ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 : การขอความร่วมมือจากต่างเผ่าพันธุ์!?
. . .
“อึ่ก..อืมม..” เสียงงัวเงียตื่นจากเด็กหนุ่มผมยาวที่นอนสลบไสลอยู่บนพรมสีฟ้าดังแว่วมา เรย์ค่อยๆพยุงตัวขึ้นมานั่งก่อนจะปรับสายตาให้ชินกับแสงแดดที่ส่องเข้ามา เขามองไปบนชั้นวางหนังสือที่โต๊ะหนังสือข้างๆตัว.. เครื่องรางเทวีอีวาหายไปแล้ว? “ไม่ใช่ความฝัน..สินะ..” เด็กหนุ่มพึมพำกับจะเสยผมที่ร่วงลงมาบังหน้าช้าๆ
ตุบ..ตุบ..
‘ป่านนี้คงหายตัวไปไหนแล้วละมั้ง.. ยังไม่ได้ถามชื่อเลยนี่นา..’
แอ๊ด..ด...
  เรย์เปิดประตูออกไป เขาเดินไปที่ห้องนั่งเล่นก่อนจะต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นจานใส่ไข่ดาว แฮมและไส้กรอกชีสบนโต๊ะหน้าโทรทัศน์
“พี่วิเวียนมาเหรอ?” เขาถามตัวเองเบาๆก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวที่มีเสียงน้ำมันบนกระทะ ทว่า คนที่ยืนอยู่หน้าเตากลับไม่ใช่รุ่นพี่ที่เขาถือเป็นพี่สาว แต่เป็นเด็กสาวผมยาวสลวยสีแดงเพลิงที่เขานั่งคุยด้วยเมื่อคืนนี้!? “นี่เธอ..”
“งายจ๊ะ อรุณสวัสดิ์ (^^)v “ เธอหันมาชูสองนิ้วให้เขา
“ทำไมยังอยู่อีกล่ะเนี่ย?” เรย์ถามพร้อมกับเดินเข้าไปนั่งที่เคาน์เตอร์
“จะไล่เหรอ?”
“เปล่า เพียงแต่สงสัยว่าเมื่อวานเธอนอนไหน?”
“ก้อนอนบนเตียงนายไง นุ่มดีนะ” เด็กสาวยิ้มกวนๆ
“เหอะๆ..” เรย์ทำหน้าไม่ถูก ปล่อยเจ้าของห้องนอนสลบเหมือดที่พื้นทั้งคืนเลยนะ.. (= =\")
“ปะๆ ไปนั่งรอที่หน้าทีวีก่อนไป เดี๋ยวฉันทำข้าวเช้าให้นายทานเอง” เด็กสาวยิ้ม
“เอ้อ..” เรย์พูดไม่ออก ตามปกติเจ้าบ้านต้องทำให้แขกรับประทานนี่
“ปายเลยๆ เกะกะครัวๆ ชิ่วๆ” เด็กสาวเอ่ยพร้อมดันเรย์ออกไปนอกห้อง
“อ้าวเฮ้” เด็กหนุ่มร้อง
“มีปัญหารึไง?” เด็กสาวหันมาจ้องหน้าเขาเขม็ง
“ป่าวๆ” เรย์รีบส่ายหน้าก่อนจะนิ่งไปพักหนึ่ง “..เธอชื่ออะไรเหรอ?”
“เซเรส” เด็กสาวผมแดงตอบพร้อมกับหันมามองเขาด้วยดวงตาสีแสดสดใส “เพราะมั้ย?”
“..อื้ม เพราะมากเลย..” เรย์ยิ้ม
  อีกแล้ว.. ชื่อที่เขาคุ้นแต่นึกไม่ออกอีกแล้ว.. เอาเถอะ อย่างน้อยก็พอจะไขข้อสงสัยว่าทำไมตอนแรกเขาถึงตงิดใจเมื่อเห็นเธอ ถ้ารวมเรื่องที่เธอมีเชื้อสายเอลฟ์อยู่ด้วยมากก็ตรงกับที่เธอดูสว่างกว่าคนอื่นๆได้พอดี แต่ทำไมเขาถึงยังรู้สึกเหมือนมีอะไรมากกว่านั้นนะ..
  แล้วทำไมเธอถึงไม่มีทีท่าว่าจะรู้จักกับเขามาก่อนนะ.. ยิ่งตอนเธอถามชื่อเขา เรย์ยิ่งงงมากขึ้นอีกว่า ตกลงเธอกับเขารู้จักกันมาก่อนจริงๆรึเปล่าเนี่ย? เรย์ขมวดคิ้ว
‘คิดไปก้อปวดหัวเปล่าๆ..’
“แล้วนายล่ะ?”
“หืม?” เรย์เลิกคิ้ว
“ก้อชื่อไง”
“เรย์มอนด์ เรียกเรย์ก้อได้” เขายิ้ม
“จ้ะ เรย์” เซเรสยิ้มตอบพร้อมไล่เขาไปนั่งรออาหารเช้า ซึ่งขาเขาก็พาเขาไปเองทั้งๆที่เจ้าตัวยังคงงงอยู่เหมือนเดิมว่า ‘ตกลงใครเป็นแขกใครเป็นเจ้าบ้านเนี่ย!?’
. . . . .
. . .
“แล้ว เธอพักอยู่ที่ไหนน่ะเซเรส?” เรย์ถามขณะล้างจาน
“ที่แอสซิสเทมจ้ะ” เซเรสตอบพร้อมกับวางแก้วน้ำลงบนอ่างล้างจาน
“อืมม.. นี่ไม่ได้ไล่นะ แต่ว่าเธอจะกลับเลยรึเปล่า?”
“ก้อ ไม่รู้สิ” เด็กสาวยักไหล่
“ไม่รู้เหรอ!?” เรย์เลิกคิ้ว
“น่าๆ ยังไงซะฉันก้อพักอยู่คนเดียวอยู่แล้วนี่นา” เซเรสยิ้ม
“คนเดียวเหรอ..” เรย์ถามด้วยน้ำเสียงเห็นใจนิดๆ
“จ้ะ คุณแม่ฉันเสียแล้วล่ะ..” เซเรสยิ้มเศร้าๆ
“..ขอโทษนะ ไม่น่าถามอะไรโง่ๆไปเลย” เรย์ลูบท้ายทอย
“ช่างเถอะๆ” เซเรสส่ายหน้า
ปิ๊งป่องง..ง..
“อ๊ะ” เรย์เงยหน้าขึ้นพร้อมกับเดินไปเปิดประตู ซึ่งคนที่มาก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้
“โอ๊เล่~” วิเวียนยิ้มแป้น
“พี่วิเวียน” เรย์ยิ้มตอบพร้อมเชิญเด็กสาวเข้าไปนั่งข้างใน
“ใครมาเหรอจ๊ะ?” เซเรสที่เดินออกมาจากครัวพอดีก็ให้บังเอิญมาจ๊ะเอ๋กับวิเวียนพอดีเป๊ะ
“เธอคือ?..” วิเวียนมองเด็กสาวผมยาวสีแดงเพลิงที่มีผิวสีขาวเหมือนส่องแสงได้ตรงหน้าอย่างประหลาดใจ เพราะถ้าจำไม่ผิด เธอคือคนที่เรย์มองตามไปเมื่อตอนที่แวะไปเยี่ยมปู่อีวานนี่นา..
“เซเรสค่ะ” เด็กสาวยิ้มพร้อมกับส่งมือให้
“วิเวียนจ้ะ” วิเวียนจับมือกับเซเรสโดยดีก่อนจะหันกลับไปหาเรย์ “เพื่อนเรย์เหรอจ๊ะ?”
“เอ้อ..” เรย์กำลังจะพูดตอบแต่เซเรสก็ชิงขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ใช่ค่ะ” เด็กสาวตอบแทนพร้อมกับแอบสังเกตสีหน้าของวิเวียน
“เหรอจ๊ะ” วิเวียนยิ้ม
“แล้ว พี่วิเวียนมานี่มีธุระอาหยังอ่ะครับ?” เรย์ถาม
“เปล่านี่ แค่คิดถึงน้องสุดที่รักเลยมาหา ผิดเหรอ?” เธอตอบยิ้มๆ
“ไม่ผิดคร้าบ~” เรย์ยิ้มยิงฟัน
“เรย์จ๊ะ เดี๋ยวมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย คุยกันเสร็จเมื่อไหร่มาหานะ” เซเรสเอ่ยก่อนจะเดินกลับไปในห้องครัว “ขอตัวกลับไปล้างจานต่อนะ”
“อื้อ” เรย์พยักหน้า
“ไปเถอะๆ พี่ก้อไม่ได้มีธุระอะไรมากมายนี่” วิเวียนโบกไม้โบกมือ
“อ่า ครับ”
“เอ่อ ว่าแต่เรย์ ไมเพื่อนเรย์มานี่แต่เช้าเลยล่ะ?” วิเวียนถาม “เจอกันตอนไหนเหรอ?”
“เอ้อ เรื่องนั้น..” เรย์เกาแก้ม ‘ซวยล่ะสิ จะตอบไงดี เล่าว่าเซเรสมาขโมยของก้อคงไม่ได้ด้วย’
“ว่าไงจ๊ะ?” วิเวียนจ้องตาเรย์เขม็ง
“เอ่อ เมื่อวานหลังจากพี่วิเวียนกลับไปผมก้อกำลังจะนอน พอดีเซเรสเค้ามาน่ะครับ”
“แล้วไมมาอีกครั้งแต่เช้าเลยล่ะ?”
“ก้ออ..อ..” สมองเรย์คิดเรื่องขึ้นมาอย่างฉับไว “บ้านเซเรสอยู่ที่แอสซิสเทมน่ะครับ จะกลับเลยก้อใช่ที่ ผมเลยเสนอให้เค้าค้างที่นี่ก่อนน่ะครับ”
“เหรอ~ (- -) “
“เอ้อ ผมนอนโซฟานะครับ” เรย์รีบบอก
“ก้อไม่ได้ติดใจอะไรตรงนั้นนี่ (- -) “
“ง่า. . .”
“เถอะ พี่กลับเลยละกัน ปะๆ เรย์ไปคุยกับเซเรสเถอะ” วิเวียนว่าก่อนจะทำท่าเดินออกไป
“ครับ ไปนะครับ” เรย์รีบเดินกลับไปในครัว โดยไม่ทันเห็นว่าวิเวียนแอบเปิดประตูแล้วเดินกลับเข้ามาอีกครั้งอย่างเงียบเชียบพร้อมกับแนบหูที่กำแพงห้องฟังทั้งสองคุยกัน
. . .
