ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจสายลม-ดวงดาวหัวใจโจร (ลบแล้วค่ะ)

    ลำดับตอนที่ #3 : ลำดับตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 7 มิ.ย. 51


    บทที่ 1 พ่อค้าม้าแห่งอาสลัน-นายทหารหนุ่มแห่งเนลซายด์
     
    ตลาดใหญ่ใกล้เขตพระราชวังหลวงของแคว้นเนลซายด์ยังมีผู้คนเดินขวักไขว่คึกคัก แม้เป็นเวลาบ่ายจัดจนเกือบเย็นแล้ว ร้านขนมพื้นเมืองร้านหนึ่งมีคนต่อแถวยาวเหยียด พ่อค้าวัยกลางคนยืนอยู่หน้าตะแกรงที่วางไว้บนเตาขนาดใหญ่ คอยใช้ไม้สองอันคีบแผ่นแป้งสีขาวนวลแผ่นใหญ่กลับไปกลับมาจนกว่าจะสุกอย่างชำนาญ แผ่นใดใช้ได้ก็นำมาห่อใบไม้ขนาดยาว ส่งให้ลูกค้าและรับเงินมา กิริยาจับพลิก จับพลิกอย่างคล่องแคล่วรวดเร็วทำให้คนมองดูรู้สึกเพลินตา
     
    ชายหนุ่มหน้าตาดีผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในชุดเดินทางของพ่อค้าต่างแคว้นนั่งมองภาพกิจการค้าขายนั้นจากในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก เป็นร้านเล็กๆ สองชั้น ปลูกสร้างด้วยไม้ ชั้นล่างเป็นชั้นโถงเปิดกว้าง ไม่มีประตูและไร้หน้าต่าง
     
    เขายิ้มออกมานิดๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มวัยเยาว์ในเครื่องแบบทหารนายหนึ่งเพิ่งลงจากม้ามาต่อแถว ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มผู้นั้นก็มองมาทางนี้ราวกับจะหาใครบางคน และเผยยิ้มกว้างเห็นฟันขาวสะอาดเรียงเป็นระเบียบเมื่อ ‘พ่อค้าม้าต่างแคว้น’ ยิ้มไปให้ก่อน แต่...บางทีอาจยิ้มให้ขนมแป้งหวานห่อใบไม้ที่อยู่ในมือเขาก็เป็นได้
     
    “รอนานไหม”
     
    ยังไม่ทันได้คำตอบจากอีกฝ่าย คำถามใหม่ก็ตามมาทันทีที่ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
     
    “ท่านซื้อเผื่อข้าหรือเปล่า”
     
    “อืม ยังร้อนอยู่ กินสิ”
     
    ไม่มีการลังเล ไม่มีคำขอบคุณ นายทหารหนุ่มผิวสีน้ำตาลอ่อนรับขนมมา ดึงใบไม้ที่ปิดอยู่ออกบางส่วนแล้วกัดแป้งคำโต ไอร้อนลอยฉุยออกมาจากเนื้อใน กลิ่นหอมของแป้งสุกและใบไม้เตะจมูก ขณะไส้น้ำตาลเคี่ยวภายในเข้ากับแป้งนุ่มๆ ได้เป็นอย่างดี
     
    “วันนี้ดานุสมีงานสำคัญต้องทำ ข้าก็ติดธุระคงอยู่กับท่านได้ไม่นาน อยากให้ข้าพาไปเที่ยวไหนล่ะ”
     
    นายทหารหนุ่มน้อยถาม ก่อนกัดขนมอีกคำโตๆ
     
    “ถ้าเจ้ามีเวลาไม่มาก เราก็คุยกันเฉยๆ เถอะ”
     
    “แต่ข้ายังได้เจ้าอากัสอยู่ใช่ไหม” คนเพิ่งกลืนขนมลงคอถามด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย พลางมองไปที่นอกร้าน ที่ซึ่งม้าพันธุ์ดีสีดำสนิทตัวหนึ่งถูกผูกอยู่
     
