คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : -ก่อนที่พุทธโธ จะรั้งความโมโหไว้ไม่ได้3-
“ก๋วยเตี๋ยวไหมคะดาวสั่งให้ ยังไม่เห็นคุณธิปกินอะไรเลยตั้งแต่เที่ยง”
มัชฌิมาปรายตามองผู้เป็นเจ้านายของเหมือนดาว ครั้นพอเห็นหน้า ทั้งช้อนทั้งตะเกียบก็หลุดจากมือ ร่วงลงกระทบชามกระเบื้องบังเกิดเสียงดังจนพาให้ลูกค้าทุกโต๊ะในร้านหันมอง
“ไอ้ดาว! ตาคนนี้เจ้านายแกหรือ”
เหมือนดาวพยักหน้า ถามว่าสองคนรู้จักกันหรือ ทั้งสองคนที่ถูกเหมือนดาวถาม ตอบพร้อมกันว่า ‘ก็ไม่ได้อยากรู้จัก’ เหมือนดาวมองเจ้านายและเพื่อนสนิทสลับไปมาอยู่อย่างนั้น
“ไม่ต้องงง ตาคนนี้แหละผู้ถือหุ้นขี้เก๊กของโรงแรมสุดหรูชื่อดัง ที่ฉันกับทีมเพิ่งไปแบกศพคดีฆาตกรรมลงจากชั้นสามสิบหก โดยใช้...บันไดหนีไฟ!”
“กู้ภัยคนนี้เพื่อนคุณหรือดาว”
คณาธิปถามเหมือนดาว แต่ตาของเขากำลังหรี่มองมัชฌิมาอย่างกับอาจารย์ประเมินบุคลิกภาพนักศึกษาแล้วเขียนอักษร ‘F’ ตัวใหญ่แดงโล่ไว้บนหน้าผาก
“ค่ะ นี่มัชฌิมาเพื่อนดาวเอง...ไอ้มัชนี่เจ้านายฉัน คุณคนาธิป”
เหมือนดาวย่นคิ้ว เอ๊ เมื่อครู่มัชฌิมาบอกว่าธีรดาเป็นเพื่อนกับผู้ถือหุ้นโรงแรมขี้เก๊ก ถ้าผู้ถือหุ้นขี้เก๊กของมัชฌิมาคือเจ้านายหล่อน นั่นแสดงว่าธีรดากับเจ้านายของหล่อนเป็นเพื่อนกัน
เหมือนดาวรู้ว่าคณาธิปมีหุ้นโรงแรมร่วมกับพี่สาวและเพื่อนสนิทอีกหนึ่งคน แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนของคณาธิปคือธีรดา หญิงสาวเพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้ว่าเหตุผลที่คณาธิปต้องทิ้งงานสำคัญถึงขั้นโทร.ยกเลิกนัดกับลูกค้ารายใหญ่ ก็เพราะว่าเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นในโรงแรม...ที่เจ้านายไม่ยอมให้หล่อนเข้าไปด้วย เพราะสถานการณ์ด้านในโรงแรมคงวุ่นวายมาก ๆ นั่นเอง
“แนะนำทำไม ก็บอกแล้วไงฉันไม่อยากรู้จัก…” มัชฌิมาเบ้ปาก กอดอก “คนเห็นแก่ตัว”
“คุณว่าใคร” คนาธิปถามเสียงหนัก
“ว่าคนเห็นแก่ตัว ใครเป็นก็รับไปสิ”
“ก็ขอโทษแทนผู้จัดการโรงแรมของผมไปแล้วไง คุณจะให้ผมทำยังไงอีกครับ...คุณมัชฌิมา หรือจะให้ผมแบกศพขึ้นไปไว้บนโรงแรมตามเดิมดีไหม เราจะได้หายกัน”
“ได้ไหมล่ะ!”
คณาธิปลุกขึ้นเร็ว ๆ “คุณมัชฌิมา!”
