คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ
เหนือสุดของดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งนี้มีสองแคว้นใหญ่ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ใกล้เคียงกัน คือ นรมัน และคันธารัตน์ ชายขอบรอบสองแคว้นเต็มไปด้วยชนเผ่าต่างๆ ที่ล้วนแต่อยู่ในฐานะเมืองขึ้นของสองแคว้นใหญ่ มีเพียงชนเผ่าทั้งห้าที่อาศัยอยู่กึ่งกลางระหว่างสองแคว้นเท่านั้นที่ยังเป็นอิสระ เพราะนรมันและคันธารัตน์ยังตัดสินใจ ‘แบ่งปัน’ กันมิได้ อีกทั้งทั้งห้าเผ่ายังสมัครสมานสามัคคีกันเป็นอันดี เมื่อเผ่าหนึ่งถูกรุกราน อีกสี่เผ่าก็มิรั้งรอที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง
รัชสมัยของเจ้าหลวงองค์ปัจจุบันของนรมันเป็นรัชสมัยของความรุ่งโรจน์และความโหดร้าย เจ้าหลวงองค์ใหม่มีพระราโชบายจะรวบรวมเผ่าทั้งห้าเข้ามาเป็นแผ่นดินเดียวกัน ขณะที่เจ้าหลวงแห่งคันธารัตน์ทรงรักสงบจึงทรงวางเฉย หลังจากนรมันและชนเผ่าทั้งห้ารบพุ่งขับเคี่ยวกันมานานหลายเดือน เหตุการณ์ก็กลับตาลปัตรไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อผู้อาวุโสของเผ่าทั้งห้าตกลงกันจะขอความช่วยเหลือจากคันธารัตน์
หากจะต้องเป็นเมืองขึ้น เป็นของคันธารัตน์ย่อมดีกว่าเป็นของนรมัน อย่างน้อยก็ยังได้ปกครองตนเอง เพียงต้องส่งบรรณาการทุกปีเท่านั้น ไม่เหมือนเป็นเมืองขึ้นของนรมันที่ทางแคว้นใหญ่จะส่งคนมาปกครอง
คันธารัตน์ตกลงใจรับข้อเสนอ ข้อเสนอที่ต่างจากคำว่า ‘ลาภลอย’ เพียงนิดเดียว
คู่รบเปลี่ยนจากชนเผ่าทั้งห้ากับนรมัน เป็นนรมันกับคันธารัตน์
เพียงไม่นาน นรมันก็เลิกราไปโดยไม่ได้พ่ายแพ้ เพราะตระหนักดีว่าไม่พร้อมจะรบกับคันธารัตน์จนถึงขั้นมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียแคว้น คันธารัตน์จึงได้ชนเผ่าทั้งห้ามาเป็นเมืองขึ้นอย่างง่ายดายด้วยประการฉะนี้
คันธารัตน์ให้เวลาทั้งห้าเผ่าตระเตรียมบรรณาการเป็นเวลาหนึ่งเดือน ทุกเผ่าสามารถหามาได้ภายในเวลาที่กำหนด ยกเว้น... ตฤณดา
ตฤณดาเป็นเผ่าเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูง หนทางไปค่อนข้างแห้งแล้งกันดาร ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์ ฐานะความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่เป็นแบบมีพอดีกิน
สรุปว่าเป็นเผ่าที่ยากจนที่สุด เรื่องบรรณาการ อย่าว่าแต่ทั้งหมด แค่ครึ่งเดียวยังไม่มีจะให้
คันธารัตน์ถูกหลอกให้ช่วยเหลือโดยเปล่าประโยชน์
เจ้าหลวงแห่งคันธารัตน์โปรดให้แม่ทัพใหญ่ในการรบครั้งนี้เดินทางเข้าไปยังตฤณดาเพื่อตรวจสอบด้วยตนเองว่า มีของมีค่าอะไรที่พอจะนำมาเป็นบรรณาการได้หรือไม่ ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ จะเอาหมู เอาวัว หรือเอาตัวอะไรมาแทนก็ได้ ตามใจ
“ทุกอย่างแล้วแต่ลูกจะพิจารณาเห็นสมควร ครั้งนี้ลูกมีความดีความชอบมากที่สุด กลับมาพ่อจะปูนบำเหน็จรางวัลให้ตามแต่ลูกอยากจะได้ ต้องการอะไร หรือต้องการ ‘ใคร’ ก็ได้ทั้งนั้น”
ความยากจนของตฤณดาดูได้ง่ายๆ จากบ้านของหัวหน้าเผ่าซึ่งเป็นบ้านไม้สองชั้น แม้จะหลังใหญ่แต่ก็กลางเก่ากลางใหม่และแทบจะไม่มีของประดับมีค่า แม้ว่าหัวหน้าเผ่าจะจัดการต้อนรับอย่างเต็มที่ ทั้งตระเตรียมผู้คนมาต้อนรับ จัดสถานที่และอาหารการกินไว้อย่างดี แต่มองไปมองมา ดูแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรให้เรียกเก็บมาเป็นบรรณาการได้อยู่ดี
