ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 : หมู่บ้านเอลฟ์กับห้องครัวของเรย์ สาวผมแดงปริศนา!?
. . . . .
. . .
  ณ ซอกหลืบมุมมืดของโลกที่ทันสมัย ในป่าลึกที่แสงจันทร์ส่องไปไม่ถึง ในป่าที่ไร้แสงสว่างในยามค่ำคืน จะมีก็แต่เพียงแสงสีทองเล็กๆจากบรรดาหิ่งห้อยนับร้อยนับพันตัวเท่านั้น ในส่วนที่ลึกที่สุด มีลานกว้างที่เป็นที่ตั้งของสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่เหนือสระน้ำ เป็นเมืองเล็กๆที่ลอยอยู่กลางสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำสีใสเห็นก้นสระต้องแสงจันทร์ระยิบระยับ เฉพาะส่วนที่เป็นลานกว้างนี้เท่านั้นที่ไม่มีต้นไม้ปกคลุม แสงจันทร์สีเงินจึงฉายส่องมาได้เต็มที่
  ที่ข้างหลังของเมืองที่เป็นสถาปัตยกรรมอันวิจิตรมีต้นไม้ใหญ่ยักษ์ที่แผ่กิ่งก้านสาขาไปรอบบริเวณนั้นตั้งอยู่กลางแอ่งน้ำ ใบไม้ของต้นนั้นเป็นสีน้ำตาลแก่ที่ส่องประกายสีเหลืองทอง เกสรละอองสีทองและสีเงินร่วงหล่นลงมาจากใบเหล่านั้น บรรยากาศดูเงียบสงบ..
“หัวหน้าผู้ดูแลอาณาเขต สถานการณ์การจัดการจำกัดเผ่าดาร์คเอลฟ์ทรยศเป็นเช่นไรบ้างแล้วในตอนนี้?” เสียงจากชายร่างสูงในชุดคลุมตัวยาวสีเขียวอมน้ำเงินดังขึ้นจากหน้าต้นไม้ต้นยักษ์นั้น เขาเดินสะบัดชายชุดคลุมมาแต่ไกล
“ตอนนี้ทางเราได้กำจัดเผ่าดาร์คเอลฟ์ที่อยู่รอบๆหมู่บ้านเอลฟ์ของเราและที่ใช้มนต์มารปลอมตัวเป็นเผ่ามนุษย์ปะปนไปกับพวกที่อยู่ ‘โลกภายนอก’ จนเกือบหมดสิ้นแล้วขอรับ เหลือเพียงการบุกเข้าโจมตีที่หมู่บ้านดาร์คเอลฟ์ทางเหนือเท่านั้น..” ชายหนุ่มผมสีทองยาวสลวยในชุดเกราะสีเงินตอบเสียงฉะฉาน เฮลเม็ทเหล็กไม่อาจปิดบังหูที่เรียวยาวได้ เขาคุกเข่าอยู่หน้าชายผู้มีใบหูเรียวยาวและมีผิวสีขาวราวกับส่องแสงออกมา เฉกเช่นเขาและเอลฟ์คนอื่น..
“ยังไม่เสร็จสิ้นอีกรึ.. ขนาดข้าอุตส่าห์ลงมือจัดการกับตระกูลใหญ่ของพวกมันแล้วเชียวนะ.. อึดราวกับแมลงสาบเสียจริง หึๆๆ..” ชายคนนั้นเอ่ย ผมสีขาวยาวฟูฟ่องของเขาถูกปัดไปข้างหลังเผยให้เห็นรอยสักเป็นอักขระสีดำอยู่ที่ใบหน้าซีกซ้าย ดวงตาเฉียบคมสีชาดูเยียบเย็น
“เมื่อแผนการที่วางไว้เสร็จสิ้น ชนเผ่าทรยศที่น่าสมเพชเหล่านั้นจักหายไปจากโลกใบนี้แน่นอนขอรับ.. ท่านลูซเฟล..” เอลฟ์หนุ่มกล่าวกับจอมเวทย์เผ่าเอลฟ์ผู้ดูมีลับลมคมในเหลือเกิน
“ไบรอัน เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมเหล่า Tree Elves ที่รักสงบต้องทำสงครามกับดาร์คเอลฟ์?”
