีที่สุด ถึงแม้มันจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าตนเป็นพวกเอ๋อ ๆ พัฒนาการทางสมองช้าก็ตาม
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้คิดว่าซองมินเป็นเด็กเอ๋อเลย ซีวอนแย้มยิ้มอย่างโล่งใจก่อนจะยื่นกระเช้าผลไม้ให้
“น้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากผม..” สายตาคมผลุบลงต่ำ ก่อนจะค่อยตวัดขึ้นสบตากับซองมินเหมือนเดิม “ยังไงก็ฝากให้คยูฮยอนด้วยนะครับ และฝากบอกด้วยว่าผมเป็นห่วงเขาเสมอ..”
น้ำเสียงของซีวอนดูเศร้าสร้อยและเป็นห่วงบุคคลที่สามอย่างชัดเจน หากแต่ก็ยังคงพยายามที่จะแย้มยิ้มฝืด ๆ ออกมา นัยน์ตาของซองมินจึงเริ่มอ่อนลง
“ยังไง..ก็เข้ามาดื่มน้ำเย็น ๆ ในบ้านก่อนก็ได้นะครับ จะได้ถือเป็นสิ่งตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับกระเช้าผลไม้นี่ด้วย” ซองมินเสนอ รู้ทั้งรู้ ตัวเองกำลังฝ่าฝืนคำสั่งของคยูฮยอน แต่ในบางทีคยูฮยอนก็ชอบทำอะไรไม่มีเหตุผลนี่นา คนตรงหน้าก็ดูจะเป็นห่วงเป็นใยคยูฮยอนขนาดนี้...แล้วทำไมจะต้องเกลียดกันด้วยล่ะ?
ร่างโปร่งพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเข้ามาในประตูรั้วที่ซองมินเปิดเอาไว้ให้
“น่าอยู่ดีนะครับ” พูดพร้อมกอดสายตามองไปทั่วบ้าน ในขณะที่ซองมินกำลังเดินเอากระเช้าผลไม้เข้าไปวางในห้องครัว ก่อนจะออกมาอีกทีพร้อมกับน้ำเย็นหนึ่งแก้ว
“ขอบคุณครับ” ร่างโปร่งยิ้มพลางรับน้ำดื่มมาจากร่างเล็ก “ผมชื่อซีวอน เป็นพี่ชาย
คนละแม่ของคยูฮยอน”
“ผมชื่อซองมิน” ร่างเล็กแนะนำตัวบ้าง “เป็นพ่อบ้านของคยูฮยอน”
“พ่อบ้าน?” ซีวอนทวนคำ
“ครับ พ่อบ้าน”
“น่าแปลก” คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความสงสัย “คุณยังเด็กอยู่เลย”
“อ๋อ ผมอยากจะหางานพิเศษทำเฉย ๆ น่ะครับ” ซองมินหัวเราะแห้ง จะให้บอกได้ยังล่ะว่าติดหนี้จนต้องมาทำงานใช้เนี่ย!
“ขยันจัง” นัยน์ตาคมออกแววชื่นชม “ผมชอบคนขยัน ถ้าขาดตกบกพร่องเรื่องอะไรก็บอกผมได้นะครับ ผมยินดีช่วยเสมอ”
ร่างเล็กพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มแห้งพร้อมกล่าวขอบคุณ รู้สึกเสียวสันหลังวาบกับไอคำว่า ‘ชอบคนขยัน’ ยังไงก็ไม่รู้
“ว่าแต่ คุณซีวอน...พักอยู่ที่บ้านเรือนใหญ่นั้นใช่มั้ยครับ” ซองมินถามต่อ
“ครับ ผมพักอยู่ที่นั้น แต่ช่วงนี้งานเยอะมาก นาน ๆ ทีผมจะได้กลับมาพักที่นี่และเยี่ยมครอบครัว” ซีวอนตอบ ก่อนจะเงียบไปสักครู่แล้วถามต่อ
“คยูฮยอนสบายดีหรือเปล่าครับ”
“อ๋อครับ สบายดี” ซองมินตอบ ก่อนจะเหลือบมองซีวอนอย่างชั่งใจแล้วเปิดปากถาม
“คุณ...ไม่ถูกกับคยูฮยอนเหรอครับ” อยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย เรื่องในครอบครัว ใครจะมาบอกคนนอกอย่างแกกันเล่าซองมิน!
