คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : -หลักฐานแห่งความลับ4-
“ผู้จัดการโรงแรม...เขาไม่ยอมให้เราใช้ลิฟต์ขนย้ายศพผู้เสียชีวิต ตอนนี้ไอ้ธรรมกับกานต์กำลังเจรจาอยู่”
มัชฌิมาย่นคิ้ว เม้มปากเป็นเส้นตรง มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าสะเอว พิกล...แล้วจะให้พาศพเหาะลงไปหรือไง นี่ชั้นสามสิบหกนะ เออ ถ้าที่นี่เป็นตึกร้างไม่มีลิฟต์ก็ว่าไปอย่าง!
“ฉันอนุญาตให้พวกคุณใช้ลิฟต์ไม่ได้จริง ๆ ค่ะ แค่ลูกค้าทราบว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นในโรงแรม ก็ขวัญเสียกันมากพออยู่แล้ว นี่เช็คเอาท์ออกไปสี่สิบห้าสิบรายได้แล้วมังคะ ขืนให้พวกคุณแบกศพลงทางลิฟต์ ลิฟต์ของโรงแรมคงกลายเป็นลิฟต์ร้างแน่ ลูกค้าที่ไหนจะกล้าใช้”
บราลีพูดอย่างหนักแน่น ใบหน้าเรียวเชิดขึ้น ดวงตากลมโตหรี่ลงเล็กน้อย ในฐานะผู้จัดการโรงแรมหล่อนต้องคำนึงถึงจิตใจของลูกค้าและความสะดวกสบายของลูกค้าเป็นอันดับแรก หล่อนยอมให้โรงแรมเสียเครดิต ยอมให้ลูกค้าหวาดกลัวจนพากันย้ายออกจากโรงแรมไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
“แต่คุณครับ...”
ธรรมบูชายังพูดไม่ทันจบบราลีก็พูดสวนขึ้นว่า
“ยังไงก็ใช้ลิฟต์ไม่ได้ค่ะ สำหรับพวกคุณ บันไดหนีไฟเท่านั้น”
“แต่นี่มันชั้นสามสิบหกนะครับคุณผู้จัดการ” กานต์ที่เงียบมานานพูดขึ้นบ้าง “อย่าว่าแต่พวกผมเลย ตัวคุณผู้จัดการเองเดินสองชั้นก็หอบแล้ว นี่พวกผมต้องเอาศพใส่เปลแล้วแบกศพลงไปด้วย คุณไม่คิดจะให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ของพวกผมบ้างหรือไงครับ”
กานต์ ชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวหน้าตาดี ออกจะตี๋ ๆ หน่อยเพราะมีเชื้อสายจีนผสม กานต์กำลังเรียนอมหาวิทยาลัยคณะวิศวกรรมชั้นปีที่สาม ฐานะทางบ้านดี พ่อแม่ทำธุรกิจเกี่ยวกับทัวร์ท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ กานต์มาขอสมัครเป็นอาสากู้ภัยเมื่อปีที่แล้ว มาเป็นเพราะใจล้วน ๆ ใจที่อยากช่วยเหลือและอยากทำประโยชน์เพื่อสังคม กานต์มีน้องสาวอายุห่างกันหนึ่งปีคนหนึ่งชื่อกษมา ชื่อเล่นว่า กวาง...
