ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : กองทัพรูปปั้นทหารและม้าดินเผาของจักรพรรดิจิ๋นซี
กองทัพรูปปั้นทหารและม้าดินเผาของจักรพรรดิจิ๋นซี
ห่างจากมหาสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีไปทางทิศตะวันออกเพียง ๑.๕ กิโลเมตร เป็นสถานที่ขุดค้นพบกองทัพรูปปั้นทหารและม้าดินเผาของพระองค์ (ฉินสื่อหวงปิงหมาหย่ง QIN SHI HUANG BING MA YONG) หรือที่จะเรียกต่อไปนี้ว่า "ปิงหมาหย่ง"
ปิงหมาหย่งนี้ถูกขุดค้นพบโดยบังเอิญของชาวนาตระกูลหยาง ๗ คน ในหมู่บ้านซีหยาง (XI YANG) เมืองหลินถง ในต้นฤดูใบไม้ผลิ ปี ค.ศ. ๑๙๗๔ โดยพวกเขาตั้งใจที่จะขุดหาบ่อน้ำเพื่อไว้ใช้ในการเพาะปลูกของฤดูกาลที่จะมาถึง โดยในวันที่ ๕ ของการขุด เมื่อพวกเขาได้ขุดลึกลงไป ๔ เมตร ก็พบวัตถุที่ทำด้วยดินเผาคล้ายเหยือกใส่น้ำ พวกเขาจึงขุดอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยหวังที่จะนำวัตถุที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินนี้ เพื่อไปใช้ในการเก็บรักษาไข่ แต่เมื่อพวกเขายิ่งขุดลึกลงไปก็พบว่า สิ่งที่พวกเขาขุดขึ้นมามันเป็นมนุษย์ดินเผาที่อยู่ในชุดเสื้อเกราะ และยังมีคันธนูและลูกธนูทองเหลืองอีกจำนวนหนึ่ง
พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกในสิ่งที่ถูกขุดค้นพบนี้อย่างมาก เพราะพวกเขาเกรงว่าเบื้องใต้นี้อาจเป็นวัดของเทพธรณี ที่พวกเขาได้ขุดล่วงละเมิดลงไป ซึ่งอาจนำผลโชคดีหรือโชคร้ายมาสู่หมู่บ้านได้ จึงได้จุดธูปและกราบไหว้บูชาขอขมาต่อเทพธรณี
หลังจากนั้นอีก ๒ เดือน เจ้าหน้าที่ของทางการที่รับผิดชอบในการขุดหาแหล่งน้ำ ได้มาตรวจความคืบหน้าในการขุดบ่อน้ำของชาวบ้าน เขาก็ได้พบสิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวบ้านได้ขุดค้นพบ และสังเกตเห็นว่า อิฐที่ขุดค้นพบขึ้นมานี้คล้ายกับที่สุสานของจักรพรรดิจิ๋นซี จึงได้รายงานไปยังทางการของมณฑลส่านซี จากนั้นจึงได้มีการขุดค้นอย่างเป็นระบบตั้งแต่ปี ๑๙๗๖ เป็นต้นมา จนพบรูปปั้นทหาร และม้าดินเผากว่า ๘,๐๐๐ ตัว และรถม้าไม้กว่า ๑๐๐ คันในสามหลุมขุดค้นที่มีพื้นที่รวมกันถึงกว่า ๒๐,๐๐๐ ตารางเ.มตร สภาพของหลุมขุดค้นทั้ง ๓ เรียงตัวอยู่ในดังรูปข้างล่าง
