ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องห้าม (ภาคอรอุมารังษี) (ลบแล้วค่ะ)

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนพิเศษ1 (ภาคอรอุมารังษี) : คืนแรก(เข้าเรือนหอ)

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ย. 49


    ลงแก้เซ็งอ่ะค่ะ
    -------------------------------
    รักต้องห้าม (ภาคอรอุมารังษี)

    ตอนพิเศษ 1 : คืนแรก (เข้าเรือนหอ)

    โรซาน่า.

                    ห้องพระบรรทมใหญ่ในพระตำหนักริมผาซึ่งเป็น 'เรือนหอ' เป็นห้องที่กว้างพอสมควร แลดูอบอุ่นนุ่มนวลเพราะตกแต่งด้วยสีครีมนวลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นม่าน พรม หรือแม้แต่พระวิสูตรรอบพระที่ พระแท่นบรรทมขนาดไม่ใหญ่ ไม่เล็ก วางเด่นอยู่กลางห้อง ผ้าปูเป็นสีนวลสบายตา ผ้าห่มผืนหนา ใหญ่ เป็นสีน้ำตาลเข้มดูขรึม แต่น่าจะอุ่นสบาย โต๊ะตัวเล็กสำหรับวางแจกันตั้งขนาบข้างหัวเตียง บนโต๊ะวางแจกันทรงสูงบรรจุกุหลาบสีแดงเข้มดอกโต สวย และหอมจัด มุมหนึ่งของห้องวางโต๊ะทรงพระสำอางไว้ ขนาบข้างด้วยตู้สี่เหลี่ยมสูง ในห้องไม่มีเครื่องเรือนอื่นอีก แต่ดูไม่โล่ง เพราะประดับด้วยแจกันทรงสูงบรรจุดอกไม้สีขาวสะอาดและมีกลิ่นหอมละมุนไว้ตามมุมต่างๆ ผนังด้านข้างประดับภาพเขียนรูปธรรมชาติ สลับกับผ้าปักฝีพระหัตถ์

    อัจกลับแก้วระย้าบนเพดานส่องสว่าง ทำให้ชายหนุ่มที่เพิ่งออกมาจากห้องแต่งตัวมองเห็นชัดว่า 'เจ้าสาว' ของเขาเข้าบรรทมแล้ว แถมยังบรรทมตะแคงข้าง หันพระพักตร์ออกไปทางนอกเตียงอีก

    วิษณุยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกอ่อนโยนและเอ็นดูเต็มหัวใจ ชายหนุ่มเดินไปปิดไฟกลางห้อง ก่อนจะเดินไปอีกฝั่งของเตียงและขึ้นนอน โดยเว้นระยะห่างจากเจ้าหญิงอรอุมารังษีพอสมควร ไม่มาก ไม่น้อย พอให้ไม่ทรงรู้สึกอึดอัด วิษณุยิ้มอีกครั้ง เมื่อเขาเลื่อนผ้าห่มคลุมวรองค์ให้แล้วรู้สึกว่าอีกฝ่ายทรงเกร็งขึ้นนิดหนึ่ง

    นานแล้ว แต่ชายหนุ่มรู้สึกว่าคนข้างเคียงยังทรงเกร็งไม่เลิก จึงตัดสินใจทูลเรียกเบาๆ ว่า

    "ฝ่าบาท"

    นาน...มาก กว่าที่เจ้าหญิงอรอุมารังษีจะทรงปลุกปลอบพระทัยของพระองค์เอง และทรงตอบรับออกมาได้ว่า

    "หือม์"

    "บรรทมไม่หลับหรือพระเจ้าค่ะ"

    "ละ...หลับสิ เหนื่อยมาทั้งวันขนาดนี้ต้องหลับอยู่แล้ว ตื่นเพราะวิษณุปลุกนี่แหละ" ผู้รับสั่งยังไม่หลับพระเนตร แต่กลับทรงพยายามบังคับให้ 'หัวใจ' หลับเสียที เต้นดังโครมครามขนาดนี้เดี๋ยวคนข้างๆ พลอยได้ยินด้วย พระองค์คงทรงขายพระพักตร์แย่

