ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 : คุมอารมณ์ไม่อยู่ ได้ฤกษ์ช็อกสนิทที่ห้องพยาบาล
“นักเรียนทำความเคารพ!” เสียงหัวหน้าห้องดังขึ้น นักเรียนในชั้นพากันลุกขึ้นทำความเคารพอาจารย์ชายที่ก้าวเข้ามาในห้อง ผมยาวสีดำขลับมัดรวบไว้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มดูทั้งเข้มงวดและสนุกสนานอย่างประหลาด ที่แก้มข้างขวามีรอยแผลเป็นเป็นรอยยาว
“ตามที่เคยแจ้งไว้ในชั่วโมงก่อน ชั่วโมงนี้จะเป็นการทดสอบสมรรถภาพ” อาจารย์อลันประกาศ
  โดยไม่ต้องสั่งอะไรมากมาย นักเรียนทุกคนย้ายถิ่นไปที่โรงยิมทันที หลังเปลี่ยนชุดแล้วยิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือสิ่งที่เรย์เกลียดที่สุด การจับคู่ซ้อมร่ายเวท
“เฮ้อ..” เรย์ถอนหายใจพร้อมกับไปนั่งที่มุมห้องเงียบๆ ยังไงซะก็ไม่มีใครคิดจะเลือกเขาเป็นคนแรกอยู่แล้วนี่ สู้อยู่นิ่งๆรอคนที่ไม่มีคู่มาจับคู่ด้วยเลยง่ายที่สุด เด็กหนุ่มหัวเราะสมเพชตัวเองเบาๆ
“เฮ้ เรย์มอนด์ มานั่งทำไรอยู่ตรงนี้” อลันเดินมาถาม เรย์เงยหน้าขึ้นไปสบตากับอาจารย์
“เปล่าครับ” เรย์ก้มหน้า
“ครูถามว่า ‘ทำอะไร’ ไม่ใช่ ‘ทำรึเปล่า’ ” อลันนั่งยองๆข้างๆเรย์ “เห็นนั่งแบบนี้แทบทุกชั่วโมงเลยนี่”
“. . .” เรย์ทำหน้าซึม
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
“..มีครับ”
. . .
“ประกาศเพิ่มเติมหน่อย การทดสอบวันนี้จะเป็นแบบทีมแทน” อลันเดินบอกนักเรียน ทุกคนมองหน้ากันอย่างงงๆ
“อาจารย์ครับ ทีมละกี่คนครับ?”
“สี่คน” อลันตอบพร้อมชูสี่นิ้ว เรย์ที่ยืนอยู่ข้างหลังค่อยๆยิ้มออก
“อาจารย์ฮะ..” เด็กหนุ่มปลื้มใจเหลือเกินที่มีอาจารย์แบบอลัน
“หึๆ ทำให้ทีมเห็นคุณค่าของนายหน่อยนะ” อลันยิ้มยิงฟันพร้อมชูนิ้วโป้งให้กำลังใจ จับกลุ่มคราวนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายแบบทุกวันละนะ..
“เรย์~ เรียนวันนี้เป็นไงมั่งจ๊ะ?” วิเวียนเดินเข้ามาทัก เรย์หันไปยิ้มให้
“สนุกมากเลยครับ”
“เหรอ~ ปกติเห็นซึมประจำนี่ อิอิ”
“แหะๆ”
  ทั้งสองคนเดินไปคุยไปเรื่อยๆเหมือนกับทุกวัน ถึงวิเวียนจะอยู่คนละห้องกับเรย์แต่เธอก็ยังสามารถคุยกับเรย์ตอนเลิกเรียนได้เสมอ
“จริงด้วย วันนี้ลองไปหาคุณปู่มะ?” วิเวียนชวน
“ปู่อีวานน่ะเหรอครับ?”
“ช่ายแล้ว” วิเวียนยิ้ม
“อืม~ ได้ครับ” เรย์นึกถึงเครื่องรางที่อีวานใส่มาให้ก่อนเป็นอันดับแรก เขาจะต้องเอาเงินไปจ่ายซะก่อน จะได้ถามเกี่ยวกับมันไปด้วยเลย.. ทว่า ท่ามกลางความคิดที่พันกันยุ่งเหยิงนี้ ภาพของเด็กสาวผู้มีผมยาวสีแดงเพลิงคนนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว เรย์ยังจำดวงตาสีแสดที่ดูเหมือนมีเปลวไฟปะทุอยู่ข้างในนั้นได้.. แต่อะไรนะนอกจากสีผมและสีตาที่ทำให้เธอดูโดดเด่นติดตาเขาต่างจากคนอื่น..
“เรย์?” วิเวียนสะกิดเด็กหนุ่มเบาๆ
“ค..ครับ?” เรย์รีบหันกลับไป
“โอ๊ย~ เป็นไรไปเนี่ย เดินเหม่อมาก้อตั้งนานแล้วนะเรย์” วิเวียนว่า “หรือว่าเรย์..ไม่ชอบเดินคุยกับพี่แล้วเหรอ.. เบื่อแล้วเหรอ?”
“ป..เปล่าเลยครับ เปล่าจริงๆนะครับพี่วิเวียน!” เรย์รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน
“เหรอ..” วิเวียนสบตาเรย์เหมือนจะอ่านใจ
“งั้น ผมไปเอาของแปบนะฮะ” เรย์หลบตาก่อนจะก้าวฉับๆขึ้นลิฟต์ไปโดยมีวิเวียนมองตาม..
. . .
“โฮ่ๆๆๆ” อีวานหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ซอยเล็กๆที่เคยเงียบเหงา ตอนนี้มีลูกค้าแวะเวียนมาเรื่อยๆ ทำให้พ่อค้าแม่ขายในซอยมีความหวังขึ้นมาเยอะมาก “คิดถึงพวกเธอจริงๆ นึกว่าจะลืมคนแก่ๆคนนี่ซะแล้วสิเนี่ย โฮ่ๆๆ”
“แหม จะลืมได้ไงคะคุณปู่” วิเวียนยิ้มก่อนจะสังเกตเห็นว่าเรย์ยังคงยืนเหม่อ สายตาที่ดูว่างเปล่าของเขามองไปยังมุมถนนใหญ่ “เรย์..”
“หืม? อะไรครับ?” เรย์หันกลับมายิ้มให้ตามปกติ.. เหมือนกับปกติ..
“เป็นอะไรมากป่าวเนี่ย?” วิเวียนชะโงกหน้ามองหน้าเรย์ เด็กหนุ่มหันหน้าไปทางอื่น
“เปล่านี่ครับ” เรย์ตอบด้วยท่าทางซื่อๆ  ก่อนจะหันไปหาอีวานพร้อมกับหยิบเครื่องรางเทวีอีวาออกมาจากกระเป๋า “เอ้อ ปู่ครับ ไมเอาไอ้นี่ใส่มาในเป๋าผมอ่ะ?”
“โฮ่ๆๆ” อีวานหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “จำนักรบสิงโตทองคำได้มั้ยล่ะเจ้าหนุ่ม?”
“จำได้สิครับ” เรย์ยิ้ม
“เขาฝากไอ้นี่ให้ปู่มอบให้คนที่คิดว่าใช่..”
“หา?” เรย์และวิเวียนร้องขึ้นพร้อมกับพลางรีบถอยกรูดออกไปตั้งหลัก
“เฮ่ย! คิดไปถึงไหนพวกเธอนี่” อีวานเอ็ด “หมายถึงคนที่คิดว่าใช่ทายาทของเขาต่างหาก”
“ผ..ผมเนี่ยนะทายาทของนักรบสิงโตทองคำ?” เรย์ชี้ที่ตัวเอง
“ก็แค่ ‘คิด’ นี่” อีวานพยักหน้า
“แล้วเค้าบอกอะไรเกี่ยวกับเครื่องรางนี่อีกมั้ยครับ?”
“ก็.. เจ้าหนุ่มเห็นภาพนิมิตหรืออะไรทำนองนี้บ้างรึเปล่าล่ะ?”
“เห็นครับ” เรย์ตอบด้วยท่าทีจริงจัง
“อืม~ เขาให้ฝากบอกคนที่เห็นภาพนิมิตว่า.. อะไรนะ.. อ้อ ‘จงช่วยตระกูลของเจ้า ให้พ้นจากคำสาปของคนกลับกลอก’ เขาบอกมาอย่างนี้นี่แหละ ถ้าจำไม่ผิดนะ” อีวานยักไหล่
“คำสาปเหรอ..” เรย์พึมพำ ถ้าพูดถึงคำสาป คนแรกที่เขานึกถึงก็คือดาร์คเอลฟ์คนนั้น
“ฟังดูแปลกดีเนอะ” วิเวียนเอ่ยขึ้น ทำเอาเรย์สะดุ้งเฮือก “เห็นภาพอะไรเหรอเรย์” เด็กสาวจ้องเรย์เขม็งราวกับจะเป็นเครื่องจับเท็จ
“เอ้อ.. คือ..” เรย์รีบมองหาช่องถามเลี่ยงการตอบคำถาม จังหวะนั้นเองที่เขาเกือบลืมหายใจเพราะคนที่เดินผ่านเขาและวิเวียนเข้าไปในร้านของอีวาน.. ‘..ผู้หญิงคนนั้น..’