กษมาก็เป็นอาสาสมัครกู้ภัยอยู่ที่มูลนิธิเกื้อกูลประชาเช่นกัน เพราะหญิงสาวอยากทำประโยชน์ช่วยเหลือสังคมเหมือนพี่ชาย แต่วันนี้กษมาติดสอบเลยไม่ได้มาออกเหตุด้วย
มัชฌิมาซึ่งเพิ่งเดินออกมากห้องเกิดเหตุสูดหายใจยาว ลึก ก้าวเท้าไปเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ชนนกระซิบบอกเมื่อครู่ว่าเป็นผู้จัดการโรงแรม
แม่ผู้จัดการโรงแรมร่างเรียวบางคนสวย สวมกระโปรงทรงเอเข้ารูปสีดำสั้นเลยเข่าขึ้นไปหลายเซนติเมตร เสื้อสีขาวที่ใส่ด้านในเป็นเสื้อแบบมีปกและมีกระดุมหน้า ไม่แน่ใจว่าเป็นเสื้อแขนสั้นหรือแขนกุด ใส่เสื้อเบลเซอร์แขนยาวสีดำคลุมทับ ดู ๆ แล้วตัวก็คงสูงประมาณหล่อนนี่ละ แต่เพราะใส่รองเท้าส้นสูง จึงดูสูงกว่าหล่อนขึ้นไปมากพอประมาณ
ด้านหลังมัชฌิมาคือชนน ธรรมบูชา และกานต์ ชนนกระซิบบอกให้มัชฌิมาใจเย็น ๆ ค่อยพูดค่อยจากัน
มัชฌิมาถอนใจแรง ทุกคนโดยเฉพาะธรรมบูชาพี่ชายแท้ ๆ ของมัชฌิมาก็รู้ดี ว่ามัชฌิมาไม่ใช่คนใจร้อนเลย ออกจะใจเย็นกว่าทุกคนในที่นี้ด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะท่าทีอึดอัด และสีหน้าบึ้งตึงบอกบุญไม่รับนี่ละ ที่ทำให้ชนนและธรรมบูชา กลัวว่าครั้งนี้มัชฌิมาจะใจเย็นไม่ไหว
เอาจริง ๆ มัชฌิมาก็กลัวอารมณ์ของตัวเองในตอนนี้เหมือนกัน เพราะมันไม่ยอมสงบเหมือนที่เคยเป็น และหล่อนก็ทำให้มันสงบลงแบบสนิท ๆ ไม่ได้ แม้จะนึกถึงคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุที่ว่า ‘ถ้าท่านทำใจร้อน ก็จะต้องร้อนใจภายหลังอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง’ ใจมันก็ยังไม่หายร้อนสักที
มัชฌิมายอมรับอย่างไม่โกหกตัวเอง ว่าอารมณ์ของหล่อนไม่ปกติตั้งแต่เจอหลักฐานชิ้นสำคัญซึ่งได้แอบเอาเก็บไว้กับตัวนี่แล้ว หล่อนหงุดหงิด ร้อนใจ อยากจะเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีสิ่งใดมาทำให้หล่อนเข้าใจได้เลย
“แต่คุณควรให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างที่เพื่อนฉันว่านะคะ”
มัชฌิมาพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด เลื่อนสายตาไปมองที่อาร์มสัญลักษณ์ของหน่วยกู้ภัยตรงต้นแขนให้ผู้เป็นผู้จัดการโรงแรมมองตาม ฝ่ายนั้นมองตามแต่ก็ยังคงทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“งานโรมแรมคืองานบริการ พวกคุณควรเข้าใจ ความรู้สึกและความเชื่อมั่นของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
“ทางเราก็ต้องการดำเนินการขนย้ายศพออกไปจากโรงแรมโดยเร็วเหมือนกันค่ะ แต่สิ่งที่คุณทำ นอกจากจะทำให้การทำงานของเราช้าลงมากโดยใช่เหตุแล้ว ศพก็จะถูกส่งไปนิติเวชเพื่อดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ช้าลงด้วย และเมื่อศพยังอยู่ที่นี่ นักข่าวก็ยังอยู่ที่นี่ โรงแรมของคุณก็คงต้องปั่นป่วนคอยกันนักข่าวกันต่อไป ลูกค้าไม่เสียขวัญ โรงแรมไม่เสียเครดิตมากกว่าหรือคะ”
“ยังไงฉันก็ยืนยันคำเดิม” บราลีพูดเนิบ ๆ แต่ดวงตาคมกลมโตฉายแววหยิ่งทะนง เด็ดขาดขัดกับคำพูด “พวกคุณ ต้องใช้บันไดหนีไฟในการขนย้ายศพเท่านั้นค่ะ”
แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปคล้ายแสงฟ้าแลบแปลบปลาบ นับไม่ได้ บอกไม่ได้ ว่ากล้องถ่ายรูปที่ยิงแฟลชสาดใส่เปลสีส้มซึ่งใช้เคลื่อนย้ายศพนี้มาจากกล้องทั้งหมดกี่ตัว กระทั่งหามศพลงจากบันไดหนีไฟมาใส่ไว้ในรถตู้ของมูลนิธิ แสงแฟลชก็ยังสาดตามมาไม่หยุด
แต่เมื่อมีรถเบนซ์สปอร์ตสีเงินคันหนึ่งขับเข้ามาจอดต่อจากรถของมูลนิธิ นักข่าวจึงได้เลิกให้ความสนใจกับศพ แล้วหันไปสนใจชายผู้เป็นเจ้าของรถเบนซ์คันนั้นทันที...
ความคิดเห็น