ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภูตพราวรัก

    ลำดับตอนที่ #20 : -กาวดักผี2-

    • อัปเดตล่าสุด 11 ธ.ค. 63


    “ไม่เสื่อมหรอกยาย ผีตนอื่นมัชก็ยังเห็นยังคุยได้ปกติ เมื่อกี้มัชยังเจอผีป้านุ่มที่ถูกรถกระบะชนตายเมื่อปีก่อนตรงหน้าปากซอยเลยนะ ป้าแกว่าฝนตก หนาว พรุ่งนี้มัชเลยว่าจะไปทำบุญถวายร่มกับผ้าห่มสักหน่อย ให้ป้าแก”

    “ใจบุญจริงหลานกู กลัวผีเปียกฝน ตรรกะไหนของมันวะ” 

    ยายมาลีเกาหัวแกรก ๆ คิดต่อไปว่า หรือตนควรเปลี่ยนจากทำแฟรนไชส์ขายขนมไทย มาทำแฟรนไชส์ขายเครื่องสังฆภัณฑ์ดี จะได้ซับพอร์ตกับเรื่องคนเห็นผีของหลานสาว ตั้งแต่มัชฌิมาเล็ก ๆ จนโตมาอย่างทุกวันนี้ ถึงยายมาลีจะเห็นมัชฌิมาคุยกับผีบ่อยครั้งสักแค่ไหนก็ทำใจให้ชินไม่ได้สักที 

    “เออ ว่าแต่ว่า ผีตัวที่ตามเองมานี่ จะใช่ผีคนตาย ที่เอ็งไปเก็บศพเขาหรือเปล่า”

    “ไม่แน่ใจจ้ะยาย ถ้าเห็นแวบ ๆ ก็น่าจะพอจำได้ แต่นี่ไม่เห็นเลย” ว่าแล้วมัชฌิมาก็เยี่ยมหน้าไปใกล้ ๆ หูยายมาลี “ไว้รู้ว่าเป็นใคร มัชจะพามาหายายละกันนะ ไม่แน่อาจเป็นคนกันเองนี่แหละ อาจเป็นแม่รสของมัชก็ได้”

    “ตาเถรตกระเบียง!” ยายมาลียกขาสองข้างขึ้นมาอยู่บนโซฟาประดุจว่ากำลังจะมีมือที่มองไม่เห็นมาจับ “นางมธุรสตายไปเป็นปี ๆ ป่านนี้ไปเกิดใหม่แล้วมัง เอ็งก็บอกข้าเอง ว่าแม่เอ็งมาลาไปเกิดแล้วตอนพ่อเอ็งบวชครบสองพรรษา”

    “สรุปว่าถ้าเป็นคนกันเองแบบแม่ มัชพามาหายายได้ไหม” มัชฌิมายังแกล้งถามยายมาลีต่อ

    “ไม่ด้าย!...ไม่ได้เด็ดขาด ไม่ต้องเห่อพามาเลยนะเอ็ง กันเองหรือห่างไกลตายไปก็คือผี ถ้าเอ็งพามาข้าตัดหลาน!”

    “แล้วยายไม่คิดถึงแม่บ้างหรือ”

    “ข้าก็คิดถึงนางรสมันอยู่เสมอแหละ แต่ข้าขอแค่คิดถึงก็พอ...” ยายมาลีเหลือบมองซ้ายขวา ท่าทางระวังตัว “รสเอ๊ย ถ้าเอ็งยังอยู่แล้วก็คิดถึงแม่เหมือนกัน เอ็งฝากความคิดถึงมาทางไอ้มัชนะลูกนะ!”