“. . .” ชายหนุ่มผมยาวสีทองนิ่งเงียบ “..ไม่ทราบขอรับ”
“หึๆ.. การที่ข้าออกมาสนับสนุนการกำจัดเผ่าทรยศนั่นออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์ของโลกนี้ซะ เพราะเผ่ามันนับวันจะเรียนรู้เวทมนต์มารมากขึ้นทุกทีๆ.. ปล่อยไว้มันต้องใช้เวทต้องห้ามเหล่านั้นทำลายทุกชนเผ่าแน่” ลูซเฟลเอ่ยพร้อมเดินลุยน้ำไปยังต้นไม้ยักษ์ “ถึงต้นตระกูลจะเคยเกิดจากเทพีชิลเลนและ ‘ต้นไม้มารดา’ เหมือนกัน แต่จุดประสงค์ในการเรียนเวทมนต์นั้นต่างกันนัก”
“ขอรับ..” เอลฟ์ไบรอันรับคำ ดวงตาสีฟ้ายังคงจ้องจอมเวทย์ตรงหน้าเขม็ง เซอร์ลูซเฟล เป็นเอลฟ์อาวุโสที่ร่วมสนับสนุนการจำกัดเผ่าดาร์คเอลฟ์ และเข้าร่วมกองกำลังสังหารในตอนแรกๆ
  หลังจากที่กำจัดหัวหน้าตระกูลใหญ่ของดาร์คเอลฟ์ได้แล้วก็ได้ถอนตัวออกจากกองกำลัง ภายหลังในหลายสิบปีต่อมาได้ออกเดินทางไปจำกัดทายาทของตระกูลใหญ่ตระกูลนั้นอีกแต่ก็มิได้พูดถึงการกำจัดเผ่าทรยศดาร์คเอลฟ์ดังเช่นคราวก่อนๆ
  ด้วยปกติลูซเฟลมักจะนำวีรกรรมการกำจัดทรชนออกมาเล่าให้ทุกคนฟังเสมอโดยอ้างว่าเป็นตัวอย่างและเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ แต่ครั้งล่าสุดกลับไม่ได้เล่าอะไรทั้งสิ้นจึงทำให้หัวหน้ากองกำจัดผู้ดูแลอาณาเขตไบรอันรู้สึกตงิดใจ
“เราต้องกำจัดพวกมันก่อนที่มันจะแผ่อิทธิพลและสร้างความเดือดร้อนไปมากกว่านี้” เอลฟ์ผมสีขาวเอ่ย “ไบรอันเอ๋ย.. เจ้าจงนำคำสั่งของข้าที่ได้เอ่ยไปเมื่อครู่ไปถ่ายทอดให้กับบรรดาผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเสียเถิด..”
“รับทราบขอรับ..” ไบรอันเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว การกระทำที่ดูปราศจากความเคลือบแคลงใจในตัวผู้นำนั้นตรงกันข้ามกับความคิด ดวงตาสีฟ้าส่องประกายวาววับ.. ‘ท่านเซอร์ลูซเฟล.. คงต้องจับตาดูการกระทำของท่านหน่อยละนะ.. เพราะท่านน่ะ ไม่น่าไว้ใจยิ่งไปเสียกว่าดาร์คเอลฟ์เสียอีก..’
. . .
. . . . .
“ฮ๊าว~!” เสียงหาวดังมาจากห้องนอนของเด็กหนุ่มผมยาวสีทองที่งัวเงียตื่นของมา เขาเหลือบมองสร้อยคอหัวหน้าเผ่าออร์คกับเครื่องรางเทวีอีวาบนโต๊ะ เขาเดินไปเปิดประตูห้องก่อนที่ตาสีครามต้องเบิกกว้างเพราะแขกไม่ได้รับเชิญเจ้าเก่า
  เด็กสาวผมยาวสีน้ำตาลแดงนั่งอยู่บนโซฟาอย่างสบายอารมณ์ เธอปิดหนังสือในมือก่อนจะโบกมือทักทายเจ้าของห้องอย่างสบายๆเหมือนปกติ
“งาย~ เป็นไรไปเรย์? ตื่นเต็มตาเลยเหรอ?” วิเวียนแซว
“เอ่อ..นิดหน่อยครับ” เรย์ตอบพร้อมกับรีบจัดชุดนอนที่ดูหลุดลุ่ยชอบกลให้เรียบร้อย คนนอนดิ้นเหมือนดิ้นในดิสโก้เธคก็เงี้ยแหละ
“ไปล้างหน้าซะปะ”
“คร้า~~บบบ..บบ..”
“หวีผมด้วยนะ ตลกจะตายอยู่แล้ว”
“คร้า~บบ..บ..”
“แปรงฟันด้วยเลยสิ”
“คร้า-บ..บ..”
“อาบน้ำเปลี่ยนชุดเลยก้อดีนะ”
“คร้า-บ...”
