คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : -ลิฟต์ผีสิง5-
“นี่ตกลงมีเรื่องอะไรกันครับคุณมัช”
“ให้เพื่อนคุณธี หรือไม่ก็คุณผู้จัดการโรงแรมตอบจะดีกว่านะคะ” มัชฌิมาพูดสวนขึ้นทันควัน “เพราะทางนั้นเป็นต้นเรื่อง ทั้งที่ไม่น่าทำให้ทุกอย่างมันเป็นเรื่อง”
“คุณบราลีเขาไม่อนุญาตให้ทีมกู้ภัยใช้ลิฟต์ขนย้ายร่างผู้เสียชีวิต” คณาธิปเป็นคนตอบ “พวกเขาก็เลยต้องขนย้ายศพกันทางบันไดหนีไฟ”
“แต่เสี่ยวิทูรพักอยู่เกือบชั้นสี่สิบเลยไม่ใช่หรือ” ธีรดาตาโต “ทำไมคุณลีทำแบบนั้นล่ะครับ”
“ชั้นสามสิบหกค่ะคุณธี อีกอย่าง ลีก็เดินลงมาพร้อมกับพวกเขาด้วยนะคะ เหนื่อยจะตาย เหงื่อเต็มตัว ฉีดน้ำน้ำหอมจะหมดขวดอยู่แล้วค่ะ”
“คุณลีครับ...” ธีรดาทอดเสียง “คุณเดินลงมา แล้วคุณช่วยพวกเขาแบกศพเสี่ยวิทูรลงมาด้วยหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ”
บราลีตอบเสียงอ่อย ไม่กล้าพูดต่อว่าที่ลงทุนยอมเหนื่อยเดินตามพวกหน่วยกู้ภัยลงมาตั้งแต่ชั้นสามสิบหกถึงชั้นแรกนี้ เพราะตามลงมาคุม บราลีกลัวพวกหน่วยกู้ภัยจะลักไก่ใช้ลิฟต์ขนศพ
ก็อย่าว่าแต่ลูกค้าในโรงแรมเลย ตัวบราลีเองนี่ละ กลัวที่จะใช้ลิฟต์ซึ่งผ่านการขนศพกว่าใครเพื่อน เพราะมันคงจะหลอนและสยองอยู่ไม่ใช่น้อยเวลาต้องขึ้นลงลิฟต์ตัวคนเดียว
บราลีไม่พูดเรื่องนี้ให้ธีรดากับคณาธิปเจ้านายสุดหล่อหนึ่งในสองเป้าหมายสามีในอนาคตของตัวเองตำหนิเอาหรอก เสียคะแนนแย่ นี่ก็เสียไปหลายคะแนนแล้วด้วย
“สามสิบหกชั้นนี่ไม่ใช่เล่น ๆ เลยนะครับ โรงแรมเราไม่ใช่โรงแรมร้างไม่มีลิฟต์ หรือว่าลิฟต์ใช้การไม่ได้สักหน่อย” ธีรดาพูดอย่างนุ่มนวลแม้สิ่งที่เขาพูดจะเป็นคำตำหนิ “คุณลีควรให้ความร่วมมือกับหน่วยกู้ภัย เรื่องเสียชื่อกับเสียขวัญ มันเสียไปแล้ว แล้วก็ยังคงเสียอยู่ และคงต้องเสียไปอีกพักใหญ่จนข่าวซา จนกว่าคดีจะปิด เราห้ามการเสียชื่อ ห้ามการเสียขวัญไม่ได้ แต่เราควรเปลี่ยนจากห้าม เป็นให้ความร่วมมือไม่ดีกว่าหรือครับ งานเขางานเราจะได้เคลียร์เร็ว ๆ ไม่มายืนมีปัญหากันแบบนี้”
“ก็ลีเป็นห่วงโรงแรม ห่วงลูกค้านี่คะคุณธี” บราลียังพูดเถียงข้าง ๆ คู ๆ ด้วยเหตุผลเดิม ๆ อย่างดื้อดันทุรัง
“เออเถอะ พอแล้ว ถ้าคุณไม่ขอโทษ งั้นผมขอโทษเขาเองแล้วกัน” คณาธิปหันหน้าไปหามัชฌิมา “ขอให้จบเรื่องกันเท่านี้นะครับคุณกู้ภัย ผมจะรีบไปคุยกับตำรวจ ขอโทษแทนคนของผมด้วย ลาก่อนครับ คงไม่ต้องเจอกันอีก”
“คุณธิป ไปขอโทษแม่นี่ทำไมคะ!” บราลีหน้ามุ่ย
“ในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งในสามของผู้ถือหุ้นโรงแรม ผมขอโทษด้วยอีกคนแล้วกันนะครับคุณมัช” ธีรดายิ้มละไม “ขอโทษจริง ๆ ครับ”
“เห็นแก่คุณนะคะคุณธี” มัชฌิมายิ้มด้วยตา ปากไม่ยิ้ม “เพราะคุณธีดูจะมีมรรยาท แล้วก็มีความจริงใจกับฉันมากที่สุด พูดรู้เรื่องมากที่สุด”
บราลีขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ใจจริงอยากพุ่งไปตบแม่กู้ภัยประสาทหลอนที่เอาแต่พูดเรื่องผีสางในลิฟต์คนนี้สักฉาด แต่ไม่กล้า เพราะดูท่าทางแม่มัชฌิมามัดตราสังอะไรนี่จะสู้คน ปากหล่อนก็เพิ่งกรีดมา หน้าเพิ่งร้อยไหมเมื่ออาทิตย์ก่อน จมูกก็เพิ่งไปเหลาแก้ทรงที่เกาหลีมาใหม่เมื่อสองเดือนที่แล้ว
แต่ละอย่างบนหน้าหล่อนแพง ๆ ทั้งนั้น หล่อนไม่ยอมเอาซีลิโคลนในจมูกกับเส้นไหมราคาแพงซึ่งร้อยอยู่ในใบหน้า ไปแลกกับหมัดกับมือกร้าน ๆ เปื้อนน้ำเลือดน้ำหนองไร้ราคาของคนเก็บศพหรอก น่ากลัว น่าเกลียด น่าสยองที่สุด!
ประตูลิฟต์ส่งเสียงเตือนและเปิดออก คณาธิปชะงักนิดหนึ่ง เพราะเรื่องผีในลิฟต์ของมัชฌิมาแวบเข้ามาในความคิด ถึงเขาจะไม่เชื่อว่าผีสางมีจริงอยู่บนโลก แต่เขาก็นับถือพุทธ และถือคติที่ว่า ไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ลบหลู่
คณาธิปปรายตามองแม่สาวกู้ภัยซึ่งยืนหน้างำจ้องหน้าเขาอยู่หน้าลิฟต์ ชายหนุ่มถอนใจแรง ก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ไปโดยมีบราลีเดินเข้าไปตาม
“แล้วพบกับนะครับคุณมัช ฝากความคิดถึงถึงคุณดาวด้วย”
ธีรดาบอกกับมัชฌิมา พอหญิงสาวพยักหน้ารับคำแล้วธีรดาจึงเดินขึ้นลิฟต์ไปเป็นคนสุดท้าย...
เมื่อประตูลิฟต์ค่อย ๆ ปิดจนสนิทลง ลุงสรพงศ์ก็โผล่หน้าทะลุประตูลิฟต์ออกมาโบกมือบ๊ายบาย มัชฌิมายิ้มให้ลุงสรพงศ์พร้อมบ๊ายบายตอบกลับไป
เฮ่อ!...ลาก่อนครับ คงไม่ต้องเจอกันอีก มัชฌิมาเบ้ปาก หล่อนอยากเจอเขาตายล่ะ ตาคณาธิปขี้เก๊ก!
มัชฌิมาหยิบสมาร์ตโฟนซึ่งสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงเพราะมีสายเรียกเข้าขึ้นมารับสาย...
“ว่าไงไอ้ดาว...งั้นหรือ เออ ดีเลย คิดว่าสักสองทุ่มจะนัดเจอกัน กำลังอยากเจอแกอยู่พอดี...ฉันเพิ่งเสร็จงานที่โรงแรม ‘Miniature Cloud’ น่ะ มียิงกันตาย...ไม่ต้อง ๆ นั่งรออยู่ร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยนั่นละ เดี๋ยวฉันนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างออกไปหาแกเอง ขอห้านาที เอ๊ย ไม่เอา ๆ สิบห้านาทีดีกว่า...เออน่า ขอจัดการธุระเดี๋ยวหนึ่งก่อน...แกสั่งก๋วยเตี๋ยวแบบเดิมรอฉันด้วยชามหนึ่งนะ หิวมาก หิวจะตายอยู่แล้ว!”
ความคิดเห็น