ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -:-ThE [L]egend Of CursE-:-

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 : วิกฤตการณ์ยามเช้ากับโลกหลังความตาย!?

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 48


       แสงอาทิตย์สาดแสงเข้ามาในห้องเล็กๆ แดดเล็ดลอดมาทางหน้าต่างเข้ากระทบกับใบหน้าของเด็กหนุ่มผมยาวสีน้ำตาลทองที่นอนหลับอย่างสบายใจเฉิบบนเตียง



    “ฟรี้..ฟรี้...” เสียงลมหายใจฟังดูเหมือนเจ้าของเตียงจะไม่ได้เตรียมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้เลย..



    ปิ๊งป่องง..ง....



       เสียงกระดิ่งดังมาจากหน้าประตูห้องของเด็กหนุ่ม แต่ท่าทางเจ้าของห้องจะไม่ได้ยินและถึงได้ยินก็คงไม่ใส่ใจเท่าไรละกระมัง



    ปิ๊งป่องง..งง..ง...



       เสียงกระดิ่งดังกว่าเก่า เด็กหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยราวกับว่าได้ยินเสียงกระดิ่งเขาแต่กลับคิดว่าแค่หูฝาดไปเองก่อนจะซุกตัวลงไปในผ้าห่มสีฟ้าที่หนานุ่มขอบชีส(ง่ะ มั่วแหล่ว ผ้าห่มหรือพิซซ่านิ)



    ปิ๊งป่องๆๆๆๆ!..งง..ง....



       แขกผู้มาเยือนกดกระดิ่งหน้าห้องเป็นชุด แต่ผ้าห่มที่เรย์ใช้ห่มเป็นปอเปี๊ยะนั่นดูจะกันเสียงจากกระดิ่งนั่นไปหมดสิ้น ในที่สุดผู้มาเยือนก็หมดความอดทน ไม่ว่าจะด้วยความโกรธหรือความเป็นห่วงก็แล้วแต่ มาสเตอร์การ์ดถูกดึงออกมาจากกระเป๋าของผู้มาเยือน



    กุกกักๆ..ๆ..



       ไม่กี่วินาทีต่อมา ประตูห้องนอนของเด็กหนุ่มก็ถูกเปิดออกเบาๆ ผู้มาเยือนเดินอย่างเฉียบเชียบมายังเตียงของเรย์ ทีละก้าว ทีละก้าว..



    “อืม.. งืมๆ..” เรย์พลิกตัวไปมาตัวผ้าห่ม



       แขกไม่ได้รับเชิญรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของเจ้าของห้องแล้ว รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากนั้น ผู้มาเยือนย่างสามขุมไปที่เตียงของเรย์ทีละน้อยๆ.. และทันทีที่เขาไปถึงเตียงของเรย์ เขาก็ค่อยๆยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆหูของเด็กหนุ่มทีละน้อย.. และทันใดนั้นเอง!!



    “เรย์~~~!!! ตื่นได้แล้วววววว!!!!!”



    “เหวอเอ๋อออ!!”
    เรย์สะดุ้งโหยงก่อนจะตะเกียกตะกายขึ้นมาจากผ้าห่มที่พันตัวเขาเป็นปอเปี๊ยะ ดวงตาสีครามเบิกโพลงขณะที่เส้นผมสีน้ำตาลทองด้านหลังตั้งเด่ขึ้นมาเส้นสองเส้น



    “อรุณสวัสดิ์จ้าเรย์~ (^^) “ เด็กสาวเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม ผมยาวสรวยสีน้ำตาลแดงสะบัดไปมา



    “..พ..พี่วิเวียน..” เรย์เหงื่อตก หน้างี้แดงแป๊ด “ม..มาได้ไง..”



    . . .



    “แหม เช้าๆยั่งงี้เอาแต่นอน แทนที่จาตื่นมารับแสงแดดและวิตามินดี~ อื้ม~” เด็กสาวบิดขี้เกียจพร้อมกับยิ้มยิงฟันให้เรย์ที่ตอนนี้ล้างหน้าเรียบร้อยแล้ว



    “แฮะๆ.. เมื่อวานนอนเที่ยงคืนกว่าน่ะครับ” เรย์ยิ้มแห้งๆยังตกใจไม่หาย



    “อ้าว ได้งาย เมื่อวานช่วยงานคุณปู่กันมาก็เหนื่อยจะตาย แทนที่จารีบนอน มัวแต่ไปทำอะไรอยู่ยะตาบ้า” วิเวียนสวดเป็นชุดพร้อมกับเดินดูห้องนอนของเรย์