    "งั้นก็บรรทมเถอะพระเจ้าค่ะ" เพราะทอดพระเนตรมองไม่เห็นหน้าขรึมๆ นั่นหรืออย่างไร จึงทำให้ทรงรู้สึกว่า น้ำเสียงของวิษณุช่างนุ่มนวลอ่อนโยนเสียเหลือเกิน

    "อื้ม"

    นาน...กว่าวิษณุจะทูลเรียกขานอีกครั้ง

    "ฝ่าบาท"

    "หือม์" คราวนี้คำตอบรับเร็วขึ้นเล็กน้อย

    "ยังบรรทมไม่หลับอีกหรือพระเจ้าค่ะ" คำถามเดิม

    "เดี๋ยวก็คงหลับเองแหละ วิษณุไม่ต้องห่วงหรอก" คำตอบตรงไปตรงมามากขึ้น

    ลมหายพระทัยของเจ้าหญิงโฉมงามสะดุด เมื่อทรงรู้สึกว่าคนตัวโตร่างสูงที่นอนอยู่ด้านหลังขยับตัวเข้ามาใกล้พระองค์มากขึ้น

    "ถ้าไม่ทรงเหนื่อยมากนัก ก็หันมาคุยกับกระหม่อมหน่อยได้ไหม"

    "ก็...กำลังคุยอยู่นี่ไง"

    "จะทรง 'คุย' ทั้งที่หันหลังให้กระหม่อมอยู่อย่างนี้หรือพระเจ้าค่ะ" น้ำเสียงของวิษณุเรียบ...สนิท คนฟังพอจะทรงเดาได้ทันทีว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังมีสีหน้าแบบไหน ดังนั้น หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงทรงพลิกองค์กลับไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่นอนตะแคงข้าง หันหน้ามาทางนี้อยู่ก่อนแล้ว

    เจ้าหญิงอรอุมาทรงสะดุ้งเฮือกเมื่อทรงพบว่าระยะห่างระหว่างพระพักตร์ของพระองค์กับของวิษณุนั้นแคบนิดเดียว แทบจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน กำลังจะทรงขยับถอย แต่มือใหญ่ที่สัมผัสต้นพระพาหาทำให้ทรงชะงักทุกการกระทำ ลืมแม้แต่จะทรงหายพระทัย เพราะความร้อนวาบตรงส่วนที่ฝ่ามือนั้นสัมผัส

    "ทรงกลัวกระหม่อมหรือพระเจ้าค่ะ" น้ำเสียงที่ใช้ทูลถามอ่อนโยนกึ่งปลอบประโลม คล้ายพี่ชายกำลังปลอบน้องน้อยให้หายตื่นกลัว

    "ไม่ได้กลัวสักหน่อย ทำไมหญิงต้องกลัววิษณุด้วยล่ะ" พระสุรเสียงเกือบเป็นปกติ ทว่าพระทัยเต้นตึกตักดังขนาดนี้ วิษณุจะได้ยินบ้างไหม ไม่เคยทรงคิดเลยว่าจะทรงตื่นเต้น ขัดเขิน ประหม่า และรู้สึกอะไรอีกสารพัดอย่างได้ขนาดนี้ ทั้งที่เป็นเพื่อนกันมาสิบสองปี เป็นคู่หมั้นกันมาอีกห้าปี แต่คืนนี้เพิ่งเป็นคืนแรกที่... บางที อาจเพราะไม่ทรงเห็นหน้าอีกฝ่ายก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นจึง 'รู้สึก' มากเป็นพิเศษ

    "แต่ เอ้อ...เปิดไฟก่อนแล้วค่อยคุยกันดีไหม"

    "ถ้าไม่ได้กลัว ก็อย่าทรงกลัวเลยพระเจ้าค่ะ" วิษณุขยับใกล้มากขึ้น ขณะใช้มือโอบพระขนอง รั้งให้เจ้าหญิงโฉมงามทรงขยับเข้ามาชิดติดกับอกกว้างตึงแน่นที่มีเพียงเสื้อตัวบางกั้นอย่างนุ่มนวล สัมผัสอ่อนโยนทำให้เจ้าหญิงอรอุมาทรงคลายจากอาการเกร็ง และยอมยกพระเศียรขึ้นวางบนท่อนแขนของอีกฝ่าย ขยับแนบชิดแต่โดยดี

