ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภูตพราวรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : -หลักฐานแห่งความลับ3-

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ย. 63


    “แล้วตำรวจเขาว่าไงบ้างพี่นนท์ เจออะไรเพิ่มเติมไหม รอยนิ้วมือ หรือภาพวงจรปิดอะไรประมาณนั้นน่ะ” 

    หญิงสาววกเข้าเรื่องที่ค่อนข้างอยากรู้ หล่อนอยากรู้ว่าตำรวจเจอหลักฐานอื่นอีกบ้างไหม อยากรู้เรื่องนี้จนลืมถามว่าธรรมบูชาพี่ชายของตัวเองกับกานต์ เด็กหนุ่มรุ่นน้องอีกคนในทีมกู้ภัยหายไปไหนทำไมถึงยังไม่กลับเข้ามา 

    “เจอ” ชนนพยักหน้า  

    “อะไร...” มัชฌิมาถามเบา ๆ พยายามซ้อนเร้นความตื่นเต้นในน้ำเสียงให้มิดที่สุด

    “ลายนิ้วมือแฝงบนปืน ลูกบิดประตู แล้วก็ข้าวของบางอย่างในห้อง แต่เห็นตำรวจเขาว่ามีเหตุผลหลายอย่างทำให้ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม ต้องรอผลชันสูตรพลิกศพจากนิติเวช ต้องรอดูการเปลี่ยนแปลงหลังการตาย ต้องผ่าพิสูจน์ศพ”

    “กล้องวงจรปิดล่ะ” มัชฌิมากำลังควบคุมสติ ควบคุมเสียงให้ปกติที่สุด แต่หัวใจนั้นเต้นแรงอย่างกับกำลังตีกลอง

    “เมื่อกี้ตำรวจไปเช็กแล้ว พี่ก็ไปกับเขาด้วยนะ ดูว่าใครมาหาเสี่ยวิทูรเป็นคนสุดท้าย”

    “แล้ว...”

    “รปภ.บอกว่าเมื่อช่วงประมาณเที่ยง ๆ ที่โรงแรมไฟฟ้าขัดข้อง ไฟดับไปราวห้านาที นั่นส่งผลกระทบไปถึงระบบของกล้องวงจรปิด กล้องวงจรปิดหลายจุดไม่มีภาพ รวมถึงจุดตรงห้องเสี่ยวิทูรนี่ด้วย”

    “คือ...หมายความว่า กล้องไม่มีภาพตั้งแต่เวลาเที่ยงใช่ไหม” มัชฌิมาแทบกลั้นลมหายใจถามออกไป

    กล้องไม่มีภาพตั้งแต่เวลาเที่ยง...มีคนพบศพเสี่ยวิทูรตอนบ่ายสี่...แพทย์ระบุว่าเสี่ยวิทูรเสียชีวิตไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง

    ฉะนั้นถ้าบุคคลที่หล่อนคิดว่า ‘ใช่’ เข้ามาหลังเที่ยงเป็นต้นไป กล้องก็จะบันทึกภาพเขาไว้ไม่ได้ แล้วถ้าเขามาก่อนเที่ยงล่ะ!

    มัชฌิมากัดกรามไว้แน่น ไม่แน่ใจในตัวเองสักนิดเดียว ว่าอยากให้กล้องบันทึกภาพเขาไว้ได้หรือไม่ได้ ใจหนึ่งหล่อนก็อยากเห็นว่าจะใช่เขาไหม อีกใจก็ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น 

    “ใช่ ช่างเพิ่งจัดการระบบไฟเรียบร้อย กล้องใช้งานได้ปกติทุกจุดเมื่อกี้นี้เอง”

    “แล้วช่วงเวลาก่อนเที่ยงล่ะ กล้องจับภาพเห็น...ผู้ต้องสงสัยไหม พี่นนท์” ถามออกไปเสียงนุ่ม แต่ใจตุ๋ม ๆ ต่อม ๆ

    “ไม่เลย” ชนนส่ายหน้าไปมา “น่าเสียดาย หลักฐานในห้องนี้ก็ไม่พบอะไร ทั้งที่ความจริงน่าจะพบบ้างนะ มัชว่าไหม” 

    มัชฌิมาเม้มปากด้วยความอึดอัด หล่อนกำลังรู้สึกผิดอยู่ที่เลือกเก็บงำหลักฐานชิ้นเดียวที่เจอเอาไว้ ทำยังไงได้ ก็ถ้ามันเป็นหลักฐานชิ้นอื่นหล่อนจะไม่ติดใจอะไร คงส่งมันให้ตำรวจนำไปพิสูจน์หลักฐานไปแล้ว...หรือว่าหล่อนควรคืนหลักฐานไปดี

    มัชฌิมาพะว้าพะวังตัดสินใจไม่ขาด พะวงถึงอะไรอีกหลายสิ่ง...หยุดคิดอยู่ครู่ ที่สุดหญิงสาวก็เลือกจะปัดความคิดที่จะคืนหลักฐานทิ้งไป

    “ป่านนี้ข่าวเสี่ยวิทูรตายคงผุดเต็มโซเชียลแล้วล่ะมั้ง ดังเสียขนาดนั้น” มัชฌิมาเลี่ยงคุยเรื่องหลักฐานไปเสีย

    “เออใช่ เซียนพระคนนี้ ที่มัชตามเพจเฟซบุ๊กของเขานี่นา” 

    ชนนเพิ่งนึกได้ เสี่ยวิทูรคนนี้แหละ เซียนพระที่มัชฌิมามักชอบติดตามข่าวสาร และซื้อหนังสือสอนเกี่ยวกับการวิเคราะห์พระเครื่องที่เขามักเขียนลงนิตยสารแทบทุกเล่มตามวิสัยคนชอบสะสมพระ สะสมของเครื่องรางเก่าแก่