คุณซีวอนจะต้องคิดว่าเราเป็นพวกชอบเ-สื-อ-กแน่ ๆ เลย!
ซีวอนนิ่งไปชั่วอึดใจ ซองมินเห็นดังนั้นจึงรีบลุกลี้ลุกลนขอโทษขอโพย
“ถ่ะ ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่าก็ได้นะครับ”
ความจริงเรื่องในครอบครัวมันไม่สมควรจะเล่าอยู่แล้วด้วยซ้ำ!
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าเป็นคุณ...ผมจะเล่าให้ฟังก็ได้”
พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม แต่ทว่านั้นมันก็ทำซองมินลำบากใจไม่น้อย
ถ้าเป็นเขา ซีวอนจึงเล่าให้ฟังงั้นเหรอ
เพราะอะไรกัน?
“อย่างที่บอกไป...ผมและคยูฮยอนเป็นพี่น้องคนละแม่กัน” เมื่อเสียงทุ้มเริ่มเล่าถึงอดีต นัยน์ตาคมก็ดูเศร้าหมองลง “แต่แม่ของผม...ท่านเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของพ่อผม และแม่ของคยูฮยอน..ก็คือภรรยานอกกฎหมาย”
“..”
“ผมเข้าใจคยูฮยอน...เขาเป็นลูกที่เกิดมาโดยไม่ได้ตั้งใจ อีกทั้งแม่ของเขาก็ป่วยตายตั้งแต่ผมและเขายังเด็ก ที่พ่อของผมยังเลี้ยงดูคยูฮยอนไว้..ก็เพราะท่านรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับคุณปู่ คยูฮยอนจึงได้รับการเลี้ยงดู แต่กลับไม่ได้รับความรัก ผม..ผม...พยายามที่จะทำตัวเป็นพี่ที่ดีของเขา แต่..”
น้ำเสียงของซีวอนขาดหายไป ความรู้สึกผิดเริ่มเข้ามาแทนที่ ซองมินจึงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างสงสารก่อนจะบีบมือหนาของซีวอนเบา ๆ
“คุณพยายามดีที่สุดแล้ว” เสียงหวานพยายามปลอบ “ผมจะช่วยพูดกับคยูฮยอนให้เอง”
“คุณซองมิน..”
“เรียกผมว่าซองมินเฉย ๆ เถอะครับ ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้ว” รอยยิ้มหวานประดับบนใบหน้าหวังให้อีกฝ่ายใจชื้น และได้ผล...นัยน์ตาของซีวอนเริ่มสดใสขึ้นด้วยความดีใจ
“ขอบใจมากนะ” เสียงทุ้มพูด เขาอยากจะทำตัวเป็นพี่ชายที่ดี แต่คงจะเป็นเพราะคยูฮยอนเป็นลูกที่ไม่ได้รับการสนใจ แตกต่างจากเขา...ที่เป็นลูกทีได้รับการสนใจ คยูฮยอนจึงอิจฉาและเกลียดเขา
“ไม่เป็นไร” ซองมินพูด แย้มรอยยิ้มเอาไว้เบื้องหน้าทั้ง ๆ ที่ในใจเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
ที่คยูฮยอนเกลียดซีวอน...ก็เพราะเหตุผลนี้จริง ๆ น่ะเหรอ
ที่คยูฮยอนเกลียดคนในบ้านหลังนั้น...ก็เพราะแบบนี้จริง ๆ ใช่ไหม
เพราะแบบนี้ใช่ไหมนายถึงบอกว่าโลกที่นายอยู่มันโหดร้ายกว่าโลกที่ฉันอยู่เยอะ
คยูฮยอน..
มาแบบมั่ว ๆ มึน ๆ =[]=!
เปิดตัวเย ก็มีเยเรียวเลยหรอแฟร์!!! เยส!ความคิดเห็นที่ 97 (จากตอนที่ 13) เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ ไรเตอร์
เรื่องนี้สนุกมากๆเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ TwT
ไรเตอร์รีบอัพต่อเร้วๆนะค่ะ จ้า..