    “ขอโต๊ดงับ..” เรย์หน้าหงอย



    “อ้าว เรย์อ่านกะเค้าด้วยเหรอเล่มนี่อ่ะ?” วิเวียนเอ่ยถามก่อนจะยกหนังสือประวัติศาสตร์เทพนิยายขึ้นมา เรย์เงยหน้าขึ้นมาทันที



    “อ๊ะ นั่นมัน.. เอ่ออ..อ..” เรย์พูดตะกุกตะกักก่อนจะผงกศีรษะหงึกๆ



    “กำเนิดดาร์คเอลฟ์? หืม~ อ่านหน้านี้ด้วยเหรอ พี่อ่ะไม่ค่อยสนพวกเผ่านี้เท่าไหร่เลยอ่านผ่านๆ” เด็กสาวมองหน้าที่เปิดทิ้งไว้



    “เอ๋? เมื่อวาน ผม.. ไม่ได้อ่านนะฮะหน้านี้ สงสัยลมมันจะพัดไปเอง” เดาเก่งมากเรย์



    “เหรอ~” วิเวียนส่งหนังสือให้เรย์ดู



    “. . .” เรย์ยืนอ่านหน้านั้นเงียบๆขณะที่วิเวียนหยิบเครื่องรางเทวีอีวาขึ้นมาดู



    “เทวีอีวานี่นา” วิเวียนเอ่ยลอยๆโดยไม่ได้เข้าหูเรย์ที่เริ่มอ่านอย่างเอาเป็นเอาตายเลย



       ‘หลังจากที่อสูรกายเสื่อมอำนาจและถูกทำลายโดยความพิโรธของเทพีไอน์ฮัสซัด เผ่าเอลฟ์ก็ขึ้นคุ้มอำนาจและจัดการความสงบเรียบร้อย ทว่าเผ่าออร์คก็ทำงายความสงบนั้นเสียด้วยความคิดที่ว่า “เผ่าเอลฟ์แข็งแกร่งกว่าเรารึ เปล่าเลย แล้วทำไมต้องอยู่ใต้อำนาจของเผ่าที่อ่อนแอกว่าเล่า?” ด้วยความคิดเช่นนั้น ออร์คจึงเริ่มทำสงครามชิงอำนาจกับเอลฟ์ เอลฟ์ได้พ่ายแพ้และไปตั้งมั่นในป่า หลายส่วนพอใจกับความสงบสุขในป่าและไม่ประสงค์จะทำสงครามอีก เรียกว่าพวกTree Elves แต่พวกที่ยังคงเคียดแค้นและต้องการทำสงครามกับออร์คอีกครั้งหรือฝ่ายBrown Elves ได้ร่วมมือกับพ่อมดเผ่ามนุษย์ที่เข้ามายุยงและสอนมนต์ดำให้แลกกับชีวิตอมตะ’



       ‘เมื่อTree Elvesรู้เข้าจึงขับไล่Brown Elvesออกไปจากใต้ร่มเงาต้นไม้มารดาที่ให้กำเนิดเอลฟ์ทั้งหมด พวกBrown Elvesได้ไปตั้งรกรากที่ป่าลึกและทำสงครามกับTree Elvesแต่ก็พ่ายแพ้ให้แก่พลังคำสาปของศัตรู ถิ่นที่อยู่ของBrown Elvesจึงมีสภาพแห้งแล้งผุพังเพราะพลังคำสาปจนBrown Elvesต้องหนีไปอาศัยใต้ดินในอุโมงค์ที่สร้างขึ้นมา และในที่สุดBrown Elvesเผ่าพันธุ์แห่งความมืดก็ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับTree Elvesภายใต้นามใหม่คือ Dark Elves..’



       ทันทีที่อ่านจบ เรย์ก็รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าสู้สมองของเขาอีกครั้ง! และครั้งนี้ก็รุนแรงกว่าครั้งที่เขารู้สึกที่ห้องพยาบาลเมื่อครั้งมาที่นี่ครั้งแรกมากนัก!! เด็กหนุ่มรู้สึกตัวว่าเขากำลังทรุดตัวลงคุกเข่า มือทั้งสองกุมศีรษะแน่น!!



