ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -:-ThE [L]egend Of CursE-:-

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 : คุมอารมณ์ไม่อยู่ ได้ฤกษ์ช็อกสนิทที่ห้องพยาบาล

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 48


    “นักเรียนทำความเคารพ!” เสียงหัวหน้าห้องดังขึ้น นักเรียนในชั้นพากันลุกขึ้นทำความเคารพอาจารย์ชายที่ก้าวเข้ามาในห้อง ผมยาวสีดำขลับมัดรวบไว้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มดูทั้งเข้มงวดและสนุกสนานอย่างประหลาด ที่แก้มข้างขวามีรอยแผลเป็นเป็นรอยยาว



    “ตามที่เคยแจ้งไว้ในชั่วโมงก่อน ชั่วโมงนี้จะเป็นการทดสอบสมรรถภาพ” อาจารย์อลันประกาศ



       โดยไม่ต้องสั่งอะไรมากมาย นักเรียนทุกคนย้ายถิ่นไปที่โรงยิมทันที หลังเปลี่ยนชุดแล้วยิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือสิ่งที่เรย์เกลียดที่สุด การจับคู่ซ้อมร่ายเวท



    “เฮ้อ..” เรย์ถอนหายใจพร้อมกับไปนั่งที่มุมห้องเงียบๆ ยังไงซะก็ไม่มีใครคิดจะเลือกเขาเป็นคนแรกอยู่แล้วนี่ สู้อยู่นิ่งๆรอคนที่ไม่มีคู่มาจับคู่ด้วยเลยง่ายที่สุด เด็กหนุ่มหัวเราะสมเพชตัวเองเบาๆ



    “เฮ้ เรย์มอนด์ มานั่งทำไรอยู่ตรงนี้” อลันเดินมาถาม เรย์เงยหน้าขึ้นไปสบตากับอาจารย์



    “เปล่าครับ” เรย์ก้มหน้า



    “ครูถามว่า ‘ทำอะไร’ ไม่ใช่ ‘ทำรึเปล่า’ ” อลันนั่งยองๆข้างๆเรย์ “เห็นนั่งแบบนี้แทบทุกชั่วโมงเลยนี่”



    “. . .” เรย์ทำหน้าซึม



    “มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”



    “..มีครับ”



    . . .



    “ประกาศเพิ่มเติมหน่อย การทดสอบวันนี้จะเป็นแบบทีมแทน” อลันเดินบอกนักเรียน ทุกคนมองหน้ากันอย่างงงๆ



    “อาจารย์ครับ ทีมละกี่คนครับ?”



    “สี่คน” อลันตอบพร้อมชูสี่นิ้ว เรย์ที่ยืนอยู่ข้างหลังค่อยๆยิ้มออก



    “อาจารย์ฮะ..” เด็กหนุ่มปลื้มใจเหลือเกินที่มีอาจารย์แบบอลัน



    “หึๆ ทำให้ทีมเห็นคุณค่าของนายหน่อยนะ” อลันยิ้มยิงฟันพร้อมชูนิ้วโป้งให้กำลังใจ จับกลุ่มคราวนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายแบบทุกวันละนะ..







    “เรย์~ เรียนวันนี้เป็นไงมั่งจ๊ะ?” วิเวียนเดินเข้ามาทัก เรย์หันไปยิ้มให้



    “สนุกมากเลยครับ”



    “เหรอ~ ปกติเห็นซึมประจำนี่ อิอิ”



    “แหะๆ”



       ทั้งสองคนเดินไปคุยไปเรื่อยๆเหมือนกับทุกวัน ถึงวิเวียนจะอยู่คนละห้องกับเรย์แต่เธอก็ยังสามารถคุยกับเรย์ตอนเลิกเรียนได้เสมอ



    “จริงด้วย วันนี้ลองไปหาคุณปู่มะ?” วิเวียนชวน



    “ปู่อีวานน่ะเหรอครับ?”



    “ช่ายแล้ว” วิเวียนยิ้ม



    “อืม~ ได้ครับ” เรย์นึกถึงเครื่องรางที่อีวานใส่มาให้ก่อนเป็นอันดับแรก เขาจะต้องเอาเงินไปจ่ายซะก่อน จะได้ถามเกี่ยวกับมันไปด้วยเลย.. ทว่า ท่ามกลางความคิดที่พันกันยุ่งเหยิงนี้ ภาพของเด็กสาวผู้มีผมยาวสีแดงเพลิงคนนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว เรย์ยังจำดวงตาสีแสดที่ดูเหมือนมีเปลวไฟปะทุอยู่ข้างในนั้นได้.. แต่อะไรนะนอกจากสีผมและสีตาที่ทำให้เธอดูโดดเด่นติดตาเขาต่างจากคนอื่น..