เรียกว่า หลุมที่ ๑,๒ , ๓ เรียงตามลำดับของการขุดค้นพบ โดยหลุมทั้งหมดนี้ฝังอยู่ใต้พื้นดินกว่า ๕ เมตร พื้นปูด้วยอิฐสีดำ ก่อโครงขึ้นด้วยโครงสร้างไม้และดิน มีกำแพงสูงราว ๓ เมตร แบ่งกั้นแต่ละช่วงให้เท่าๆ กัน โดยตรงกลางของแต่ละช่วงจะจัดวางรูปปั้นทหารและม้าดินเผา แล้วปิดด้านบนด้วยเสื่อ ซึ่งมีดินโคลนสีแดง หรือสีเหลืองทับอีกชั้นหนึ่ง หลุมทั้ง ๓ ต่างมีทางเข้าออกแยกจากกัน โดยไม่มีทางเชื่อมติดต่อถึงกันได้ เมื่อสร้างเสร็จก็จะปิดตายทางเข้าออก ฝังผู้สร้างไว้ภายใน พร้อมด้วยเหล่าทหารและม้าไปเป็นองครักษ์พิทักษ์องค์จักรพรรดิ ภายหลังที่พระองค์ได้สิ้นพระชนม์ไปแล้วชั่วกัลปาวสาน
หลุมที่ ๑ เป็นหลุมที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือยาว ๒๓๐ เมตร กว้าง ๖๒ เมตร มีพื้นที่รวม ๑๔,๒๖๐ ตารางเมตร ขุดค้นพบรูปปั้นทหารและม้าดินเผารวม ๖,๐๐๐ ตัว และรถม้าไม้ ๔๐ คัน โดยมีจัดแบ่งทหารเป็นกองหน้า, กองกลาง, ปีกซ้าย-ขวา และกองหลัง ทุกตัวสวมชุดเกราะและถืออาวุธ เช่น หอก, ดาบ, ธนู ในสภาพพร้อมรบกับข้าศึกผู้รุกรานต่อองค์จักรพรรดิ
อาจารย์โจวชี้ให้เห็นวิธีปั้นทหารนี้ว่า เขาจะนำดินเหลืองมาพิมพ์แบบ แล้วเผาที่ความร้อนกว่า ๑,๐๐๐ องศาเซลเซียส แยกส่วนหัวและลำตัว แล้วจึงมาประกอบเข้าด้วยกัน ลักษณะของทหารจะมีการแต่งตัวและกิริยาที่แตกต่างกันตามหน้าที่ คือ จะมีแม่ทัพ, ขุนนางฝ่ายบู๊, ขุนนางฝ่ายบุ๋น, พลธนู, พลทหารม้า, พลตระเวน และพลรับใช้ แต่ละรูปจะมีหน้าตาและความสูงแตกต่างกันตามชนเผ่า เช่น พวกที่มาจากภาคกลางของจีน หน้าจะใหญ่เป็นรูปสี่เหลี่ยม สูงประมาณ ๑.๗๐-๑.๘๐ เมตร พวกที่มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะสูงใหญ่มากถึง ๑.๘๐-๒.๐๐ เมตร เพราะเป็นพวกเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนจะมีฝีมือในการขี่ม้า และสุดท้ายจะเป็นพวกปาสู่ จากมณฑลเสฉวน พวกนี้จะตัวเตี้ยและเล็กกว่า ๒ พวกแรก คือสูงประมาณ ๑.๗๐ เมตร
อาจารย์โจวบอกว่าตุ๊กตารูปปั้นทหารเหล่านี้นั้นปั้นได้เสมือนหนึ่งมีชีวิตจริงมาก ทั้งรูปหน้าและท่าทีกิริยา แต่สีหน้าจะดูเคร่งเคียดมาก เพราะในยุคสมัยนี้เป็นที่ทราบกันดีตามประวัติศาสตร์ว่า พระองค์ทรงเอาจริงเอาจังในการรบและการปกครองประเทศมาก สีหน้าของผู้คนในยุคนั้นจึงถูกสะท้อนออกมาจากรูปที่พวกเขาปั้น ตามอย่างที่ปรากฏอยู่
หลุมนี้ขุดแต่งเสร็จแล้ว ด้านบนเขาทำหลังคาสูงโปร่งและมีช่องแสง คล้ายหัวลำโพงบ้านเรา เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม แต่ห้ามถ่ายภาพโดยเด็ดขาด!
