ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจสายลม-ดวงดาวหัวใจโจร (ลบแล้วค่ะ)

    ลำดับตอนที่ #4 : ลำดับตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 7 มิ.ย. 51


    บทที่ 2   พระราชาแห่งอาสลัน-เจ้าหญิงรองแห่งเนลซายด์
     
    พระราชวังหลวงแคว้นเนลซายด์
     
    เขตพระราชฐานฝ่ายใน...พระตำหนักองค์หญิงรอง
     
    มืดค่ำแล้ว และวันนี้ก็มีงานสำคัญ แต่เจ้าหญิงของพระตำหนักเพิ่งเสด็จกลับมาจากข้างนอก นางพระกำนัลกราบทูลว่า ‘เจ้าหญิงเซซีเลีย’ พระขนิษฐาแท้ๆ ของพระองค์เสด็จมารออยู่นานแล้ว
     
    ทันทีที่พระองค์เสด็จเข้าไปในห้องบรรทมชั้นนอก เจ้าหญิงเซซีเลียซึ่งทรงอยู่ในฉลองพระองค์สีฟ้าสดใส ประดับมุกเลื่อมพรายทั้งตัวก็ทรงยืนขึ้น อ้าโอษฐ์จะกราบทูลอะไร หากก็ไม่ทันนางพระกำนัลคนสนิทของพระพี่นางที่กราบทูลขึ้นก่อนว่า
     
    “ทำไมเพิ่งเสด็จกลับมาเพคะ งานใกล้เริ่มแล้ว หม่อมฉันอาจจะแต่งพระองค์ถวายไม่ทันก็ได้”
     
    “ไม่ทันก็ไม่ไป ไม่ยากนี่...ริริส” ผู้เป็นเจ้าหญิงรับสั่งง่ายดาย ขณะทรงถอดพระมาลาเหล็กออกจากพระเศียร พระเกศายาวสีดำสนิทซึ่งถูกรวบไว้สูงตกลงมาและแกว่งไกวน้อยๆ นางพระกำนัลนางหนึ่งรับพระมาลาไปเก็บ
     
    “ข้าอาบน้ำแต่งตัวไม่ช้าหรอก เจ้าก็อย่าขัดถูตัวข้านาน แล้วก็อย่าจับข้าใส่โน่นนี่ให้พะรุงพะรังมากนักก็พอ”
     
    “ไม่สรงนานได้ที่ไหนล่ะเพคะ ทรงงานมาทั้งวัน พระเสโทเต็มพระวรกายออกอย่างนี้”
     
    “ข้าเป็นทหารม้านะริริส ไม่ได้นั่งเย็บปักถักร้อยไปวันๆ” หันไปทอดพระเนตรเห็นพระน้องนางแล้ว องค์หญิงรองแห่งเนลซายด์ก็รับสั่งแก้ “ไม่ได้ว่าเจ้าหรอกนะเซซีเลีย”
     
    “ข้าทราบค่ะ” เจ้าหญิงองค์ที่สามแห่งเนลซายด์ตรัสตอบอ่อนหวาน
     
    “ไม่มีองค์หญิงที่ไหนเป็นทหารม้าอย่างฝ่าบาทหรอกเพคะ”
     
    “เจ้าพูดประโยคนี้มาสักร้อยรอบได้แล้ว ตกลงว่าจะเถียงกับข้าหรือจะช่วยข้าอาบน้ำ หือ...ริริส”
     
    “ช่วยฝ่าบาทสรงสิเพคะ แต่หม่อมฉันก็ไม่ได้บังอาจเถียงเสียหน่อย ยังไม่อยากหัวขาดหรอกเพคะ” นางพระกำนัลวัยต้นยี่สิบยังบ่นอุบอิบ ก่อนเร่งรีบตามเสด็จนายหญิงไปยังห้องสรงที่มีนางพระกำนัลอีกสองนางผสมน้ำที่มีกลิ่นสมุนไพรหอมอ่อนไว้รออยู่ก่อนแล้ว
     
     
    ฉลองพระองค์ขององค์หญิงรองแห่งเนลซายด์เป็นสีเหลืองนวล ติดกันตลอดเป็นชุดเดียว ไม่มีการประดับตกแต่งอะไรมากนักนอกจากปักเลื่อมเงินเป็นลายเครือเถาตรงชายกระโปรงและบริเวณพระอุระ ช่วงคอปาดกว้างและเปลือยต้นพระพาหาสีน้ำตาลอ่อนสวย ลักษณะชุดคล้ายใช้ผ้าย่นพันทบสลับไปมาอย่างมีศิลปะ สีเหลืองอ่อนช่วยขับพระฉวีให้ดูสว่างลออตาขึ้น และเข้ากับสร้อยบุษราคัมห้อยจี้เพชรรูปหยดน้ำบนพระศอ
     