“เสร็จแล้วก้อทำข้าวเช้าให้พี่กินด้วยล่ะเรย์”
“คร้า..บ.. หา!?” เรย์หันขวับ วิเวียนเลิกคิ้ว
“มีไรเหรอ? ไม่ไปล้างหน้าซะล่ะ?”
“ทำมายผมต้องทำข้าวเช้าให้พี่เสวยด้วยละคร้าบบ!?” เรย์โวยวายพร้อมปราดเข้าไปหาวิเวียนที่นั่งกระดิกนิ้วเท้าอยู่ที่โซฟาอย่าสบายใจเฉิบ
“ก้อเพราะพี่รอเรย์ตื่นนอนตั้งนานก้อเลยหิวแล้วอ่ะสิ”
“แล้วไมไม่ทำทานเองตั้งก่ะอยู่ที่ห้องอ่ะ”
“พี่ ขี้ เกียจ ทำ”
  . . .สี่พยางค์ สั้นๆง่ายๆแต่ความหมายลึกซึ้ง~ เรย์ยอมแพ้ก่อนจะลากขาไปล้างหน้าแปรงฟันและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะที่วิเวียนคว้ารีโมตคอนโทรนมาเปิดมีวีดูข่าวช่วงเช้าอย่างสบายอารมณ์ระหว่างรอข้าราชบริพารที่อยู่ในห้องน้ำออกมาทำกับข้าวให้เสวย
“เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นที่ทุ่งร้างในอาณาเขตเมืองกอนโดรสเมื่อคืนวานค่ะ” นักข่าวสาวสวยที่โป๊ะเครื่องสำอางเต็มหน้ารายงานข่าว “ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่ามีแสงสีขาวเหมือนฟ้าผ่ากับสายฟ้าสีดำปรากฏขึ้นที่เนินกลางทุ่งร้างค่ะ แสงทั้งสองแบบเกิดขึ้นเร็วมากและหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้เห็นเหตุการณ์ไปถึงก็พบเพียงซากต้นไม้ที่เหมือนโดนฟ้าผ่าใส่ค่ะ”
“เฮ้อ~ น่าเบื่อจัง” วิเวียนถอนหายใจขณะมองข่าวบนจอแบบผ่านๆ
“ทั้งๆที่เมื่อคืนวานไม่มีเขตไหนที่ฝนตกหรืออากาศไม่ดีเลยนะคะ เหตุการณ์นี้นับเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติแบบใหม่หรือเปล่า เราลองไปถามนักวิชาการกันดูค่ะ คุณแอนดรูว์คะ..”
  ภาพจากห้องส่งตัดไปที่พิธีกรภาคสนามสาวสวย(ไปหมด)อีกคนที่นั่งยิ้มรออยู่กับชายในชุดสูทหรูสีขาวที่ห้องหนังสือขนาดใหญ่ แต่วิเวียนไม่ได้ใส่ใจ เธอกดรีโมตปิดโทรทัศน์ไปด้วยอารมณ์สุดเซ็ง
“อ้าว ปิดทำไมละครับ?” เรย์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพผมชุ่มน้ำลู่ไปกับต้นคอและแผ่นหลัง ทำให้เสื้อยืดชุ่มไปหมด เอ่ยถามพร้อมกับเช็ดผมด้วยผ้าขนหนู “ออกจาน่าสนใจ”
“น่าเบื่อออก” วิเวียนเถียง “อีกอย่าง พี่หิวแล้วนะเรย์”
“เอาแต่จาย~” เรย์ลากเสียงกวนๆ วิเวียนกระโดดดึ๋งขึ้นมาจากโซฟาเหมือนติดสปริง
“เรื่องมากจัง ก้อพี่หิวแล้วนี่นา~!” เด็กสาวบ่นก่อนจะเดินมาดันตัวเรย์เข้าไปในห้องครัว
“ไหนๆก้อมาห้องครัวแล้วพี่วิเวียนทำเองเลยสิคร้าบบ!” เรย์พยายามเบรค