    “เรย์?” วิเวียนสะกิดเด็กหนุ่มเบาๆ



    “ค..ครับ?” เรย์รีบหันกลับไป



    “โอ๊ย~ เป็นไรไปเนี่ย เดินเหม่อมาก้อตั้งนานแล้วนะเรย์” วิเวียนว่า “หรือว่าเรย์..ไม่ชอบเดินคุยกับพี่แล้วเหรอ.. เบื่อแล้วเหรอ?”



    “ป..เปล่าเลยครับ เปล่าจริงๆนะครับพี่วิเวียน!” เรย์รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน



    “เหรอ..” วิเวียนสบตาเรย์เหมือนจะอ่านใจ



    “งั้น ผมไปเอาของแปบนะฮะ” เรย์หลบตาก่อนจะก้าวฉับๆขึ้นลิฟต์ไปโดยมีวิเวียนมองตาม..





    . . .



    “โฮ่ๆๆๆ” อีวานหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ซอยเล็กๆที่เคยเงียบเหงา ตอนนี้มีลูกค้าแวะเวียนมาเรื่อยๆ ทำให้พ่อค้าแม่ขายในซอยมีความหวังขึ้นมาเยอะมาก “คิดถึงพวกเธอจริงๆ นึกว่าจะลืมคนแก่ๆคนนี่ซะแล้วสิเนี่ย โฮ่ๆๆ”



    “แหม จะลืมได้ไงคะคุณปู่” วิเวียนยิ้มก่อนจะสังเกตเห็นว่าเรย์ยังคงยืนเหม่อ สายตาที่ดูว่างเปล่าของเขามองไปยังมุมถนนใหญ่ “เรย์..”



    “หืม? อะไรครับ?” เรย์หันกลับมายิ้มให้ตามปกติ.. เหมือนกับปกติ..



    “เป็นอะไรมากป่าวเนี่ย?” วิเวียนชะโงกหน้ามองหน้าเรย์ เด็กหนุ่มหันหน้าไปทางอื่น



    “เปล่านี่ครับ” เรย์ตอบด้วยท่าทางซื่อๆ  ก่อนจะหันไปหาอีวานพร้อมกับหยิบเครื่องรางเทวีอีวาออกมาจากกระเป๋า “เอ้อ ปู่ครับ ไมเอาไอ้นี่ใส่มาในเป๋าผมอ่ะ?”



    “โฮ่ๆๆ” อีวานหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “จำนักรบสิงโตทองคำได้มั้ยล่ะเจ้าหนุ่ม?”



    “จำได้สิครับ” เรย์ยิ้ม



    “เขาฝากไอ้นี่ให้ปู่มอบให้คนที่คิดว่าใช่..



    “หา?” เรย์และวิเวียนร้องขึ้นพร้อมกับพลางรีบถอยกรูดออกไปตั้งหลัก



    เฮ่ย! คิดไปถึงไหนพวกเธอนี่” อีวานเอ็ด “หมายถึงคนที่คิดว่าใช่ทายาทของเขาต่างหาก”



    “ผ..ผมเนี่ยนะทายาทของนักรบสิงโตทองคำ?” เรย์ชี้ที่ตัวเอง



    “ก็แค่ ‘คิด’ นี่” อีวานพยักหน้า



    “แล้วเค้าบอกอะไรเกี่ยวกับเครื่องรางนี่อีกมั้ยครับ?”



    “ก็.. เจ้าหนุ่มเห็นภาพนิมิตหรืออะไรทำนองนี้บ้างรึเปล่าล่ะ?”



    “เห็นครับ” เรย์ตอบด้วยท่าทีจริงจัง



    “อืม~ เขาให้ฝากบอกคนที่เห็นภาพนิมิตว่า.. อะไรนะ.. อ้อ ‘จงช่วยตระกูลของเจ้า ให้พ้นจากคำสาปของคนกลับกลอก’ เขาบอกมาอย่างนี้นี่แหละ ถ้าจำไม่ผิดนะ” อีวานยักไหล่



    “คำสาปเหรอ..” เรย์พึมพำ ถ้าพูดถึงคำสาป คนแรกที่เขานึกถึงก็คือดาร์คเอลฟ์คนนั้น



    “ฟังดูแปลกดีเนอะ” วิเวียนเอ่ยขึ้น ทำเอาเรย์สะดุ้งเฮือก “เห็นภาพอะไรเหรอเรย์” เด็กสาวจ้องเรย์เขม็งราวกับจะเป็นเครื่องจับเท็จ



    “เอ้อ.. คือ..” เรย์รีบมองหาช่องถามเลี่ยงการตอบคำถาม จังหวะนั้นเองที่เขาเกือบลืมหายใจเพราะคนที่เดินผ่านเขาและวิเวียนเข้าไปในร้านของอีวาน.. ‘..ผู้หญิงคนนั้น..’