เอ่อ...ทำไมแจถึงทำอย่างนี้ล่ะเนี้ย
ไรเตอร์รีบเฉลยนะค่ะ จ้า >O<Name : อิ อิ< My.iD > [ IP : 222.123.205.180 ] ความคิดเห็นที่ 96 (จากตอนที่ 13) เรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้น...
ความจริงบางอย่างเริ่มเปิดเผย...และซับซ้อนได้อีก -_-" ถูก แต่...555+ แฟร์ลืมพล็อตมันหมดแล้ว ไม่ได้แต่งนาน T_T
มาต่อให้จบนะไรเตอร์...รออ่านอยู่ Name : รักฮันฮยอก [ IP : 58.136.50.162 ] ความคิดเห็นที่ 95 (จากตอนที่ 13)
แจเป็นคนร้ายหรอยังไงกันเนี่ย ชักจะงง-*- ไม่บอก ฮิ้วว
หนูเรียวร้ายเงียบ พี่ตัวเองยังไม่รู้เลย 555+ แฟร์ชอบแบบนี้
อัพๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
PS. Super Junior 3rd album!!!! Sorry Sorry Name : @_minto_@< My.iD > [ IP : 58.8.28.21 ] ความคิดเห็นที่ 94 (จากตอนที่ 13) เริ่มมีเยเรียวมาแล้วดีใจจัง
อย่าลืมมาต่อให้ครบ 100%นะจ๊ะ มาแล้วจ้ะ หลังจากที่หายไปหนึ่งเดือนเต็มกับอีกสี่วัน -*-
อยากอ่านเรื่องของป๋ากับฮยอกอ่ะ
แต่ไม่เป็นไรเพื่อแฟร์แล้วเรารอได้ โอ้ว =[]=;;
ขอแบบเศร้าจนน้ำตาไหลเลยนะ จะพยายามจ้ะ... orzName : soyminho< My.iD > [ IP : 125.27.6.45 ] ความคิดเห็นที่ 93 (จากตอนที่ 13) ซับซ้อนได้อีกอ่า
55555.
อ่านแล้วเดาไม่ได้เลยอ่า เหรอ แหะ ๆ
รีบมาอัพเร็วๆนะคะ:)) ค่า >_<
PS. ขอบคุณที่มาเป็นเพื่อนกัน:D Name : naezii-oaezii< My.iD > [ IP : 112.143.28.206 ] ความคิดเห็นที่ 92 (จากตอนที่ 13) เอิ๊กกก เยเรียวมาแว้ววววว
วี๊ดวิ๊ววววว
โอววว..ต้องแอบกลับไปอ่านตอนก่อนๆนิสนึง
เพราะแอบงงในความเป็นมา แง้ววว
คดีนี้..ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ทางเดียวที่จะช่วยได้
คือ..จ้างนักสืบโคนัน <<เกี่ยวไม๊???? คริคริ 555+
ตอนที่พี่เย่เอาอุ๊คกี้เข้ามากอด
..เลยทำให้คิดว่า เมะเรื่องนี้แอบหื่นทุกคนเรยนะเนี่ย55 ถูก ทำไมต้องกอด! 55+
ไรเตอร์...อัพต่อเร็ววว ไม่ทันใจเด๋วปั๊ดจับกด55 กำ ใครจะกดกันแน่จ้ะ 55Name : pommie [ IP : 58.8.100.148 ] ความคิดเห็นที่ 91 (จากตอนที่ 13) โอ้ แจจ๋า - -
เรื่องมันช่างซับซ้อนซ่อนเงื่อน =[]= แฟร์กลัวคนอ่านงงมาก orz
ทำเอาพี่มึน 555
เดี๋ยวขอไปอ่านอีกรอบเพื่อทำความเข้าใจก่อนนะแฟร์ ค่า
และสุดท้าย อัพซะ - -+ อ่า...อัพแล้ว ;_; ฮืออ
PS. E.L.F. = Ever Lasting Friend Name : ~รักฮีซอล~< My.iD > [ IP : 222.123.137.85 ]
ความคิดเห็น