คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : -ชาตะ มรณะ! 6-
“ท่าทางจะหล่อนะ ข้างหลังยังดูดีขนาดนี้”
ทว่าเมื่อชายคนที่พี่ชายบอกว่าเป็นคนรักของพลอยบุณย์หยัดกายลุกยืนแล้วหันมา นั่นทำให้มัชฌิมาตาลืมตากว้าง และขอยึดคำชมคืนในนาทีนั้น!
คณาธิปเองก็เช่นกัน เขาจำมัชฌิมาได้ แม่กู้ภัยสุดหลอนจอมพูดจากวนประสาทที่เขาเจอที่โรมแรมเมื่อสี่วันก่อน เพื่อนสนิทของเหมือนดาวลูกน้องเขา แต่วันนี้หญิงสาวไม่ได้อยู่ในชุดซึ่งสวมใส่ปฏิบัติหน้าที่
ร่างเพรียวระหงใส่กางเกงยีนกับเสื้อยืดคอวีสีดำ ขับผิวพรรณเกลี้ยงเกลาผ่องใสสุขภาพดีชวนมอง ผมก็ไม่ได้รวบตึงเป็นพวงหางม้าเหมือนครั้งก่อน หล่อนมุ่นผมยาวเหยียดตรงไว้ที่กลางศีรษะ ดูสวย เหมาะกับบุคลิกและท่าทางคล่องแคล่วประเปรียวของหล่อนดี
คณาธิปย่นหัวคิ้ว ก็มองไปมองมา ธรรมบูชากับมัชฌิมาซึ่งยืนเคียงข้างกันอยู่ในขณะนี้นั้น มีรูปพรรณสัณฐานประพิมพ์ประพายคล้ายคลึงกันอยู่ไม่น้อย หรือว่า...
“ไอ้ธิป นี่มัชฌิมา น้องสาวฉัน ไอ้มัช นี่ไอ้คณาธิปเพื่อนฉัน”
ธรรมบูชายิ้มแต้แนะนำ ชายหนุ่มกำลังนึกสงสัย ว่าทำไมทั้งน้องทั้งเพื่อนจึงทำท่าวางปึงไม่พูดจาทักทายกันเมื่อจบคำแนะนำของเขา ทั้งคู่ทำเหมือนอย่างกับอยากฟาดงวงฟาดงากันเสียมากกว่าที่จะทำความรู้จัก
“ถามอีกครั้งนะพี่ธรรม ตาขี้เก๊กนี่ แฟนพี่พลอยจริงหรือ” ปากถามพี่ชาย แต่ตาจ้องคณาธิปเขม็ง
“ยายกู้ภัยขี้กวนประสาทนี่ น้องแท้ ๆ ของแกจริงหรือไอ้ธรรม”
“ใครกวนประสาท!” มัชฌิมาเท้าสะเอว
“แล้วใครขี้เก๊ก!” คณาธิปถามกลับทำทีเช่นกัน
“เดี๋ยว!” ธรรมบูชาก้าวฉับมายืนคั่นกลาง “หยุดก่อนทั้งสองคน...รู้จักกันใช่ไหม แล้วจะตีกันเรื่องอะไรวะครับ”
“แกเลี้ยงน้องยังไงให้เพ้อเจ้อวะไอ้ธรรม” คณาธิปถามเน้นคำ โดยเฉพาะคำว่าเพ้อเจ้อ
“พี่ธรรมคบเพื่อนขี้เก๊กนิสัยแย่ปากจัดแบบนี้ได้ไงฮะ!” มัชฌิมาถามห้วน ๆ กระแทกเสียง
“เฮ้! อะไรของแกสองคนวะ” ธรรมบูชามองทั้งคู่สลับกัน “เบาเสียงหน่อย คนมองเต็มเลย ดีนะลุงรงค์ไปคุยกับท่านเจ้าอาวาสที่กุฏิ ถ้าลุงรงค์อยู่ แกสองคนโดนด่าขี้หูร่วงแน่ ที่มาทะเลาะกันต่อหน้าโลงศพพลอยแบบนี้ แล้ว...ขี้เก๊กอะไร เพ้อเจ้ออะไรกัน ฉันไม่เข้าใจ”
“น้องแกไงเพ้อเจ้อ เพ้อเจ้อเรื่องผีสาง” คราวนี้คณาธิปตอบออมเสียง
“ฉันไม่ได้เพ้อเจ้อ!”