“ม่ายอาว พี่จาดูว่าเรย์ทำกับข้าวห่วยขนาดไหนด้วยนี่” วิเวียนเถียงพร้อมออกแรงดันมากขึ้น
“ทำเองๆๆๆ”
“ม่ายอาววว” วิเวียนส่ายหน้าไปมา “พี่หิวแล้วน้า”
“หิวก้อทำทานเองงงง”
“หิวแล้วน้าๆๆๆ กิน ‘เลย์’ ดีก่า~~! ง่ำๆๆ” วิเวียนแกล้งแซวชื่อเรย์ก่อนจะแยกเขี้ยว
“ว๊ากๆๆๆ เชื่อแล้วคร้าบบบ เด๋วทำให้ๆๆๆๆ” เรย์รีบพุ่งเข้าไปในครัวจนวิเวียนเซไปข้างหน้าเพราะยังออกแรงผลักอยู่เมื่อครู่
“คิก..” เด็กสาวหัวเราะเบาๆขณะดูรุ่นน้องวิ่งวุ่นหัวหมุนไปทั่วห้องครัว
“อ๋า” เรย์ร้องขึ้นเมื่อไข่ดาวที่เขาทอดทิ้งไว้ขณะไปเตรียมขนมปังเริ่มส่งกลิ่นไหม้ “อะจ๊ากๆๆ”
“โอ๊ยย! ดูไม่ได้เลยเรย์เอ๊ยย!” วิเวียนที่ทนดูมานานร้องขึ้นพร้อมพุ่งเข้าไปจัดการเรื่องในครัว เด็กสาวเสนอจะสาธิตวิธีทอดไข่ดาวให้น่าอร่อยให้กับเรย์
“ม่ายอาวอ่ะครับ ผมไปเตรียมหนมปังทาเนยกะทูน่าก่อนดีก่า.. แอ๊ก!” เรย์ทำท่าว่าจะเดินไปอีกซีกของห้องครัวแต่ถูกวิเวียนล็อกคอกลับมาหน้าเตาแก๊ส
“ไม่ต้องเลย ตั้งใจดูดีๆ (- -+) “
“ค้าบ (T-T) “ เรย์ลูบคอตัวเองไปมาพลางนึกในใจ ‘เผด็จการๆๆๆ..’
“ฮัดชิ้ว~!” วิเวียนจามเบาๆ “อาไร แอบนินทาไรพี่ในใจฮะ!?”
“ง่ะ ผมเปล่านะ!” เรย์รีบปฏิเสธ แต่ในใจน่ะเหรอ ‘รุได้โงยยยย!?’
“ไม่ต้องเลยๆ.. เถอะ ดูดีๆนะ”
“คร้าบๆ” เรย์พยักหน้าแต่มองไปทางโต๊ะที่วางขนมปังทิ้งไว้
“แล้วนั่นจาหันไปทางอื่นทำม๊ายย!?”
“ก้อมานเบื่อนี่นา-!”
“จาดูดีๆมะ..”
“สุดท้ายพี่วิเวียนก้อเข้าครัวเองนิ” เรย์เอ่ยขึ้นก่อนจะเดินตัวปลิวกลับไปห้องนอน
“เออเนอะ ก้อจริง.. อ้าวเอ๊ย! อีตาเรย์บ้า กลับมานี่น้า~!!”
“ม่ายอาวววว!!” เด็กหนุ่มรีบปิดประตูห้อง
“มานี่เลยยย!!!” ทว่าหมัดหิมะโปรยของวิเวียนก้อสามารถทะลวงประตูเอาตัวเรย์ออกมาจนได้..
“ม่ายยยๆๆๆๆ!..” เรย์ร้อง แต่จะร้องดังก้อไม่ได้เพราะโดนล็อกคออีกแล้ว โอ้ว่าอนิจจา กรรมของพระอภัยมณี อ้าว มั่วเรื่องแล้วนิ งิงิ
“มานี่! พี่จาสอนเคล็ดลับให้”
“เกรงจาย~อ่ะครับ”
“จาดูดีๆหรือจาดูทั้งน้ำตา.. (-*-+) ”
“ดูค้าบ.. (= =\" ) “
  และแล้วห้องครัวของเรย์ก้อเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงโวยวายต่างๆนานา ทั้งจากที่เรย์ทำไข่ตกแตกไปหลายฟอง ทั้งจากที่วิเวียนมัวแต่ทำความสะอาดพื้นจนไข่บนกระทะไหม้ ทั้งจากความวุ่นวายอลหม่านในครัว.. เป็นที่สนุกสนานเฮฮาปาร์ตี้น่าดูชม..
. . . . .
. . .