“ปู่คะ มีเครื่องรางโบราณของเผ่าเอลฟ์มั้ยคะ?” เด็กสาวผมยาวสีแดงเพลิงท่าทางร่าเริงเอ่ยถามด้วยเสียงหวานใส ตาสีแสดมองไปรอบๆร้าน เธอคือคนที่เรย์เคยเจอตอนแจกใบปลิว!
“มีสิครับคุณหนู” อีวานยิ้มให้พร้อมยกกล่องเหล็กที่ข้างในบุด้วยกำมะหยี่มาวางบนเคาน์เตอร์ เขาเปิดกล่องให้เด็กสาวดูเครื่องรางโบราณภายในกล่อง
‘ผู้หญิงคนนั้น..’ เรย์เกือบเดินไปข้างหลังเธอโดยไม่รู้ตัวถ้าวิเวียนไม่ยึดตัวไว้
“ว้า ไม่มีแฮะ..” เธอพึมพำพร้อมกับส่ายหน้าก่อนจะขอตัวแล้วเดินจากไป
“เป็นอะไรไปน่ะเรย์!? รู้จักคนนั้นรึไง?” วิเวียนถาม
“พี่วิเวียน..” เรย์พูดขึ้นมา สายตายังคงมองไปที่เด็กสาวที่เดินหายลับไปที่หัวมุม “ผู้หญิงคนนั้น..” เขายังคงพึมพำคำเดิมจนวิเวียนต้องขมวดคิ้ว
“เรย์.. นายเป็นอะไรไป..?”
“นี่ แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร?” วิเวียนเอ่ยถามหลังเดินมาส่งเรย์ที่หน้าห้อง
“โธ่พี่วิเวียนครับ ส่งถึงห้องแล้วยังไม่หายห่วงเหรอครับ ผมไม่ได้ซุ่มซ่ามอะไรมากมายนี่นา” เรย์ถอนหายใจ “ถ้าห่วงนักไปส่งที่ห้องนอนเลยมั้ยล่ะครับ?” เรย์แค่ตั้งใจจะถามเล่นๆนะ แค่เล่นๆ
“เอาสิ หน้าเดินๆ” วิเวียนดันตัวเขาไปที่หน้าห้อง
“หวาๆ” เรย์หันกลับไม่มองวิเวียนที่มีสีหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรซักอย่าง เขาขมวดคิ้วก่อนหันกลับไปเผชิญหน้ากับเธอ “พี่วิเวียน เป็นอะไรไปน่ะครับพี่?”
“เปล่านี่” วิเวียนตอบเรียบๆแต่สีหน้าตรงกันข้าม
“ก้อแล้วไมทำหน้าบูดเป็นก้นปลาหมึกงี้ละคร้าบ~..” เรย์ลากเสียงด้วยอารมณ์เหนื่อยใจ
“เปล่าหน้าบูดซักหน่อย” ปากบอกไม่แต่หน้ายังบึ้งไม่เลิก เรย์เหงื่อตก
“โธ่ไม่เอาน่าพี่วิเวียน พี่ไปส่องกระจกสิครับ หน้าพี่น่ะเหมือนไปโกรธใครมาเลย..” เรย์เอ่ยก่อนจะสะดุดหยุดกึก “..หรือว่าพี่วิเวียนโกรธผม?”
“เปล่านี่ ไม่โกรธซักหน่อย” วิเวียนตอบ หน้ายังบึ้งเหมือนเดิมเด๊ะๆ
“เฮ้อ..” เรย์ถอนหายใจ “โกรธแน่ๆดูแปบเดียวก้อรู้แล้ว”
“ไม่ได้โกรธ”
“โกรธชัวร์”
“ไม่โกรธ..”
“โกรธแหงๆ”
“ไม่..”
“โกรธ”
“พี่ไม่ได้โกรธซักหน่อย!!” วิเวียนตะโกนใส่เรย์ดังลั่นห้องก่อนจะวิ่งออกไปนอกห้อง
“อ้าวเฮ้!” เรย์รีบวิ่งตามออกไป “พี่วิเวียน!”
  เรย์ตะโกนเรียกเธอตลอดทางที่วิ่งตามเด็กสาวไป แต่วิเวียนก็ไม่ได้หันกลับมามองเขาหรือแม้แต่จะหยุดวิ่งเลยแม้แต่น้อย เรย์ไม่ชอบเอาซะเลย มันไม่เหมือนเก่า วิเวียนในตอนนี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ซึ่งนั้นแหละที่มักจะนำพาความซวยมาให้เธอประจำ
กึก!!
  ทันขาดคำซะเมื่อไหร่ ขาขวาของเธอก้าวลงบันไดพลาด! ห่างจากพื้นนับสิบขั้น! วิเวียนเซเสียหลักก่อนจะล้มลงไปข้างล่างซึ่งมีพื้นซีเมนต์รอรับศีรษะของเธออยู่!!
“ว้ายยย!!!” เด็กสาวหลับตาปี๋ ความรู้สึกเหมือนท้องเธอว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยแถมยังวูบๆด้วย
“พี่วิเวียน!!” เรย์กระโจนลงบันไดตามไป มือของเขายื่นไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ “จับมือผมเร็ว!”
  พื้นอยู่ห่างจากศีรษะของวิเวียนเพียงนิดเดียวเท่านั้น มือของเธอที่พยายามยื่นไปหามือของเรย์ยังอยู่ห่างกันมากกว่าเสียอีก.. หมดหวัง.. เธอต้องน็อกอยู่ที่บันไดแน่ๆ.. อย่างต่ำก็หัวแตก.. เพียงแต่ว่าความหวังอันน้อยนิดก็ยังคงผลักดันให้เธอยื่นมือไปหาเรย์แม้จะห่างกันมากก็ตาม..
  มาถึงตอนวิกฤติเธอถึงได้รู้ว่าเธอเป็นพี่สาวที่ไม่ได้เรื่องที่คอยแต่หวังพึ่งน้องคนนี้ แม้แต่ตอนที่โกรธกันอย่างตอนนี้.. เธอก็ยังเผลอยื่นมือออกไปหาเขาก่อนโดยไม่รู้ตัว.. ไปหามือของเด็กหนุ่มที่ไม่เคยนึกโกรธเธอและพร้อมจะช่วยเหลือเธอเสมอไม่ว่าเธอจะโกรธเขาหรือไม่ก็ตาม.. และไม่ใช่เพราะเป็นสถานการณ์คับขันเพียงเท่านั้น.. แต่เป็นเพราะอะไรบางอย่างที่ตัวเธอเองก็ยังไม่แน่ใจ..
“..เรย์..”
. . .
“พี่วิเวียนนน!!!”
. . .
..ปึ้ก!!!!!..
. . . . .
. . .
  ทุกสรรพเสียงขาดหายไป เหมือนหูของวิเวียนจะไม่ได้ยินอะไรอีกเลยหลังจากเสียงของเรย์ ข้างหน้าไม่มีแสงสว่าง ทุกอย่างดำสนิท.. เธอหลับตาอยู่รึเปล่านะ.. หรือว่า..
“อึ่ก..อืม..” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก วิเวียนกระพริบตาเพื่อปรับตาให้ชินกับแสงในห้องสีขาว ‘ที่นี่..ห้องพยาบาลสินะ..’
  เด็กสาวลองขยับแขน เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติมากมายเธอจึงค่อยๆพยุงตัวขึ้นมาจากเตียง ตอนนั้นแหละที่เธอเพิ่งจะรู้ว่ามีคนนอนฟุบหน้าอยู่ที่ขอบเตียงด้านขวามือเธอ
“เรย์..?” วิเวียนพึมพำเสียงแผ่วเบา เด็กหนุ่มข้างๆเธอท่าทางจะหลับเป็นตาย แขนขวาของเขาถูกใช้หนุนแทนหมอน ส่วนแขนซ้าย..