“ผมก็ไม่ได้ขี้เก๊ก! คุณต่างหาก เพ้อเจ้อสุด ๆ” คณาธิปหัวเราะหึ ๆ “เพ้อเจ้อว่ามองเห็นผี คุยกับผีได้ คนปกติที่ไหนเขาพูดเรื่องแบบนั้นในที่สาธารณะ ผีไม่มีจริง!”
“มี และฉันก็แช่ง ให้ผีมาหลอกคุณด้วย!”
จบคำแช่งของมัชฌิมา วินาทีถัดมาคณาธิปก็ขนลุก รู้สึกถึงลมเย็นเยือกซึ่งพัดผ่านต้นคอไป เขาเหมือนได้ยินเสียงอ่อนหวานคุ้นชินดังก้องกังวานอยู่ใกล้ ๆ หู เป็นเสียงเรียกชื่อของเขานั่นเอง!
‘ธิป’
คณาธิปสะดุ้งเมื่อเสียงเรียกดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง ชายหนุ่มขมวดคิ้ว หันรีหันขวางมองหาว่าใครเป็นคนเรียก แต่คิดไปคิดมาที่นี่ก็ไม่มีใครรู้จักเขานี่นา นอกจากธรรมบูชา มัชฌิมา และอีกคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้นอนทอดร่างหลับชั่วกาลอยู่ในโลงสีขาวนั่น...พลอยบุณย์!
คณาธิปสูดหายใจลึก ส่ายหน้าช้า ๆ พยายามคิดว่าตนเองหูฝาด...ผีไม่มีจริง ผีไม่มีในโลก ผีเป็นเรื่องไร้สาระ เพ้อเจ้อ!
‘ธิป’
เสียงเรียกดังชัดเจนและกังวานกว่าทุกครั้ง ดั่งต้องการตอกย้ำว่าความคิดของเขานั้นผิด หรือว่าคำแช่งของมัชฌิมาจะเป็นจริง
คณาธิปกำลังระงับความตื่นตระหนก ชายหนุ่มหันไปมองรูปถ่ายของพลอยบุณย์ ก่อนขยับถอยหลังไปยืนใกล้ ๆ มัชฌิมาโดยไม่รู้ตัว ใกล้จนเรียกว่าเบียดเลยก็ว่าได้ เขาคิดว่าที่ยืนเบียดอยู่คือธรรมบูชา
“คุณ...” มัชฌิมาดันตัวคณาธิปออกห่าง ร่างสูงสะดุ้งเฮือกจนหล่อนเผลอสะดุ้งตามไปด้วย “ที่ตั้งเยอะ มายืนเบียดฉันทำไม”
‘มัช’
คณาธิปหรี่ตามองมัชฌิมา ในขณะที่หญิงสาวก็กำลังมองเขาตาเขม็งอยู่เช่นกัน มัชฌิมาดูจะไม่รู้สึกเลยว่ามีใครกำลังเรียกอยู่
“มองหน้าหาเรื่องฉันหรือไง”
“เปล่า! ผมว่าเหมือน...มีคนเรียกคุณ คุณไม่ได้ยินหรือไง” คณาธิปตัดสินใจถามมัชฌิมาออกไป
มัชฌิมาส่ายหน้า หล่อนไม่ได้ยินเสียง แต่ก็สามารถรู้สึกได้ว่าเหมือนมีใครที่มองไม่เห็นมายืนอยู่ใกล้ตนเองนับตั้งแต่ที่คณาธิปขยับมายืนเบียดจนแทบจะสิงร่างหล่อนเมื่อครู่ ตอนนั้นลมซึ่งพัดปะทะร่างกายก็เย็นเยือกกว่าปกติ แต่ลมเย็นเยือกราวน้ำแข็งนั้นมาเร็วไปเร็วอย่างน่าประหลาด
