ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บำเรอใจ

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ ๑

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 56


    บทที่ ๑

                         ได้ยินว่าหญิงรับนางบำเรอมาคนหนึ่ง

                    คนถามเป็นชายหนุ่มผิวเข้มวัยสามสิบสอง โครงร่างกำยำใต้เครื่องแบบทหารสีเทาเข้มทำให้ยิ่งแลดูน่าเกรงขาม ทว่าสิ่งที่ช่วยลดทอนความเข้มขรึมลงไปคือดวงตาที่ดูจะมีประกายพราวพรายแห่งความรื่นรมย์อยู่เสมอ

    อยากรู้ก็ช่วยหญิงเขียนรายงานหน่อยสิคะ

    คนประทับหลังโต๊ะทรงงานซึ่งแต่งทหารเหมือนกันกราบทูลพระพักตร์มุ่ยทั้งที่ยังไม่ทรงเงยพระพักตร์ขึ้นจากรายงานที่กำลังทรงเขียนอยู่

    ไม่ล่ะ พี่ถามวฤธมาแล้ว คนพูดหมายถึงนายทหารคนสนิทของอีกฝ่ายซึ่งติดตามไปรบด้วย

    ทรงทราบแล้วจะมารับสั่งถามอีกทำไมทำไมถึงเขียนไม่จบไม่สิ้นเสียทีนะ ไอ้เจ้ารายงานบ้าบอนี่

    คนของหญิงไม่ได้ให้รายละเอียดพี่

    คนที่จู่ๆ ก็พรวดพราดเข้ามาในห้องทำงานของคนอื่นทรงหาที่นั่งของพระองค์เองได้เรียบร้อยแล้วโดยไม่ต้องให้เจ้าของห้องทรงเชิญ เมื่ออีกฝ่ายไม่ตอบแต่กลับง่วนอยู่กับการเขียนรายงานยิกๆ พระองค์ก็ไม่ได้ทรงเร่งรัด ครั้นทหารนายหนึ่งทูลขอประทานพระอนุญาตอยู่หน้าห้อง พระองค์ก็ทรงอนุญาตแทนเจ้าของห้องเสร็จสรรพ กาแฟกับขนมที่นายทหารหนุ่มยกเข้ามาถวายเพียงพอที่จะทำให้พระองค์ทรงตั้งหลักปักฐานจนรากงอกอยู่ตรงนี้ได้อีกนาน

    ระหว่างทรงดื่มกาแฟ ผู้มาเป็นแขกโดยไม่ได้รับเชิญก็ทอดพระเนตรเจ้าของห้องไปพลางๆ

    เจ้าหญิงสี่แห่งคันธารัตน์ทรงเป็นเจ้าหญิงเพียงพระองค์เดียวที่ทรงรับราชการทหาร เป็นเจ้าหญิงเพียงพระองค์เดียวที่ทรงรับถ่ายทอดลักษณะหลายประการมาจากเจ้าหลวง เริ่มตั้งแต่ส่วนสูงที่สูงเกินมาตรฐานของผู้หญิงคันธารัตน์ แต่สูงพอกับผู้ชายส่วนใหญ่ พระฉวีสีน้ำผึ้ง พระอังสากว้าง สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาบนพระพักตร์... ไม่มีเลย รวมๆ แล้วดูเป็นผู้หญิงที่หน้าตาธรรมดามากคนหนึ่ง แม้ว่าพระมารดาซึ่งสิ้นพระชนม์ตั้งแต่พระองค์มีพระชันษาได้เพียงขวบเดียวจะเป็นหญิงสาวที่งามมากคนหนึ่งก็ตาม

    ก็อกๆๆ

    เข้ามาได้

    แขกของเจ้าของห้องรับสั่งอนุญาต ทว่านายทหารร่างผอมสูงที่ยืนชิดเท้าอยู่หน้าห้องยังไม่มีทีท่าว่าจะเข้า จนกระทั่งเจ้าของห้องทรงเงยพระพักตร์มุ่ยๆ ขึ้นมาจากรายงานและประทานพระอนุญาตด้วยสีพระพักตร์แช่มชื่นขึ้นทันตาว่า