  สายลมพัดผ่านหน้าต่างเสียงหวีดหวิวฟังดูให้รู้สึกเศร้าสร้อยอย่างประหลาด แสงจันทร์ที่ฉายส่องผ่านเข้ามาภายในห้องนอนของเด็กหนุ่มผมยาวดูจางๆ มันส่องให้เห็นบรรดาข้าวของทั้งหลายในห้องที่ตั้งบนพรมสีฟ้า ไม่ว่าจะเป็นเตียงที่เจ้าของห้องวัยสิบเจ็ดปีนอนอยู่ คอมพิวเตอร์จอแบนสีขาวที่ตกแต่งมุมเครื่องและมุมหน้าจอด้วยพลาสติกสีฟ้าใส ตู้สีขาวสำหรับใส่เสื้อผ้า โต๊ะสำหรับนั่งอ่านหนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือเรียนและกระดาษต่างๆมากมายรวมทั้งเครื่องประดับของเด็กหนุ่ม
  เรย์พลิกตัวไปมาในผ้าห่ม พลางฝันถึงดินแดนที่แห้งแล้งและเมืองใต้ดินที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีใบหูเรียวยาวและผิวสีเทา เมืองของดาร์คเอลฟ์..
แกร๊กๆ..
  เสียงประตูห้องของเด็กหนุ่มดังแว่วมาเบาๆก่อนประตูห้องจะค่อยๆเปิดแง้มออกมาทีละน้อยๆ แสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาในห้องไม่สามารถฉายแสงไปถึงจุดที่ผู้มีเยือนยืนอยู่ได้ แต่เมื่อบุคคลปริศนาได้ก้าวย่างเท้าเข้ามาในห้อง แสงจันทร์ก็สามารถส่องกระทบกับร่างที่ดูบอบบางนั้น ผิวสีขาวละเอียดราวกับหิมะ.. ผู้บุกรุกเข้ามาเป็นเด็กสาวในชุดเสื้อสีขาวกางเกงขายาวสีฟ้า
ตุบ..ตุบ...
  ร่างบางค่อยๆเดินอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้แสงจันทร์จะส่องให้เห็นเพียงใต้บ่าลงไปถึงเท้า แต่ก็ยังพอเห็นรางๆว่าดวงตาเรียวคู่นั้นกำลังเหลือบมองเด็กหนุ่มที่นอนบนเตียง ก่อนสายตาจะตวัดไปทางโต๊ะที่เต็มไปด้วยหนังสือ ที่ชั้นวางหนังสือด้านบนของโต๊ะมีหนังสือเรียงรายเต็มไปหมด และที่อยู่ทางขวาสุดคือเครื่องรางคริสตัลใสสีฟ้าอ่อนรูปเทวีที่มีใบหูเรียวยาวและผมที่ยาวสยาย เธอหลับตาและกุมมือเหมือนอธิษฐาน ที่กลางหลังมีปีกสีขาวงอกออกมาจากชุดคลุม
  มือของเด็กสาวลึกลับค่อยๆยื่นไปหาเครื่องรางนั้น ก่อนนิ้วเรียวยาวจะรวบมันมาไว้ในมือ! เธอกำลังจะหยิบเครื่องรางเทวีอีวาใส่กระเป๋ากางเกงและหันหลังออกไปจากห้อง แต่เจ้าของห้องก็รู้สึกตัวขึ้นมาเสียก่อน..
“..พี่วิเวียนเหรอ..?” เรย์พึมพำก่อนจะลุกขึ้นมาจากเตียง ก่อนจะสบตากับเด็กสาวที่เริ่มมีทีท่าว่าทำตัวไม่ถูก “..!? อ่ะ.. ใครน่ะ!?” เรย์ถามเสียงดังก่อนจะลุกพรวดขึ้นมายืนประจันหน้ากันเด็กสาว
“ชู่.. เงียบๆสิ” เด็กสาวรีบเอานิ้วชี้แตะปากตัวเองเป็นสัญญาณให้เบาเสียง เธอก้าวเข้ามาใกล้เรย์
  ตอนนี้แสงจันทร์สามารถส่องให้เห็นเธอได้ทั้งตัวแล้ว เรย์แทบจะไม่หายใจเพราะเธอคือคนที่เขาตามหาตัว ผมยาวสลวยสีแดงเพลิง ดวงตาเรียวสีแสด เธอคือเด็กสาวที่เขาเจอที่หัวมุมถนนใหญ่ของครอสเซ็นเตอร์เมื่อตอนที่เขาแจกใบปลิว!