    มัชฌิมาพยักหน้า เสี่ยวิทูรเป็นคนเก่ง เรื่องวิเคราะห์พระนี่เก่งแบบหาตัวจับยากมาก หล่อนนึกเสียดายความรู้ของเสี่ยวิทูร ยังเคยคิดจะไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์เสี่ยวิทูรเลยด้วยซ้ำ 

    “พี่นนท์ นี่ว่าแต่ เมื่อไหร่พี่ธรรมกับกานต์จะมา สองคนนั้นหายไปไหน จะรีบได้เอาศพไปส่งนิติเวช ยังไงกัน พี่นนท์มาพี่ธรรมหาย แล้วที่พี่นนท์กับกานต์ออกไปเมื่อกี้นี้ผู้จัดการโรงแรมเรียกไปคุยเรื่องอะไรหรือ”

    พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาชนนก็นิ่วหน้า...เขาตั้งใจจะมาบอกมัชฌิมานี่แหละว่ามันมีปัญหาเรื่องการขนย้ายศพ ตอนนี้ธรรมบูชากับกานต์กำลังเจรจากับผู้จัดการโรงแรมอยู่ไม่รู้จะได้ผลว่าอย่างไร

    ชายหนุ่มจับผมยาวบางส่วนไปทัดไว้หลังใบหู กำลังจะพูดบอกถึงเหตุผลที่ธรรมบูชากับกานต์ยังไม่กลับเข้ามา ให้มัชฌิมารับรู้ แต่มัชฌิมายกมือห้ามเสียก่อน หญิงสาวชี้มาที่ผมของเขา

    “ยางรัดผมขาดอีกแล้วล่ะสิ” มัชฌิมาถามยิ้ม ๆ หล่อนบอกหลายรอบแล้วให้ชนนใช้ยางแบบผ้าที่เป็นยางยืดเพราะมันใช้ทนกว่าแบบยางวงพลาสติกเส้นเล็กบางที่เขาชอบใช้ “พี่นนท์มียางเส้นอื่นอีกไหม” 

    “ที่ขาดไป เส้นสุดท้ายพอดี”

    “เฮ้อ ออกเหตุทีไรยางรัดผมขาดทุกที เอาของมัชไปใช้ละกัน มัชมีที่ใช้ประจำอยู่สองเส้น ให้เลยนะ ไม่ต้องคืน” 

    มัชฌิมาถอดถุงมือยางสีขาวขุ่นออก ก่อนจับแขนเสื้อถกขึ้น แล้วดึงยางรัดผมสีชมพูอ่อนอีกเส้นที่ข้อมือออกขวาออกมา

    “สีชมพูหรือมัช” 

    ชนนย่นคิ้ว ชายหนุ่มคิดว่ายางรัดผมสีหวานขนาดนี้ดูไม่ค่อยเหมาะกับตนเองสักเท่าไหร่ ผู้ชายมีเครา คิ้วหนา หน้าเข้ม มันตรงข้ามกับหนังยางรัดผมสีชมพูลิบลับ เป็นสีทึบอย่างน้ำตาลหรือสีดำก็ว่าไปอย่าง

    “มีสีดำอีกสี แต่มัดอยู่ที่ผมมัชนี่ไง” มัชฌิมาชี้ให้ชนนดูผมยาวเหยียดตรงสีดำขลับซึ่งถูกรวบขึ้นไปเป็นพวงหางม้า สีดำของยางมัดผมกลืนไปกับสีดำของผมจนแทบมองไม่เห็นยาง “ทำไมทำหน้าเหยเกอย่างนี้ล่ะ สีชมพูสวยจะตาย สะดุดตาสาวดี เผื่อจะมีสาวผู้โชคดีจีบพี่นนท์ไปเป็นสามีสักทีไง มาเดี๋ยวมัชมัดให้...หันหลังเร็วพี่นนท์ ย่อตัวลงนิดหนึ่งด้วย มัชมัดไม่ถนัด” 

    มัชฌิมายิ้มขัน ในขณะที่ชนนยิ้มเขิน ๆ แต่ชายหนุ่มก็ยอมหันหลังและย่อตัวลงเพื่อให้มัชฌิมาได้มัดผมให้แต่โดยดี  ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที ผมรุ่ยร่ายประบ่าของชนนก็ถูกรวบขึ้นไปเป็นพวงหางม้าเรียบร้อย ชนนผมสั้นกว่ามัชฌิมานิดหน่อย พอมัดออกมาจึงดูเป็นผมทรงเดียวกัน 

    ชนนยิ้มกับตัวเอง...เขาชักไม่อยากเกะหนังยางรัดผมสีหวานเส้นนี้ออกจากเส้นผมเสียแล้วสิ แล้วถ้ามีมัชฌิมาคอยมัดผมให้เขาแบบนี้ทุกวันก็คงดี

    “ทีนี้บอกมัชมาได้ละ ว่าพี่ธรรมกับกานต์หายไปไหน และเมื่อกี้ที่พี่นนท์กับกานต์ออกไป ผู้จัดการโรงแรมเรียกไปคุยเรื่องอะไร”

    “ผู้จัดการโรงแรม...เขาไม่ยอมให้เราใช้ลิฟต์ขนย้ายศพผู้เสียชีวิต ตอนนี้ไอ้ธรรมกับกานต์กำลังเจรจาอยู่”

    มัชฌิมาย่นคิ้ว เม้มปากเป็นเส้นตรง มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าสะเอว พิกล...แล้วจะให้พาศพเหาะลงไปหรือไง นี่ชั้นสามสิบหกนะ เออ ถ้าที่นี่เป็นตึกร้างไม่มีลิฟต์ก็ว่าไปอย่าง!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×