    “อึ๊ก!!” เรย์หลับตาแน่น ภาพความทรงจำเกี่ยวกับผู้คนที่มีผิวสีเทานั้นวกกลับเข้ามาอีกครั้ง มันดูชัดเจนยิ่งกว่าเมื่อวาน พวกเขามีใบหูเรียวยาว บางคนเหลือบมองเขาดวงตาสีนิลและยิ้มน้อยๆให้เหมือนกับยิ้มให้เด็กๆ เขาเห็นภาพเมืองใต้ดินที่มีรูปปั้นของเทพแกรนไคน์ซึ่งมีประกายไฟฟ้าสีเงินวนรอบรูปปั้นจากด้านล่างไปด้านบน เห็นภาพดินแดนป่าที่แห้งแล้งและเงียบเหงา ภาพวิหารที่มืดมิดเมื่อเข้าไปภายใน เขาก็เห็น.. ภาพรูปปั้น..ของเทวีชิลเลนและเทวีอีวา.. “อ่ะ.. อ..”



    “เรย์..!?” วิเวียนหันมามองเรย์ด้วยสีหน้าที่ดูตกใจ



    “อ๊าาาากกก!!!” เรย์แผดเสียงดังไปทั่วทั้งห้อง!



    “เรย์!!!” วิเวียนกรีดร้องลั่นแทบจะเผลอปล่อยเครื่องรางในมือทิ้ง เธอพุ่งเข้าไปหาเรย์ที่ใช้สองมือกุมหน้าผากราวกับหัวจะระเบิด!



    “อ.. อ๊าาาากก!!!” เรย์เบิกตากว้างอย่างทรมาน.. ทรมาน..



    “เรย์!!? เป็นอะไรไปเรย์!? ทำไปดีๆไว้นะเรย์!!! เรย์!!” วิเวียนร้อง “ได้ยินพี่มั้ยเรย์!!!?”



    “อ๊าาาาากกก!!!” เด็กหนุ่มยังคงกรีดร้อง ภาพตรงหน้าทำให้วิเวียนปวดใจเหลือเกิน เธออยากจะช่วยเรย์ แต่เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร..



    “โธ่เอ๊ย! เรย์!!! ทำใจดีๆไว้!!” วิเวียนรีบกดมือถือโทรไปหาคนแรกที่เธอนึกเบอร์ได้



    . . .



    “ฮัลโหล.. วีวี่เหรอ?” อาโนลด์ยิ้มขณะรับสาย ก่อนรอยยิ้มจะจางหายไปหมดเมื่อสังเกตว่าวิเวียนไม่โกรธและยังมีท่าทีร้อนรนด้วย “เฮ้! เกิดอะไรขึ้นวิเวียน!? ใจเย็นๆแล้วค่อยๆเล่าซี่!!!”



    “เรย์เป็นอะไรไม่รู้นายรีบมาช่วยเร็วซี่!!!” วิเวียนตะโกนใส่มือถือ น้ำตาเริ่มคลอ



    “พาหมอนั่นไปนอนพักก่อน!! เดี๋ยวชั้นรีบไป!!!” อาโนลด์สั่งด้วยท่าทีสุขุมกว่าปกติก่อนจะวางสายแล้วรีบวิ่งออกไปจากห้อง เด็กหนุ่มรอลิฟต์ไม่ไหวเลยรีบกระโจนลงบันไดไปห้องของเรย์ที่ชั้นล่าง





    “อ๊ากก อ..อ๊าาาาากกกก!!!” เรย์ยังคงดิ้นทุรนทุราย หูของเขาไม่ได้ยินเสียงของวิเวียนที่กำลังร้องไห้แล้ว ไม่ได้ยินอะไรเลย.. สติของเขากำลังจะหลุดลอยไป..



         ทำไม..ไม่ได้ยินอะไรเลย..



             ทำไมถึงได้..ร้อน..



                หน้าผากมัน..ร้อน..



                   เหมือนกับ..ถูกไฟเผา…



                      รู้สึกทรมานเหลือเกิน....



                          ใครก็ได้.... ช่วยด้วย....!!



          ช่วยด้วย..



             ช่วยด้วย...



                ช่วยด้วย....!

                   ช่วยด้วย....!!




    “อ๊าาาาาากกกกกกกกกกกกก!!!!!!!” เรย์แผดเสียงลั่นก่อนจะสลบแล้วนอนแน่นิ่งไป!