หลุมที่ ๒ อยู่ห่างจากหลุมแรกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ ๒๐ เมตร มีขนาดกว้าง ๑๒๔ เมตร ยาว ๙๘ เมตร มีพื้นที่ ๖,๐๐๐ ตารางเมตร ยังอยู่ระหว่างการขุดค้นในวันที่ไปเยือน เขายังขุดแต่งรูปปั้นทหารและม้าอยู่ หลุมนี้เขาติดเครื่องปรับอากาศเพื่อควบคุมอุณหภูมิ และไม่มีช่องให้แสงผ่านเข้า เขาเปิดบางส่วนของหลุมนี้ให้ชมเพื่อให้เห็นถึงขั้นตอนและกรรมวิธีอันยากลำบากและละเอียดอ่อนของแต่ละฝีแปรงของนักโบราณคดีจะจัดแต่งแต่ละรูปปั้น เพื่อนำมาประกอบจัดแสดงได้ดังเช่นหลุมที่ ๑ ประมาณการกันว่าหลุมนี้มีรูปปั้นทหารประมาณ ๙๐๐ ตัว ม้าที่ใช้ลากรถ ๓๕๐ ตัว ม้าศึก ๑๑๖ ตัว และรถม้า ๘๙ คัน
หลุมที่ ๓ เป็นหลุมขนาดเล็กที่สุด มีพื้นที่ประมาณ ๕๐๐ ตารางเมตร ยังอยู่ระหว่างการขุดค้น ซึ่งพวกเราไม่ได้เข้าไปชม คาดว่าจะมีรูปปั้นทหารประมาณ ๖๖ ตัว และม้าอีกจำนวนหนึ่ง
ถัดออกไปใกล้ปากทางเข้าจะมีอาคารจัดแสดงขบวนรถม้าทองเหลือง ๒ คัน ซึ่งขุดค้นพบในปี ๑๙๘๐ คันแรกบูรณะเสร็จเมื่อปี ๑๙๘๓ คันที่ ๒ บูรณะเสร็จเมื่อปี ๑๙๘๖ จัดแสดงไว้ในตู้กระจกอย่างงดงาม
รถม้า ๒ คันนี้ทำด้วยทองเหลืองที่ประดับตกแต่งอย่างประณีตตระการตา เมื่อแรกขุดพบนั้น รถทั้ง ๒ คันนอนล้มอยู่กับพื้น ตัวม้าอยู่ในสภาพดีพอใช้ แต่ตัวรถแตกเสียหายมาก เขาใช้ความพยายามอย่างสูงในการบูรณะให้กลับขึ้นมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง
รถคันแรก เป็นรถนำขบวนเสด็จ มีม้า ๔ ตัว แต่ละตัวประดับประดาด้วยเครื่องตกแต่งที่ทำด้วยทองคำ และเงินงดงาม ด้านหลังจะมีพลทหารม้าขับอยู่บนรถเกวียนที่มีล้อ ๒ ข้าง ด้านบนมีหลังคาทรงกลม เพื่อบังแสงแดด บนรถจะมีอาวุธครบครันทั้งธนูและดาบ
รถคันที่ ๒ เป็นรถที่ประทับของจิ๋นซีจักรพรรดิมีม้า ๔ ตัวเช่นกันและมีพลทหารม้าเป็นผู้ขับ รถคันนี้หลังคาจะเตี้ย ที่ประทับปิดทึบด้วยผนังทองเหลืองทั้ง ๔ ด้าน ด้านข้างเจาะช่องหน้าต่างขนาดเล็กด้านละ ๑ ช่อง
รถทั้ง ๒ ขบวนรวมความยาวได้ ๓.๑๗ เมตร สูง ๑.๐๖ เมตร มีน้ำหนักรวมถึง ๑,๒๔๑ กิโลกรัม ใช้เป็นขบวนรถเสด็จของพระองค์เมื่อสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ถือเป็นงานทองเหลืองที่ตกแต่งอย่างประณีตและงดงามที่สุดเท่าที่เคยค้นพบมาในแผ่นดินจีน
เมื่อออกจากอาคาร แสดงขบวนรถม้าทองเหลืองนี้จะผ่านเข้าสู่บริเวณที่จำหน่ายสินค้าที่ระลึกและหนังสือ ในวันที่โชคดีท่านอาจจะได้พบ ๑ ใน ๗ ของชายตระกูลหยางแห่งหมู่บ้านชีหยาง มานั่งรอเซ็นชื่อให้กับผู้ซื้อหนังสือเกี่ยวกับปิงหมาหย่ง ที่ลูกสาวท่านเป็นผู้ขาย
คุณลุงท่านนี้มีชื่อว่า หยางเฉวียนอี้ ปัจจุบันมีอายุประมาณ ๗๐ ปีเศษ