    “มีเวลาน้อยอย่างนี้หม่อมฉันเลยทำทรงอื่นที่งามกว่านี้ถวายไม่ทัน” ริริสออกตัวกึ่งบ่น ขณะถักพระเกศาเป็นเปียเล็กสองข้าง แล้วรวบรวมกันไว้ด้านหลัง ยึดไว้ด้วยกุหลาบสีอำพันช่องาม พระเกศาสีดำขลับส่วนที่เหลือปล่อยยาวสยายลงถึงกลางพระขนอง
     
    “นี่ก็ ‘งาม’ เกินไปแล้ว เจ้าอยากให้ข้าถูกราชาแก่ๆ เลือกไปเป็นเมียน้อยหรือยังไง”
     
    “เจ้าพี่ฮาลัสยังไม่ทรงแก่เลยนะคะ พระชนม์แค่สามสิบ มองพระพักตร์แล้วข้ายังคิดว่าแค่ยี่สิบต้นๆ ด้วยซ้ำ” ผู้รับสั่งคือเจ้าหญิงเซซีเลียซึ่งประทับอยู่ในห้องแต่งพระองค์ด้วย
     
    “เจ้าเรียกใครว่าเจ้าพี่”
     
    “ก็...องค์ราชาของอาสลันน่ะค่ะ ทรงพระนามว่า ฮาลัส แล้วก็รับสั่งให้ข้าทูลเรียกท่านว่า เจ้าพี่”
     
    “เจ้าอยากถูกเลือกเป็นสนมของเขาหรือ เซซีเลีย” ผู้ทรงเป็นพระภคินีตรัสถามด้วยพระสุรเสียงเรียบอย่างไม่สบพระทัย
     
    “ไม่ใช่นะคะท่านพี่” พระทัยของพระองค์ไม่ว่างแล้ว คงทรงรักใครไม่ได้อีก ทรงรักเพียงคนคนนั้น แม้เขาจะเป็น ‘บุคคลต้องห้าม’ ก็ตาม
     
    “งั้นเจ้าไปเรียกเขาอย่างสนิทสนมทำไม” คราวนี้รับสั่งถามค่อยคลายกระแสตึงเครียดลงบ้าง
     
    “ท่านทรงเป็นแขกเมือง แล้วก็ทรงดีมา ข้าก็ต้องดีตอบเป็นธรรมดา เท่านั้นเองค่ะ”
     
    ผู้ทรงเป็นพระพี่นางทรงผ่อนพระปัสสาสะเบาๆ
     
    “ถ้าแค่นั้นจริงก็ดีแล้ว พี่ไม่อยากให้เจ้าไม่มีความสุขเพราะต้องไปกินน้ำใต้ศอกใคร อยู่ตัวคนเดียว ต่างบ้านต่างเมือง เจ้าไม่มีวันมีความสุขเหมือนอยู่ที่นี่หรอก ถ้าวันไหนราชาเฒ่านั่น” ยังทรงเรียกเช่นนั้นแม้ทรงทราบแล้วว่าอีกฝ่ายทรงมีพระชนม์แค่สามสิบพรรษา “มีราชินีหรือมีสนมอื่นแล้วเจ้าถูกพวกนางรังแก คนสู้ใครไม่เป็นอย่างเจ้าจะต้องทุกข์ไปตลอดชีวิต แต่ถึงเจ้าไม่ได้ชอบเขา เขาอาจเลือกเจ้าก็ได้”
     
    เจ้าหญิงเซซีเลียทรงมีพระสิริโฉมงดงามที่สุดในบรรดาพี่น้อง ทั้งพระจริยวัตรยังงดงามเป็นที่สุด
     
    “บางทีอาจจะทรงเลือกพี่หญิงใหญ่ หรือน้องเล็กก็ได้นะคะ พี่หญิงใหญ่เสด็จไปหาเจ้าพี่ฮาลัสแทบทุกวัน แล้วยังให้คนครัวทำเครื่องว่างไปถวายที่ตำหนักรับรองบ่อยๆ ด้วย ส่วนน้องเล็กก็น่ารักสดใสแบบเด็กๆ”
     