    "ทรงเสียพระทัยไหมที่เลือกกระหม่อม เสียพระทัยไหมที่มีวันนี้" ชายหนุ่มทูลถามด้วยเสียงราบเรียบ นุ่มนวล

    "ไม่เสียใจ ไม่เคยเสียใจ และจะไม่เสียใจด้วย แต่จะเสียใจมากถ้าวิษณุถามหญิงอย่างนี้อีก วันนี้เป็นวันที่หญิงรอคอย วิษณุ...ก็รอคอยเหมือนกันไม่ใช่หรือ"

    วิษณุยิ้มออกมาบางๆ เมื่อพอจะนึกออกว่าอีกฝ่ายกำลังทรงทำพระพักตร์แบบไหน มือใหญ่ปัดพระเกศานุ่มสลวยที่ประพระพักตร์ออกไปอย่างเบามือ ก่อนจะจรดจมูกลงบนเรือนพระเกศาหอมกรุ่น ทั้งที่ตลอดมามีแต่ต้องหักห้ามใจ ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ทำอย่างนี้

    "พระเจ้าค่ะ กระหม่อมรอคอย แต่จนถึงตอนนี้ กระหม่อมก็ยังไม่สามารถถวายพระเกียรติให้มากกว่านี้ได้ ไม่มีมงกุฎรานีถวาย"

    "หญิงไม่ต้องการของพวกนั้น"

    "อย่าเพิ่งกริ้ว กระหม่อมแค่จะกราบทูลว่า แม้ไม่มีของสูงค่าถวาย แต่ทั้งหมดที่กระหม่อมมี...จริงๆ ก็แค่ตัวกับหัวใจ ปัจจุบันแล้วก็อนาคต ฝากไว้ในอุ้งพระหัตถ์ของฝ่าบาทนะพระเจ้าค่ะ วันนี้กระหม่อมมีฝ่าบาท มีบ้าน...แต่มันยังไม่สมบูรณ์ ฝ่าบาทจะทรงสร้างให้มันสมบูรณ์ไปพร้อมกับกระหม่อมได้ไหม"

    พร้อมกับคำถาม วิษณุประคองให้พระขนองของเจ้าหญิงโฉมงามแนบชิดติดกับพระยี่ภู่ และพลิกตัวขึ้นมา มองสบสายพระเนตรในความมืดจากด้านบน แขนอีกข้างที่ไม่ได้อุทิศให้เป็นที่รองพระเศียรวางคร่อมไว้ด้านหนึ่ง เจ้าหญิงอรอุมารังษีจึงทรงตกอยู่ในอ้อมกอดกลายๆ แม้ชายหนุ่มไม่ได้ขยับกายแนบชิด แต่พระองค์ก็ทรงขยับไปไหนไม่ได้แล้ว

    "เอ้อ...หญิง" ปรารถนาจะทรงตอบรับอยู่หรอก แต่ถ้าตอบรับอย่างหนึ่ง ก็หมายถึงอนุญาตให้ทำอีกอย่างหนึ่งไปด้วย ไม่ทรงแน่พระทัยเลย ว่าทรงโชคดีหรือโชคร้าย ที่ทั้งห้องมืดสนิท วิษณุคงไม่เห็นว่าพระพักตร์ของพระองค์เป็นสีจัดเพียงใด ในทางตรงข้าม พระองค์ก็ทอดพระเนตรมองไม่เห็นเช่นกัน ว่าคนตรงหน้าที่อยู่ใกล้มากจนรู้สึกได้นี้ใช่วิษณุจริงหรือไม่ ไยจึงพูดจาอ่อนหวานจับพระทัยได้ขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเคยมีพระดำริว่า เมื่อวันนี้ เวลานี้มาถึง พระองค์อาจต้องทรงเป็นฝ่าย 'เริ่ม' ทรงนึกไม่ออกจริงๆ ว่าคนเฉยๆ ขรึมๆ อย่างวิษณุจะเริ่มต้นอย่างไร แต่ตอนนี้...