“..ชอบซุ่มซ่ามทำให้คนอื่นเดือดร้อนเหมือนเดิมเลยนะ” เสียงเสียงหนึ่งดังมาจากทางประตู วิเวียนเงยหน้าขึ้นมามอง เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มที่กำลังปิดประตูจ้องตาเธอตอบด้วยดวงตาสีฟ้าใส
“อาโนลด์..” วิเวียนมองเพื่อนที่มีสีหน้าเป็นห่วงอย่างลำบากใจ
“โดยเฉพาะหมอนี่ อุตส่าห์กันไม่ให้เธอหัวแตกนะเนี่ย” อาโนลด์เอ่ยเสียงเข้มพร้อมชี้ไปที่เรย์ซึ่งยังคงหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ฟรี้..” เด็กหนุ่มนอนอย่างสบายใจ ที่แขนซ้ายมีผ้าคล้องแขนที่เข้าเฝือกไว้
“. . .” วิเวียนก้มหน้านิ่งก่อนจะทิ้งตัวลงนอน
“เฮ่ย..” อาโนลด์ถอนหายใจก่อนจะนั่งลงบนเตียงข้างๆ
. . .
  บรรยากาศในห้องพยาบาลที่ไม่มีคนอื่นนอกจากพวกเขาอยู่ดูเงียบเชียบ มีแต่เสียงหายใจของเรย์ที่ฟุบอยู่ข้างๆเตียงของวิเวียน
“..นี่..” ในที่สุดเด็กสาวก็ออกปากพูด เธอมองเพดานสีขาวเหมือนเหม่อลอย
“อะไร?” อาโนลด์เท้าคางหันหน้าไปทางอื่น เขามองออกไปทางนอกหน้าต่าง
“ชั้นดู..งี่เง่ามากเลยใช่มั้ย?”
“..รู้ก็ดี” อาโนลด์พึมพำแต่กลับไม่มีหมอนหรือแจกันเขวี้ยงมาที่เขา เด็กหนุ่มจึงหันกลับไปหาเพื่อนสาวที่นอนนิ่งบนเตียง “เป็นไรไปวีวี่?”
“ไม่คุมอารมณ์ตัวเองจนทำให้เรย์พลอยซวยไปด้วย.. อยากเป็นพี่แต่ก็เป็นพี่ที่ไม่ได้เรื่องเลย” วิเวียนยังคงพูดต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะปาหมอนใส่อาโนลด์เหมือนก่อน
“. . .” เด็กหนุ่มมีสีหน้าเคร่งขึ้นมา เขาลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างๆวิเวียน “อย่าซึมไปหน่อยเลยน่า”
“. . .” วิเวียนนิ่งเงียบพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่น
“นี่ ขืนเธอซึมอย่างงี้ใครจะยิ้มให้กำลังใจคนเจ็บอย่างไอ้เรย์ล่ะ? หือ?” อาโนลด์ถอนหายใจ
“ชั้นไม่มีหน้าไปยิ้มให้เรย์หรอก” วิเวียนเอ่ยขัด
“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะยัยบ๊อง?”
“ก็ชั้นทำให้เรย์ต้องเจ็บตัวนี่..”
“..แต่อย่างน้อย แขนซ้ายผมก็ทำให้พี่วิเวียนไม่เป็นไรมากนี่ครับ” วิเวียนหันไปมองเด็กหนุ่มผมยาวที่เคยนอนฟุบอยู่ข้างๆ เรย์ยิ้มให้เธอเหมือนไม่เป็นอะไร “เนอะ~”
“. . .” วิเวียนก้มหน้าก่อนจะยิ้มเศร้าๆ “อีตาบ้าเอ๊ย.. บ้าทั้งคู่เลย..”
“เง้อ ว่าผมทำไมล่ะคร้าบ~” เรย์ร้องเหมือนไม่พอใจแต่ก็ยิ้ม
“ยัยบ๊อง มาว่าชั้นบ้าได้โงยเนี่ยย!?” อาโนลด์โวยวาย
“เรื่องของชั้นย่ะ!” วิเวียนเอ่ยก่อนจะทิ้งตัวลงไปจมกองหมอนท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน
“อิอิ” เรย์ยิ้มยิงฟัน
“นี่ เรย์” วิเวียนเรียก
“ครับ?” เด็กหนุ่มหันกลับไปก่อนจะโดนดึงแก้มอีกครั้ง “โอ๋ยหยา~!”
“โทษฐานทำพี่เป็นห่วง (>,<) “ วิเวียนแลบลิ้นใส่เรย์ที่แก้มบวมฉึ่งทั้งสองข้าง
“ฮ่าๆๆๆ! วี่นี่โหดเจงๆ..อุ๊บ!..” อาโนลด์หัวเราะก่อนจะโดนหมอนปาใส่หน้า
“บอกว่าวิเวียนไงยะ” เด็กสาวเอ่ยเสียงแข็งก่อนจะแอบอมยิ้ม ‘ขอบใจนะ..ทั้งสองคนเลย..’
  เด็กสาวมองท้องฟ้านอกหน้าต่างพลางนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น ถ้าตอนนั้นเรย์ไม่วิ่งตามมาช่วยกันศีรษะเธอตอนนี้อาการเธอจะเป็นยังไงนะ..
“อาโนลด์ นายออกไปก่อนดิ๊” เด็กสาวสั่งเพื่อนหนุ่มที่มองเธอด้วยสายตาไม่พอใจเหมือนจะพูดว่า ‘ยัยคนเอาแต่ใจเอ๊ยยย’
“ชิ.. เรื่องมากจริง” อาโนลด์บ่นพึมพำก่อนจะลุกขึ้น เขาล้วงกระเป๋าหาอะไรซักอย่าง “เอ้า ของเยี่ยมไข้.. ตามมารยาทนะ!” เขารีบเอ่ยเสริมก่อนจะยื่นดอกไม้เล็กๆที่ทำจากแก้วให้วิเวียน
“อุ๊ยตาย ขอบใจนะยะตาบ้า” วิเวียนรับมันมาก่อนจะวางไว้ที่หัวเตียง
“ไปล่ะนะยัยบ๊อง.. แอ๊ก!” เด็กหนุ่มเอ่ยลาก่อนจะถูกหมอนกระแทกหลังดันตัวกระเด็นออกไปนอกห้องพยาบาล
ปึ้ง..
. . .
“นี่เรย์” วิเวียนเอ่ยขึ้น เรย์ซึ่งเดินไปปิดประตูหันกลับมา
“ครับผม?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว
“มานี่ๆ” วิเวียนกวักมือ เรย์เดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆเตียงด้วยสีหน้าสงสัย ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะแดงซ่านเพราะเด็กสาวได้หอมแก้มเขาฟอดนึง..
“อ่ะ..” เรย์ผงะออกห่างจากเตียงพร้อมกับมองวิเวียนที่นั่งยิ้ม
“ขอบใจมากนะเรย์” เด็กสาวเอ่ยกับเรย์ที่หน้าแดงเหมือนลาวาในภูเขาไฟยังไงยังงั้น
“อ่ะ..ค..ครับ ผ..ผม เอ่อ ..ข..ขอตัวก่อนนะครับ” เรย์เอ่ยเสียงตะกุกตะกักก่อนจะวิ่งออกไปจากห้อง
“. . .” วิเวียนมองตามเรย์ไปเหมือนจะงงๆกับเด็กหนุ่มนิดหน่อยก่อนจะยิ้มพร้อมกับหัวเราะคิกคัก..
. . .
“เชียร์!” เสียงแก้วกระทบกันดังสนั่นภัตตาคารเล็กๆในครอสเซ็นเตอร์ ตามมาติดๆกันเลยด้วยเสียงหัวเราะสรวลเสเฮฮาของบรรดาเด็กหนุ่มเด็กสาวจากสถาบันมนต์ขาวไลท์ครอสหกคนที่มากินเลี้ยงฉลองการหายดีจากอุบัติเหตุของเรย์และวิเวียน
“เฮะๆ” เด็กหนุ่มผมยาวสีน้ำตาลทองยิ้มยิงฟันก่อนจะดื่มของเหลวในแก้วรวดเดียวหมด เรย์ใช้หลังมือปาดคราบน้ำที่ริมฝีปากและคางออก
“เฮ้ๆ กระดกรวดเดียวหมดเลยเหรอพวก~” แรนดอลฟ์แซวก่อนจะดื่มน้ำโซดาองุ่น
“? เรย์ ดื่มอะไรเหรอ?” วิเวียนหันไปถามเรย์ที่นั่งอยู่ข้างซ้ายมือ
“อ..อ๋า? ค..แค่น้ำเปล่าน่ะครับ (^^\') “ เรย์รีบหันไปตอบ
“พิลึกชะมัด มาร้านอาหารทั้งทียังจะดื่มน้ำเปล่าอีก” อาโนลด์ว่าพร้อมกับโยนกุ้งชุบแป้งทอดลงไปในคออย่างแม่นยำ
“น่านสิ เนอะรูดี้” แคลร์ที่นั่งเท้าแขนใช้หลอดเขี่ยน้ำแข็งในแก้วเล่นเอ่ยสนับสนุนพร้อมกับหันไปถามรูดอลฟ์ที่นั่งรับประทานสปาเก็ตตี้อย่างเมามัน
“ (><\")(_ _\")(><\") “ เด็กหนุ่มผมเงินไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้าเพราะสปาเก็ตตี้ติดคอเรียบร้อย
“เวงกรรม ติดคอเรอะรูดี้?” แรนดอลฟ์เอ่ยถามก่อนจะตบหลังน้องชายฝาแฝดดังปั้ก!