    “เรย์!!!” วิเวียนเผลอเอามือปิดปากตัวเองก่อนจะรีบพลิกตัวเรย์ให้นอนหงาย “เรย์!!? ไม่เป็นไรนะ!!!? ตอบพี่สิเรย์!!.. ตอบสิ!..ฮึก..” วิเวียนร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอเขย่าตัวเรย์ก่อนจะลองเอามือทาบหน้าผากเขา ‘ร้อนจี๋เลย!!?’



       สีหน้าของวิเวียนซีดลงไปทันที อุณหภูมิร่างกายของเรย์ร้อนเกินไปแล้ว! มันไม่น่าเป็นไข้ธรรมดาแล้ว เด็กสาวรีบวิ่งไปเอาผ้าขนหนูในห้องน้ำไปชุบน้ำอุ่นแล้วนำไปวางบนหน้าผากเรย์ที่นอนสลบ มันร้อนจนดูเหมือนเรืองแสงสีแดงออกมาเป็นรอยอะไรบางอย่างแต่วิเวียนไม่ได้ใส่ใจ เธอวิ่งไปรออาโนลด์หน้าห้อง ประจวบเหมาะกับที่เด็กหนุ่มวิ่งมาถึงพอดี



    “เร็วเข้า! รีบพาเรย์ไปห้องพยาบาลเร็ว!” เขาสั่ง วิเวียนพยักหน้าก่อนจะพาอาโนลด์วิ่งไปที่ห้องนอนของเรย์ ทั้งคู่ช่วยกันยกตัวเรย์ไปที่ลิฟต์



    “เฮ้ย! ไอ้เรย์!? เป็นอะไรไป!?” แรนดอลฟ์ที่เดินออกมาจากห้องด้านหน้าพอดีร้องถาม



    “แรนดอลฟ์! กดลิฟต์รอให้ที! เร็ว!!” อาโนลด์ตะโกนสั่ง แรนดอลฟ์พยักหน้าก่อนจะวิ่งไปกดลิฟต์ รูดอลฟ์วิ่งตามออกมาจากห้องติดๆ ก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนที่กับวิเวียนและช่วยอาโนลด์แบกเรย์ลงลิฟต์ไปพร้อมกับแรนดอลฟ์และวิเวียน ทุกคนมีสีหน้ากังวลทั้งนั้น แรนดอลฟ์เองก็ไม่กล้าซักถามอะไรมากเมื่อเห็นใบหน้ามีคราบน้ำตาของวิเวียน



    ‘เรย์..อย่าเป็นอะไรไปนะ..’



    . . .



       ที่นี่..ที่ไหน.. ทำไมเรา..ไม่รู้สึกอะไรเลย.. ไม่ร้อนแล้ว.. แต่ทำไม.. ยังไม่ได้ยิน..อะไรเลย..



    “..ลืมตาได้แล้วละมั้ง?” เสียงจากชายคนหนึ่งดังแว่วมา เรย์ค่อยๆลืมตาอย่างยากลำบากราวกับเปลือกตาเขามันหนักเท่าแท่งเหล็ก



    “อึ้บ..” เรย์ค่อยๆยกตัวขึ้นมาก่อนจะมองไปรอบๆ เด็กหนุ่มมีสีหน้าแปลกใจ เขากระพริบตาปริบๆพร้อมกับสะบัดศีรษะ แต่ภาพเบื้องหน้าเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง เขา ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ (หวังว่านะ) กำลังนั่งอยู่บนก้อนเมฆสีขาวเหนือท้องฟ้า.. !?



    “ฮึๆ ทำเหมือนไม่เคยเห็นเมฆงั้นแหละ” ชายหนุ่มคนเดิมเอ่ย เรย์หันไปหาเขา ชายคนนั้นเป็นคนที่มีผิวสีเทาใบหูเรียวยาว ผมสีน้ำตาลแดงเข้มยาวถึงกลางหลัง ดวงตาสีดำขลับมองเขาอย่างเอ็นดูราวกับรู้จักกัน บนหน้าผากของเขามีรอยสักสีดำรอยปีกมาร..