    เข้ามาสิ เขาจึงก้าวเข้ามา ยืนชิดเท้าถวายความเคารพผู้บังคับบัญชาก่อน แล้วค่อยหันไปถวายความเคารพผู้มาเป็นแขก

    เขียนรายงานเสร็จแล้วหรือ

    เรียบร้อยแล้วพระเจ้าค่ะ

    ไหนเอามาดู

    นายทหารหนุ่มวางแฟ้มสีดำในมือถวาย พลเอกพิเศษแห่งกองทัพหลวงทรงหยิบมาเปิดอ่านคร่าวๆ

    เขียนดี ตรัสชมแล้วจึงทรงปิดรายงานของพระองค์ก่อนจะยื่นประทานให้อีกฝ่าย เอาของฉันไปเขียนต่อให้ที อีกฝ่ายยังไม่ทันทูลว่าอะไร พระองค์ก็รับสั่งต่อ ขอบใจมาก

    คนเป็นแขกทรงพระสรวลพรวด

    ซวยแล้ววฤธ

    กระหม่อมชินแล้วพระเจ้าค่ะ คนที่มียศต่ำสุดในห้องทูลตอบหน้าตาย หลังจากรับแฟ้มของผู้บังคับบัญชามา บ่ายโมงตรงรองเจ้ากรมสรรพาวุธจะมาเข้าเฝ้าเรื่องชุดเกราะผ้าฝ้ายจากคริษฐ์ ฝ่าบาทจะโปรดให้เลื่อนออกไปหรือไม่พระเจ้าค่ะ ประโยคนี้ทูลถามคนที่เพิ่งยัดเยียดงานขององค์เองมาให้เขา... เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็นับไม่ถ้วน

    ไม่ต้อง พระเชษฐามักจะทรงชวนพระองค์เถลไถลอยู่เรื่อยจนใครๆ แม้แต่วฤธพานคิดไปว่าถ้าอีกฝ่ายเสด็จมาคุยด้วยเมื่อไหร่ พระองค์จะต้องทรง สายเสมอ ถ้าเขามาก่อนเวลาก็ให้ช่างฝีมือคริษฐ์คุยกับเขาไปพลางก่อน คนเผ่าคริษฐ์มีฝีมือด้านการช่าง โชคดีที่คราวนี้ทรงพาช่างฝีมือกลับมาได้หลายคน

    พระเจ้าค่ะ

    วฤธทูลลากลับไปทำงานแล้ว ห้องทำงานของนายทหารหนุ่มอยู่ข้างๆ ห้องนี้นี่เอง เจ้าหญิงสี่แห่งคันธารัตน์โปรดทรงงานเงียบๆ ตามลำพัง นายทหารคนสนิทอย่างเขาจึงไม่มีโต๊ะทำงานอยู่ในห้องเดียวกัน และชั้นสามของอาคารสำนักงานของกองบัญชาการทหารหลวงแห่งนี้ก็มีห้องทำงานอยู่เพียงสามห้อง อีกห้องหนึ่งในชั้นเดียวกันนี้เป็นของนายทหารระดับพลเอกอีกคนหนึ่ง

    หญิงมีความสามารถด้านยอคนไว้ใช้งานนะ นี่วฤธเขารู้ไหมว่าหญิงแกล้งชมเพราะจะหลอกให้เขาทำ

    เขาไม่โง่หรอกค่ะ ความพิเศษอีกประการหนึ่งก็คือ เจ้าหญิงสี่แห่งคันธารัตน์ทรงเป็นเจ้าหญิงเพียงพระองค์เดียวที่รับสั่งแบบขวานผ่าซากได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก คนฟังสะอึกดังอึ๊กๆ กันบ่อย แต่นั่นย่อมไม่รวมถึงเจ้าชายรองแห่งคันธารัตน์ซึ่งเป็นพระเชษฐาต่างพระมารดา แล้วหญิงก็ไม่ได้แกล้งชม

