ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภูตพราวรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : -หลักฐานแห่งความลับ-

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 63


    หน่วยกู้ภัยเกื้อกูลประชา รับแจ้งเมื่อเวลา สิบหกนาฬิกาห้านาที ว่าพบผู้ถูกยิงเสียชีวิตที่ชั้นสามสิบหก โรงแรม‘Miniature Cloud Bangkok Hotel’ โรงแรมใหญ่ชื่อดังย่านสาธร ผู้ตายคือ ‘นายวิทูร ลัคนา’ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘เสี่ยวิทูร’ เป็นเซียนพระชื่อดังและนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเป็นที่จับตามองอยู่ในขณะนี้

    กว่าหน่วยกู้ภัยจะขึ้นมาถึงชันสามสิบหกของโรงแรมซึ่งเป็นชั้นเกิดเหตุได้ ต้องฝ่าดงนักข่าวหลายสิบชีวิตซึ่งดึงดันหาทางจะขึ้นมาทำข่าวกันจนเกิดความวุ่นวาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานของโรงแรม และพนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรมกันนักข่าวเหล่านั้นไว้ 

    แต่นักข่าวบางคนก็ฝ่าฝืนและแอบหนีเข้าไปจนได้ บ้างแอบขึ้นลิฟต์มากับทีมกู้ภัย บ้างวิ่งหนีขึ้นไปทางบันไดหนีไฟ แต่ถึงจะขึ้นไปได้ ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งประจำการอยู่ที่ด้านบนให้เข้าไปทำข่าวอยู่ดี ก็ควรจะเป็นเช่นนี้ละ เพราะผู้ตายเป็นคนดัง มีชื่อเสียงมาก สำนักข่าวไหนก็ต้องอยากได้ข่าวเด่นข่าวดังไปให้สำนักข่าวของตนเองทั้งนั้น แต่เพราะเป็นคนมีชื่อเสียง การจะได้ภาพไปประกอบข่าวนั้น...คงไม่ง่าย

    ภายในห้องโอ่อ่าหรูเรียบ เฟอร์นิเจอร์และเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ไฟในห้องถูกเปิดสว่างไสว แต่โทนสีครีมในห้องไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศตึงเครียดผ่อนคลายลงเลยในเวลานี้ เพียงแค่คิดว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ซึ่งทำให้มีคนเสียชีวิตเกิดขึ้น แม้จะไม่มีใครรู้ต้นสายปลายเหตุแท้จริง แต่ก็ไม่สมควรเลยที่จะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้

    ภาพที่มัชฌิมาเห็นรองจากเทปกั้นพื้นที่สีเหลืองดำซึ่งมีเหมือนกับบริเวณหน้าประตูห้อง คือภาพชายวัยกลายคนรูปร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงยีนขายาวสีดำ นอนคว่ำหน้าอยู่กับพรมปูพื้นใกล้กับชุดโซฟาหนังสีทรายซึ่งตั้งติดอยู่กับปลายเตียง ชุดเครื่องนอนสีขาวล้วนบนเตียงยังอยู่ในที่ทางเรียบร้อย ไม่มีร่องรอยการนอน แต่มีรอยเลือด เปรอะเปื้อนผ้าปูที่นอนเป็นด่างดวงอยู่เป็นจำนวนมาก บ้างกระเด็นไปโดนหัวเตียงและผนังห้อง แน่นอนว่าเป็นเลือดซึ่งสาดกระจายออกมาจากศีรษะของผู้ตายเมื่อยามไกปืนถูกเหนี่ยว

    มัชฌิมาจ้องดูไม่วางตาในขณะที่ยืนรอแพทย์กับตำรวจพิสูจน์หลักฐาน...

    ผู้ตายมีบาดแผลถูกยิงที่ขมับขวามองเห็นแผลฉกรรจ์เป็นรูค่อนข้างกลม ทางออกของลูกกระสุนปลิดชีพคือกกหูซ้าย 

    ปืนพกกึ่งอัตโนมัติสีดำขลับหนึ่งกระบอกอยู่ในมือผู้ตายในลักษณะถูกกำแน่น เลือดจำนวนมากไหลย้อยออกมาจากบริเวณทางเข้าและทางออกของวิถีกระสุนปืน เปื้อนพรมปูพื้นสีน้ำตาลเข้ม เลือดสีแดงคล้ำกับสีน้ำตาลเข้มของพรมหลอมรวมเป็นสีเดียวกันจนแทบแยกไม่ออก มัชฌิมาได้ยินนายแพทย์วัยกลางคนแจ้งกับตำรวจว่า เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง 

    มัชฌิมาปรายตามองไปยังกระบอกปืนในมือศพอีกครั้ง และคิดดัง ๆ อยู่ภายในใจว่า เพราะปืนที่ใช้ใส่ท่อเก็บเสียง...