    “คุณเป็นใคร?..” เรย์เลิกคิ้ว



    “หึๆ ก้อแค่พานายมา ทัศนศึกษา โลกของฉันน่ะ” ชายคนนั้นยิ้มยิงฟันพร้อมมองไปรอบๆ



    “ไม่เห็นมีอะไรเลยนอกจากเมฆ..” เรย์พึมพำ



    “อืมใช่ โลกภายหลังความตายมันก็เป็นแบบนี้นี่แหละ มีเพียงแต่ความว่างเปล่า” ชายคนนั้นยังคงยิ้มพร้อมกับพยักหน้า



    “อืม โลกหลังความตาย.. หา? (=\"=! ) ” เรย์ผงกศีรษะก่อนจะร้องเสียงแข็ง



    “อ๊ะฮ่าๆๆๆๆๆ!” ชายผมยาวคนนั้นหัวเราะลั่นพร้อมกลิ้งตัวไปกับเมฆก่อนเขาจะลอยตัวขึ้น



    “อ่ะ.. นี่มันอะไรกันแน่เนี่ย..” เรย์เริ่มขอบตากระตุก เขาตายแล้วเหรอ?



    “ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องห่วง นายยังไม่ตายหรอกน่า” ชายหูยาวยิ้มแยกเขี้ยว เขาพลิกตัวลอยไปมา



    “คุณเป็นดาร์คเอลฟ์เหรอครับ?”



    “ถู-กต้อง” เขายิ้ม



    “แล้ว ผมตายแล้วเหรอ? ถ้างั้นทำไมไม่เห็นมีคนอื่นเลย?” เรย์ถามต่อพร้อมกับเหลียวมองไปมา ชายผมยาวจ้องเขาตาแป๋วก่อนจะปล่อยก๊ากลั่น



    “วะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ!! นายนี่ตลกกว่าที่ชั้นคิดไว้นะเนี่ย”



    “หา? (= =’) “



    “โอเคๆ ชั้นเล่าให้ฟังเองละกันนะ” ดาร์คเอลฟ์หนุ่มเอ่ย เรย์พยักหน้า “ใช่ ที่นี่คือโลกหลังความตาย ตอนนี้ร่างกายนายกำลังอยู่ในห้องพยาบาล ส่วนที่นั่งเอ๋ออยู่ตรงนี้กับชั้น..” เขาเว้นวรรคพร้อมจิ้มที่หน้าผากเรย์ “คือ จิต ”



    “หมายความว่าไง ผมยังไม่เข้าใจ” เรย์ขมวดคิ้ว



    “อืม~ ประมาณว่า ผลกระทบจากคำสาปมันทำให้นายอาการหนักจนสติหลุดลอยไปและอยู่ในช่วงระหว่างความเป็นความตาย..” ชายหนุ่มอธิบายเป็นชุดก่อนจะถอนหายใจ “ก้อ..ประมาณนี้แหละ”



    “. . .” เรย์นิ่งอึ้ง เขาอ้าปากจะถามว่า คำสาปอะไร? แต่ดาร์คเอลฟ์ก็ขัดขึ้นมา



    “จายเยนๆไอ่-น้อง~!” ดาร์คเอลฟ์ลากเสียงพร้อมตบหลังเรย์ “ถ้าเป็นไรไปก็จะได้มาอยู่เป็นเพื่อนชั้นไง.. ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นน่ะๆ”



    “เหอๆ” เรย์ขำไม่ออก เด็กหนุ่มก้มหน้า ดาร์คเอลฟ์เองก็สังเกตถึงจุดนี้ เขานิ่งเงียบไปสักพัก



    . . .



    “..เจ้าหนู” ชายผมยาวเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ



    “ครับ?” เรย์เงยหน้าขึ้นมา ดาร์คเอลฟ์ยิ้มที่มุมปาก



    “..อยากกลับมั้ย?..” เขาถาม ง่ายๆสั้นๆ แต่ทำให้เรย์ยิ้มออก



    “อยากสิครับ” เรย์พยักหน้าหงึกๆ



    “ถ้าอย่างนั้น..” ดาร์คเอลฟ์ลุกขึ้นมายืนบนเมฆพร้อมกับโอบเมฆก้อนนึงขึ้นมาปั้นเป็นอะไรซักอย่าง เขาเหลือบตาขึ้นมามองหน้าเรย์ “สู้กับข้า”



    “หา?” เรย์อ้าปากค้างหน่อยๆแต่ดูท่าดาร์คเอลฟ์จะไม่ได้ล้อเล่นอีก เด็กหนุ่มจ้องตากลับไป



    “เอ้า ดาบของเจ้า” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมโยนดาบสองคมสีเงินเล่มใหญ่ที่สลักลวดลายไว้ ดาบที่ถูกพบพร้อมกับเรย์ เด็กหนุ่มรับมันมาไว้ในมืออย่างงุนงง “ดาบ ‘ลีโอทาลอนส์’ ดาบดีนะจะบอกให้”



    “มันอยู่ที่ห้องผมไม่ใช่เหรอ?” เรย์ขมวดคิ้ว นอกจากนี้ ชายคนนี้รู้ชื่อดาบของเขาทั้งๆที่ตัวเขาเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำได้ยังไงกัน?