“ญาติพี่น้องของท่านมารวมกันที่นี่หมดแล้วหรือยังคะ”
ไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพใหญ่คิดอะไรอยู่ถึงได้ถาม ราวกับว่าแค่การที่แม่ทัพใหญ่แห่งคันธารัตน์เป็นผู้หญิงจะยังไม่น่าประหลาดใจมากพอ
“เกือบหมดแล้วพระเจ้าค่ะ”
หัวหน้าเผ่าซึ่งเป็นชายวัยกลางคนผิวเข้มร่างกำยำและไว้หนวดไว้เคราเต็มหน้าเป็นผู้ตอบ หลังจากกวาดตามองทั่วทั้งห้องโถงกว้าง
“ตามมาให้ครบค่ะ”
“เทพอยู่ที่ไหน” คนมาก แต่ห้องเงียบกริบ เสียงถามของหัวหน้าเผ่าซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ทางขวามือของแม่ทัพแห่งคันธารัตน์จึงได้ยินกันทั้งห้อง ทว่าคนสนิทก้มลงตอบเบาเพียงกระซิบ เบาจนคนฟังต้องนิ่วหน้า “พูดดังๆ อยู่ที่ไหน”
“วัดครับ”
หัวหน้าเผ่านิ่ง เขาไม่น่าถามเลย
“ไปตามมา”
“ขาดแค่คนเดียวหรือคะ”
คนประทับเก้าอี้ตัวใหญ่กลางห้องตรัสถามหลังจากผู้นำเผ่าไม่ได้ใช้ให้ใครไปตามคนอื่นมาอีก
“พระเจ้าค่ะ เป็นบุตรชายของกระหม่อม”
แม่ทัพทรงพยักพระพักตร์ วางแผนเรียบร้อยเสร็จสรรพว่าหลังจากมากันครบทุกคนแล้วจะให้นายทหารหน่วยพิเศษของพระองค์จับคู่สัมภาษณ์บรรดาญาติของหัวหน้าเผ่าทุกคน เวลาสักครึ่งชั่วโมงก็เพียงพอแล้วที่จะให้ใครสักคนในบรรดานี้คายความลับออกมา คำถามที่ว่า รู้ไหมว่ามีใครเก็บซ่อนทรัพย์สินมีค่าไว้ที่ไหนบ้าง ย่อมมีผู้ยอมตอบมากกว่าคำถามที่ว่า ตัวท่านมีทรัพย์สินอะไร แผนนี้เป็นแผนที่ได้ผลดีเสมอมา เพราะธรรมชาติของมนุษย์ย่อมปกป้องรักษาความสุขของตัวเอง แม้จะต้องเอาความทุกข์ไปใส่คนอื่น
ถ้าในบรรดาญาติพี่น้องของหัวหน้าเผ่าไม่มีใครเห็นแก่ตัวเช่นนั้นเลยสักคน พระองค์อาจจะทรงพิจารณาลดมูลค่าของบรรณาการลง แม้จะไม่ยุติธรรมกับเผ่าอื่นนักก็ตาม
เวลานี้ ตฤณดาอยู่ในเงื้อมพระหัตถ์
‘บุตรชายของกระหม่อม’ ไม่มีความหมายกับแม่ทัพใหญ่แห่งคันธารัตน์เลย ท่ามกลางสายตาฉงนฉงายไม่วายของคนสำคัญทั้งเผ่าตฤณดาที่กำลังมองมา พระองค์ไม่ทรงรู้สึกอะไร และยิ่งไม่คาดคิด ว่าการปรากฏกายของผู้ชายเพียงคนเดียวจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในห้องโถงที่เต็มไปด้วยบุคคลสำคัญทางการปกครองและการทหารนั้นอยู่ในวัยปลายยี่สิบถึงต้นสามสิบ รูปร่างสมส่วนแต่สูงมากทีเดียว ผมที่ตัดสั้นและดูอ่อนนุ่มนั้นมีสีดำสนิทตัดกับผิวขาวสะอาดอย่างสิ้นเชิง คิ้วเข้มสีดำสนิทปานกันพาดตรงเหนือดวงตาสวยซึ้ง จมูกโด่งเป็นสันตรงแต่ไม่ดูแข็งกระด้าง ริมฝีปากที่ทั้งบางเฉียบและสีสดน่ามองนั้นสวยได้รูป งามจับใจ องค์ประกอบทั้งมวลบนดวงหน้าส่งให้ผู้ชายคนนี้ดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตรจุติจากสวรรค์ หากไม่มีรอยหนวดเคราสีเขียวจางๆ รอบริมฝีปากกับโครงร่างที่สมชายชาตรี ก็ราวกับเป็นดวงหน้าของอิสตรีอันดับหนึ่งในแผ่นดินก็ไม่ปาน
“ฝ่าบาท นี่คือชญาเทพ บุตรชายคนเดียวของกระหม่อมพระเจ้าค่ะ”
ดวงตาคมที่มีรอยฉลาดลึกซึ้งของชายหนุ่มมีแววประหลาดใจ ขณะบิดาแนะนำ
“เจ้าหญิงสี่แห่งคันธารัตน์ ท่านแม่ทัพผู้แทนพระองค์ของเจ้าหลวง”
ชายหนุ่มค้อมกายลงถวายความเคารพอย่างนุ่มนวล สง่างาม
“ชญาเทพ” เจ้าหญิงแม่ทัพรับสั่งเรียก
“พระเจ้าค่ะ”
นอกจากหน้าตาและกิริยางาม น้ำเสียงยังนุ่มทุ้ม น่าฟังอย่างยิ่ง บัดนี้สายตาสองคู่มองสบกันตรงๆ
“ในเมื่อตฤณดาหามาจ่ายไม่ได้ เธอก็มาเป็นนางบำเรอของฉันหนึ่งปีแทนบรรณาการ”
ถ้าเข็มตกสักเล่มตอนนี้... ก็คงจะได้ยินกันทั้งห้อง
ความคิดเห็น