    “ปู่คะ มีเครื่องรางโบราณของเผ่าเอลฟ์มั้ยคะ?” เด็กสาวผมยาวสีแดงเพลิงท่าทางร่าเริงเอ่ยถามด้วยเสียงหวานใส ตาสีแสดมองไปรอบๆร้าน เธอคือคนที่เรย์เคยเจอตอนแจกใบปลิว!



    “มีสิครับคุณหนู” อีวานยิ้มให้พร้อมยกกล่องเหล็กที่ข้างในบุด้วยกำมะหยี่มาวางบนเคาน์เตอร์ เขาเปิดกล่องให้เด็กสาวดูเครื่องรางโบราณภายในกล่อง



    ‘ผู้หญิงคนนั้น..’ เรย์เกือบเดินไปข้างหลังเธอโดยไม่รู้ตัวถ้าวิเวียนไม่ยึดตัวไว้



    “ว้า ไม่มีแฮะ..” เธอพึมพำพร้อมกับส่ายหน้าก่อนจะขอตัวแล้วเดินจากไป



    “เป็นอะไรไปน่ะเรย์!? รู้จักคนนั้นรึไง?” วิเวียนถาม



    “พี่วิเวียน..” เรย์พูดขึ้นมา สายตายังคงมองไปที่เด็กสาวที่เดินหายลับไปที่หัวมุม “ผู้หญิงคนนั้น..” เขายังคงพึมพำคำเดิมจนวิเวียนต้องขมวดคิ้ว



    “เรย์.. นายเป็นอะไรไป..?”







    “นี่ แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร?” วิเวียนเอ่ยถามหลังเดินมาส่งเรย์ที่หน้าห้อง



    “โธ่พี่วิเวียนครับ ส่งถึงห้องแล้วยังไม่หายห่วงเหรอครับ ผมไม่ได้ซุ่มซ่ามอะไรมากมายนี่นา” เรย์ถอนหายใจ “ถ้าห่วงนักไปส่งที่ห้องนอนเลยมั้ยล่ะครับ?” เรย์แค่ตั้งใจจะถามเล่นๆนะ แค่เล่นๆ



    “เอาสิ หน้าเดินๆ” วิเวียนดันตัวเขาไปที่หน้าห้อง



    “หวาๆ” เรย์หันกลับไม่มองวิเวียนที่มีสีหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรซักอย่าง เขาขมวดคิ้วก่อนหันกลับไปเผชิญหน้ากับเธอ “พี่วิเวียน เป็นอะไรไปน่ะครับพี่?”



    “เปล่านี่” วิเวียนตอบเรียบๆแต่สีหน้าตรงกันข้าม



    “ก้อแล้วไมทำหน้าบูดเป็นก้นปลาหมึกงี้ละคร้าบ~..” เรย์ลากเสียงด้วยอารมณ์เหนื่อยใจ



    “เปล่าหน้าบูดซักหน่อย” ปากบอกไม่แต่หน้ายังบึ้งไม่เลิก เรย์เหงื่อตก



    “โธ่ไม่เอาน่าพี่วิเวียน พี่ไปส่องกระจกสิครับ หน้าพี่น่ะเหมือนไปโกรธใครมาเลย..” เรย์เอ่ยก่อนจะสะดุดหยุดกึก “..หรือว่าพี่วิเวียนโกรธผม?”



    “เปล่านี่ ไม่โกรธซักหน่อย” วิเวียนตอบ หน้ายังบึ้งเหมือนเดิมเด๊ะๆ



    “เฮ้อ..” เรย์ถอนหายใจ “โกรธแน่ๆดูแปบเดียวก้อรู้แล้ว”



    “ไม่ได้โกรธ”



    “โกรธชัวร์”



    “ไม่โกรธ..”



    “โกรธแหงๆ”



    “ไม่..”