    “หึ ที่นี่เป็นโลกของข้า อยากให้มีอะไรก้อย่อมได้” ดาร์คเอลฟ์หัวเราะเบาๆก่อนจะสะบัดกลุ่มเมฆที่เขาปั้นเมื่อกี้ มันกลายเป็นดาบสีขาวเล่มหนึ่ง



    “ขอถาม” เรย์เอ่ยขึ้น



    “ไม่อนุญาต” ดาร์คเอลฟ์ยิ้มกวนๆ เรย์ทำหน้าบูด



    “ทำไมผมต้องสู้กับคุณ”



    “ข้าอยากทดสอบฝีมือของเจ้า”



    “ก้อยังไม่เข้าใจอยู่ดี” เรย์ชักดาบออกจากฝักหนัง



    “งั้นก็จงงงต่อไป” ชายหนุ่มยิ้มกวนประสาทพร้อมตั้งท่าสู้



    “ผมไม่ออมมือนะ”



    “มาเลย”
    ดาร์คเอลฟ์ยิ้ม



    เคร้ง!!!



       ดาบสีเงินพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของดาร์กเอลฟ์ แต่ดาบสีขาวของเขาก็ขึ้นมากันไว้อย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มมองตาเรย์แล้วก็ยิ้ม เด็กหนุ่มแยกเขี้ยว ดวงตาสีครามของเรย์บัดนี้ดูราวกับตาของสิงโต ดาบสีเงินในมือเรย์แผ่จิตสังหารออกมาเต็มไปหมดราวกับมีชีวิต



    “เฮะ ใช่ได้นี่ แต่ล้มข้าไม่ได้หรอกนะความเร็วแค่นั้นน่ะ..”



    ฉับ!!..



       ร่างของดาร์คเอลฟ์ถูกดาบของเรย์ตัดขวางเป็นสองท่อน!! ดวงตาของเรย์ดูเย็นชากว่าปกติ เหมือนเขาจะเลือดเย็นขึ้นมาก ทว่า ร่างที่ขาดเป็นสองท่อนนั้นกลับกลายสลายเป็นเมฆ!!



    “อ่ะ..!” เรย์ผงะก่อนจะหันกลับไปข้างหลังตามสันชาตญาณ และตามคาด เขาพบดาร์คเอลฟ์ผมยาวกำลังนั่งยองๆอยู่ข้างหลังเขา



    “หืม~ โหดเอาเรื่องนี่เรา” ชายหนุ่มยิ้มแป้นก่อนจะกระโดดตีลังกากลับหลังหลบดาบของเรย์!



    ฟึบ!!



    ฟึบ!!!

    ฟึบ!!!!




    “. . .” เรย์จ้องดาร์คเอลฟ์เขม็ง ตีลังกาหลบได้ถึงสามครั้งโดยไม่มีทีท่าว่าจะหายใจสะดุดแม้แต่น้อย ประมาทไม่ได้จริงๆ..



    “อะไรก๊าน~? จ้องซะน่ากลัวเชียว~” หนุ่มผมยาวสีน้ำตาลแดงเข้มยังคงพูดแซวเรย์อย่างไม่ยี่หระ



    ฉับ!!!!



       ดาบสีขาวขาดเป็นสองท่อน! ดาร์คเอลฟ์เองก็ดูจะคาดไม่ถึง ตาสีดำมองดาบที่อยู่ในมือซึ่งตอนนี้เหลือแต่ด้าม เรย์จ้องหน้าเขาเขม็ง



    “หึๆๆๆ..” ดาร์คเอลฟ์หัวเราะ “ฮ่าๆๆๆๆๆ!!!”