มัชฌิมาเม้มปากอย่างครุ่นคิด อ้อ...หล่อนใส่พระเครื่อง วิญญาณทั้งหลายจะเข้าใกล้หล่อนไม่ได้เพราะอำนาจพุทธคุณ
แต่ถึงอย่างไรก็น่าแปลกอยู่ดี โดยปกติหล่อนจะทั้งมองเห็นและได้ยินเสียงวิญญาณ ติดต่อสื่อสารกันได้เฉกเช่นพวกเขาเหล่านั้นเป็นมนุษย์ ไม่ว่าหล่อนจะใส่หรือไม่ใส่พระก็สามารถมองเห็นวิญญาณได้เสมอ แต่ทำไมคราวนี้คนที่สัมผัสถึงวิญญาณได้ก่อนหล่อนคือคณาธิป ชายผู้มองว่าเรื่องผีเป็นเรื่องไร้สาระและเพ้อเจ้อ หรือว่าคำของหล่อนจะเป็นจริงขึ้นมา ที่หล่อนแช่งให้ผีมาหลอกเขา
มัชฌิมาแสยะยิ้ม...ดี! สมน้ำหน้า!
บริเวณรูปถ่ายข้างโลงศพบังเกิดลมหมุนวนบางเบา กายซึ่งมนุษย์ทั่วไปไม่สามารถมองเห็นค่อย ๆ ปรากฏขึ้นพร้อมประกายสีขาวสกาววาววับ ไล่ตั้งแต่ปลายเท้า ลำตัว วนขึ้นไปจรดศีรษะ
หญิงสาวร่างระหงในชุดกางเกงยีนสีดำสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวล้วน ยืนตรงนิ่ง ใบหน้ารูปไข่ยังคงเค้างามจับตา หากซีดขาวราวผิวกระดาษ ดวงตาหม่นเศร้าจับอยู่ที่ใบหน้าคณาธิปแน่วแน่
ถ้าหากมัชฌิมามองเห็นได้ รายนั้นคงจะรู้ว่า พลอยบุณย์...ยืนอยู่ตรงนั้น!
วิญญาณพลอยบุณย์เบนสายตาไปมองมัชฌิมา ตอนนี้ทั้งธรรมบูชา คณาธิป และมัชฌิมา ไปนั่งที่เก้าอี้กันเรียบร้อยแล้ว
“มัชมองเห็นวิญญาณได้ทุกดวง แต่ทำไมถึงมองไม่เห็นพี่...ธิปได้ยินเสียงพลอยใช่ไหม ช่วยบอกมัชทีว่าได้ยินเสียงพลอย ช่วยพลอยด้วย!”
พลอยบุณย์คอตก...
ไม่ได้ผล คณาธิปไม่มีทีท่าว่าจะได้ยินเสียงหล่อนอีกแล้ว คงเพราะเขานั่งใกล้มัชฌิมา อำนาจพุทธคุณของพระเครื่องที่มัชฌิมาสวมอยู่ จึงช่วยคุ้มกันภูตผีวิญญาณให้เขาด้วย ส่วนคนที่หวังมากที่สุดว่าจะพึ่งพาได้อย่างมัชฌิมา ก็ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของวิญญาณหล่อนแล้วเช่นกัน
แต่หล่อนจะไม่ยอมแพ้ เพราะหล่อนมีความจริงจะต้องบอกคณาธิป และมีเรื่องสำคัญต้องขอร้องให้มัชฌิมาช่วย หล่อนต้องสื่อสารกับมัชฌิมาและคณาธิปให้ได้!
ความคิดเห็น