สิ่งที่ท่านและเพื่อนในหมู่บ้านได้ค้นพบเมื่อ ๒๖ ปีที่ผ่านมานั้น ท่านคงไม่คาดคิดว่า มันจะเป็นการขุดค้นพบทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีนและยิ่งใหญ่ที่สุดสิ่งหนึ่งของโลกในศตวรรษที่ ๒๐ และทุกวันนี้ทางการรัฐบาลจีนถือว่า ปิงหมาหย่งและมหาสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีที่ยังรอการขุดค้นนั้น เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณชิ้นที่ ๘ ซึ่งกำแพงเมืองจีนหมื่นลี้ (วั่นหลี่ฉางเฉิง) ที่ถือเป็น ๑ ใน ๗ สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณนั้น ก็สร้างโดยจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้เช่นเดียวกัน
จากปิงหมาหย่ง พวกเรากลับเข้าสู่ตัวเมืองชั้นในของซีอาน โดยมีจุดหมายที่เจดีย์ต้าเอี้ยนถ่า (เจดีย์ห่านป่าใหญ่) ในวัดต้าสือเอินซื่อ
ห่างจากมหาสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีไปทางทิศตะวันออกเพียง ๑.๕ กิโลเมตร เป็นสถานที่ขุดค้นพบกองทัพรูปปั้นทหารและม้าดินเผาของพระองค์ (ฉินสื่อหวงปิงหมาหย่ง QIN SHI HUANG BING MA YONG) หรือที่จะเรียกต่อไปนี้ว่า "ปิงหมาหย่ง"
ปิงหมาหย่งนี้ถูกขุดค้นพบโดยบังเอิญของชาวนาตระกูลหยาง ๗ คน ในหมู่บ้านซีหยาง (XI YANG) เมืองหลินถง ในต้นฤดูใบไม้ผลิ ปี ค.ศ. ๑๙๗๔ โดยพวกเขาตั้งใจที่จะขุดหาบ่อน้ำเพื่อไว้ใช้ในการเพาะปลูกของฤดูกาลที่จะมาถึง โดยในวันที่ ๕ ของการขุด เมื่อพวกเขาได้ขุดลึกลงไป ๔ เมตร ก็พบวัตถุที่ทำด้วยดินเผาคล้ายเหยือกใส่น้ำ พวกเขาจึงขุดอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยหวังที่จะนำวัตถุที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินนี้ เพื่อไปใช้ในการเก็บรักษาไข่ แต่เมื่อพวกเขายิ่งขุดลึกลงไปก็พบว่า สิ่งที่พวกเขาขุดขึ้นมามันเป็นมนุษย์ดินเผาที่อยู่ในชุดเสื้อเกราะ และยังมีคันธนูและลูกธนูทองเหลืองอีกจำนวนหนึ่ง
พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกในสิ่งที่ถูกขุดค้นพบนี้อย่างมาก เพราะพวกเขาเกรงว่าเบื้องใต้นี้อาจเป็นวัดของเทพธรณี ที่พวกเขาได้ขุดล่วงละเมิดลงไป ซึ่งอาจนำผลโชคดีหรือโชคร้ายมาสู่หมู่บ้านได้ จึงได้จุดธูปและกราบไหว้บูชาขอขมาต่อเทพธรณี
หลังจากนั้นอีก ๒ เดือน เจ้าหน้าที่ของทางการที่รับผิดชอบในการขุดหาแหล่งน้ำ ได้มาตรวจความคืบหน้าในการขุดบ่อน้ำของชาวบ้าน เขาก็ได้พบสิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวบ้านได้ขุดค้นพบ และสังเกตเห็นว่า อิฐที่ขุดค้นพบขึ้นมานี้คล้ายกับที่สุสานของจักรพรรดิจิ๋นซี จึงได้รายงานไปยังทางการของมณฑลส่านซี จากนั้นจึงได้มีการขุดค้นอย่างเป็นระบบตั้งแต่ปี ๑๙๗๖ เป็นต้นมา จนพบรูปปั้นทหาร และม้าดินเผากว่า ๘,๐๐๐ ตัว และรถม้าไม้กว่า ๑๐๐ คันในสามหลุมขุดค้นที่มีพื้นที่รวมกันถึงกว่า ๒๐,๐๐๐ ตารางเ.มตร สภาพของหลุมขุดค้นทั้ง ๓ เรียงตัวอยู่ในดังรูปข้างล่าง