“อ่ะ..เธอคือ?” เรย์มองตามเด็กสาวที่ถอนหายใจแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของโต๊ะอ่านหนังสือ
“ฉันมั่นใจว่าสามารถอธิบายเรื่องนี้ให้เธอฟังได้นะ เพราะฉะนั้นเงียบๆก่อนนะ” เธอกล่าวพร้อมกับเอามือทั้งสองข้างมาประสานจะไว้บนตัก
“. . .” เรย์พยักหน้าโดยยังจ้องเธอไม่กระพริบ เขานั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะคอมพิวเตอร์โดยพยายามไม่นั่งใกล้เธอเกินสมควรตามมารยาท
“ข้อที่หนึ่งนะ ฉัน ไม่ ใช่ ขโมย” เด็กสาวผมแดงรีบบอก
“แล้วทำไมเธอเข้ามาในห้องผม?” เรย์ถาม
“ฉันมาเพื่อนำเจ้านี่กลับไป” เธอเอ่ยพร้อมชูเครื่องรางอีวาในมือ
“!?” เรย์เบิกตากว้างด้วยความตกใจและงุนงง “แต่นั่นมันของผมนี่ เจ้าของร้านขายเครื่องที่ครอสเซ็นเตอร์ให้ผมมา เธอเองก็เคยไปดูที่ร้านมาแล้วนี่”
“ใช่ๆ ฉันยอมรับว่าไปดูมาแล้วและนี่เป็นของนาย” เธอพยายามอธิบาย “แต่มีเหตุจำเป็นที่ฉันต้องนำมันกลับไปที่บ้านเกิดของฉัน”
“ผมไม่เข้าใจ” เรย์ขมวดคิ้ว
“อืมม..” เด็กสาวเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน “นายสัญญาได้มั้ยว่าจะไม่บอกใคร?”
“นั่นก็ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่เธอจะเล่า” เรย์ตอบ “แต่ถ้าไม่มีเหตุผล ผมก็จำเป็นที่จะต้องเรียกเพื่อนผมมาเพื่อจับคุณส่งอาจารย์เสีย”
“เฮ้อ.. ก็ได้ๆ” เธอยกมือยอมแพ้ก่อนจะเล่า “..ฉันมีเชื้อสายเอลฟ์”
“หา!?” เรย์เกือบจะเผลออ้าปากค้าง
“นายจะเชื่อหรือไม่ก้อตามใจนะ” เด็กสาวเอ่ยเสริม “อย่างที่บอกไปตะกี้นี้ พ่อของฉันเป็นเอลฟ์ ฉันโตมาท่ามกลางเผ่ามนุษย์ ตอนนี้ที่หมู่บ้านเอลฟ์มีการกวาดล้างเผ่าพันธุ์ที่ได้ทรยศต่อพวกเรา คือเผ่าดาร์คเอลฟ์ และตอนนี้ก็หลงเหลือเพียงส่วนน้อยในพื้นที่ในอาณาเขตมนุษย์และที่อยู่ในหมู่บ้านดาร์คเอลฟ์เท่านั้น”
“โดนกำจัดไปเกือบหมดแล้วงั้นสิ..” เรย์พึมพำ
“นายดูข่าวเมื่อตอนเช้ารึเปล่า? ที่ว่ามีฟ้าผ่าต้นไม้ที่ทุ่งร้างแถวเมืองกอนโดรสน่ะ?”
“นิดหน่อย” เรย์ยักไหล่
“นั่นก็คือหนึ่งในบรรดาดาร์คเอลฟ์ที่เป็น ‘เหยื่อ’ จากการกวาดล้างของกองกำลังกวาดล้าง ‘กลุ่มสังหารดาร์คเอลฟ์’..” เด็กสาวเอ่ยเสียงเครียด
“. . .” เรย์นั่งฟังเงียบๆ มือทั้งสองถูกนำมาประสานกับอยู่ใต้คาง ตอนนี้เขานึกถึงดาร์คเอลฟ์ที่เขาได้เจอที่ ‘โลกหลังความตาย’ เป็นอย่างแรก ตามมาติดๆด้วยภาพความทรงจำที่แวบเข้ามาในหัวเขาตอนที่หาประวัติของเครื่องราง นั่นก็พอจะยืนยันได้ว่ามีดาร์คเอลฟ์อยู่จริงๆ.. หวังว่านะ
“ตอนนี้นักรบและนักเวทย์เอลฟ์ทุกคนต้องการกำลังใจในการบุกเข้ารบกับดาร์คเอลฟ์เป็น ‘ครั้งสุดท้าย’ ดังนั้นรูปปั้นหรือรูปวาดอะไรก็แล้วแต่ของเทวีอีวาคือแหล่งกำลังใจของเอลฟ์ทุกคน” เด็กสาวเล่า “ผู้อาวุโสของหมู่บ้าน ท่านลูซเฟล จึงได้สั่งให้ฉันและผู้ที่มีเชื้อสายเอลฟ์กลุ่มหนึ่งออกไปรวบรวมรูปเทวีอีวาสำหรับนำไปหลอมรวมกันเป็นรูปปั้นยักษ์เพื่อเรียกขวัญกำลังใจสำหรับทุกคน”
“เดี๋ยวๆๆ..” เรย์ขัด “ลูซเฟลเป็นใคร?”