    "กระหม่อมไม่ใช่ผู้ชายที่ดีพร้อม ตรงกันข้าม กระหม่อมมีข้อเสียหลายอย่าง ไม่อ่อนหวาน ไม่อ่อนโยน ไม่ค่อยพูด ไม่ตามพระทัยฝ่าบาท ไม่มีอะไร บางที คงจะเป็นคนใจร้ายด้วย ทรงทราบใช่ไหมพระเจ้าค่ะ"

    "รู้สิ แต่หญิงไม่ต้องการคนที่ดีพร้อม ไม่ต้องการ ไม่ได้รักใครอื่น นอกจาก...นอกจากวิษณุ แล้วหญิงก็รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีพร้อมเหมือนกัน เอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ พูดมาก คิดเหมือนกันว่าคงทำให้วิษณุรำคาญอยู่บ่อยๆ แล้วก็อาจจะเป็นคนร้ายกาจด้วย บางที ต่อไปนิสัยหญิงอาจจะดีขึ้น ต่อไปหญิงอาจจะพยายามเปลี่ยน แต่ตอนนี้หญิงไม่คิดจะเปลี่ยนมันเลย วิษณุคงไม่ได้แต่งงานกับหญิง เพราะคิดว่าหญิงจะแก้ไขนิสัยแย่ๆ นี่ได้ใช่ไหม"

    สองคนมองตากันในความเงียบ ความมืดทำให้ประสาทสัมผัสทางตาใช้การไม่ได้ แต่อาจทำให้ประสาทสัมผัสทางกายรับรู้ได้มากกว่าเดิม ลมหายใจอุ่นๆ แผ่วเบาของวิษณุสัมผัสนวลปราง ไม่นาน แต่เนิ่นนานนักในความรู้สึกของคนที่กำลังรอคอย วิษณุโน้มใบหน้าลงไปกระซิบข้างพระกรรณ ด้วยประโยคที่เขาไม่เคยพูด ไม่คิดว่าจะพูดให้ใครฟังอีกเลยตลอดจนชั่วชีวิตนี้

    "กระหม่อมรักฝ่าบาท"

    พระทัยของคนที่อยู่เบื้องล่างสั่นสะท้าน ความรู้สึกบางอย่างหลั่งไหลมาจนท่วมท้น อิ่มเอิบ เต็มตื้นพระทัย

    "รักเพราะฝ่าบาทคือฝ่าบาท และมีอยู่เพียงคนเดียวในโลกนี้" น้ำเสียงของวิษณุราบเรียบ หากแต่มีกระแสแห่งความหนักแน่นและมั่นคงเป็นเอกลักษณ์ มือใหญ่สัมผัสนวลปราง และค้างอยู่อย่างนั้น เมื่อรู้สึกถึงความนุ่มเนียนที่ดูจะนุ่มยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่เคยฉวยโอกาสสัมผัสตอนอยู่ตามลำพังในกระท่อมริมทะเลสาบเสียอีก

    "มือของกระหม่อมหยาบกระด้างเกินไปรึเปล่าพระเจ้าค่ะ" ไม่เคยมีครั้งใดที่เขาจะรู้สึกว่ามือตัวเองหยาบกร้านถึงเพียงนี้

    เจ้าหญิงอรอุมารังษีทรงวางพระหัตถ์ของพระองค์ลงบนมือของวิษณุ หัตถ์นั้นค่อนข้างเย็นและสั่น ทว่า เรียวโอษฐ์ของพระองค์สั่นระริกยิ่งกว่า เมื่อทรงเอียงพระพักตร์ จรดริมโอษฐ์อิ่มลงบนฝ่ามือใหญ่และค่อนข้างกร้านหยาบ

    "ไม่หรอก ไม่หยาบเลยสักนิด" มือนี้เอง ที่เก็บอุษามณีถวายเมื่อแรกพบ จับจูงให้เดินข้ามธารน้ำตกไปด้วยกัน โอบกอดให้ความอบอุ่นในคืนพายุฝนกระหน่ำ สวม 'มงกุฎดอกรัก' ถวาย และจะปกป้องพระองค์ตลอดไป ตามที่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณไว้กับเจ้าหลวง

    ...กระหม่อมจะใช้สองมือนี้ปกป้อง ใช้หนึ่งชีวิตนี้ดูแล และใช้ทั้งหัวใจ ทำให้พระขนิษฐาทรงเป็นผู้หญิงที่มีความสุขไม่ด้อยไปกว่าใคร...

    วิษณุใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไล้นวลปรางอย่างเบามือ ราวกับกลัวว่าหากสัมผัสแรงไป ปรางนวลนั้นจะชอกช้ำ ชายหนุ่มสัมผัสแผ่ว พร้อมกันนั้นก็เช็ดน้ำพระเนตรที่หยาดรินลงมาถวายด้วย ก่อนจะก้มลงไปจูบซับให้อีกครั้ง สูดความหอมกรุ่นจากนวลปราง และเลื่อนขึ้นไปแตะริมฝีปากลงบนเปลือกเนตรทั้งซ้ายขวา

    "กระหม่อมไม่ถวายสัญญา ว่าต่อไปจะไม่ต้องทรงหลั่งน้ำพระเนตรเพราะกระหม่อมอีก แต่ถวายสัญญาว่าจะพยายาม"

    วิษณุประทับจูบหนักๆ ลงบนพระนลาฎนวลเกลี้ยง ก่อนจะจรดจมูกและปาก ไล่ระเรื่อยลงมาจนทั่งพระพักตร์รูปหัวใจ ฝังจูบลงตรงซอกพระศอ เลื่อนมือมาวางตรงพระอังสาบอบบาง และหยุดชะงักเมื่อรู้สึกว่าพระวรกายของเจ้าหญิงโฉมงามกำลังสั่นสะท้าน

    "ทรงกลัวกระหม่อมหรือพระเจ้าค่ะ"

    "ไม่...ไม่ใช่ จริงๆ นะ"

    "งั้นทรงไว้วางพระทัยกระหม่อมไหม"

    "ไว้ใจสิ" วาง...ให้ไปทั้งใจตั้งนานแล้ว "แต่หญิงใจเต้นแรงยังไงก็ไม่รู้"

    วิษณุยิ้มออกมาบางๆ อย่างปลอบประโลม ทั้งที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่สามารถทอดพระเนตรเห็น แต่เขาหวังว่าจะทรงรับรู้ได้ ชายหนุ่มจับพระหัตถ์เล็กบางที่เย็นเฉียบนั้นขึ้นมาวางแนบไว้ตรงตำแหน่งหัวใจของตัวเอง

    "วิษณุ...ใจเต้นแรงจัง" เจ้าหญิงอรอุมาทรงครางอย่างอึ้งๆ หัวใจของวิษณุกำลังเต้นแรง แม้อาจไม่แรงเท่าของพระองค์ แต่ก็แรงกว่าปกติ

    วิษณุยกฝ่าพระหัตถ์ขึ้นแตะกับริมฝีปากของตน

    "ไว้วางพระทัยกระหม่อมนะพระเจ้าค่ะ เราจะสร้างบ้านของเราขึ้นมาด้วยกัน และจะก้าวเดินไปพร้อมๆ กันนะ...อรอุมา" แม้ขณะเรียกขานพระนามเป็นครั้งแรก น้ำเสียงของวิษณุก็ยังไม่อ่อนหวาน แต่ราบเรียบ และหนักแน่น มั่นคงในขณะเดียวกัน เป็นน้ำเสียงที่ชวนให้เชื่อมั่นจนเจ้าหญิงอรอุมารังษีต้องทรงตอบรับ

    "อื้ม"

    แม้ทั้งพระวรกายและพระทัยจะยังสั่นอยู่ หากแต่ก็อบอุ่นขึ้นด้วยน้ำคำและไออุ่นจากกายของอีกฝ่าย สัมผัสจากริมฝีปากนา หยักสวยได้รูปนั้นช่างนุ่มนวล อ่อนหวาน และอบอุ่นเป็นนักหนา เจ้าหญิงโฉมงามทรงเผยอเรียวโอษฐ์รับอย่างเต็มพระทัย เหตุการณ์ต่อจากนี้ไป...ทรงปล่อยให้หัวใจนำทาง ไม่มีอะไรน่ากลัว ในเมื่อทุกสัมผัส ทุกการกระทำของวิษณุทั้งตอกย้ำ และชวนให้เชื่อมั่นว่า 'เรา' จะก้าวเดินไปพร้อมๆ กัน

                                                                    จบตอนพิเศษ



        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×