คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Fic Basara :: Daimyo of Torio [ตัวตน]
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเรือนผมสีน้ำตาลยาวสลวยมัดรวบเอาไว้ ดวงตาคมกริบราวพญาอินทรีสีเปลือกไม้ประดับบนดวงหน้าหล่อเหลาที่แลดูหวานกว่าบุรุษเพศทั่วไป คิ้วโก่งราวคันศร จมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากเรียวบางสีกุหลาบเดินเคียงคู่กับชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผมสีรัตติกาลยาวระต้นคอ ผ้าหนังสีดำสนิทปกปิดดวงตาข้างซ้ายเอาไว้จึงเห็นเพียงดวงตาคมกริบราวพญาอินทรีสีรัตติกาลข้างขวาเท่านั้น ใบหน้าหล่อเหลากว่าบุรุษเพศทั่วไปประดับด้วยจมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากเรียวบางสีกุหลาบ คิ้วโก่งราวคันศร ชายหนุ่มทั้งคู่เดินย่างกายท่ามกลางสายตาของประชาชน
“อาจารย์ข้าคิดอย่างไรกันให้ข้าร่วมมือกับเจ้า”ชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลยาวสลวยเอ่ย
“ข้าก็ไม่อยากร่วมมือกับคนที่มีนิสัยไม่ต่างอะไรกับเด็กอย่างเจ้านักหรอกยูคิมุระ”ชายหนุ่มผมสีรัตติกาลยาวระต้นคอเอ่ยทำเอาคนข้างๆตวัดสายตามองอย่างเดือดดาน
“มาซามุเนะ เจ้าเอาที่ไหนมาพูดว่านิสัยข้าไม่ต่างอะไรกับเด็ก ถึงจะเป็นไดเมียวแห่งแคว้นโทโฮคุแต่เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาหยามข้า”
“ข้าก็พูดตามที่ข้าเห็น เจ้าน่ะ .../ อ๊ะ!ร้านน้ำชา!”มาซามุเนะที่ยังเอ่ยไม่จบเพราะโดนยูคิมุระพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่จะเดินเข้าร้านน้ำชาไปทันที
ไดเมียวหนุ่มแห่งแคว้นโทโฮคุเดินตามเข้าไปอย่างไม่รีบเร่ง ในขณะที่คนที่เดินเข้าไปก่อนนั่งกินดังโกะอย่างสบายอารมณ์
“ตกลงจะเอายังไงเรื่องที่ต้องบุกไปยังแคว้นโทริโอะ”มาซามุเนะเอ่ยถามก่อนจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ
“หืม?เรื่องนั้นน่ะหรอ ข้าว่านะข้ากับเจ้าก็บุกเข้าไปดูโฉมหน้าที่แท้จริงครองไดเมียวแห่งแคว้นโทริโอะซะ”
“เจ้าว่าไดเมียวแห่งแคว้นโทริโอะจะเป็นบุรุษหรือสตรี”
“เรื่องนี้ข้าขอไม่เสนอความเห็น ถ้าเกิดเป็นบุรุษข้าจะฆ่าทิ้งซะ แต่ถ้าเกิดเป็นสตรีข้าก็จะจับปล้ำทำเมียซะ”
พรวด!
คำพูดของยูคิมุระทำเอาไดเมียวหนุ่มสำลักน้ำชาอย่างช่วยไม่ได้
“แค่กๆ จะ...เจ้าพูดอะไรมาน่ะรู้ตัวหรือไม่ยูคิมุระ!”