“มาแล้วๆ มีไรเหรอ?” เรย์ถามเด็กสาวที่กำลังเก็บจานใส่ตู้
“ก้อ” เซเรสหันกลับมา “จำเรื่องระหว่างเผ่าเอลฟ์กับดาร์คเอลฟ์ได้ใช่มั้ยล่ะ?”
“อื้ม” เด็กหนุ่มพยักหน้า
“อยากรบกวนเธออย่างนึง”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“เอียงหูมา” เซเรสลดเสียงลงก่อนจะพูดกระซิบราวกับกลัวใครจะได้ยิน “..ตอนนี้ทุกคนกำลังสงสัยพฤติกรรมของท่านเซอร์ลูซเฟลอยู่ รวมทั้งฉันด้วย”
“!?” เรย์ดูประหลาดใจ เขาอดคิดไม่ได้ว่าคนที่ชื่อลูซเฟลดูเป็นคนที่ลึกลับและมีอำนาจมากน่าดู ถึงขนาดต้องเรียกนำหน้าว่า ‘ท่าน’ และยังไม่สามารถจะพูดถึงในทางที่ไม่ดีได้อย่างสะดวกแม้ว่าจะอยู่ไกลจากหมู่บ้านเอลฟ์นับพันกิโลเมตร!
“ตอนนี้ทุกคนต้องการหาหลักฐานบางอย่าง” เธอเล่า “เพื่อพิสูจน์ว่าท่านมีเจตนาที่จะชักใยการทำสงครามระหว่างเอลฟ์กับดาร์คเอลฟ์เพื่อจุดประสงค์อะไรในด้านลบหรือเปล่า”
“แล้ว..?” เรย์ขมวดคิ้ว เซเรสค่อยๆเปลี่ยนกลับมาพูดตามระดับเสียงปกติ
“..ฉันอยากให้เธอช่วย”
“หา!?” เรย์ร้องเสียงหลง
“ไม่ได้ล้อเล่นนะ ตอนนี้ต้องสืบเจตนาที่แท้จริงของท่านลูซเฟลให้ทันก่อน ‘สงครามครั้งสุดท้าย’ จะอุบัติขึ้น ไม่ยังงั้นอาจจะมีการฆ่าฟันกันอย่างไร้เหตุผล..” เซเรสค่อยๆลดเสียงลง
“แต่ว่า เผ่าดาร์คเอลฟ์เรียนรู้มนต์มารต้องห้ามนี่ การกำจัดก็เป็นเรื่องที่ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ?” เรย์ถาม
“. . .” เซเรสยืนก้มหน้านิ่งอยู่พักหนึ่ง “ฉัน เคย รู้จักกับดาร์คเอลฟ์คนนึง”
“??? เคย เหรอ?” เรย์เลิกคิ้ว
“อืม..” เด็กสาวพยักหน้าเงียบๆ “เค้าเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาดาร์คเอลฟ์ที่อยู่บน ‘โลกภายนอก’ โดยที่คุณพ่อของเขาใช้มนต์มารเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้เหมือนเผ่ามนุษย์”
“เป็นยังไงเหรอ?”
“ก้อ สีผิวกลับเป็นสีเนื้อ หูก็ลดขนาด ทำนองเนี้ย” เซเรสยักไหล่ “เราเจอกันเมื่อนานมาแล้ว หลายปีแล้วล่ะ ตอนนั้นเราเจอกันที่โรงเรียนของเผ่ามนุษย์ เค้าเป็นคนที่มีปัญหาในการหาเพื่อนมากๆเลย แต่คงเป็นเพราะเขาแค่ขาดความมั่นใจในตัวเองเลยทำอะไรเปิ่นๆบ่อย แต่เมื่อตอนที่ฉันชวนเขาร่วมกลุ่มด้วยก็เห็นถึงความเก่งที่แฝงอยู่ของเขานะ..” ดวงตาสีแสดดูเหม่อลอย
“เซเรส..” เรย์พึมพำ รู้สึกสนใจเรื่องที่เด็กสาวเล่าอย่างประหลาด “แล้วตอนนี้เค้าเป็นไงมั่ง?”
“จะว่าไม่รู้ก้อคงได้หรอก” เด็กสาวตอบพร้อมกับถีบตัวขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์ของห้องครัว “ทะเลาะกันในกลุ่มน่ะ แล้วกลุ่มก็แตก ชั้นไม่เคยพูดกับเขาอีกเลยจนตอนนี้ออกจากโรงเรียนนั้นมาแล้ว ไม่เจอกันอีกเลยนะ..แต่..” เซเรสหยุดพูดเพียงแค่นั้นพลางส่ายหน้าไปมา
“แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นดาร์คเอลฟ์?”
“ลางสังหรณ์จ้ะ” เซเรสยิ้ม “เขาชอบอ่านหนังสือเกี่ยวดาร์คเอลฟ์มาก เวลาเรียนประวัติศาสตร์ใครพูดถึงดาร์คเอลฟ์ในทางที่ไม่ดี จากท่าทางเงียบๆของเขาก้อจะกลายเป็นเสือดีๆนี่เอง”
“หืม~” เรย์เลิกคิ้ว “แค่นั้นเองเหรอ?”
“เปล่าหรอกๆ” เด็กสาวสั่นศีรษะ “ทุกคืนที่จันทร์เต็มดวงพลังอำนาจของมนต์มารจะเสื่อม และตอนนั้นฉันบังเอิญไปหาเขาที่ห้องเพื่อจะคุยเรื่องงานพอดี เลยได้เห็นตอนที่เขากลับร่างเป็นดาร์คเอลฟ์เหมือนเดิม” เธอยิ้มน้อยๆ “ตานั่นตกใจมากเลยล่ะ.. แต่ฉันก็ไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปประกาศหรอกนะ แถมยังเล่าเรื่องที่ฉันมีเชื้อสายเอลฟ์ให้เขาฟังได้อย่างสบายใจด้วยซ้ำ เขาก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไรด้วย ทั้งๆที่เป็นศัตรูกันแท้ๆ.. บ้าดีเนอะ..”
“. . .” เรย์ยืนพิงผนังห้องฟังเด็กสาวเล่าอย่างเงียบๆ
“ฉันก็เลย.. ไม่อยากให้ต้องฆ่าแกงกันเองเพราะยังไงก็เกิดของต้นไม้มารดาเหมือนกัน..” เซเรสเม้มริมฝีปากแน่น “แต่อยากจะหาหลักฐานมามัดกุมตัวท่านลูซเฟลมากกว่า เพื่อล้างแค้นให้หมอนั่น..”
“!?” เรย์ประหลาดใจ “เดี๋ยว มันเกิดอะไรขึ้นกับดาร์คเอลฟ์คนนั้นเหรอเซเรส?”
. . .
“..ตายแล้ว..”
. . .
  คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเด็กสาวทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ เรย์ รวมทั้งวิเวียนที่ยืนฟังอยู่อีกฟากของกำแพงยืนนิ่ง พูดอะไรไม่ออก
“เขาเองก็เป็นคนของตระกูลใหญ่ของดาร์คเอลฟ์ที่ถูกท่านลูซเฟลฆ่าล้างตระกูล.. หลังจากที่คุณปู่ของเขาถูกท่านลูซเฟลสังหารเป็นคนแรกเมื่อหลายสิบปีก่อน คุณพ่อของเขาก็ใช้มนต์มารเปลี่ยนเขาให้ดูเหมือนเผ่ามนุษย์และส่งตัวเขาออกไปนอกหมู่บ้านดาร์คเอลฟ์ เพื่อปกป้องสายเลือดของตระกูลไว้” เซเรสเล่าช้าๆ แววตาดูเศร้าสร้อย “แต่หลังจากท่านลูซเฟลสังหารคนทั้งตระกูลจนเหลือเพียงเขาคนเดียว เขาก็ถูกท่านลูซเฟลที่ออกตามล่าอีกครั้งสังหาร..” เสียงของเด็กสาวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาเริ่มมีน้ำใสๆคลอ
“ทำไมกัน..” เรย์กัดฟันแน่น “ทำไมเจ้าคนที่ชื่อลูซเฟลนั่นต้องทำอย่างโหดเหี้ยมขนาดนั้นด้วย!!?”
“เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู..” เด็กสาวปาดน้ำตาออก “เขายื่นข้อเสนอให้ดาร์คเอลฟ์หันกลับมาภักดีต่อเทวีอีวา ไม่ใช่เทวีชิลเลน แต่ดาร์คเอลฟ์ที่ความโกรธแค้นถึงขีดสุดไม่ฟังอะไรทั้งนั้นพร้อมประกาศจะรบกับเอลฟ์ให้สูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปข้าง..”
“ชั่วร้ายที่สุด!” เรย์คำรามพร้อมกับทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ “หมอนั่นไม่คิดจะให้ดาร์คเอลฟ์ร่วมมืออยู่แล้วล่ะ!! ทั้งหมดเป็นการวางแผนให้ดาร์คเอลฟ์โกรธ และใช้โอกาสนั้นบุกโจมตี!”
“พวกเราหลายๆคนก็คิดเช่นนั้น” เซเรสพยักหน้าช้าๆพร้อมกับลดเสียงลงอีกครั้ง “ท่านไบรอัน หัวหน้าของเหล่า ‘ผู้ดูแลอาณาเขต’ จึงได้แอบส่งสารมาให้ฉันและกลุ่มลูกครึ่งมนุษย์และเอลฟ์อีกหลายคนหาหลักฐานในการเปิดโปงท่านลูซเฟล”
“แล้ว ทำไมต้องเป็นเรา?” เรย์ถามพลางขมวดคิ้ว เซเรสสบตาเขาดวงท่าทีเคร่งเครียด
“เพราะว่าเธอ.. อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้น่ะสิ..”
“เกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้.. เราน่ะเหรอ?” เรย์ทวนด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“ฉันก็ยังไม่แน่ใจ” เซเรสพยักหน้านิดๆ “แต่มีบางอย่างทำให้ฉันคิดว่า นายเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้เหมือนกัน”
“มันคืออะไรเหรอ?”
“นายจำเรื่องช่วงที่นายลงไปเต้นเบรกแดนซ์บนพื้นได้มะ?”
“ได้เฉพาะช่วงแรกๆ” เรย์ไม่หน้าเหมือนไม่พอใจ แน่ล่ะ คนเค้าออกจะทรมาณหน้าผากจะระเบิด ไหงคุณเธอมาหาว่าลงไปเต้นเบรกแดนซ์ได้ล่ะเนี่ย
“งั้นนายคงไม่รู้ว่าที่หน้าผากนายมีอะไรเกิดขึ้นเวลานายสลบไปแล้วน่ะ”
“แล้วมันอะไรล่ะ” เรย์ขมวดคิ้ว
“รอยสัญลักษณ์รูปปีกเทพลูซิเฟอร์..”