    “ถ้าเลือกซินเธียก็คงน่าเกลียดเกินไปหน่อยล่ะ อายุสามสิบกับอายุสิบห้า ห่างกันตั้งครึ่ง”
     
    “ข้าก็อายุแค่สิบหก” เจ้าหญิงเซซีเลียทรงแย้งในความหมายว่า ราชาอาสลันอาจไม่ทรงเลือกพระองค์เช่นกัน
     
    “ยังไงก็มากกว่าซินเธีย แล้วเจ้าก็สวยกว่านาง”
     
    พระราชาแห่งเนลซายด์ทรงมีราชินีฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา พระสนมเอก และพระสนมอื่นอีกหลายพระองค์ แต่บรรดาสนมอื่นไม่มีสิทธิ์มีลูก องค์ราชาจึงทรงมีพระราชธิดาเพียงสี่พระองค์ คือ
     
    องค์หญิงใหญ่ไดแอนน์(องค์หญิงรัชทายาท)ซึ่งประสูติจากราชินีฝ่ายขวา
     
    องค์หญิงรองอารีเซียและองค์หญิงสามเซซีเลีย ซึ่งประสูติจากราชินีฝ่ายซ้าย
     
    และองค์หญิงห้าซินเธีย ซึ่งประสูติจากพระสนมเอก
     
    “แต่ถ้าเขาเลือกไดแอนน์ก็สันนิษฐานไว้ได้เลยว่า เรื่องการเมือง”
     
    องค์หญิงรองแห่งเนลซายด์รับสั่งเรียบๆ ถ้าราชาอาสลันทรงเลือกองค์หญิงใหญ่จริง พระองค์คงต้องทูลขอให้พระราชบิดาทรงถอดถอนตำแหน่งเจ้าหญิงรัชทายาทของไดแอนน์ออกเสียก่อน ขืนมีตำแหน่งเจ้าหญิงรัชทายาทติดไปด้วย ภายภาคหน้าเนลซายด์คงถูกเขมือบ ถึงแม้อาสลันจะเป็นเพียงแคว้นเล็กๆ ก็เถอะ
     
    แคว้นเล็กๆ ที่ไม่เจียมตัว
     
    ขอเจ้าหญิงแคว้นใหญ่ไปเป็นผู้หญิงของตัว ซ้ำยังขอไปเป็นแค่พระสนม
     
    หยามศักดิ์ศรีกันชัดๆ! ไม่รู้ท่านพ่อทรงยอมได้ยังไง
     
    เรื่องคราวนี้ยังมีปัญหาอีก
     
    ถ้าไดแอนน์ถูกเลือก นางคงไม่ยอมให้ถอดตำแหน่งเจ้าหญิงรัชทายาทของนางง่ายๆ แน่
     
    แต่ถึงแม้คนที่ถูกเลือกจะเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ไดแอนน์ อย่างไรเสีย เนลซายด์ก็ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่เริ่มร้าวฉานระหว่างอาสลันกับเซนทาเนียอยู่ดี
     
    อาสลันต้องการเนลซายด์เป็นพวก เป็นเกราะกำบัง จึงตัดสินใจเชื่อมความสัมพันธ์กับเนลซายด์
     
    แต่ที่ให้เพียงตำแหน่งพระสนม ก็เพื่อยืดเวลาแตกหักกับเซนทาเนียออกไป
     
    อย่านึก...ว่าใครอื่นเขาจะไม่รู้เท่า เพียงแต่ ‘ราชาแห่งเนลซายด์’ ทรงตระบัดสัตย์ไม่ได้เท่านั้นเอง
     
    อยากเห็นหน้านัก...พระราชาที่เห็นแก่ตัวและเอาแต่ได้พระองค์นี้
     
     
     
    “ทำไมไม่ทรงคิดว่าองค์ราชาจะทรงเลือกฝ่าบาทบ้างล่ะเพคะ”
     
    ริริสที่กำลังตรวจความเรียบร้อยของฉลองพระองค์เป็นครั้งสุดท้ายทูลถามบ้าง
     
    “ไม่เห็นน่าถาม ก็เพราะข้าขี้เหร่ที่สุดในบรรดาพี่น้องน่ะสิ” รับสั่งตอบไม่มีกระแสความน้อยพระทัยหรือประชดประชัน ออกจะขำขันเสียด้วยซ้ำ “เขาเลือกสนมนะ ไม่ใช่ทหารม้า อีกอย่าง ถ้าเขาเห็นหน้าข้าครั้งแรกก็เลือกข้าเลย เขาก็คงบ้าไปแล้ว”
     