    “อะไร กลัวผีลูกสาวตัวเองก็ได้หรือ” มัชฌิมาหัวเราะคิก “อะ...แล้วถ้าอดีตมนุษย์ที่มัชพามา ไม่ว่าจะแม่รสหรือเป็นใครก็ตามนะ ถ้าเขาให้โชค เป็นเลขท้ายสามตัวติดกันสักสามสี่งวดล่ะ ยายจะว่าไง”

    “เริ่มตั้งแต่งวดหน้า ข้าให้อภัยทุกเรื่อง” ยายมาลีตอบเร็วราวรถไฟด่วน

    “แหม เร็วจนลืมกลัวเลยนะพอเป็นเรื่องหวย” มัชฌิมากอดอก อมยิ้ม “ไหนสัญญาว่าจะเลิกเล่นหวยแล้วไง”

    “หักดิบมันทรมาน” ยายมาลียักคิ้วแผล็บ มือยังจับสร้อยหลวงพ่อโสธรที่คอไว้มั่น “ข้าขอเลขท้ายเยียวยาจิตใจงวดละนิดละหน่อยก็ยังดี ข้าผูกพันของข้าเข้าใจบ้างไหม ก็เหมือนที่เอ็งผูกพันกับผีไง เอ็งยังสัญญากับข้าไม่ได้เลยนา ว่าจะเลิกเห็นผีได้...โอ๊ย เลิกกัน ๆ ไม่คุยแล้ว ข้าไปนอนดีกว่า คุยกับเอ็งทีไรไม่พ้นเรื่องผี ข้าฉี่จะราด”

    “มาหอมแก้มทีก่อน” หอมเสร็จยายมาลีก็เดินขึ้นบันไดไป “อย่าฉี่รดที่นอนล่ะ ฝันดีผีกัดตูดนะยาย” 

    ยายมาลีตะโกนลงมาทันควันว่า...

    “กัดตูดเอ็งคนเดียวเถอะ นางหลานปากเสีย!” 

    รอยยิ้มของมัชฌิมาลดลงจนหายไป หญิงสาวกลับหลังหัน มองออกไปนอกหน้าต่าง เพ่งสายตาผ่าความมืดมองไปยังหน้าประตูบ้าน ตรงจุดที่ยายมาลีบอกว่าเห็นผีผู้หญิงชุดขาว ผมยาวยืนอยู่ ตรงนั้นมีแสงไฟจากหลอดตะเกียบสลัว ๆ แต่หล่อนไม่เห็นใคร ไม่เห็นเลยจริง ๆ ทั้งที่โดยความเป็นจริงควรเห็น

    “ผู้หญิงผมยาว ชุดขาวงั้นหรือ” 

    มัชฌิมานึกย้อนไปวันที่รดน้ำศพพลอยบุณย์ หล่อนเป็นคนจัดการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้พลอยบุณย์ เป็นชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวล้วน กับกางเกงยีนขายาวสีดำ และรองเท้าหนังหุ้มส้นสีดำคู่โปรดของพลอยบุณย์ 

    ฉะนั้น ผู้หญิงผมยาวใส่เสื่อสีขาวที่ยายมาลีเห็น เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นวิญญาณของพลอยบุณย์ และเป็นไปได้หรือไม่ ว่าวิญญาณที่คณาธิปได้ยินเสียง ก็จะเป็นวิญญาณของพลอยบุณย์เช่นกัน

    “ใช่พี่พลอยหรือเปล่า ถ้าใช่ ทำไมถึงไม่ปรากฏตัวให้มัชเห็น พี่ก็รู้ว่ามัชจะไม่กลัว ไม่รังเกียจพี่ ถ้าใช่พี่พลอยจริง ออกมาให้มัชเห็นเถอะนะ มัชอยากเจอ อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ ใครฆ่าพี่!”

    พลอยบุณย์ยังคงยืนอยู่หน้าประตูบ้านของมัชฌิมาไม่ได้จากไปไหน ไฟหลอดตะเกียบดวงเล็กเก่า ๆ ให้แสงสลัวส่องทะลุผ่านกายละเอียดของพลอยบุณย์ไป ถ้ามัชฌิมามองเห็น จะเห็นพลอยบุณย์อยู่ตรงสายตาพอดี 

    วิญญาณสาวเข้ามาในเขตรั้วบ้านไม่ได้ เพราะเจ้าที่ไม่อนุญาต แต่หล่อนสามารถได้ยินคำพูดมัชฌิมาทุกคำได้อย่างชัดเจนแม้ไม่ได้อยู่ใกล้กัน นี่คืออีกหนึ่งความสามารถของวิญญาณที่พลอยบุณย์ได้เรียนรู้