“แอ่ก..! แค่กๆๆ!! (><\') “ รูดอลฟ์ก้มหน้าไปใต้โต๊ะก่อนจะทั้งไอทั้งสำลักทำเอาทุกคนฮากันกลิ้ง
“นี่เรย์” วิเวียนสะกิด
“ค..ครับ?” เรย์หันกลับมาอย่างรวดเร็วจนเกือบคอเคล็ด
“ทำไมเรย์ชอบดื่มน้ำเปล่าจังเลยอ่ะ?” วิเวียนถามก่อนจะดื่มน้ำส้มปั่นใส่วิปครีม(!?)
“ก้อ.. มานไม่ใส่สารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายอ่ะครับ” เรย์ตอบยิ้มๆ “แล้วมันก็ถูกดีด้วย อิอิ”
“งกไปได้..”วิเวียนบ่นจังหวะเดียวกันกับที่เด็กเสิร์ฟนำอาหารมาถึงโต๊ะพอดี
“โซบะหิมะมาแล้วครับผม” เขากล่าวพร้อมชูถาดที่มีโซบะที่โปะด้วยสาหร่ายทับด้วยเกล็ดน้ำแข็งเคียงด้วยน้ำซุปกับผักและวาซาบิ
“อ๊ะ ใครสั่งอ่ะ?” แคลร์เงยหน้าขึ้นมาถามเพื่อนๆ
“ผมสั่งเองครับ” เรย์ยกมือขึ้นนิดๆ พนักงานเสิร์ฟเดินไปหาเขาทันที
“อ๋า.. มีผักกะวาซาบิด้วยเหรอเนี่ย..” เรย์พึมพำเบาๆแต่วิเวียนก็ได้ยินจนได้
“ไม่ชอบผักกะวาซาบิเหรอ?”
“ครับ.. มานขมๆเผ็ดๆอ่ะ” เรย์เกาศีรษะก่อนจะค่อยๆเปิดฝาถ้วยน้ำซุป
“งั้น ก้อ กิน ซะ นะ” วิเวียนเอ่ยก่อนจะเทผักทั้งหมดและวาซาบิทั้งก้อนลงไปในน้ำซุป!!
“เฮ้ยยย!!” เรย์ร้องจ๊ากเมื่อน้ำซุปสำหรับรับประทานคู่กับเส้นโซบะของเขาที่เริ่มมีสีเขียวเข้มเพราะวาซาบิมีผักสีเขียวลอยฟ่องเต็มไปหมด
“เอาล่ะ กินๆเข้าไปได้แล้ว” วิเวียนสั่งก่อนจะลงมือหั่นเสต็กปลาแซลมอนราดมายองเนสของตน
“เง้อ.. ป๋มม่ายชอบกินแบบนี่อ่า (TT-TT) “ เรย์ร้อง
“ม่ายชอบก้อต้องชอบ มีประโยชน์ออก วาซาบิต้านมะเร็งนะ” วิเวียนพูดเสียงแข็ง เธอแอบอมยิ้ม
“พี่วิเวียนแกล้งเค้าอ่า แงๆ”
“แบร่ (>,<) “ เด็กสาวแลบลิ้นซ่อนรอบยิ้มสะใจไว้
“งั้นผมแกล้งมั่งดิ๊ (+- -) “ เรย์เอ่ยก่อนจะคว้าขวดใส่มัสตาร์ดสีเหลืองสดมาไว้ในมือก่อนจะบีบซอสสีเหลืองข้นลงไปเต็มจานของวิเวียน!!
“อ๊า! ตาเรย์บร้า~~!! เสต็กช้านนน!!” วิเวียนร้องพร้อมดึงมือเรย์ออกห่างจานของเธอขณะที่เพื่อนมองศึกทะเลาะกันเองตาไม่กระพริบ
“มัสตาร์ดก้อต้านมะเร็งนะคร้าบบ!! (>,<) “ เรย์แลบลิ้นใส่มั่ง
“แง้ เรย์บ้าๆๆๆๆ!! ราดซะเต็มเลยใครจะไปกินลงย้า---!!?”
“ก้อแล้วทีโซบะผมล่ะพี่วิเวียนทานลงม้ายย!?”
“โซบะกะเสต็กเอามาเหมารวมกันได้ไงละยะ!?”
“งั้นก้ออย่าเทผักกะวาซาบิลงไปในซุปของผมเด้~!”
“เค้ามีให้ใช้ผสมน้ำซุปเท่าไหร่ก้อกินๆไปให้คุ้มเซ่~!!”
“มัสตาร์ดมันวางไว้ไม่ใช้เลยก้อเสียดายนะครับพี่วิเวียนนน~!”
“ฮ่าๆๆๆๆ!” ทุกคนหัวเราะกันลั่นร้านเพราะการโต้วาทีของทั้งสองคน สรุปแล้วทั้งเรย์และวิเวียนก็ไม่ได้รับประทานอะไรเลยนอกจากเครื่องดื่มที่สั่งมา เฉพาะในตอนแรกนะ เพราะตอนสุดท้ายทั้งคู่ก็สรรหาเครื่องปรุงสุดติงต๊องมาเทใส่เครื่องดื่มอีกฝ่ายจนได้
  วิเวียนแก้เผ็ดโดยคว้าเกลือมาเทใส่น้ำเปล่าของเรย์จนกลายเป็นน้ำเกลือใส่น้ำแข็งในแก้วสวยหรูไปซะอย่างนั้น เรย์เลยสวนกลับด้วยน้ำตาลสีขาวจั๊วะเต็มแก้วน้ำส้มจนถึงขั้นดื่มเข้าไปมดไต่ปากแน่นอน แต่อย่างน้อยก็ยังพอดื่มได้.. หวังว่านะ.. แถมทั้งคู่ยังทำท่าว่าจะแย่งน้ำปลากันอีก (= =\")
. . .
“เรย์บ้าๆๆๆ” วิเวียนบ่นขณะเดินกลับหอพักพร้อมกับเรย์และอาโนลด์
“บู่~!” เรย์แลบลิ้นใส่
“แง่งง..ง..” วิเวียนคำรามเหมือนคันไม้คันมืออยากแก้แค้นเต็มที่
“พอแล้วๆ ทั้งปลาบู่ทั้งหมาน้อยนั่นแหละ” อาโนลด์เอ่ยห้ามทัพ วิเวียนรีบสะบัดหน้าไปทางอื่นอย่างแรง(จนคอเคล็ด แต่ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องเก๊กต่อ)
“เชอะๆๆๆ” เด็กสาวทำท่าอมมะนาวแบบเด็กๆ(อนุบาล)คืออมลมเข้าไปเต็มแก้ม
“นี่แน่ะ.. (- -) “ อาโนลด์จิ้มแก้มเธอแรงๆจนลมออกมาหมด เสียงที่ออกมาด้วยนี่ไม่ต้องพูดถึง
“อีตาบร้าสองคนนี้นี่~~~!!! (=*=) “ วิเวียนร้องโวยลั่นก่อนจะไล่เตะสองหนุ่มที่พร้อมใจกันวิ่งหนีไปรอบๆหอพักชาย เสียงหัวเราะดังลั่น..
  มาถึงตอนนี้ วิเวียนที่กำลังวิ่งไล่เรย์และอาโนลด์ยังคงคิดอยู่เหมือนเดิมว่า ถ้าหากเหตุการณ์ที่บันไดกลับตาลปัตรไม่ได้ลงเอยอย่างนี้ละก็ เธอคงจะไม่ได้เล่นกับ ‘เพื่อน’ อย่างสองคนนี้อีกแล้ว เด็กสาวแอบอมยิ้มขณะมองรุ่นน้องที่วิ่งหนีเธอพร้อมกับหัวเราะ
“ฮ่ะๆๆ ตามมาเลยๆ! (>,<) ” เรย์ร้องท้า วิเวียนกระโดดเข้าไปล็อกคอเด็กหนุ่มพ้อมกับยิ้มยิงฟัน
“แบร่..จับได้แล้วย่ะ!”