    องค์หญิงรองทรงเป็นเจ้าหญิงพระองค์เดียวที่กษัตริย์หนุ่มต่างแคว้นยังไม่ทรงเห็นพระพักตร์ เพราะวันแรกที่พระองค์เสด็จมาถึง เจ้าหญิงทรงยุ่งอยู่กับเรื่องวุ่นวายเล็กน้อยในกรม ส่วนวันต่อๆ มาก็ทรงหาทางเลี่ยง ไม่ทรงยอมพบ เพราะไม่พอพระทัยจุดประสงค์ที่พระราชาหนุ่มเสด็จมาเยือน
     
    แต่วันนี้ทรงเลี่ยงไม่ได้แล้ว เพราะเป็นวันสุดท้ายที่กษัตริย์หนุ่มจะประทับอยู่ที่นี่ พระองค์จะทรงเลือกเจ้าหญิงเนลซายด์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งเป็นพระสนมในงานพระราชทานเลี้ยงส่ง และจะเสด็จกลับแคว้นพร้อม ‘พระสนม’ ที่ทรงเลือกแล้วพรุ่งนี้เช้า
     
    องค์หญิงรองทรงประณามการกระทำนี้อีกเช่นเคย ว่าช่างพระทัยร้ายนัก เลือก...แล้วก็จะทรงทำให้เขาพลัดพรากจากบ้านเมืองและครอบครัวโดยให้เวลาล่ำลาอาลัยเพียงแค่คืนเดียว
     
    “ความสวยเป็นภัย ข้าว่าเจ้ามีสิทธิ์ถูกเลือกมากที่สุด” เจ้าหญิงทหารรับสั่งกับพระน้องนางขณะเสด็จออกมาจากห้องแต่งพระองค์พร้อมกัน “ไปเปลี่ยนชุดแล้วแต่งหน้าให้ดูแย่กว่านี้หน่อยดีไหม หรือไม่ก็ไม่ต้องไป ข้าจะบอกท่านพ่อให้ว่าเจ้าไม่สบาย”
     
    คนถามรับสั่งจริงจัง ทว่าคนถูกถามกลับยิ้มอ่อนๆ อุทานว่า
     
    “โธ่ ท่านพี่ พูดเป็นเล่นไปได้”
     
    “ถ้าถูกเลือก เจ้าจะไปอยู่ต่างถิ่นกับคนแปลกหน้าจนตลอดชีวิตได้หรือ”
     
    เจ้าหญิงเซซีเลียทรงใคร่ครวญครู่เดียว ก่อนตรัสตอบเนิบช้า
     
    “เรื่องนี้ข้าเคยคิดแล้ว คิดว่าคงอยู่กับเจ้าพี่ฮาลัสได้ค่ะ ถึงพระองค์จะทรงมีใครอื่นอีก ข้าก็คิดว่าคงไม่ทรงปล่อยให้ข้าถูกรังแก ถ้าช่วยให้เจ้าพ่อทรงรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าพี่ฮาลัสได้ ถึงต้องทนทุกข์ข้าก็ยินดี”
     
    แม้จะไม่ได้เห็นหน้าคนที่รักอีกก็ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้ก็ทรงทุกข์ที่เขาไม่ได้รัก และคงไม่มีวันรักตอบมากพออยู่แล้ว
     
    “ถ้าเจ้าคิดดีแล้วก็ตามใจ แต่ถ้าถูกเลือกและถูกรังแกจริงก็ใช้ให้คนมาบอกพี่ พี่จะไปพาเจ้ากลับมา น้องของพี่ เจ้าหญิงเนลซายด์ต้องอยู่อย่างมีเกียรติใครจะมาหยามศักดิ์ศรีไม่ได้ เป็นแค่พระราชาแคว้นเล็กนิดเดียว ได้เจ้าไปเป็นคู่ชีวิต ถ้าไม่รู้จักถนอมน้ำใจก็สมควรตาย”
     