    เปิดผ่านๆ อ่านยังไงก็ไม่ทันแบบนั้นแล้วยังอุตส่าห์ชมว่าเขียนดีได้น่ะหรือ ไม่ได้แกล้ง

    หญิงหมายถึง เขาเขียนดีกว่าหญิง

    อืม คนฟังเพิ่งจะเข้าพระทัย ข้อนี้พี่ยอมรับ แล้วลายมือไม่เหมือนกัน เจ้าพ่อไม่ทรงสงสัยหรือ

    ไม่เห็นจะรับสั่งถามอะไรสักทีนี่คะ

    คงจะทรงเห็นใจคนไม่ชอบเขียนหนังสือ เป็นมาตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ก็เรียกได้ว่าไม้แก่ดัดยากแล้วล่ะนะ กระบวนการขวานผ่าซาก เจ้าชายทหารแห่งคันธารัตน์ก็ไม่ทรงเป็นรองใครเหมือนกัน และคนสองคนที่ชอบรับสั่งโผงผางเหมือนกันทั้งคู่ก็ยังไม่เคยผิดใจกันเพราะเหตุว่าอีกฝ่ายพูดตรงไปตรงมาเกินไปเลยสักครั้ง

    แล้วเรื่องนางบำเรอของหญิงว่าไง

    แต่บางครั้งอีกฝ่ายก็วกกลับมาถามเร็วเกินไปจนไม่ทันได้ตั้งตัว

    ไม่ว่าไงหรอกค่ะ เจ้าพ่อให้หญิงเลือกว่าอยากจะได้บำเหน็จรางวัลเป็นอะไร หญิงก็ขอเครื่องบรรณาการทั้งหมดจากตฤณดา ในเมื่อพวกเขาไม่มีจ่าย หญิงก็เอาตัวลูกชายของหัวหน้าเผ่ามาแทน เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือคะ

    ถึงจะรับสั่งว่า ธรรมดาแต่สังเกตจากการไม่ยอมสบสายพระเนตร พระเชษฐาก็ทรงเดาได้ว่าคนรับสั่งเองก็ทรงทราบดีว่ามัน ไม่ธรรมดาจู่ๆ เจ้าหญิงทหารก็ทรงรู้สึกว่าพระศอแห้งจนต้องทรงยกพระสุธารสชาขึ้นมาจิบ แต่เมื่อพระชิวหาสัมผัสกับความเย็นชืดแทนความอุ่น พระองค์ก็ต้องทรงวางถ้วยลงดังเดิม

    จังหวะนั้นเองที่วฤธทูลขอประทานพระอนุญาตเข้ามาอีกหน นำพระสุธารสชาถ้วยใหม่มาถวายได้อย่างประจวบเหมาะจนเจ้าหญิงสี่อดจะทรงดำริไม่ได้ว่า บางทีคนสนิทของพระองค์อาจจะมีญาณวิเศษ

    ก็คงจะธรรมดา ถ้าหญิงเป็นผู้ชายแล้วเอาตัวลูกสาวของหัวหน้าเผ่ามา แต่กลับกันอย่างนี้คงจะเรียกนางบำเรอไม่ได้ นายบำเรอท่าจะเหมาะ รับสั่งเองก็ทรงพระสรวลเองดังหึหึ ประหลาดดีเหมือนกัน แล้วนี่ใครๆ ไม่ตกอกตกใจกันแย่รึที่หญิงทำพิลึกๆ แบบนี้

    หญิงไม่ทราบหรอกค่ะ ไม่ได้สนใจ ตอนนั้น ผู้ชายคนนั้นดึงดูดความสนพระทัยของพระองค์ไว้ได้ทั้งหมดจริงๆ หญิงให้เวลาพวกเขาตัดสินใจหนึ่งวัน