  เรย์และวิเวียนแทบจะไม่หายใจ โดยเฉพาะเรย์ ที่หัวเขามีรอยแปลกๆโดยที่ตัวเขาเองไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยเหรอเนี่ย!? แล้วมันคืออะไร? ทำไมถึงปรากฏขึ้นมาเฉพาะเวลาเขาเห็นภาพความทรงจำล่ะ? แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับสงครามของเอลฟ์? ตอนนี้เรย์คิดว่ารอยสัญลักษณ์นั้นคงจะปรากฎขึ้นมาอีกได้เร็วๆนี้แหละ เพราะเขาคิดจนปวดหัวมากๆแล้วในตอนนี้
“เป็นสัญลักษณ์ของคำสาปที่จะทำให้โชคร้าย และ..” เซเรสเม้มปากเหมือนไม่อยากพูดต่อ
“และ?”
“. . .”
“และอะไรเหรอ เซเรส!?” เรย์เดินเข้าไปถามอย่างร้อนรน จนในที่สุดเด็กสาวก็ยอมเปิดปากตอบเขา และคำตอบนั้น ทำให้เขาแทบจะลืมหายใจ
“..และจะตาย..ภายในปีเดียว..”
“ว่าไงนะ!!?” วิเวียนร้องขึ้นพร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาในห้อง แต่เซเรสและเรย์ที่ตอนนี้กำลังช็อกดูจะไม่แปลกใจเท่าไรนัก
“..ภายใน..หนึ่งปี..อย่างนั้นเหรอ” เรย์ค่อยๆพูดอย่างยากลำบาก ดวงตาสีครามจับจ้องอยู่ที่พื้น
  เซเรสพยักหน้าช้าๆ ส่วนวิเวียนก็เหมือนจะอึ้งไปเลย เธอเดินไปหาเรย์ช้าๆพร้อมกับกุมมือเด็กหนุ่มไว้เหมือนจะปลอบใจทั้งเขาและตัวเธอเอง
“นี่ไม่ใช่การบังคับ แต่ฉันอยากจะแนะนำให้เธอเดินทางไปกับฉันด้วย” เซเรสเอ่ยขึ้น “นอกจากเพื่อหาหลักฐานมัดกุมตัวท่านลูซเฟลแล้วยังจะสามารถหาวิธีคลายคำสาปด้วย คนสาปเท่านั้นที่จะแก้ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครและสาปเธอเพราะอะไรก็ตามแต่”
“. . .” เรย์ยังคงยืนนิ่ง
“เรย์..” วิเวียนเรียกชื่อเขาเบาๆ เรย์หันไปยิ้มน้อยๆให้รุ่นพี่
“ตกลง เราจะไปด้วย” เด็กหนุ่มพยักหน้าให้เซเรสที่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ นอกจากจะลบล้างคำสาปแล้ว เขาก็ต้องการจะตามหาความทรงจำของเขาด้วย!
“. . .” เด็กสาวนิ่งไปก่อนจะยิ้มอย่างอบอุ่น ‘เข้มแข็งกว่าที่คิดไว้นะ.. เหมือนกับตานั่นเลย..’ เธอคิด ก่อนจะส่ายศีรษะนิดๆเพื่อไล่ความคิดนั้นออกจากหัว
“เรย์ ถ้างั้นพี่จะไปด้วย” วิเวียนเอ่ยขึ้น เรย์ยิ้ม ส่วนเซเรสมองเธออย่างประหลาดใจระคนลำบากใจ
“ยังไงซะพี่ก็ได้ยินที่เธอเล่าแล้วล่ะ ไม่เอาไปบอกใครหรอก และยังไงก็จะตามไปด้วย” วิเวียนยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีลำบากใจของเซเรส
“พี่วิเวียน..” เรย์ก็ยิ้ม ถ้าเป็นไปได้เขาเองก็อยากจะเดินทางไปกับเพื่อนสนิทเหมือนกัน
“..ได้ค่ะ” เซเรสยิ้มออกในที่สุด “ถึงยังไงฉันก็อยากได้คนมาร่วมขบวนเดินทางไปด้วยซักห้าหกคน เพราะว่าระยะทางระหว่างที่นี่กับหมู่บ้านเอลฟ์นั้นนอกจากจะไกลแล้วยังอันตรายใช่ย่อย” เด็กสาวเล่าก่อนจะสังเกตว่าเรย์มองเธอแบบงงๆ เธอเลิกคิ้ว “..มีอะไรเหรอ?”
“คือ.. ถ้ายังงั้นเธอมาคนเดียวได้ยังไงอ่ะ?”
“อ๋อ” เซเรสหัวเราะคิก “คาถาเคลื่อนย้ายที่ไปยัง ‘ต้นไม้มารดา’ น่ะ แต่เวทนี่จะใช้ได้เฉพาะเอลฟ์เท่านั้น ฉันมีเชื้อสายเลยยังพอใช้ได้ แต่กรณีของ ‘พวกเราทั้งหมด’ คงไม่ได้”
“แล้วมันอันตรายยังไงมั่งเหรอ?” วิเวียนถาม
“ก้อ~ มีพวกคนที่ไม่เป็นมิตร เส้นทางอันตราย ลุยป่าปีนเขาดำน้ำ สัตว์ประหลาด อากาศที่แปรปรวน เยอะแยะ คาดเดาอะไรมากไม่ได้หรอกค่ะ” เซเรสยักไหล่
“เหอะๆ” เรย์หัวเราะแห้งๆ ขนาดยังไม่หมดนะเนี่ย งานนี้ไม่ใช่หมูๆซะแล้ว
“เป็นไปได้อยากให้มีคนที่มีฝีมือหน่อย เผื่อสถานการณ์อันตรายที่ไม่คาดคิดไว้ด้วย” เซเรสเอ่ยเสริม
“เข้าใจล่ะ ยังไงก้อพอจะรู้จักคนที่ไว้ใจได้เหมือนกัน” วิเวียนกล่าว
“ถ้ายังงั้น ขอให้แจ้งทุกคนที่สามารถเดินทางไปด้วยได้แล้วนัดมารวมตัวกันที่นี่เย็นวันนี้ก่อนนะคะ แล้วค่อยวางแผนการเดินทางด้วย” เซเรสเสนอพร้อมกับโดดลงจากเคาน์เตอร์ “เพราะยังไงเราก็ไม่สามารถไว้วางใจได้ว่าจุดประสงค์ต่อไปของท่านลูซเฟลหลังจากการรบกับดาร์คเอลฟ์จะเป็นการทำสงครามกับเผ่ามนุษย์หรือไม่\"
“เข้าใจล่ะ” เรย์และวิเวียนพยักหน้าก่อนจะแยกย้ายกันไป..
. . . . .
. . .
“โฮ่ เนี่ยน่ะเหรอ คุณหนูเอลฟ์ผู้สูงศักดิ์” เด็กหนุ่มผมระต้นคอสีน้ำเงินเข้มที่เดินตามเรย์เข้ามาในห้องเอ่ยทัก ดวงตาสีฟ้ามองไปยังเด็กสาวผมยาวสลวยสีแดงเพลิงที่นั่งรออยู่
“เหล่านี้คือคนที่จะไปด้วยเหรอจ๊ะ?” เซเรสหันไปถามเรย์
“อื้อ” เด็กหนุ่มผมยาวพยักหน้า
  เด็กหนุ่มผมสีเงินเดินตามเข้ามาอีกคน จะต่างจากปกติตรงที่คู่แฝดของเขาไม่มาด้วย ต่างหูนิลที่ติดอยู่ตรงหูข้างขวาสะท้อนแสงจากแสงไฟในห้อง ตาสีฟ้าอ่อนมองไปรอบๆห้องและไปสะดุดตรงที่เด็กสาวตรงหน้านั่งอยู่
“เธอ..เป็นเอลฟ์จริงๆสินะ” แรนดอลฟ์เอ่ย เซเรสพยักหน้า “กลิ่นต่างจากมนุษย์ธรรมดาน่ะ” เขาเอ่ยก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟา
“ครบห้าคนแล้วละนะ” วิเวียนที่เดินรั้งท้ายปิดประตูห้องก่อนจะตามมานั่งที่โซฟาด้วย
“ความจริงก้ออยากให้รูดี้ไปด้วยนะ ไม่ได้เหรอไง?” อาโนลด์ถาม แรนดอลฟ์พยักหน้าสนับสนุน เพราะจากประสบการณ์ที่เคยเจอมา ถ้าสองแฝดคู่นี้รวมพลังกันละก็ คู่ต่อสู้เป็นต้องเรียกพวกเขาว่า ‘แฝดนรก’ ด้วยซ้ำไป
“แล้วแต่ค่ะ”
  และคำตอบจากเซเรสนั่นแหละ ทำให้รูดอลฟ์ถูกอาโนลด์และแรนดอลฟ์พี่ชายฝาแฝดลากเข้ามาร่วมวงนั่งประชุมด้วย
“อย่างที่เรย์และพี่วิเวียนน่าจะอธิบายไปแล้วนะคะ” เซเรสเอ่ย “ตอนนี้สถานการณ์ที่หมู่บ้านเอลฟ์กำลังไม่น่าไว้วางใจ และเรย์เองก็ต้องแก้ปัญหาของตัวเขาเองภายในเวลาจำกัดด้วย จึงต้องขอแรงให้ทุกคนร่วมเดินทางไปกับฉันด้วยนะคะ”
“. . .” แรนดอลฟ์และรูดอลฟ์นั่งนิ่งพร้อมกับคิดใจในว่าเรย์ช่างมีกำลังใจดีเหลือเกินที่ไม่นั่งซึมไปเสียก่อน ในเมื่อชีวิตถูกกำหนดให้เหลือเพียงไม่ถึงปีแล้ว!!
ปึ้ง!..