    “โกรธ”



    “พี่ไม่ได้โกรธซักหน่อย!!” วิเวียนตะโกนใส่เรย์ดังลั่นห้องก่อนจะวิ่งออกไปนอกห้อง



    “อ้าวเฮ้!” เรย์รีบวิ่งตามออกไป “พี่วิเวียน!”



       เรย์ตะโกนเรียกเธอตลอดทางที่วิ่งตามเด็กสาวไป แต่วิเวียนก็ไม่ได้หันกลับมามองเขาหรือแม้แต่จะหยุดวิ่งเลยแม้แต่น้อย เรย์ไม่ชอบเอาซะเลย มันไม่เหมือนเก่า วิเวียนในตอนนี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ซึ่งนั้นแหละที่มักจะนำพาความซวยมาให้เธอประจำ



    กึก!!



       ทันขาดคำซะเมื่อไหร่ ขาขวาของเธอก้าวลงบันไดพลาด! ห่างจากพื้นนับสิบขั้น! วิเวียนเซเสียหลักก่อนจะล้มลงไปข้างล่างซึ่งมีพื้นซีเมนต์รอรับศีรษะของเธออยู่!!



    “ว้ายยย!!!” เด็กสาวหลับตาปี๋ ความรู้สึกเหมือนท้องเธอว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยแถมยังวูบๆด้วย



    “พี่วิเวียน!!” เรย์กระโจนลงบันไดตามไป มือของเขายื่นไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ “จับมือผมเร็ว!”



       พื้นอยู่ห่างจากศีรษะของวิเวียนเพียงนิดเดียวเท่านั้น มือของเธอที่พยายามยื่นไปหามือของเรย์ยังอยู่ห่างกันมากกว่าเสียอีก.. หมดหวัง.. เธอต้องน็อกอยู่ที่บันไดแน่ๆ.. อย่างต่ำก็หัวแตก.. เพียงแต่ว่าความหวังอันน้อยนิดก็ยังคงผลักดันให้เธอยื่นมือไปหาเรย์แม้จะห่างกันมากก็ตาม..



       มาถึงตอนวิกฤติเธอถึงได้รู้ว่าเธอเป็นพี่สาวที่ไม่ได้เรื่องที่คอยแต่หวังพึ่งน้องคนนี้ แม้แต่ตอนที่โกรธกันอย่างตอนนี้.. เธอก็ยังเผลอยื่นมือออกไปหาเขาก่อนโดยไม่รู้ตัว.. ไปหามือของเด็กหนุ่มที่ไม่เคยนึกโกรธเธอและพร้อมจะช่วยเหลือเธอเสมอไม่ว่าเธอจะโกรธเขาหรือไม่ก็ตาม.. และไม่ใช่เพราะเป็นสถานการณ์คับขันเพียงเท่านั้น.. แต่เป็นเพราะอะไรบางอย่างที่ตัวเธอเองก็ยังไม่แน่ใจ..



    “..เรย์..”



    . . .



    “พี่วิเวียนนน!!!”



    . . .



    ..ปึ้ก!!!!!..







    . . . . .



    . . .



       ทุกสรรพเสียงขาดหายไป เหมือนหูของวิเวียนจะไม่ได้ยินอะไรอีกเลยหลังจากเสียงของเรย์ ข้างหน้าไม่มีแสงสว่าง ทุกอย่างดำสนิท.. เธอหลับตาอยู่รึเปล่านะ.. หรือว่า..



    “อึ่ก..อืม..” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก วิเวียนกระพริบตาเพื่อปรับตาให้ชินกับแสงในห้องสีขาว ‘ที่นี่..ห้องพยาบาลสินะ..’



       เด็กสาวลองขยับแขน เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติมากมายเธอจึงค่อยๆพยุงตัวขึ้นมาจากเตียง ตอนนั้นแหละที่เธอเพิ่งจะรู้ว่ามีคนนอนฟุบหน้าอยู่ที่ขอบเตียงด้านขวามือเธอ



    “เรย์..?” วิเวียนพึมพำเสียงแผ่วเบา เด็กหนุ่มข้างๆเธอท่าทางจะหลับเป็นตาย แขนขวาของเขาถูกใช้หนุนแทนหมอน ส่วนแขนซ้าย..