“ฮ่าๆๆๆๆ!”
“ฮ่ะๆๆ..”
. . .
“ตามที่เคยแจ้งไว้ในชั่วโมงก่อน ชั่วโมงนี้จะเป็นการทดสอบสมรรถภาพ” อาจารย์อลันประกาศ
  โดยไม่ต้องสั่งอะไรมากมาย นักเรียนทุกคนย้ายถิ่นไปที่โรงยิมทันที หลังเปลี่ยนชุดแล้วยิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือสิ่งที่เรย์เกลียดที่สุด การจับคู่ซ้อมร่ายเวท
“เฮ้อ..” เรย์ถอนหายใจพร้อมกับไปนั่งที่มุมห้องเงียบๆ ยังไงซะก็ไม่มีใครคิดจะเลือกเขาเป็นคนแรกอยู่แล้วนี่ สู้อยู่นิ่งๆรอคนที่ไม่มีคู่มาจับคู่ด้วยเลยง่ายที่สุด เด็กหนุ่มหัวเราะสมเพชตัวเองเบาๆ
“เฮ้ เรย์มอนด์ มานั่งทำไรอยู่ตรงนี้” อลันเดินมาถาม เรย์เงยหน้าขึ้นไปสบตากับอาจารย์
“เปล่าครับ” เรย์ก้มหน้า
“ครูถามว่า ‘ทำอะไร’ ไม่ใช่ ‘ทำรึเปล่า’ ” อลันนั่งยองๆข้างๆเรย์ “เห็นนั่งแบบนี้แทบทุกชั่วโมงเลยนี่”
“. . .” เรย์ทำหน้าซึม
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
“..มีครับ”
. . .
“ประกาศเพิ่มเติมหน่อย การทดสอบวันนี้จะเป็นแบบทีมแทน” อลันเดินบอกนักเรียน ทุกคนมองหน้ากันอย่างงงๆ
“อาจารย์ครับ ทีมละกี่คนครับ?”
“สี่คน” อลันตอบพร้อมชูสี่นิ้ว เรย์ที่ยืนอยู่ข้างหลังค่อยๆยิ้มออก
“อาจารย์ฮะ..” เด็กหนุ่มปลื้มใจเหลือเกินที่มีอาจารย์แบบอลัน
“หึๆ ทำให้ทีมเห็นคุณค่าของนายหน่อยนะ” อลันยิ้มยิงฟันพร้อมชูนิ้วโป้งให้กำลังใจ จับกลุ่มคราวนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายแบบทุกวันละนะ..
“เรย์~ เรียนวันนี้เป็นไงมั่งจ๊ะ?” วิเวียนเดินเข้ามาทัก เรย์หันไปยิ้มให้
“สนุกมากเลยครับ”
“เหรอ~ ปกติเห็นซึมประจำนี่ อิอิ”
“แหะๆ”
  ทั้งสองคนเดินไปคุยไปเรื่อยๆเหมือนกับทุกวัน ถึงวิเวียนจะอยู่คนละห้องกับเรย์แต่เธอก็ยังสามารถคุยกับเรย์ตอนเลิกเรียนได้เสมอ
“จริงด้วย วันนี้ลองไปหาคุณปู่มะ?” วิเวียนชวน
“ปู่อีวานน่ะเหรอครับ?”
“ช่ายแล้ว” วิเวียนยิ้ม
“อืม~ ได้ครับ” เรย์นึกถึงเครื่องรางที่อีวานใส่มาให้ก่อนเป็นอันดับแรก เขาจะต้องเอาเงินไปจ่ายซะก่อน จะได้ถามเกี่ยวกับมันไปด้วยเลย.. ทว่า ท่ามกลางความคิดที่พันกันยุ่งเหยิงนี้ ภาพของเด็กสาวผู้มีผมยาวสีแดงเพลิงคนนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว เรย์ยังจำดวงตาสีแสดที่ดูเหมือนมีเปลวไฟปะทุอยู่ข้างในนั้นได้.. แต่อะไรนะนอกจากสีผมและสีตาที่ทำให้เธอดูโดดเด่นติดตาเขาต่างจากคนอื่น..
“เรย์?” วิเวียนสะกิดเด็กหนุ่มเบาๆ
“ค..ครับ?” เรย์รีบหันกลับไป
“โอ๊ย~ เป็นไรไปเนี่ย เดินเหม่อมาก้อตั้งนานแล้วนะเรย์” วิเวียนว่า “หรือว่าเรย์..ไม่ชอบเดินคุยกับพี่แล้วเหรอ.. เบื่อแล้วเหรอ?”
“ป..เปล่าเลยครับ เปล่าจริงๆนะครับพี่วิเวียน!” เรย์รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน
“เหรอ..” วิเวียนสบตาเรย์เหมือนจะอ่านใจ
“งั้น ผมไปเอาของแปบนะฮะ” เรย์หลบตาก่อนจะก้าวฉับๆขึ้นลิฟต์ไปโดยมีวิเวียนมองตาม..
. . .
“โฮ่ๆๆๆ” อีวานหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ซอยเล็กๆที่เคยเงียบเหงา ตอนนี้มีลูกค้าแวะเวียนมาเรื่อยๆ ทำให้พ่อค้าแม่ขายในซอยมีความหวังขึ้นมาเยอะมาก “คิดถึงพวกเธอจริงๆ นึกว่าจะลืมคนแก่ๆคนนี่ซะแล้วสิเนี่ย โฮ่ๆๆ”
“แหม จะลืมได้ไงคะคุณปู่” วิเวียนยิ้มก่อนจะสังเกตเห็นว่าเรย์ยังคงยืนเหม่อ สายตาที่ดูว่างเปล่าของเขามองไปยังมุมถนนใหญ่ “เรย์..”
“หืม? อะไรครับ?” เรย์หันกลับมายิ้มให้ตามปกติ.. เหมือนกับปกติ..
“เป็นอะไรมากป่าวเนี่ย?” วิเวียนชะโงกหน้ามองหน้าเรย์ เด็กหนุ่มหันหน้าไปทางอื่น
“เปล่านี่ครับ” เรย์ตอบด้วยท่าทางซื่อๆ  ก่อนจะหันไปหาอีวานพร้อมกับหยิบเครื่องรางเทวีอีวาออกมาจากกระเป๋า “เอ้อ ปู่ครับ ไมเอาไอ้นี่ใส่มาในเป๋าผมอ่ะ?”
“โฮ่ๆๆ” อีวานหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “จำนักรบสิงโตทองคำได้มั้ยล่ะเจ้าหนุ่ม?”
“จำได้สิครับ” เรย์ยิ้ม
“เขาฝากไอ้นี่ให้ปู่มอบให้คนที่คิดว่าใช่..”
“หา?” เรย์และวิเวียนร้องขึ้นพร้อมกับพลางรีบถอยกรูดออกไปตั้งหลัก
“เฮ่ย! คิดไปถึงไหนพวกเธอนี่” อีวานเอ็ด “หมายถึงคนที่คิดว่าใช่ทายาทของเขาต่างหาก”
“ผ..ผมเนี่ยนะทายาทของนักรบสิงโตทองคำ?” เรย์ชี้ที่ตัวเอง
“ก็แค่ ‘คิด’ นี่” อีวานพยักหน้า
“แล้วเค้าบอกอะไรเกี่ยวกับเครื่องรางนี่อีกมั้ยครับ?”
“ก็.. เจ้าหนุ่มเห็นภาพนิมิตหรืออะไรทำนองนี้บ้างรึเปล่าล่ะ?”
“เห็นครับ” เรย์ตอบด้วยท่าทีจริงจัง
“อืม~ เขาให้ฝากบอกคนที่เห็นภาพนิมิตว่า.. อะไรนะ.. อ้อ ‘จงช่วยตระกูลของเจ้า ให้พ้นจากคำสาปของคนกลับกลอก’ เขาบอกมาอย่างนี้นี่แหละ ถ้าจำไม่ผิดนะ” อีวานยักไหล่
“คำสาปเหรอ..” เรย์พึมพำ ถ้าพูดถึงคำสาป คนแรกที่เขานึกถึงก็คือดาร์คเอลฟ์คนนั้น
“ฟังดูแปลกดีเนอะ” วิเวียนเอ่ยขึ้น ทำเอาเรย์สะดุ้งเฮือก “เห็นภาพอะไรเหรอเรย์” เด็กสาวจ้องเรย์เขม็งราวกับจะเป็นเครื่องจับเท็จ
“เอ้อ.. คือ..” เรย์รีบมองหาช่องถามเลี่ยงการตอบคำถาม จังหวะนั้นเองที่เขาเกือบลืมหายใจเพราะคนที่เดินผ่านเขาและวิเวียนเข้าไปในร้านของอีวาน.. ‘..ผู้หญิงคนนั้น..’