“ข้าเพียงแต่พูดเล่นเท่านั้น รีบไปดีกว่ามาซามุเนะคืนนี้เป็นคืนเดือนมืดเหมาะสมแก่การบุกเข้าปราสาทยิ่งนัก”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ยามราตรีสีเข้มที่หลากหลายชีวิตต่างก็เข้าสู่ช่วงนิทรายกเว้นแต่หญิงสาวผู้เป็นไดเมียวแห่งแคว้นโทริโอะ ร่างที่สูงโปร่งเหมือนบุรุษเพศจึงไม่แปลกเลยถ้าหลายคนจะนึกว่านางเป็นบุรุษ เรือนผมสีเงินยาวสลวยถึงเอวมัดรวบเอาไว้ ดวงตาคมกริบแต่กลับดูกลมโตสีแดงฉานประดับอยู่บนใบหน้าหวานที่แลดูหล่อเหลากว่าสตรีเพศแต่ไม่เทียบเท่าบุรุษเพศ ริมฝีปากหนาอวบอิ่มสีแอปเปิ้ลเม้มแน่นราวกับเจ็บปวดเพราะอะไรบางอย่าง
“ทรมาน...ทรมานเหลือเกิน!”น้ำเสียงห้าวแต่แฝงน้ำเสียงหวานไปด้วยเอ่ยในขณะที่มือเรียวบางกุมบริเวณดวงตาเอาไว้
“ริว!”เสียงหวานใสของผู้มาใหม่เอ่ย
หญิงสาวเรือนผมสีรัตติกาลยาวสลวยถึงกลางหลัง ดวงตากลมโตสีเดียวกับเส้นผม ใบหน้าหวานน่ารักกว่าสตรีเพศทั่วไป ริมฝีปากหนาอวบอิ่มสีแอบเปิ้ล ร่างเล็กแลดูบอบบางสมหญิง ใช่...นางเป็นไดเมียวอีกคนแห่งแคว้นโทริโอะ
“ฮิโยโกะ...”น้ำเสียงห้าวบัดนี้แหบพร่าเอ่ย
“เจ้าทรมานมากมั้ยริว ให้ข้าช่วยปลดปล่อยเจ้ามั้ย”
“ไม่นะฮิโยโกะ มันจะไม่ดีสำหรับเจ้า ให้ข้าได้อยู่เพียงคนเดียวมันจะดีซะกว่า”
“ไม่นะริว...ข้าไม่ให้เจ้าทรมานหรอก”
“ไม่! ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าทั้งนั้น ฮิโยโกะ...ได้โปรดเถอะออกไปจากห้องข้าก่อนที่ข้าจะควบคุมตัวเองไม่ได้”
“แต่ว่า...เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะ”
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าไปนอนก่อนเถิดฮิโยโกะเดี๋ยวข้าจะตามไป”
ฮิโยโกะมองร่างที่สูงกว่าอย่างเป็นห่วงก่อนจะทำตามดั่งที่เพื่อนสาวที่รักใคร่ดั่งพี่น้องเอ่ยสั่ง ร่างสูงโปร่งของริวทรุดลงกับพื้น เสียงหอบหายใจแหบพร่าอย่างต่อเนื่อง
“กรี๊ดดด!!!!”เสียงกรีดร้องของหญิงสาวเรือนผมสีรัตติกาลดังขึ้น
หญิงสาวเรือนผมสีเงินคว้าศาสตราในห้องก่อนจะวิ่งออกไปอย่างทุลักทุเล ดวงตาสีแดงฉานเบิกกว้างเมื่อพบกับร่างสูงโปร่งของบุรุษซึ่งมีอยู่ด้วยกันสองคน ริววิ่งเข้าใกล้ฮิโยโกะแล้วคว้าตัวของร่างที่เล็กกว่าให้หลบอยู่ด้านหลัง
“เจ้าเป็นใคร!ถึงกล้าบุกเข้ามายังปราสาทของข้า!”เสียงห้าวตวาดลั่น
“นี่น่ะหรือ ไดเมียวแห่งแคว้นโทริโอะ หนึ่งเป็นสตรีที่ท่าทางอ้อนแอ้น อีกหนึ่งเป็นสตรีที่เหมือนบุรุษโดยทีเดียว”ชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลเอ่ย
“ฮิโยโกะ เจ้ากลับห้องไปซะ ทางนี้ข้าจะจัดการเอง”ริวเอ่ยพลางชักดาบออกจากฟักดาบสีน้ำเงินลายมังกรสีทองอร่าม ตัวดาบสีเงิน ด้ามจับสีน้ำเงินขอบสีทอง