    พลอยบุณย์ก็ไม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมัชฌิมาถึงมองไม่เห็นหล่อน ไม่ได้ยินเสียง ทั้งที่วิญญาณดวงอื่นมัชฌิมาเห็น แล้วก็สื่อสารกับเขาได้ 

    พลอยบุณย์ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว คณาธิปก็เอาแต่ปฏิเสธความคิดตัวเองว่าผีไม่มีจริง เพราะแบบนี้ จิตเขาเลยปิดกั้นจิตของพลอยบุณย์ เขาก็เลยได้ยินพลอยบุณย์บ้างไม่ได้ยินบ้าง หล่อนสื่อสารกับคณาธิปไม่รู้เรื่องเลย แม้จะพยายามพูดกับเขาบ่อยครั้งในช่วงเวลาหลายวันมานี้ 

    “พี่ควรทำยังไงมัชถึงมองเห็นพี่ได้ แล้วทำยังไงธิปจะยอมเชื่อว่าผีมีจริง!”

     

    วันนี้คณาธิปมาถึงที่ทำงานเร็วกว่าเวลาปกติของทุก ๆ วัน แต่ชายหนุ่มไม่มีสมาธิอ่าน เซ็นเอกสาร หรือดูแบบแปลนงานของอินทีเรียดีไซด์เลยแม้แต่นิดเดียว สมองของเขากำลังฟุ้งซ่าน วุ่นวาย เพราะอาการได้ยินเสียงเรียกรบกวนแทบตลอดเวลา 

    “คุณธิปคะ”

    คณาธิปสะดุ้งโหยงจนคนเรียกสะดุ้งตามด้วย พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าคนเรียกเป็นใครคณาธิปก็ถอนหายใจเฮือก แต่หน้าตายังคงอยู่ด้วยความตกใจ

    “เป็นอะไรคะ” 

    เหมือนดาวคิ้วขมวด วางแฟ้มเอกสารสีทับทิมที่ตั้งใจเอาเข้ามาให้เจ้านายเซ็นไว้บนโต๊ะ หล่อนชักอดเป็นห่วงในอาการของเจ้านายไม่ได้ เมื่อครู่หล่อนเคาะประตูหลายครั้งก็ไม่มีเสียงหืออืออนุญาต เลยตัดสินใจเสียมรรยาทเข้ามาเอง

    เจ้านายของหล่อนมีทีท่าแปลก ๆ มาเป็นอาทิตย์แล้ว เหมือนสติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เผลอไผล ใจลอย เมื่อวานก็สะดุดขาโต๊ะในห้องประชุมล้ม อีกวันก่อนหน้านั้นก็เป๋อ ๆ กุญแจรถถืออยู่กับมือแต่บอกว่าไม่รู้ลืมกุญแจไว้ไหน

    “คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะดาว พอคุณเรียกผมเลยตกใจนิดหน่อย” คณาธิปยิ้มแห้งแล้ง ไม่กล้าบอกลูกน้อง ว่าระแวงทุกทีเวลาได้ยินเสียงเรียกชื่อ

    “ไม่หน่อยแล้วนะคะ สะดุ้งเหมือนตกใจมาก เมื่อกี้ดาวเคาะประตูอยู่ตั้งนานก็ไม่ได้ยิน ไม่สบายหรือเปล่า” เหมือนดาวถามนุ่มนวล เลื่อนเก้าอี้นั่งลงโดยไม่รอให้อีกฝ่ายเชิญ จากสภาพ เขาคงไม่มีจิตใจจะเชิญ ขนาดสติตัวเองคงยังเชิญกลับเข้าร่างได้ไม่หมด “หลายวันมานี่ คุณธิปดูไม่มีแก่ใจจะทำงานเลย”

    “ผม...นอนไม่ค่อยหลับ” 

    “สาเหตุ”

    “ก็นอนไม่หลับไงครับ” 

    “มีที่ไหนคะ นอนไม่หลับสาเหตุเพราะนอนไม่หลับ” 

         
      
          SQW   
     
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×