“. . .” เด็กสาวดูอึ้งๆ “แนะนำว่าอย่าเรียกท่านห้วนๆอย่างนั้นอีกจะดีกว่านะ”
“. . . (- -) “ เรย์ทำหน้าเหมือนไม่พอใจคนที่ชื่อลูซเฟล เหมือนเขาจะรู้จักและโกรธแค้นอะไรเขาคนนั้นซักอย่าง เพียงแต่ ‘เขาจำไม่ได้’ เท่านั้น แต่เขาจะไปรู้จักกับเอลฟ์ได้ยังไง?
“ท่านคือผู้นำของหมู่บ้านเอลฟ์ มีอำนาจสูงสุด และเป็นผู้ที่เสนอการกำจัดเผ่าพันธุ์ของดาร์คเอลฟ์ออกไปจากโลกใบนี้ให้สิ้น” เด็กสาวเล่าด้วยท่าทีขึงขัง
“พวกบ้าอำนาจนี่เอง..” เรย์พึมพำ เด็กสาวยักไหล่เหมือนจะไม่คัดค้าน เห็นด้วยแต่ไม่แสดงออก
“เถอะ ตอนนี้อยากจะขอให้นายยกเครื่องรางนี่ให้ฉัน” เด็กสาวขอ
“ถ้าเป็นตามที่เธอเล่ามาจริงๆ ผมก็ยินดีจะมอบให้” เรย์เอ่ยเรียบๆทว่าดวงตาสีครามดูดุดัน “แต่เธอมีหลักฐานรึเปล่าว่าเป็นเช่นนั้นจริง?”
“. . .” เด็กสาวนั่งเงียบก่อนจะส่ายหน้า “บอกแล้วไง นายจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจนาย”
“ก็แค่อยากได้การยืนยัน” เรย์ยักไหล่ “งั้นก้อช่วยเล่าเรื่องลูซเฟลให้เพิ่มหน่อยแล้วกัน”
“บอกว่าอย่าเรียกห้วนๆ..” เด็กสาวทำหน้าไม่พอใจ “เล่าแล้วนายจะยอมให้มั้ยล่ะ?”
“ก้ออาจจะ~” เรย์พูดยานคางแบบกวนๆ
“. . .” เด็กสาวถอนหายใจอย่างแรงก่อนจะเล่าเพิ่ม “ท่านเคยเข้าร่วมรบกับ ‘กลุ่มสังหารดาร์คเอลฟ์’ ในตอนแรก และได้สังหารผู้นำตระกูลใหญ่ของดาร์คเอลฟ์ เลโครว” เธอว่า “หลังจากนั้นท่านก็ออกจากกองกำลังสังหารดาร์คเอลฟ์ หลายสิบปีต่อมาท่านก็ได้หายตัวไปจากหมู่บ้านระยะหนึ่ง มีข่าวลือว่าท่านได้ออกไปเพื่อกำจัดทายาทคนสุดท้ายของตระกูลใหญ่นั้น..” เสียงของเธอดูสั่นๆ
“เป็นอะไรไป?” เรย์เลิกคิ้วเมื่อเห็นความผิดปกติของน้ำเสียงเธอ
“เปล่า.. แค่นึกถึงคนที่เคยรู้จักน่ะ..” เด็กสาวส่ายหน้า “เล่าต่อนะ”
“. . .” เรย์พยักหน้าแต่กลับมองเธอแทบตาไม่กระพริบเหมือนจะเป็นห่วงความรู้สึกเธอ.. เดี๋ยวสิ.. ทำไมเขาต้องแคร์คนที่ไม่รู้จักล่ะ? . . . ช่างเถอะ ตอนนี้ห่วงตัวเองจะเข้าท่ากว่า เพราะตอนนี้เหมือนหน้าผากเขาจะเริ่มร้อนผ่าวๆแล้ว.. ‘สังหรณ์ใจไม่ดีเลยให้ตายสิ..’ เด็กหนุ่มรู้สึกว่าตาเริ่มพร่า เขาพยายามเพ่งสายตาไปที่พื้นพร้อมกับยืนขึ้น
“..หลังจากนั้นท่านก็กลับหมู่บ้านและไม่พูดอะไรเกี่ยวกับการหายตัวไปของตัวท่านเองอีกแม้แต่น้อย..\" เด็กสาวเล่าจนจบก่อนจะเลิกคิ้ว “นายเป็นอะไรรึเปล่า?”