“ปู่คะ มีเครื่องรางโบราณของเผ่าเอลฟ์มั้ยคะ?” เด็กสาวผมยาวสีแดงเพลิงท่าทางร่าเริงเอ่ยถามด้วยเสียงหวานใส ตาสีแสดมองไปรอบๆร้าน เธอคือคนที่เรย์เคยเจอตอนแจกใบปลิว!
“มีสิครับคุณหนู” อีวานยิ้มให้พร้อมยกกล่องเหล็กที่ข้างในบุด้วยกำมะหยี่มาวางบนเคาน์เตอร์ เขาเปิดกล่องให้เด็กสาวดูเครื่องรางโบราณภายในกล่อง
‘ผู้หญิงคนนั้น..’ เรย์เกือบเดินไปข้างหลังเธอโดยไม่รู้ตัวถ้าวิเวียนไม่ยึดตัวไว้
“ว้า ไม่มีแฮะ..” เธอพึมพำพร้อมกับส่ายหน้าก่อนจะขอตัวแล้วเดินจากไป
“เป็นอะไรไปน่ะเรย์!? รู้จักคนนั้นรึไง?” วิเวียนถาม
“พี่วิเวียน..” เรย์พูดขึ้นมา สายตายังคงมองไปที่เด็กสาวที่เดินหายลับไปที่หัวมุม “ผู้หญิงคนนั้น..” เขายังคงพึมพำคำเดิมจนวิเวียนต้องขมวดคิ้ว
“เรย์.. นายเป็นอะไรไป..?”
“นี่ แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร?” วิเวียนเอ่ยถามหลังเดินมาส่งเรย์ที่หน้าห้อง
“โธ่พี่วิเวียนครับ ส่งถึงห้องแล้วยังไม่หายห่วงเหรอครับ ผมไม่ได้ซุ่มซ่ามอะไรมากมายนี่นา” เรย์ถอนหายใจ “ถ้าห่วงนักไปส่งที่ห้องนอนเลยมั้ยล่ะครับ?” เรย์แค่ตั้งใจจะถามเล่นๆนะ แค่เล่นๆ
“เอาสิ หน้าเดินๆ” วิเวียนดันตัวเขาไปที่หน้าห้อง
“หวาๆ” เรย์หันกลับไม่มองวิเวียนที่มีสีหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรซักอย่าง เขาขมวดคิ้วก่อนหันกลับไปเผชิญหน้ากับเธอ “พี่วิเวียน เป็นอะไรไปน่ะครับพี่?”
“เปล่านี่” วิเวียนตอบเรียบๆแต่สีหน้าตรงกันข้าม
“ก้อแล้วไมทำหน้าบูดเป็นก้นปลาหมึกงี้ละคร้าบ~..” เรย์ลากเสียงด้วยอารมณ์เหนื่อยใจ
“เปล่าหน้าบูดซักหน่อย” ปากบอกไม่แต่หน้ายังบึ้งไม่เลิก เรย์เหงื่อตก
“โธ่ไม่เอาน่าพี่วิเวียน พี่ไปส่องกระจกสิครับ หน้าพี่น่ะเหมือนไปโกรธใครมาเลย..” เรย์เอ่ยก่อนจะสะดุดหยุดกึก “..หรือว่าพี่วิเวียนโกรธผม?”
“เปล่านี่ ไม่โกรธซักหน่อย” วิเวียนตอบ หน้ายังบึ้งเหมือนเดิมเด๊ะๆ
“เฮ้อ..” เรย์ถอนหายใจ “โกรธแน่ๆดูแปบเดียวก้อรู้แล้ว”
“ไม่ได้โกรธ”
“โกรธชัวร์”
“ไม่โกรธ..”
“โกรธแหงๆ”
“ไม่..”
“โกรธ”
“พี่ไม่ได้โกรธซักหน่อย!!” วิเวียนตะโกนใส่เรย์ดังลั่นห้องก่อนจะวิ่งออกไปนอกห้อง
“อ้าวเฮ้!” เรย์รีบวิ่งตามออกไป “พี่วิเวียน!”
  เรย์ตะโกนเรียกเธอตลอดทางที่วิ่งตามเด็กสาวไป แต่วิเวียนก็ไม่ได้หันกลับมามองเขาหรือแม้แต่จะหยุดวิ่งเลยแม้แต่น้อย เรย์ไม่ชอบเอาซะเลย มันไม่เหมือนเก่า วิเวียนในตอนนี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ซึ่งนั้นแหละที่มักจะนำพาความซวยมาให้เธอประจำ
กึก!!
  ทันขาดคำซะเมื่อไหร่ ขาขวาของเธอก้าวลงบันไดพลาด! ห่างจากพื้นนับสิบขั้น! วิเวียนเซเสียหลักก่อนจะล้มลงไปข้างล่างซึ่งมีพื้นซีเมนต์รอรับศีรษะของเธออยู่!!
“ว้ายยย!!!” เด็กสาวหลับตาปี๋ ความรู้สึกเหมือนท้องเธอว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยแถมยังวูบๆด้วย
“พี่วิเวียน!!” เรย์กระโจนลงบันไดตามไป มือของเขายื่นไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ “จับมือผมเร็ว!”
  พื้นอยู่ห่างจากศีรษะของวิเวียนเพียงนิดเดียวเท่านั้น มือของเธอที่พยายามยื่นไปหามือของเรย์ยังอยู่ห่างกันมากกว่าเสียอีก.. หมดหวัง.. เธอต้องน็อกอยู่ที่บันไดแน่ๆ.. อย่างต่ำก็หัวแตก.. เพียงแต่ว่าความหวังอันน้อยนิดก็ยังคงผลักดันให้เธอยื่นมือไปหาเรย์แม้จะห่างกันมากก็ตาม..
  มาถึงตอนวิกฤติเธอถึงได้รู้ว่าเธอเป็นพี่สาวที่ไม่ได้เรื่องที่คอยแต่หวังพึ่งน้องคนนี้ แม้แต่ตอนที่โกรธกันอย่างตอนนี้.. เธอก็ยังเผลอยื่นมือออกไปหาเขาก่อนโดยไม่รู้ตัว.. ไปหามือของเด็กหนุ่มที่ไม่เคยนึกโกรธเธอและพร้อมจะช่วยเหลือเธอเสมอไม่ว่าเธอจะโกรธเขาหรือไม่ก็ตาม.. และไม่ใช่เพราะเป็นสถานการณ์คับขันเพียงเท่านั้น.. แต่เป็นเพราะอะไรบางอย่างที่ตัวเธอเองก็ยังไม่แน่ใจ..
“..เรย์..”
. . .
“พี่วิเวียนนน!!!”
. . .
..ปึ้ก!!!!!..
. . . . .
. . .
  ทุกสรรพเสียงขาดหายไป เหมือนหูของวิเวียนจะไม่ได้ยินอะไรอีกเลยหลังจากเสียงของเรย์ ข้างหน้าไม่มีแสงสว่าง ทุกอย่างดำสนิท.. เธอหลับตาอยู่รึเปล่านะ.. หรือว่า..
“อึ่ก..อืม..” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก วิเวียนกระพริบตาเพื่อปรับตาให้ชินกับแสงในห้องสีขาว ‘ที่นี่..ห้องพยาบาลสินะ..’
  เด็กสาวลองขยับแขน เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติมากมายเธอจึงค่อยๆพยุงตัวขึ้นมาจากเตียง ตอนนั้นแหละที่เธอเพิ่งจะรู้ว่ามีคนนอนฟุบหน้าอยู่ที่ขอบเตียงด้านขวามือเธอ
“เรย์..?” วิเวียนพึมพำเสียงแผ่วเบา เด็กหนุ่มข้างๆเธอท่าทางจะหลับเป็นตาย แขนขวาของเขาถูกใช้หนุนแทนหมอน ส่วนแขนซ้าย..