    แล้วตฤณดาก็ตกลง

    ค่ะ ไม่มีใครมาต่อรองอะไร

    ใครตกลง หัวหน้าเผ่า หรือนายบำเรอของหญิง

    หัวหน้าเผ่าค่ะ

    เจ้าตัวล่ะ

    ก็ ดูเฉยๆ ค่ะ ดูไม่ออกว่ารู้สึกยังไง

    แล้วเจ้าพ่อมีรับสั่งว่ายังไงบ้าง

    ตรัสถามว่าคิดดีแล้วหรือ พอหญิงทูลยืนยัน ก็ทรงอนุญาตค่ะ

    เจ้าชายรองแห่งคันธารัตน์ทรงพยักพระพักตร์ คำถามนี้พระองค์ตรัสถามไปอย่างนั้นเอง ช่วงที่พระขนิษฐาต่างพระมารดาเสด็จกลับมาจากรบพระองค์เสด็จไปราชการต่างเมืองพอดีจึงทรงทราบข่าวล่าช้า เมื่อกลับมาเข้าเฝ้าพระบิดาเพื่อทูลรายงานเรื่องที่โปรดให้ไปราชการแทนพระองค์ ยังไม่ทันได้รายงาน เจ้าหลวงก็รับสั่งเรื่องนี้ขึ้นก่อน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าค่อนข้างทรงกังวลพระทัยมาก รับสั่งว่าทรงซักไซ้และเกลี้ยกล่อมอยู่นานแต่พระราชธิดาก็ไม่เปลี่ยนพระทัย เพราะฉะนั้นเรื่องราวคงไม่ได้ง่ายดายไปหมดอย่างที่พระขนิษฐารับสั่งบอกเป็นแน่ เหตุผลที่พระองค์เสด็จมาวันนี้ก็เพราะพระบิดาทรงฝากความหวังเอาไว้ด้วยส่วนหนึ่ง

    พี่ขอถามคำถามหนึ่ง

    เจ้าหญิงสี่ทรงพยักพระพักตร์ พลางทรงยกถ้วยชาขึ้นจิบ นึกยังไงรับสั่งขอ ปกติไม่เคยทรงขอสักทีไม่ว่าจะถามกี่สิบคำถามก็ตาม

    เรื่องนี้เกี่ยวกับภูมัยกับมญใหญ่รึเปล่า

    ทั้งที่ทรงจิบคำเล็กๆ แต่เมื่อเกิดสำลักขึ้นมา ชาร้อนก็ลวกผิวพระโอษฐ์เอาจนเจ็บแสบได้เหมือนกัน เจ้าหญิงสี่ทรงใช้หลังพระหัตถ์เช็ดพระโอษฐ์ลวกๆ เห็นสายพระเนตรของพระเชษฐาแล้วก็ทรงทราบว่าปิดบังไม่ได้ พระองค์ไม่เคยทรงคิดจะโป้ปดอีกฝ่ายอยู่แล้ว ทว่าก็ไม่ปรารถนาจะรับสั่งเช่นกัน จึงได้แต่ทรงเบือนสายพระเนตรออกไปนอกหน้าต่างและนิ่งอยู่อย่างนั้น

    สรุปว่าเกี่ยว เรื่องคิดเองเออเองเจ้าชายรองแห่งคันธารัตน์ก็ทรงถนัด ที่น่าเจ็บใจก็คือสิ่งที่ทรงคิดมักจะถูก เจ้าพ่อก็รับสั่งบอกหญิงแล้วไม่ใช่หรือ ว่าไม่ว่าหญิงอยากจะได้อะไร หรือได้ ใครก็จะให้ทุกอย่าง

    หญิงไม่ต้องการสามีพระราชทาน ไม่พูดก็แล้วไป แต่เมื่อพูดออกมาประโยคหนึ่งแล้ว ประโยคต่อไปก็มักจะพรั่งพรูออกมาหมดอย่างอดไม่ได้ รู้อยู่ว่าเขารักใคร รู้อยู่ว่าเขาไม่เต็มใจ ถึงเจ้าพ่อจะทรงบังคับให้เขามาแต่งกับหญิงได้ หญิงก็ไม่มีความสุขหรอกค่ะ หยุดไปครู่จึงรับสั่งต่อ