    ‘เซีย’ นายทหารหนุ่มน้อยสังกัดกรมทหารม้ารักษาพระองค์ผู้ชื่นชอบม้าเป็นชีวิตจิตใจได้พบกับ ‘ฮาล’ พ่อค้าม้าต่างแคว้นเมื่อหลายวันก่อน วันนั้นเขากับเพื่อนที่ชื่อ ‘ดานุส’ หาโต๊ะนั่งไม่ได้ จึงขอนั่งโต๊ะเดียวกับพ่อค้าหนุ่ม
     
    สามคนคุยกันถูกคอ ฮาลเอ่ยปากขอให้นายทหารแห่งเนลซายด์ทั้งสองพาเขาเที่ยวสถานที่ต่างๆ ที่น่าสนใจในเมืองหลวงในตอนเย็นของทุกวันจนกว่าเขาจะค้าขายเสร็จและกลับแคว้น โดยจะมอบ ‘อากัส’ ม้าตัวที่ดีที่สุดของเขาให้เซียเป็นการตอบแทน หลังจากที่ฝ่ายนั้นขอซื้อแล้วเขาไม่ขาย ส่วนดานุส...
     
    ‘ท่านไม่ต้องให้อะไรข้าหรอก คนเนลซายด์ไม่แล้งน้ำใจขนาดพาเพื่อนเที่ยวบ้านตัวเองไม่ได้’
     
    หลังจากนั้นชายหนุ่มสามคนก็นัดพบ พูดคุย และออกไปเที่ยวด้วยกันทุกเย็น ยกเว้นวันนี้ที่เซียมาคนเดียว
     
    “แน่นอน หลังจากวันนี้อากัสจะเป็นของเจ้า ข้าจะให้คนเอาไปให้เจ้าถึงบ้าน” ฮาลยืนยันคำมั่น
     
    “ท่านรู้ได้ยังไงว่าบ้านข้าอยู่ไหน” คำถาม...ปนความระแวง ทว่าอีกฝ่ายเพียงยิ้มนิดๆ ก่อนตอบ
     
    “ข้าหมายถึงที่กรม เจ้าเป็นทหารม้ารักษาพระองค์ ทำงานที่กรมนานพอๆ กับนอนที่บ้าน บางวันต้องอยู่เวรกลางคืน ที่ทำงานคงเป็นบ้านอีกหลังของเจ้า”
     
    เป็นคำตอบที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก ทว่าเซียก็ยอมปล่อยผ่านเพราะมีคำถามใหม่
     
    “พรุ่งนี้ท่านจะกลับแล้วหรือ”
     
    “ใช่”
     
    “ขายม้าหมดแล้ว”
     
    “อืม”
     
    “ได้ราคาดีไหม”
     
    “ดี”
     
    ไม่มีคำขยายความอื่นอีก คนฟังก็ไม่ได้ซักถามเพิ่มเติมมากกว่านั้น เพียงกัดขนมเข้าปากอีกคำ
     
    แม้เซียจะยังเป็น ‘หนุ่มน้อย’ อยู่ ทว่าเขาก็ฉลาดพอจะรู้ มั่นใจว่าคิดไม่ผิด ว่าฮาลไม่ใช่พ่อค้า ระยะนี้ไม่มีการเจรจาค้าขายม้ารายใหญ่ที่ไหนเลย ฮาลไม่เคยพาเขากับดานุสไปดู ‘สินค้า’ ตัวของชายหนุ่มไม่มีกลิ่นของคนที่คลุกคลีอยู่กับม้าเป็นเวลาหลายปี และคงไม่มีความรู้เกี่ยวกับม้าด้วย ข้อสันนิษฐานทั้งหมดนี้ดานุสเห็นด้วยกับเขา ประกอบกับช่วงนี้มีการลักลอบขนสมุนไพรอันตรายที่ใช้มอมเมาผู้คนเข้ามาในแคว้น ทางการยังหาตัวการลักลอบนำเข้าไม่ได้ ฮาลจึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยของเซียและดานุส เพราะเหตุนี้ นายทหารเนลซายด์ทั้งสองจึงฉวยโอกาสตอนพาพ่อค้าหนุ่มเที่ยวหลอกถามความจริงไปด้วย ทว่าฮาลไม่เคยหลุดคำพูดส่อพิรุธใดออกมาเลย
     