    “. . . ?(= =’ ) ” เรย์เลิกคิ้ว



    “ฮ่าๆๆ ไม่ผิดหวังเลยแม้แต่นิดเดียว เยี่ยมมาก ฮ่ะๆๆๆ”



    “คุณคาดหวังอะไรไว้กับผมรึไง?” เรย์ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว



    “ก้อทำนองนั้น” ดาร์คเอลฟ์ยิ้มยิงฟัน  “เจ้าชนะแล้วเจ้าหนู”



    “. . .” เรย์ถอนหายใจและนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะยิ้มยิงฟันและหัวเราะบ้าง “อิอิ”



    “ตามสัญญา ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่ร่าง ป่านนี้เพื่อนเจ้าห่วงเจ้าตายเลยนะเนี่ย~” ชายหนุ่มแซว



    “แฮะๆ” เรย์ยิ้มแหยๆ



    “โดนเฉพาะคนนี้ท่าทางจะห่วงเจ้าจังนะ พี่สาวแท้ๆรึก้อม่ายช่าย~” ดาร์คเอลฟ์เอ่ยขึ้นพร้อมเอาเมฆกลุ่มนึงขึ้นมา ทันทีที่เขาเป่าลมใส่กลุ่มเมฆก็สลายออกไปบางส่วนเป็นรูปใบหน้าของวิเวียน



    “. . .” เรย์ยืนนิ่งพร้อมเหม่อมองก้อนเมฆในมือดาร์คเอลฟ์



    “โอ๊ะโอ๋~ สงสัยจะเริ่มอีกแล้วสินะ โรคติดพี่?” ดาร์คเอลฟ์แซว เรย์เอะใจขึ้นมา



    “เราเคยรู้จักกันเหรอครับ?”



    “. . .” เมื่อดาร์คเอลฟ์จะรู้ตัวว่าแซวเพลิน เขารีบเปลี่ยนเรื่อง “เอ้า เตรียมตัวนะ ข้าเห็นฝีมือเจ้าพอแล้ว ระดับนี้คงไม่มีไรต้องห่วง จะส่งเจ้ากลับไปละนะ”



    “เดี๋ยวครับ! คุณเป็นใคร!?” เรย์ค้านขึ้นพร้อมเดินเข้าไปหาดาร์คเอลฟ์ แต่ทว่าร่างของชายหนุ่มผมยาวค่อยๆลอยห่างออกไป



    “ยังหรอก นายยังไม่จำเป็นต้องรู้ในตอนนี้หรอก~” เขาส่งยิ้มอย่างอบอุ่นให้เรย์ เหมือนเป็นยิ้มที่คุ้นเคยแต่เรย์จำไม่ได้ว่าเคยรู้จักเขาที่ไหน “โชคดีนะ เจ้าเข้มแข็งขึ้นมาก..”



    “เฮ้! เดี๋ยวซี่!! คุณเป็นใคร!? แล้วคำสาปที่พูดถึงตอนแรกคืออะไร!?” เรย์ออกวิ่งตามชายหนุ่มไป แต่เหมือนตามเท่าไหร่ๆก็ไม่ทัน



    “ระวังล่ะ~ เดี๋ยวจะสะดุด มัวแต่วิ่งไม่มองพื้น” ดาร์คเอลฟ์ยิ้ม



    “คุณเป็นใคร!? ตอบผมก่อน!!” เรย์เร่งฝีเท้า แต่ระยะห่างก็ไม่ได้ลดลงเลย



    “จงเข้มแข็งขึ้น.. เพื่อล้างคำสาปของตระกูล..” ชายหนุ่มผมยาวพึมพำคำอวยพรก่อนจะหายไปท่ามกลางกลุ่มเมฆที่ค่อยๆเลื่อนเข้ามาบัง



    “เดี๋ยว!!!.. อ๊ะ!!” เรย์ร้องเรียกก่อนจะรู้สึกตัวว่าพื้นที่เขาเหยียบไม่สามารถคงรูปไว้ได้ เมฆบางๆที่ใต้เท้าเรย์แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนเด็กหนุ่มจะเสียหลักพลัดตกลงไป! “อว๊ากๆๆๆ!!!”



    “..จงเข้มแข็ง.. เพื่อตระกูล..” เสียงจากดาร์คเอลฟ์ดังก้องขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่เรย์ที่กำลังตกใจในตอนนี้ไม่ได้ยิน แม้แต่นิดเดียว..



    “อ๊าาากกก!!” เรย์ร้องตะโกนขณะร่วงลงมา อีกนิดเดียวก็จะโหม่งโลกแล้ว!? พริบตาที่ศีรษะจะกระแทกพื้นนั่นเอง!! “อ๊าาาาาาากกก!”