    พวกเขาเป็นคู่หมั้นกัน หญิงพูดไม่ได้ว่าแค่เห็นเขามีความสุขหญิงก็มีความสุขไปด้วย แต่อย่างน้อยมีคนที่มีความสุขสองคนก็ต้องดีกว่าไม่มีใครมีความสุขเลย

    คนฟังทรงนิ่งเงียบไปนาน หมายพระทัยจะให้พระขนิษฐาทรงปรับพระอารมณ์มากกว่าอะไรอื่น แม้อีกฝ่ายจะรับสั่งด้วยพระสุรเสียงเรียบๆ ราวกับไม่ใส่พระทัย แต่เป็นพี่น้องกันมานานเกือบสามสิบปี พระองค์ย่อมทรงดูออกว่าความทุกข์โศกของอีกฝ่ายเพียงแค่ถูกกักเก็บไว้ลึกเกินไป ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึก

    ลูกชายหัวหน้าเผ่าตฤณดา หญิงก็บังคับมาเหมือนกันไม่ใช่ว่าพระองค์ทรงปลอบใจใครไม่เป็น แต่ทรงทราบดีว่าการปลอบใจไม่ใช่สิ่งที่พระขนิษฐาองค์นี้ต้องการ เมื่อไม่ต้องปลอบ ก็ซ้ำเติมเอาเสียเลย

    เป็นแค่นายบำเรอ ไม่ต้องถามความสมัครใจหรอกค่ะ หญิงไม่ได้ต้องการให้เขามาเป็นสามี

    แล้วนายบำเรอของหญิงนี่ต้องทำอะไรบ้างล่ะ พี่คิดว่าต้องทำหน้าที่คล้ายๆ เมียน้อยเสียอีก กรณีนี้คงต้องเรียกว่า ผัวน้อยซึ่งหมายความว่าจะเรียกว่าเป็น สามีคนหนึ่งก็ย่อมได้

    เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวล เมื่อในที่สุดคนที่เอาแต่พูดเรื่อง นายบำเรอได้อย่างหน้าตาเฉยเรื่อยมาก็มีทีท่าเก้อกระดากที่จะพูด เป็นผู้หญิงแต่พูดเรื่องอย่างนี้ได้อย่างหน้าตาเฉย ยังไงก็ดูจะไม่ใช่ลางดีสักเท่าไหร่

    หญิง... ยังไม่ได้คิดหรอกค่ะว่าต้องทำอะไร ช่วงนี้หญิงยุ่งๆ เลยยังไม่มีเวลาคิด

    ยังไม่ได้พูดคุยกันหรือ

    ยังค่ะ พูดกันครั้งเดียวตั้งแต่วันที่หญิงให้ข้อเสนอ

    หญิงให้เขาอยู่ที่ไหน

    เรือนกลางน้ำค่ะ

    พระเชษฐาทรงพยักพระพักตร์

    ถ้ายังไม่ได้คิดว่าจะให้เขาทำอะไร ก็คิดตอนนี้สิ กำลังว่างไม่ใช่หรือ

    เจ้าหญิงทหารทรงวิเคราะห์ได้มานานแล้วว่าพระเชษฐารองทรงเป็นนักเผด็จการคนหนึ่ง ไม่สั่งก็เหมือนสั่ง บ่อยครั้งก็สั่งแต่สิ่งที่พระองค์เองทรงทำได้แต่ไม่ได้คิดว่าคนอื่นเขาจะทำได้เหมือนพระองค์ไหม อย่างไรก็ดี เจ้าหญิงสี่แห่งคันธารัตน์ก็นับว่าทรงเป็น น้องสาวที่ว่าง่ายคนหนึ่งสำหรับ พี่ชาย