  เสียงฝ่ามือกระแทกกับโต๊ะดังขึ้น ทุกคนหันไปมองอาโนลด์ที่ใช้มือยันตัวขึ้นยืน เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มมองทุกคนด้วยท่าทางเหมือนจะประหลาดใจ
“แล้วเราจะมัวรออะไรกันล่ะ? ออกเดินทางมันพรุ่งนี้เลยสิ” เขาว่าก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง “ชั้นขอตัวไปเตรียมของก่อนละกันนะ ไม่อยากเสียเวลา”
“รุ่นพี่..” เรย์มองอาโนลด์แบบทึ่งๆ
“ตาบ้า เก๊กอยู่ได้ ต้องเตรียมอะไรไปมั่งยังไม่รู้เลยนะ” วิเวียนว่า
“เออแฮะ..” เด็กหนุ่มพึมพำพร้อมกับหันไปมองเซเรสเป็นเชิงถาม
“เตรียมพวกยา เสื้อผ้าสำหรับเวลาอากาศหนาวแล้วก็อาวุธไปด้วยก็พอแล้วค่ะ” เด็กสาวยิ้ม
“เฮะๆ มีบู๊ด้วย ยั่งงี้สิมันส์กว่านั่งเซ็งอยู่ในสถาบันมนต์ขาวนี่อีกนะ” อาโนลด์ยิ้มแยกเขี้ยว
“อ๊ะ แล้วเราต้องแจ้งอาจารย์ด้วยสิเพราะจะหายตัวไปนานเลยนะ” วิเวียนเตือน
“แจ้งไปก้อเท่านั้นแหละครับพี่วิเวียน” รูดอลฟ์เอ่ย แรนดอลฟ์พยักหน้า
“ใช่ คิดเหรอว่าอาจารย์จะเชื่อ” อาโนลด์ยักไหล่
“. . .” ทั้งห้องเงียบไปพักหนึ่ง
‘แล้วทำไมพวกเราถึงเชื่อล่ะ.. (= =\") ‘ ทุกคนคิดในใจ
“เถอะ ยังไงซะก้อจะได้โดดเรียน ชั้นไปเตรียมของล่ะ” อาโนลด์เอ่ยก่อนจะโบกมือลาและเดินกลับห้องไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนยิ้ม
“ตาบ้า เอาแต่คิดแบบนี้น่ะสิถึงได้หวิดตกทุกวิชามันทุกปี ปีนี้แหละร่วงแน่คอยดูสิ” วิเวียนบ่นแต่ก็แอบอมยิ้ม ก่อนจะขอตัวกลับไปที่ห้องบ้าง
“งั้นพวกผมไปบ้างนะครับ” รูดอลฟ์ยิ้ม
“อื้ม” เรย์พยักหน้าพร้อมกับยิ้มยิงฟัน
“เจอกันพรุ่งนี้เช้านะพวก” แรนดอลฟ์ยิ้มยิงฟันบ้างก่อนจะเดินกอดคอกับน้องชายฝาแฝดออกไป
ปึ้ง..
“. . .” เรย์และเซเรสนิ่งเงียบ พร้อมกับคิดว่าโชคดีมากที่พวกอาโนลด์ไม่รู้ว่าเซเรสพักที่นี่ ไม่งั้นโดนเข้าใจผิดแน่ๆ.. (= =”)
. . . . .
. . .
ซ่า..ซ่า....
แอ๊ดด..ด...
  ประตูห้องอาบน้ำถูกเปิดออก ไอน้ำจากข้างในลอยออกมาบ้างเล็กน้อย เด็กหนุ่มผมยาวสีน้ำตาลทองในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนก้าวเท้าออกมา มือถือผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกชุ่ม
“ข้าวเย็นเสร็จแล้วนะเรย์” เซเรสที่อยู่ในครัวร้องบอกเรย์ที่เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ
“แหะๆ เกรงใจจัง ต้องให้แขกทำกับข้าวให้กินเนี่ย” เรย์ยิ้มแหยๆพร้อมกับเกาแก้ม
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ เป็นผู้อาศัยก้อต้องช่วยเหลือเจ้าบ้านหน่อย” เซเรสยิ้ม
“ก้อจริงนะ เซเรสทำกับข้าวอร่อยกว่าเราสิบเท่าเลยนี่” เด็กหนุ่มยิ้มยิงฟัน
“จ้าๆ” เซเรสยิ้มอย่างภูมิใจก่อนจะยกจานใส่สปาเก็ตตี้เดินสวนกับเรย์ที่เดินออกมาในสภาพที่ผมเปียกลู่แนบไปกับต้นคอและแผ่นหลัง เด็กหนุ่มพาดผ้าขนหนูกับไหล่
“เออใช่ เซเรส ระวังสะดุดสายไฟตรงนั้นด้วยนะ” เรย์ร้องเตือน
“ไหนเหรอ?” เซเรสรีบมองหาสายไฟ
“นั่นไง แถวเท้าเธอน่ะ” เรย์ชี้ไปที้สายไฟที่ถูกพรมสีแดงเลือดหมูทับไว้
“ไม่เห็นเลยนะ..” เซเรสขมวดคิ้ว จานใส่สปาเก็ตตี้บังเอิญไปบังไว้พอดีทำให้เธอไม่เห็น และแล้วเธอก็ตัดสินใจเดินต่อโดยคิดว่าจะไม่เป็นอะไร แต่.. “อ๊ะ! ว้าย!!”
ตุ้บ!!
เคร้ง!!!
“เซเรส!?” เรย์หันกลับไปทันดูช็อตที่เด็กสาวผมแดงสะดุดสายไฟล้มลงไปนอนกองกับพื้นพอดี! จานที่เธอ(เคย)ถือตกลงบนพื้นเสียงดัง สปาเก็ตตี้หกเต็มพื้นไปหมด
“ตายแล้ว ขอโทษนะเรย์ พื้นมัน..”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะน่า เธอล่ะอาการเป็นไงมั่ง!?” เรย์รีบปราดเข้าไปคุกเข่าข้างๆเธอ
“ก้อนิดหน่อยนะไม่เป็นไรมากหรอก” เซเรสยิ้มพร้อมกับพยายามลุก ทว่า “อู๊ย..! เจ็บ” เด็กสาวร้องพร้อมกับลูบข้อเท้าที่เริ่มบวมนิดๆ
“นั่นไง เนี่ยนะไม่เป็นไร บวมแล้วนะน่ะ” เรย์ขมวดคิ้ว “ลุกไหวมั้ย?”
“อืมจ้ะ” เซเรสพยักหน้าน้อยๆพร้อมกับเกาะแขนเรย์ที่ยื่นมือช่วย เธอพยายามจะลุกเองแต่ข้อเท้าเจ้ากรรมก้อทำเอาเธอต้องร้องโอ๊ยอีกรอบ “โอ๊ยย!..”
“ไปนอนพักในห้องก่อนแล้วกัน เด๋วเราเอาน้ำแข็งมาประคบ” เรย์เอ่ย
“แต่ว่าจะลุก.. ว้าย!?” เซเรสขมวดคิ้ว กำลังสงสัยว่าเธอจะลุกไปนอนพักได้ยังไงไหว พอดีกับตอนที่เธอรู้สึกว่าตัวเธอลอยขึ้นมา!
“โทษทีนะ” เรย์เอ่ยอย่างรวดเร็ว
  เด็กหนุ่มช้อนตัวเธอขึ้นมาพร้อมกับอุ้มไปนอนพักบนเตียงในห้องนอนเขา เซเรสหน้าแดงระเรื่อ เรย์เองก็เกาแก้มแก้เขินไม่เลิก ไม่รู้ทำไมดูไปดูมามันเหมือนเวลาอุ้มเจ้าสาวเข้าหอชอบกล (= =\")
“เอ้อ.. งั้น..เราไปเอาถุงใส่น้ำแข็งมาให้ละกัน รอแปบนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างรวดเร็วพร้อมกับพุ่งตัวออกไปหาถุงน้ำแข็งที่ตู้เย็นในห้องครัว
  เพียงไม่ถึงนาทีเรย์ก็กลับมาพร้อมกับถุงน้ำแข็งในมือ ตอนแรกเรย์จะเอาไปประคบให้เองแต่ต่อมา เขาก็เปลี่ยนใจและยื่นถุงน้ำแข็งให้เด็กสาวผมแดงเพลิงที่นั่งอยู่บนเตียง
“เอ้า ลองใช้ดูนะ” เรย์เอ่ยอย่างเป็นกังวล สายตาดูเป็นห่วงเพื่อนใหม่เต็มที่
“ขอบใจจ้ะ” เซเรสยิ้มพร้อมกับรับถุงในน้ำแข็งประคบที่ข้อเท้าขวาแต่เธอก็ต้องสะดุ้งเฮือก
“เย็นไปเหรอ?” เรย์รีบถาม เซเรสพยักหน้าน้อยๆเหมือนจะเกรงใจ เรย์คุกเข่าข้างๆเตียงแล้วดึงผ้าขนหนูลงมาจากไหล่พร้อมกับสะบัดผ้าและพับครึ่ง ก่อนจะนำไปหุ้มถุงน้ำแข็งแล้วนำไปประคบที่ข้อเท้าเซเรส “ดีขึ้นยัง?” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาถาม
“อ่ะ..จ..จ้ะ” เซเรสพยักหน้าพร้อมกับรู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายเธอมีสองอุณหภูมิตีกันมั่วไปหมด ที่ข้อเท้าอุณหภูมิต่ำ ส่วนที่ใบหน้าอุณหภูมิสูงเอาเรื่องเลย
“เอ่อ.. ถ้ายังงั้น.. เดี๋ยวเซเรสจับถุงน้ำแข็งประคบไปเรื่อยๆแล้วกันนะ เด๋วเราจะไปเก็บกวาดพื้นข้างนอกเอง” เรย์เอ่ยก่อนจะเปลี่ยนให้เซเรสขับผ้าขนหนูผืนบางที่ห่อถุงน้ำแข็งนั้นไว้เอง “ถ้าอาการดีขึ้นแล้วก็นอนได้เลยนะ เดี๋ยวเราคงไม่เข้ามาในห้องแล้วล่ะ จะไปนอนที่โซฟาเลย”
“จ้ะ..” เซเรสรับคำเบาๆ
“เอ้อ.. ถ้าเกิด..มีปัญหาอะไรก้อบอกนะ เผื่ออาการไม่ดีจะได้พาไปหาอาจารย์ที่ห้องพยาบาล.. อ่ะ พูดซะเป็นลางไม่ดี” เด็กหนุ่มเขกหัวตัวเองป๊อกนึง เซเรสหัวเราะคิก เรย์ยิ้ม “ปิดไฟเลยมั้ย?”
“ปิดเลยจ้ะ ปิดเลยๆ” เซเรสพยักหน้า จะให้เดินไปปิดเองคงยังไม่ไหวหรอก
แชะ..
  ห้องมืดลงทันที จะมีก็แต่แสงจากห้องนั่งเล่นที่ส่องผ่านเข้ามาทางประตู
“งั้น.. ราตรีสวัสดิ์นะ”
  เรย์เกาแก้มอีกครั้งแก้เขินก่อนจะผละออกไปหยิบไม้ถูพื้นกับถังน้ำ ส่วนเซเรสที่กำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงนอนและมองดาวบนฟ้านอกหน้าต่างก็ได้แต่สงสัยว่า เมื่อไหร่อุณหภูมิบนใบหน้าเธอจะลดเสียที ตอนนี้ใบหน้าสีขาวของเธอจะกลายเป็นสีแดงแล้วนะ!
. . .