       เรย์เบิกตากว้าง เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากเตียงอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มหอบแฮ่กพร้อมกับมองไปรอบๆก่อนจะสังเกตว่าบรรดาเพื่อนๆที่มาล้อมรอบเตียงสะดุ้งตกใจกับการที่เขาฟื้นแล้วลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เรย์สังเกตเห็นว่าคนที่ตกใจที่สุดคงเป็นวิเวียนที่นั่งเฝ้าเขาใกล้ที่สุดนั่นแหละ เพราะเธอหยุดร้องไห้ไปซะอย่างงั้น เด็กหนุ่มหัวเราะแฮะๆ



    “อ่ะ..คือ..” เรย์กำลังจะขอโทษที่ทำให้ตกใจกัน เป็นคนป่วยยังต้องมาขอโทษอีกรึเนี่ย.. ทว่า



    “เรย์!!” วิเวียนร้องขึ้นพร้อมดึงตัวเรย์ไปกอดแน่น น้ำตาพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย เรย์ได้แต่นั่งอึ้ง



    “ไอ้เรย์!” แรนดอลฟ์ยิ้มกว้าง



    “ฟื้นแล้ว!” รูดอลฟ์ร้องบอกพรรคพวกข้างนอก พริบตานั้นเองที่แรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเกิดขึ้นมาหน้าห้องพยาบาล



    “ไอ้เรย์!” อาโนลด์วิ่งเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม



    “ทักเหมือนชั้นทำไมอ่ะ” แรนดอลฟ์หันไปหาอาโนลด์



    “เออน่ะ” เด็กหนุ่มตอบปัด



    “ปลอดภัยก็ดีแล้วละนะ” แคลร์ยิ้มให้เรย์ เด็กหนุ่มกำลังจะยิ้มตอบ แต่ต้องยิ้มไม่ออกเมื่อเห็นสามสาวมหาภัยขนขนมมาเยี่ยมซะอลหม่าน



    “เรย์จ๋า~~~~~~!!!” เจน เฮเลนและไอรีนประสานเสียง เรย์กำลังจะเขยิบตัวหนีแล้ว แต่



    “อย่ามายุ่งก่ะน้องช้านนนน!” วิเวียนปาดน้ำตาแล้วแยกเขี้ยวทำเอาสามสาวกระเด็นไปไกล



    “ฮ่าๆๆๆๆ!” ทุกคนหัวเราะกันครื้นเครง เรย์ยิ้มกว้าง



    “พี่วิเวียน..”



    “จ๋า? มีไรเหรอเรย์?”



    “คือ.. ขอโทษนะฮะที่ทำให้เป็นห่วง” เรย์เกาแก้มพร้อมกับหันไปทางอื่น



    “. . .” วิเวียนไม่พูดอะไรเพียงแต่นั่งนิ่งมองหน้าเรย์



    “โห่เลยไอ้เรย์ มาถึงทำเป็นพระเอกลิเกไปด้ายยย” แรนดอลฟ์ปราดเข้าไปฟาดหลังเรย์ดังป้าบๆๆ



    “แหงะ เจ็บนะเฟ้ย” เรย์แยกเขี้ยวมั่ง



    “ต๊ายตาย ลิเกคณะไหนเอ่ยจะเอาพวงมาลัยไปให้” แคลร์แซว รูดอลฟ์ก็ด้วย ไปหาพวงมาลัยมาจากไหนไม่รู้มายื่นให้ ทำเอาทุกคนฮากันกลิ้ง



    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”



    . . .



    “เรย์” วิเวียนเอ่ยขึ้นเบาๆพอให้ได้ยินแค่สองคน



    “ครับ?” เรย์ขานรับเบาๆ



       เด็กสาวค่อยๆยื่นหน้าไปใกล้ๆหน้าเรย์ที่กำลังเริ่มหน้าแดงก่อนจะ..



    “คราวหลังอย่าทำให้เป็นห่วงอีกนะ (^^*) “ หยิกแก้มเรย์ซะแดง&บวมฉึ่ง..



    “ค้าบ.. (TT-TT) “



    “คราวหน้าแก้มบวมสองข้างแน่” วิเวียนขู่พร้อมแลบลิ้น



    “ฮ่ะๆๆๆๆ” เรย์หัวเราะอย่างมีความสุขร่วมกับทุกคน.. บรรยากาศดูครื้นเครง แต่ไม่มีใครรู้ใจเรย์เลยว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่.. ในใจเด็กหนุ่มยังครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่.. โลกหลังความตายกับดาร์คเอลฟ์คนนั้นเป็นเพียงแค่ความฝันรึเปล่านะ.. เรย์แอบถอนหายใจเบาๆ ‘คำสาป..เรอะ..’





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×