เรียกว่า หลุมที่ ๑,
หลุมที่ ๑ เป็นหลุมที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือยาว ๒๓๐ เมตร กว้าง ๖๒ เมตร มีพื้นที่รวม ๑๔,๒๖๐ ตารางเมตร ขุดค้นพบรูปปั้นทหารและม้าดินเผารวม ๖,๐๐๐ ตัว และรถม้าไม้ ๔๐ คัน โดยมีจัดแบ่งทหารเป็นกองหน้า, กองกลาง, ปีกซ้าย-ขวา และกองหลัง ทุกตัวสวมชุดเกราะและถืออาวุธ เช่น หอก, ดาบ, ธนู ในสภาพพร้อมรบกับข้าศึกผู้รุกรานต่อองค์จักรพรรดิ
อาจารย์โจวชี้ให้เห็นวิธีปั้นทหารนี้ว่า เขาจะนำดินเหลืองมาพิมพ์แบบ แล้วเผาที่ความร้อนกว่า ๑,๐๐๐ องศาเซลเซียส แยกส่วนหัวและลำตัว แล้วจึงมาประกอบเข้าด้วยกัน ลักษณะของทหารจะมีการแต่งตัวและกิริยาที่แตกต่างกันตามหน้าที่ คือ จะมีแม่ทัพ, ขุนนางฝ่ายบู๊, ขุนนางฝ่ายบุ๋น, พลธนู, พลทหารม้า, พลตระเวน และพลรับใช้ แต่ละรูปจะมีหน้าตาและความสูงแตกต่างกันตามชนเผ่า เช่น พวกที่มาจากภาคกลางของจีน หน้าจะใหญ่เป็นรูปสี่เหลี่ยม สูงประมาณ ๑.๗๐-๑.๘๐ เมตร พวกที่มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะสูงใหญ่มากถึง ๑.๘๐-๒.๐๐ เมตร เพราะเป็นพวกเลี้ยงสัตว์เร่ร่อนจะมีฝีมือในการขี่ม้า และสุดท้ายจะเป็นพวกปาสู่ จากมณฑลเสฉวน พวกนี้จะตัวเตี้ยและเล็กกว่า ๒ พวกแรก คือสูงประมาณ ๑.๗๐ เมตร
อาจารย์โจวบอกว่าตุ๊กตารูปปั้นทหารเหล่านี้นั้นปั้นได้เสมือนหนึ่งมีชีวิตจริงมาก ทั้งรูปหน้าและท่าทีกิริยา แต่สีหน้าจะดูเคร่งเคียดมาก เพราะในยุคสมัยนี้เป็นที่ทราบกันดีตามประวัติศาสตร์ว่า พระองค์ทรงเอาจริงเอาจังในการรบและการปกครองประเทศมาก สีหน้าของผู้คนในยุคนั้นจึงถูกสะท้อนออกมาจากรูปที่พวกเขาปั้น ตามอย่างที่ปรากฏอยู่
หลุมนี้ขุดแต่งเสร็จแล้ว ด้านบนเขาทำหลังคาสูงโปร่งและมีช่องแสง คล้ายหัวลำโพงบ้านเรา เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม แต่ห้ามถ่ายภาพโดยเด็ดขาด!
หลุมที่ ๒ อยู่ห่างจากหลุมแรกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ ๒๐ เมตร มีขนาดกว้าง ๑๒๔ เมตร ยาว ๙๘ เมตร มีพื้นที่ ๖,๐๐๐ ตารางเมตร ยังอยู่ระหว่างการขุดค้นในวันที่ไปเยือน เขายังขุดแต่งรูปปั้นทหารและม้าอยู่ หลุมนี้เขาติดเครื่องปรับอากาศเพื่อควบคุมอุณหภูมิ และไม่มีช่องให้แสงผ่านเข้า เขาเปิดบางส่วนของหลุมนี้ให้ชมเพื่อให้เห็นถึงขั้นตอนและกรรมวิธีอันยากลำบากและละเอียดอ่อนของแต่ละฝีแปรงของนักโบราณคดีจะจัดแต่งแต่ละรูปปั้น เพื่อนำมาประกอบจัดแสดงได้ดังเช่นหลุมที่ ๑ ประมาณการกันว่าหลุมนี้มีรูปปั้นทหารประมาณ ๙๐๐ ตัว ม้าที่ใช้ลากรถ ๓๕๐ ตัว ม้าศึก ๑๑๖ ตัว และรถม้า ๘๙ คัน
หลุมที่ ๓ เป็นหลุมขนาดเล็กที่สุด มีพื้นที่ประมาณ ๕๐๐ ตารางเมตร ยังอยู่ระหว่างการขุดค้น ซึ่งพวกเราไม่ได้เข้าไปชม คาดว่าจะมีรูปปั้นทหารประมาณ ๖๖ ตัว และม้าอีกจำนวนหนึ่ง