“อะไร!” มัชฌิมาลุกตามติด ๆ เช่นกัน
“ไอ้มัช แกใจเย็นก่อน พุทธโธท่องไว้”
เหมือนดาวลูบแขนมัชฌิมาแล้วหันไปยิ้มแห้ง ๆ ให้คณาธิป เพราะเห็นท่าว่าถ้าอยู่ต่อเรื่องอาจเกิดก็เป็นได้ จึงได้ชวนคณาธิปให้รีบกลับไปทำงานต่อ ส่วนเรื่องกิน เดี๋ยวไปหาร้านอาหารแถวออฟฟิศกินจะสะดวกกว่า
คณาธิปหันหลังหนี เพราะเขาไม่อยากจะอยู่มองหน้ามัชฌิมาและเสวนาด้วยอีกแล้ว ผู้หญิงอะไร กวนโอ๊ยชะมัด เกิดมาไม่เคยเจอ
“ฉันไม่ได้ไล่ แต่แกรีบ ๆ ไปเถอะไอ้ดาว ก่อนที่พุทธโธจะรั้งความโมโหฉันไว้ไม่ได้”
ปากพูดกับเหมือนดาว แต่ตาขุ่นเขียวของมัชฌิมามองไปทางคณาธิป ชายหนุ่มร่างสูงหันกลับมาขึงตามองมัชฌิมาด้วยสายตาแบบเดียวกันแล้วก็รีบหันกลับไป
เหมือนดาวถอนใจใหญ่ หันหลังจะเดินตามเจ้านายเพื่อไปขึ้นรถ แต่มัชฌิมาเรียกเสียงดัง แล้วดึงแขนหล่อนเอาไว้เสียก่อน
มัชฌิมาประสายสายตากับเหมือนดาว เหงื่อไหลซิก ๆ เปียกชื้นบนใบหน้าเกลี้ยงเกลางามพึงตานั้น เหมือนดาวไม่เข้าใจว่าเพื่อนเป็นอะไรถึงได้หน้าตาตื่นราวกับเห็นผี
แต่การเห็นผีกับมัชฌิมานั้นไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไรสักหน่อย เพื่อนคนนี้ของหล่อนคลุกคลีอยู่กับศพกับวิญญาณมาจนชิน และมัชฌิมา มีสัมผัสพิเศษมองเห็น...สิ่งลี้ลับ เหมือนดาวกลอกตาไปมา อดคิดไม่ได้ว่ามัชฌิมาอาจจะมองเห็นวิญญาณอยู่ หล่อนเชื่อมั่นในสัมผัสพิเศษนี้ของเพื่อนสนิทนัก
“แกอย่าบอกนะไอ้มัช ว่าแกเห็น...อีกแล้ว แต่ปกติแกไม่เคยกลัวเลยนี่นา ครั้งนี้ทำไมหน้าตาตื่นขนาดนี้”
“...ถ้าเป็นวิญญาณ ก็คงเป็นวิญญาณแกแหละไอ้ดาว!”
“บ้า พูดอะไรของแก”
“ก็เมื่อกี้...เมื่อกี้ ฉันเห็นแกขับรถเบนซ์สีขาวออกมาจากซอยโรงแรม ขับไปทางโน้น” มัชฌิมาชี้ออกไปทางถนนใหญ่ รถลาวิ่งขวักไขว่ “ไปโน่นแล้ว”
เหมือนดาวเลิกคิ้ว ชี้หน้าตัวเอง เตือนให้เพื่อนรู้ว่าหล่อนยังยืนอยู่ตรงนี้ แล้วหล่อนจะไปขับรถได้อย่างไร ก๋วยเตี๋ยวสี่ชามไม่ทำให้มัชฌิมาหายหิวจนตาลายเลยหรือยังไง
“ตาฝาด มันจะไปใช่ฉันได้ไง ถ้าฉันขับรถไป แล้ววิญญาณหรือไงที่ยืนพูดกับแกอยู่”
“ก็ถึงบอกไง ถ้านั่นเป็นวิญญาณก็คงเป็นวิญญาณแก เพราะผู้หญิงคนนั้นหน้าเหมือนแกมาก แกชัด ๆ เลย!”
“พอแล้ว เพ้อเจ้อน่าไอ้มัช ฉันไม่ตลกนะ”
“ฉันรักษาศีลไม่โกหกแกก็รู้ แกจิตนาการภาพตามที่ฉันพูดไปด้วยเลย...รถเบนซ์คันนั้นแล่นผ่านเข้ามาในสายตาฉัน และแล่นผ่านไปแบบไม่เร็วมากนัก พร้อมกับกระจกฝั่งข้างคนขับที่ค่อย ๆ เลื่อนขึ้นจนปิดมิดในจังหวะที่รถวิ่งพ้นตำแหน่งสายตาฉันไปพอดี เซ้นส์เรื่องการมองเห็นของฉันแม่นแค่ไหนแกก็รู้ไม่ใช่หรือไง ไม่ว่าจะเป็นคน หรือ...อะไรก็ตาม!”