    “ดานุสต้องอยู่เวรคืนนี้หรือ” ฮาลถามอีก ขณะมองอีกฝ่ายกลืนขนมคำสุดท้ายลงคออย่างเพลิดเพลิน
     
    “ใช่” ดานุสเป็นทหารรักษาวัง
     
    “คืนนี้วังหลวงคงรักษาการณ์เข้มงวดเป็นพิเศษ”
     
    “อืม ท่านรู้ได้ไง” ถามเอง แล้วก็ตอบเองเสร็จสรรพว่า
     
    “แต่ก็ไม่แปลก ชาวบ้านชาวเมืองก็คงรู้กันหมดแหละ...เรื่องบ้าๆ”
     
    หลังคำ ‘เรื่องบ้าๆ’ มีเสียง ‘หึ’ ในลำคอ แสดงความไม่พอใจอย่างเปิดเผย ขณะคนฟังเพียงยิ้มนิดๆอีกเช่นเคย เรื่องบ้าๆ ที่ว่า คือการที่พระราชาแห่งอาสลันเสด็จมาเนลซายด์เมื่อหลายวันก่อน ไม่ใช่เสด็จเยือนเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีธรรมดา แต่เสด็จมาเชื่อมสัมพันธ์สองแคว้นให้แนบแน่นด้วยการเป็น ‘ทองแผ่นเดียวกัน’ หรือที่เซียเรียกว่าเสด็จมา ‘ทวงบุญคุณ’
     
    เมื่อประมาณยี่สิบปีก่อน ราชาอาสลันเคยทรงช่วยชีวิตราชาแห่งเนลซายด์ไว้จากสงครามระหว่างเนลซายด์กับเผ่านิราห์ เป็นผลให้ราชาเนลซายด์ทรงออกโอษฐ์ว่าไม่ว่าราชาอาสลันจะทูลขอสิ่งใดตอบแทน พระองค์ก็จะพระราชทานให้ หากทรงสามารถพระราชทานได้
     
    ยี่สิบปีต่อมา ราชาอาสลันเสด็จมาทูลขอพระธิดาพระองค์ใดพระองค์หนึ่งจากในสี่พระองค์ไปเป็น ‘พระสนม’
     
    “แก่หงำเหงือกแล้วยังไม่เจียมตัว อยากได้เมียสาว” คนเป็นเพียงทหารม้ารักษาพระองค์ยังพูดต่ออย่างขุ่นเคือง
     
    “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าราชาอาสลันแก่” ฮาลยังคงถามด้วยน้ำเสียงปกติ ทว่าริมฝีปากดูจะหยักโค้งเป็นรอยยิ้มมากขึ้น ขณะมือหยิบขนมปังแป้งหวานอีกแผ่นยื่นให้ เซียรับมาแล้ววางไว้ที่เดิม ไม่มีอารมณ์กิน
     
    “ก็ถ้าเคยช่วยชีวิตกันไว้ตั้งแต่ยี่สิบปีก่อน ตอนนี้อย่างต่ำๆ ก็ต้องอายุสี่สิบ ท่านคงไม่คิดว่าราชาอาสลันจะช่วยชีวิตพระราชาของเราไว้ตั้งแต่ตอนอายุสิบขวบหรอกนะ” ถามประชดพลางขมวดคิ้ว มองอีกฝ่ายด้วยสายตาสื่อความหมายว่า แค่นี้ก็คิดไม่ออก
     