    “..ชอบซุ่มซ่ามทำให้คนอื่นเดือดร้อนเหมือนเดิมเลยนะ” เสียงเสียงหนึ่งดังมาจากทางประตู วิเวียนเงยหน้าขึ้นมามอง เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มที่กำลังปิดประตูจ้องตาเธอตอบด้วยดวงตาสีฟ้าใส



    “อาโนลด์..” วิเวียนมองเพื่อนที่มีสีหน้าเป็นห่วงอย่างลำบากใจ



    “โดยเฉพาะหมอนี่ อุตส่าห์กันไม่ให้เธอหัวแตกนะเนี่ย” อาโนลด์เอ่ยเสียงเข้มพร้อมชี้ไปที่เรย์ซึ่งยังคงหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว



    “ฟรี้..” เด็กหนุ่มนอนอย่างสบายใจ ที่แขนซ้ายมีผ้าคล้องแขนที่เข้าเฝือกไว้



    “. . .” วิเวียนก้มหน้านิ่งก่อนจะทิ้งตัวลงนอน



    “เฮ่ย..” อาโนลด์ถอนหายใจก่อนจะนั่งลงบนเตียงข้างๆ



    . . .



       บรรยากาศในห้องพยาบาลที่ไม่มีคนอื่นนอกจากพวกเขาอยู่ดูเงียบเชียบ มีแต่เสียงหายใจของเรย์ที่ฟุบอยู่ข้างๆเตียงของวิเวียน



    “..นี่..” ในที่สุดเด็กสาวก็ออกปากพูด เธอมองเพดานสีขาวเหมือนเหม่อลอย



    “อะไร?” อาโนลด์เท้าคางหันหน้าไปทางอื่น เขามองออกไปทางนอกหน้าต่าง



    “ชั้นดู..งี่เง่ามากเลยใช่มั้ย?”



    “..รู้ก็ดี” อาโนลด์พึมพำแต่กลับไม่มีหมอนหรือแจกันเขวี้ยงมาที่เขา เด็กหนุ่มจึงหันกลับไปหาเพื่อนสาวที่นอนนิ่งบนเตียง “เป็นไรไปวีวี่?”



    “ไม่คุมอารมณ์ตัวเองจนทำให้เรย์พลอยซวยไปด้วย.. อยากเป็นพี่แต่ก็เป็นพี่ที่ไม่ได้เรื่องเลย” วิเวียนยังคงพูดต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะปาหมอนใส่อาโนลด์เหมือนก่อน



    “. . .” เด็กหนุ่มมีสีหน้าเคร่งขึ้นมา เขาลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างๆวิเวียน “อย่าซึมไปหน่อยเลยน่า”



    “. . .” วิเวียนนิ่งเงียบพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่น



    “นี่ ขืนเธอซึมอย่างงี้ใครจะยิ้มให้กำลังใจคนเจ็บอย่างไอ้เรย์ล่ะ? หือ?” อาโนลด์ถอนหายใจ



    “ชั้นไม่มีหน้าไปยิ้มให้เรย์หรอก” วิเวียนเอ่ยขัด



    “ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะยัยบ๊อง?”



    “ก็ชั้นทำให้เรย์ต้องเจ็บตัวนี่..”



    “..แต่อย่างน้อย แขนซ้ายผมก็ทำให้พี่วิเวียนไม่เป็นไรมากนี่ครับ” วิเวียนหันไปมองเด็กหนุ่มผมยาวที่เคยนอนฟุบอยู่ข้างๆ เรย์ยิ้มให้เธอเหมือนไม่เป็นอะไร “เนอะ~”



    “. . .” วิเวียนก้มหน้าก่อนจะยิ้มเศร้าๆ “อีตาบ้าเอ๊ย.. บ้าทั้งคู่เลย..”



    “เง้อ ว่าผมทำไมล่ะคร้าบ~” เรย์ร้องเหมือนไม่พอใจแต่ก็ยิ้ม



    “ยัยบ๊อง มาว่าชั้นบ้าได้โงยเนี่ยย!?” อาโนลด์โวยวาย



    “เรื่องของชั้นย่ะ!” วิเวียนเอ่ยก่อนจะทิ้งตัวลงไปจมกองหมอนท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน



    “อิอิ” เรย์ยิ้มยิงฟัน



    “นี่ เรย์” วิเวียนเรียก



    “ครับ?” เด็กหนุ่มหันกลับไปก่อนจะโดนดึงแก้มอีกครั้ง “โอ๋ยหยา~!”