“..ชอบซุ่มซ่ามทำให้คนอื่นเดือดร้อนเหมือนเดิมเลยนะ” เสียงเสียงหนึ่งดังมาจากทางประตู วิเวียนเงยหน้าขึ้นมามอง เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มที่กำลังปิดประตูจ้องตาเธอตอบด้วยดวงตาสีฟ้าใส
“อาโนลด์..” วิเวียนมองเพื่อนที่มีสีหน้าเป็นห่วงอย่างลำบากใจ
“โดยเฉพาะหมอนี่ อุตส่าห์กันไม่ให้เธอหัวแตกนะเนี่ย” อาโนลด์เอ่ยเสียงเข้มพร้อมชี้ไปที่เรย์ซึ่งยังคงหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ฟรี้..” เด็กหนุ่มนอนอย่างสบายใจ ที่แขนซ้ายมีผ้าคล้องแขนที่เข้าเฝือกไว้
“. . .” วิเวียนก้มหน้านิ่งก่อนจะทิ้งตัวลงนอน
“เฮ่ย..” อาโนลด์ถอนหายใจก่อนจะนั่งลงบนเตียงข้างๆ
. . .
  บรรยากาศในห้องพยาบาลที่ไม่มีคนอื่นนอกจากพวกเขาอยู่ดูเงียบเชียบ มีแต่เสียงหายใจของเรย์ที่ฟุบอยู่ข้างๆเตียงของวิเวียน
“..นี่..” ในที่สุดเด็กสาวก็ออกปากพูด เธอมองเพดานสีขาวเหมือนเหม่อลอย
“อะไร?” อาโนลด์เท้าคางหันหน้าไปทางอื่น เขามองออกไปทางนอกหน้าต่าง
“ชั้นดู..งี่เง่ามากเลยใช่มั้ย?”
“..รู้ก็ดี” อาโนลด์พึมพำแต่กลับไม่มีหมอนหรือแจกันเขวี้ยงมาที่เขา เด็กหนุ่มจึงหันกลับไปหาเพื่อนสาวที่นอนนิ่งบนเตียง “เป็นไรไปวีวี่?”
“ไม่คุมอารมณ์ตัวเองจนทำให้เรย์พลอยซวยไปด้วย.. อยากเป็นพี่แต่ก็เป็นพี่ที่ไม่ได้เรื่องเลย” วิเวียนยังคงพูดต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะปาหมอนใส่อาโนลด์เหมือนก่อน
“. . .” เด็กหนุ่มมีสีหน้าเคร่งขึ้นมา เขาลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างๆวิเวียน “อย่าซึมไปหน่อยเลยน่า”
“. . .” วิเวียนนิ่งเงียบพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่น
“นี่ ขืนเธอซึมอย่างงี้ใครจะยิ้มให้กำลังใจคนเจ็บอย่างไอ้เรย์ล่ะ? หือ?” อาโนลด์ถอนหายใจ
“ชั้นไม่มีหน้าไปยิ้มให้เรย์หรอก” วิเวียนเอ่ยขัด
“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะยัยบ๊อง?”
“ก็ชั้นทำให้เรย์ต้องเจ็บตัวนี่..”
“..แต่อย่างน้อย แขนซ้ายผมก็ทำให้พี่วิเวียนไม่เป็นไรมากนี่ครับ” วิเวียนหันไปมองเด็กหนุ่มผมยาวที่เคยนอนฟุบอยู่ข้างๆ เรย์ยิ้มให้เธอเหมือนไม่เป็นอะไร “เนอะ~”
“. . .” วิเวียนก้มหน้าก่อนจะยิ้มเศร้าๆ “อีตาบ้าเอ๊ย.. บ้าทั้งคู่เลย..”
“เง้อ ว่าผมทำไมล่ะคร้าบ~” เรย์ร้องเหมือนไม่พอใจแต่ก็ยิ้ม
“ยัยบ๊อง มาว่าชั้นบ้าได้โงยเนี่ยย!?” อาโนลด์โวยวาย
“เรื่องของชั้นย่ะ!” วิเวียนเอ่ยก่อนจะทิ้งตัวลงไปจมกองหมอนท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน
“อิอิ” เรย์ยิ้มยิงฟัน
“นี่ เรย์” วิเวียนเรียก
“ครับ?” เด็กหนุ่มหันกลับไปก่อนจะโดนดึงแก้มอีกครั้ง “โอ๋ยหยา~!”
“โทษฐานทำพี่เป็นห่วง (>,<) “ วิเวียนแลบลิ้นใส่เรย์ที่แก้มบวมฉึ่งทั้งสองข้าง
“ฮ่าๆๆๆ! วี่นี่โหดเจงๆ..อุ๊บ!..” อาโนลด์หัวเราะก่อนจะโดนหมอนปาใส่หน้า
“บอกว่าวิเวียนไงยะ” เด็กสาวเอ่ยเสียงแข็งก่อนจะแอบอมยิ้ม ‘ขอบใจนะ..ทั้งสองคนเลย..’
  เด็กสาวมองท้องฟ้านอกหน้าต่างพลางนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น ถ้าตอนนั้นเรย์ไม่วิ่งตามมาช่วยกันศีรษะเธอตอนนี้อาการเธอจะเป็นยังไงนะ..
“อาโนลด์ นายออกไปก่อนดิ๊” เด็กสาวสั่งเพื่อนหนุ่มที่มองเธอด้วยสายตาไม่พอใจเหมือนจะพูดว่า ‘ยัยคนเอาแต่ใจเอ๊ยยย’
“ชิ.. เรื่องมากจริง” อาโนลด์บ่นพึมพำก่อนจะลุกขึ้น เขาล้วงกระเป๋าหาอะไรซักอย่าง “เอ้า ของเยี่ยมไข้.. ตามมารยาทนะ!” เขารีบเอ่ยเสริมก่อนจะยื่นดอกไม้เล็กๆที่ทำจากแก้วให้วิเวียน
“อุ๊ยตาย ขอบใจนะยะตาบ้า” วิเวียนรับมันมาก่อนจะวางไว้ที่หัวเตียง
“ไปล่ะนะยัยบ๊อง.. แอ๊ก!” เด็กหนุ่มเอ่ยลาก่อนจะถูกหมอนกระแทกหลังดันตัวกระเด็นออกไปนอกห้องพยาบาล
ปึ้ง..
. . .
“นี่เรย์” วิเวียนเอ่ยขึ้น เรย์ซึ่งเดินไปปิดประตูหันกลับมา
“ครับผม?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว
“มานี่ๆ” วิเวียนกวักมือ เรย์เดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆเตียงด้วยสีหน้าสงสัย ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะแดงซ่านเพราะเด็กสาวได้หอมแก้มเขาฟอดนึง..
“อ่ะ..” เรย์ผงะออกห่างจากเตียงพร้อมกับมองวิเวียนที่นั่งยิ้ม
“ขอบใจมากนะเรย์” เด็กสาวเอ่ยกับเรย์ที่หน้าแดงเหมือนลาวาในภูเขาไฟยังไงยังงั้น
“อ่ะ..ค..ครับ ผ..ผม เอ่อ ..ข..ขอตัวก่อนนะครับ” เรย์เอ่ยเสียงตะกุกตะกักก่อนจะวิ่งออกไปจากห้อง
“. . .” วิเวียนมองตามเรย์ไปเหมือนจะงงๆกับเด็กหนุ่มนิดหน่อยก่อนจะยิ้มพร้อมกับหัวเราะคิกคัก..
. . .
“เชียร์!” เสียงแก้วกระทบกันดังสนั่นภัตตาคารเล็กๆในครอสเซ็นเตอร์ ตามมาติดๆกันเลยด้วยเสียงหัวเราะสรวลเสเฮฮาของบรรดาเด็กหนุ่มเด็กสาวจากสถาบันมนต์ขาวไลท์ครอสหกคนที่มากินเลี้ยงฉลองการหายดีจากอุบัติเหตุของเรย์และวิเวียน
“เฮะๆ” เด็กหนุ่มผมยาวสีน้ำตาลทองยิ้มยิงฟันก่อนจะดื่มของเหลวในแก้วรวดเดียวหมด เรย์ใช้หลังมือปาดคราบน้ำที่ริมฝีปากและคางออก
“เฮ้ๆ กระดกรวดเดียวหมดเลยเหรอพวก~” แรนดอลฟ์แซวก่อนจะดื่มน้ำโซดาองุ่น
“? เรย์ ดื่มอะไรเหรอ?” วิเวียนหันไปถามเรย์ที่นั่งอยู่ข้างซ้ายมือ
“อ..อ๋า? ค..แค่น้ำเปล่าน่ะครับ (^^\') “ เรย์รีบหันไปตอบ
“พิลึกชะมัด มาร้านอาหารทั้งทียังจะดื่มน้ำเปล่าอีก” อาโนลด์ว่าพร้อมกับโยนกุ้งชุบแป้งทอดลงไปในคออย่างแม่นยำ
“น่านสิ เนอะรูดี้” แคลร์ที่นั่งเท้าแขนใช้หลอดเขี่ยน้ำแข็งในแก้วเล่นเอ่ยสนับสนุนพร้อมกับหันไปถามรูดอลฟ์ที่นั่งรับประทานสปาเก็ตตี้อย่างเมามัน
“ (><\")(_ _\")(><\") “ เด็กหนุ่มผมเงินไม่ตอบเพียงแต่พยักหน้าเพราะสปาเก็ตตี้ติดคอเรียบร้อย
“เวงกรรม ติดคอเรอะรูดี้?” แรนดอลฟ์เอ่ยถามก่อนจะตบหลังน้องชายฝาแฝดดังปั้ก!