    เช่นเคย อีกฝ่ายเพียงยิ้มนิดๆ แล้วก็ตอบคล้ายเออออว่า
     
    “นั่นสิ”
     
    “แล้วองค์หญิงใหญ่ของเราก็เพิ่งอายุยี่สิบ ห่างกันครึ่งต่อครึ่ง บางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำข้าว่า”
     
    “ความรักจำกัดความห่างของอายุด้วยหรือ” ฮาลถามเสียงเรียบ และยังคงยิ้มนิดๆ ขณะอีกฝ่ายทวนคำเสียงดัง
     
    “ความรัก! รักบ้าอะไร ความรักบ้านท่านน่ะสิเกิดขึ้นตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรก แล้วถ้าท่านรักผู้หญิงสักคน ท่านจะไปขอเขามาเป็นเมียน้อย หรือ ‘หนึ่งในเมียน้อย’ หรือเปล่า”
     
    “ถ้า ‘เมียน้อย’ หมายถึง ‘เมียเดียว’ ด้วยล่ะ” พ่อค้า...ซึ่งยังมีที่มาคลุมเครือ ไม่รู้ว่าค้าอะไรถามด้วยรอยยิ้มจางๆ ทว่านายทหารหนุ่มน้อยขมวดคิ้ว
     
    “ราชาอาสลันไม่มีราชินี ไม่มีสนม” ฮาลเสริม
     
    “เรื่องโกหกน่ะสิ พระราชาองค์ไหนจะอยู่มาสี่สิบปีโดยไม่มีสนม อ้อ...อาจจะได้ ถ้ามีนางบำเรอแทน”
     
    “ดูเจ้าจะรู้จักพระราชาองค์นี้ดี ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรู้จัก” ฮาลพูดคล้ายแสดงความเห็น
     
    “ไม่ต้องรู้จัก เห็นแค่การกระทำก็พอเดาได้ ไม่พอใจที่ข้าว่าพระราชาของท่านหรือไง” ฮาลเป็นคนอาสลัน
     
    พ่อค้าหนุ่มส่ายหน้านิดๆ
     
    “ข้าอยากให้ ‘พระราชาอาสลัน’ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความสัมพันธ์ของเราสองคน” ความจริง...จากก้นบึ้งของหัวใจ
     
    “ข้าไม่ได้เป็นคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน” เซียแก้ตัวและกล่าวโทษในขณะเดียวกัน ฮาลเพียงยิ้มเช่นเคย ก่อนจะหยิบขนมยื่นให้อีกครั้ง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจดึงกลับขณะอีกฝ่ายยื่นมือจะรับพอดี
     
    “ท่าน!”
     
    “ขอโทษ แต่ข้าว่าเรากินข้าวเย็นกันดีกว่า ถือว่าข้าเลี้ยงก่อนกลับ”
     
    “นั่นมันควรเป็นหน้าที่ข้า”
     
    “ไม่เป็นไร เงินเดือนเจ้าคงไม่มากนัก เก็บไว้ให้พ่อแม่เจ้าเถอะ ถือว่าข้าเลี้ยงขอบคุณที่พาเที่ยวด้วย” เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายแล้ว ฮาลก็ยิ้มกว้างขึ้น บอกต่อราวรู้ใจว่า “ไม่เกี่ยวกับเจ้าอากัส”
     
    “ท่านเห็นข้าเป็นคนงก อยากได้ของตอบแทนมากเลยหรือไง” จริงๆ ก็แค่อยากได้ม้าลักษณะเลิศเท่านั้นเอง
     
    “เจ้าคงเป็นคนรักม้ามากกว่าข้า”
     
    “แล้วท่านไม่รักหรือ หรือเห็นมันเป็นแค่สินค้า” สบช่อง นายทหารหนุ่มก็ถามจับพิรุธอีก
     