“อึ่ก..อืมม..” เสียงงัวเงียตื่นจากเด็กหนุ่มผมยาวที่นอนสลบไสลอยู่บนพรมสีฟ้าดังแว่วมา เรย์ค่อยๆพยุงตัวขึ้นมานั่งก่อนจะปรับสายตาให้ชินกับแสงแดดที่ส่องเข้ามา เขามองไปบนชั้นวางหนังสือที่โต๊ะหนังสือข้างๆตัว.. เครื่องรางเทวีอีวาหายไปแล้ว? “ไม่ใช่ความฝัน..สินะ..” เด็กหนุ่มพึมพำกับจะเสยผมที่ร่วงลงมาบังหน้าช้าๆ
ตุบ..ตุบ..
‘ป่านนี้คงหายตัวไปไหนแล้วละมั้ง.. ยังไม่ได้ถามชื่อเลยนี่นา..’
แอ๊ด..ด...
  เรย์เปิดประตูออกไป เขาเดินไปที่ห้องนั่งเล่นก่อนจะต้องเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นจานใส่ไข่ดาว แฮมและไส้กรอกชีสบนโต๊ะหน้าโทรทัศน์
“พี่วิเวียนมาเหรอ?” เขาถามตัวเองเบาๆก่อนจะเดินไปที่ห้องครัวที่มีเสียงน้ำมันบนกระทะ ทว่า คนที่ยืนอยู่หน้าเตากลับไม่ใช่รุ่นพี่ที่เขาถือเป็นพี่สาว แต่เป็นเด็กสาวผมยาวสลวยสีแดงเพลิงที่เขานั่งคุยด้วยเมื่อคืนนี้!? “นี่เธอ..”
“งายจ๊ะ อรุณสวัสดิ์ (^^)v “ เธอหันมาชูสองนิ้วให้เขา
“ทำไมยังอยู่อีกล่ะเนี่ย?” เรย์ถามพร้อมกับเดินเข้าไปนั่งที่เคาน์เตอร์
“จะไล่เหรอ?”
“เปล่า เพียงแต่สงสัยว่าเมื่อวานเธอนอนไหน?”
“ก้อนอนบนเตียงนายไง นุ่มดีนะ” เด็กสาวยิ้มกวนๆ
“เหอะๆ..” เรย์ทำหน้าไม่ถูก ปล่อยเจ้าของห้องนอนสลบเหมือดที่พื้นทั้งคืนเลยนะ.. (= =\")
“ปะๆ ไปนั่งรอที่หน้าทีวีก่อนไป เดี๋ยวฉันทำข้าวเช้าให้นายทานเอง” เด็กสาวยิ้ม
“เอ้อ..” เรย์พูดไม่ออก ตามปกติเจ้าบ้านต้องทำให้แขกรับประทานนี่
“ปายเลยๆ เกะกะครัวๆ ชิ่วๆ” เด็กสาวเอ่ยพร้อมดันเรย์ออกไปนอกห้อง
“อ้าวเฮ้” เด็กหนุ่มร้อง
“มีปัญหารึไง?” เด็กสาวหันมาจ้องหน้าเขาเขม็ง
“ป่าวๆ” เรย์รีบส่ายหน้าก่อนจะนิ่งไปพักหนึ่ง “..เธอชื่ออะไรเหรอ?”
“เซเรส” เด็กสาวผมแดงตอบพร้อมกับหันมามองเขาด้วยดวงตาสีแสดสดใส “เพราะมั้ย?”
“..อื้ม เพราะมากเลย..” เรย์ยิ้ม
  อีกแล้ว.. ชื่อที่เขาคุ้นแต่นึกไม่ออกอีกแล้ว.. เอาเถอะ อย่างน้อยก็พอจะไขข้อสงสัยว่าทำไมตอนแรกเขาถึงตงิดใจเมื่อเห็นเธอ ถ้ารวมเรื่องที่เธอมีเชื้อสายเอลฟ์อยู่ด้วยมากก็ตรงกับที่เธอดูสว่างกว่าคนอื่นๆได้พอดี แต่ทำไมเขาถึงยังรู้สึกเหมือนมีอะไรมากกว่านั้นนะ..
  แล้วทำไมเธอถึงไม่มีทีท่าว่าจะรู้จักกับเขามาก่อนนะ.. ยิ่งตอนเธอถามชื่อเขา เรย์ยิ่งงงมากขึ้นอีกว่า ตกลงเธอกับเขารู้จักกันมาก่อนจริงๆรึเปล่าเนี่ย? เรย์ขมวดคิ้ว
‘คิดไปก้อปวดหัวเปล่าๆ..’
“แล้วนายล่ะ?”
“หืม?” เรย์เลิกคิ้ว
“ก้อชื่อไง”
“เรย์มอนด์ เรียกเรย์ก้อได้” เขายิ้ม
“จ้ะ เรย์” เซเรสยิ้มตอบพร้อมไล่เขาไปนั่งรออาหารเช้า ซึ่งขาเขาก็พาเขาไปเองทั้งๆที่เจ้าตัวยังคงงงอยู่เหมือนเดิมว่า ‘ตกลงใครเป็นแขกใครเป็นเจ้าบ้านเนี่ย!?’
. . . . .
. . .
“แล้ว เธอพักอยู่ที่ไหนน่ะเซเรส?” เรย์ถามขณะล้างจาน
“ที่แอสซิสเทมจ้ะ” เซเรสตอบพร้อมกับวางแก้วน้ำลงบนอ่างล้างจาน
“อืมม.. นี่ไม่ได้ไล่นะ แต่ว่าเธอจะกลับเลยรึเปล่า?”
“ก้อ ไม่รู้สิ” เด็กสาวยักไหล่
“ไม่รู้เหรอ!?” เรย์เลิกคิ้ว
“น่าๆ ยังไงซะฉันก้อพักอยู่คนเดียวอยู่แล้วนี่นา” เซเรสยิ้ม
“คนเดียวเหรอ..” เรย์ถามด้วยน้ำเสียงเห็นใจนิดๆ
“จ้ะ คุณแม่ฉันเสียแล้วล่ะ..” เซเรสยิ้มเศร้าๆ
“..ขอโทษนะ ไม่น่าถามอะไรโง่ๆไปเลย” เรย์ลูบท้ายทอย
“ช่างเถอะๆ” เซเรสส่ายหน้า
ปิ๊งป่องง..ง..
“อ๊ะ” เรย์เงยหน้าขึ้นพร้อมกับเดินไปเปิดประตู ซึ่งคนที่มาก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้
“โอ๊เล่~” วิเวียนยิ้มแป้น
“พี่วิเวียน” เรย์ยิ้มตอบพร้อมเชิญเด็กสาวเข้าไปนั่งข้างใน
“ใครมาเหรอจ๊ะ?” เซเรสที่เดินออกมาจากครัวพอดีก็ให้บังเอิญมาจ๊ะเอ๋กับวิเวียนพอดีเป๊ะ
“เธอคือ?..” วิเวียนมองเด็กสาวผมยาวสีแดงเพลิงที่มีผิวสีขาวเหมือนส่องแสงได้ตรงหน้าอย่างประหลาดใจ เพราะถ้าจำไม่ผิด เธอคือคนที่เรย์มองตามไปเมื่อตอนที่แวะไปเยี่ยมปู่อีวานนี่นา..
“เซเรสค่ะ” เด็กสาวยิ้มพร้อมกับส่งมือให้
“วิเวียนจ้ะ” วิเวียนจับมือกับเซเรสโดยดีก่อนจะหันกลับไปหาเรย์ “เพื่อนเรย์เหรอจ๊ะ?”
“เอ้อ..” เรย์กำลังจะพูดตอบแต่เซเรสก็ชิงขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ใช่ค่ะ” เด็กสาวตอบแทนพร้อมกับแอบสังเกตสีหน้าของวิเวียน
“เหรอจ๊ะ” วิเวียนยิ้ม
“แล้ว พี่วิเวียนมานี่มีธุระอาหยังอ่ะครับ?” เรย์ถาม
“เปล่านี่ แค่คิดถึงน้องสุดที่รักเลยมาหา ผิดเหรอ?” เธอตอบยิ้มๆ
“ไม่ผิดคร้าบ~” เรย์ยิ้มยิงฟัน
“เรย์จ๊ะ เดี๋ยวมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย คุยกันเสร็จเมื่อไหร่มาหานะ” เซเรสเอ่ยก่อนจะเดินกลับไปในห้องครัว “ขอตัวกลับไปล้างจานต่อนะ”
“อื้อ” เรย์พยักหน้า
“ไปเถอะๆ พี่ก้อไม่ได้มีธุระอะไรมากมายนี่” วิเวียนโบกไม้โบกมือ
“อ่า ครับ”
“เอ่อ ว่าแต่เรย์ ไมเพื่อนเรย์มานี่แต่เช้าเลยล่ะ?” วิเวียนถาม “เจอกันตอนไหนเหรอ?”
“เอ้อ เรื่องนั้น..” เรย์เกาแก้ม ‘ซวยล่ะสิ จะตอบไงดี เล่าว่าเซเรสมาขโมยของก้อคงไม่ได้ด้วย’
“ว่าไงจ๊ะ?” วิเวียนจ้องตาเรย์เขม็ง
“เอ่อ เมื่อวานหลังจากพี่วิเวียนกลับไปผมก้อกำลังจะนอน พอดีเซเรสเค้ามาน่ะครับ”
“แล้วไมมาอีกครั้งแต่เช้าเลยล่ะ?”
“ก้ออ..อ..” สมองเรย์คิดเรื่องขึ้นมาอย่างฉับไว “บ้านเซเรสอยู่ที่แอสซิสเทมน่ะครับ จะกลับเลยก้อใช่ที่ ผมเลยเสนอให้เค้าค้างที่นี่ก่อนน่ะครับ”
“เหรอ~ (- -) “
“เอ้อ ผมนอนโซฟานะครับ” เรย์รีบบอก
“ก้อไม่ได้ติดใจอะไรตรงนั้นนี่ (- -) “
“ง่า. . .”
“เถอะ พี่กลับเลยละกัน ปะๆ เรย์ไปคุยกับเซเรสเถอะ” วิเวียนว่าก่อนจะทำท่าเดินออกไป
“ครับ ไปนะครับ” เรย์รีบเดินกลับไปในครัว โดยไม่ทันเห็นว่าวิเวียนแอบเปิดประตูแล้วเดินกลับเข้ามาอีกครั้งอย่างเงียบเชียบพร้อมกับแนบหูที่กำแพงห้องฟังทั้งสองคุยกัน
. . .
“มาแล้วๆ มีไรเหรอ?” เรย์ถามเด็กสาวที่กำลังเก็บจานใส่ตู้
“ก้อ” เซเรสหันกลับมา “จำเรื่องระหว่างเผ่าเอลฟ์กับดาร์คเอลฟ์ได้ใช่มั้ยล่ะ?”