“มันจะดีหรือริว ร่างกายเจ้ายังไม่คุ้นเคยกับสภาพนี้นะ อีกอย่างในค่ำคืนเช่นนี้ทำไมเจ้าถึงใช้อาคามิเนะทำไมเจ้าถึงไม่ใช้โอโตเงะ”ฮิโยโกะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงปนกับสงสัย
“ดีสิ...ในคืนเดือนมืด...ถ้าข้าไม่ถูกนักบวชผนึก...หรือให้เจ้าช่วยผนึก...ข้าก็ต้องผนึกด้วยตัวข้าเอง และที่ข้าเลือกใช้อาคามิเนะก็เพราะ...เจ้ายังไงล่ะ”
“เพราะข้า...?”หญิงสาวเรือนผมสีรัตติกาลเอ่ยด้วยความงุนงง
“เจ้าจะมัวพิรี้พิไรทำไมกันไดเมียวแห่งแคว้นโทริโอะ ถ้าอยากจะกำจัดพวกข้าก็ทำเสียทีสิ”ชายหนุ่มผมสีรัตติกาลยาวระต้นคอเอ่ย
“ก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย...ข้าอยากรู้นามของพวกเจ้าก่อน”
“หึ...ก็ได้ ข้าดาเทะ มาซามุเนะ”ชายหนุ่มผมสีรัตติกาลยาวระต้นคอเอ่ยแนะนำตัว
“ข้าซานาดะ ยูคิมุระ”ชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลเอ่ยแนะนำตัวเช่นกัน “ข้าก็อยากรู้นามของเจ้าทั้งสองเช่นกัน”
“ในเมื่อเจ้าจะตายอยู่แล้วจะรู้นามพวกข้าไปเพื่ออะไร!”
พูดจบหญิงสาวเรือนผมสีเงินก็พุ่งตรงไปยังชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาล มือเรียวตวัดศาสตราประจำกาย ยูคิมุระนำศาสตราของตนขึ้นป้องกันการโจมตี ในขณะที่มาซามุเนะฟาดฟันศาสตราอย่างไม่รอช้า ริวซึ่งกำลังปะทะฝีมือหลบทันอย่างเส้นยาแดงผ่านแปดเลยทีเดียว ร่างสูงโปร่งของไดเมียวแห่งแคว้นโทริโอะผู้เหมือนบุรุษชะงักก่อนที่ร่างนั้นจะทรุดลงกับพื้นมือเรียวเปลี่ยนจากถือศาสตรามากำคอเสื้อแทน
“ไม่นะ...ไม่! หยุดเสียที! ข้ายังไม่ได้ปกป้องฮิโยโกะเจ้าอย่าทำอย่างนี้กับข้า!”น้ำเสียงห้าวเอ่ยอย่างทุรนทุราย
ผู้บุกรุกทั้งสองมองคู่ต่อสู้ของตนด้วยความงุนงงก่อนที่มาซามุเนะจะเลื่อนดาบมาจ่อบริเวณต้นคอของริว ฮิโยโกะที่เห็นท่าทางไม่ดีของผู้ที่เป็นไดเมียวร่วมกับตนจึงวิ่งเข้าประคองร่างนั้นและปัดดาบของไดเมียวหนุ่มออก
“ริว!ตอนนี้เจ้าผนึกตนเองไม่ได้ให้ข้าช่วยเจ้าเสียดีกว่า!”มือเล็กที่แลดูบอบบางยึดใบหน้าของริวเอาไว้
ริวส่ายหน้าหนีออกแล้วผลักไสฮิโยโกะให้ออกห่างจากตน
“หยุดเสียทีเซ!ขอให้ข้าได้ช่วยฮิโยโกะก่อนแล้วเจ้าจะเอาร่างข้าไปทำอะไรก็เชิญ!เจ้าจะเอาร่างข้าไปรบราข้าฟันกับใครก็เชิญ!ขออย่างเดียว...ขอให้ข้าได้ปกป้องฮิโยโกะก่อน!!!”น้ำเสียงห้าวยังคงตวาดลั่นอยู่กับตน
หญิงสาวเรือนผมสีรัตติกาลได้แต่มองสหายสนิทอย่างเข้าช่วยไม่ได้ก่อนที่ดวงตากลมโตสีรัตติกาลจะเหลือบมองคนที่บุกรุกเข้ามาทั้งสอง มือเล็กกระชากเสื้อของชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลยาวสลวยก่อนจะดึงหญิงสาวเรือนผมสีเงินให้เข้าใกล้ยูคิมุระ
“เร็วเข้าริว!ก่อนที่มันจะสายเกินไป!เจ้าดื่มเลือดชายผู้นี้ซะ!”