    เจ้าหญิงรองแห่งเนลซายด์รับสั่งพระสุรเสียงเรียบ ติดจะเหี้ยมเกรียมเฉียบขาด ขัดกับความงดงามอ่อนหวานของฉลองพระองค์อย่างสิ้นเชิง เจ้าหญิงเซซีเลียทรงแย้มพระโอษฐ์กว้าง รับสั่งว่า
    “ขอบคุณค่ะ แต่เรากำลังจะไปงานเลี้ยงนะคะ ไม่ใช่กลับจากงานเลี้ยง ข้ายังไม่ถูกเลือกเสียหน่อย มีลางสังหรณ์ว่าเจ้าพี่ฮาลัสคงไม่ทรงเลือกข้าด้วย แว่วๆ ข่าวลือว่าอาจจะไม่ทรงเลือกใครในพวกเราเลย เพราะถูกพระทัยหญิงชาวบ้านที่ทรงพบข้างนอก”
     
    “ข่าวลือของฝ่ายในคงเชื่อได้หรอก” รับสั่งประชดแล้วก็ทรงต่อ “แต่ถ้าจริงก็คงดี”
     
                                                                    *********************
     
    งานพระราชทานเลี้ยงส่งคืนนี้จัดขึ้นที่พระตำหนักใหญ่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก นอกจากพระราชวงศ์แล้ว บุตรชายและบุตรีของข้าราชบริพารระดับต่างๆ ก็มีสิทธิมาร่วมงานได้
     
    เมื่อองค์หญิงรองและองค์หญิงสามเสด็จถึงงานเลี้ยง ก็ทรงพบว่าภายในพระตำหนักคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมากพอสมควรแล้ว เจ้าหญิงทุกพระองค์เสด็จมาครบ สตรีทุกนางแต่งกายด้วยพัสตราภรณ์อันงามวิจิตร
     
    “มีคนอยากเป็นสนมของราชาแก่ๆ แคว้นเล็กๆ มากขนาดนี้เลยหรือ”
     
    เป็นรับสั่งเปรยๆ ขององค์หญิงรองที่ทำให้พระน้องนางถวายค้อนให้นิดๆ พองามและทูลแย้ง
     
    “เจ้าพี่ฮาลัสทรงดูหนุ่มมากนะคะ ยังไม่แก่สักนิด”
     
    “ถ้าเทียบกับผู้หญิงอายุสิบห้าหลายคนในนี้ก็แก่นั่นแหละน่า” อีกฝ่ายทรงแย้งกลับ แล้วก็ทรงบ่นอย่างขัดพระทัยต่อว่า
     
    “ผู้หญิงแคว้นเรานี่ก็แปลก เสนอตัวมาให้เขาเลือกทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าตาสักหน่อย ราชาอาสลันอาจเป็นผู้ชายหน้าตาอัปลักษณ์ก็ได้”
     
    “เจ้าพี่ฮาลัสทรงงามมากค่ะ” ผู้ทรงเคยทอดพระเนตรเห็นพระพักตร์ ‘ราชาอาสลัน’ มาหลายคราทรงแย้งได้ทันที “พระพักตร์งาม พระอุปนิสัยก็งาม พระเนตรเป็นสีเขียว อืม...ข้าคิดว่าอย่างนั้นนะคะ สวยเหมือนกัน บางทีก็ดูอ่อนโยน แต่บางทีก็ดูไม่ค่อยออกว่าทรงรู้สึกอย่างไรอยู่”
     
    ไม่มีรับสั่งใดจากองค์หญิงรองอีก เนื่องเพราะกำลังทรงครุ่นคิด ตาสีเขียวงั้นหรือ ฟังจากคำบรรยาย คล้ายว่าอาจเหมือนใครสักคนที่พระองค์ทรงรู้จัก ใครคนนั้น...ใครกันนะ
     
     
     
    ไม่นานนัก เพลงสรรเสริญพระบารมีก็ดังขึ้น องค์พระประมุขแห่งเนลซายด์เสด็จมาถึงพร้อมพระราชอาคันตุกะ สองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเคียงกันบนลาดพระบาท ทุกคนในงานยอบกายและค้อมตัวถวายความเคารพแด่กษัตริย์ทั้งสองอย่างพร้อมเพรียง ยกเว้น...
     
    องค์หญิงรอง
     
    ที่นอกจากจะทรงยืนวรองค์ตรงอย่างสง่าแล้ว พระพักตร์ยังบ่งบอกความอึ้งตะลึงงัน ดวงพระเนตรปรากฏแววงุนงง ก่อนจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาแข็งกระด้างทั้งพระเนตรและพระพักตร์ ผิดกับผู้ถูกมองอย่างสิ้นเชิง
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×