“เพื่อนคุณไม่น่าจะตาฝาดหรอกดาว ผมนึกว่าผมอยู่เห็นคนเดียวเสียอีก”
เจ้านายเดินมายืนข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เหมือนดาวไม่ทันมอง แต่คำพูดของมัชฌิมากับผู้เป็นเจ้านายกำลังทำให้สมองหล่อนปั่นป่วน จะมีใครอีกคนที่หน้าเหมือนหล่อนอยู่บนโลกจริง ๆ อย่างนั้นหรือ...มันจะเป็นไปได้อย่างไร
“แกมีแฝดเปล่าวะ ฉันตาไม่ฝาดแน่” นานอยู่เหมือนกันกว่ามัชฌิมาจะคลายความตกตะลึงและพูดออกมาอีกครั้ง มัชฌิมาจับต้นแขนเหมือนดาวแล้วบีบเบา ๆ “พี่น้องฝาแฝดน่ะ”
“แกจะบ้าหรือไงไอ้มัช น้องสาวฉันก็มีชิดจันทร์คนเดียว แกกับจันทร์ก็รู้จักกัน ฉัน...จะไปเอาแฝดมาจากไหน”
“ดีเอ็นเอเดียวกัน แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันก็มีถมไปนี่หว่า” มัชฌิมาพึมพำ แต่คงเสียงเบาไม่พอ เพราะเหมือนดาวได้ยินจึงได้ปรายตามามองหล่อน “เออ ๆ ช่างมันก่อนเรื่องนี้ งานเยอะต้องรีบกลับออฟฟิศไม่ใช่หรือไง แกรีบไปเถอะ เดี๋ยวฉันก็ต้องกลับไปเขียนรายงานที่มูลนิธิเหมือนกัน แยกกันเลยแล้วกันนะ ไว้ว่างนัดกินหมูกระทะกัน ชวนจันทร์มาด้วย”
“แกกลับไงไอ้มัช ให้คุณธิปไปส่งไหม” เหมือนดาวเสนอ
“ไม่...ไม่ต้อง ๆ” มัชฌิมาโบกมือไปมา “มูลนิธิฉัน จากตรงนี้เดินไปสามซอยก็ถึง ไม่รบกวนใครหรอก เพราะเขาคงไม่มีน้ำใจพอให้ฉันรบกวน”
“นี่คุณ...” คณาธิปเม้มปากเป็นเส้นตรง หัวคิ้วย่นเข้าหากัน
“โอเค!” เหมือนดาวรีบพูดสวนขึ้นทันควัน หล่อนไม่อยากเป็นกรรมการห้ามศึกการปะทะฝีปาก “โอเคไอ้มัช เดินกลับดี ๆ นะแก แล้วเจอกัน”
“เออ” มัชฌิมาพยักหน้ารับคำ “ฉันกลับดี ๆ อยู่แล้วไม่มีใครมาฉุดหรอก ลองใครมาฉุดสิ แม่จะเรียกพรรคพวกมาหลอกให้ขนหัวลุกเลย”
“ใครจะฉุดลง ท่าทางหลอนเสียขนาดนี้” คณาธิปพึมพำแล้วหัวเราะหึๆ
มัชฌิมาได้ยินที่คณาธิปพูดเต็มสองหูถึงเขาจะพูดไม่เต็มเสียงนัก คราวนี้หญิงสาวไม่พูดโพล่งต่อคำเสียงดังออกไป แต่กลับยิ้มพรายให้คณาธิป ก่อนจะหันไปพูดกับเหมือนดาวว่า
“นั่งรถกลับดี ๆ เหมือนกันล่ะแกน่ะ ทำอะไรต้องมีสติมาก ๆ รู้ไหม พึงระวังคนนั่งข้าง ๆ ไว้นะ เพราะว่านอกจากนิสัยจะค่อนข้างไม่ดีแล้ว ปากยังไม่ค่อยดีจนเข้าขั้นแย่มากด้วย สอดเสียดนินทาได้แม้กระทั่งผู้หญิง” มัชฌิมาประนมมือ หลับตา “อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ...ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย คุ้มครองให้แกรอดพ้นจากหมู่มารนะไอ้ดาว!”
ความคิดเห็น