“ข้างั้นหรือ!? / ยูคิมุระงั้นหรือ!?”ชายหนุ่มทั้งสองเอ่ยอย่างตื่นตระหนกพอกัน
ริวคว้ายูคิมุระให้เข้าใกล้ตนก่อนที่คมเขี้ยวจะฝังเข้าที่ต้นคอยาวระหงส์ของชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาล ในไม่ช้าอาการทุรนทุรายของหญิงสาวเรือนผมเงินก็หายไปดวงตาสีแดงฉานแปรเปลี่ยนเป็นสีอำพันธ์ก่อนที่เจ้าของเรือนผมสีเงินจะสลบไป
“ท่านทั้งสองโปรดช่วยข้าพาริวกลับห้องได้หรือไม่”เสียงหวานใสเอ่ยอย่างเป็นมิตร
“นี่เจ้า...ไม่กลัวหรือว่าพวกข้าจะปลิดชีพเจ้าได้ทุกเมื่อ”มาซามุเนะเอ่ยถาม
“ไม่หรอก...ข้ารู้ว่าพวกท่านมาเพื่ออยากจะทราบตัวตนที่แท้จริงของพวกข้า ถ้าเกิดท่านจะฆ่าพวกข้าจริง คงไม่ปล่อยให้ข้าได้คุยกับริวเสียเนิ่นนาน”
ชายหนุ่มทั้งสองช่วยหญิงสาวเรือนผมสีรัตติกาลพาเพื่อนสาวไปยังห้องนอน เมื่อถึงห้องทั้งคู่ได้วางร่างสูงโปร่งนั้นลงบนฟูกอย่างเบามือ
“แม่นางถ้าไม่รังเกียจข้าขอทราบนามของท่านกับแม่นางคนนั้นได้หรือไม่”ชายหนุ่มผมสีรัตติกาลยาวระต้นคอเอ่ย
“ได้สิ ข้ามีนามว่าซาโอโตเมะ ฮิโยโกะ ส่วนนี่ก็มินางาวะ ริว”
“แม่นางไม่ได้เป็นพี่น้องกับแม่นางคนนั้นงั้นหรือ”
“ใช่...ข้าเป็นสหายสนิทของริวรักกันดั่งพี่น้องข้าและริวไร้ญาติขาดมิตรจึงอยู่ด้วยกันและกันมาตั้งแต่เยาว์วัย ริวมักจะปกป้องข้าเสมือนว่าเป็นพี่ชาย ข้าต้องขอโทษที่ริวเอ่ยกล่าวออกไปด้วยวาจาเช่นนั้น”
“มิเป็นไรแม่นาง”
“โปรดเรียกข้าว่าฮิโยโกะเถิด ท่านยูคิมุระข้าขอโทษด้วยที่ต้องทำให้ท่านเสียเลือด”
“ห๊ะ! อะ...คือว่า...ไม่เป็นไรหรอก เพียงแต่ข้าสงสัยว่าทำไมแม่นางคนนี้ถึงมีท่าทีทุรนทุรายเยี่ยงนั้นล่ะ”ชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลเอ่ยถาม
“โปรดอย่าเรียกริวว่าแม่นางเสียดีกว่าเพราะริวไม่ชอบคำนี้ แล้วเรื่องที่ท่านถามข้า...สิ่งที่ท่านเห็นเมื่อกี้คืออาการยามคืนเดือนมืดของริว ข้าเล่าไปพวกท่านอาจไม่เชื่อแต่ขอให้รู้ว่ามันคือความจริง ยามคืนเดือนมืดริวจะมีอาการทุรนทุรายอย่างที่พวกท่านเห็นก่อนจะเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่ง”
“เปลี่ยนเป็นอีกคน??”ชายหนุ่มทั้งสองทวนย้ำคำเดิม