    เป็นไปได้หรือไม่ ว่าปืนกระบอกนั้นและท่อเก็บเสียง จะใช้ร่วมกับลูกซับโซนิค (Sub-Sonic) ลูกกระสุนซึ่งมีความเร็วต่ำกว่าเสียง 

    ตัวเก็บเสียงปกติจะเก็บได้แค่เสียงการระเบิดของดินปืน ส่วนเสียงซุปเปอร์โซนิค (Super Sonic) หรือเสียงที่ลูกกระสุนแหวกกำแพงเสียง จะไม่สามารถลบหายไปได้ เวลายิงจึงยังมีเสียงดังออกมา

    เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้ปืนเงียบมากจริง ๆ เงียบแบบได้ยินแค่เหล็กกลไกเสียดสีกัน จะต้องใช้ท่อเก็บเสียงร่วมกับลูกกระสุนซับโซนิคเพียงเท่านั้น 

    ที่รู้เรื่องพวกนี้เพราะมัชฌิมายิงปืนเป็น หญิงสาวเคยขอไปเรียนยิงปืนกับชนนและธรรมบูชา และจริงจังตั้งใจศึกษาเกี่ยวกับเรื่องปืน กระสุนปืนแต่ละชนิดมาพักใหญ่พอสมควร จึงรู้ว่าการใส่ท่อเก็บเสียงนั้นไม่ได้เก็บเสียงจนเงียบกริบ ท่อเก็บเสียงจะช่วยแค่ลดความดังลง อย่างไรเสีย เสียงปืนก็ต้องเล็ดลอดออกมาบ้าง

    ก็คงเพราะเสียงมันไม่ดังเปรี้ยงป้างตามวิสัยปืนให้คนภายนอกได้ยินนี่ละ กว่าจะมีคนเข้ามาเห็น ทุกสิ่งก็สายเกินไปอย่างนี้แล้ว คนที่เข้ามาพบศพของเสี่ยวิทูรเป็นคนแรกคือแม่บ้านวัยกลางคนนางหนึ่ง ตอนนี้แม่บ้านคนนั้นกำลังยืนปากคอสั่น เนื้อตัวสั่น ให้การกับตำรวจอยู่หน้าประตู มัชฌิมาเห็นเมื่อกี้นี้ตอนกำลังเดินเข้ามาในห้อง

    กลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้งในอณูอากาศ แม้จะใส่หน้ากากอนามัย มัชฌิมาก็ยังคงได้กลิ่นอยู่ดี และถึงจะเกิดอาการผะอืดผะอมกับกลิ่นคาวเลือดจำนวนมากนี้ แต่ด้วยความที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับศพมาหลายปี มัชฌิมาจึงรู้สึกคุ้นชินมากกว่าที่จะกลัว กรณีอุบัติเหตุรุนแรงสภาพศพแยกชิ้นส่วนเหลวเละไม่น่ามองยิ่งกว่านี้ มัชฌิมาก็เผชิญมาจนครบทุกรูปแบบแล้ว

    เมื่อแพทย์กับตำรวจเสร็จสินภารกิจในการพิสูจน์หลักฐาน ก็ถึงเวลาปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กู้ภัยอย่างพวกของหล่อนบ้าง ทีมกู้ภัยตรงดิ่งไปที่ศพ รวมทั้งตัวมัชฌิมาด้วย...

    “น้องสาวสุดที่รักครับ เห็นโซฟาเขาสวยจะสิงโซฟาหรือไง ทำไมไม่เอาผ้าดิบมาปู เห็นทุกทีเป็นคนสั่งการแข็งขัน วันนี้ทำไมนั่งเฉย...หรือว่าแกเห็นพลังงานเหนือธรรมชาติอะไรในห้องนี้หรือไง อยู่ตรงไหน ใกล้ ๆ ฉันหรือเปล่า!” 