    แม้จะต้องทรงใช้เวลาในการคิดนาน แต่เมื่อต้องตัดสินพระทัย พระองค์ก็ไม่ลังเล

    ให้เป็นคู่รักของหญิงสักหนึ่งปีค่ะ

    คนฟังทรงเลิกพระขนง ขอคำอธิบาย

    เหมือนเป็นสามี แต่ไม่ต้องนอนด้วยกัน

    คราวนี้แม้แต่คนโผงผางอย่างเจ้าชายรองแห่งคันธารัตน์ก็ถึงกับทรงวางพระพักตร์ไม่ถูก จะติติงว่าพระขนิษฐาทรง ก๋ากั่นเกินหญิงก็รับสั่งได้ไม่เต็มปาก เพราะอายุอานามของอีกฝ่ายก็ไม่ใช่น้อยๆ ใกล้จะสามสิบเต็มที อายุเท่านี้ พูดเรื่องอย่างนี้ก็ไม่แปลกนัก อีกทั้งคนที่พูดด้วยก็เป็นพี่ชายที่สนิทกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ ขอแต่ว่าอีกฝ่ายจะไม่พูดตรงขนาดนี้กับคนอื่นเท่านั้น

    เลิกพูดเรื่องนี้เถอะค่ะ หญิงไม่อยากคุย

    พระเชษฐาทรงพยักพระพักตร์ เหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุยกันได้นานทั้งที่พูดจาขวานผ่าซากด้วยกันทั้งคู่แบบนี้ ก็เพราะเมื่อฝ่ายหนึ่งไม่ต้องการคุยต่อ อีกฝ่ายก็ไม่เซ้าซี้ตอแย แต่อาจจะยกเว้นคราวนี้ไว้คราวหนึ่งที่ผู้มีพระชนม์มากกว่าสามปีทรงสรุปปิดท้าย

    ขอพี่ไปรู้จักกับนายบำเรอของหญิงหน่อย

    เจ้าหญิงทหารทรงขยับพระโอษฐ์จะรับสั่งถามเหตุผล แต่แล้วก็ทรงเปลี่ยนพระทัย

    เจ้าพี่ทรงว่างวันไหนล่ะคะ

     

    ในวันที่เจ้าชายอาร์ชวัส เจ้าชายรองแห่งคันธารัตน์ทรงว่าง เจ้าหญิงสี่กลับไม่ทรงว่าง พระองค์จึงโปรดให้อารยา พระพี่เลี้ยงวัยปลายสามสิบซึ่งควบตำแหน่งหัวหน้านางพระกำนัลในวังของพระองค์ไปด้วยเป็นผู้นำเสด็จพระเชษฐาต่างพระมารดาไปยังเรือนกลางน้ำ

    เจ้าชายทหารทรงใช้เวลาอยู่ที่นั่นกับนายบำเรอของพระขนิษฐาองค์โปรดตั้งแต่เช้าจรดเย็น ทำอะไรกันบ้างไม่มีใครรู้ ตอนที่สองพี่น้องเสวยมื้อเย็นด้วยกัน เจ้าชายอาร์ชวัสไม่ได้ทรงเล่ารายละเอียดประทาน และเจ้าหญิงสี่ก็ไม่ได้ทูลถาม เพียงแต่บ่อยครั้งที่พระขนิษฐาไม่ได้มองมาทางพระองค์ เจ้าชายหนุ่มจะทอดพระเนตรมองอีกฝ่ายด้วยสายพระเนตรแสดงความเวทนาสงสาร จะขำก็ขำได้ไม่เต็มที่ จะปลงรึก็ปลงไม่ค่อยตก

    เมื่อเจ้าหญิงสี่ออกมาส่งเสด็จขึ้นม้าที่หน้ามุข เจ้าชายรองก็รับสั่งอย่างหวังดี

    พี่ขอให้หญิงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ นะ ตั้งแต่คืนนี้ไปสวดมนตร์ก่อนนอนทุกคืนด้วยก็จะดีมาก พี่ไปล่ะ สาธุ เจริญพร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×