“ใช่...พวกท่านคงได้ยินที่ริวเอ่ยราวกับพูดกับคนที่ชื่อเซแต่พวกท่านคงสงสัยเพราะในที่นั้นไม่มีคนอื่น แต่พวกท่านนั้นคิดผิดเซนั้นก็เหมือนกับจิตใต้สำนึกของริวที่จะตื่นขึ้นมาในยามคืนเดือนมืดเช่นนี้ ถ้าเกิดริวไม่ได้รับการผนึกก่อนจะเปลี่ยนเป็นเซนั้นยังไม่เป็นไร แต่ถ้าเกิดผนึกเซก่อนรุ่งสางไม่ได้โลกอาจถึงคราวพินาทเมื่อนั้น”
คำบอกกล่าวสิ่งใหม่ที่ยูคิมุระและมาซามุเนะได้รับทำเอาทั้งคู่นิ่งงันไปชั่วครู่
“อะ...อืม”น้ำเสียงห้าวครางเบาๆก่อนที่เปลือกตาบางจะกระพริบถี่ๆ
เจ้าของเรือนผมสีเงินยันตัวลุกขึ้นนั่งช้าๆโดยมีเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาลคอยประคองก่อนที่ดวงตาสีอำพันธ์จะเบิกกว้างเมื่อพบคู่ต่อสู้ทั้งสองในก่อนหน้านี้อยู่ในห้องนอนของเขา
“พะ...พวกเจ้า!”ริวพูดไม่พูดเปล่าชี้หน้าทั้งสองอีกต่างหาก
“ริวลดมือลงซะ ท่านทั้งสองนี้เขาไม่ได้มาร้ายแต่อย่างใดนะ”ฮิโยโกะเอ่ยปราม
“ตะ...แต่ว่าเมื่อกี้พวกมันจะทำร้ายเจ้านะ”
“ไม่ใช่สักหน่อยริว เขาไม่ได้มาทำร้ายข้าสักหน่อยเจ้าน่ะคิดไปเอง”
“แล้วเสียงกรีดร้องของเจ้าล่ะ ถ้ามันสองคนไม่ได้จะทำร้ายเจ้าแล้วเจ้ากรีดร้องทำไม”
“ข้าเพียงแต่ตกใจก็เท่านั้น ข้านึกว่าเจ้าจะดูท่าทีของอีกฝ่ายแล้วรู้ว่าเขาไม่ได้มาร้ายแต่เจ้ากลับมุทะลุเข้าไปนี่มันไม่ดีเลยนะ”
ริวก้มหน้านิ่งอย่างรับผิดโดยที่สายตาของผู้บุกรุกทั้งสองมองเป็นสายตาเดียวกันคือสายตางุนงงฮิโยโกะนั้นบอกว่าริวห่วงและหวงตนเหมือนพี่ชาย แต่ดูยังไงตอนนี้ฮิโยโกะก็เหมือนพี่สาวที่กำลังดุน้องชายเสียมากกว่า
“อ๊ะ! จริงสิ...ตอนนี้ก็มืดมากแล้วพวกท่านทั้งสองพักที่นี่ก่อนก็ได้นะ”หญิงสาวเรือนผมรัตติกาลเบนความสนใจไปทางชายหนุ่มทั้งสอง
“มันจะดีหรือ...”มาซามุเนะถาม
“ดีสิ...ข้าน่ะตอนรับผู้มาดีอยู่แล้วล่ะ ท่านทั้งสองจะกลับหรือจะอยู่ที่นี่จนถึงเมื่อไหร่ก็ได้ข้ามิขัดข้อง”
“แต่ข้าขัดข้อง! ข้าไม่มีวันให้สองคนนี้อยู่ร่วมปราสาทเดียวกับข้าเด็ดขาด!เกิดวันดีคืนดีข้าไม่อยู่เกิดมันทำมิดีมิร้ายเจ้าจะว่าไง!”ริวเอ่ยขัดพลางกอดฮิโยโกะแน่นเสมือนพี่หวงน้องพลางส่งสายตาประมานว่าฮิโยโกะของข้าใครอย่าแตะ
“ข้าไม่ทำอย่างนั้นกับฮิโยโกะหรอกวางใจได้เลยริว”ยูคิมุระเอ่ย
“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาเรียกชื่อข้า!”หญิงสาวผมสีเงินคลายกอดสหายสนิทก่อนจะชี้หน้ายูคิมุระ
“ริว...ทำตัวดีๆซะ อย่าทำตัวไม่เหมาะสมสิ”หญิงสาวเรือนผมสีรัตติกาลปราม