“..อื๋อ?..มะ..ไม่เป็นไรหรอก..” เรย์ส่ายหน้าทั้งๆที่เริ่มเซ เขาเอามือยันพนักเก้าอี้ไว้ก่อนจะรู้สึกได้ว่าอุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นอีกครั้ง!
“ไม่เป็นไรแน่นะ?..” เด็กสาวถามเหมือนไม่เชื่อ ก็ในเมื่อเธอเห็นว่าหน้าผากของเด็กหนุ่มเรืองแสงสีแดงเพลิงออกมาเป็นรอยอะไรสักอย่าง เช่นนี้จะให้เชื่อได้อย่างไร “นาย!?”
“อุ๊บ..” เรย์กัดฟันพร้อมพยายามยันตัวขึ้นมายืนแต่แรงดันทำให้พนักเก้าอี้หมุนหันไปอีกทาง ตัวของเขาค่อยๆล้มลงไปนอนฟุบบนพื้น!
“อ๊ะ.. นาย! นี่!?” เด็กสาวผมแดงร้องขึ้นพร้อมกับปราดเข้าไปคุกเข่าข้างๆเรย์
“อึ๊ก..” เรย์ขมวดคิ้วแน่น รู้สึกทรมานเหมือนหัวจะระเบิดอีกครั้ง “อ่ะ..”
“นี่!!”
“อ่ะ..อ๊าาากกกกกก!!” เด็กหนุ่มกรีดร้องเสียงดังลั่น มือทั้งสองกุมหน้าผากแน่นโดยไม่รู้ตัว
“ทำใจดีๆไว้!” เด็กสาวร้องก่อนจะพึมพำอะไรสักอย่างคล้ายเสียงร่ายมนต์
“อ๊าากก!” เรย์กัดฟันแน่น
“ฮีล!!” สาวลูกครึ่งเอลฟ์ร่ายเวท พริบตานั้นแสงสีแดงอ่อนก็ปรากฏขึ้นเป็นวงกลมรอบตัวเธอ ก่อนจะแสงสีทองทอประกายสีแดงอ่อนที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นจะฉายลงมาบนร่างเรย์
“อึ่ก..” เรย์รู้สึกว่าหน้าผากค่อยๆหายร้อน ราวกับพายุไซโคลนในมหาสมุทรที่ค่อยๆสงบตัวลงไป.. และเหมือนกับไฟที่ถูกน้ำราดดับไป เขาอดคิดไม่ได้ว่าบางทีอาจจะมีไอน้ำกลุ่มใหญ่ลอยออกมาจากหน้าผากเขาก็ได้.. คิดเองเพียงเท่านี้ตาของเขาก็ค่อยๆปิดลง ก่อนสติจะค่อยๆหลุดลอยไป..
  ภาพแปลกๆโผล่เข้ามาในหัวเขาอีกแล้ว.. เป็นภาพที่น่าหวาดเสียวมาก เขากำลังพุ่งลงไปยังพื้นเบื้องล่างในระหว่างหุบเขาแปลกๆ เมื่อพยายามพลิกตัวกลับขึ้นไปมองจุดที่เขาตกลงมาก็เห็นชายในชุดคลุมสีขาวที่รู้สึกได้ว่ากำลังมองตามลงมาด้วยสายตาเย็นชา.. แล้วเขาก็ไม่เห็นอะไรอีก..
“ฟู่ว..” เซเรสถอนหายใจพร้อมกับปาดเหงื่อที่หน้าผาก เธอคิดว่างานของเธอหมดลงแล้วและควรจะนำค่าตอบแทนของการช่วยเหลือไปเสียที ก่อนจะทำท่าว่าจะเอาเครื่องรางใส่กระเป๋าและเดินออกไปจากห้องนี้ ทว่าบางอย่างก็ทำให้เธอต้องชะงัก..
  มือของเรย์ที่เคยกุมหน้าผากแน่นค่อยๆตกลงมาบนพรมสีฟ้า เผยให้เห็นรอยบางอย่างที่ยังเรืองแสงสีแดงเพลิงอยู่บนหน้าผาก เด็กสาวเพ่งมองมันก่อนจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
“นี่มัน..” เด็กสาวผมยาวพึมพำขึ้นหลังจากสังเกตเห็นรอยบางอย่างที่หน้าผากเรย์ซึ่งเริ่มจางลงเรื่อยๆจนหายไปในที่สุด เธอขมวดคิ้วพร้อมกับพึมพำ “..ไม่น่าจะเป็นไปได้นี่..”
. . .
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น