“อื้ม” เด็กหนุ่มพยักหน้า
“อยากรบกวนเธออย่างนึง”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“เอียงหูมา” เซเรสลดเสียงลงก่อนจะพูดกระซิบราวกับกลัวใครจะได้ยิน “..ตอนนี้ทุกคนกำลังสงสัยพฤติกรรมของท่านเซอร์ลูซเฟลอยู่ รวมทั้งฉันด้วย”
“!?” เรย์ดูประหลาดใจ เขาอดคิดไม่ได้ว่าคนที่ชื่อลูซเฟลดูเป็นคนที่ลึกลับและมีอำนาจมากน่าดู ถึงขนาดต้องเรียกนำหน้าว่า ‘ท่าน’ และยังไม่สามารถจะพูดถึงในทางที่ไม่ดีได้อย่างสะดวกแม้ว่าจะอยู่ไกลจากหมู่บ้านเอลฟ์นับพันกิโลเมตร!
“ตอนนี้ทุกคนต้องการหาหลักฐานบางอย่าง” เธอเล่า “เพื่อพิสูจน์ว่าท่านมีเจตนาที่จะชักใยการทำสงครามระหว่างเอลฟ์กับดาร์คเอลฟ์เพื่อจุดประสงค์อะไรในด้านลบหรือเปล่า”
“แล้ว..?” เรย์ขมวดคิ้ว เซเรสค่อยๆเปลี่ยนกลับมาพูดตามระดับเสียงปกติ
“..ฉันอยากให้เธอช่วย”
“หา!?” เรย์ร้องเสียงหลง
“ไม่ได้ล้อเล่นนะ ตอนนี้ต้องสืบเจตนาที่แท้จริงของท่านลูซเฟลให้ทันก่อน ‘สงครามครั้งสุดท้าย’ จะอุบัติขึ้น ไม่ยังงั้นอาจจะมีการฆ่าฟันกันอย่างไร้เหตุผล..” เซเรสค่อยๆลดเสียงลง
“แต่ว่า เผ่าดาร์คเอลฟ์เรียนรู้มนต์มารต้องห้ามนี่ การกำจัดก็เป็นเรื่องที่ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ?” เรย์ถาม
“. . .” เซเรสยืนก้มหน้านิ่งอยู่พักหนึ่ง “ฉัน เคย รู้จักกับดาร์คเอลฟ์คนนึง”
“??? เคย เหรอ?” เรย์เลิกคิ้ว
“อืม..” เด็กสาวพยักหน้าเงียบๆ “เค้าเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาดาร์คเอลฟ์ที่อยู่บน ‘โลกภายนอก’ โดยที่คุณพ่อของเขาใช้มนต์มารเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกให้เหมือนเผ่ามนุษย์”
“เป็นยังไงเหรอ?”
“ก้อ สีผิวกลับเป็นสีเนื้อ หูก็ลดขนาด ทำนองเนี้ย” เซเรสยักไหล่ “เราเจอกันเมื่อนานมาแล้ว หลายปีแล้วล่ะ ตอนนั้นเราเจอกันที่โรงเรียนของเผ่ามนุษย์ เค้าเป็นคนที่มีปัญหาในการหาเพื่อนมากๆเลย แต่คงเป็นเพราะเขาแค่ขาดความมั่นใจในตัวเองเลยทำอะไรเปิ่นๆบ่อย แต่เมื่อตอนที่ฉันชวนเขาร่วมกลุ่มด้วยก็เห็นถึงความเก่งที่แฝงอยู่ของเขานะ..” ดวงตาสีแสดดูเหม่อลอย
“เซเรส..” เรย์พึมพำ รู้สึกสนใจเรื่องที่เด็กสาวเล่าอย่างประหลาด “แล้วตอนนี้เค้าเป็นไงมั่ง?”
“จะว่าไม่รู้ก้อคงได้หรอก” เด็กสาวตอบพร้อมกับถีบตัวขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์ของห้องครัว “ทะเลาะกันในกลุ่มน่ะ แล้วกลุ่มก็แตก ชั้นไม่เคยพูดกับเขาอีกเลยจนตอนนี้ออกจากโรงเรียนนั้นมาแล้ว ไม่เจอกันอีกเลยนะ..แต่..” เซเรสหยุดพูดเพียงแค่นั้นพลางส่ายหน้าไปมา
“แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นดาร์คเอลฟ์?”
“ลางสังหรณ์จ้ะ” เซเรสยิ้ม “เขาชอบอ่านหนังสือเกี่ยวดาร์คเอลฟ์มาก เวลาเรียนประวัติศาสตร์ใครพูดถึงดาร์คเอลฟ์ในทางที่ไม่ดี จากท่าทางเงียบๆของเขาก้อจะกลายเป็นเสือดีๆนี่เอง”
“หืม~” เรย์เลิกคิ้ว “แค่นั้นเองเหรอ?”
“เปล่าหรอกๆ” เด็กสาวสั่นศีรษะ “ทุกคืนที่จันทร์เต็มดวงพลังอำนาจของมนต์มารจะเสื่อม และตอนนั้นฉันบังเอิญไปหาเขาที่ห้องเพื่อจะคุยเรื่องงานพอดี เลยได้เห็นตอนที่เขากลับร่างเป็นดาร์คเอลฟ์เหมือนเดิม” เธอยิ้มน้อยๆ “ตานั่นตกใจมากเลยล่ะ.. แต่ฉันก็ไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปประกาศหรอกนะ แถมยังเล่าเรื่องที่ฉันมีเชื้อสายเอลฟ์ให้เขาฟังได้อย่างสบายใจด้วยซ้ำ เขาก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไรด้วย ทั้งๆที่เป็นศัตรูกันแท้ๆ.. บ้าดีเนอะ..”
“. . .” เรย์ยืนพิงผนังห้องฟังเด็กสาวเล่าอย่างเงียบๆ
“ฉันก็เลย.. ไม่อยากให้ต้องฆ่าแกงกันเองเพราะยังไงก็เกิดของต้นไม้มารดาเหมือนกัน..” เซเรสเม้มริมฝีปากแน่น “แต่อยากจะหาหลักฐานมามัดกุมตัวท่านลูซเฟลมากกว่า เพื่อล้างแค้นให้หมอนั่น..”
“!?” เรย์ประหลาดใจ “เดี๋ยว มันเกิดอะไรขึ้นกับดาร์คเอลฟ์คนนั้นเหรอเซเรส?”
. . .
“..ตายแล้ว..”
. . .
  คำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเด็กสาวทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ เรย์ รวมทั้งวิเวียนที่ยืนฟังอยู่อีกฟากของกำแพงยืนนิ่ง พูดอะไรไม่ออก
“เขาเองก็เป็นคนของตระกูลใหญ่ของดาร์คเอลฟ์ที่ถูกท่านลูซเฟลฆ่าล้างตระกูล.. หลังจากที่คุณปู่ของเขาถูกท่านลูซเฟลสังหารเป็นคนแรกเมื่อหลายสิบปีก่อน คุณพ่อของเขาก็ใช้มนต์มารเปลี่ยนเขาให้ดูเหมือนเผ่ามนุษย์และส่งตัวเขาออกไปนอกหมู่บ้านดาร์คเอลฟ์ เพื่อปกป้องสายเลือดของตระกูลไว้” เซเรสเล่าช้าๆ แววตาดูเศร้าสร้อย “แต่หลังจากท่านลูซเฟลสังหารคนทั้งตระกูลจนเหลือเพียงเขาคนเดียว เขาก็ถูกท่านลูซเฟลที่ออกตามล่าอีกครั้งสังหาร..” เสียงของเด็กสาวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาเริ่มมีน้ำใสๆคลอ
“ทำไมกัน..” เรย์กัดฟันแน่น “ทำไมเจ้าคนที่ชื่อลูซเฟลนั่นต้องทำอย่างโหดเหี้ยมขนาดนั้นด้วย!!?”
“เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดู..” เด็กสาวปาดน้ำตาออก “เขายื่นข้อเสนอให้ดาร์คเอลฟ์หันกลับมาภักดีต่อเทวีอีวา ไม่ใช่เทวีชิลเลน แต่ดาร์คเอลฟ์ที่ความโกรธแค้นถึงขีดสุดไม่ฟังอะไรทั้งนั้นพร้อมประกาศจะรบกับเอลฟ์ให้สูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปข้าง..”
“ชั่วร้ายที่สุด!” เรย์คำรามพร้อมกับทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ “หมอนั่นไม่คิดจะให้ดาร์คเอลฟ์ร่วมมืออยู่แล้วล่ะ!! ทั้งหมดเป็นการวางแผนให้ดาร์คเอลฟ์โกรธ และใช้โอกาสนั้นบุกโจมตี!”
“พวกเราหลายๆคนก็คิดเช่นนั้น” เซเรสพยักหน้าช้าๆพร้อมกับลดเสียงลงอีกครั้ง “ท่านไบรอัน หัวหน้าของเหล่า ‘ผู้ดูแลอาณาเขต’ จึงได้แอบส่งสารมาให้ฉันและกลุ่มลูกครึ่งมนุษย์และเอลฟ์อีกหลายคนหาหลักฐานในการเปิดโปงท่านลูซเฟล”
“แล้ว ทำไมต้องเป็นเรา?” เรย์ถามพลางขมวดคิ้ว เซเรสสบตาเขาดวงท่าทีเคร่งเครียด
“เพราะว่าเธอ.. อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้น่ะสิ..”
“เกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้.. เราน่ะเหรอ?” เรย์ทวนด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“ฉันก็ยังไม่แน่ใจ” เซเรสพยักหน้านิดๆ “แต่มีบางอย่างทำให้ฉันคิดว่า นายเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้เหมือนกัน”
“มันคืออะไรเหรอ?”
“นายจำเรื่องช่วงที่นายลงไปเต้นเบรกแดนซ์บนพื้นได้มะ?”
“ได้เฉพาะช่วงแรกๆ” เรย์ไม่หน้าเหมือนไม่พอใจ แน่ล่ะ คนเค้าออกจะทรมาณหน้าผากจะระเบิด ไหงคุณเธอมาหาว่าลงไปเต้นเบรกแดนซ์ได้ล่ะเนี่ย
“งั้นนายคงไม่รู้ว่าที่หน้าผากนายมีอะไรเกิดขึ้นเวลานายสลบไปแล้วน่ะ”
“แล้วมันอะไรล่ะ” เรย์ขมวดคิ้ว
“รอยสัญลักษณ์รูปปีกเทพลูซิเฟอร์..”