    “โทษฐานทำพี่เป็นห่วง (>,<) “ วิเวียนแลบลิ้นใส่เรย์ที่แก้มบวมฉึ่งทั้งสองข้าง



    ฮ่าๆๆๆ! วี่นี่โหดเจงๆ..อุ๊บ!..” อาโนลด์หัวเราะก่อนจะโดนหมอนปาใส่หน้า



    “บอกว่าวิเวียนไงยะ” เด็กสาวเอ่ยเสียงแข็งก่อนจะแอบอมยิ้ม ‘ขอบใจนะ..ทั้งสองคนเลย..’



       เด็กสาวมองท้องฟ้านอกหน้าต่างพลางนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น ถ้าตอนนั้นเรย์ไม่วิ่งตามมาช่วยกันศีรษะเธอตอนนี้อาการเธอจะเป็นยังไงนะ..



    “อาโนลด์ นายออกไปก่อนดิ๊” เด็กสาวสั่งเพื่อนหนุ่มที่มองเธอด้วยสายตาไม่พอใจเหมือนจะพูดว่า ‘ยัยคนเอาแต่ใจเอ๊ยยย’



    “ชิ.. เรื่องมากจริง” อาโนลด์บ่นพึมพำก่อนจะลุกขึ้น เขาล้วงกระเป๋าหาอะไรซักอย่าง “เอ้า ของเยี่ยมไข้.. ตามมารยาทนะ!” เขารีบเอ่ยเสริมก่อนจะยื่นดอกไม้เล็กๆที่ทำจากแก้วให้วิเวียน



    “อุ๊ยตาย ขอบใจนะยะตาบ้า” วิเวียนรับมันมาก่อนจะวางไว้ที่หัวเตียง



    “ไปล่ะนะยัยบ๊อง.. แอ๊ก!” เด็กหนุ่มเอ่ยลาก่อนจะถูกหมอนกระแทกหลังดันตัวกระเด็นออกไปนอกห้องพยาบาล



    ปึ้ง..



    . . .



    “นี่เรย์” วิเวียนเอ่ยขึ้น เรย์ซึ่งเดินไปปิดประตูหันกลับมา



    “ครับผม?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว



    “มานี่ๆ” วิเวียนกวักมือ เรย์เดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆเตียงด้วยสีหน้าสงสัย ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะแดงซ่านเพราะเด็กสาวได้หอมแก้มเขาฟอดนึง..



    “อ่ะ..” เรย์ผงะออกห่างจากเตียงพร้อมกับมองวิเวียนที่นั่งยิ้ม



    “ขอบใจมากนะเรย์” เด็กสาวเอ่ยกับเรย์ที่หน้าแดงเหมือนลาวาในภูเขาไฟยังไงยังงั้น



    “อ่ะ..ค..ครับ ผ..ผม เอ่อ ..ข..ขอตัวก่อนนะครับ” เรย์เอ่ยเสียงตะกุกตะกักก่อนจะวิ่งออกไปจากห้อง



    “. . .” วิเวียนมองตามเรย์ไปเหมือนจะงงๆกับเด็กหนุ่มนิดหน่อยก่อนจะยิ้มพร้อมกับหัวเราะคิกคัก..





    . . .



    “เชียร์!” เสียงแก้วกระทบกันดังสนั่นภัตตาคารเล็กๆในครอสเซ็นเตอร์ ตามมาติดๆกันเลยด้วยเสียงหัวเราะสรวลเสเฮฮาของบรรดาเด็กหนุ่มเด็กสาวจากสถาบันมนต์ขาวไลท์ครอสหกคนที่มากินเลี้ยงฉลองการหายดีจากอุบัติเหตุของเรย์และวิเวียน



    “เฮะๆ” เด็กหนุ่มผมยาวสีน้ำตาลทองยิ้มยิงฟันก่อนจะดื่มของเหลวในแก้วรวดเดียวหมด เรย์ใช้หลังมือปาดคราบน้ำที่ริมฝีปากและคางออก



    “เฮ้ๆ กระดกรวดเดียวหมดเลยเหรอพวก~” แรนดอลฟ์แซวก่อนจะดื่มน้ำโซดาองุ่น



    “? เรย์ ดื่มอะไรเหรอ?” วิเวียนหันไปถามเรย์ที่นั่งอยู่ข้างซ้ายมือ



    “อ..อ๋า? ค..แค่น้ำเปล่าน่ะครับ (^^\') “ เรย์รีบหันไปตอบ



    “พิลึกชะมัด มาร้านอาหารทั้งทียังจะดื่มน้ำเปล่าอีก” อาโนลด์ว่าพร้อมกับโยนกุ้งชุบแป้งทอดลงไปในคออย่างแม่นยำ



    “น่านสิ เนอะรูดี้” แคลร์ที่นั่งเท้าแขนใช้หลอดเขี่ยน้ำแข็งในแก้วเล่นเอ่ยสนับสนุนพร้อมกับหันไปถามรูดอลฟ์ที่นั่งรับประทานสปาเก็ตตี้อย่างเมามัน



    “ (><\")(_ _\")(><\") “ เด็กหนุ่มผมเงินไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้าเพราะสปาเก็ตตี้ติดคอเรียบร้อย



    “เวงกรรม ติดคอเรอะรูดี้?” แรนดอลฟ์เอ่ยถามก่อนจะตบหลังน้องชายฝาแฝดดังปั้ก!