ไดเมียวแห่งแคว้นโทริโอะผู้มีบุคลิกเหมือนบุรุษนั่งด้วยท่าทีที่สงบกว่าเมื่อครู่ โดยที่ไดเมียวหนุ่มผู้ได้รับฉายาว่ามังกรตาเดียวกับชายหนุ่มผู้ได้รับฉายาว่าปีศาจแดงในสงครามยังคงมองไดเมียวอีกคนแห่งแคว้นโทริโอะด้วยอาการทึ่งที่นางแค่เอ่ยปากกล่าวออกไปเพียงประโยคเดียวก็ปราบบุคคลที่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากม้าพยศให้อยู่เฉยได้
“ริว เจ้าพาท่านยูคิมุระกับท่านมาซามุเนะไปยังห้องอีกห้องหนึ่งที”
“ไม่เห็นต้องเรียกพวกมันว่าท่านเลยนี่ฮิโยโกะ”ริวพูดพลางเบ้ปากนิดๆโดยได้รับสายตาอันน่าเกรง(กลัว)ของฮิโยโกะเป็นการตอบกลับก่อนที่จะลุกขึ้นยืน “พวกเจ้าทั้งสองตามข้ามา”
ริวเดินนำทางคนทั้งสองไปยังอีกห้องโดยจ้ำเอาๆไม่ปริปากพูดกับผู้มาเยือนเลยสักคำ
“พวกเจ้านอนห้องนี้ไปแล้วกัน ฟูกอยู่ในตู้แล้วจะกลับไปเมื่อไหร่ก็เชิญแต่ถ้าเกิดเป็นพรุ่งนี้ได้จะดีอย่างมาก”น้ำเสียงห้าวเอ่ยจบก่อนเจ้าของจะเดินกลับไป
“เจ้าคิดยังไงกับไดเมียวแห่งแคว้นโทริโอะทั้งสอง”ยูคิมุระเอ่ยถามขึ้นมา
“สำหรับข้า...ไดเมียวที่ชื่อริวนั้นไม่ต่างอะไรกับเจ้าเลยยูคิมุระในเรื่องนิสัยที่คล้ายเด็กๆในยามที่อยู่กับไดเมียวที่ชื่อฮิโยโกะ”มาซามุเนะเอ่ยโดยสิ่งที่ได้รับคือสายตาที่มองอย่างกินเลือดกินเนื้อของยูคิมุระ “แต่ฮิโยโกะนั้น...นางช่างงามและดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก”
“เจ้าชอบฮิโยโกะงั้นหรือ”คำพูดของชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำตาลทำเอาชายหนุ่มผมสีรัตติกาลยาวระต้นคอสะดุ้งโหยงก่อนจะหันควับมาทางเจ้าของคำถาม “เจ้าปิดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกมาซามุเนะ ฮิโยโกะนั้นมีเสน่ห์เช่นนี้ถ้าเจ้าจะหลงหรือชอบนางก็มิใช่เรื่องแปลก”
“หรือว่าเจ้าก็ชอบนางด้วย”
“ไม่ๆ ข้ามิได้ชอบฮิโยโกะแม้แต่นิดเดียวเจ้าวางใจได้ แต่ข้าสนใจริวเสียมากกว่า”
“ริวงั้นหรือ!?”ไดเมียวหนุ่มเอ่ยด้วยความตื่นตระหนกนิดๆ
“ใช่ นางเป็นสตรีที่เข้มแข็งดั่งเหล็กกล้า แต่เหล็กกล้าก็ย่อมละลายหรือโอนอ่อนไปกับไฟ”
“เจ้าจะเป็นไฟที่คอยลนให้เหล็กนั้นหลอมละลายโอนอ่อนไปกับเจ้าให้ได้ว่างั้น”
“ใช่ ข้าจะเป็นคนที่จะทำให้เหล็กกล้าอย่างริวเปลี่ยนไปและข้าจะเป็นคนเปิดหัวใจนางเอง”
ความคิดเห็น