  เรย์และวิเวียนแทบจะไม่หายใจ โดยเฉพาะเรย์ ที่หัวเขามีรอยแปลกๆโดยที่ตัวเขาเองไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยเหรอเนี่ย!? แล้วมันคืออะไร? ทำไมถึงปรากฏขึ้นมาเฉพาะเวลาเขาเห็นภาพความทรงจำล่ะ? แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับสงครามของเอลฟ์? ตอนนี้เรย์คิดว่ารอยสัญลักษณ์นั้นคงจะปรากฎขึ้นมาอีกได้เร็วๆนี้แหละ เพราะเขาคิดจนปวดหัวมากๆแล้วในตอนนี้
“เป็นสัญลักษณ์ของคำสาปที่จะทำให้โชคร้าย และ..” เซเรสเม้มปากเหมือนไม่อยากพูดต่อ
“และ?”
“. . .”
“และอะไรเหรอ เซเรส!?” เรย์เดินเข้าไปถามอย่างร้อนรน จนในที่สุดเด็กสาวก็ยอมเปิดปากตอบเขา และคำตอบนั้น ทำให้เขาแทบจะลืมหายใจ
“..และจะตาย..ภายในปีเดียว..”
“ว่าไงนะ!!?” วิเวียนร้องขึ้นพร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาในห้อง แต่เซเรสและเรย์ที่ตอนนี้กำลังช็อกดูจะไม่แปลกใจเท่าไรนัก
“..ภายใน..หนึ่งปี..อย่างนั้นเหรอ” เรย์ค่อยๆพูดอย่างยากลำบาก ดวงตาสีครามจับจ้องอยู่ที่พื้น
  เซเรสพยักหน้าช้าๆ ส่วนวิเวียนก็เหมือนจะอึ้งไปเลย เธอเดินไปหาเรย์ช้าๆพร้อมกับกุมมือเด็กหนุ่มไว้เหมือนจะปลอบใจทั้งเขาและตัวเธอเอง
“นี่ไม่ใช่การบังคับ แต่ฉันอยากจะแนะนำให้เธอเดินทางไปกับฉันด้วย” เซเรสเอ่ยขึ้น “นอกจากเพื่อหาหลักฐานมัดกุมตัวท่านลูซเฟลแล้วยังจะสามารถหาวิธีคลายคำสาปด้วย คนสาปเท่านั้นที่จะแก้ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครและสาปเธอเพราะอะไรก็ตามแต่”
“. . .” เรย์ยังคงยืนนิ่ง
“เรย์..” วิเวียนเรียกชื่อเขาเบาๆ เรย์หันไปยิ้มน้อยๆให้รุ่นพี่
“ตกลง เราจะไปด้วย” เด็กหนุ่มพยักหน้าให้เซเรสที่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ นอกจากจะลบล้างคำสาปแล้ว เขาก็ต้องการจะตามหาความทรงจำของเขาด้วย!
“. . .” เด็กสาวนิ่งไปก่อนจะยิ้มอย่างอบอุ่น ‘เข้มแข็งกว่าที่คิดไว้นะ.. เหมือนกับตานั่นเลย..’ เธอคิด ก่อนจะส่ายศีรษะนิดๆเพื่อไล่ความคิดนั้นออกจากหัว
“เรย์ ถ้างั้นพี่จะไปด้วย” วิเวียนเอ่ยขึ้น เรย์ยิ้ม ส่วนเซเรสมองเธออย่างประหลาดใจระคนลำบากใจ
“ยังไงซะพี่ก็ได้ยินที่เธอเล่าแล้วล่ะ ไม่เอาไปบอกใครหรอก และยังไงก็จะตามไปด้วย” วิเวียนยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีลำบากใจของเซเรส
“พี่วิเวียน..” เรย์ก็ยิ้ม ถ้าเป็นไปได้เขาเองก็อยากจะเดินทางไปกับเพื่อนสนิทเหมือนกัน
“..ได้ค่ะ” เซเรสยิ้มออกในที่สุด “ถึงยังไงฉันก็อยากได้คนมาร่วมขบวนเดินทางไปด้วยซักห้าหกคน เพราะว่าระยะทางระหว่างที่นี่กับหมู่บ้านเอลฟ์นั้นนอกจากจะไกลแล้วยังอันตรายใช่ย่อย” เด็กสาวเล่าก่อนจะสังเกตว่าเรย์มองเธอแบบงงๆ เธอเลิกคิ้ว “..มีอะไรเหรอ?”
“คือ.. ถ้ายังงั้นเธอมาคนเดียวได้ยังไงอ่ะ?”
“อ๋อ” เซเรสหัวเราะคิก “คาถาเคลื่อนย้ายที่ไปยัง ‘ต้นไม้มารดา’ น่ะ แต่เวทนี่จะใช้ได้เฉพาะเอลฟ์เท่านั้น ฉันมีเชื้อสายเลยยังพอใช้ได้ แต่กรณีของ ‘พวกเราทั้งหมด’ คงไม่ได้”
“แล้วมันอันตรายยังไงมั่งเหรอ?” วิเวียนถาม
“ก้อ~ มีพวกคนที่ไม่เป็นมิตร เส้นทางอันตราย ลุยป่าปีนเขาดำน้ำ สัตว์ประหลาด อากาศที่แปรปรวน เยอะแยะ คาดเดาอะไรมากไม่ได้หรอกค่ะ” เซเรสยักไหล่
“เหอะๆ” เรย์หัวเราะแห้งๆ ขนาดยังไม่หมดนะเนี่ย งานนี้ไม่ใช่หมูๆซะแล้ว
“เป็นไปได้อยากให้มีคนที่มีฝีมือหน่อย เผื่อสถานการณ์อันตรายที่ไม่คาดคิดไว้ด้วย” เซเรสเอ่ยเสริม
“เข้าใจล่ะ ยังไงก้อพอจะรู้จักคนที่ไว้ใจได้เหมือนกัน” วิเวียนกล่าว
“ถ้ายังงั้น ขอให้แจ้งทุกคนที่สามารถเดินทางไปด้วยได้แล้วนัดมารวมตัวกันที่นี่เย็นวันนี้ก่อนนะคะ แล้วค่อยวางแผนการเดินทางด้วย” เซเรสเสนอพร้อมกับโดดลงจากเคาน์เตอร์ “เพราะยังไงเราก็ไม่สามารถไว้วางใจได้ว่าจุดประสงค์ต่อไปของท่านลูซเฟลหลังจากการรบกับดาร์คเอลฟ์จะเป็นการทำสงครามกับเผ่ามนุษย์หรือไม่\"
“เข้าใจล่ะ” เรย์และวิเวียนพยักหน้าก่อนจะแยกย้ายกันไป..
. . . . .
. . .
“โฮ่ เนี่ยน่ะเหรอ คุณหนูเอลฟ์ผู้สูงศักดิ์” เด็กหนุ่มผมระต้นคอสีน้ำเงินเข้มที่เดินตามเรย์เข้ามาในห้องเอ่ยทัก ดวงตาสีฟ้ามองไปยังเด็กสาวผมยาวสลวยสีแดงเพลิงที่นั่งรออยู่
“เหล่านี้คือคนที่จะไปด้วยเหรอจ๊ะ?” เซเรสหันไปถามเรย์
“อื้อ” เด็กหนุ่มผมยาวพยักหน้า
  เด็กหนุ่มผมสีเงินเดินตามเข้ามาอีกคน จะต่างจากปกติตรงที่คู่แฝดของเขาไม่มาด้วย ต่างหูนิลที่ติดอยู่ตรงหูข้างขวาสะท้อนแสงจากแสงไฟในห้อง ตาสีฟ้าอ่อนมองไปรอบๆห้องและไปสะดุดตรงที่เด็กสาวตรงหน้านั่งอยู่
“เธอ..เป็นเอลฟ์จริงๆสินะ” แรนดอลฟ์เอ่ย เซเรสพยักหน้า “กลิ่นต่างจากมนุษย์ธรรมดาน่ะ” เขาเอ่ยก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟา
“ครบห้าคนแล้วละนะ” วิเวียนที่เดินรั้งท้ายปิดประตูห้องก่อนจะตามมานั่งที่โซฟาด้วย
“ความจริงก้ออยากให้รูดี้ไปด้วยนะ ไม่ได้เหรอไง?” อาโนลด์ถาม แรนดอลฟ์พยักหน้าสนับสนุน เพราะจากประสบการณ์ที่เคยเจอมา ถ้าสองแฝดคู่นี้รวมพลังกันละก็ คู่ต่อสู้เป็นต้องเรียกพวกเขาว่า ‘แฝดนรก’ ด้วยซ้ำไป
“แล้วแต่ค่ะ”
  และคำตอบจากเซเรสนั่นแหละ ทำให้รูดอลฟ์ถูกอาโนลด์และแรนดอลฟ์พี่ชายฝาแฝดลากเข้ามาร่วมวงนั่งประชุมด้วย
“อย่างที่เรย์และพี่วิเวียนน่าจะอธิบายไปแล้วนะคะ” เซเรสเอ่ย “ตอนนี้สถานการณ์ที่หมู่บ้านเอลฟ์กำลังไม่น่าไว้วางใจ และเรย์เองก็ต้องแก้ปัญหาของตัวเขาเองภายในเวลาจำกัดด้วย จึงต้องขอแรงให้ทุกคนร่วมเดินทางไปกับฉันด้วยนะคะ”
“. . .” แรนดอลฟ์และรูดอลฟ์นั่งนิ่งพร้อมกับคิดใจในว่าเรย์ช่างมีกำลังใจดีเหลือเกินที่ไม่นั่งซึมไปเสียก่อน ในเมื่อชีวิตถูกกำหนดให้เหลือเพียงไม่ถึงปีแล้ว!!
ปึ้ง!..