    “แอ่ก..! แค่กๆๆ!! (><\') “ รูดอลฟ์ก้มหน้าไปใต้โต๊ะก่อนจะทั้งไอทั้งสำลักทำเอาทุกคนฮากันกลิ้ง



    “นี่เรย์” วิเวียนสะกิด



    “ค..ครับ?” เรย์หันกลับมาอย่างรวดเร็วจนเกือบคอเคล็ด



    “ทำไมเรย์ชอบดื่มน้ำเปล่าจังเลยอ่ะ?” วิเวียนถามก่อนจะดื่มน้ำส้มปั่นใส่วิปครีม(!?)



    “ก้อ.. มานไม่ใส่สารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายอ่ะครับ” เรย์ตอบยิ้มๆ “แล้วมันก็ถูกดีด้วย อิอิ”



    “งกไปได้..”วิเวียนบ่นจังหวะเดียวกันกับที่เด็กเสิร์ฟนำอาหารมาถึงโต๊ะพอดี



    “โซบะหิมะมาแล้วครับผม” เขากล่าวพร้อมชูถาดที่มีโซบะที่โปะด้วยสาหร่ายทับด้วยเกล็ดน้ำแข็งเคียงด้วยน้ำซุปกับผักและวาซาบิ



    “อ๊ะ ใครสั่งอ่ะ?” แคลร์เงยหน้าขึ้นมาถามเพื่อนๆ



    “ผมสั่งเองครับ” เรย์ยกมือขึ้นนิดๆ พนักงานเสิร์ฟเดินไปหาเขาทันที



    “อ๋า.. มีผักกะวาซาบิด้วยเหรอเนี่ย..” เรย์พึมพำเบาๆแต่วิเวียนก็ได้ยินจนได้



    “ไม่ชอบผักกะวาซาบิเหรอ?”



    “ครับ.. มานขมๆเผ็ดๆอ่ะ” เรย์เกาศีรษะก่อนจะค่อยๆเปิดฝาถ้วยน้ำซุป



    “งั้น ก้อ กิน ซะ นะ” วิเวียนเอ่ยก่อนจะเทผักทั้งหมดและวาซาบิทั้งก้อนลงไปในน้ำซุป!!



    “เฮ้ยยย!!” เรย์ร้องจ๊ากเมื่อน้ำซุปสำหรับรับประทานคู่กับเส้นโซบะของเขาที่เริ่มมีสีเขียวเข้มเพราะวาซาบิมีผักสีเขียวลอยฟ่องเต็มไปหมด



    “เอาล่ะ กินๆเข้าไปได้แล้ว” วิเวียนสั่งก่อนจะลงมือหั่นเสต็กปลาแซลมอนราดมายองเนสของตน



    “เง้อ.. ป๋มม่ายชอบกินแบบนี่อ่า (TT-TT) “ เรย์ร้อง



    “ม่ายชอบก้อต้องชอบ มีประโยชน์ออก วาซาบิต้านมะเร็งนะ” วิเวียนพูดเสียงแข็ง เธอแอบอมยิ้ม



    “พี่วิเวียนแกล้งเค้าอ่า แงๆ”



    “แบร่ (>,<) “ เด็กสาวแลบลิ้นซ่อนรอบยิ้มสะใจไว้



    “งั้นผมแกล้งมั่งดิ๊ (+- -) “ เรย์เอ่ยก่อนจะคว้าขวดใส่มัสตาร์ดสีเหลืองสดมาไว้ในมือก่อนจะบีบซอสสีเหลืองข้นลงไปเต็มจานของวิเวียน!!