ถัดออกไปใกล้ปากทางเข้าจะมีอาคารจัดแสดงขบวนรถม้าทองเหลือง ๒ คัน ซึ่งขุดค้นพบในปี ๑๙๘๐ คันแรกบูรณะเสร็จเมื่อปี ๑๙๘๓ คันที่ ๒ บูรณะเสร็จเมื่อปี ๑๙๘๖ จัดแสดงไว้ในตู้กระจกอย่างงดงาม
รถม้า ๒ คันนี้ทำด้วยทองเหลืองที่ประดับตกแต่งอย่างประณีตตระการตา เมื่อแรกขุดพบนั้น รถทั้ง ๒ คันนอนล้มอยู่กับพื้น ตัวม้าอยู่ในสภาพดีพอใช้ แต่ตัวรถแตกเสียหายมาก เขาใช้ความพยายามอย่างสูงในการบูรณะให้กลับขึ้นมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง
รถคันแรก เป็นรถนำขบวนเสด็จ มีม้า ๔ ตัว แต่ละตัวประดับประดาด้วยเครื่องตกแต่งที่ทำด้วยทองคำ และเงินงดงาม ด้านหลังจะมีพลทหารม้าขับอยู่บนรถเกวียนที่มีล้อ ๒ ข้าง ด้านบนมีหลังคาทรงกลม เพื่อบังแสงแดด บนรถจะมีอาวุธครบครันทั้งธนูและดาบ
รถคันที่ ๒ เป็นรถที่ประทับของจิ๋นซีจักรพรรดิมีม้า ๔ ตัวเช่นกันและมีพลทหารม้าเป็นผู้ขับ รถคันนี้หลังคาจะเตี้ย ที่ประทับปิดทึบด้วยผนังทองเหลืองทั้ง ๔ ด้าน ด้านข้างเจาะช่องหน้าต่างขนาดเล็กด้านละ ๑ ช่อง
รถทั้ง ๒ ขบวนรวมความยาวได้ ๓.๑๗ เมตร สูง ๑.๐๖ เมตร มีน้ำหนักรวมถึง ๑,๒๔๑ กิโลกรัม ใช้เป็นขบวนรถเสด็จของพระองค์เมื่อสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ถือเป็นงานทองเหลืองที่ตกแต่งอย่างประณีตและงดงามที่สุดเท่าที่เคยค้นพบมาในแผ่นดินจีน
เมื่อออกจากอาคาร แสดงขบวนรถม้าทองเหลืองนี้จะผ่านเข้าสู่บริเวณที่จำหน่ายสินค้าที่ระลึกและหนังสือ ในวันที่โชคดีท่านอาจจะได้พบ ๑ ใน ๗ ของชายตระกูลหยางแห่งหมู่บ้านชีหยาง มานั่งรอเซ็นชื่อให้กับผู้ซื้อหนังสือเกี่ยวกับปิงหมาหย่ง ที่ลูกสาวท่านเป็นผู้ขาย
คุณลุงท่านนี้มีชื่อว่า หยางเฉวียนอี้ ปัจจุบันมีอายุประมาณ ๗๐ ปีเศษ
สิ่งที่ท่านและเพื่อนในหมู่บ้านได้ค้นพบเมื่อ ๒๖ ปีที่ผ่านมานั้น ท่านคงไม่คาดคิดว่า มันจะเป็นการขุดค้นพบทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีนและยิ่งใหญ่ที่สุดสิ่งหนึ่งของโลกในศตวรรษที่ ๒๐ และทุกวันนี้ทางการรัฐบาลจีนถือว่า ปิงหมาหย่งและมหาสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีที่ยังรอการขุดค้นนั้น เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณชิ้นที่ ๘ ซึ่งกำแพงเมืองจีนหมื่นลี้ (วั่นหลี่ฉางเฉิง) ที่ถือเป็น ๑ ใน ๗ สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณนั้น ก็สร้างโดยจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้เช่นเดียวกัน
จากปิงหมาหย่ง พวกเรากลับเข้าสู่ตัวเมืองชั้นในของซีอาน โดยมีจุดหมายที่เจดีย์ต้าเอี้ยนถ่า (เจดีย์ห่านป่าใหญ่) ในวัดต้าสือเอินซื่อ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น