    “รักสิ อากัสอยู่กับข้ามาหลายปี แต่ข้าคิดว่าถ้ามันอยู่กับเจ้ามันคงอยู่ดี แล้วมันก็ไม่ได้ไปไหน นอกจากอยู่กับคนที่ข้ารัก”
     
    คำตอบที่คาดไม่ถึงทำให้คนฟังชะงัก จังงังราวเพิ่งได้ยินว่า ‘รักสิ แต่ข้ารักเจ้ามากกว่า’ ทว่าครู่เดียวเซียก็ถาม
     
    “ท่านเป็นพวกผิดเพศหรือ”
     
    คำถามอันไม่คาดคิดทำเอาคนถูกถามเกือบหลุดหัวเราะ
     
    “เปล่า ถูกชะตาอัธยาศัยก็คบเป็นเพื่อน เพื่อนรักเพื่อนไม่ได้หรือ สั่งอาหารเถอะ ทุกอย่างที่เจ้าชอบ ถ้าลำบากใจเรื่องเงิน ถือว่าข้าเลี้ยงในฐานะที่อายุมากกว่าก็ได้”
     
     
     
     
    “ท่านจะมาเนลซายด์อีกเมื่อไหร่” ถาม ทั้งที่มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ใช่พ่อค้าม้า
     
    “ยังไม่รู้” แล้วก็ต่อด้วยคำถาม “เจ้าคิดถึงข้าหรือ”
     
    “ข้าจะไปคิดถึงท่านทำไม” น้ำเสียงออกฉุนเฉียวเล็กน้อย ทว่านัยน์ตาสีเขียวป่าลึกของอีกฝ่ายที่สะท้อนแสงแดดสุดท้ายของวันดูเปล่งประกายระยับประหลาดจนคนพูดนิ่งงันไปนิด ก่อนหลุบเปลือกตา เบี่ยงหน้าไปทางม้าพันธุ์ดีสีดำสนิทพลางลูบหัวมันเล่น และบอกเสียงเรียบว่า
     
    “เนลซายด์ต้อนรับคนที่มาอย่างมิตรเสมอ ข้าก็เหมือนกัน ถ้าท่านเป็นพ่อค้าที่สุจริตจริง กลับมาครั้งหน้าข้ากับดานุสก็ยังเป็นเพื่อนท่านอยู่ ขอบคุณมากที่ยกอากัสให้ ถึงมันจะเป็นค่าตอบแทนที่สูงไป แต่เมื่อท่านไม่ยอมรับเงินข้าก็จะเอาล่ะ รับรองจะดูแลอย่างดี”
     
    “ข้ารู้”
     
    ไม่มีการอำลากันมากกว่านี้ เซียขึ้นม้าของตัวเองแล้วควบจากไป
     
    ฮาลมองตามนายทหารหนุ่มน้อยไปด้วยใบหน้าที่ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่นิดๆ หนุ่มน้อย...งั้นหรือ ถึงรูปร่างจะไม่ได้อ้อนแอ้นบอบบาง น้ำเสียงไม่อ่อนหวาน พูดจาฉะฉานตรงไปตรงมาไม่มีเอียงอาย ใบหน้าดูคมมากกว่าหวาน ผิวเป็นสีน้ำตาลอ่อน และผมก็ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้หมวก แต่เขาก็รู้ รู้ดีทีเดียวว่าเซียเป็น ‘สาวน้อย’ ต่างหาก ไม่ใช่ ‘หนุ่มน้อย’ ส่วนรู้เพราะอะไร
     
    ถ้าไม่ใช่เพราะชื่อที่ประทับในความทรงจำมายาวนาน
     
    ก็คงเพราะรอยแผลเป็นเล็กๆ บนขมับขวานั่น...เป็นสัญลักษณ์ที่ฝังแน่นในหัวใจเขามานานปีกระมัง
                   
                                                                    **************************
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×