    “อ๊า! ตาเรย์บร้า~~!! เสต็กช้านนน!!” วิเวียนร้องพร้อมดึงมือเรย์ออกห่างจานของเธอขณะที่เพื่อนมองศึกทะเลาะกันเองตาไม่กระพริบ



    “มัสตาร์ดก้อต้านมะเร็งนะคร้าบบ!! (>,<) “ เรย์แลบลิ้นใส่มั่ง



    “แง้ เรย์บ้าๆๆๆๆ!! ราดซะเต็มเลยใครจะไปกินลงย้า---!!?”



    “ก้อแล้วทีโซบะผมล่ะพี่วิเวียนทานลงม้ายย!?”



    “โซบะกะเสต็กเอามาเหมารวมกันได้ไงละยะ!?”



    “งั้นก้ออย่าเทผักกะวาซาบิลงไปในซุปของผมเด้~!”



    “เค้ามีให้ใช้ผสมน้ำซุปเท่าไหร่ก้อกินๆไปให้คุ้มเซ่~!!”



    “มัสตาร์ดมันวางไว้ไม่ใช้เลยก้อเสียดายนะครับพี่วิเวียนนน~!”



    “ฮ่าๆๆๆๆ!”
    ทุกคนหัวเราะกันลั่นร้านเพราะการโต้วาทีของทั้งสองคน สรุปแล้วทั้งเรย์และวิเวียนก็ไม่ได้รับประทานอะไรเลยนอกจากเครื่องดื่มที่สั่งมา เฉพาะในตอนแรกนะ เพราะตอนสุดท้ายทั้งคู่ก็สรรหาเครื่องปรุงสุดติงต๊องมาเทใส่เครื่องดื่มอีกฝ่ายจนได้



       วิเวียนแก้เผ็ดโดยคว้าเกลือมาเทใส่น้ำเปล่าของเรย์จนกลายเป็นน้ำเกลือใส่น้ำแข็งในแก้วสวยหรูไปซะอย่างนั้น เรย์เลยสวนกลับด้วยน้ำตาลสีขาวจั๊วะเต็มแก้วน้ำส้มจนถึงขั้นดื่มเข้าไปมดไต่ปากแน่นอน แต่อย่างน้อยก็ยังพอดื่มได้.. หวังว่านะ.. แถมทั้งคู่ยังทำท่าว่าจะแย่งน้ำปลากันอีก (= =\")





    . . .



    “เรย์บ้าๆๆๆ” วิเวียนบ่นขณะเดินกลับหอพักพร้อมกับเรย์และอาโนลด์



    “บู่~!” เรย์แลบลิ้นใส่



    “แง่งง..ง..” วิเวียนคำรามเหมือนคันไม้คันมืออยากแก้แค้นเต็มที่



    “พอแล้วๆ ทั้งปลาบู่ทั้งหมาน้อยนั่นแหละ” อาโนลด์เอ่ยห้ามทัพ วิเวียนรีบสะบัดหน้าไปทางอื่นอย่างแรง(จนคอเคล็ด แต่ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องเก๊กต่อ)



    “เชอะๆๆๆ” เด็กสาวทำท่าอมมะนาวแบบเด็กๆ(อนุบาล)คืออมลมเข้าไปเต็มแก้ม



    “นี่แน่ะ.. (- -) “ อาโนลด์จิ้มแก้มเธอแรงๆจนลมออกมาหมด เสียงที่ออกมาด้วยนี่ไม่ต้องพูดถึง



    “อีตาบร้าสองคนนี้นี่~~~!!! (=*=) “ วิเวียนร้องโวยลั่นก่อนจะไล่เตะสองหนุ่มที่พร้อมใจกันวิ่งหนีไปรอบๆหอพักชาย เสียงหัวเราะดังลั่น..



       มาถึงตอนนี้ วิเวียนที่กำลังวิ่งไล่เรย์และอาโนลด์ยังคงคิดอยู่เหมือนเดิมว่า ถ้าหากเหตุการณ์ที่บันไดกลับตาลปัตรไม่ได้ลงเอยอย่างนี้ละก็ เธอคงจะไม่ได้เล่นกับ ‘เพื่อน’ อย่างสองคนนี้อีกแล้ว เด็กสาวแอบอมยิ้มขณะมองรุ่นน้องที่วิ่งหนีเธอพร้อมกับหัวเราะ



    “ฮ่ะๆๆ ตามมาเลยๆ! (>,<) ” เรย์ร้องท้า วิเวียนกระโดดเข้าไปล็อกคอเด็กหนุ่มพ้อมกับยิ้มยิงฟัน



    “แบร่..จับได้แล้วย่ะ!”



    “ฮ่าๆๆๆๆ!”




    “ฮ่ะๆๆ..”



    . . .





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×