“แอ่ก..! แค่กๆๆ!! (><\') “ รูดอลฟ์ก้มหน้าไปใต้โต๊ะก่อนจะทั้งไอทั้งสำลักทำเอาทุกคนฮากันกลิ้ง
“นี่เรย์” วิเวียนสะกิด
“ค..ครับ?” เรย์หันกลับมาอย่างรวดเร็วจนเกือบคอเคล็ด
“ทำไมเรย์ชอบดื่มน้ำเปล่าจังเลยอ่ะ?” วิเวียนถามก่อนจะดื่มน้ำส้มปั่นใส่วิปครีม(!?)
“ก้อ.. มานไม่ใส่สารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายอ่ะครับ” เรย์ตอบยิ้มๆ “แล้วมันก็ถูกดีด้วย อิอิ”
“งกไปได้..”วิเวียนบ่นจังหวะเดียวกันกับที่เด็กเสิร์ฟนำอาหารมาถึงโต๊ะพอดี
“โซบะหิมะมาแล้วครับผม” เขากล่าวพร้อมชูถาดที่มีโซบะที่โปะด้วยสาหร่ายทับด้วยเกล็ดน้ำแข็งเคียงด้วยน้ำซุปกับผักและวาซาบิ
“อ๊ะ ใครสั่งอ่ะ?” แคลร์เงยหน้าขึ้นมาถามเพื่อนๆ
“ผมสั่งเองครับ” เรย์ยกมือขึ้นนิดๆ พนักงานเสิร์ฟเดินไปหาเขาทันที
“อ๋า.. มีผักกะวาซาบิด้วยเหรอเนี่ย..” เรย์พึมพำเบาๆแต่วิเวียนก็ได้ยินจนได้
“ไม่ชอบผักกะวาซาบิเหรอ?”
“ครับ.. มานขมๆเผ็ดๆอ่ะ” เรย์เกาศีรษะก่อนจะค่อยๆเปิดฝาถ้วยน้ำซุป
“งั้น ก้อ กิน ซะ นะ” วิเวียนเอ่ยก่อนจะเทผักทั้งหมดและวาซาบิทั้งก้อนลงไปในน้ำซุป!!
“เฮ้ยยย!!” เรย์ร้องจ๊ากเมื่อน้ำซุปสำหรับรับประทานคู่กับเส้นโซบะของเขาที่เริ่มมีสีเขียวเข้มเพราะวาซาบิมีผักสีเขียวลอยฟ่องเต็มไปหมด
“เอาล่ะ กินๆเข้าไปได้แล้ว” วิเวียนสั่งก่อนจะลงมือหั่นเสต็กปลาแซลมอนราดมายองเนสของตน
“เง้อ.. ป๋มม่ายชอบกินแบบนี่อ่า (TT-TT) “ เรย์ร้อง
“ม่ายชอบก้อต้องชอบ มีประโยชน์ออก วาซาบิต้านมะเร็งนะ” วิเวียนพูดเสียงแข็ง เธอแอบอมยิ้ม
“พี่วิเวียนแกล้งเค้าอ่า แงๆ”
“แบร่ (>,<) “ เด็กสาวแลบลิ้นซ่อนรอบยิ้มสะใจไว้
“งั้นผมแกล้งมั่งดิ๊ (+- -) “ เรย์เอ่ยก่อนจะคว้าขวดใส่มัสตาร์ดสีเหลืองสดมาไว้ในมือก่อนจะบีบซอสสีเหลืองข้นลงไปเต็มจานของวิเวียน!!
“อ๊า! ตาเรย์บร้า~~!! เสต็กช้านนน!!” วิเวียนร้องพร้อมดึงมือเรย์ออกห่างจานของเธอขณะที่เพื่อนมองศึกทะเลาะกันเองตาไม่กระพริบ
“มัสตาร์ดก้อต้านมะเร็งนะคร้าบบ!! (>,<) “ เรย์แลบลิ้นใส่มั่ง
“แง้ เรย์บ้าๆๆๆๆ!! ราดซะเต็มเลยใครจะไปกินลงย้า---!!?”
“ก้อแล้วทีโซบะผมล่ะพี่วิเวียนทานลงม้ายย!?”
“โซบะกะเสต็กเอามาเหมารวมกันได้ไงละยะ!?”
“งั้นก้ออย่าเทผักกะวาซาบิลงไปในซุปของผมเด้~!”
“เค้ามีให้ใช้ผสมน้ำซุปเท่าไหร่ก้อกินๆไปให้คุ้มเซ่~!!”
“มัสตาร์ดมันวางไว้ไม่ใช้เลยก้อเสียดายนะครับพี่วิเวียนนน~!”
“ฮ่าๆๆๆๆ!” ทุกคนหัวเราะกันลั่นร้านเพราะการโต้วาทีของทั้งสองคน สรุปแล้วทั้งเรย์และวิเวียนก็ไม่ได้รับประทานอะไรเลยนอกจากเครื่องดื่มที่สั่งมา เฉพาะในตอนแรกนะ เพราะตอนสุดท้ายทั้งคู่ก็สรรหาเครื่องปรุงสุดติงต๊องมาเทใส่เครื่องดื่มอีกฝ่ายจนได้
  วิเวียนแก้เผ็ดโดยคว้าเกลือมาเทใส่น้ำเปล่าของเรย์จนกลายเป็นน้ำเกลือใส่น้ำแข็งในแก้วสวยหรูไปซะอย่างนั้น เรย์เลยสวนกลับด้วยน้ำตาลสีขาวจั๊วะเต็มแก้วน้ำส้มจนถึงขั้นดื่มเข้าไปมดไต่ปากแน่นอน แต่อย่างน้อยก็ยังพอดื่มได้.. หวังว่านะ.. แถมทั้งคู่ยังทำท่าว่าจะแย่งน้ำปลากันอีก (= =\")
. . .
“เรย์บ้าๆๆๆ” วิเวียนบ่นขณะเดินกลับหอพักพร้อมกับเรย์และอาโนลด์
“บู่~!” เรย์แลบลิ้นใส่
“แง่งง..ง..” วิเวียนคำรามเหมือนคันไม้คันมืออยากแก้แค้นเต็มที่
“พอแล้วๆ ทั้งปลาบู่ทั้งหมาน้อยนั่นแหละ” อาโนลด์เอ่ยห้ามทัพ วิเวียนรีบสะบัดหน้าไปทางอื่นอย่างแรง(จนคอเคล็ด แต่ต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องเก๊กต่อ)
“เชอะๆๆๆ” เด็กสาวทำท่าอมมะนาวแบบเด็กๆ(อนุบาล)คืออมลมเข้าไปเต็มแก้ม
“นี่แน่ะ.. (- -) “ อาโนลด์จิ้มแก้มเธอแรงๆจนลมออกมาหมด เสียงที่ออกมาด้วยนี่ไม่ต้องพูดถึง
“อีตาบร้าสองคนนี้นี่~~~!!! (=*=) “ วิเวียนร้องโวยลั่นก่อนจะไล่เตะสองหนุ่มที่พร้อมใจกันวิ่งหนีไปรอบๆหอพักชาย เสียงหัวเราะดังลั่น..
  มาถึงตอนนี้ วิเวียนที่กำลังวิ่งไล่เรย์และอาโนลด์ยังคงคิดอยู่เหมือนเดิมว่า ถ้าหากเหตุการณ์ที่บันไดกลับตาลปัตรไม่ได้ลงเอยอย่างนี้ละก็ เธอคงจะไม่ได้เล่นกับ ‘เพื่อน’ อย่างสองคนนี้อีกแล้ว เด็กสาวแอบอมยิ้มขณะมองรุ่นน้องที่วิ่งหนีเธอพร้อมกับหัวเราะ
“ฮ่ะๆๆ ตามมาเลยๆ! (>,<) ” เรย์ร้องท้า วิเวียนกระโดดเข้าไปล็อกคอเด็กหนุ่มพ้อมกับยิ้มยิงฟัน
“แบร่..จับได้แล้วย่ะ!”
“ฮ่าๆๆๆๆ!”
“ฮ่ะๆๆ..”
. . .
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น