    ธรรมบูชาถ่ายรูปเรียบร้อย จึงหันไปถามน้องสาว สายตาของมัชฌิมากำลังเหม่อมองอะไรอยู่อย่างไร้จุดหมาย และที่ถามไปนั้นไม่ได้ถามตลก ๆ แต่น้องสาวของเขา สามารถสัมผัสและมองเห็นพลังงานเหนือธรรมชาติ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าผี หรือวิญญาณได้จริง ๆ เป็นมาตั้งแต่เด็ก ชอบบอกว่าเห็นคนโน้นคนนี้เดินผ่านหน้าบ้าน แต่คนโน้นคนนี้ที่มัชฌิมาว่าเดินผ่าน ล้วนไม่ได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้วทั้งสิ้น 

    “ไม่มี ตั้งแต่เข้ามามัชยังไม่เห็นอะไรในห้องนี้เลย” 

    “ในห้องนี้ไม่เห็น แต่เมื่อกี้ในลิฟต์แกเห็นใช่ไหม” ธรรมบูชาถามแล้วก็มองรอบ ๆ ตัว ขนลุกขนพองขึ้นมา “ฉันเห็นแกคุยจ้อเชียว ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ผัดเผ็ดหมูป่า แกงไตปลา ปลาร้าหลน แล้วก็หมูนึ่งมะนาวอะไรของแกน่ะ”

    “ผีนายช่างติดตั้งลิฟต์ที่หัวใจวายในลิฟต์น่ะพี่ธรรม ลุงแกบอกหิว ไม่มีใครทำบุญให้ มัชเลยบอกว่าจะทำบุญไปให้ เขาก็บอกมัชว่าอยากกินอะไรบ้าง...ลุงแกก็ขอบอกขอบใจมัชใหญ่เลย”

     มัชฌิมาตอบ ก่อนจะลุกขึ้นจากพื้นบริเวณเก้าอี้โซฟา ระหว่างลุกเดินไปหยิบผ้าดิบที่มุมห้อง หล่อนไม่ลืมที่จะรูดซิปกระเป๋าเสื้อให้เรียบร้อยเมื่อหย่อนสิ่งของบางอย่างเก็บลงไปในกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว

    “พี่มัชนี่นอกจากสวยมากแล้วยังสตรองมากอีกด้วยนะครับ” กานต์ชม “ยืนคุยกับผีได้หน้าตาเฉย ทำได้ไง”

    “ไม่สตรองใส่ผี จะให้ผีมาโชว์สตรองใส่หรือไงล่ะ” มัชฌิมายิ้มมุมปาก พ่อเป็นสัปเหร่อ ลูกสาวมองเห็นผี ต้องปรับตัวให้คุ้นเคยกันสักหน่อยสิ “ไม่งั้นพี่ถูกผีหลอก หัวใจวายตายตั้งแต่สี่ขวบแล้ว”

    “มัชเห็นผีมาตั้งแต่สี่ขวบเลยหรือ” คราวนี้ชนนถาม ชายหนุ่มใช้ยางวงพลาสติกสีดำเส้นเล็กมัดผมยาวประบ่าของตัวเองแบบรวบขึ้นไปลวก ๆ ก่อนสวมถุงมือยางสีขาว “แล้ว...เห็นได้ยังไง”

    “หลวงพ่อบอกว่ามันเป็นสัมผัสพิเศษเฉพาะบางคน” หลวงพ่อที่ธรรมบูชาพูดถึงนั้นก็คือหลวงพ่อฤกษ์ อดีตสัปเหร่อ ผู้เป็นพ่อของตนเองกับมัชฌิมา หลวงพ่อฤกษ์บวชเป็นพระได้สองพรรษาแล้วนับแต่นางมธุรสผู้เป็นภรรยาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ “แกเปลี่ยนจากถามว่าไอ้มัชมันเห็นผีได้ยังไง เป็นถามมันแทนฉันทีเถอะไอ้นนท์ ว่าตั้งแต่เด็กจนโตเวลามันเห็นผี มันจะมาบอกฉันกับยายทำไมทุกครั้งดีกว่า นอนหลับไม่เคยเต็มตากันเลย ยิ่งเฉพาะวันพระนะ ฮึ่ย ขนลุก!”

    “ญาติพี่น้องกัน ก็ต้องแชร์ประสบการณ์กันสิพี่ธรรม” มัชฌิมายักคิ้วแผล็บใส่พี่ชาย “มัชไม่เห็นแก่ตัวหรอกน่า เห็นอะไรดี ๆ ก็ต้องบอกต่อ”

    “ดีกับผีสิ!” ธรรมบูชาขนลุกขนพองยิ่งกว่าเก่า

    มัชฌิมายิ้มพราย ยักไหล่...ใช่ ดีกับผีสิเข้าท่า ผีดีกว่าคนตั้งเยอะ อยากหลอกก็หลอก มีความจริงใจจะตายไป แต่ดีกับคน คนชอบทำให้เสียความรู้สึก บางคนแกล้งหลอกทำดีกับเรา เพราะหวังผล พอได้ผลที่ต้องการก็ถีบหัวเราส่ง สำหรับหล่อน คนน่ากลัวกว่าผี คบผีสบายใจกว่า

    -----------------------------------

     

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×