  เสียงฝ่ามือกระแทกกับโต๊ะดังขึ้น ทุกคนหันไปมองอาโนลด์ที่ใช้มือยันตัวขึ้นยืน เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มมองทุกคนด้วยท่าทางเหมือนจะประหลาดใจ
“แล้วเราจะมัวรออะไรกันล่ะ? ออกเดินทางมันพรุ่งนี้เลยสิ” เขาว่าก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง “ชั้นขอตัวไปเตรียมของก่อนละกันนะ ไม่อยากเสียเวลา”
“รุ่นพี่..” เรย์มองอาโนลด์แบบทึ่งๆ
“ตาบ้า เก๊กอยู่ได้ ต้องเตรียมอะไรไปมั่งยังไม่รู้เลยนะ” วิเวียนว่า
“เออแฮะ..” เด็กหนุ่มพึมพำพร้อมกับหันไปมองเซเรสเป็นเชิงถาม
“เตรียมพวกยา เสื้อผ้าสำหรับเวลาอากาศหนาวแล้วก็อาวุธไปด้วยก็พอแล้วค่ะ” เด็กสาวยิ้ม
“เฮะๆ มีบู๊ด้วย ยั่งงี้สิมันส์กว่านั่งเซ็งอยู่ในสถาบันมนต์ขาวนี่อีกนะ” อาโนลด์ยิ้มแยกเขี้ยว
“อ๊ะ แล้วเราต้องแจ้งอาจารย์ด้วยสิเพราะจะหายตัวไปนานเลยนะ” วิเวียนเตือน
“แจ้งไปก้อเท่านั้นแหละครับพี่วิเวียน” รูดอลฟ์เอ่ย แรนดอลฟ์พยักหน้า
“ใช่ คิดเหรอว่าอาจารย์จะเชื่อ” อาโนลด์ยักไหล่
“. . .” ทั้งห้องเงียบไปพักหนึ่ง
‘แล้วทำไมพวกเราถึงเชื่อล่ะ.. (= =\") ‘ ทุกคนคิดในใจ
“เถอะ ยังไงซะก้อจะได้โดดเรียน ชั้นไปเตรียมของล่ะ” อาโนลด์เอ่ยก่อนจะโบกมือลาและเดินกลับห้องไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนยิ้ม
“ตาบ้า เอาแต่คิดแบบนี้น่ะสิถึงได้หวิดตกทุกวิชามันทุกปี ปีนี้แหละร่วงแน่คอยดูสิ” วิเวียนบ่นแต่ก็แอบอมยิ้ม ก่อนจะขอตัวกลับไปที่ห้องบ้าง
“งั้นพวกผมไปบ้างนะครับ” รูดอลฟ์ยิ้ม
“อื้ม” เรย์พยักหน้าพร้อมกับยิ้มยิงฟัน
“เจอกันพรุ่งนี้เช้านะพวก” แรนดอลฟ์ยิ้มยิงฟันบ้างก่อนจะเดินกอดคอกับน้องชายฝาแฝดออกไป
ปึ้ง..
“. . .” เรย์และเซเรสนิ่งเงียบ พร้อมกับคิดว่าโชคดีมากที่พวกอาโนลด์ไม่รู้ว่าเซเรสพักที่นี่ ไม่งั้นโดนเข้าใจผิดแน่ๆ.. (= =”)
. . . . .
. . .
ซ่า..ซ่า....
แอ๊ดด..ด...
  ประตูห้องอาบน้ำถูกเปิดออก ไอน้ำจากข้างในลอยออกมาบ้างเล็กน้อย เด็กหนุ่มผมยาวสีน้ำตาลทองในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนก้าวเท้าออกมา มือถือผ้าขนหนูเช็ดผมที่เปียกชุ่ม
“ข้าวเย็นเสร็จแล้วนะเรย์” เซเรสที่อยู่ในครัวร้องบอกเรย์ที่เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ
“แหะๆ เกรงใจจัง ต้องให้แขกทำกับข้าวให้กินเนี่ย” เรย์ยิ้มแหยๆพร้อมกับเกาแก้ม
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ เป็นผู้อาศัยก้อต้องช่วยเหลือเจ้าบ้านหน่อย” เซเรสยิ้ม
“ก้อจริงนะ เซเรสทำกับข้าวอร่อยกว่าเราสิบเท่าเลยนี่” เด็กหนุ่มยิ้มยิงฟัน
“จ้าๆ” เซเรสยิ้มอย่างภูมิใจก่อนจะยกจานใส่สปาเก็ตตี้เดินสวนกับเรย์ที่เดินออกมาในสภาพที่ผมเปียกลู่แนบไปกับต้นคอและแผ่นหลัง เด็กหนุ่มพาดผ้าขนหนูกับไหล่
“เออใช่ เซเรส ระวังสะดุดสายไฟตรงนั้นด้วยนะ” เรย์ร้องเตือน
“ไหนเหรอ?” เซเรสรีบมองหาสายไฟ
“นั่นไง แถวเท้าเธอน่ะ” เรย์ชี้ไปที้สายไฟที่ถูกพรมสีแดงเลือดหมูทับไว้
“ไม่เห็นเลยนะ..” เซเรสขมวดคิ้ว จานใส่สปาเก็ตตี้บังเอิญไปบังไว้พอดีทำให้เธอไม่เห็น และแล้วเธอก็ตัดสินใจเดินต่อโดยคิดว่าจะไม่เป็นอะไร แต่.. “อ๊ะ! ว้าย!!”
ตุ้บ!!
เคร้ง!!!
“เซเรส!?” เรย์หันกลับไปทันดูช็อตที่เด็กสาวผมแดงสะดุดสายไฟล้มลงไปนอนกองกับพื้นพอดี! จานที่เธอ(เคย)ถือตกลงบนพื้นเสียงดัง สปาเก็ตตี้หกเต็มพื้นไปหมด
“ตายแล้ว ขอโทษนะเรย์ พื้นมัน..”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะน่า เธอล่ะอาการเป็นไงมั่ง!?” เรย์รีบปราดเข้าไปคุกเข่าข้างๆเธอ
“ก้อนิดหน่อยนะไม่เป็นไรมากหรอก” เซเรสยิ้มพร้อมกับพยายามลุก ทว่า “อู๊ย..! เจ็บ” เด็กสาวร้องพร้อมกับลูบข้อเท้าที่เริ่มบวมนิดๆ
“นั่นไง เนี่ยนะไม่เป็นไร บวมแล้วนะน่ะ” เรย์ขมวดคิ้ว “ลุกไหวมั้ย?”
“อืมจ้ะ” เซเรสพยักหน้าน้อยๆพร้อมกับเกาะแขนเรย์ที่ยื่นมือช่วย เธอพยายามจะลุกเองแต่ข้อเท้าเจ้ากรรมก้อทำเอาเธอต้องร้องโอ๊ยอีกรอบ “โอ๊ยย!..”
“ไปนอนพักในห้องก่อนแล้วกัน เด๋วเราเอาน้ำแข็งมาประคบ” เรย์เอ่ย
“แต่ว่าจะลุก.. ว้าย!?” เซเรสขมวดคิ้ว กำลังสงสัยว่าเธอจะลุกไปนอนพักได้ยังไงไหว พอดีกับตอนที่เธอรู้สึกว่าตัวเธอลอยขึ้นมา!
“โทษทีนะ” เรย์เอ่ยอย่างรวดเร็ว
  เด็กหนุ่มช้อนตัวเธอขึ้นมาพร้อมกับอุ้มไปนอนพักบนเตียงในห้องนอนเขา เซเรสหน้าแดงระเรื่อ เรย์เองก็เกาแก้มแก้เขินไม่เลิก ไม่รู้ทำไมดูไปดูมามันเหมือนเวลาอุ้มเจ้าสาวเข้าหอชอบกล (= =\")
“เอ้อ.. งั้น..เราไปเอาถุงใส่น้ำแข็งมาให้ละกัน รอแปบนะ” เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างรวดเร็วพร้อมกับพุ่งตัวออกไปหาถุงน้ำแข็งที่ตู้เย็นในห้องครัว
  เพียงไม่ถึงนาทีเรย์ก็กลับมาพร้อมกับถุงน้ำแข็งในมือ ตอนแรกเรย์จะเอาไปประคบให้เองแต่ต่อมา เขาก็เปลี่ยนใจและยื่นถุงน้ำแข็งให้เด็กสาวผมแดงเพลิงที่นั่งอยู่บนเตียง
“เอ้า ลองใช้ดูนะ” เรย์เอ่ยอย่างเป็นกังวล สายตาดูเป็นห่วงเพื่อนใหม่เต็มที่
“ขอบใจจ้ะ” เซเรสยิ้มพร้อมกับรับถุงในน้ำแข็งประคบที่ข้อเท้าขวาแต่เธอก็ต้องสะดุ้งเฮือก
“เย็นไปเหรอ?” เรย์รีบถาม เซเรสพยักหน้าน้อยๆเหมือนจะเกรงใจ เรย์คุกเข่าข้างๆเตียงแล้วดึงผ้าขนหนูลงมาจากไหล่พร้อมกับสะบัดผ้าและพับครึ่ง ก่อนจะนำไปหุ้มถุงน้ำแข็งแล้วนำไปประคบที่ข้อเท้าเซเรส “ดีขึ้นยัง?” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาถาม
“อ่ะ..จ..จ้ะ” เซเรสพยักหน้าพร้อมกับรู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายเธอมีสองอุณหภูมิตีกันมั่วไปหมด ที่ข้อเท้าอุณหภูมิต่ำ ส่วนที่ใบหน้าอุณหภูมิสูงเอาเรื่องเลย
“เอ่อ.. ถ้ายังงั้น.. เดี๋ยวเซเรสจับถุงน้ำแข็งประคบไปเรื่อยๆแล้วกันนะ เด๋วเราจะไปเก็บกวาดพื้นข้างนอกเอง” เรย์เอ่ยก่อนจะเปลี่ยนให้เซเรสขับผ้าขนหนูผืนบางที่ห่อถุงน้ำแข็งนั้นไว้เอง “ถ้าอาการดีขึ้นแล้วก็นอนได้เลยนะ เดี๋ยวเราคงไม่เข้ามาในห้องแล้วล่ะ จะไปนอนที่โซฟาเลย”
“จ้ะ..” เซเรสรับคำเบาๆ
“เอ้อ.. ถ้าเกิด..มีปัญหาอะไรก้อบอกนะ เผื่ออาการไม่ดีจะได้พาไปหาอาจารย์ที่ห้องพยาบาล.. อ่ะ พูดซะเป็นลางไม่ดี” เด็กหนุ่มเขกหัวตัวเองป๊อกนึง เซเรสหัวเราะคิก เรย์ยิ้ม “ปิดไฟเลยมั้ย?”
“ปิดเลยจ้ะ ปิดเลยๆ” เซเรสพยักหน้า จะให้เดินไปปิดเองคงยังไม่ไหวหรอก
แชะ..
  ห้องมืดลงทันที จะมีก็แต่แสงจากห้องนั่งเล่นที่ส่องผ่านเข้ามาทางประตู
“งั้น.. ราตรีสวัสดิ์นะ”
  เรย์เกาแก้มอีกครั้งแก้เขินก่อนจะผละออกไปหยิบไม้ถูพื้นกับถังน้ำ ส่วนเซเรสที่กำลังนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงนอนและมองดาวบนฟ้านอกหน้าต่างก็ได้แต่สงสัยว่า เมื่อไหร่อุณหภูมิบนใบหน้าเธอจะลดเสียที ตอนนี้ใบหน้าสีขาวของเธอจะกลายเป็นสีแดงแล้วนะ!
. . .
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น